ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose of the Underworld

    ลำดับตอนที่ #26 : The Night of Confusion

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 160
      0
      24 เม.ย. 48

    ขณะที่รถม้ากำลังวิ่งไปข้างหน้า อเมเลียรู้สึกถึงบางสิ่งซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่บริเวณปลายเท้าแต่ก็มองไม่เห็นเนื่องจากความมืดภายในรถ



    “อาเคเดียน มีอะไรอยู่ที่ปลายเท้าก็ไม่รู้ มันแหยะ ๆ ลื่น ๆ ยังไงไม่รู้” อเมเลียร้องขึ้นอย่างขยะแขยง



    “เจ้าคิดมากไปหรือ...” พูดยังไม่ทันจบเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างพันขาของเขาไว้แน่น



    อาเคเดียนหงายฝ่ามือขึ้น ปรากฏก้อนเพลิงขนาดเล็กลอยอยู่บนฝ่ามือนั้น ภาพที่ปรากฏแทบทำให้เลือดในกายของทั้งสองเย็นเยียบ



    อสรพิษจำนวนมากกำลังเลื้อยยั้วเยี้ยอยู่บนพื้นรถจนแทบไม่มีที่ว่าง อเมเลียกรีดร้องพลางรีบหดขาขึ้น หญิงสาวกระโจนขึ้นไปนั่งตักอาเคเดียนอย่างคุมสติไม่อยู่



    “อยู่เฉย ๆ สิอเมเลีย ให้ตายสิ เจ้าดิ้นอย่างนี้แล้วข้าจะทำลายมันได้ยังไงล่ะ” อาเคเดียนพูดกับอเมเลียซึ่งไม่มีสติพอที่จะรับฟัง พลางพยายามรวบร่างที่ดิ้นเร่า ๆ นั้นให้อยู่นิ่ง ๆ



    เขารวบตัวหญิงสาวไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างที่ว่างแปรสภาพเพลิงที่ให้แสงสว่างเมื่อครู่ให้กลายเป็นเพลิงมายา ขว้างไปยังกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานซึ่งยั้วเยี้ยอยู่บนพื้นรถ ล่อลวงศัตรูให้โจนเข้าหาจุดจบ



    อสรพิษทั้งหลายฉกวูบ โจนจ้วงเข้าหากองเพลิงซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นั้นราวกับเป็นศัตรูที่พวกมันมุ่งประหัตประหาร เสียงขู่ฟ่อดังกลมกลืนไปกับเสียงไฟที่กำลังลุกไหม้เนื้อตัวของมัน ตัวแล้วตัวเล่าด่าวดิ้นตายในกองเพลิงนั้นโดยไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงภาพมายาของศัตรู



    เมื่ออสรพิษตัวสุดท้ายถูกกำจัดไป อาเคเดียนหันมาทางอเมเลียซึ่งนั่งหลับตาตัวสั่นซุกอยู่บนตักเขา



    “ลืมตาได้แล้ว อเมเลีย ข้ากำจัดมันไปหมดแล้ว”



    อเมเลียยังไม่ฟัง หญิงสาวกอดเขาไว้แน่นทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่ อาเคเดียนลอบยิ้มกับตัวเอง



    “เจ้านี่ก็ตัวหนักไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ” เขาเอ่ยเย้า เอามือลูบหลังหญิงสาวเบา ๆ อย่างปลอบประโลม อเมเลียค่อยรู้สึกตัว คลายวงแขนออก กระถดตัวลงนั่งบนที่นั่งของตัวเองอย่างกระดาก เนื้อตัวยังคงสั่นน้อย ๆ



    “พวกมันมาจากไหน ทำไมตอนขึ้นรถไม่เห็นมี” หญิงสาวถามอาเคเดียนเสียงสั่น



    “มีคนส่งพวกมันมาต้อนรับเราน่ะ อย่าตกใจไปเลย ของแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”



    “ทำไม ใครเป็นคนส่งมา”



    “เจ้าอย่ารู้เลย ถึงข้าบอกไปก็ไม่รู้จักหรอก” อาเคเดียนตอบ



    จริงของเขา หญิงสาวคิดพลางผ่อนลมหายใจออกมา ยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจจึงเอ่ยปากกับอาเคเดียน



    “ท่านช่วยจุดไฟอย่างเมื่อกี๊ไว้ก่อนไม่ได้เหรอ เผื่อพวกมันโผล่ออกมาอีก”



    “อย่ากลัวไปเลย สำหรับคืนนี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ แต่ถ้ามีอีกเจ้าอย่าฉวยโอกาสกระโดดกอดข้าอีกล่ะ มันทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก” เขาตอบก่อนเอนหลังพิงกับพนัก



    \"ตาบ้า\" อเมเลียว่า หน้าแดงอยู่ในความมืด



    รถม้ายังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ อเมเลียเกิดสงสัยจึงถามขึ้น



