ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose of the Underworld

    ลำดับตอนที่ #48 : Fragmented Memories

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 59
      0
      27 ก.พ. 58

    วันรุ่งขึ้นอาเคเดียนรีบออกเดินทางแต่เช้าราวกับจะหนีอะไร เขาแบกอเมเลียขึ้นหลังโดยไม่สนใจว่าหญิงสาวยืนยันจะเดินเอง

    “หากวันนี้เราโชคดีได้เจอบ้านคน อาจจะขอไปพักอาศัยได้”


    อาเคเดียนเอ่ย นั่นทำให้อเมเลียหยุดโต้เถียงทันที ตอนนี้ในใจนึกถึงแต่อ่างอาบน้ำและเตียงนุ่มๆจะแย่แล้ว

    “ข้างหน้าเป็นแม่น้ำแล้วนี่” เสียงอเมเลียดังขึ้นอย่างลิงโลด แม่น้ำสีขาวอันเกิดจากแร่ธาตุที่อยู่ในดินเป็น
    สัญญาณว่าได้เข้าสู่อาณาจักรเทพแล้ว


    อาเคเดียนไม่ได้ตอบว่าอะไร กลับพาหญิงสาวเดินตัดเข้าป่า

    “อ้าว เราไม่เดินเลียบริมน้ำหรอกหรืออาเคเดียน ข้าจำได้ว่าเดมอนนัดรวมพลริมน้ำแถบชายแดนอาจักรเทพนี่” อเมเลียถามขึ้นอย่างสงสัย

    “เดินริมน้ำอันตรายนัก จะเป็นการเปิดเผยตัวต่อศัตรูเกินไป ทางที่ข้าจะพาไปนั้นปลอดภัยกว่า” ร่างสูงตอบพลางเร่งฝีเท้าเข้าไปอีก ตอนนี้เขาต้องหลีกเลี่ยงพวกปีศาจ ตั้งใจว่าเมื่อเข้าสู่เขตเมืองก็จะหาเรือโดยสารสักลำ พาหญิงสาวขึ้นทางตอนเหนือไปเมืองเฮปตากอน ที่นั่นเขาจะฝากเธอไว้ให้มารดาดูแล เสร็จสงครามเมื่อไรก็จะรีบกลับไปหา คิดแล้วก็แอบยิ้มกับตัวเองในใจ ตอนแรกเขาน่าจะเชื่อมารดา ไม่น่าพาเธอออกมาเลย ให้ตายสิ


    ทว่าทันใดนั้น หูก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ว่องไวราวกับลม อาเคเดียนรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มปลดสัมภาระทิ้งลงพื้น ทะยานตัวไปเบื้องหน้าก่อนลอยขึ้นสู่อากาศ แม้จะยังไม่อยากใช้เวทย์ในช่วงนี้แต่คราวนี้จะเป็นจริงๆ


    อเมเลียถามอย่างตกใจ


    “เกิดอะไรขึ้นหรืออาเคเดียน มีใครตามเรามา” สายลมแรงที่ปะทะหน้าทำให้เหยี่ยวน้อยหลบเข้ามาแอบในคอเสื้อของหญิงสาว อาเคเดียนไม่ตอบแต่กลับเร่งความเร็วขึ้น


    เงาดำแฉลบขึ้นมาดักหน้า อาเคเดียนหยุดเกือบไม่ทัน


    “อาเคเดียน เจ้าคิดจะทำอะไร”


    เฟกเก้ซึ่งเหาะขึ้นมาดักหน้าไว้ตะโกนถามเสียงดังเต็มไปด้วยโทสะ เคราะห์ดีที่เขาออกติดตามหาคนทั้งสองแต่เช้า เห็นกองไฟที่ทั้งคู่ก่อทิ้งไว้เมื่อคืนจึงรีบแกะรอยตามมา คาดไม่ถึงว่าเมื่ออาเคเดียนได้ยินเสียงเคลื่อนตัวของเขา แทนที่จะเดินย้อนกลับมาหา กลับเร่งความเร็วหลบหนี นี่องค์ชายแห่งเมืองเฮปตากอนยังสติดีอยู่หรือ เขาตั้งใจลักพาตัวองค์หญิงของอาณาจักรปีศาจจริงๆหรือนี่



