ลำดับตอนที่ #20
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Looks
“เอ... เสร็จหรือยังนะ ทำไมนานจริง” เดมอนบ่นหลังจากคอยอยู่บริเวณห้องโถงเป็นเวลานานกว่าชั่วโมง
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เฟกเก้ก็เดินนำออกมาจากห้องด้านในโดยมีเฮเธลเดินตามออกมา
ด้วยความช่วยเหลือพรรคพวก เฮเธลก็ถูกแปลงโฉมให้เป็นสาวงามจับตาผิดไปจากที่เคยเห็น เดมอนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็น
“ฝีมือของเฟกเก้เขาล่ะ” ลูเซีย พรรคพวกปีศาจซึ่งมีส่วนช่วยในการแปลงโฉมคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
เจ้าหล่อนอยู่ในวัยประมาณสามสิบต้นแต่ดูอ่อนกว่าอายุจริง จุดเด่นอยู่ที่ดวงตาที่คมเข้มเป็นพิเศษและริมฝีปากอิ่มแดงจัด ดูมีสเน่ห์ยวนใจ หญิงสาวเป็นผู้มีความสามารถทางด้านการปลอมแปลงทุกประเภท รวมถึงการเสริมความงามได้อย่างไร้ที่ติ
เหตุผลที่ลูเซียได้ร่วมเดินทางมากับคณะในครั้งนี้ก็เนื่องมาจากความสามารถในการวางกลอุบายหลอกล่อและไหวพริบเป็นเลิศในการเอาตัวรอดและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
“หึ ข้าไม่ได้ช่วยทำอะไรนอกจากให้คำแนะนำเท่านั้น ท่านต่างหากที่สมควรได้รับคำชม” เฟกเก้แย้งเสียงเรียบเรื่อย
ทุกคนได้รับการปลดปล่อยจากเครื่องพันธนาการและดูสดชื่นขึ้นหลังจากที่ได้มีการพักผ่อนเตรียมตัว
“ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราไปเผชิญหน้ากับเจ้าอิคารัสกันเลยเถอะ” เฟกเก้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่าเสียเวลาไปมากแล้ว
“นี่ ข้าดูไม่มีพิรุธแน่นะ” เฮเธลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
“ไม่หรอกน่า เจ้าเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับองค์หญิงยิ่งกว่าใคร จะมีใครรู้จักองค์หญิงอเมเลียได้ดียิ่งกว่าเจ้าล่ะ อย่ากังวลไปเลย” เสียงของลูเซียดังขึ้นอย่างปลอบโยน
เมื่อทั้งคณะเปิดประตูห้องออกมาก็พบกับทหารที่ยืนเฝ้าหน้าห้องอยู่แล้ว อย่างรู้หน้าที่ ทหารเหล่านั้นเดินนำไปโดยไม่เอ่ยอะไร
ทั้งคณะเดินไปตามทางเดินอันโอ่โถงซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่งของอาณาจักรแห่งนี้ แต่ก็หาได้เกิดความรู้สึกชื่นชมเลยสักนิดไม่ เนื่องด้วยทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจว่าความมั่งคั่งของอิคารัสนี้ล้วนสั่งสมมาจากความเดือดร้อนและทุกข์ทรมานของผู้คน ทั้งจากสงครามและการค้าทาสซึ่งอิคารัสเป็นผู้ก่อขึ้น
ไม่มีใครพูดอะไรกันเลยจนกระทั่งไปถึงท้องพระโรงซึ่งอิคารัสกำลังว่าราชการอยู่
เมื่อมีการเรียกเบิกตัวเชลย ทั่วทั้งท้องพระโรงก็เงียบสงัดไปอึดใจ ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะได้ยลโฉมองค์หญิงอเมเลีย เมื่อคณะปีศาจก้าวล่วงเข้าไปก็เกิดเสียงอึงคะนึงไปทั่วจนกระทั่งอิคารัสยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ ทุกคนจึงเงียบเสียงลง