    “ทำไมตอนเกิดเรื่อง คนขับรถม้าไม่ได้ยินอะไรหรือไงนะ ทำไมไม่สนใจเราเลยล่ะ”



    “คนขับรถน่ะไม่ก้าวก่ายเรื่องของเจ้านายหรอก” อาเคเดียนตอบอย่างไม่สนใจนักพลางหลับตาลง ทิ้งให้อเมเลียงุนงงกับคำตอบนั้น ด้วยไม่เข้าใจว่า เจ้านายที่ว่านั้นหมายถึงเธอและอาเคเดียน หรือคนที่ส่งงูพวกนั้นมา แต่เมื่อหันไปทางอาเคเดียนเขาก็ปิดเปลือกตาลงไม่สนใจอะไรอีก จึงทำให้หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ





    ในงานเลี้ยงอันหรูหรา อิคารัสยืนต้อนรับทักทายแขกเหรื่อซึ่งเป็นเจ้าเมืองปกครองหัวเมืองใหญ่อย่างชื่นมื่น แขกส่วนใหญ่มากันเกือบครบแล้วแม้ว่าจะยังไม่ถึงเวลางาน อยู่ ๆ รถม้าคันหนึ่งซึ่งไม่ระบุว่าเป็นของเมืองใดก็มาหยุดที่หน้าประตู ผู้ที่ก้าวลงจากรถมาเป็นสตรีรูปงามซึ่งในหมู่เจ้าเมืองในอาณาจักรเทพไม่มีใครรู้จักเว้นแต่



    “องค์หญิงอเมเลีย ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” อิคารัสเอ่ยอย่างประหลาดใจที่เห็นเฮเธลซึ่งปลอมตัวเป็นอเมเลียปรากฏกายขึ้นที่นี่



    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบ ร่างทั้งหกก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหลัง ได้แก่ เฟกเก้ เดมอน ลูเซีย และผู้ติดตามฝีมือดีคนอื่น ๆ ราวกับล่องหนมา



    เสียงอื้ออึงของคนในงานดังขึ้นเมื่อได้ยินชื่ออเมเลีย ต่างไม่อยากเชื่อว่าอาณาจักรปีศาจได้บุกเข้ามาถึงงานเลี้ยงในใจกลางเมืองหลวงแห่งอาณาจักรเทพ ต่างเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น



    “ข้าได้ข่าวว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงจึงต้องการมาร่วมด้วยสักหน่อย ไม่ทราบว่าท่านจะอนุญาตหรือไม่” เฮเธลเอ่ยขึ้นเสียงเย็น มองอิคารัสด้วยสายตาชวนขนหัวลุก



    อิคารัสปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็วพลางตอบ



    “แน่นอน ท่านย่อมเป็นแขกคนสำคัญเชียวล่ะ ขออภัยที่ไม่ได้เชิญ ข้าคิดว่าท่านไม่สนใจที่ร่วมสังสรรค์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับพวกเรา”

    เขาหันไปประกาศกับเจ้าเมืองต่าง ๆ



    “เชิญทุกคนดื่มให้กับแขกพิเศษของข้า จักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจ ข้าได้เชิญพระนางมาเป็นแขกของอาณาจักรเรา เชิญ ๆ ดื่มเพื่อความสมานฉันท์ของทั้งสองอาณาจักร”



    แขกบางคนยกแก้วขึ้นดื่ม หากแต่ก็มีเสียงแก้วแตกดังขึ้นไม่ใช่น้อย อาณาจักรเทพบางคนไม่เห็นด้วยกับการผูกมิตรกับพวกปีศาจ ต่างพากันโยนแก้วทิ้งลงกับพื้น เท่ากับเป็นการหักหน้าอิคารัสโดยตรง



    อิคารัสหนักใจกับสถานการณ์อันลักลั่นนี้ เหล่าปีศาจซึ่งเขากำชับให้ทหารดูแลเป็นพิเศษโดยเฉพาะในวันสำคัญอย่างนี้ต่างพากันหลุดมาได้ แสดงว่าเขาประมาทฝีมือของพวกปีศาจมากเกินไป เขาคิดว่าหลังจากเสร็จสิ้นงานนี้แล้วจะต้องจัดการชำระความกับนายทหารระดับสูงซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้



    “ท่านทั้งหลายอย่างได้ขัดเคือง สาเหตุที่ข้าเรียกประชุมเหล่าเทพด่วนก็เนื่องมาจากเหตุนี้ วันพรุ่งนี้ก็ถึงกำหนดการประชุมแล้ว อย่าได้ขุ่นข้องหมองใจกันไปก่อนเลย รอรับฟังข้อเสนอของข้าในวันพรุ่งนี้เสียก่อนจะดีกว่า” อิคารัสพยายามแก้ไขสถานการณ์