    อาเคเดียนกัดฟันกรอด เขาไม่น่าประมาทเฟกเก้ไปเลย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไหวตัวเร็วขนาดนี้ ร่างสูงค่อยๆลดระดับลงสู่พื้นดิน ปล่อยอเมเลียลงกับพื้น


    “เฟกเก้ แล้วพวกเราที่เหลือล่ะ” หญิงสาวร้องทักอย่างดีใจ ไม่ได้รับรู้ถึงความตึงเครียดตรงหน้าเพราะไม่รู้ถึงเจตนาของอาเคเดียนที่กำลังจะพาตนหลบหนี


    “ทุกคนรวมตัวรออยู่ไม่ไกลจากที่นี่พะย่ะค่ะ” ปากตอบแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่อาเคเดียนอย่างดุดัน


    อาเคเดียนจ้องตอบ อเมเลียมองชายหนุ่มรูปงามสองคนสลับไปมาอย่างสับสน อะไรกันอยู่ดีๆมาถึงก็เอาแต่จ้องหน้ากัน


    “แล้วเราจะไปกันเลยมั้ย” หญิงสาวถามเมื่อยังไม่เห็นใครมีท่าทีจะขยับตัว


    “เราจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้น เฟกเก้ จงหลีกทางให้กับข้าเสีย” อาเคเดียนเอ่ยขึ้นก่อน


    “อาเคเดียน ท่านก็รู้ว่าข้าทำเช่นนั้นไม่ได้” เฟกเก้ตอบ


    “นางจะกลับไปกับข้า” อาเคเดียนกล่าวจบ อเมเลียก็หันไปมองหน้าเขาอย่างงุนงง เธอพูดเช่นนั้นตอนไหนกัน

    เฟกเก้ทำเสียงขึ้นจมูก


    “ทำเช่นนี้จะไม่เป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อยรึ” เขาหยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ ภายในขวดมีแสงสีน้ำเงินสวยงาม


    “นี่คือความทรงจำของอเมเลียที่ข้าไปเอาคืนมาจากดีซีส ทำไมท่านไม่ให้ข้าคืนความทรงจำทั้งหมดแก่นางก่อนล่ะ แล้วจึงให้นางตัดสินใจใหม่”


    อเมเลียได้ยินดังนั้นก็หันไปมองขวดแก้วอย่างสนใจ ความทรงจำของเธออย่างนั้นรึ หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นจนไม่อาจระงับ ในที่สุดก็จะได้รู้เสียทีว่าเธอเป็นใครและมีความเป็นมาอย่างไร



    อาเคเดียนหันไปมองสีหน้าตื่นเต้นของอเมเลียอย่างเจ็บปวด หากเขาจะเก็บเธอไว้โดยไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวรู้อดีตของตนก็ดูจะเป็นการโหดร้ายนัก แต่ถ้าอเมเลียได้ความทรงจำคืน หญิงสาวจะยังมีใจให้เขาอยู่หรือไม่ นั่นทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งกว่า



    “อเมเลีย เจ้าจงตัดสินใจเองเถิด” เขาพูดขึ้นเบาๆอย่างคนหมดแรง รู้ดีว่าหญิงสาวจะเลือกอะไร


    “เฟกเก้ ได้โปรดคืนควาททรงจำแก่ข้าเถิด ข้าพร้อมแล้ว” อเมเลียหันไปเอ่ยกับชายหนุ่มเผ่าปีศาจ


    เฟกเก้สาวเท้าเข้ามาใกล้ เปิดจุกขวดแล้วเทสิ่งอยู่ภายในออกมาใส่ฝ่ามืออย่างระมัดระวัง ก้อนกลมสีฟ้าสุกสว่างลอยอยู่เหนือมือเขา