เฮเธลในคราบของอเมเลียก้าวนำหน้าขึ้นไปเป็นคนแรกด้วยท่าทางนิ่งสงบ ลูเซียบรรจงประทินโฉมให้เฮเธลจนดูเฉิดฉายกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น หากแม้นตาไม่บอดก็ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า หญิงงามตรงหน้างดงามเกินกว่าหญิงอื่นใดที่เคยได้เห็น
เฮเธลและคณะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองซึ่งทางพระราชวังได้จัดเตรียมไว้ให้ สำหรับชุดสตรีซึ่งเฮเธลสวมใส่นั้น ได้มีการตัดเย็บเป็นพิเศษ ปักด้วยดิ้นทองและอัญมณีเข้ารูปพอดิบพอดี แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ขับให้ผู้สวมใส่สวยเด่นงามสง่าเป็นอย่างยิ่ง
เฮเธลย่อตัวทำความเคารพอิคารัสซึ่งนั่งตะลึงอยู่อย่างพอเป็นพิธี อิคารัสรู้สึกตัวรีบลงจากบัลลังก์เชื้อเชิญให้เฮเธลนั่งในที่อันเหมาะสม ก่อนหันไปเอ่ยกับข้าราชบริพาร
“อาณาจักรเทพของเราได้มีโอกาสรับรองคณะขององค์หญิงอเมเลียแห่งอาณาจักรปีศาจ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ขอให้พวกเราทุกคนแสดงความเคารพและถวายพระพรแด่องค์หญิง”
ทุกคนในห้องโถงคำนับลงอย่างพร้อมเพรียง เฮเธลยืนรับการเคารพนั้นอย่างสง่างาม บางทีอาจเป็นการเหมาะแล้วที่ผู้ซึ่งยืนอยู่ ณ ที่นี้ ไม่ใช่อเมเลียซึ่งไม่ประสาอะไรทั้งสิ้น เฮเธลซึ่งคุ้นเคยกับธรรมเนียมปฏิบัติของวังมานาน ไม่ส่อพิรุธใด ๆ ทั้งสิ้น
หลังจากการรับรองอันเป็นพิธีการจบลง อิคารัสก็หันมาทางเฮเธล
“ไม่ทราบว่าคืนนี้องค์หญิงสะดวกหรือไม่หากข้าจะขอเชิญเสด็จงานเลี้ยงต้อนรับ”
“ไม่ทราบว่าท่านเชิญข้าคนเดียวหรือพวกเราทั้งคณะ” เฮเธลเอ่ยถามด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ
“คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ ย่อมเชิญพวกท่านทั้งคณะแน่นอน การมาเยือนครั้งนี้ของพวกท่านนับเป็นเกียรติ เราจึงต้องการประกาศให้ชาวเมืองและเมืองต่าง ๆ รู้” อิคารัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริง นัยของคำพูดนั้นมีเชิงหยามหยันอยู่ลึก ๆ ซึ่งแสดงถึงความเหิมเกริมที่อิคารัสคิดว่าได้ตัวของเจ้าหญิงอเมเลียอยู่ในมือแล้ว
เฮเธลเหยียดยิ้มก่อนตอบ
“ถ้าเช่นนั้นต้องขอบคุณในน้ำใจของท่าน แล้วพบกันคืนนี้” จากนั้นจึงขอตัวลากลับโดยไม่สนใจทีท่าของอิคารัสซึ่งพยายามหน่วงเหนี่ยวให้หญิงสาวอยู่ต่อ อิคารัสแสดงความสนใจในตัวเฮเธลอย่างชัดแจ้งแม้ว่าเฮเธลจะแสดงท่าทีเย็นชาก็ตาม
เมื่อกลับถึงห้องพักต่างก็ปรึกษากันทันที
“ข้าว่าเราควรรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า” เฮเธลเสนอขึ้นอย่างร้อนรน
“อย่าดีกว่า เราควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ในการตามหาคทาที่หายไป” ผู้ที่เอ่ยขัดขึ้นคือเฟกเก้
“ข้าก็คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิคารัสกำลังลำพองใจเช่นนี้ ย่อมไม่ทันระวังตัวแน่” เดมอนออกความเห็น
