ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose of the Underworld

    ลำดับตอนที่ #7 : The Invisible Enemies

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 47


    “นี่ เจ้าว่ามันแปลกไหม” เฮเธลถามหลังจากที่ได้อยู่กับเฟกเก้ตามลำพัง



    “อะไรแปลกล่ะ หืม?” เฟกเก้ถามกลับพลางยกมือเรียวยาวขึ้นเสยผม



    ผมของเฟกเก้ยาวระต้นคอราวกับรากไทร และหยักศกนิด ๆ ด้านหน้าทิ้งตัวลงมาปรกข้างแก้ม ตามปกติผมของเขาจะมีสีดำ แต่เมื่ออยู่กลางแสงแดดจะกลายเป็นสีทองไปอย่างน่าประหลาด



    “ก็เจ้าปีศาจเมื่อกี้น่ะสิ” เฮเธลหยุดคิดก่อนเอ่ยต่อ



    “เมื่อก่อนมันไม่ร้ายกาจอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเจ้าคงไม่เห็น ตอนเจ้าต่อสู้อยู่นั้น มีคนสร้างประตูมิติอยู่ในเรือเราพอดี ถ้าเมื่อครู่เจ้าหญิงอยู่ภายในเรือก็คงหลุดไปมิตินั้นแล้ว”



    “งั้นรึ” เฟกเก้ตอบรับด้วยสีหน้าเฉยเมย มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ดูครุ่นคิด



    “พอเจ้าปราบปีศาจแล้ว ประตูมิติก็หายไปทันที เจ้าพอจะรู้ไหมว่ามันเกี่ยวกับปีศาจเมื่อครู่ยังไง”



    “ไม่รู้สิ มันอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกันเลยก็ได้ แต่ที่สำคัญเจ้าต้องคุ้มกันองค์หญิงให้ดี เพราะข้ารู้สึกว่าการเดินทางคราวนี้เราจะต้องเผชิญกับอันตรายมากกว่าปกติทีเดียว อีกอย่าง เราไม่รู้ว่าศัตรูของเราคือใครบ้าง”



    “เจ้าพูดเช่นนี้แสดงว่าเราต้องมีศัตรูมากกว่าหนึ่งรายงั้นหรือ” เฮเธลซักอย่างตื่น ๆ



    “แน่นอน” เฟกเก้ตอบก่อนกล่าวต่อราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ “เจ้าคิดว่าผู้มีอำนาจจะรู้จักพอใจในตนเองหรือ ไม่ว่าใครก็ตามที่ตอนนี้พอมีกำลัง ต่างก็พยายามซ่องสุมกำลังตนเองและพยายามแย่งชิงความเป็นใหญ่ทั้งนั้นแหละ”



    “เจ้าพอจะบอกได้ไหมว่ามีใครบ้าง” เฮเธลถามอย่างว้าวุ่น



    “ไม่ได้มีแต่อาณาจักรเทพเท่านั้นหรอกที่หมายจะโจมตีเมืองฮาดีส บางทีอาจเป็นฝ่ายพันธมิตรปีศาจด้วยกันเอง”



    “เจ้ารู้ไหมหากรู้ไปถึงผู้อื่นว่าเจ้าพูดเช่นนี้เจ้าอาจลำบาก” เฮเธลเตือนพลางหันไปมองรอบ ๆ ตัว



    เฟกเก้หัวเราะหึหึอย่างไม่แยแส ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงหยัน ๆ



    “ก็ถ้าไม่ใช่พวกปีศาจด้วยกันเองจะสามารถบังคับอสูรที่เป็นของโลกปีศาจอย่างสาหร่ายกินคนเมื่อครู่ได้รึ”



    เฮเธลนิ่งอึ้งไปอย่างจนด้วยเหตุผล



    “เอาเถอะ ข้างหน้าจะเข้าเขตดงดิบแล้ว เจ้ารีบไปอารักขาองค์หญิงเถอะ หนทางจะเต็มไปด้วยอันตรายมากกว่านี้” ว่าแล้วก็ลุกเดินไปที่หัวเรือ

    เฮเธลยังคงนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปหาอเมเลียภายในเรือ



    ...............................................................



    อเมเลียนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ยังคงตัวสั่นน้อย ๆ หญิงสาวตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย เธอเป็นเหมือนกับเด็กทารกในโลกปีศาจนี้ที่ไม่สามารถใช้เวทย์ป้องกันตัวได้เลย หญิงสาวยังคงขยาดที่ออกไปที่ดาดฟ้าเรือด้วยกลัวว่าจะต้องเจอกับตัวประหลาดอื่นอีก



    อเมเลียมองออกไปนอกหน้าต่างเรือเห็นทิวทัศน์เริ่มแปลกตา ทั้งที่ตอนนี้ยังเป็นเวลาสายแต่บรรยากาศกลับดูมัวซัวอย่างน่าประหลาดราวกับแสงอาทิตย์ไม่สาดส่อง อย่างไรก็ตามหญิงสาวไม่กล้าออกไปดูสถานการณ์ภายนอก จึงนั่งรอเฮเธลอยู่ในห้อง ยิ่งเรือแล่นผ่านไป ของฟากฝั่งแม่น้ำก็เริ่มเป็นป่าทึบ ภายนอกเริ่มอับแสงลงที่ละน้อยจนกระทั่งมืดครึ้มราวกับกลางคืน



    เฮเธลเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับอาหารกลางวัน เป็นเวลาเดียวกับที่อเมเลียคิดจะออกจากห้องไปสอบถามถึงปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดนี้กับใครสักคน เฮเธลเข้ามาเห็นอเมเลียหน้าตื่น ๆ ก็เข้าใจได้ทันที



    “ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่แถวนี้เป็นป่าทึบ ต้นไม้สูงใหญ่และขึ้นหนาแน่นมากจนทำให้ไม่มีแสงสว่างลอดลงมา” เฮเธลไขข้อข้องใจก่อนที่อเมเลียจะได้เอ่ยปากถาม



    ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์หันไปใช้อุ้งมือจ่อตะเกียงติดผนัง เปลวไฟค่อย ๆ ลามเลียเพิ่มแสงสว่างในห้องทีละน้อย



    “กินอะไรเสียก่อนเถอะท่าน เดี๋ยวจะไม่มีแรง” เฮเธลชักชวนนายสาวก่อนจัดแจงเลื่อนถาดอาหารให้หญิงสาวอย่างเอาใจ



    ห้องนอนของอเมเลียมีขนาดกว้างประมาณสามตารางวา เนื่องจากเรือมีขนาดเล็ก ทุกพื้นที่จึงต้องใช้สอยอย่างคุ้มค่า ในห้องมีเพียงเก้าอี้ยาวติดผนัง หีบเสื้อผ้าและเตียงเท่านั้น เตียงของอเมเลียพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เตียงของเธอใหญ่กว่าคนอื่นขนาดพอนอนได้สองคน ทั้งนี้เพื่อที่ว่าในยามคับขัน เฮเธลอาจเข้ามานอนเป็นเพื่อนหญิงสาว ผนังข้างเตียงนอนของอเมเลียสามารถพับลงมาเป็นโต๊ะได้ และหน้าต่างเหนือเตียงก็สามารถเปิดออกไปรับลมภายนอกได้เช่นกัน



    แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่คิดจะเปิด



    “ไม่ล่ะ ฉันกินไม่ลง” อเมเลียปฏิเสธ



    แต่เมื่อได้กลิ่นอันหอมหวนชวนชิมของอาหารก็ทำให้ปฏิเสธไม่ลง จึงลองตักชิมก่อนที่จะเริ่มรับประทานอย่างอเร็ดอร่อย เฮเธลมองยิ้ม ๆ

    “ข้าไม่เคยเห็นมีใครปฏิเสธอาหารฝีมือเดมอนได้เลยสักคนเดียว” เฮเธลเอ่ย



    “หา นี่เดมอนเป็นคนทำหรือจ๊ะ”



    อเมเลียทำตาโตขณะเคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ หญิงสาวนึกไปถึงชายหน้าดุร่างท้วมสูงใหญ่ ซึ่งเป็นเสนาบดีความมั่นคงแล้วไม่อยากเชื่อว่าคนที่ท่าทางห้าวหาญเช่นนั้นจะเข้าครัวเก่งถึงเพียงนี้



    “โอ้ย มีแต่คนพูดอย่างนี้ทุกคน หารู้ไม่ตาลุงนั่นลองได้จับตะหลิวแล้ว แม่ครัวเอกของวังยังต้องอายเลย”



    เฮเธลหัวเราะอย่างขำ ๆ ซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก อเมเลียมองพลางคิดในใจว่าอันที่จริงเฮเธลก็เป็นคนที่สวยมากเพียงแต่หน้าตาค่อนข้างจะบึ้งตึงและยิ้มยากเท่านั้นจึงทำให้หน้าดุและเคร่งเครียดอยู่เสมอ



    “มองอะไรหรือ” เฮเธลถามหลังจากหยุดหัวเราะแล้วและเห็นอเมเลียนั่งจ้องหน้าตนเอง



    “ฉันเพียงแต่คิดว่าเวลาเธอยิ้มก็สวยดีเหมือนกันนะ” อเมเลียชมซึ่ง ๆ หน้า



    “พูดอะไรอย่างนั้น” เฮเธลงึมงำหน้าแดง



    “นี่ ฉันนึกอะไรออกแล้ว” ว่าแล้วอเมเลียก็วิ่งไปเปิดหีบเสื้อผ้า คว้าวิกผมขึ้นมาส่งให้เฮเธล