    อาณาจักรเทพและอาณาจักรปีศาจต่างไม่ถูกกันมาเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ทำให้เกิดความแบ่งแยกขึ้น แม้ในหลายเมืองจะยอมรับความแตกต่างนี้ แต่ก็มิใช่น้อยที่ยังคงเหยียดหยามเหล่าปีศาจเนื่องจากปีศาจเป็นเผ่าที่เชี่ยวชาญในการใช้มนตร์ดำ จึงมักถูกมองว่าเลวร้าย



    เฮเธลและเหล่าปีศาจเหยียดยิ้มสาแก่ใจต่อสถานการณ์อันตกที่นั่งลำบากของอิคารัส  ในเวลาเช่นนี้มัวมาอธิบายอะไรก็ไม่มีใครสนใจฟัง เท่ากับว่าได้ทำลายความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้นำของอิคารัสลงไปกว่าครึ่งก่อนการประชุม



    เจ้าเมืองบางส่วนตั้งท่าจะเดินออกจากงาน แต่ในทันใดนั้นรถม้าคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอด



    ...............................................................................





    รถม้าของเมืองเฮปตากอนวิ่งเข้ามาถึงบริเวณงาน อเมเลียแลเห็นคณะผู้ติดตามของแต่ละเมืองยืนเรียงแถวอยู่หน้างาน เมื่อรถม้าของทั้งสองจอดลง เลมอสก็นำหน้าเหล่าผู้ติดตามของเมืองเฮปตากอนเดินตรงมายังรถม้า



    เหล่าเจ้าเมืองที่กำลังจะเดินออกจากงานต่างพากันชะงักเพื่อรอดูทีท่า อาเคเดียน ทายาทของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเทพองค์ก่อนที่ถูกลอบปลงพระชมน์อย่างลึกลับ!



    อาเคเดียนก้าวลงมาจากรถม้า หากแต่ไม่ได้ลงมาเพียงคนเดียว เขาประคองร่างอรชรลงมาด้วย หญิงซึ่งงามยิ่งกว่าจักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจซึ่งกำลังปรากฏกายอยู่ ณ ที่แห่งนี้



    สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ร่างทั้งสองซึ่งกำลังก้าวเคียงคู่มาด้วยกัน ทั้งคู่ช่างโดดเด่นและงามสง่าจนไม่อาจปฏิเสธสายตาของตนได้ว่าเป็นภาพที่เหมาะสมกันเสียเหลือเกิน



    ภายในงานเงียบเสียงลงชั่วอึดใจ ก่อนจะกลายเป็นเสียงกระซิบกระซาบ เมื่อมีเสียงประกาศดังขึ้น



    “เจ้าชายแห่งเมืองเฮปตากอนและพระชายาเสด็จ”



    แววตาของอิคารัสวูบไหว ก่อนเป็นประกายริษยาเจ้าเล่ห์ เขาดึงคนสนิทเข้ามากระซิบถาม



    “มันมีชายาตั้งแต่เมื่อไรกัน”



    “ไม่ทราบขอรับ”



    “นี่สายของแกทำงานไม่ได้เรื่องขนาดนี้เชียวเหรอ” อิคารัสพูดลอดไรฟันด้วยความโกรธ



    “แต่ไม่มีรายงานมากระหม่อม อาจรู้กันเฉพาะภายใน”



    “ไม่ได้ความ” อิคารัสสบถพลางผลักอกข้ารับใช้ออกไป เขาสาวเท้าตรงไปยังคนทั้งสอง ปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม หวังใช้การปรากฏตัวของบุคคลทั้งสองเบี่ยงเบนความสนใจของสถานการณ์ตรงหน้า



    ดูเหมือนทุกคนในงานจะพากันลืมเรื่องของเหล่าปีศาจไปชั่วขณะ เหล่าปีศาจเองนั้นก็พากันตกตะลึงเมื่อได้เห็นอเมเลียตัวจริงปรากฏกายขึ้น



    พวกเขาเหล่านั้นคงดีใจที่พบตัวอเมเลียหากไม่ใช่ในฐานะของ “พระชายา” ของเจ้าชายแห่งเมืองเฮปตากอน



    “ยินดีต้อนรับเจ้าชายอาเคเดียน ไม่ทราบว่าท่านมีชายาตั้งแต่เมื่อไร ไม่เช่นนั้นข้าคงจะได้ส่งของขวัญวันวิวาห์ไปให้แก่ท่านเสียนานแล้ว”อิคารัสแสร้งถาม ใบหน้าฉาบรอยยิ้มราวกับไม่เคยมีเรื่องหมางใจกันมาก่อน



