คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 มัจจุราชลงทัณฑ์ (ตีพิมพ์ สนพ ทัช)
บทที่ 1 มัจจุราชลงทัณฑ์
รถกระบะสีเงินคันเก่าที่รอวันผุพังกำลังมุ่งหน้าเข้าไปในป่าทึบด้วยความเร็ว เข็มชี้วัดความเร็วบอกตัวเลขหนึ่งร้อยแปดสิบและตัวเลขมันคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รถยนต์คันนี้ยังคงขับพุ่งทะยานต่อไป ถึงแม้จะเจอหลุมเจอบ่อก็ไม่ลดความเร็ว ซึ่งทำให้หญิงสาวในรถต้องเจ็บตัวและร้องโอ๊ยออกมา เพราะกระแทกไปกับรถซ้ายทีขวาที แถมตัวของเธอยังถูกมัดและถูกปิดปากไว้ด้วยผ้าหนา
ชายหนุ่มผู้ขับรถไม่ได้สนใจเสียงร้องที่เจ็บปวดของหญิงสาวที่ถูกมัด ยังคงขับรถด้วยความเร็ว ถึงแม้ว่าเสียงที่หญิงสาวร้องออกมามันจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็น่าจะรู้ว่าเธอนั้นเจ็บที่ร่างกระแทกกับรถ
หญิงสาวเจ็บทั้งตัวและรู้สึกหวาดกลัวไปหมด เธอไม่รู้จริงๆ ว่าชายคนนี้จับตัวเธอมาทำไม ทั้งๆ ที่เขาและเธอไม่เคยเจอกันมาก่อน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเธอกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน แต่ทว่าก็ถูกเขาจับตัวมาซะก่อน
ล้อรถแล่นไปได้ไม่นานรถก็ได้หยุดลง ชายหนุ่มผู้มีหนวดเครารกใบหน้ารีบลงจากรถ แล้วอุ้มหญิงสาวพาดบ่าเข้าไปในป่ารกทันที
ฝ่ายคนที่ถูกอุ้มทั้งดิ้นและใช้มือน้อยที่ถูกมัดทุบตีชายหนุ่มที่จับตัวของเธอมา หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวไปหมด ยิ่งตอนที่ชายคนนี้จ้องมองมา เธอก็ยิ่งกลัว และอยากจะให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น เพราะสายตาที่เขามองมามันเป็นดั่งสายตาของมัจจุราช ผู้ที่จะกลืนกินวิญญาณ
ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งมัจจุราชคนนี้ยังคงเดินเข้าไปในป่าทึบ เขาเดินไปเรื่อยๆ ไม่หยุดพัก และเมื่อเจอกิ่งไม้เขาก็ไม่หลบมัน เขาจงใจให้เธอถูกกิ่งไม้พวกนั่นทิ่มตำ ตอนนี้เนื้อตัวของหญิงสาวมีแต่รอยแดงช้ำไปหมดซึ่งมันขัดกับชุดเจ้าสาวสีขาวที่มีระบายลูกไม้รอบตัวที่ยาวจรดขา แต่ตอนนี้มีแต่โคลนและกิ่งไม้
หญิงสาวดิ้นเป็นพัลวันได้สักพัก เธอก็ถูกโยนลงกระทบกับพื้นเรือ แรงที่โยนเรียกว่าชายหนุ่มใส่เต็มๆ ไม่สนใจเลยว่ากระดุกของเธอจะหักไปกี่ท่อน จากนั้นไม่นานก็มีเสียงคำรามมาจากลำคอหนา
“ออกเรือได้” เมื่อสิ้นเสียงแข็ง เรือก็เคลื่อนตัวออกจากชายฝั่งทันที
ฝ่ายคนที่ถูกจับตัวมาก็ตัวสั่นงันงก เมื่อเห็นว่ามัจจุราชตนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ แถมยังใช้มือร้อนบีบที่แก้มสวย
