ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักทาสอสูร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 วิวาห์เถื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 56


    บทที่ 1 วิวาห์เถื่อน

                    บรรยากาศยามเช้าของกลางไร่ส้มเริ่มมีลมหนาวพัดผ่าน น้ำค้างเกาะตามยอดหญ้า แสงแดดเริ่มสาดส่องลงมาให้ความอบอุ่น เหล่าคนงานต่างทำงานกันอย่างขะมักเขม้น บางคนเก็บผลผลิต บางคนกำลังลงแปลงปลูกต้นส้มเพื่อทดแทนต้นที่ตายไป และบางคนก็กำลังทำหน้าที่คัดผลส้มตามขนาดไซด์เพื่อส่งขาย
                    ไร่ส้มขนาดใหญ่แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีชายหนุ่มรูปร่างโปร่งสูงเฉียดหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร ใบหน้าคมเข้มอย่างรามัน ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลอิศรเวชเป็นเจ้าของไร่ ซึ่งเป็นที่หมายปองอยากครอบครองหัวใจของบรรดาสาวๆ ในจังหวัด
                    แต่สำหรับเขา รามัน อิศรเวช ไม่เคยคิดที่จะเอาห่วงมาผูกคอ เขาคิดว่าการมีเมียชังเป็นปัญหาใหญ่และช่างวุ่นวายในชีวิต    
                    การที่รามันไม่เคยคิดสนใจจะหาคู่ครองทั้งๆ ที่อายุของตัวเองก็เข้าใกล้เลขสี่เต็มที่แล้ว ทำให้คุณหญิงโรสผู้เป็นมารดาหนักใจซะเหลือเกินกับปัญหาเรื่องนี้ ถึงกลับกุมขมับทุกทีที่เอ่ยถึง แต่ในเมื่อหล่อนให้เวลากับลูกชายหัวดื้อหาเมียเองแล้ว แต่ลูกชายของเธอกับเฉย ไม่คิดที่จะหาเมีย หล่อนนี่ล่ะก็จะเป็นคนหาให้เอง                

                    “แม่ว่าไงนะครับ แม่จะให้ผมแต่งงาน” เสียงเข้มตะโกนถามลั่นผ่านสายโทรศัพท์ไปยังมารดาด้วยน้ำเสียงตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พลางส่ายหัวออกมาอกีครั้งเมื่อได้ยิน  
                    “ใช่ แม่จะให้แกแต่งงาน เจ้ารามัน” โรสเอ่ยซ้ำให้ลูกชายหัวดื้อฟังอีกครั้ง       

                    “ไม่ครับ!! ผมไม่แต่ง ยังไงผมก็ไม่แต่ง” เจ้าของไร่ส้มปฏิเสธเสียงแข็งทันที พร้อมกับส่ายหัวออกมาเพราะอย่างไรแล้วเขาก็ไม่มีวันยอมทำในสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการอย่างแน่นอน  
                    “ฉันไม่สน ถ้าแกไม่แต่ง ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่” โรส ยืนการเสียงแข็งกับเรื่องนี้เช่นกัน และหล่อนจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ ทุกอย่างถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว งานแต่งจะมีอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนลูกสะใภ้นั้นหล่อนก็เลือกคนที่คิดว่าจะทนกับความร้ายกาจของลูกชายหัวดื้อได้ ถึงแม้ว่าอายุของว่าที่ลูกสะใภ้จะห่างกับลูกชายหัวดื้อเกือบสิบห้าปีก็ตาม 

                    “งานแต่งแกจะจัดวันศุกร์หน้าที่โรงแรมของน้าแก ถ้าแกคิดว่าฉันเป็นแม่แกก็มา ถ้าไม่นับถือว่าฉันเป็นแม่แล้ว แกก็ไม่ต้องมา ส่วนเรื่องเจ้าสาวของแก แกไม่ต้องเป็นห่วงแม่หาคนที่ดีสำหรับแกแน่นอน”
                    พอสิ้นคำของคนเป็นแม่ สัญญาณก็ถูกตัดไปทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่กุมขมับกับเรื่องนี้ และโมโหฮึดฮัดเมื่อไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
                    ส่วนทางด้านคุณหญิงโรสเมื่อวางหูจากลูกชายไปแล้ว หล่อนก็โดนตั้งคำถามเชิงติเตียนจากสามีสุดที่รักทันที
                   