    “หลับตาเสียองค์หญิง” ชายหนุ่มกระซิบ


    อเมเลียหลับตาลง ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น


    ปลายนิ้วของเฟกเก้สัมผัสกับหน้าผากมน ดวงไฟสีน้ำเงินค่อยๆไหลจากมือเขาเข้าไปในศีรษะหญิงสาว อาเคเดียนจ้องตาไม่กระพริบ


    เมื่อลำแสงสุดท้ายหายเข้าไปในหน้าผาก ร่างบางก็ทรุดตัวลงกับพื้น อาเคเดียนถลาเข้าไปประคองไว้

    “อเมเลีย เจ้าเป็นอะไรไป”

    หญิงสาวลืมตาขึ้น แต่รูม่านตาขยายราวกับคนที่ไม่ได้สติ อเมเลียจำได้แล้ว ตัวตนของเธอราวกับตู้ใบใหญ่ที่มีลิ้นชักเล็กๆอยู่ข้างใน แต่ละลิ้นชักแยกขาดจากกันอย่างเด็ดขาด ความทรงจำอันหลากหลายจากแต่ละตัวตน แต่ละช่วงชีวิต ทั้งก่อนถูกลอบสังหาร ชีวิตในโลกมนุษย์ การเดินทางไปยังเมืองพาราไดซ์กับเหล่าปีศาจ และหลังจากถูกดีซีสดูดความทรงจำ ทุกอย่างหลั่งไหลเข้ามาในหัว ภาพแต่ละภาพที่ผุดขึ้นทำให้อเมเลียสับสบว่าตัวเธอคือใครกันแน่ มือเรียวยกขึ้นกุมศีรษะ เหงื่อผุดพราวบนใบหน้า สีหน้าราวกับเจ็บปวด หญิงสาวหลับตาลง


    ภายในเหมือนกำลังมีการต่อสู้กัน กับใครนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจบอกได้ รู้แต่ว่าอีกฝ่ายมีความเข้มแข็งมาก พยายามเบียดเธอเพื่อจะก้าวออกมาสู่โลกภายนอก และ...


     

    อาเคเดียนไม่อาจทนเห็นอเมเลียทรมานได้ ร่างสูงโอบกอดหญิงสาวไว้แน่น ริมฝีปากพร่ำคำปลอบโยนชิดเรือนผม เฟกเก้ได้แต่ยืนมองอย่างเห็นใจ

     

    เพียงไม่นาน ดวงตาคู่งามก็เปิดขึ้นอีกครั้ง สายตาเจิดจ้างดงามและทรงพลัง อาเคเดียนก้มลงสบตากับร่างในอ้อมแขนอย่างดีใจที่เห็นหญิงสาวปลอดภัย


    “อเมเลีย”  


    หญิงสาวสะบัดกายออกจากอ้อมกอดของอาเคเดียน แววตาเช่นนี้ดูไม่ใช่อเมเลียสักนิด! หากแต่เมื่อดวงตาคู่งามนั้นทอดไปเห็นอีกคนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลก็กลับชะงักทันที ความรัก ความโหยหาอาลัยและความเศร้าฉายชัดในดวงตาคู่นั้น


    “ลูซิเฟอร์ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน!”


    กล่าวจบก็โผเข้าไปสวมกอดเฟกเก้ โดยที่ชายทั้งสองคนในที่นั้นไม่มีใครทันได้ตั้งตัว


    …………………

    น้ำตาไหลพรากจากดวงตาคู่งาม เฟกเก้ขยับตัวอย่างอึดอัด เหลือบมองสายตาดุดันของอาเคเดียนที่จ้องมาอย่างไม่ลดละด้วยความไม่สบายใจ


    “องค์หญิง ปล่อยข้าก่อนเถิด ท่านคืนความทรงจำได้ก็ดีแล้ว”