“แต่ข้าว่ายิ่งพวกเราอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้ มันยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้นอีกเป็นแน่ เพราะกลัวว่าเวลาใดเวลาหนึ่งพวกเราอาจชิงคทากลับไปก็ได้” ลูเซียเสนอ “ข้าว่าเราหนีไปตั้งหลักก่อนอย่างที่เฮเธลว่าก็ดี ข้าไม่อยากเสี่ยงให้พวกมันจับพิรุธเราอยู่ที่นี่”
“ทำไมหรือ เจ้าไม่มั่นใจในฝีมือการประทินโฉมของตัวเองหรือ เจ้าไม่เห็นหรือยังไงว่าอิคารัสมันมองเฮเธลตาเยิ้มขนาดไหน ข้าเชื่อว่ามันต้องติดกับเราแน่นอน” เดมอนขัด
“เราจะไม่ถอยจนกว่าจะได้คทา” เฟกเก้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สีหน้าไม่บอกความรู้สึกใด ๆ
“ใช่ ข้าเห็นด้วยกับเฟกเก้ ถ้าเราถอยตอนนี้ โอกาสที่จะได้กลับเข้ามาเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว อีกอย่างตอนนี้องค์หญิงก็ปลอดภัยอยู่ข้างนอก เราควรใช้โอกาสนี้ซึ่งองค์หญิงไม่ต้องเข้ามาเสี่ยง จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยไปเลยทีเดียว”
“แต่ถ้าข่าวลือเรื่ององค์หญิงถูกจับกุมแพร่ออกไปล่ะ คนภายนอกที่ไม่รู้เรื่องก็จะระส่ำระสายกันไปหมด ยิ่งที่เมืองปีศาจแล้วคงร้อนใจกันมากเป็นแน่ ดีไม่ดีหากใครฉวยโอกาสก่อกบฏจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่” เฮเธลแย้งอย่างมีเหตุผล
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา ข่าวที่ออกไปจะมีเพียงว่า องค์หญิงอเมเลียเสด็จเยือนอาจักรเทพอย่างเป็นทางการ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่อิคารัสเรียกประชุมเหล่าเทพจากเมืองต่าง ๆ แล้ว เราสามารถใช้โอกาสนั้นแสดงตัวว่าเราไม่ได้ถูกจับกุมแต่อย่างใด เพียงแต่ได้รับเชิญมาร่วมการประชุมนั้นด้วย” เดมอนเอ่ย
“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ต้องใช้ความพยายามมากที่สุด เฮเธล เจ้าต้องหลอกล่อให้อิคารัสเปิดเผยความลับเกี่ยวกับคทา เพราะดูทีท่าแล้วอิคารัสไม่ระแวงสงสัยในตัวเจ้า เมื่อได้คทาแล้ว พวกเราจึงจะหลบหนีไป” เขาสรุปในตอนท้าย
“งั้นตกลงตามนี้ ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด ตอนนี้ข้าคงต้องขอแยกตัวไปพักอีกห้องก่อน ประเดี๋ยวจะเป็นที่สงสัย” เฮเธลเอ่ยขึ้นก่อนหันไปทางลูเซีย สีหน้ายังคงไม่ค่อยดี
“ลูเซีย เจ้าไปกับข้านะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดนี้ เนื่องจากลูเซียจัดได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดซึ่งวางใจได้ว่าสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้อย่างดีที่สุดในยามคับขัน
“ถ้ามีอะไรก็ร้องดัง ๆ ก็แล้วกันนะ” พรรคพวกคนอื่น ๆ เอ่ยขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะเปิดประตูห้องออกไป
เฮเธลและลูเซียถูกนำไปพักแยกอีกห้องหนึ่งซึ่งเตรียมไว้รับรององค์หญิงอเมเลียโดยเฉพาะ
...........................................................