    คุณหญิง คุณไปบังคับมันมากไปหรือเปล่า คุณน่าจะปล่อยให้เจ้ารามันมันหาเมียเองนะคุณ ไม่ใช่ไปบังคับมันแบบนี้” ราเชน ผู้เป็นสามีเอ่ยเชิงติและแสดงความเห็นใจบุตรชายที่ถูกคลุมถุงชน           
                    “ไม่ต้องมาเข้าข้างไอ้ลูกชายตัวดีของเราเลยนะคุณ ปล่อยให้มันหาเองเหรอ นี่อายุปาจะสี่สิบ ยังหาไม่ได้สักคน คุณจะให้ฉันตายก่อนหรือไงถึงจะได้อุ้มหลาน” พูดน้ำเสียงประชดประชันกลับไป พลางสะบัดหน้าหนี
                    “แต่การคลุมถุงชนมันก็ไม่ช่วยอะไรนะคุณ แถมผมยังรู้สึกสงสารหนูนาง ที่ต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก คุณก็ไม่น่าจะไปบังคับหนูนาง ให้มาแต่งงานกับลูกชายเราเลย” บอกเสียงเหนื่อยเพราะรู้นิสัยภรรยาคู่ชีวิตดีว่าดื้อรั้นแค่ไหน และคงไม่มีทางฟังสิ่งที่เขาบอกอย่างแน่นอน
                    “คุณไม่ต้องพูดมาก ฉันบังคับที่ไหน หนูนางตกลงเอง” หันใบหน้ากลับมาแล้วส่งค้อนวงโตไปให้เมื่อสามีของหล่อนนั้นชอบพูดเข้าข้างลูกชายและพูดถึงว่าที่ลูกสะใภ้ ซึ่งก็คือช้องนาง  หญิงสาวชีวิตแสนเศร้าที่ต้องมาทำงานแทนบิดาซึ่งติดหนี้ครอบครัวของเธอนับสิบล้าน ซึ่งหล่อนก็เห็นในความดีและความน่ารักของช้องนาง โรสจึงยื่นข้อเสนอให้เพื่อแลกกับหนี้สิน 

                    ช้องนาง ชินนุรัตน์คือหญิงสาววัยยี่สิบห้า ลูกสาวของอนุวัตผู้ที่มาหยิบยื่นเงินของหล่อนไปเจื่อนจุนครอบครัว เนื่องจากบริษัทของครอบครัวล้มละลาย ซึ่งทำให้ครอบครัวชินนุรัตน์สิ้นเนื้อประดาตัว  
                    และนับตั้งแต่นั้นมาครอบครัวชินนุรัตน์ก็เจอกับวิกฤตหลายๆ อย่าง แต่อะไรก็ไม่โชคร้ายไปเท่าอนุวัตผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวเกิดประสบอุบัติเหตุสูญเสียขาไป ทำให้ลูกสาวคนโตอย่างช้องนางต้องแบกรับทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวหาเงินส่งน้องทั้งสองเรียนและหาเงินมารักษาอาการของผู้เป็นพ่อ ซึ่งโรสก็เห็นในความขยันและรักครอบครัวของช้องนาง