    “ลูซิเฟอร์” หญิงสาวเรียกพลางคลาดอ้อมแขนออก


    “ชู่ว์ อย่าเรียกข้าด้วยชื่อนั้นสิ ท่านจะทำให้ข้าเดือดร้อน”


    หญิงสาวยอมตามอย่างว่าง่าย เฟกเก้ยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างเอ็นดู


    ท่าทางสนิทสนมกันเกินธรรมดาทำให้อาเคเดียนกำหมัดแน่นอย่างระงับไม่ได้ เฟกเก้พยายามตัดบทให้หญิงสาวออกไปเพื่อตนจะได้มีเวลาอธิบายให้อาเคเดียนเข้าใจ


    “ท่านไปอาบน้ำก่อนไหม ใกล้ๆกันนี่มีลำธาร พวกข้าจะเฝ้าอยู่ห่างๆเอง”


    หญิงสาวก้มมองดูสภาพตัวเองก่อนเอ่ยอย่างเห็นด้วย


    “ก็ดีเหมือนกัน” แล้วสายตาคู่งามก็ปราดไปเห็นแนจที่ยังเกาะบนไหลอย่างเหนียวแน่น


    “นี่มันตัวอะไร น่าเกลียดเสียจริง ออกไปนะ”


    ว่าพลางปัดเจ้าเหยี่ยวหิมะตัวน้อยตกลงจากบ่า อาเคเดียนก้มลงเก็บมันจากพื้นขึ้นมาเกาะบ่าเขาแทน หญิงสาวมองตาม


    “แล้วท่านเป็นใคร” องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เอ่ยถาม แต่อาเคเดียนไม่ได้ตอบ เฟกเก้รีบตัดบท


    “ท่านรีบไปอาบน้ำเถิด เสร็จแล้วจะได้กลับไปหาพรรคพวกเราที่รออยู่ ไว้ข้าจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง”


    หญิงสาวพยักหน้า เดินตรงไปยังลำธารทิศทางที่เฟกเก้ชี้ให้ดู ท่วงท่าปราดเปรียวสง่างาม สมกับเป็นจักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจ


    อาเคเดียนรู้สึกเจ็บปวดในอก อเมเลียที่เขารู้จักไม่มีอีกแล้ว มีแต่เงาของใครคนอื่นมาแทนที่ร่างที่เขารักหนักหนา

     

    “อาเคเดียน ข้าขอคุยกับท่านหน่อยเถิด เรื่องราวไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด แต่ข้าขอร้องท่านได้โปรดเก็บไว้เป็นความลับ”


    อาเคเดียนมองหน้าเฟกเก้อย่างไร้อารมณ์ หากแต่ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่เฟกเก้เล่า…



    “อันที่จริงแล้วข้าชื่อลูซิเฟอร์ ข้าเติบโตมาในป่าอาถรรพ์ ในเมืองโบราณที่ล้อมรอบด้วยหุบเขา มันเป็นเมืองปิดที่ลงอาคมไว้ แม่ของข้าตายตั้งแต่ตอนคลอดข้า ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ใจบุญคนหนึ่งในเมืองนั้น แต่ทุกเดือนพ่อของข้าจะแวะมาหา ถ่ายทอดวิชาต่างๆให้ข้า พ่อจะเข้มงวดกับข้ามาก ข้าอยากให้พ่อรัก จึงตั้งใจฝึกวิชาอย่างเต็มที่ ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้ไม่เคยออกไปไหนไกลเกินกว่าป่าอาถรรพ์ จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อบอกข้าว่าพ่อต้องการความช่วยเหลือจากข้า ข้าจึงติดตามพ่อออกจากป่าอาถรรพ์ไปยังเมืองฮาดีส เรื่องราวที่เหลือเจ้าคงจะพอเดาได้"


