ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Life Without Memories
แสงอรุณเริ่มทาบทาที่ขอบฟ้า แสงสีทองที่ส่องลอดบานหน้าต่างเข้ามาภายในห้องไล้ผิวแก้มอเมเลียซึ่งกำลังหลับใหลอยู่อย่างนุ่มนวลเหมือนกับวันแรกที่เขาพบเธอหลับอยู่บนเตียง อาเคเดียนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา อาการไข้ของหญิงสาวดีขึ้นแล้ว เขาหมุนตัวกลับไปนั่งที่ของตัวเอง หลับตาลงเพื่อพักสายตาแล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เขารู้สึกตัวอีกทีพร้อม ๆ กับที่หญิงสาวตื่นขึ้น หญิงสาวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เส้นผมพันกันยุ่งเหยิงแต่ก็ดูน่ารักราวกับเด็ก สีหน้าของอเมเลียดูสดชื่นขึ้น หญิงสาวมีท่าทางงง ๆ เมื่อเหลือบมาเห็นเขาก็เม้มริมฝีปากแน่นก่อนเอ่ยถามเสียงแข็ง
“นั่นใครน่ะ”
อารมณ์ที่กำลังดีของเขาเริ่มขุ่นมัวขึ้นมาอีก นี่เจ้าหล่อนกำลังเล่นละครอะไรกันอีกนะ เขาลุกขึ้นยืนเดินไปหา
“ไม่ต้องเข้ามา ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ เธอเป็นใคร” เอาล่ะหว่า เมื่อหญิงสาวถามเสียงแข็งท่าทางหวาดระแวงเขาจึงต้องหยุด แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“อเมเลียเจ้ายังปกติดีหรือปล่าว”
อเมเลียขมวดคิ้ว
“ฉันชื่ออเมเลียเหรอ ทำไมจำไม่เห็นได้... เอ๊ะ แล้วจริง ๆ ฉันชื่ออะไรล่ะ... นึกไม่ออกเลย”
“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คิด เจ้าชื่ออเมเลีย มาจากเมืองพาราไดซ์ไงล่ะ” เขาค่อย ๆ ช่วยทวนความจำ
หญิงสาวเริ่มหน้าเสีย พูดเสียงสั่น
“ฉันจำตัวเองไม่ได้ จำอะไรไม่ได้เลย นึกไม่ออก”
อาเคเดียนยกมือขึ้นทาบหน้าผาก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ดีซีส แกนี่มันแสบจริง ๆ” เขาสบถอย่างหัวเสีย อเมเลียยังคงนั่งกุมขมับอยู่บนเตียงพลางพยายามนึก
“ฉันเป็นใคร ชื่ออะไร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อาเคเดียนเหลือบไปมองถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอก เจ้าจำอะไรไม่ได้หรอกเพราะถูดดูดความทรงจำ” ว่าแล้วเขาก็ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับตัวของหญิงสาวเท่าที่เขารู้ให้ฟัง เมื่อฟังจบแล้ว อเมเลียก็ยังเฉย
“ที่เล่ามาฉันจำไม่ได้เลย ไม่เห็นจะคุ้นตรงไหนเลย”
“เอาเถอะ เดี๋ยวก็จำได้เองแหละ” อาเคเดียนพูดปลอบไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทาง หญิงสาวคงต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเดียว
“แล้วท่านล่ะ เป็นใคร”
“ข้า อาเคเดียน ชาวเมืองเฮปตากอน”
“ท่านจะไม่ทิ้งข้าไปใช่ไหม ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ท่านต้องอยู่เป็นเพื่อนข้านะ” หญิงสาวขอร้องอย่างน่าเวทนา เธอรู้สึกอ้างว้างและหวาดกลัว
“ตกลง” อาเคเดียนตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนซึ่งมีเพียงอเมเลียเพียงคนเดียวที่ได้เห็น หญิงสาวตอบตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจชายตรงหน้าทั้ง ๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาแม้สักอย่างเดียว
...........................................................................