                     โรสจึงยื่นข้อเสนอให้กับช้องนาง ซึ่งข้อเสนอก็คือการแต่งงานกับรามันลูกชายหัวดื้อของหล่อน แลกกับค่ารักษาผู้เป็นพ่อและส่งน้องชายน้องสาวของช้องนางเรียนจนจบ ซึ่งฝ่ายช้องนางก็ยอมรับข้อเสนอเพราะค่าใช้จ่ายในการรักษามันมากโข เธอคงไม่มีปัญญาหาได้และที่สำคัญหญิงสาวอยากจะให้น้องทั้งสองคนได้เรียนต่อ
                    “โธ่คุณ ไม่สงสารหนูนางเหรอที่ต้องมารองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของลูกเรา” ราเชนพยายามพูดเสียงอ่อนให้ภรรยาของตนคิดใหม่ แต่ทว่าพอเห็นสายตาคมที่ส่งมาให้ ทำให้ราเชนต้องเงียบทันที เพราะเป็นเสมือนสายตาของแม่เสือที่กำลังไม่พอใจคู่ชีวิต
                    “หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ” ตรอกย้ำความคิดเช่นเดิม และสะบัดหน้าเดินหนีไป
                    ฝ่ายราเชนก็ได้แต่ส่ายหัวออกมากับความดื้อของเมียรัก ซึ่งไม่ต่างจากลูกชายตัวดีของเขาเลยสักนิด “เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก แล้วยังมาถามว่าไอ้ลูกชายตัวดีของเราเอานิสัยมาจากไหน เฮ้อ ก็มาจากคุณเต็มๆ”

                    โรงแรมหรูระดับห้าดาวถูกตกแต่งแบบไทยประยุกต์ มีดอกไม้หลากสีประดับประดาไว้ทั่วบริเวณ ซึ่งกำลังถูกใช้จัดงานใหญ่ที่มี
    แขกเหรื่อมากันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นแวดวงการเมือง หรือแวดวงดาราก็มาร่วมงาน เพราะงานนี้คืองานแต่งของลูกชายอดีตนักการเมืองชื่อดังแห่งภาคเหนือเจ้าของตระกูลอิศรเวช ผู้ที่มีหน้ามีตา และมีคนนับถือมากมาย
                    “คุณ ทำไมเจ้ารามันมันยังไม่มาอีก นี่จะได้เวลาเข้าพิธีแล้วนะ” โรสเริ่มทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามสามีออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เมื่อยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าลูกชายตัวดี พลางชะเง้อคอมองหา
                    ฝ่ายคนเป็นสามีก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาว่าไม่รู้ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าลูกชายจะมาไหม แล้วถ้ามางานแต่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะลูกชายก็หัวดื้อไม่แพ้กับคนเป็นแม่ คงมีอะไรเซอร์ไพส์ให้คนเป็นแม่อย่างแน่นอน
                    “คุณหญิง ดิฉันแต่งหน้าเจ้าสาวเสร็จแล้วนะคะ ไหนล่ะคะเจ้าบ่าวที่จะให้แต่ง” ช่างแต่งหน้าช่างเจรจาเอ่ยถามขณะที่จูงมือเจ้าสาวแสนสวยมาให้ดู
                    “ฉันก็รอมันอยู่นี่ล่ะ ไม่รู้ว่ามันจะมาไหม” กล่าวเสียงกังวล พลางยิ้มในความสวยและอ่อนหวานของลูกสะใภ้ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดไทยประยุกต์สีทอง มีสไบผ้าลูกไม้ปักดิ้นเงินยาวสลวยพาดไหล่กว้าง “สวยมากหนูนาง สวยจริงๆ แม่เลือกคนไม่ผิดเลย” พลางเอ่ยชม

