คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : A Love Captive
Chapter 35
A Love Captive
ค่ำคืนแห่งการหลบหนีของเหล่าปีศาจนับเป็นคืนที่โกลาหลที่สุดของเมืองพาราไดซ์ เนื่องจากเกิดเหตุไม่คาดคิดถึงสามประการ อันได้แก่ การปรากฏตัวของเหล่าปีศาจท่ามกลางงานชุมนุมของเหล่าเทพ การบุกชิงคฑามหาเวทย์แห่งโลกปีศาจซึ่งอิคารัสขโมยมาซ่อนไว้ และการลักพาตัวพระชายาของอาเคเดียนผู้เป็นเจ้าชายแห่งเมืองเฮปตากอน อิคารัสตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากยิ่งนัก ไม่อาจตัดสินใจได้ว่าควรจัดการกับปัญหาอย่างไหนก่อน เหล่าทหารล้วนต้องแบ่งกำลังกันออกไปจัดการภารกิจต่างๆอย่างสับสนวุ่นวาย แต่ภารกิจที่อิคารัสให้ความสำคัญที่สุด ณ ขณะนี้คือ การติดตามหาชายาของอาเคเดียน ที่อาเคเดียนได้ขีดเส้นตายไว้ยามรุ่งเช้า เวลาเหลืออีกไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นก็จะสว่างแล้ว แต่ยังไร้วี่แววของพระชายาผู้หายสาบสูญ
“จะเช้าอยู่แล้ว พวกเจ้ายังหาไม่พบอีกเรอะ บัดซบจริงๆ” อิคารัสตะโกนอย่างกังวลและกราดเกรี้ยว
“พวกเราได้พยายามค้นหาทุกซอกทุกมุมอย่างเต็มที่แล้วนะขอรับ แต่ไม่พบร่องรอยใดๆเลย” นายทหารผู้รับผิดชอบตอบอย่างอ่อนล้า
“ไม่ต้องมาแก้ตัว พวกเจ้าไม่รู้รึไง ว่าหากหานางไม่พบข้าจะเป็นเช่นไร เจ้าอาเคเดียนมันไม่เอาข้าไว้แน่ แล้วพวกที่ตามหาคฑาที่ถูกโจรกรรมล่ะได้เบาะแสอะไรบ้างไหม”
“เอ่อ...คาดว่าเป็นพวกปีศาจขอรับที่ชิงไป”
“ดีมาก เช่นนั้นไปคุมตัวพวกมันมา ข้าจะสอบสวนเอง” อิคารัสมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย
“เอ่อ...เหล่าปีศาจหลบหนีไปกันตั้งแต่ยามดึกแล้วขอรับ ไม่มีใครเหลืออยู่เลย”
“บัดซบที่สุด พวกเจ้ามัวทำอะไรอยู่ แล้วทหารที่คุมท่าเรืออยู่ล่ะ เห็นใครผิดสังเกตบ้างไหม”
“ขออภัยฝ่าบาท ทหารที่คุมท่าเรืออยู่ถูกเรียกตัวกลับเพื่อมาช่วยค้นหาพระชายาพะย่ะค่ะ”
อิคารัสรู้สึกกราดเกรี้ยวและสิ้นหวัง “ไม่ได้เรื่องเลยสักคน ออกไปให้หมด ข้าอยากอยู่คนเดียว”
หลังจากเหล่าทหารพากันออกไปจนหมดแล้ว เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
“ท่านโฮ่ย่าห์! โอ ข้าควรทำเช่นไรดี”
“ตอนนี้สายไปแล้วที่จะมานั่งเสียใจ ท่านไม่มีทางเลือกนอกจากจะเป็นฝ่ายชิงลงมือกำจัดอาเคเดียนก่อน”