    “ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นหรอก เพียงได้นางเป็นชายาก็มีความหมายยิ่งกว่าของขวัญใด ๆ” อาเคเดียนแสร้งเอ่ยตอบไม่ตรงคำถามที่อิคารัสอยากรู้ ด้วยการยกยออเมเลียราวกับเป็นคู่รักที่หวานชื่น



    “แหม ช่างน่าอิจฉาเสียจริง ชายาของท่านงามมากทีเดียว พวกท่านมาถึงก็หลายวันแล้ว เหตุใดจึงข้าจึงไม่เห็นชายาของท่านมาก่อนเลยเล่า หญิงงามเช่นนี้เพียงเห็นครั้งเดียวข้าย่อมจำได้แน่นอน”



    “นางไม่ค่อยสบาย ข้าจึงต้องการให้นางพักผ่อนให้สบาย นางจึงไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็น” เขาตอบพลางหาทางปลีกตัว สายตาทุกคู่ในงานยังคงจับจ้องอยู่ที่ทั้งสอง อาเคเดียนรู้สึกว่าบรรยากาศของงานผิดปรกติ



    “ข้าขอตัวไปทักทายท่านลูคาเชียสสักครู่ ไม่ได้พบกันเสียนาน” กล่าวจบเขาก็จูงอเมเลียไปหาชายเคราขาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ในมุมมืดของงาน



    “คารวะท่านลุง นี่คือชายาของข้า” อาเคเดียนหยุดไปนิดหนึ่งเนื่องจากคิดไม่ออกว่าจะบอกชื่อของเธอหรือไม่ ก่อนเอ่ยต่อโดยตัดสินใจไม่บอก เขาหันมาทางอเมเลีย “คารวะท่านลุงของข้าเสียสิ”



    อเมเลียทำตามอย่างนอบน้อม ชายชราทอดสายตามองอย่างเอ็นดู ดวงตาที่ผ่านวัยมานานส่อแววเฉลียวฉลาดลึกซึ้ง



    “จะไม่แนะนำชื่อเจ้าสาวของเจ้าให้ลุงรู้สักหน่อยหรือ” ลูคาเชียสเอ่ยนิ่ม ๆ กับอาเคเดียนผู้ซึ่งตอบอย่างอึกอัก



    “อเมเลียขอรับท่านลุง” เขาตัดสินใจบอกชื่อไปตามจริง



    “ถ้าเช่นนั้น ในคืนนี้ก็มีอเมเลียถึงสองคน”



    “อะไรนะขอรับ” อาเคเดียนเอ่ยอย่างประหลาดใจ



    “หญิงชุดดำที่ยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ติดตามนั่นก็คือ อเมเลียเหมือนกัน”



    อาเคเดียนมองตามก่อนหันมาอย่างสงสัย เฮเธลและพวกในชุดดำยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ในงานโดยไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่มย่ามด้วย เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เองว่ากลุ่มปีศาจได้มาประกาศศักดาอยู่ ณ ที่นี้ด้วย



    “หมายความว่าอย่างไรขอรับ” เขานิ่วหน้าก่อนเอ่ยต่อ



    “อย่าบอกนะว่า นั่นคือจักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจ”เสียงของเขาแทบเป็นเสียงกระซิบ



    “เขาว่าของเขาอย่างนั้น ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ลูคาเชียสตอบยิ้ม ๆ ไม่แยแส



    มีเพียงอเมเลียเท่านั้นที่ยืนเฉย ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ออกจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่มีสายตาจับจ้องจากคนรอบข้างตลอดเวลา



    “นี่มันเรื่องอะไรกันขอรับท่านลุง ข้ามาช้าไปเพียงนิด พลาดอะไรไปมากหรือขอรับ” อาเคเดียนเอ่ยถามลูคาเชียสอย่างคนที่จับต้นชนปลายไม่ถูก



    “พลาดอย่างมหันต์ แต่นับว่ามาได้ถูกจังหวะอย่างยิ่ง” ลูคาเชียสตอบแบบอมพะนำเช่นเคย



    “ลุงจะไม่เล่าอะไรให้หลานฟังล่ะนะ เจ้าจงไปถามรายละเอียดจากเลมอสเอาก็แล้วกัน หมอนั่นตอนรอรับเสด็จเห็นยืนจ้องเหตุการณ์ตาไม่กระพริบเลยเชียว” ว่าแล้วลูคาเชียสก็หัวเราะชอบใจ



    นอกจากผู้เป็นบิดาแล้ว ลูคาเชียสเป็นอีกบุคคลหนึ่งซึ่งเขาไม่อาจตามความคิดได้ทัน ผู้สูงวัยเป็นลูกพี่ลูกน้องกับบิดาของเขาและมีศักดิ์เสมอลุงซึ่งเขาให้ความนับถือ ลูคาเชียสปกครองหัวเมืองทางด้านเหนือซึ่งอยู่ติดกับเมืองเฮปตากอนซึ่งนับเป็นพรมแดนและจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×