                    ฝ่ายเจ้าสาวก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ และแสดงสีหน้ากังวลใจเล็กน้อยกับงานแต่งงานวันนี้ เพราะหล่อนยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าบ่าวเลยสักครั้ง เคยแต่ได้ยินเกียรติศัพท์ความร้ายกาจ และไม่รู้ว่าเวลาเจอเขา เธอจะต้องทำตัวอย่างไร
                    “เอ้า คุณหญิงตกลงจะให้ดิฉันแต่งหน้าเจ้าบ่าวไหมคะ ถ้าไม่งั้นดิฉันจะได้ขอตัวกลับก่อน ดิฉันก็มีงานเยอะนะคะ”
                    “รออีกสักแป๊บ เดี๋ยวลูกชายตัวดีของฉันก็มา” โรสพูดด้วยอาการที่ร้อนรนเพราะกลัวว่าลูกชายจะไม่มาจริงๆ และต้องเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเข็มนาฬิกาเดินหมุนไปเรื่อยๆ จนเวลาเหลืออีกสิบนาทีก็จะถึงพิธีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เห็นเงาของลูกชายหัวดื้อ คนเป็นแม่แสนจะร้อนใจและหงุดหงิด เพราะใกล้เวลาเริ่มงานเต็มทนแถมพอโทรไปหาลูกชายตัวดีก็ดันปิดเครื่อง
                    “นั่งก่อนเถอะคุณ เดี๋ยวเจ้ารามันมันก็มาเองล่ะ” ราเชนต้องเอ่ยให้ภรรยาใจเย็นและหยุดเดินวนไปวนมาแล้วนั่งลง เพราะกลัวว่าคู่ชีวิตจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน
                    “คุณจะให้ฉันนั่งลงได้ไงคะ ปานนี้แล้วมันยังไม่มาเลย เจ้าลูกชายตัวดีของคุณ ดูสิเหลือเวลาไม่ถึงห้านาทีแล้ว”คุณหญิงนั่งไม่ติดต้องเดินไปชะเง้อคอมองว่าลูกชายจะมาเมื่อไหร่ เวลาก็เดินผ่านไปเรื่อยๆ และแล้วในที่สุดก็ได้ฤกษ์เริ่มพิธีหมั้นหมาย
                    “โอ๊ย
    !! คุณฉันจะทำไงดี เจ้ารามันมันจะมาไหม นี่มันจะไม่นับว่าฉันเป็นแม่ของมันหรือไง” ร้องเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นน้อยใจลูกชาย และทำท่าจะเซล้ม
                    “คุณหญิงไหวไหม ผมก็บอกคุณแล้วว่าอย่าไปบังคับมัน”ราเชนรีบเข้าไปประคองร่างของภรรยาไปทันทีแล้วประคองไปที่โซฟา พร้อมกับที่ช้องนางเข้ามาช่วยประคองอีกคน แล้วรีบหายาดมมาให้
                    “ดีขึ้นไหมคุณหญิง” ราเชนเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าสีหน้าของภรรยาเริ่มดีขึ้น แล้วค่อยๆ พยุงร่างที่ยังคงสวยแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนสาวๆ เลยสักนิดขึ้นมาพิงที่โซฟา
                    คนอาการดีขึ้นพยักหน้าตอบ พลางเม้มริมฝีปากแน่นและหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อต้องตัดสินใจยกเลิกงานแต่ง ก็จะแต่งไปได้อย่างไรในเมื่องานแต่งไม่มีเจ้าบ่าว พลันหันไปบอกกับผู้ดำเนินงานเสียงเศร้า ดวงตาคมสวยเริ่มมีน้ำตาคลอ “ประกาศยกเลิกงานแต่งเลยค่ะ ลูกชายของฉันคงไม่มาแล้ว ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา” ก่อนที่จะหันไปหาเจ้าสาวหม้ายงานแต่ง
                     “แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้หนูเสียหน้าและเสียใจ” เอ่ยออกมาด้วยความเสียใจและรู้สึกน้อยใจลูกชายสุดรัก หล่อนไม่คิดเลยว่ารามันจะไม่ยอมมางานแต่ง ทั้งๆ ที่ตัวเองขู่ไปแล้วว่าจะตัดความสัมพันธ์แม่ลูก นี่ลูกชายหัวดื้อคิดจะตัดขาดความเป็นแม่ลูกกับเธอหรืออย่างไร
                    “ไม่ต้องขอโทษนางหรอกคะคุณหญิง นางเข้าใจดี” ช้องนางยิ้มรับเพราะเข้าใจดี คงไม่แปลกหากเขาจะไม่มา ในเมื่องานแต่งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยปราศจากความรัก มันเกิดขึ้นจากความจำเป็นของเธอและการถูกบังคับของเขา
