ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose of the Underworld

    ลำดับตอนที่ #40 : The Ancient City

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 131
      0
      15 ส.ค. 50







    Chapter 40

    The Ancient City




     

                อากาศเย็นเยือกลงเรื่อยๆ หาแต่ฝีเท้าสองคู่ที่เดินตามกันไปนั้นมิได้ชะลอลงเลย เสียงหรีดหริ่งเรไรระงมเคล้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาผ่านม่านใบไม้หนาทึบทาบทาให้ทั่วบริเวณกลายเป็นสีเงิน อาเคเดียนหยุดเดินเมื่อมาถึงลานแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากชายน้ำมาพอสมควร ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งทอดตระหง่าน กิ่งก้านอันโอฬารของมันเป็นดั่งหลังคาปกคลุมไปทั่วบริเวณ ใต้ลานนั้นมีดอกไม้สีขาวดอกเล็กจิ๋วหล่นอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด กลิ่นหอมจรุงอบอวลอยู่ในอากาศ อเมเลียหยุดยืนอยู่ข้างหลัง สูดหายใจอย่างสดชื่น





    คืนนี้เราจะพักกันที่นี่น่ะหรือ


    ใช่แล้ว กลิ่นของดอกไม้ชนิดนี้จะขับไล่แมลงและสัตว์มีพิษในรัศมีนี้ออกไป



    มันคือต้นอะไรหรือ



    เสน่ห์จันทร์  นับว่าเราโชคดีมากที่พบต้นไม้นี้ในป่าอาถรรพ์ คืนนี้เราคงนอนได้โดยไร้กังวล



    ทำไมล่ะ



    ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เสน่ห์จันทร์เป็นต้นไม้ที่มีมนตรา โดยเฉพาะในคืนที่มีแสงจันทร์ มันจะคุ้มครองคู่... เอ่อ ปกป้องผู้คนจากมนตร์ดำอันชั่วร้ายต่างๆ รวมทั้งสัตว์ร้ายด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงรึป่าว อยากจะลองพิสูจน์ดูไหมล่ะ



    แต่งเอาเองหรือปล่าว แล้วมันมีที่มาที่ไปยังไงล่ะ




    ตำนานเล่าไว้ว่า มีจอมเวทย์ชายหญิงสองคนได้หลบหนีการตามล่ามาโดยอาศัยพักแรมใต้ต้นเสน่ห์จันทร์นี้ ทั้งคู่กลัวว่าคนที่ติดตามมาจะพบตัวเข้า จึงได้ร่ายอาคมลงบนต้นไม้ต้นนี้ โดยตั้งสัตย์ไว้ว่า หากชายหญิงใดที่มีจิตมั่นคงต่อกันปักหลักอยู่ใต้เสน่ห์จันทร์ ก็ขอให้อำนาจแห่งรักนั้นบังเกิดเป็นมนตราอำพรางทั้งคู่ไว้จากศัตรูและภยันตรายต่างๆ ทั้งยังขอพรให้คู่รักได้ครองคู่กัน อย่าได้มีสิ่งใดมาทำให้พลัดพรากจากกัน





    อเมเลียรู้สึกหน้าร้อน หายใจขัดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ แสร้งเดินเลี่ยงไปนั่งพักที่โคนต้น



    ข้าง่วงแล้ว


    อืม นอนไปสิ



    ไม่ต้องก่อไฟหรือ



    ไม่จำเป็น อาเคเดียนตอบ ที่นี่ไม่มีอันตราย



    ท่านเชื่อในตำนานหรือไง ไร้สาระน่า!”



    อาเคเดียนไม่ตอบ ปล่อยให้อเมเลียจมอยู่ในความคิดอันสับสน ชายหนุ่มกอบดอกเสน่ห์จันทร์ที่ร่วงกราวทับถมอยู่ใต้ต้นมารวมเป็นกองหนานุ่ม ก่อนถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกวางคลุมไว้



    มานอนบนนี้สิ 



    ไม่เป็นไร ท่านนอนไปเถอะ



    รังเกียจที่เสื้อข้าเปื้อนเลือดอย่างนั้นหรือ



    ปล่าว




    ถ้าเช่นนั้นอย่าดื้อ รีบมานอนเร็ว ข้าอ่อนเพลียเต็มทีแล้ว




    อเมเลียยังคงไม่ขยับ หญิงสาวนั่งชันเข่าหลังพิงต้นเสน่ห์จันทร์ ใบหน้าซุกอยู่ในอ้อมแขนที่กอดเข่าไว้


    ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า




    ไม่ต้องกลัวไปหรอก ถึงบรรยากาศจะเป็นใจเช่นนี้ คืนนี้ข้าก็ยังไม่มีอารมณ์หรอก เก็บแรงไว้รักษาบาดแผลดีกว่า 

    ตาบ้า ลามกที่สุด หญิงสาวแหวหน้าแดง "ใครกลัวอะไรกัน"



    ก็เร็วเข้าสิ รึว่าจะต้องให้อุ้มไป




    เชอะ อเมเลียผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวฉับๆไปล้มตัวลงนอนบนกองเสื้อนั้นโดยไม่สนใจคนที่ยืนอมยิ้มอยู่เบื้องหลัง




    ..............................................................................................




    หลังจากอเมเลียล้มตัวลงนอนบนกองดอกเสน่ห์จันทร์ที่นุ่มและหอมแล้ว ไม่นานหญิงสาวก็หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน อาเคเดียนกลับเป็นฝ่ายเดินมานั่งพิงที่โคนต้นไม้แทน ชายหนุ่มมองไปทางร่างที่หลับใหลของหญิงสาวซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ร่างนั้นขดซุกตัวอย่างหนาวเย็น




    อาเคเดียนเดินไปตวัดผ้าปูนอนขึ้นมาห่มให้หญิงสาว แต่มันก็ยังดูไม่เพียงพอ ร่างของอเมเลียสั่นน้อยๆ ชายหนุ่มเองก็จนใจด้วยไม่รู้จะหาเครื่องกันหนาวที่ใดมาให้อีกนอกจากเสื้อผ้าที่เขาสวมติดกายอยู่ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ อาเคเดียนกุมมือบางไว้ มือนั้นเย็นเฉียบ




    ชายหนุ่มตัดสินใจทอดกายลงนอนข้างๆแล้วดึงหญิงสาวเข้ามาโอบกอดไว้ อเมเลียซุกเข้าหาอ้อมอกอุ่นอย่างไม่รู้ตัว ในไม่ช้าอาการหนาวสั่นก็ค่อยๆหายไป อาเคเดียนยิ้มอย่างพอใจ


    ในไม่ช้า นอกจากเสียงในยามค่ำคืนของป่าที่ดังแว่วมาแต่ไกล บริเวณใต้ต้นเสน่ห์จันทร์นั้นก็เหลือแต่เสียงลมหายใจที่สอดประสานกันในยามนิทราของคนทั้งคู่




     

    ด้วยเหตุกลใดก็มิอาจทราบได้ แต่ในยามที่ร่างอันงามทั้งสองหลับใหลอิงแอบกันอยู่นั้น สภาพภูมิประเทศโดยรอบค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เป็นที่ลุ่มริมน้ำ บัดนี้บังเกิดเป็นหุบเขาใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังต้นไม้ที่ทั้งสองใช้อาศัยเป็นรังนอน




    สิ่งหนึ่งที่ตำนานมิได้กล่าวไว้คือ ต้นเสน่ห์จันทร์ที่จอมเวทย์ได้ลงอาคมไว้ เป็นทางผ่านไปสู่เมืองโบราณอันลี้ลับซึ่งถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกมาเป็นเวลากว่าพันปี และสิ่งที่อาเคเดียนไม่รู้ก็คือ ต้นไม้ที่ทั้งสองอาศัยนอนนั้นคือต้นไม้ต้นนั้น





    ยามใดที่คู่รักทั้งสองมาอาศัยร่มเงาของไม้ใหญ่นี้อิงแอบกัน ยามนั้นมนตราที่อำพรางทางเข้าเมืองโบราณนี้ก็จะคลายออก เปิดโอกาสให้ให้คู่รักได้พากันเร้นกายจากโลกภายนอก

    เมื่อยามเช้ามาถึง อาเคเดียนค่อยๆรู้สึกตัวจากความเย็นของหยาดละอองน้ำค้างที่พรมชุ่มบนเสื้อผ้าและผิวกาย อมเลียยังคงหลับใหลอย่างอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยมีเสื้อคลุมหนาของเขาห่มคลุมอยู่



