คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 สะสางความแค้น
“ว่าไงเมียเชลยของฉัน ยังไม่ตายอีกหรือ” เสียงเหี้ยมของเมฆินเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย พลางย่อตัวลงมามองคนที่สะดุ้งตกใจและทำท่าจะขยับกายหนีห่าง แต่มือหนาก็กระชากแขนที่ไร้เรี่ยวแรงเข้ามาใกล้ๆ กับตัว แล้วต้องแสยะยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าที่แลหวาดกลัวของอีกฝ่าย
“ตัวสั่นเชียว กลัวฉันมากหรือไง ฮึ ฮึ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายหวาดกลัวจนน้ำตาใสไหลลงมา เขาก็หัวเราะมาดเหี้ยมพลางเอ่ยต่อ “อย่าพึ่งกลัวจนตายไปซะก่อนนะ ฉันยังไม่พอใจกับเกมแก้แค้นครั้งนี้เลย”
“ฉันไปทำอะไรให้คุณ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้กับฉัน” ร้องถามเสียงสะอึกสะอื้น แววตานั้นสั่นระริก ในใจมีแต่ความกลัวเกรงต่อชายตรงหน้านี้ เพราะเขาช่างโหดร้ายกับเธอเสียจริง
“เธอไม่มีสิทธิ์ถาม ต่อไปนี้เธอต้องทำตามคำสั่งฉันหากไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย เช่นพี่สาวของเธอ ที่ชื่ออะไรนะ ปาริชาตหรือเปล่า หรือไม่ก็” บีบรัดต้นแขนที่ขาวซีดอยู่แล้วด้วยความแรง ทำให้เจ้าของใบหน้าช้ำบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ แต่ก็รีบร้องตกลงออกมาโดยไว เพราะไม่ต้องการให้ใครต้องมาเจ็บช้ำแบบเธอ
“ฉันตกลงจะทำตามคำสั่งคุณทุกอย่าง แต่…ขอให้มันจบที่ฉันคนเดียว” ร้องขออย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลพร่า แววตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอนปนชิงชัน
“ได้สิ มันจะจบที่เธอคนเดียว” กระตุกยิ้มอีกครั้ง เพราะยังไงแล้วเรื่องนี้มันก็ไม่จบเพียงเท่านี้ คนที่จะเจ็บยิ่งกว่าคือ พ่อชั่วๆ ของเธอ คนที่บีบบังคับทำให้พ่อและแม่ของเขาหมดทางสู้และต้องฆ่าตัวตาย “ออกไปทำงานได้แล้ว” กระชากร่างช้ำขึ้น แต่ทว่าร่างนั้นก็ร่วงไปที่พื้นเช่นเดิม
“อย่าทำมาเป็นสำออยคุณหนูชาลิดา หากไม่อยากจะเจอหนักกว่านี้ ลุกไปทำงาน” เรียกชื่อเชลยสาวอย่างเกลียดแค้นแล้วกระชากร่างที่ร่วงไปที่พื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ร่างนั้นก็ร่วงไปที่พื้นเช่นเดิม ทำให้เมฆินนั้นโมโหออกแรงกระชากให้ลุกขึ้นอีกครั้ง
ฝ่ายทางด้านคนช้ำที่เนื้อตัวมีแต่ร่องรอยของความป่าเถื่อนก็กัดฟันฮึดสู้ พยุงตัวเองให้เดินไปทำงานตามคำสั่งของชายใจร้ายที่เธอตราหน้าว่าเขาคือซาตานจากขุมนรก แต่ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มฟุบเช่นเดิมเพราะร่างกายมันไร้กำลังและกำลังถูกพิษไข้เล่นงาน