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เฟกเก้ก็เดินนำออกมาจากห้องด้านในโดยมีเฮเธลเดินตามออกมา
ด้วยความช่วยเหลือพรรคพวก เฮเธลก็ถูกแปลงโฉมให้เป็นสาวงามจับตาผิดไปจากที่เคยเห็น เดมอนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็น
“ฝีมือของเฟกเก้เขาล่ะ” ลูเซีย พรรคพวกปีศาจซึ่งมีส่วนช่วยในการแปลงโฉมคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
เจ้าหล่อนอยู่ในวัยประมาณสามสิบต้นแต่ดูอ่อนกว่าอายุจริง จุดเด่นอยู่ที่ดวงตาที่คมเข้มเป็นพิเศษและริมฝีปากอิ่มแดงจัด ดูมีสเน่ห์ยวนใจ หญิงสาวเป็นผู้มีความสามารถทางด้านการปลอมแปลงทุกประเภท รวมถึงการเสริมความงามได้อย่างไร้ที่ติ
เหตุผลที่ลูเซียได้ร่วมเดินทางมากับคณะในครั้งนี้ก็เนื่องมาจากความสามารถในการวางกลอุบายหลอกล่อและไหวพริบเป็นเลิศในการเอาตัวรอดและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
“หึ ข้าไม่ได้ช่วยทำอะไรนอกจากให้คำแนะนำเท่านั้น ท่านต่างหากที่สมควรได้รับคำชม” เฟกเก้แย้งเสียงเรียบเรื่อย
ทุกคนได้รับการปลดปล่อยจากเครื่องพันธนาการและดูสดชื่นขึ้นหลังจากที่ได้มีการพักผ่อนเตรียมตัว
“ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราไปเผชิญหน้ากับเจ้าอิคารัสกันเลยเถอะ” เฟกเก้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่าเสียเวลาไปมากแล้ว
“นี่ ข้าดูไม่มีพิรุธแน่นะ” เฮเธลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
“ไม่หรอกน่า เจ้าเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับองค์หญิงยิ่งกว่าใคร จะมีใครรู้จักองค์หญิงอเมเลียได้ดียิ่งกว่าเจ้าล่ะ อย่ากังวลไปเลย” เสียงของลูเซียดังขึ้นอย่างปลอบโยน
เมื่อทั้งคณะเปิดประตูห้องออกมาก็พบกับทหารที่ยืนเฝ้าหน้าห้องอยู่แล้ว อย่างรู้หน้าที่ ทหารเหล่านั้นเดินนำไปโดยไม่เอ่ยอะไร
ทั้งคณะเดินไปตามทางเดินอันโอ่โถงซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่งของอาณาจักรแห่งนี้ แต่ก็หาได้เกิดความรู้สึกชื่นชมเลยสักนิดไม่ เนื่องด้วยทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจว่าความมั่งคั่งของอิคารัสนี้ล้วนสั่งสมมาจากความเดือดร้อนและทุกข์ทรมานของผู้คน ทั้งจากสงครามและการค้าทาสซึ่งอิคารัสเป็นผู้ก่อขึ้น
ไม่มีใครพูดอะไรกันเลยจนกระทั่งไปถึงท้องพระโรงซึ่งอิคารัสกำลังว่าราชการอยู่
เมื่อมีการเรียกเบิกตัวเชลย ทั่วทั้งท้องพระโรงก็เงียบสงัดไปอึดใจ ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะได้ยลโฉมองค์หญิงอเมเลีย เมื่อคณะปีศาจก้าวล่วงเข้าไปก็เกิดเสียงอึงคะนึงไปทั่วจนกระทั่งอิคารัสยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ ทุกคนจึงเงียบเสียงลง