    ตอนนี้ยังคงเช้าตรู่นัก อาเคเดียนคิดขณะค่อยยันกายออกห่างจากหญิงสาวด้วยกลัวว่าหากเธอตื่นขึ้นมาพบเข้า จะพาลโกรธและเขินอาย



    ทันทีที่อาเคเดียนขยับห่างออกไป ไอแห่งความหนาวเย็นก็แล่นเข้าจับใจ โดยไม่รู้ตัว มือของหญิงสาวก็หน่วงเหนี่ยวชายหนุ่มไว้ เขาจึงจำต้องพลิกตัวกลับมาให้หญิงสาวนอนซุกไว้ดังเดิม



    แม้จะยังนอนอยู่ สายตาของชายหนุ่มก็กวาดไปมองภูมิประเทศรอบตัวตามความเคยชิน แม้บรรยากาศรอบตัวจะยังขะมุกขมัว สิ่งที่เห็นก็ทำให้เลือดในกายของชายหนุ่มเย็นเฉียบ 



    ภาพของหุบเขาขนาดใหญ่ที่ปรากฏต่อสายตาแทบทำให้อาเคเดียนลุกพรวดขึ้นหากไม่ติดว่าหญิงสาวยังคงหลับอยู่ เป็นไปได้อย่างไรกันที่เมื่อคืนเขาจะมองไม่เห็นหุบเขาใหญ่โตเช่นนี้ อาเคเดียนนอนครุ่นคิดไปจนกระทั่งอเมเลียรู้สึกตัวตื่นขึ้น หญิงสาวงัวเงียเล็กน้อย ตั้งท่าจะนอนต่ออีกหน่อย หากแต่สายตาซึ่งจับอยู่ที่บริเวณอกเสื้อของอาเคเดียนทำให้หญิงสาวหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง



    ท่านมานอนตรงนี้ได้ยังไง อเมเลียโวยวายขึ้น หากแต่ชายหนุ่มไม่ตอบคำ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน สายตามองไปยังหุบเขาตระหง่านเบื้องหน้า 



    อเมเลียหันไปมองตามแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง



    อะไรกัน เป็นไปได้ยังไง หุบเขาลูกนี้มาจากไหนกัน




    .........................................................................




    โดยไม่รอช้า อาเคเดียนนำอเมเลียเดินตรงไปยังหุบเขาเบื้องหน้าซึ่งตีนเขาอยู่ห่างออกไปไม่เกินสิบเมตร เมื่อเข้าไปใกล้ อาเคเดียนแหงนหน้ามองส่วนที่เป็นชะง่อนผายื่นออกมา หุบเขานี้สูงชันอันตรายมาก ยากที่ใครจะปีนขึ้นไปได้




    หึ ปีศาจที่ไหนเล่นตลกกับเรารึอย่างไร ทำไมอยู่ดีๆจึงมีหุบเขาใหญ่มาขวางกันเบื้องหน้าเราเช่นนี้ไปได้ อาเคเดียนรำพึงออกมา




    อมเลียซึ่งงุนงงไม่แพ้กัน เดินสำรวจดูรอบๆบริเวณ ขณะที่อาเคเดียนพยายามวาดแผนที่สับสนวุ่นวายในหัวไปหมด ในไม่ช้าก็ถูกดึงความสนใจด้วยเสียงเรียกของหญิงสาว




    ทางนี้ๆ ท่านมาดูสิ มีช่องพอให้คนเดินเข้าไปด้วย 

    อาเคเดียนเดินไปหาหญิงสาว จริงอย่างที่อเมเลียว่า เบื้องหน้าของหุบเขาเป็นโพรงแคบๆ พอให้เดินลอดเข้าไปได้ทีละคน ทั้งสองมองหน้ากันอย่างชั่งใจว่าควรเข้าไปสำรวจดีหรือไม่




    ลองเข้าไปดูไหม เผื่อว่าเราจะพบทางออก อเมเลียเสนอ



    อาเคเดียนพยักหน้ารับ




    ข้าไปสักหน่อยก็ไม่เสียหาย ถ้าหากเป็นทางตันเราค่อยย้อนออกมาทางเดิมก็ได้ ชายหนุ่มตัดสินใจ