ฝ่ายเมฆินก็เดินปึงปังโมโหเข้ามาหาเมื่อคิดว่าเชลยสาวนั้นสำออยแล้วย่อลงมาพร้อมกับกระซิบวาจาหยาบคายที่ข้างหู
“ที่แกล้งทำเป็นลุกไม่ไหว อยากเรียกร้องความสนใจจากฉันหรือ ฉันจะได้จัดให้แบบคืนนั้น คืนที่ฉันกระชากพรหมจรรย์อันสูงส่งมาจากเธอ”
“คุณมันคนใจร้าย!!” หญิงสาวต่อว่าด้วยความเจ็บช้ำ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงโหดร้ายแบบนี้ ทำไมเธอต้องมาเจอกับเขา ชาติที่แล้วเธอทำกรรมไว้มากใช่ไหมถึงต้องมาเผชิญกับความโหดร้าย
“อย่ามาปากดี ถ้ายังไม่อยากตาย” กดบีบคางมนแน่น แล้วจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง “ลุกไปทำงาน ต่อให้ฉันต้องลากเธอออกไป ฉันก็จะทำ” แล้วทำท่าจะฉุดกระชากคนอ่อนแรง แต่ทว่าก็มีเสียงของป้าช้อยร้องห้ามเอาไว้
“นายคะ ถือว่าป้าขอล่ะค่ะ อย่าพึ่งให้นางหนูมันออกไปทำงานเลยนะคะ นางหนูมันยังไม่หายจากไข้” คนที่พึ่งเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์รีบร้องห้ามแทบไม่ทัน กลัวเหลือเกินว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ คนนี้จะทนไม่ไหวและอาจจะล้มป่วยมากกว่าเดิม
ฝ่ายเมฆินเมื่อถูกขอร้องจากป้าช้อยแม่ครัวประจำไร่เขาก็ผลักคนไร้เรี่ยวแรงให้ล้มไปที่พื้นเช่นเดิม เพราะตั้งแต่รู้จักป้าช้อยมา ป้าวัยกลางคนไม่เคยร้องขออะไรเลย แต่วันนี้กลับมาร้องขอจากเขา เขาก็จำเป็นต้องยอมและยิ่งเห็นสายตาที่วิงวอนขอร้องนั้น ก็ทำให้จิตใจของเขานั้นอ่อนยวบลง “ฉันเห็นแกป้าช้อยนะ วันนี้ฉันอนุญาตให้เธอหยุดพัก แต่พรุ่งนี้ถ้าฉันไม่เห็นเธออกไปทำงาน เจอดีแน่!!” พดจบก็เดินจากไป
ฝ่ายป้าช้อยก็รีบตรงเข้าไปหาคนที่ร้องไห้ปานจะขาดใจทันที “นางหนูเอ็งไม่เป็นอะไรนะ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ตกเป็นเชลยไม่ได้เป็นอะไร ป้าช้อยก็เอ่ยถามเรื่องที่ค้างคาทันที “ข้าถามเอ็งจริงๆ เถอะนางหนู เอ็งมีความแค้นอะไรกับนายของข้า ทำไมนายข้าถึงทำกับเอ็งแบบนี้”
“ฮือๆ หนูไม่รู้จริงๆว่าเขาแค้นอะไรหนู หนูไม่เคยรู้จักเขาด้วยซ้ำ ฮือๆ ป้าจ๋าหนูอยากกลับบ้าน” กอดคนถามไว้แน่น
“นางหนูข้าก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเอ็งยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้เอ็งกินข้าวกินยาก่อน วันนี้ข้าทำอาหารอ่อนๆ มาให้เอ็ง เผื่อว่าเอ็งจะกินง่ายขึ้น” เอ่ยบอกและถอนหายใจออกมานึกสงสารเชลยสาวคนนี้ไม่น้อยเพราะตั้งแต่ที่ถูกจับตัวมาก็ถูกใช้งานสารพัด ถูกกลั่นแกล้งหลายอย่าง และที่สำคัญร่องรอยบนเนื้อตัวมีหรือคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเช่นเธอจะไม่รูว่าคืออะไร แต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากคอยช่วยอยู่เงียบๆ “ถ้านายให้เอ็งทำอะไรเอ็งทำตามไปเถอะนางหนู จะได้ไม่เจ็บตัว นายเมฆไม่ใช่คนใจร้ายอย่างที่แสดงออกมาหรอกนะ นายเมฆใจดีมาก แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมนายของข้าถึงใจร้ายกับเอ็งนัก”