“นั่นใครกันน่ะ สวยจังเลย” เสียงของเหล่านางกำนัลซุบซิบกันขณะที่อาเคเดียนเดินนำหน้าอเมเลียเข้ามาในเขตพระราชฐาน หากแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาดัง ๆ ได้แต่สันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นานา
“คู่หมายของพระองค์กระมัง”
อาเคเดียนเดินนำอเมเลียตรงมายังกลุ่มนางกำนัลซึ่งต่างพากันเงียบเสียงไปในทันที
“เจ้าไปจัดเตรียมที่พักให้แขกของข้าและรับรองให้ดี ตอนค่ำพานางไปร่วมโต๊ะกับข้าด้วย” อาเคเดียนเอ่ยสั่งกับนางกำนัล แล้วหันไปสบตาอเมเลียก่อนเดินจากไป
หญิงสาวมองตามเขาไปอย่างรู้สึกใจหาย จนกระทั่งนางกำนัลนางหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น
“เชิญทางนี้เลยเพคะ” ว่าแล้วก็เดินนำอเมเลียไปยังที่พักซึ่งจัดเตรียมไว้อย่างงดงามและสะดวกสบาย
หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวขึ้นหลังจากได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายโดยมีเหล่านางกำนัลคอยปรนนิบัติอยู่ใกล้ ๆ  ขณะนั้นเพิ่งจะเป็นเวลาบ่าย หญิงสาวเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและรู้สึกง่วงงุนเหลือกำลัง นางกำนัลจึงพาหญิงสาวไปนอนพักผ่อนบนเตียงกว้างอันอ่อนนุ่ม อเมเลียหลับใหลไปอย่างแสนสบายแม้ในใจจะรู้สึกกังวล
หญิงสาวถูกปลุกก่อนถึงเวลาอาหารค่ำเล็กน้อยเพื่อเตรียมตัว นางกำนัลคนเดิมเข้ามาช่วยหญิงสาวจัดเครื่องแต่งกายและสางเส้นผมอันนุ่มสลวยให้อย่างเบามือ อเมเลียรู้สึกถูกชะตาจึงชวนสนทนาอย่างสนิทสนม
“เธอชื่ออะไรจ๊ะ” หญิงสาวถามพร้อมกับยิ้มให้อย่างผูกมิตร
“เทเรซ่าเจ้าค่ะ ข้าได้รับมอบหมายให้มาคอยปรนนิบัติท่านหญิง”
“ฉันชื่ออเมเลียจ้ะ ขอบใจมากที่ช่วยดูแลฉันเป็นอย่างดี”
“ท่านหญิงมีชื่อที่ไพเราะมากเจ้าค่ะ แถมยังงามมากด้วย ข้าไม่เคยเห็นใครงามเท่าท่านมาก่อนเลย”
อเมเลียยิ้มอย่างเขิน ๆ เทเรซ่ายังคงเอ่ยต่อไป
“ท่านหญิงเป็นคู่หมายของเจ้าชายอาเคเดียนหรือเจ้าคะ ช่างเหมาะสมกันเสียจริง”
อเมเลียใบหน้าเริ่มเป็นสีแดงเรื่อ รีบเอ่ยปฏิเสธ
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ เจ้าชายอาเคเดียนเพียงแต่ช่วยฉันไว้เท่านั้น ฉันไม่มีที่ไปและจำอะไรไม่ได้จึงพาฉันกลับมาด้วย”
“งั้นหรือเจ้าคะ น่าเสียดายจริง ข้าอุตส่าห์ลุ้นแทบแย่ นึกว่าเจ้าชายจะได้มีคู่ครองเสียที” เทเรซ่าบ่นก่อนเอ่ยชวน
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ได้เวลาอาหารค่ำพอดี เห็นว่าวันนี้พระมารดาจะเสด็จมาร่วมโต๊ะเสวยด้วยนะเจ้าคะ”
อเมเลียรู้สึกหวาดหวั่นต่อคำบอกกล่าวนั้นหากแต่ไม่ได้แสดงท่าที่อะไรออกมา
เทเรซ่านำหญิงสาวตรงไปยังห้องอาหารขนาดใหญ่ประดับประดาไว้อย่างสวยงาม กลางห้องมีโต๊ะอาหารขนาดนั่งได้สิบกว่าคน เหนือขึ้นไปบนเพดานเป็นโคมไฟระย้าส่องประกายระยิบระยับ
ที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่นั้นมีเพียงบุคคลสองคนนั่งอยู่ หญิงวัยกลางคนท่าทางสง่างามนั่งอยู่หัวโต๊ะ ทางด้านขวามือของหญิงผู้นั้นคือเจ้าชายอาเคเดียน