    “ไหนลองสวมซิ”



    “จะทำอะไรน่ะ”



    “เถอะน่า”



    เฮเธลทำตามอย่างเสียมิได้ เมื่อสวมวิกเสร็จแล้ว อเมเลียก็มองอย่างเพ่งพิศ



    “ผมยาวอย่างนี้ ดูผาด ๆ ก็เหมือนฉันเหมือนกันนะ เดี๋ยวเราลองไปพิสูจน์กันเถอะ” อเมเลียชวนเฮเธลอย่างนึกสนุก



    อเมเลียหยิบชุดของตนส่งให้เฮเธลเปลี่ยนจากชุดเดิมซึ่งเป็นเกราะเข้ารูปสีดำแดง

    “เล่นอะไรก็ไม่รู้” เฮเธลบ่นงึมงำ

    “เอาเถอะน่า เดี๋ยวลองไปหลอกเดมอนดูก่อน” หญิงสาวบอกอย่างนึกสนุก

    ............................................................



    เดมอนซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการมอบหมายเวรยามให้กับหมู่ทหารหันขวับมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า



    “องค์หญิงมีธุระอะไรหรือพระเจ้าค่ะ”



    ยังไม่ทันที่ “องค์หญิง” จะตอบ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะพรืดดังมาจากคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง “องค์หญิง” เขาตั้งใจจะหันไปเอ็ด แต่เมื่อคนข้างหลังยื่นหน้าออกมาให้เห็นชัด เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก



    “เอ่อ.. อ้า...องค์หญิงอเมเลีย เอ่อ ทำไมมีสองคนไปได้” เขามองอย่างงงๆ



    คราวนี้องค์หญิงทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน พร้อม ๆ กับที่เฮเธลดึงวิกผมออก



    “อ้าว องค์หญิงล้อกระหม่อมเล่นอีกแล้ว” เดมอนเอ่ยด้วยท่าทางเขิน ๆ ที่เมื่อครู่ตัวเองทักผิดต่อหน้านายทหาร ขัดกับบุคลิกดุดันของเขาเป็นอย่างยิ่ง



    “นี่ท่านจำไม่ได้จริงหรือ” อเมเลียถามพลางหัวเราะ



    “โธ่ กระหม่อม ก็บนเรือนี้น่ะ ฝ่าบาทมีพระเกศายาวขนาดนี้พระองค์เดียวนี่พระเจ้าค่ะ อีกอย่างเฮเธลก็สวมฉลองพระองค์ของฝ่าบาทมาด้วย จะไม่ให้กระหม่อมจำผิดได้อย่างไรไหว”



    เหล่าทหารพากันกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นเนื่องจากไม่เคยเห็นท่าทางเขินอายของเดมอนมาก่อน ปรกติเขาเป็นผู้บังคับบัญชาที่เข้มงวดและดุดันมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอเมเลีย (หรือสาวสวย) แล้วก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว



    “อ้อ ขอบคุณท่านมากเลยนะเดมอน ฝีมือทำอาหารของท่านเด็ดจริง ๆ ตอนเฮเธลบอกฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านเป็นคนทำ”



    เหล่านายทหารยิ่งทำตาโตเมื่อรู้ว่า ผู้บังคับบัญชาสุดโหดของตนเข้าครัวด้วย เดมอนรีบทำกระแอมกระไอเพื่อกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่อง เนื่องจากไม่ต้องการให้สูญเสียภาพลักษณ์การเป็นผู้นำที่เด็ดขาด



    “กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลเตือนสักหน่อยน่ะพะย่ะค่ะ”



    “อะไรหรือจ๊ะ”



    “ตอนนี้หากท่านไม่มีเหตุจำเป็นก็ไม่ควรออกมาเดินนอกเรือเพราะเขตดงดิบนี้ สัตว์อันตรายจะมีมากเป็นพิเศษน่ะพะย่ะค่ะ ยิ่งช่วงนี้ดูอันตรายกว่าปกติด้วย”



    “อ๋อ เรื่องนั้นน่ะ ฉันไม่มีทางออกมาหรอก ตั้งแต่เจอเจ้าสัตว์ประหลาดน่าขยะแขยงเมื่อกี้ ฉันก็ไม่อยากออกมาโดยไม่จำเป็นหรอกจ๊ะ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก” อเมเลียตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนเอ่ยลากลับห้องพักพร้อมกับเฮเธล



    ....................................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×