    เมื่อเห็นอาเคเดียนไม่เอ่ยอะไรจึงเล่าต่อ


    “พ่อบอกข้าว่าพ่อไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นกษัตริย์ ข้าเองก็พอจะรู้เพราะพ่อเป็นคนจากโลกภายนอกเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าออกเมืองโบราณได้อย่างอิสระ แม้พ่อจะไม่เคยพูดแต่ข้าก็พอจะเดาได้ว่าข้าเป็นลูกนอกสมรส แม่ของข้าเป็นคนเผ่าเทพ นี่จึงเป็นสาเหตุที่พ่อต้องซุกซ่อนข้าไว้ในเมืองโบราณ”


    มิน่า.. อาเคเดียนคิด ทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเฟกเก้ล้วนแปลกประหลาดลึกลับ แม้แต่เส้นผมหรือดวงตา เฟกเก้มีผมสีดำ แต่ในแสงแดดผมของเขากลับทอประกายสีทอง ดวงตาก็ไม่ได้ดำสนิทเหมือนเผ่าปีศาจทั่วไปแต่หากไม่สังเกตก็อาจไม่เห็น

     

    “เมื่อพ่อพาข้ามายังเมืองฮาดีส ข้ารู้ว่าข้าจะได้พบกับน้องสาวต่างแม่ ทั้งๆที่รู้เช่นนั้น ครั้งแรกที่ข้าได้พบอเมเลีย ข้าถึงกับตื่นตะลึงแม้จะรู้ว่านางเป็นน้องสาวของข้า ข้าไม่เคยเห็นใครงดงามเช่นนี้มาก่อน แต่ด้วยเวรกรรมอันใดไม่รู้ นางเกิดมาต้องใจข้าเข้า”



    อาเคเดียนสบตากับเฟกเก้ เห็นแต่ความเจ็บปวดในแววตานั้น


    “สำหรับข้าที่รู้มาตั้งแต่แรกว่านางเป็นน้องสาวจึงไม่ได้คิดอะไรเกินเลย แต่สำหรับนาง ข้าไม่อาจบอกนางได้ว่าข้าเป็นพี่ชาย พ่อยิ่งต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ นางจึงทุ่มเทความรักให้แก่ข้าไม่ว่าข้าจะเพียรพยายามบอกนางว่า ข้าไม่เหมาะสมกับนางด้วยประการทั้งปวง แต่นางก็หาได้ฟังไม่  ข้าเองแม้จะรู้เรื่องทุกอย่างก็ไม่อาจจะบอกความจริงแก่นางได้ ในจำนวนชายมากมายที่หลงใหลนาง นางกลับมาเลือกรักคนที่ไม่สมควรที่สุดอย่างข้า ผู้ไม่อาจตอบสนองความรักของนางได้ และท้ายที่สุดก็จบลงด้วยความขมขื่นของทั้งสองฝ่าย”



    อาเคเดียนไม่แปลกใจที่องค์หญิงอเมเลียจะตกหลุมรักเฟกเก้ ชายหนุ่มนอกจากจะฝีมือสูงส่ง รูปลักษณ์ของเขาก็งดงามไม่ผิดกับผู้เป็นน้อง เสียงของเฟกเก้ยังเล่าต่อไป


    “พ่อตั้งชื่อใหม่ให้ข้าว่าเฟกเก้ และที่เมืองปีศาจนั้นทุกคนก็รู้จักข้าด้วยชื่อนี้ ข้าเป็นผู้มีฝีมือ จึงได้รับตำแหน่งสำคัญตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะเป็นที่กังขาของขุนนางผู้อื่น แต่เพราะข้าได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากองค์จักรพรรดิ์จึงไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน”



    “แล้วตกลงพ่อให้ท่านเข้าวังไปทำไม” อาเคเดียนเอ่ยอย่างสงสัย


    เฟกเก้ถอนใจ


    “เรื่องนี้ข้าไม่อยากจะเล่า เพราะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่เพื่อคลายความสงสัยให้แก่ท่าน ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน”

     