“สวยดีนี่หว่า ว่าแล้ว ว่าทำไมมันถึงแต่งงานกับเธอ” พอพูดเสร็จ ชายหนุ่มก็แก้ผ้าที่ปิดปากของหญิงสาวออก และกดจูบร้อนๆ มาให้หญิงสาวที่นั่งตัวสั่น โดยไม่สนใจสายตาของลูกเรือที่กำลังมองมาสักนิด
เมื่อผ้าที่ใช้ปิดปากหลุด เรียวปากสวยก็กำลังจะเอ่ยถามและขอร้องให้เขาปล่อยตัวไป แต่ไม่ทันที่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ริมฝีปากของเธอก็ถูกชายหนุ่มครอบครอง ใบหน้าสวยพยายามเบี่ยงหน้าหลบจากการจูบ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาใช้มือหนารั้งท้ายทอยของเธอ แถมมือบางก็ถูกมัดไว้ เธอจึงไม่สามารถต่อสู้เพื่ออิสรภาพได้เลย ส่วนเสียงประท้วงก็หายไปในลำคอ
ชายหนุ่มบดเบียดจูบไปที่ริมฝีปากบางด้วยความหนักหน่วงและร้อนแรง เขาจูบเธออยู่นานกว่าจะผละออกห่าง แล้วก็แสยะยิ้มมาให้หญิงสาวที่ตอนนี้กำลังสูดหายใจเข้าปอด เพราะเขาจูบเธอ จนแทบขาดอากาศหายใจ “หวานจริงๆ พิศลดา” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวออกมาและฉุดกระชากให้มาที่ห้องเก็บของท้ายเรือ เขาลากเธอมาโดยไม่สนใจว่าจะมีเสี้ยนหรือไม้อยู่หรือเปล่า เขาลากตัวเชลยสาวมาพร้อมกับที่หญิงสาวร้องขอให้เขาปล่อยเธอไป
“ปล่อยลดาไปเถอะ ลดากลัว คุณจับลดามาทำไม?” ใบหน้าของคนที่อ้อนวอนมีแต่น้ำตาและรอยช้ำจากแรงบีบ และพลางนึกในใจว่าชายคนนี้รู้จักชื่อของเธอได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ เธอและเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วที่สำคัญทำไมเขาถึงจับตัวของเธอมา
“จับมาทรมาน จับมาทำเมีย พอใจเมื่อไหร่แล้วจะส่งขืนผัวเธอ” พูดเสียงแข็งกระด้าง พร้อมส่งสายตาเหยียดหยามมาให้ และจากนั้นก็โยนร่างของเชลยสาวเข้าไปในห้องเก็บของ ซึ่งมีแต่อุปกรณ์หาปลา แถมยังมีแต่กลิ่นคาวของปลา
“ปล่อยลดาเถอะ ลดาขอร้อง” หญิงสาวยกมือที่ถูกมัดขึ้นมาขอร้องและอ้อนวอนชายหนุ่มทั้งน้ำตา อ้อนวอนคนที่เธอไม่รู้ว่าคือใคร แล้วเหตุใดถึงต้องจับตัวเธอมา
“ปล่อยหรอ? ปล่อยแน่ แต่ฉันขอทำให้ผัวเธอมันเจ็บปวดจวนตายก่อนนะ แล้วฉันจะปล่อยเธอไป” เขาส่งยิ้มที่น่ากลัวมาให้
“ลดายังไม่มีสามี คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ปล่อยลดานะ ลดาเจ็บ”
“แน่ใจเหรอว่ายังไม่มี?” ชายหนุ่มย่อตัวลงมาถาม พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามไปให้
หญิงสาวพยักหน้ารับและบอกเขาว่าเธอยังไม่มีสามี
“แล้วไอ้ชุดที่เธอใส่ มันไม่ใช่ชุดเจ้าสาวเหรอ? แล้วคนอย่างไอ้ลูเซียร์มันคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่ ปานนี้คงยำเธอเละแล้วล่ะ ถึงยอมแต่งงานด้วย”