เฮเธลในคราบของอเมเลียก้าวนำหน้าขึ้นไปเป็นคนแรกด้วยท่าทางนิ่งสงบ ลูเซียบรรจงประทินโฉมให้เฮเธลจนดูเฉิดฉายกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น หากแม้นตาไม่บอดก็ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า หญิงงามตรงหน้างดงามเกินกว่าหญิงอื่นใดที่เคยได้เห็น
เฮเธลและคณะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองซึ่งทางพระราชวังได้จัดเตรียมไว้ให้ สำหรับชุดสตรีซึ่งเฮเธลสวมใส่นั้น ได้มีการตัดเย็บเป็นพิเศษ ปักด้วยดิ้นทองและอัญมณีเข้ารูปพอดิบพอดี แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ขับให้ผู้สวมใส่สวยเด่นงามสง่าเป็นอย่างยิ่ง
เฮเธลย่อตัวทำความเคารพอิคารัสซึ่งนั่งตะลึงอยู่อย่างพอเป็นพิธี อิคารัสรู้สึกตัวรีบลงจากบัลลังก์เชื้อเชิญให้เฮเธลนั่งในที่อันเหมาะสม ก่อนหันไปเอ่ยกับข้าราชบริพาร
“อาณาจักรเทพของเราได้มีโอกาสรับรองคณะขององค์หญิงอเมเลียแห่งอาณาจักรปีศาจ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ขอให้พวกเราทุกคนแสดงความเคารพและถวายพระพรแด่องค์หญิง”
ทุกคนในห้องโถงคำนับลงอย่างพร้อมเพรียง เฮเธลยืนรับการเคารพนั้นอย่างสง่างาม บางทีอาจเป็นการเหมาะแล้วที่ผู้ซึ่งยืนอยู่ ณ ที่นี้ ไม่ใช่อเมเลียซึ่งไม่ประสาอะไรทั้งสิ้น เฮเธลซึ่งคุ้นเคยกับธรรมเนียมปฏิบัติของวังมานาน ไม่ส่อพิรุธใด ๆ ทั้งสิ้น
หลังจากการรับรองอันเป็นพิธีการจบลง อิคารัสก็หันมาทางเฮเธล
“ไม่ทราบว่าคืนนี้องค์หญิงสะดวกหรือไม่หากข้าจะขอเชิญเสด็จงานเลี้ยงต้อนรับ”
“ไม่ทราบว่าท่านเชิญข้าคนเดียวหรือพวกเราทั้งคณะ” เฮเธลเอ่ยถามด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ
“คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ ย่อมเชิญพวกท่านทั้งคณะแน่นอน การมาเยือนครั้งนี้ของพวกท่านนับเป็นเกียรติ เราจึงต้องการประกาศให้ชาวเมืองและเมืองต่าง ๆ รู้” อิคารัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริง นัยของคำพูดนั้นมีเชิงหยามหยันอยู่ลึก ๆ ซึ่งแสดงถึงความเหิมเกริมที่อิคารัสคิดว่าได้ตัวของเจ้าหญิงอเมเลียอยู่ในมือแล้ว
เฮเธลเหยียดยิ้มก่อนตอบ
“ถ้าเช่นนั้นต้องขอบคุณในน้ำใจของท่าน แล้วพบกันคืนนี้” จากนั้นจึงขอตัวลากลับโดยไม่สนใจทีท่าของอิคารัสซึ่งพยายามหน่วงเหนี่ยวให้หญิงสาวอยู่ต่อ อิคารัสแสดงความสนใจในตัวเฮเธลอย่างชัดแจ้งแม้ว่าเฮเธลจะแสดงท่าทีเย็นชาก็ตาม
เมื่อกลับถึงห้องพักต่างก็ปรึกษากันทันที
“ข้าว่าเราควรรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า” เฮเธลเสนอขึ้นอย่างร้อนรน
“อย่าดีกว่า เราควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ในการตามหาคทาที่หายไป” ผู้ที่เอ่ยขัดขึ้นคือเฟกเก้
“ข้าก็คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิคารัสกำลังลำพองใจเช่นนี้ ย่อมไม่ทันระวังตัวแน่” เดมอนออกความเห็น