เทเรซ่านำหญิงสาวตรงไปยังโต๊ะนั้น แล้วทำความเคารพบุคคลทั้งสอง อเมเลียทำตามอย่างขัดเขินในขณะที่สายตาคมปลาบของสตรีที่นั่งอยู่หัวโต๊ะกวาดตามองเธออย่างพินิจพิจารณา อาเคเดียนรีบลุกมาเลื่อนเก้าอี้ให้ด้วยมารยาทอันดี เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว อาหารก็ทยอยนำมาเสิร์ฟ
“เจ้าน่ะรึ อเมเลีย” เสียงถามดังขึ้นจากหัวโต๊ะ
“เพคะ” หญิงสาวตอบอย่างสงบเสงี่ยม
“เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยหรือ”
“เพคะ แม้แต่ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้เพคะ”
“เมื่อได้มาเห็นกับตาแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นชาวเมืองพาราไดซ์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ลักษณะของเจ้ามิได้บอกเช่นนั้นเลย” ผู้เป็นมารดาหันไปทางบุตรชาย “หรือเจ้าเห็นอย่างไร”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่านแม่ เสียแต่ว่าเบาะแสที่นางให้ไว้ก่อนถูกดูดความทรงจำมีเพียงเท่านี้จริง ๆ ข้าก็ไม่รู้จะพิสูจน์อย่างไร” อาเคเดียนตอบ
อเมเลียก้มหน้ามองโต๊ะเพราะไม่มีความเห็นอะไร หล่อนจำอะไรไม่ได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นปริศนาดำมืดไปหมด มีเพียงคำบอกเล่าของอาเคเดียนเท่านั้นที่ทำให้หญิงสาวรู้ถึงที่มาของตน
เมื่อตั้งสำรับเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหาร พระมารดาลอบมองหญิงสาวพลางนึกเอ็นดูกิริยาของหญิงสาวอยู่ในใจ ท่าทางของอเมเลียบอกชัดว่าได้รับการอบรมมาดี บางทีนางอาจเป็นคนในรั้วในวังของเมืองพาราไดซ์ที่ถูกส่งมาเป็นนกต่อเพื่อสืบเรื่องราวในเมืองเฮปตากอนก็ได้ คิดแล้วพระนางจึงเริ่มรู้สึกระแวงว่าอเมเลียอาจแกล้งความจำเสื่อมก็เป็นได้
อเมเลียเงยหน้าขึ้นสบกับสายตาที่คลางแคลงใจของพระชนนีพอดี หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัดพาลจะกลืนอาหารไม่ลงเอาดื้อ ๆ พระชนนีรู้สึกพระองค์จึงเอ่ยปลอบโยนอเมเลีย
“ขอโทษที่ข้ามองเจ้าด้วยสายตาเช่นนั้น เจ้าต้องเข้าใจว่าบ้านเมืองเราในตอนนี้อยู่ในภาวะเช่นไร เราแทบไม่อาจไว้ใจใครได้ ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าสงสัยก็ไม่เป็นไร อย่าคิดมากไปเลย”
อเมเลียเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ
“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ และขอยืนยันว่าหม่อมฉันไม่ได้แกล้งความจำเสื่อมและไม่ได้มีเจตนามาก่อความเดือดร้อนใด ๆ ให้กับเมืองเฮปตากอนเพคะ”
“งั้นก็ดีแล้ว เป็นอันว่าข้าเชื่อเจ้าและหวังว่าเจ้าจะไม่โกหกนะ” พระมารดาเอ่ยตอบ อาหารค่ำวันนั้นผ่านไปอย่างราบรื่นโดยมีอาเคเดียนลอบสังเกตอยู่อย่างโล่งใจเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นมารดาและอเมเลียทำท่าว่าจะไปได้ดี เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนบ่าย ทันทีที่เขาเข้ามาถึงในเขตพระราชฐานก็ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นมารดาให้เข้าเฝ้าทันที