ฝ่ายชาลิดาก็ได้แต่ทำตามคำบออกขอป้าช้อย เพราะยังไงเธอก็ไม่มีทางเลือก หญิงสาวลงมือทานข้าวและยาเพื่อเติมพลังเพื่อพรุ่งนี้จะได้มีแรงสู้กับความร้ายกาจของเขาทันที
บทที่ 2 อสูรลงทัณฑ์
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ชาลิดาก็พาร่างที่ยังคงซมเพราะพิษไข้เดินซัดโซเซมายังสถานที่ทำงาน ซึ่งก็คือในไร่ที่มีผลไม้นานาชนิด พอมาถึงก็เริ่มต้นทำงานทันที ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ไหว แต่อย่างไรแล้วเธอก็ยังกัดฟันทำงานต่อไป เพราะขืนมีปัญหาคนอื่นก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย
คนงานในไร่ต่างพากันถอนหายใจ เพราะรู้สึกสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จับใจ แต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ ทำได้เพียงช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ เท่าที่สามารถทำได้เท่านั้น
ฝ่ายคนที่กำลังทำงานอย่างอ่อนแรงก็ต้องลอบถอนหายใจ เพราะรับรู้ได้ว่ามีคนจ้องมองตลอดเวลาและก็คงเป็นเขาอีกตามเคย และก็จริงเพราะไม่นานก็มีเสียงตวาดดังลั่นออกจากปากหนาที่แสนจะร้ายกาจ
“มัวทำอะไรอยู่ ดูซิคนอื่นเขาเก็บไปถึงไหนแล้ว ทำไมถึงได้แค่นี้” ตวาดถามลั่นพลางเดินเข้ามาบีบต้นแขนขาวอย่างแรง และจ้องมองราวกับว่ามันเป็นความผิดที่ไม่สามารถให้อภัยได้
ฝ่ายคนที่ถูกร้องถามก็ไม่ตอบเพราะคิดว่าอย่างไรแล้ว คำตอบของเธอก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะคนจะหาเรื่องยังไงก็หาเรื่อง
“อย่ามาทำอวดดีกับฉัน” กัดฟันกรอดโมโหเมื่อเห็นท่าทีที่เฉยเมยของเชลยสาว ออกแรงบีบต้นแขนขาวแรงขึ้นจนคนโดนกระทำต้องเปล่งเสียงร้องออกมาเพราะความเจ็บ
“เจ็บ ปล่อยนะ” ร้องบอกพร้อมกับพยายามแกะมือหนาที่บีบรัดออก นี่เขาตั้งใจจะบีบให้กระดูกของเธอหักเลยหรือไง และต้องร้องอีกครั้งเมื่อมือหนาบีบแรงขึ้นพร้อมกับเสียงตวาดครั้งที่สอง
“ทีหลังอย่ามาอวดดีกับฉันจำเอาไว้ ชาลิดา วันนี้ถ้าเธอเก็บผลไม้ในไร่นี้ไม่เสร็จก็ไม่ต้องไปกินข้าว และวันนี้เธอต้องเก็บมันให้เสร็จให้หมด” ออกคำสั่งเสียงดังและผลักหญิงสาวให้ออกห่าง พร้อมกับเดินไปประกาศกร้าวลั่น “ห้ามมีคนช่วย ถ้าใครช่วยอย่าหาว่าฉันใจร้าย”