    “ข้าไม่เคยรู้ว่าพ่อมีแผนการใดในใจ จนกระทั่งวันที่พ่อถูกลอบสังหาร ข้าจึงได้รู้ว่า อันที่จริงพ่อตั้งใจจะยกบัลลังก์ให้แก่ข้า ข้าไม่เคยปรารถนาอำนาจใดๆ ด้วยความสัตย์จริง ข้าอยากจะบอกพ่อเช่นนี้แต่ไม่มีโอกาสเสียแล้ว พ่อซ่อนข้าไว้ในป่าเพื่อความปลอดภัยของข้าเอง เมื่อข้าเจริญวัยและพร้อมที่จะรับมือจากภัยคุกคามต่างๆ พ่อคงจะคิดแต่งตั้งข้าเป็นรัชทายาท แต่พ่อคงจะเปรยเรื่องนี้กับใครบางคนที่พ่อไว้ใจ และก็ถูกคนผู้นั้นลอบสังหาร”



    “แล้วท่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ในเมื่อพ่อของท่านก็ตายไปแล้ว” อาเคเดียนถามต่อ


    “เพราะพ่อเคยให้จดหมายข้าไว้ฉบับหนึ่ง กำชับให้ข้าเปิดได้หลังจากที่พ่อตายแล้วเท่านั้น พ่ออาจจะคิดไว้แล้วว่าเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นก่อนที่พ่อจะแต่งตั้งข้าอย่างเป็นทางการ ในจดหมายนั้นพ่อเล่าเรื่องราวทุกอย่าง รวมทั้งบอกความตั้งใจของพ่อที่จะให้ข้าขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ แต่ข้าไม่เคยเปิดเผยจดหมายฉบับนี้แก่ผู้ใด เพราะดังที่บอก ข้าไม่เคยปรารถนาบัลลังก์”



    เฟกเก้ยังเล่าต่อไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย แต่สายตากลับดูอ่อนล้า


    “เมื่อไม่มีพ่ออยู่ ข้าคิดจะกลับเข้าป่าอาถรรพ์ แต่องค์ราชินีขอร้องให้ข้าอยู่ช่วยสนับสนุนอเมเลียขึ้นครองบัลลังก์เสียก่อน ใจจริงข้าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสงครามอำนาจนี้ แต่นางก็เป็นน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ของข้า ข้าจึงจำต้องตกปากรับคำ และมันยิ่งทำให้เรื่องราวแย่ขึ้นไปอีก”


    “แย่อย่างไร” อาเคเดียนสงสัย ในเมื่อเฟกเก้ยอมสละบัลลังก์ เรื่องราวก็น่าจะจบอยู่เพียงเท่านี้


    “นางตามตอแยข้ามากขึ้น ไม่ว่าข้าพยายามจะบ่ายเบี่ยง นางก็ตามข้าไม่เลิก ข้าเห็นว่าพ่อก็ตายไปแล้ว จึงบอกวามจริงนางไปว่าแท้จริงข้าคือพี่ชายคนละแม่ของนาง นางไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้รักข้าได้ ข้าเองก็ตั้งใจว่าเมื่อช่วยเหลือให้นางได้ครองอำนาจเมื่อใดก็จะคืนสู่เมืองโบราณ


    ที่ข้าไม่เคยรู้เลยก็คืออเมเลียตั้งใจจะรับตำแหน่งจักรพรรดินีเพื่อให้มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด แล้วสละบัลลังก์ให้แก่ข้า เรื่องนี้มีผู้ล่วงรู้เพียงไม่กี่คน และก่อนที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น นางก็ถูกสังหาร”

     

    “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมองค์จักรพรรดิ์และองค์หญิงโลกปีศาจคือใคร” อาเคเดียนเอ่ยถาม สีหน้าไม่อาจระงับความตื่นเต้นกับสิ่งที่เพิ่งจะได้รู้


     

    “ข้าคิดว่าข้าน่าจะเดาถูก แต่ข้ายังไม่มีหลักฐาน!



    เฟกเก้ตอบ สายตาลุกวาบขัดกับน้ำเสียงเย็น









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×