“ข้าได้ข่าวว่าเจ้าพาหญิงสาวนางหนึ่งมาด้วยรึ” พระมารดาเอ่ยถามเสียงเย็น
“ขอรับท่านแม่”
“เจ้ากับนางมีความสัมพันธ์อันใด”
“หามิได้ ข้าเพียงแค่ช่วยนางไว้และนำนางออกมาจากป่าอาถรรพ์ด้วยกัน”
“แล้วเจ้าไว้ใจได้อย่างไรว่านางไม่ใช่ปีศาจในป่า” พระชนนียังคงซักต่อ
“นางลอบขึ้นเรือมาจากเมืองพาราไดซ์โดยที่ไม่มีใครรู้ จึงออกเรือมาโดยมีนางติดมาด้วย” อาเคเดียนตอบด้วยท่าทางสงบ
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงเล่าเรื่องของนางเท่าที่เจ้ารู้มาให้หมด”
อาเคเดียนจึงเล่าเรื่องตามที่ได้รับการบอกกล่าวจากอเมเลียและเหตุการณ์ที่อเมเลียถูกดีซีสดูดความทรงจำไป เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ผู้เป็นมารดาก็นิ่งไปอย่างใช้ความคิด
“เย็นนี้ข้าขอพบนางก่อนแล้วจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะให้นางอยู่ในเมืองนี้ต่อไปหรือไม่” ว่าแล้วก็จบบทสนทนาเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอเมเลียจะได้รับการยอมรับจากผู้เป็นมารดาของเขาแล้วก็ตาม เขาจะพาเธอกลับไปส่งยังเมืองพาราไดซ์ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเมื่อเขาต้องเดินทางไปตามคำเชิญของอิคารัส ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใด ๆ ก็อาจเกิดขึ้นและพิสูจน์ถึงที่มาของหญิงสาว อีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะส่วนหนึ่งในใจเขาคิดว่า อเมเลียอาจเป็นคนเดียวกันกับจักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจก็เป็นได้
...................................................................
เขารู้สึกตัวอีกทีพร้อม ๆ กับที่หญิงสาวตื่นขึ้น หญิงสาวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เส้นผมพันกันยุ่งเหยิงแต่ก็ดูน่ารักราวกับเด็ก สีหน้าของอเมเลียดูสดชื่นขึ้น หญิงสาวมีท่าทางงง ๆ เมื่อเหลือบมาเห็นเขาก็เม้มริมฝีปากแน่นก่อนเอ่ยถามเสียงแข็ง
“นั่นใครน่ะ”
อารมณ์ที่กำลังดีของเขาเริ่มขุ่นมัวขึ้นมาอีก นี่เจ้าหล่อนกำลังเล่นละครอะไรกันอีกนะ เขาลุกขึ้นยืนเดินไปหา
“ไม่ต้องเข้ามา ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ เธอเป็นใคร” เอาล่ะหว่า เมื่อหญิงสาวถามเสียงแข็งท่าทางหวาดระแวงเขาจึงต้องหยุด แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“อเมเลียเจ้ายังปกติดีหรือปล่าว”
อเมเลียขมวดคิ้ว
“ฉันชื่ออเมเลียเหรอ ทำไมจำไม่เห็นได้... เอ๊ะ แล้วจริง ๆ ฉันชื่ออะไรล่ะ... นึกไม่ออกเลย”
“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คิด เจ้าชื่ออเมเลีย มาจากเมืองพาราไดซ์ไงล่ะ” เขาค่อย ๆ ช่วยทวนความจำ
หญิงสาวเริ่มหน้าเสีย พูดเสียงสั่น
“ฉันจำตัวเองไม่ได้ จำอะไรไม่ได้เลย นึกไม่ออก”
อาเคเดียนยกมือขึ้นทาบหน้าผาก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ดีซีส แกนี่มันแสบจริง ๆ” เขาสบถอย่างหัวเสีย อเมเลียยังคงนั่งกุมขมับอยู่บนเตียงพลางพยายามนึก