    ทั้งสองค่อยๆลอดตัวเข้าไปในโพรงนั้นทีละคน อาเคเดียนนำเข้าไปก่อน เขาใช้พลังเวทย์จุดดวงไฟเล็กๆขึ้นใช้เพื่อส่องทาง ทางเดินนั้นแคบมาก หากแต่เดินไปไม่นานนัก เส้นทางก็เริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ อากาศในถ้ำเย็นยะเยือก บนเพดานถ้ำมีน้ำหยดลงมาเป็นระยะๆ เสียงน้ำกระทบพ้นดังติ๋งๆก้องไปในความมืดของโพรงถ้ำ




    อาเคเดียน เราจะหลงไหม อเมเลียถาม หญิงสาวเริ่มหวาดๆกับความมืดรอบตัว



    ไม่หรอก ถ้ำนี้ไม่มีทางแยก มีทางเดินหลักเพียงเส้นเดียว เราไม่หลงทางหรอก อาเคเดียนปลอบใจ



    ข้าคิดว่าเส้นทางนี้คงมีคนสัญจรเป็นประจำนะ เขาบอกอเมเลียเพื่อให้หญิงสาวคลายความกังวล



    ทำไมล่ะ




    เพราะว่าทางที่เราเดินมาราบรื่น ไม่มีหินงอกขึ้นระเกะระกะ ทั้งๆที่ถ้ำนี้มีความชุ่มชื้นสูงขนาดนี้ เจ้าดูที่เพดานสิ หินย้อยเต็มเลย แต่ที่ทางเดินกลับไม่มีหินงอกเลย



    อเมเลียแหงนหน้าขึ้นดูก็เห็นจริงตามนั้น



    เดินไปได้สักพักทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าดังมาจากโค้งด้านหน้า อาเคเดียนพาหญิงสาวหลบเข้าข้างทาง



    จะดีหรอพี่ ถ้าแม่รู้เข้าต้องโดนฟาดแน่ๆ เสียงเล็กๆร้องขึ้น พร้อมๆกับร่างเล็กสามร่างเดินพ้นออกมาจากทางโค้ง
    นั้น




    วู้ เจ้านี่ปอดแหกเสียจริง ก็ถ้าไม่บอกจะรู้ได้ไงเล่า ถ้าแม่เจ้าถามก็บอกไปสิว่าเราไปเล่นกันที่ลำธาร เด็กที่โตกว่าเอ็ดเอา




    ช่าย เราไปแป๊บเดียวก็กลับละ





    อเมเลียมองหน้าชายหนุ่ม อาเคเดียนส่ายหน้า เขารอจนเด็กทั้งสามเดินผ่านไปแล้วจึงออกจากที่ซ่อนพาอเมเลียเดินไปตามเส้นทางต่อ




    ข้างหน้าคงจะเป็นหมู่บ้าน เราเดินไปอีกไม่ไกลคงจะพบทางออก อาเคเดียนก้มลงกระซิบบอก 



    เรากลับกันเถอะ อเมเลียเริ่มเสียงสั่น




    ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เราลองไปสอดแนมดู ถ้าเห็นท่าไม่ดีแล้วค่อยถอยก็ได้ 

    เดินมาเรื่อยๆ ในไม่ช้าแสงสว่างก็ลอดมาให้เห็นจากทางออก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือชุมชนขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยหุบเขาตระหง่าน ทั้งคู่อ้าปากค้างอย่างตะลึงงัน



    ความเจริญที่ได้เห็นเบื้องหน้าแสดงให้เห็นว่าอารยธรรมของหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้ไม่ได้ด้อยกว่าภายนอกเลย แต่เหตุใดจึงถูกปิดตายอยู่ใจกลางป่าอาถรรพ์




    ……………………………………



     

    พวกเจ้ามาจากไหนกันเรอะ เสียงนุ่มๆใจดีที่ดังมาจากเบื้องหลังทำให้ทั้งสองสะดุ้งเฮือก



    เมื่อหันกลับไปจึงได้พบหญิงชราร่างท้วมท่าทางใจดีคนหนึ่ง ทั้งสองรู้สึกแปลกใจมากที่ตนไม่รู้สึกว่าหญิงชราเข้าใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่