พิศลดาตกใจทันทีที่ชายที่มีแต่หนวดเครารกใบหน้าพูดถึงลูเซียร์ เจ้าบ่าวแสนดีของเธอ หญิงสาวลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน แต่งานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นโดยปราศจากความรัก มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้งานแต่งงานเกิดขึ้นซึ่งก็คือ เงิน เพราะเงินเท่านั้น โดยเงินที่ลูเซียร์หยิบยื่นให้เธอนั้นมันมีความสำคัญมาก และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เธอกับลูเซียร์ไม่ได้รักกัน เขาและเธอเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น งานแต่งงานจึงเกิดจากความจำเป็นของคนทั้งคู่ แต่ถึงอย่างไรแล้วหญิงสาวจะบอกชายตรงหน้าว่าอย่างไร จะบอกว่าเธอนั้นแต่งงานเพราะเงิน เธอก็ไม่กล้า แล้วเขาก็คงไม่เชื่อแน่ๆ และเธอก็ยังไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมชายตรงหน้าถึงพูดถึงลูเซียร์เจ้าบ่าวในนามของเธอแบบนั้น ทั้งๆ ที่เขาและลูเซียร์ไม่น่าจะรู้จักกัน เพราะชายหนุ่มอยู่แต่ในสังคมชั้นสูงและเขาก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แล้วจะไปรู้จักชายหนุ่มที่หน้าเหมือนโจรคนนี้ได้อย่างไรกัน
เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบ มือร้อนก็บีบที่คางสวยอย่างแรง ก่อนที่จะพูดออกไป “พูดไม่ออกเลยเหรอ พิศลดา” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงเงียบ ชายหนุ่มก็ปล่อยมือจากการบีบ แล้วหมุนตัวเพื่อหวังจะออกจากห้อง แต่ก่อนที่เท้าหนาจะออกจากห้องเก็บของไป ชายหนุ่มก็หันมาสั่งเสียงดังลั่น “อย่าคิดหนี เพราะอย่างไรเธอก็หนีฉันไม่รอด และถ้าไม่อยากจะเป็นเมียลูกน้องฉันทุกคน ก็อยู่แต่ในนี้แล้วทำตัวดี ๆ ฉันจะได้ไม่ต้องรุนแรงกับเธอ” ออกไปพร้อมกับเสียงร้องไห้ระงม ที่ไม่รู้ว่าเธอทำกรรมอะไรไว้ ทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
พิศลดาได้แต่นั่งร้องไห้ตัวสั่นไม่กล้าที่จะขยับไปไหนหรือร้องขอให้เขาปล่อยตัวไป เพราะกลัวคำขู่ของคนตัวโตที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา หญิงสาวกลัวว่าเขาจะให้ลูกน้องเข้ามาขืนใจ เพราะขนาดลูกน้องเขาอยู่เต็มไปหมด เขายังกล้าจูบเธอ แล้วแบบนี้คงกล้าที่จะให้เหล่าลูกน้องมาขืนใจเธอตามคำขู่นั้นจริงๆ
เสียงเครื่องยนต์ของเรือดังอย่างต่อเนื่องและเรือก็แล่นมาร่วมชั่วโมง หญิงสาวที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวของเธออยู่ที่ไหนและเรือแล่นไปทางใด มีสิ่งเดียวที่เธอรู้คือ ตอนนี้อยู่กลางทะเล เพราะกลิ่นไอของน้ำทะเลที่ลอยลอดผ่านมาทางรูเล็ก ๆ ที่ลอยเข้ามากระทบกับจมูกสวย