“ฉันเป็นใคร ชื่ออะไร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อาเคเดียนเหลือบไปมองถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอก เจ้าจำอะไรไม่ได้หรอกเพราะถูดดูดความทรงจำ” ว่าแล้วเขาก็ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับตัวของหญิงสาวเท่าที่เขารู้ให้ฟัง เมื่อฟังจบแล้ว อเมเลียก็ยังเฉย
“ที่เล่ามาฉันจำไม่ได้เลย ไม่เห็นจะคุ้นตรงไหนเลย”
“เอาเถอะ เดี๋ยวก็จำได้เองแหละ” อาเคเดียนพูดปลอบไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทาง หญิงสาวคงต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเดียว
“แล้วท่านล่ะ เป็นใคร”
“ข้า อาเคเดียน ชาวเมืองเฮปตากอน”
“ท่านจะไม่ทิ้งข้าไปใช่ไหม ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ท่านต้องอยู่เป็นเพื่อนข้านะ” หญิงสาวขอร้องอย่างน่าเวทนา เธอรู้สึกอ้างว้างและหวาดกลัว
“ตกลง” อาเคเดียนตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนซึ่งมีเพียงอเมเลียเพียงคนเดียวที่ได้เห็น หญิงสาวตอบตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจชายตรงหน้าทั้ง ๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาแม้สักอย่างเดียว
...........................................................................
“นั่นใครกันน่ะ สวยจังเลย” เสียงของเหล่านางกำนัลซุบซิบกันขณะที่อาเคเดียนเดินนำหน้าอเมเลียเข้ามาในเขตพระราชฐาน หากแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาดัง ๆ ได้แต่สันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นานา
“คู่หมายของพระองค์กระมัง”
อาเคเดียนเดินนำอเมเลียตรงมายังกลุ่มนางกำนัลซึ่งต่างพากันเงียบเสียงไปในทันที
“เจ้าไปจัดเตรียมที่พักให้แขกของข้าและรับรองให้ดี ตอนค่ำพานางไปร่วมโต๊ะกับข้าด้วย” อาเคเดียนเอ่ยสั่งกับนางกำนัล แล้วหันไปสบตาอเมเลียก่อนเดินจากไป
หญิงสาวมองตามเขาไปอย่างรู้สึกใจหาย จนกระทั่งนางกำนัลนางหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น
“เชิญทางนี้เลยเพคะ” ว่าแล้วก็เดินนำอเมเลียไปยังที่พักซึ่งจัดเตรียมไว้อย่างงดงามและสะดวกสบาย
หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวขึ้นหลังจากได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายโดยมีเหล่านางกำนัลคอยปรนนิบัติอยู่ใกล้ ๆ  ขณะนั้นเพิ่งจะเป็นเวลาบ่าย หญิงสาวเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและรู้สึกง่วงงุนเหลือกำลัง นางกำนัลจึงพาหญิงสาวไปนอนพักผ่อนบนเตียงกว้างอันอ่อนนุ่ม อเมเลียหลับใหลไปอย่างแสนสบายแม้ในใจจะรู้สึกกังวล
หญิงสาวถูกปลุกก่อนถึงเวลาอาหารค่ำเล็กน้อยเพื่อเตรียมตัว นางกำนัลคนเดิมเข้ามาช่วยหญิงสาวจัดเครื่องแต่งกายและสางเส้นผมอันนุ่มสลวยให้อย่างเบามือ อเมเลียรู้สึกถูกชะตาจึงชวนสนทนาอย่างสนิทสนม
“เธอชื่ออะไรจ๊ะ” หญิงสาวถามพร้อมกับยิ้มให้อย่างผูกมิตร
“เทเรซ่าเจ้าค่ะ ข้าได้รับมอบหมายให้มาคอยปรนนิบัติท่านหญิง”