                    “ยังไงแม่ก็ต้องขอโทษ ที่ทำให้หนูหม้ายงานแต่งแบบนี้ แม่อยากจะขอโท” ไม่ทันที่เสียงเศร้าของจอมวางแผนและแอบเผด็จการเล็กๆ อย่างโรสจะเอ่ยจบ เสียงทุ้มต่ำของคนที่หล่อนรอคอยก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเสียงทุ้มมาปรากฏตรงหน้า
                    “ผมมาแล้ว” เจ้าของเสียงทุ้มเดินเข้ามาหยุดตรงหน้ามารดาก่อนที่จะยกมือไหว้คนเป็นแม่และพ่อ แล้วปรายตาไปมองที่เจ้าสาวของตนด้วยสีหน้า
    รังเกียจเดียดฉันท์
                    รามันตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีซีด กางเกงตัวที่ส่วมใส่ก็เป็นกางเกงยีนต์ที่ขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยหนวดเครา ซึ่งสภาพแบบนี้เขาก็จงใจทำ เพื่อที่จะทำให้เจ้าสาวที่ไม่รู้ว่าคือใครนั้นอับอาย 
                    “จะเริ่มงานเลยไหมครับ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ” เอ่ยเสียงเหี้ยมพร้อมกับเดินเข้าไปกระชากตัวของเจ้าสาวเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะแนบริมฝีปากร้อนๆ ลงไปที่แก้มนวล ทำให้ทุกคนต่างตกใจและทำสีหน้าเหลอหลากันไปหมดกับการกระทำของคนที่พึ่งมาถึง
                    ว้าย!! ฝ่ายช้องนางร้องออกมาลั่นเมื่อโดนชายหนุ่มกระชากไปหอมแก้มซ้ายขวา
                    “หอมแบบนี้ นี่เอง แม่ฉันถึงต้องจ่ายเงินไปเป็นสิบล้านกับค่าตัวของเธอ ว่าแต่หากินแบบนี้มากี่รายแล้วล่ะ แม่โสเภณี” รามันสาดกระหน่ำความร้ายกาจให้เห็นทันที คำพูดของรามันทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างอึ้ง ขนาดคนเป็นแม่ยังต้องยกมือขึ้นมาทาบอก เพราะได้คิดว่าลูกชายจะพูดไม่ให้เกียรติผู้หญิงถึงขนาดนี้
                    “ทำไมพูดแบบนี้เจ้ารามัน พ่อไม่เคยสอนให้แกพูดดูถูกผู้หญิงแบบนี้นะ ขอโทษหนูนางเขาซะ” เสียงเหี้ยมเกรียมเอ่ย พลันจ้องมองลูกชายตาเขม็ง ไม่พอใจในการกระทำและคำพูด
                    “ไม่จำเป็นมั้งครับพ่อ ผมไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะเป็นต้องขอโทษ ในเมื่อมันจริงทุกอย่าง แล้วนี่จะเริ่มงานเลยไหมครับ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ” พลางบีบรัดข้อมือสวยแน่น แล้วกระชากร่างสวยให้เดินไปยังหน้างาน
                    ฝ่ายคนเป็นแม่ก็ได้แต่ส่ายหน้าออกมา และต้องส่ายหน้าร้องห้ามสามีไม่ให้เอาเรื่องลูกชาย หล่อนรู้ดีว่านิสัยลูกชายเป็นอย่างไร ห่าม เถื่อน เย็นชา แต่ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่แสดงออกมา แต่ลูกชายเธอนั้นแสดงความอ่อนโยนไม่เป็น และยังคงช้ำกับความรักครั้งเก่า ที่ทำให้เกือบไม่เป็นผู้เป็นคน เพราะถูกหลอกถึงสองครั้งสองครา โรสก็ได้แต่หวังว่าลูกสะใภ้คนนี้จะช่วยบำบัดรักษาจิตใจของรมันให้กลับมาเช่นเดิม
                    เมื่อเห็นรามันกำลังก้าวลิ้วๆ เข้าไปในงาน ทั้งที่ยังคงแต่งตัวแบบนั้น คนเป็นแม่ก็ร้องถามเสียงดัง
    เจ้ารามันแกจะไม่แต่งตัวก่อนหรือไงรู้อยู่แล้วว่าลูกชายตัวดีคงแต่งแบบนี้มาเพื่อประชดประชันและทำให้ขายหน้า แต่หล่อนก็ไม่ใส่ใจ ในเมื่ออยากแต่งแบบนี้ในงานแต่งของตัวเองก็ตามสบาย หล่อนไม่ขัด