    เราหลงทางมา ไม่รู้เข้ามาถึงที่นี่ได้อย่างไร ขอแม่เฒ่าช่วยชี้แนะด้วย อาเคเดียนตอบอย่างสุภาพ



    แววดาอบอุ่นนั้นเพ่งมองทั้งสองอย่างพินิจพิเคราะห์ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น



    เจ้าคงเป็นเผ่าเทพ ส่วนแม่หนูนี่คงเป็นเผ่าปีศาจสินะ เอาล่ะ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว หมู่บ้านเราก็ยินดีต้อนรับ ว่าแต่พวกเจ้าชื่ออะไรกันล่ะ



    ข้า อาเคเดียน ส่วนนาง อเมเลีย แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าพวกเรามาจากไหน



    ไม่ยากหรอกนะพ่อหนุ่ม ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาในหมู่บ้านนี้ได้ก็เป็นคนต่างเผ่ากันทั้งนั้น แม่หนูนี่น่ะ ผมดำตาดำน่ารักเช่นนี้คงมาจากอาณาจักรปีศาจซึ่งอยู่ทางตอนใต้ ฉะนั้นเจ้าก็เป็นเผ่าเทพอย่างไม่ต้องสงสัย



    ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนกันหรือท่านแม่เฒ่า เหตุใดท่านจึงกล่าวว่ามีแต่คนต่างเผ่ากันเท่านั้นที่เข้ามาได้ 

    ฮ่าๆๆ นี่เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกรึว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน ที่นี่คือหมู่บ้านลี้ลับซึ่งเป็นสถานที่อยู่ของคู่รักต่างเผ่าพันธุ์ซึ่งโลกภายนอกไม่ยอมรับ หลายต่อหลายคู่ที่หลบหนีการติดตามของคนในครอบครัวหรือสังคมเพื่อมาใช้ชีวิตร่วมกัน พวกเจ้าก็คงเป็นหนึ่งในนั้นล่ะสิ



    ถูกแล้วแม่เฒ่า เป็นดังที่ท่านว่า อาเคเดียนรับสมอ้างในทันใด พร้อมกับดึงหญิงสาวเข้ามากอด โดยกดใบหน้าให้ซุกกับอก กันไม่ให้พูดโต้แย้ง



    ช่างน่ารักสมกันจริงๆ คนในโลกภายนอกช่างใจแคบ ไม่รู้ทำไมต้องเอาชาติกำเนิดมากีดกันความรักด้วย ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่สวยงามแท้ๆ



    เช่นนี้แหละท่าน พวกเราจึงต้องหนีมา หวังมาตายเอาดาบหน้า อาเคเดียนตอบ มือยังคงไม่ยอมปล่อยจากใบหน้าของหญิงสาว



    แหม ข้ารู้แล้วว่าพวกเจ้ารักกันมาก ไม่ต้องแสดงความรักกันมากขนาดนี้ก็ได้ เจ้าคงกอดนางแน่นไปแล้วกระมัง ดูสิ แม่หนูนี่ดิ้นใหญ่เลย ท่าทางจะหายใจไม่ออก แม่เฒ่าเอ่ยยิ้มๆอย่างเอ็นดู เอาล่ะ ในเมื่อมาถึงแล้วข้าก็จะแนะนำพวกเจ้าให้ได้รู้จักกับชาวเมืองทุกคนในฐานะสมาชิกใหม่ หวังว่าพวกเจ้าคงจะอยู่ได้โดยไม่มีปัญหา พวกเจ้าไปพักกันที่บ้านของข้าก่อนก็แล้วกัน ดูท่างทางคงหิวและเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย พูดจบหญิงชราก็เดินนำไปทันที




    ว่าแต่ท่านแม่เฒ่ามีนามว่ากระไรหรือขอรับ อาเคเดียนเอ่ยถามขณะจูงอเมเลียก้าวตามไป



    อ้อ ข้าลืมแนะนำตัวไป ข้าชื่อ เอย่า เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ แต่หากเจ้าเห็นว่าชุมชนนี้มันใหญ่เกินกว่าจะเป็นหมู่บ้านแล้ว จะเรียกข้าว่าเป็นเจ้าเมืองก็ไม่ผิดนัก