เหล่าคนงานต่างพากันหลบสายตาคมที่ดุดัน ตั้งแต่ที่เมฆินซื้อไร่แห่งนี้จากเจ้าของคนเก่า พวกเขาก็พึ่งจะเคยเห็นสายตาที่ดุดันและท่าทางที่เกรี้ยวกราดของชายหนุ่ม ทุกคนถึงกับขนลุกซู่ ดวงตาคมช่างน่ากลัวเสียจริง
เมื่อคนใจร้ายจากไปน้ำตาใสก็มาไหลคลอหน่วยตา และไม่นานก็ปล่อยให้มันไหลลงมา ไม่อาจทนเก็บมันได้ เพราะตอนนี้ในใจของเธอแสนจะเจ็บปวดเหมือนมีใบมีดคมๆ กำลังเชือดใจเธอออกมาเป็นส่วนๆ กำลังแรงใจที่จะฮึดสู้แทบจะเป็นศูนย์ เธอไม่เห็นทางรอดจากเงื้อมมือซาตานเลยสักนิด แบบนี้เธอไม่ต้องทนทุกข์ถูกเขาทรมานไปจนตายหรือคิดแบบนี้หญิงสาวก็สะอื้นออกมาพร้อมกับทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง
ฝ่ายคนงานที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็อยากจะกระโจนเข้าไปปลอบ แต่คำประกาศิตนั้นทำให้พวกเขาก้าวเท้าไม่ออก ทำได้เพียงส่งสายตาไปปลอบเท่านั้น คงมีเพียงลุงชดคนเดียวที่กล้าเดินเข้าไปหา
“นางหนูอย่าร้องไปเลยนะ ถึงเอ็งร้องยังไงเรื่องราวก็ไม่ดีขึ้น ลุงว่าเอ็งไปเก็บผลไม้ตามคำสั่งเถอะ เดี๋ยวลุงจะคอยช่วย” ลุงชราไม่รู้ว่าจะเอ่ยปลอบแบบไหน พูดแบบนี้คงดีที่สุดและส่งยิ้มให้กำลังใจ และนึกสงสารเชลยสาวคนนี้เสียจริงที่ต้องมาถูกกระทำทั้งๆ ที่ตนไม่ได้ก่อเรื่อง มันเป็นความผิดมาจากรุ่นพ่อแม่ ก็น่าจะไปลงกับผู้เป็นพ่อของหญิงสาว ทำไมถึงต้องมาลงกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเรื่องราวที่นายหนุ่มประสบมามันสาหัสสากันพอดู แต่หญิงสาวไม่ได้เป็นคนก่อ ก็ไม่น่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
“ไม่เป็นไรจ๊ะลุง หนูเก็บเองได้จ้ะ หนูไม่อยากให้ใครเดือดร้อน” เอ่ยบอกเสียงสะอื้นพลางใช้มือสวยปาดน้ำตาออกและพยุงร่างที่บอบช้ำขึ้นแล้วทำหน้าที่นางทาสของเธอต่อไป จนเวลาล่วงเลยเกือบหกโมงเย็น คนงานต่างพากันทยอยกันกลับไปพักผ่อน ตอนนี้มีเพียงเธอและลุงชดเท่านั้นในไร่กว้างแห่งนี้
“ลุงกลับไปเถอะจ้ะ ไม่ต้องรอหนู หนูเก็บได้”
“แต่มันมืดแล้ว ลุงว่าเอ็งกลับไปพักเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเก็บต่อ เดี๋ยวลุงจะไปคุยกับนายให้ ไปๆ กลับเถอะ” ร้องบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะพอมืดสัตว์อันตรายต่างๆ ก็จะออกมาหากิน และไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีคนงานถูกงูกัด ลุงชดจึงรู้สึกเป็นห่วงและอีกอย่างเธอก็เป็นผู้หญิงจะให้อยู่ในไร่คนเดียวในขณะที่ท้องฟ้ามืดมิดแบบนี้ได้อย่างไร