ไม่ว่าเวลาจะผ่านจากนาทีเป็นชั่วโมงอย่างไร น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโตก็คงยังไม่หยุดไหล หญิงสาวร้องไห้จนตาทั้งสองข้างบวมและแดงก่ำ แถมเสียงก็แหบพร่า จิตใจก็อยู่กับความหวาดกลัว พิศลดาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาคือใคร แล้วทำไมถึงต้องจับตัวของเธอมาด้วย รู้เพียงว่า เขาโกรธแค้นสามีในนามของเธอ แต่ทำไมต้องมาลงที่เธอด้วย หญิงสาวไม่เข้าใจ ได้แต่หาทางที่จะเอาชีวิตรอดจากชายน่ากลัวคนนี้ และที่สำคัญจะต้องทำอย่างไรเธอจึงจะหนีไปได้ ยิ่งคิดถึงทางรอดที่มันริบหรี่น้ำใสๆ ก็ไหลออกมาท่วมท้น
และไม่นานนักเสียงเครื่องยนต์ของเรือก็ดับลงพร้อมกับที่ประตูห้องเก็บของได้ถูกเปิดออก และคนตัวโตที่หญิงสาวหวาดกลัวก็เข้ามาอุ้มตัวของเธอพาดบ่า แล้วเดินออกจากห้องนั้นไป
คนที่ถูกอุ้มพาดบ่าพยายามดิ้นและร้องให้เขาปล่อย แต่ทว่าสิ่งที่เขาคำรามออกมา มันทำให้เธอหยุดร้องและหยุดดิ้นในทันที
“ถ้าไม่หยุดดิ้น ฉันจะให้เธอเป็นโสเภณีประจำเกาะ คงไม่ต้องบอกนะว่าทำหน้าที่อะไร คราวนี้ล่ะเธอได้รับแขกทั้งวันแน่” คำพูดของเขามันช่างโหดร้ายเหลือเกินสำหรับคนฟัง พิศลดาหยุดร้องและหยุดดิ้นทันที มีแต่เสียงสะอึกสะอื้นและหยดน้ำตาที่ไหลรินลงสู่พื้นกระดานของเรือ
คนที่มีแต่หนวดเครารกใบหน้าอุ้มเชลยสาวลงจากเรือแล้วโยนเธอลงสู่พื้นทรายด้านล่าง ในขณะที่บรรดาคนในเกาะที่ต่างมารอต้อนรับเจ้านายของตน ก็ต้องแสดงสีหน้าที่แปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้ถูกโยนลงมา
คนที่ถูกโยนลงพื้นเจ็บจนต้องแสดงใบหน้าเหยเก แต่เธอก็ไม่ปริปากร้องออกมา เพราะกลัวคำขู่ พิศลดามองไปรอบๆ ก็พบกับกลุ่มคนที่จ้องมองมายังเธอ หน้าตาแต่ละคนก็มีแต่หนวดเคราเหมือนคนตัวโตไม่มีผิด หญิงสาวได้แต่คิดในใจ ‘นี่มันรังโจรชัดๆ นี่เธอถูกโจรจับมาอย่างนั้นหรือ แถมรอบตัวเธอก็มีแต่น้ำ มองไปทางไหนเธอก็ไม่เห็นทางหนี ถ้าเป็นแบบนี้เธอไม่ต้องอยู่ที่นี่ไปจนตายหรือ’ คิดแล้วน้ำใสๆ ก็ไหลมาจากดวงตามากขึ้น
ฝ่ายคนที่โยนเชลยสาวลงมา ก็กระโดดตามลงมาแล้วประกาศเสียงกร้าวดังลั่น “ผู้หญิงคนนี้ชื่อพิศลดา จะมาเป็นคนงานคนใหม่ของที่นี่และเป็นเมียชั่วคราวของฉันด้วย” คำพูดนี้ทำให้พิศลดาอยากจะกลั้นใจตายเสียจริง นี่เขามีสิทธิ์อะไรถึงได้ประกาศปาวๆ ว่าเธอต้องเป็นเมียของเขา ทั้งๆ ที่ เขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น และไม่มีสิทธิ์จับเธอมากักขังและยัดเยียดตำแหน่งนี้ให้
พอชายหนุ่มพูดจบเขาก็จัดการอุ้มหญิงสาวที่ตัวสั่นอย่างกับลูกนกไปยังบ้านพัก “เธอต้องอยู่ที่นี่ คอยปรนนิบัติฉัน ทำทุกอย่างที่เมียจะทำกับผัว แล้วก็ต้องทำงานบ้านรวมถึงออกไปจับปลากับฉันด้วย” เสียงเข้มเอ่ยสั่ง พร้อมกับแก้มัดให้