                    และเมื่อเริ่มพิธี คุณหญิงโรสก็ลมแทบจับอีกครั้ง เมื่อรามันโยนแหวนหมั้นราคานับสิบล้านทิ้ง แล้วหยิบแหวนดอกหญ้าขึ้นมาแทน “แหวนราคานับสิบล้านแบบนี้ มันไม่เหมาะกับผู้หญิงหากินแบบนี้หรอกครับ  มันต้องแหวนดอกหญ้า ถึงจะเหมาะสมกันกับเศษดินอย่างเธอ” มุมปากเหยียดตรงอย่างเหยียดหยาม
                    ฝ่ายเจ้าสาวนั้นก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำพูดที่โหดร้ายของเจ้าบ่าวที่พึ่งจะได้พบหน้า หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบโต้ว่าอะไร และไม่อยากทำให้คุณหญิงโรส และราเชน ต้องเสียหน้าไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้แขกผู้ร่วมงานก็ต่างซุบซิบนินทรากันหนาหูแล้ว และนึกดีใจไม่น้อยที่ไม่ผู้แป็นพ่อนั้นไม่ได้มาร่วมงานนี้เพราะคุณหมอยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เพราะไม่งั้นนั้นพ่อของเธออาจจะต้องทุกข์ใจไปกับคำพูดของเขาที่แสนจะทำร้ายจิตใจ
                    ฝ่ายต้นเรื่ององเรื่องนี้ก็หันไปคว้ายาดมและยาหอมแทบไม่ทัน แต่ทว่าความบ้าบิ่นและป่าเถื่อนของรามันไม่ได้มีเพียงแค่นี้ พอสวมแหวนหมั้นเสร็จ มือหนาก็กระชากตัวของช้องนางเข้ามาใกล้แล้วประกบปากจูบอย่างรุนแรง สั่งสอนที่บังอาจริอยากจะมาเป็นเมียเขา พลางกระซิบบอกวาจาร้ายกาจ “นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะแม่เศษดิน เธอต้องเจอความร้ายกาจของฉันอีกเยอะ” พูดจบก็ผลักให้ออกห่าง แล้วรีบถามหาทะเบียนสมรส
                    “หมั้นแล้ว ไหนล่ะทะเบียนสมรสจะได้เสร็จเร็วๆ” หันไปถามผู้ดำเนินงานด้วยเสียงเหี้ยม ฝ่ายราเชนได้แต่ลอบถอนหายใจนับสิบครั้ง เพราะรู้สึกสงสารลูกสะใภ้เหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะรับมือลูกชายของเขาได้หรือเปล่า
                    ฝ่ายคนเป็นแม่ก็ได้แต่ส่ายหัวออกมา พร้อมกับพยักหน้าให้ผู้ดำเนินงาน ทำตามคำของลูกชาย และเพียงแค่ทะเบียนสมรสวางอยู่ตรงหน้า รามันก็คว้าประกาด้ามทองมาจรดปลายปากกา เซ็นต์ทันที ก่อนที่จะหันมากระซิบบอกชิดริมหูขาว
                    “เซ็นต์ซะสิ จะได้เป็นเมียที่ถูกต้องของไอ้รามันคนนี้” พลางยื่นปากกาด้ามทองให้ และเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงนิ่ง ใบหน้าคมก็ก้มลงมากระซิบบอกอีกครั้ง “จดซะ อยากเป็นเมียฉัน ก็รีบจด อย่าลีลาใส่มาก ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ แล้วเธอจะไม่ได้เงินสิบล้านตามที่ตกลงกับแม่ฉัน”
                    ฝ่ายคนที่ถูกกระซิบบอกก็เม้มริมฝีปากแน่น และเงยหน้ามาสบตากับคนสั่ง ‘นี่เขาไม่คิดพูดดีหรือให้เกียรติ์เธอบ้างหรืออย่างไร ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนะ ทำไมแต่ละคำที่พูดออกมาจากลำคอหนามีแต่ถ้อยคำที่หยาดเหยียดและดูถูกแต่ก็ต้องหลบสายตาลงต่ำในไม่ช้าเพราะสายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจและเหยียดหยาม
                    และเมื่อเห็นว่าคุณหญิงโรสพยักหน้าให้ทำตามคำสั่งของคนปากร้าย มือสวยก็จรดปลายปากกาเช็นต์ทันที และในที่สุดทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง แต่ทว่าไม่ทันที่นายทะเบียนจะกล่าวว่าทั้งคู่เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมาย  รามันก็คว้าทะเบียนสมรสมาให้ที่ตัว แล้วฉุดกระชากตัวเจ้าสาวให้ลุกขึ้น ก่อนที่จะหันมาหาคนเป็นแม่ แล้วเอื้อนเอ่ย
                    “หมั้นก็หมั้นแล้ว ทะเบียนสมรสก็จดแล้ว ผมหวังว่าแม่คงพอใจนะครับ ส่วนงานเลี้ยงตามสบายนะครับ ไร่ส้มกำลังยุ่ง ขอตัวกลับไปจัดการไร่ก่อน” พลางเหยียดยิ้มมาให้คนที่เขาฉุดกระชาก “ส่วนเธอเตรียมตัวรับความเจ็บปวดได้เลย แม่คนไร้ค่า” เมื่อพูดจบเจ้าของข้อมือสวยก็ถูกฉุดกระชากให้เดินตาม
                    ฝ่ายโรสก็ลมแทบจับอีกรอบกับการกระทำของลูกชาย จนราเชนต้องเข้ามาช่วยพยุงภรรยาไว้ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เพราะท่าทางลูกสะใภ้ของเขาต้องรับศึกหนักอย่างแน่นอน
                   