“แต่ท่านก็รู้ว่าฝีมือมันขนาดไหน ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ปล่อยมันไว้เป็นเสี้ยนหนามตำอกมาจนบัดนี้หรอก” อิคารัสเอ่ยอย่างอัดอั้น
“ถ้าเช่นนั้น ท่านคิดจะทำเช่นไร” โฮย่าห์ลองถามหยั่งเชิง
“ข้าจะประกาศสงครามกับมัน” อิคารัสตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
โฮย่าห์ได้แต่คิดปรามาสในใจ หากปากกลับเอ่ยไปว่า
“เช่นนั้นท่านจักต้องหาพันธมิตร ซึ่งแน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมหาได้ยากเต็มที”
“ไม่หรอกท่าน ยังมีอีกหลายเมืองที่ได้ร่วมมือกับข้าโค่นล้มราชวงศ์เก่าไปและอีกมากมายที่ต้องการสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ข้าจะหยิบยื่นให้ พวกนั้นย่อมต้องร่วมมือกับข้าโดยไม่ต้องสงสัย” อิคารัสตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วเมืองที่เหลือที่ไม่เข้าข่ายดังท่านว่านั่นเล่า ท่านไม่คิดว่าเขาจะไปเข้ากับฝ่ายอาเคเดียนหรือ” โฮย่าห์ถาม
“ไม่หรอกท่าน แรกๆพวกนี้อาจจะดูท่าทีก่อนว่าฝ่ายไหนจะได้เปรียบ จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าจะร่วมกับฝ่ายไหน ฉะนั้น เราต้องรีบชิงโจมตีอาเคเดียนก่อนที่มันจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากใครๆ”
“ที่ท่านคิดมาก็เข้าทีดีอยู่หรอก แต่จงอย่าลืมว่าต้นเหตุของสงครามครั้งนี้เราเป็นฝ่ายผิด อาจจะหาแนวร่วมได้ยากเต็มที”
“ไม่เป็นไรดอกท่าน อย่างไรเสียตอนนี้กำลังรบของเราก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว ไม่รบวันนี้ก็ต้องรบวันหน้าอยู่ดี เพียงแค่เลื่อนเวลามาเร็วหน่อยเท่านั้น”
“แล้วพันธมิตรของท่านที่เมืองปีศาจนั้นเล่า เขาย่อมรออยู่ว่าเมื่อใดท่านจะลงมือตามที่ได้สัญญาไว้” โฮย่าห์เตือนสติ
“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส่งคนไปบอกว่าตอนนี้องค์หญิงอเมเลียและเหล่าปีศาจกำลังหลบหนีกลับไปยังเมืองฮาดีส ให้รีบโจมตีระหว่าเขตป่าอาถรรพ์ให้สิ้นซากไปเสีย ตกลงตามนี้ ท่านเห็นว่าดีไหม” อิคารัสหันไปถามโฮย่าห์อย่างขอความเห็น
“เมื่อท่านตัดสินใจเช่นนี้แล้วก็ตามใจท่านเถิด ข้าขอตัว” ว่าแล้วโฮย่าห์ก็คำนับและเดินจากไป
อิคารัสตะโกนเรียกคนสนิทเข้ามาสั่งการและเตรียมดำเนินการตามที่ได้วางแผนไว้
..............................................................................................................