ทันทีที่เชือกที่มัดแขนและขาของเธอถูกปลดออก หญิงสาวก็เข้าไปกอดขาชายหนุ่มและอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไป ด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินไม่หยุด “ลดากลัว ปล่อยลดาไปเถอะค่ะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเบื่อเมื่อไหร่จะปล่อย แล้วหยุดพูดได้แล้วว่าให้ฉันปล่อยเธอ เพราะไม่มีทาง และถ้าฉันรำคาญเธอมากๆ เธอจะไม่ได้เป็นเมียฉันแค่คนเดียว แต่เธอจะเป็นเมียลูกน้องฉันด้วย” เขาบอกด้วยสายตาที่เย็นชาและนิ่ง แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากจะเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนร้องไห้สักคน แต่วันนี้กลับทำมันแล้วไม่รู้กี่หนต่อกี่หน
เสียงร้องไห้ระงมยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายชายหนุ่มได้แต่นั่งมองใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตา และสายตาที่พยายามส่งมาอ้อนวอน แต่ทว่าตัวของเขาเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับสายตาที่อ้อนวอนนั้น ชายหนุ่มนั่งมองเชลยสาวที่ยังร้องไห้ไม่หยุด ด้วยสายตาที่รู้สึกผิดในบางครั้ง แต่พอนึกถึงสิ่งที่เขาสูญเสีย ใจเหี้ยมเกรียนก็กลับมาเช่นเดิม “เอ้า มั่วแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเดี๋ยวจะออกไปหาปลา” เขาหยิบเสื้อผ้ามาให้ แต่ว่าหญิงสาวก็ไม่รับ จนต้องบอกเป็นรอบที่สอง “เธอจะเปลี่ยนเองหรือจะให้ฉันเปลี่ยนให้”
หญิงสาวรีบยื่นมือไปรับเสื้อมาทันที แต่เธอก็ยังคงนั่งนิ่ง เธอไม่รู้ว่าจะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไหน และที่สำคัญหญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกเดิน
“เอายังนั่งอยู่อีก เอามาฉันเปลี่ยนให้” ยื่นมือไปแย่งเสื้อผ้าจากมือสวย แต่ก็โดนเธอแย่งคืนกลับไป
“ไม่ค่ะ ลดาเปลี่ยนเอง ห้องน้ำอยู่ไหนคะ?” เสียงร้องสะอื้นเอ่ยถาม พลางรีบพยุงตัวขึ้นทันทีที่เขาชี้บอก และเดินตรงไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยขาที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง แต่ไม่ทันที่เธอจะก้าวพ้นประตูห้องน้ำ เสียงเข้มก็ดังมาเสียก่อน
“ฉันชื่อ มาคัส จำไว้ด้วยว่าผัวเธอคนนี้ชื่อ มาคัส”
พิศลดาหันมองตามเสียงบอกนั้นด้วยใจที่หวาดกลัวกับคำพูดของคนเถื่อน ที่แสนจะน่ากลัวเช่นเขา ทำไมชายใจร้ายคนนี้ ช่างพูดง่ายซะเหลือเกินกับความสัมพันธ์ที่เขาพยายามจะยัดเยียดให้เธอ ไม่คิดถึงหัวใจลูกผู้หญิงของเธอบ้างหรืออย่างไร และที่สำคัญเขามีสิทธิ์อะไรมายัดเยียดตำแหน่งสามีให้เธอ ทว่าคนที่คิด ก็ต้องสะดุ้งแล้วรีบเข้าห้องน้ำไป เพราะเสียงคำรามตะคอกมาอีกรอบ