“แต่ข้าว่ายิ่งพวกเราอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้ มันยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้นอีกเป็นแน่ เพราะกลัวว่าเวลาใดเวลาหนึ่งพวกเราอาจชิงคทากลับไปก็ได้” ลูเซียเสนอ “ข้าว่าเราหนีไปตั้งหลักก่อนอย่างที่เฮเธลว่าก็ดี ข้าไม่อยากเสี่ยงให้พวกมันจับพิรุธเราอยู่ที่นี่”
“ทำไมหรือ เจ้าไม่มั่นใจในฝีมือการประทินโฉมของตัวเองหรือ เจ้าไม่เห็นหรือยังไงว่าอิคารัสมันมองเฮเธลตาเยิ้มขนาดไหน ข้าเชื่อว่ามันต้องติดกับเราแน่นอน” เดมอนขัด
“เราจะไม่ถอยจนกว่าจะได้คทา” เฟกเก้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สีหน้าไม่บอกความรู้สึกใด ๆ
“ใช่ ข้าเห็นด้วยกับเฟกเก้ ถ้าเราถอยตอนนี้ โอกาสที่จะได้กลับเข้ามาเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว อีกอย่างตอนนี้องค์หญิงก็ปลอดภัยอยู่ข้างนอก เราควรใช้โอกาสนี้ซึ่งองค์หญิงไม่ต้องเข้ามาเสี่ยง จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยไปเลยทีเดียว”
“แต่ถ้าข่าวลือเรื่ององค์หญิงถูกจับกุมแพร่ออกไปล่ะ คนภายนอกที่ไม่รู้เรื่องก็จะระส่ำระสายกันไปหมด ยิ่งที่เมืองปีศาจแล้วคงร้อนใจกันมากเป็นแน่ ดีไม่ดีหากใครฉวยโอกาสก่อกบฏจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่” เฮเธลแย้งอย่างมีเหตุผล
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา ข่าวที่ออกไปจะมีเพียงว่า องค์หญิงอเมเลียเสด็จเยือนอาจักรเทพอย่างเป็นทางการ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่อิคารัสเรียกประชุมเหล่าเทพจากเมืองต่าง ๆ แล้ว เราสามารถใช้โอกาสนั้นแสดงตัวว่าเราไม่ได้ถูกจับกุมแต่อย่างใด เพียงแต่ได้รับเชิญมาร่วมการประชุมนั้นด้วย” เดมอนเอ่ย
“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ต้องใช้ความพยายามมากที่สุด เฮเธล เจ้าต้องหลอกล่อให้อิคารัสเปิดเผยความลับเกี่ยวกับคทา เพราะดูทีท่าแล้วอิคารัสไม่ระแวงสงสัยในตัวเจ้า เมื่อได้คทาแล้ว พวกเราจึงจะหลบหนีไป” เขาสรุปในตอนท้าย
“งั้นตกลงตามนี้ ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด ตอนนี้ข้าคงต้องขอแยกตัวไปพักอีกห้องก่อน ประเดี๋ยวจะเป็นที่สงสัย” เฮเธลเอ่ยขึ้นก่อนหันไปทางลูเซีย สีหน้ายังคงไม่ค่อยดี
“ลูเซีย เจ้าไปกับข้านะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดนี้ เนื่องจากลูเซียจัดได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดซึ่งวางใจได้ว่าสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้อย่างดีที่สุดในยามคับขัน
“ถ้ามีอะไรก็ร้องดัง ๆ ก็แล้วกันนะ” พรรคพวกคนอื่น ๆ เอ่ยขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะเปิดประตูห้องออกไป
เฮเธลและลูเซียถูกนำไปพักแยกอีกห้องหนึ่งซึ่งเตรียมไว้รับรององค์หญิงอเมเลียโดยเฉพาะ
...........................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น