“ฉันชื่ออเมเลียจ้ะ ขอบใจมากที่ช่วยดูแลฉันเป็นอย่างดี”
“ท่านหญิงมีชื่อที่ไพเราะมากเจ้าค่ะ แถมยังงามมากด้วย ข้าไม่เคยเห็นใครงามเท่าท่านมาก่อนเลย”
อเมเลียยิ้มอย่างเขิน ๆ เทเรซ่ายังคงเอ่ยต่อไป
“ท่านหญิงเป็นคู่หมายของเจ้าชายอาเคเดียนหรือเจ้าคะ ช่างเหมาะสมกันเสียจริง”
อเมเลียใบหน้าเริ่มเป็นสีแดงเรื่อ รีบเอ่ยปฏิเสธ
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ เจ้าชายอาเคเดียนเพียงแต่ช่วยฉันไว้เท่านั้น ฉันไม่มีที่ไปและจำอะไรไม่ได้จึงพาฉันกลับมาด้วย”
“งั้นหรือเจ้าคะ น่าเสียดายจริง ข้าอุตส่าห์ลุ้นแทบแย่ นึกว่าเจ้าชายจะได้มีคู่ครองเสียที” เทเรซ่าบ่นก่อนเอ่ยชวน
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ได้เวลาอาหารค่ำพอดี เห็นว่าวันนี้พระมารดาจะเสด็จมาร่วมโต๊ะเสวยด้วยนะเจ้าคะ”
อเมเลียรู้สึกหวาดหวั่นต่อคำบอกกล่าวนั้นหากแต่ไม่ได้แสดงท่าที่อะไรออกมา
เทเรซ่านำหญิงสาวตรงไปยังห้องอาหารขนาดใหญ่ประดับประดาไว้อย่างสวยงาม กลางห้องมีโต๊ะอาหารขนาดนั่งได้สิบกว่าคน เหนือขึ้นไปบนเพดานเป็นโคมไฟระย้าส่องประกายระยิบระยับ
ที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่นั้นมีเพียงบุคคลสองคนนั่งอยู่ หญิงวัยกลางคนท่าทางสง่างามนั่งอยู่หัวโต๊ะ ทางด้านขวามือของหญิงผู้นั้นคือเจ้าชายอาเคเดียน
เทเรซ่านำหญิงสาวตรงไปยังโต๊ะนั้น แล้วทำความเคารพบุคคลทั้งสอง อเมเลียทำตามอย่างขัดเขินในขณะที่สายตาคมปลาบของสตรีที่นั่งอยู่หัวโต๊ะกวาดตามองเธออย่างพินิจพิจารณา อาเคเดียนรีบลุกมาเลื่อนเก้าอี้ให้ด้วยมารยาทอันดี เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว อาหารก็ทยอยนำมาเสิร์ฟ
“เจ้าน่ะรึ อเมเลีย” เสียงถามดังขึ้นจากหัวโต๊ะ
“เพคะ” หญิงสาวตอบอย่างสงบเสงี่ยม
“เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยหรือ”
“เพคะ แม้แต่ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้เพคะ”
“เมื่อได้มาเห็นกับตาแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นชาวเมืองพาราไดซ์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ลักษณะของเจ้ามิได้บอกเช่นนั้นเลย” ผู้เป็นมารดาหันไปทางบุตรชาย “หรือเจ้าเห็นอย่างไร”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่านแม่ เสียแต่ว่าเบาะแสที่นางให้ไว้ก่อนถูกดูดความทรงจำมีเพียงเท่านี้จริง ๆ ข้าก็ไม่รู้จะพิสูจน์อย่างไร” อาเคเดียนตอบ
อเมเลียก้มหน้ามองโต๊ะเพราะไม่มีความเห็นอะไร หล่อนจำอะไรไม่ได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นปริศนาดำมืดไปหมด มีเพียงคำบอกเล่าของอาเคเดียนเท่านั้นที่ทำให้หญิงสาวรู้ถึงที่มาของตน
เมื่อตั้งสำรับเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหาร พระมารดาลอบมองหญิงสาวพลางนึกเอ็นดูกิริยาของหญิงสาวอยู่ในใจ ท่าทางของอเมเลียบอกชัดว่าได้รับการอบรมมาดี บางทีนางอาจเป็นคนในรั้วในวังของเมืองพาราไดซ์ที่ถูกส่งมาเป็นนกต่อเพื่อสืบเรื่องราวในเมืองเฮปตากอนก็ได้ คิดแล้วพระนางจึงเริ่มรู้สึกระแวงว่าอเมเลียอาจแกล้งความจำเสื่อมก็เป็นได้