พอบานประตูห้องน้ำถูกปิดลง ขาที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่ ก็ทรุดลงกับพื้นทันที ร้องสะอึกสะอื้นออกมา พลางนึกโทษโชคชะตาที่ทำให้เธอเจอแต่เรื่องเลวร้าย ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยทำเลว ทำไม่ดี แล้วทำไมหนอชีวิตเธอจึงพบเจอแต่เรื่องเลวร้าย หลังจากนึกโทษโชคชะตาได้ไม่นาน เสียงตะโกนสั่งก็ดังมาอีกรอบ หญิงสาวจึงจำใจรีบเปลี่ยนชุดตามคำสั่งที่ตะโกนบอกมาเป็นรอบที่สอง และเพียงพิศลดาก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เจอคำพูดที่สาดกระหน่ำของเขาโดยทันที
“ถอดชุดแค่นี่ล่อไปสิบนาทีแล้ว อย่างนี้เธอจะทำอะไรทัน” ต่อว่าพร้อมกับออกคำสั่งต่อ “ไปได้แล้ว นี่จะค่ำ ได้เวลาออกไปหาปลาแล้ว” พร้อมกับเดินไปกระชากแขนของคนยืนนิ่ง น้ำตาซึมเดินตาม
เมื่อเดินพ้นมาจากบ้าน คนที่ถูกลากออกมาก็สังเกตไปรอบๆ ตัว เพื่อคิดหาหนทางที่จะหนี แต่ไม่เลย หญิงสาวไม่เห็นหนทางที่จะหนีไปได้เลย ฝ่ายคนที่ลากก็เหมือนจะรู้ความคิดของเชลยสาว เขาจึงเอ่ยขู่เธอไว้ก่อน
“ไม่ต้องคิดหาทางหนี ที่นี่เป็นเกาะ เธอไม่มีทางหนีไปได้ แล้วฉันขอเตือนเอาไว้ ถ้าไม่อยากให้ฉันเล่นบทโหด จับเธอมัดไว้ ก็อย่าลองดี คิดที่จะหนีไป”
ฝ่ายคนงานที่ช่วยยกกันของและอุปกรณ์หาปลาขึ้นเรือ ก็หันมามองเป็นสายตาเดียวกัน เพราะเสียงที่ขู่ ดังสะท้าน ขนาดพวกเขายังคนลุกซู่ไปตามๆ กัน และเมื่อเห็นว่านายหัวลากตัวของเชลยแค้นตรงมาทางนี้ บางคนก็หลบสายตา แต่บางคนก็จ้องมองไปที่ร่างของเชลยแค้น ด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก
ฝ่ายคนที่ถูกจับจ้องก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่มีทั้งที่เป็นมิตรและไม่เป็นมิตรของเหล่าบรรดาสมุนโจร ที่หญิงสาวคิดไปเองว่าคนพวกนี้ต้องเป็นโจร แต่เปล่าเลยคนพวกนี้ไม่ได้เป็นโจร แค่เป็นคนเคยทำผิดแล้วกลับใจแล้ว
“จะเอาเธอไปด้วยหรือนาย?” ชายร่างท้วมเอ่ยถาม ขณะที่ยังไม่เลิกจ้องมองหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้
“ใช่” มาคัสตอบสั้นๆ และจัดการอุ้มหญิงสาวที่พยายามขัดขืนขึ้นเรือ แล้วจัดการโยนร่างสวยลงที่พื้นด้วยความขัดใจที่หญิงสาวพยายามขัดขืน โดยไม่กลัวเลยว่าตอนนี้เธอจะเจ็บมากแค่ไหน
ฝ่ายคนที่ถูกโยนก็หน้านิ่วด้วยความเจ็บ และพยายามถอยห่างร่างที่เดินเข้ามาอย่างคุกคาม
“กลัวฉันเหรอ ดี กลัวฉันให้มากๆ และจำไว้ว่าอย่าขัดขืน ถ้าฉันจะทำอะไรหรือสั่งอะไรก็ต้องทำตาม” พอพูดเสียงเหี้ยมจบ ก็ตะโกนบอกให้เรือเคลื่อนตัวได้