เลมอสยังคงนั่งรออาเคเดียนอยู่ที่หน้าตำหนักในขณะที่เหล่าทหารต่างรู้สึกสำนึกผิดที่ปล่อยให้อเมเลียถูกลักพาตัวไปจึงนั่งรออยู่ด้วยไม่ยอมกลับไปพัก ทันทีที่ร่างสูงของอาเคเดียนก้าวยาวๆเข้ามา เลมอสก็ผุดลุกขึ้นวิ่งเข้าไปถามอย่างกระตือรือล้น
“เป็นอย่างไรบ้างกระหม่อม”
อาเคเดียนไม่ตอบหากแต่เร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปในตำหนักพร้อมกับสั่งให้เลมอสตามเข้าไป
“เจ้าเข้ามาคุยกับข้าด้านใน”
“ขอรับ” เลมอสแทบจะต้องวิ่งตามด้วยอาเคเดียนมิได้ชะลอฝีเท้าลงเลย
เมื่ออยู่กันตามลำพังเลมอสจึงถามขึ้นอีกครั้ง
“เป็นอย่างไรบ้างท่าน พบท่านหญิงอเมเลียไหม”
“พบ” อาเคเดียนตอบสั้นๆ “เจ้าอย่าเพิ่งถาม ให้ข้าจัดการมอบหมายงานให้เรียบร้อยก่อน”
“อะไรกันท่าน พบแล้วทำไมไม่พานางกลับมาด้วยล่ะ”
“ข้าบอกว่าอย่าเพิ่งถาม ถ้ามีเวลาเหลือข้าจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้ข้าต้องรีบแล้ว”
“ทำไมหรือท่าน ท่านจะไปไหน ให้กระหม่อมติดตามไปด้วยนะขอรับ”
อาเคเดียนไม่สนใจ จัดแจงอธิบายทันที
“พรุ่งนี้รุ่งเช้าเจ้าจงนำสาสน์ จากข้าไปแจ้งแก่อิคารัสว่า มันจะต้องชดใช้ต่อการหายตัวไปของพระชายา ข้าจะโจมตีเมืองมันเป็นการแก้แค้น”
เลมอสอ้าปากตะลึง
“อ้าว ก็ท่านพบแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมต้องประกาศสงครามด้วยล่ะท่าน แล้วถ้าท่านไม่ไปด้วยตนเองจะให้ข้าบอกว่าอย่างไรล่ะ”
“บอกไปว่าข้าเสียใจมากจนไม่อาจพบเจอหน้าใครได้ ทำตามที่ข้าสั่งแล้วรีบกลับไปเตรียมกำลังพลที่เมืองเราซะ เข้าใจไหม อีกไม่นานข้าจะกลับไปสมทบที่เมืองเอง บอกพระมารดาด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
“ต.. แต่ว่า...” เลมอสอึกอักด้วยยังสับสน
“เอาล่ะ ข้าต้องรีบไป อเมเลียกำลังจะกลับไปยังโลกปีศาจ ข้าจะตามนางไป อีกไม่ถึงชั่วยามเรือจะออกแล้ว มีอะไรเจ้าจงจัดการให้เรียบร้อย ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ ข้าไปล่ะ”
“ที่แท้ก็หนีงานไปตามหาหัวใจนี่เอง” เลมอสยิ้มเผล่ “เดินทางโดยสวัสดิภาพนะท่าน กลับมาคราวนี้ให้ได้มาอภิเษกกันจริงๆเลยล่ะ ไม่ต้องเป็นกำมะลอแล้ว”
อาเคเดียนอมยิ้มและลุกขึ้นยืน เลมอสรีบเอ่ย
“ท่านลูคาเชียสฝากบอกท่านว่า ท่านเลือกได้ไม่ว่าจะเรื่องความรักหรืออาณาจักร และขอให้ท่านโชคดี”
“ขอบใจมาก ขอให้เจ้าโชคดีเช่นกัน” ว่าแล้วอาเคเดียนก็จากไปโดยรวดเร็วพอๆกับขามา
..............................................................................................................................................
หลังจากออกเรือไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เช้าวันใหม่ก็มาถึง คณะเดินทางออกมาไกลจากเมืองพาราไดซ์พอสมควรแล้ว คนในเรือเริ่มทยอยตื่น ขณะเฮเธลำลังเตรียมจัดอาหารเช้าให้แก่อเมเลีย ก็เห็นเดมอนและเฟกเก้เดินมาด้วยกัน จึงร้องทัก
“จะไปไหนกันหรือท่าน ตื่นกันแต่เช้าเชียว”
“เฟกเก้มาปลุกข้า บอกว่าจับผู้บุกรุกได้” เดมอนตอบ
“จริงหรือ” เฮเธลร้องอย่างตกใจ “มันเป็นใครกัน”
“ไม่รู้เหมือนกัน กำลังจะไปดู เฟกเก้ทำท่ามีลับลมคมในไม่ยอมบอกข้า ข้าจึงต้องไปดูให้เห็นกับตา”
“งั้นข้าไปด้วย”
ว่าแล้วเฮเธลก็ผละจากการตระเตรียมอาหารตรงหน้าตามสองหนุ่มไปทันที
เฟกเก้นำทั้งสองลงไปยังห้องใต้ท้องเรือซึ่งใช้เป็นที่คุมขังทาส แสงสลัวจากคบเพลิงทำให้มองเห็นไม่ชัด หากแต่เมื่อเข้าไปใกล้ ทั้งเดมอนและเฮเธลต้องอุทานออกมาพร้อมกัน
“อาเคเดียน”
“ถูกต้องแล้ว เมื่อคืนข้าออกมาพบเขาขณะพยามยามจะแอบขึ้นเรือเรา จึงจับมัดไว้แล้วนำมาขังไว้ที่นี่ ว่าจะรอบัญชาจากองค์หญิงว่าจะให้จัดการยังไง” เฟกเก้อธิบาย
เฮเธลและเดมอนมองหน้ากันแบบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เฟกเก้พูด แม้ว่าเฟกเก้จะมีฝืมือสูงมาก แต่ระดับอาเคเดียนก็ใช่ย่อยที่ใครๆจะจัดการได้ง่ายๆ เดมอนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“เจ้าไปหลอกเด็กอมมือเถิด เฟกเก้ เรื่องแค่นี้หากข้าไม่รู้ก็ควรถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
เฮเธลหันไปพูดกับอาเคเดียน
“ทำไมท่านต้องลงทุนทำเช่นนี้ด้วย ในเมื่อท่านก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ยังออกมาไม่ไกลนัก กลับไปเสียเถิด”
อาเคเดียนนิ่งเฉยไม่ตอบคำ เฟกเก้จึงพูดขึ้นแทน
“ช่างเถิดเฮเธล ข้าว่าเรื่องนี้ให้องค์หญิงตัดสินใจดีกว่าว่าจะจัดการกับเชลยคนนี้ยังไง เอ้า เราช่วยกันคุมตัวไปพบองค์หญิงกันเถอะ”
ว่าแล้วเฟกเก้ก็แสร้งฉุดอาเคเดียนที่ถูกจับมัดมือให้ลุกขึ้นยืนอย่างกระแทกกระทั้น โดยสวมบทบาทราวกับเขาเป็นผู้คุมและอาเคเดียนเป็นนักโทษจริงๆ
แม้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมาอาเคเดียนจะยังไม่พักผ่อน สีหน้าของเขาก็ไม่ได้อิดโรยแม้แต่น้อย เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างมั่นคงสง่างามจนทำให้เฮเธลและเดมอนมองไปที่เชือกที่มัดมืออยู่และอดคิดไปไม่ได้ว่า หากอาเคเดียนไม่สมยอมจริงเชือกเส้นเท่านี้จะรั้งเขาไว้อยู่หรือ
“เอ้า ตามข้ามา ข้าจะพาไปให้องค์หญิงอเมเลียตัดสินโทษเจ้า” เฟกเก้ว่าทีเล่นทีจริง
ทั้งหมดจึงพากันออกจากใต้ท้องเรือโดยทยอยปีนตามขึ้นมาทีละคน เฟกเก้และเดมอนมีสีหน้ารื่นเริงขบขัน ในขณะที่เฮเธลทำหน้าเซ็ง
ไม่มีผู้ใดอาจคาดเดาได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไรในเมื่อองค์ชายเผ่าเทพตัดสินใจมาเป็นเชลยของฝ่ายปีศาจในขณะที่สงครามใหญ่กำลังจะอุบัติขึ้น
ความคิดเห็น