                    ฝ่ายทางด้านเจ้าบ่าวผู้ใจร้ายก็ฉุดกระชากลากเจ้าสาวออกมาจากงาน แล้วตรงดิ่งไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะไปยังลานจอดรถ “อย่าทำเป็นสำออย โดนกระชากแค่นี้น้ำตาเล็ด  มารยา” เสียงร้ายกาจพ่นออกมาโดนที่ไม่หันมามองคนที่ตนฉุดกระชากสักนิด
                    ฝ่ายช้องนางก็เจ็บจนน้ำใสๆ คลอที่เบ้าตา เพราะเขาทั้งฉุดทั้งกระชาก ทำให้ข้อมือสวยช้ำไปหมด แถมรองเท้าสันสูงก็พลิกหลายรอบ ทำให้เจ็บข้อเท้า “นางไม่ได้มารยา แต่นางเจ็บ” เสียงสั่นร้องบอก และต้องร้องเสียงหลงอีกรอบเมื่อ โดนผลักให้เข้าไปในลิตฟ์
                    “ว้าย
    !!
                    มือหนากดลิตฟ์ไปยังชั้นล่างสุด แล้วยืนอารมณ์เสียที่ต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้ พอลิตฟ์เลื่อนไปได้สองชั้น ก็มีชายรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในลิฟต์ ช้องนางต้องปาดน้ำตาที่ไหลทิ้ง เพราะไม่อยากให้คนอื่นมอง แต่ทว่าสายตาของผู้ชายคนนั้นที่เข้ามาในลิฟต์ก็จับจ้องมองมา และมีทีท่าไม่หยุดมอง จนร่างสวยต้องขยับเข้าไปหาสามีจอมใจร้าย
                    ฝ่ายรามันก็รับรู้ถึงตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนี้เข้ามา แต่ก็ทำนิ่ง จนรู้สึกว่ามันมากเกินไป สายตาคมก็ตวัดไปมองใบหน้าหื่นอย่างหาเลย “ถ้าจะมองถึงขนาดนี้ กูยกให้เอาไหม แต่ก็ต้องแลกกับลูกปืนกูก่อนนะ” จ้องมองเสียงเหี้ยม ถึงจะไม่ได้พิศวาสในตัวของหญิงสาว แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของๆ เขา 


    หากชอบฝากเม้นด้วยนะคะ แล้วจะมาต่อให้เรื่อยๆ ค่าา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×