    เช่นนับนับเป็นเกียรติแก่พวกเรามากที่ท่านให้การต้อนรับเช่นนี้ เราคงต้องขอรบกวนท่านแล้ว อาเคเดียนกล่าวอย่างเกรงใจ



    เอย่าหันมายิ้มอย่างใจดี ก่อนที่จะเดินนำทางไปสู่ใจกลางหมู่บ้านลึกลับ





                ตามเส้นทางซึ่งโรยด้วยกรวดเนื้อละเอียด มีผู้คนเดินสัญจรผ่านไปมา ต่างพากันทักทายแม่เฒ่าและชำเลืองมองผู้มาใหม่อย่างสงสัยใคร่รู้ เอย่าทำทีไม่สนใจต่อสายตาแสดงคำถามเหล่านั้น รีบพาหนุ่มสาวทั้งสองเลี่ยงมาโดยเร็ว



    ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาแนะนำตัว พวกเจ้าเหนื่อยมากันถึงเพียงนี้ รีบกลับไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่า คืนนี้ค่อยออกมาทำความรู้จักกับคนอื่นๆตอนงานเลี้ยงฉลองก็แล้วกัน เอย่าหันมาบอกหลังจากเดินผ่านคนกลุ่มใหญ่มา




    อาเคเดียนและอเมเลียไม่ได้ตอบคำใดนอกจากเร่งฝีเท้าให้ทันจังหวะก้าวเดินที่เร็วขึ้น ในไม่ไม่ช้าก็มาถึงบ้านซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ล้อมด้วยแนวไม้พุ่มเตี้ยๆ ตัวบ้านทำด้วยไม้เนื้อแข็งดูมั่นคงแข็งแรง แม้จะมีชั้นเดียวแต่ก็ซอยย่อยเป็นหลายห้อง




    เอย่าเดินนำทั้งสองเข้ามาในบ้านก่อนตะโกนเรียกบริวาร



    เอ้า ออกมารับแขกกันหน่อยเร็ว แหม เข้ามาถึงในบ้านแล้วยังไม่รู้หน้าที่กันอีก




    บ่าวชายหญิงพากันกระวีกระวาดออกมารับหน้าแม่เฒ่ากันถึงหน้าเรือนซึ่งยกพื้นสูงประมาณเลยเข่า ไม้กระดานขัดมันวับ




    โอ้โห ท่านย่าพาใครมาด้วย ทำไมสวยหล่อกันเช้งวับเลย บ่าวไพร่พยายามชะเง้อดูทั้งคู่กันสลอน




    แม่สาวที่ใจกล้าหน่อยก็หันไปส่งยิ้มให้อาเคเดียนผู้มีสีหน้าเฉยชาอยู่เป็นนิตย์




    เอ้า จงไปช่วยกันเตรียมห้องรับรองแขก ทั้งคู่จะอาศัยอยู่ที่นี่จนกว่าจะมีบ้านเป็นของตนเอง ส่วนอีกพวกหนึ่งแยกไปช่วยกันปรนนิบัติแขกให้ดี 




    สั่งเสร็จจึงหันมาพูดกับทั้งสอง เพิ่งมาถึง ไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนเถอะนะ เสร็จแล้วจึงค่อยออกมาทานอาหารกัน 

    ขอบคุณท่านมากที่ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี แต่เราขอเพียงห้องพักเท่านั้นก็พอ ไม่ต้องลำบากให้คนของท่านมาดูแลเราหรอกขอรับ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว อาเคเดียนเอ่ยขึ้น




    อืม ถ้าเจ้าต้องการความเป็นส่วนตัวเช่นนั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน เอย่าว่า ก่อนหันไปถามอเมเลีย เจ้าล่ะ ต้องการให้ใครไปช่วยไหม




    อเมเลียเหลือบไปมองสายตาปรามๆของอาเคเดียนก่อนตอบ ไม่ต้องหรอกจ้ะ ขอบคุณท่านแม่เฒ่ามาก





    ถ้าเช่นนั้นก็ตามสบายนะ เสร็จแล้วออกมาพบกันที่ห้องอาหารแล้วกัน ว่าแล้วเอย่าก็เดินจากไป ปล่อยให้บริวารนำทั้งสองไปยังห้องพักซึ่งอยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×