“อย่าเลยค่ะลุง หนูไม่อยากจะโดนเขาต่อว่าและหนูก็ไม่อยาก…เจ็บตัว หนูเก็บได้จริงๆ ค่ะ พอเก็บเสร็จหนูจะรีบกลับเลยค่ะ ลุงกลับไปเถอะ” บอกกับลุงชราและแสร้งทำเป็นยิ้มและยังไหว แต่ที่จริงแล้วร่างกายกำลังจะหมดแรง รู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างกายและปวดหน่วงที่ศรีษะอย่างกับมันกำลังจะระเบิดออก จนบางครั้งถึงกลับเซล้มลงไป
“แต่ลุงเป็นห่วงเอ็ง”
“หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ ลุงไม่ต้องเป็นห่วง ลุงกลับเถอะจ้ะ” บอกด้วยน้ำเสียงโรยรา ใกล้จะหมดแรงเต็มทน แต่ทว่ามือที่แสนช้ำก็ยังคงเก็บผลเงาะตามที่ได้รับคำสั่งจากซาตานตัวร้ายต่อไป เพราะรู้ดีว่าหากไม่ทำตามคำสั่ง มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
“งั้นเดี๋ยวลุงกลับก่อน แล้วอีกสักพักลุงจะมาดูเอ็งใหม่ แต่ถ้าเอ็งไม่ไหว เอ็งไปนั่งพักนะอย่าฝืน แค่นี้ร่างกายเอ็งจะล้าเต็มทนแล้ว”
“จ้ะ”
เมื่อลุงชดกลับไป ร่างที่โรยราอ่อนแรงก็ฝืนทำงานต่อไปได้ไม่นานก็ล้มพับอยู่ที่พื้นและก็หมดสติลงทันที
ฝ่ายทางด้านซาตานตัวร้ายก็กำลังเยื้องย่างเข้ามาในไร่เพื่อดูว่าเชลยสาวทำตามคำสั่งหรือไม่และกะว่าจะมาหาเรื่อง และพอมาถึงก็ต้องหรี่ตาสงสัยเพราะไม่เห็นเชลยสาวสุดแค้น เห็นแต่ตะกร้าใส่ผลเงาะอยู่กลางไร่ และพอชะโงกมองที่ตะกร้าก็ต้องกัดฟันกรอดเพราะผลเงาะในตะกร้ามีแต่ผลอ่อนที่ยังไม่สามารถเก็บขายได้ และเดินพล่านหาตัวเชลยสาวอย่างปังปึงเมื่อคิดว่าหญิงสาวลองดีกับเขา ที่เก็บผลเงาะแต่ผลอ่อนทำให้ข้าวของเสียหาย เขาคิดว่าเชลยสาวคงตั้งใจ
ฝ่ายทางด้านเชลยสาวที่หมดสติไปก็ค่อยๆ รู้สึกตัวเพราะตอนนี้มีเม็ดฝนเม็ดเล็กๆ ตกโปรยปรายลงมาและพลางขยับทำลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เพราะมันล้าไปหมดเนื้อตัวก็ปวดร้าว และพอลุกขึ้นก็ต้องล้มไปที่พื้นเช่นเดิม แต่ทว่าก็พยายามลุกขึ้น ซึ่งครั้งนี้เธอก็ทำสำเร็จลุกขึ้นมาได้ หญิงสาวพยายามประคองตัวเพื่อเดินไปหลบฝนที่เพิงพักซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก พอถึงก็ทรุดนั่งตัวสั่น
ฝ่ายคนที่เดินพล่านตามหาก็หงุดหงิดใจที่ฝนโปรยปรายลงมา พลางสอดส่องมองหาไปทั่ว ซึ่งก็พบว่าคนที่เขาตามหากำลังนั่งพักอย่างสบายใจอยู่ที่เพิงพัก รีบก้าวเท้าหนักตรงเข้าไปกระชากตัวของคนที่นั่งตัวสั่นทันที
“เจ็บ!!” หญิงสาวร้องโอดครวญออกมาทันทีที่ถูกกระชากและโดนเหวี่ยงไปที่พื้น น้ำตาแทบเล็ดกับแรงเหวี่ยงนั้น หญิงสาวไม่ต้องเงยหน้าไปมองด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนเหวี่ยงเธอมาก็คงมีแต่อสูรใจร้ายเพียงเท่านั้นที่กระทำกับเธอย่างกับเธอไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ
ความคิดเห็น