เมื่อมีคำสั่งจากนายหัวที่ทุกคนต่างเคารพ เรือลำโตก็ขับเคลื่อนตัวออกจากเกาะทันที แล่นไปในท้องทะเลสีคราม ผ่านคลื่นทะเลและคลื่นลมที่ซัดมากระทบกับลำเรือ
ขณะที่เรือยังคงแล่นไปเรื่อยๆ หญิงสาวอย่างพิศลดาที่ถดกรูดไปติดกับขอบเรือก็รู้สึกกลัวจับใจ เธอกลัวว่าเขาจะจับเธอปล่อยกลางทะเล เพราะตั้งแต่ขึ้นเรือมา มาคัสเอาแต่จ้องหน้าเธอ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา หญิงสาวก็ได้แต่ก้มหน้าและนั่งตัวสั่นเพราะความกลัว พิศลดาได้แต่ภาวนาในใจให้มีเรือแล่นผ่านมาแล้วช่วยเธอไปจากโจรพวกนี้ที
“ก้มหน้าขนาดนั้น เดี๋ยวคอก็หักหรอก กลัวฉันมากหรือไง” เอ่ยถามเสียงอ่อนลงจากเดิม เมื่อเห็นท่าทีที่แสนกลัวของหญิงสาว จิตใจด้านดีก็บอกว่าอย่าใจร้ายกับเธอจนเกิดไป เพราะต้นเหตุแห่งความแค้นไม่ได้มาจากเธอโดยตรง และถึงแม้ปมปัญหามันจะอยู่ที่เธอบางส่วน แต่อย่างไรเขาก็ยังพิสูจน์ไม่ได้
ฝ่ายคนกลัวก็ไม่รู้จะตอบมัจจุราชใจร้ายกลับไปว่าอย่างไร กลัวว่าคำตอบของเธอจะไม่ถูกใจมัจจุราชตนนี้ แล้วภัยจะมาถึงตัว
“อ้าวแม่คุณ ถามแล้วไม่ตอบเดี๋ยวก็โยนลงทะเลให้เป็นอาหารปลาฉลามซะหรอก”
คนกลัวรีบลนลานตอบเสียงสั่น กลัวว่าเขาจะจับเธอโยนลงทะเลจริงๆ “กลัวค่ะ ลดากลัว”
“เธอนี่มันขี้กลัวจริงๆ เป็นเมียโจรอย่างฉันก็ต้องเข้มแข็ง ห้ามอ่อนแอแบบนี้เข้าใจไหม”
“ไม่ค่ะ ลดากลัว ลดาอยากกลับบ้าน คุณมาคัสปล่อยลดาไปเถอะนะคะ” เธออ้อนวอนเขาพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลลงมาสู่พื้นเรือ ซึ่งประโยคนี้เธอขอร้องเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว มันสร้างความไม่ชอบใจให้คนฟัง เพราะเขาไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง มาคัสลุกขึ้นพรวดทันทีที่ได้ยินคำขอร้องที่น่าเบื่อ เท้าหนาก้าวเข้าไปหาอย่างคุกคาม
ฝ่ายคนที่ขอร้องก็อยากจะถดตัวหนี แต่เธอก็หนีเขามาติดกับขอบเรือแล้ว พิศลดาจึงไม่สามารถหนีมัจจุราชที่กำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างดุดันไม่ได้
ฝ่ายมัจจุราชตัวร้ายก็เดินเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งตัวสั่น จากนั้นก็กระชากตัวของหญิงสาวให้ลุกขึ้น แล้วช้อนตัวของหญิงสาว แล้วเท้าหนาก็ก้าวตรงไปยังท้ายเรือและสั่งเสียงดังให้หยุดขับเคลื่อนเรือ
“คุณจะทำอะไรคะ ลดากลัว อุ้มลดาทำไม?” ถามพร้อมดิ้นรนเพื่อให้เขาปล่อยเธอ
คนที่ถูกถามกระตุกยิ้มออกมาหนึ่งครั้งก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยเสียงแข็งกระด้างออกมา “อยากกลับบ้านมากไม่ใช่หรอ เดี๋ยวจะได้กลับ แต่เธอก็ว่ายกลับไปเองนะกัน” พร้อมกับโยนเชลยสาวไปในท้องทะเลกว้าง
ความคิดเห็น