อเมเลียเงยหน้าขึ้นสบกับสายตาที่คลางแคลงใจของพระชนนีพอดี หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัดพาลจะกลืนอาหารไม่ลงเอาดื้อ ๆ พระชนนีรู้สึกพระองค์จึงเอ่ยปลอบโยนอเมเลีย
“ขอโทษที่ข้ามองเจ้าด้วยสายตาเช่นนั้น เจ้าต้องเข้าใจว่าบ้านเมืองเราในตอนนี้อยู่ในภาวะเช่นไร เราแทบไม่อาจไว้ใจใครได้ ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าสงสัยก็ไม่เป็นไร อย่าคิดมากไปเลย”
อเมเลียเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ
“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ และขอยืนยันว่าหม่อมฉันไม่ได้แกล้งความจำเสื่อมและไม่ได้มีเจตนามาก่อความเดือดร้อนใด ๆ ให้กับเมืองเฮปตากอนเพคะ”
“งั้นก็ดีแล้ว เป็นอันว่าข้าเชื่อเจ้าและหวังว่าเจ้าจะไม่โกหกนะ” พระมารดาเอ่ยตอบ อาหารค่ำวันนั้นผ่านไปอย่างราบรื่นโดยมีอาเคเดียนลอบสังเกตอยู่อย่างโล่งใจเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นมารดาและอเมเลียทำท่าว่าจะไปได้ดี เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนบ่าย ทันทีที่เขาเข้ามาถึงในเขตพระราชฐานก็ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นมารดาให้เข้าเฝ้าทันที
“ข้าได้ข่าวว่าเจ้าพาหญิงสาวนางหนึ่งมาด้วยรึ” พระมารดาเอ่ยถามเสียงเย็น
“ขอรับท่านแม่”
“เจ้ากับนางมีความสัมพันธ์อันใด”
“หามิได้ ข้าเพียงแค่ช่วยนางไว้และนำนางออกมาจากป่าอาถรรพ์ด้วยกัน”
“แล้วเจ้าไว้ใจได้อย่างไรว่านางไม่ใช่ปีศาจในป่า” พระชนนียังคงซักต่อ
“นางลอบขึ้นเรือมาจากเมืองพาราไดซ์โดยที่ไม่มีใครรู้ จึงออกเรือมาโดยมีนางติดมาด้วย” อาเคเดียนตอบด้วยท่าทางสงบ
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงเล่าเรื่องของนางเท่าที่เจ้ารู้มาให้หมด”
อาเคเดียนจึงเล่าเรื่องตามที่ได้รับการบอกกล่าวจากอเมเลียและเหตุการณ์ที่อเมเลียถูกดีซีสดูดความทรงจำไป เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ผู้เป็นมารดาก็นิ่งไปอย่างใช้ความคิด
“เย็นนี้ข้าขอพบนางก่อนแล้วจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะให้นางอยู่ในเมืองนี้ต่อไปหรือไม่” ว่าแล้วก็จบบทสนทนาเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอเมเลียจะได้รับการยอมรับจากผู้เป็นมารดาของเขาแล้วก็ตาม เขาจะพาเธอกลับไปส่งยังเมืองพาราไดซ์ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเมื่อเขาต้องเดินทางไปตามคำเชิญของอิคารัส ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใด ๆ ก็อาจเกิดขึ้นและพิสูจน์ถึงที่มาของหญิงสาว อีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะส่วนหนึ่งในใจเขาคิดว่า อเมเลียอาจเป็นคนเดียวกันกับจักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจก็เป็นได้
...................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น