คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท
บทที่ 1
“นะจ๊ะๆๆๆๆ รีอาคนดี ช่วยข้าหน่อยน๊า....”
เสียงใสๆ ดังมาจากในห้องส่วนตัว ณ ตำหนักฝ่ายในของพระราชวังอาเมอรัล
“แต่ว่า... ข้าว่าไม่ดีมั้งจ๊ะ”
“แหมๆๆๆ อย่าใจร้ายอย่างนั้นสิจ๊ะ รีอา เจ้าไม่สงสารข้าหรอกหรือที่จะต้องถูกบังคับแต่งงานกะใครก็ไม่รู้ เจ้าก็รู้นี่ว่าความฝันตั้งแต่เด็กของข้าคือการได้เป็นแม่มดนะ” เสียงกระเง้ากระงอดยังดังอย่างต่อเนื่อง
“นี่ ไอด้า เจ้าก็ช่วยข้าพูดมั่งสิ” สาวสวยผมสีดำขลับ นัยน์ตาสีม่วงหันไปขอร้องเพื่อนสาวผมทองซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลนัก
สาวผมทองนามว่าไอด้าวางหนังสือลงก่อนถอนหายใจอย่างเบื่อๆ “รีอา เห็นแก่ความบ้าครั้งสุดท้ายของมันเถอะ ช่วยๆ มันไปอีกสักครั้งละกันนะ ข้าขี้เกียจจะฟังเสียงแสบรูหูนี่แล้วล่ะ”
รีอา หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามอ่อนโยนมีท่าทางกระอึกกระอัก เธอไม่มีทักษะในการปฏิเสธคนเอาเสียเลย และสองสาวนี่ก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอเสียด้วยซี
“ตะ แต่ว่าถ้าเจเนฟไม่อยู่แล้วใครจะเป็นคนเข้าพิธีสมรสล่ะ”
“แหม... ไม่เห็นจะยากเลยนี่จ๊ะ ก็จะไม่มีพิธีสมรสไงล่ะ เดี๋ยวเสด็จพ่อก็ส่งคนออกไปตามหาตัวข้าเองแหละ ข้ารับรองว่าจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้าสักกะติ๊ดเลยนะจ๊ะ นะๆๆๆๆ รีอาเพื่อนรัก”
“ตกลงกันเองนะจ๊ะสองคนนี้ เดี๋ยวข้าคงต้องไปช่วยท่านพ่อตรวจความเรียบร้อยในพิธีละ” ไอด้าว่าก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น บิดาของหญิงสาวคือนักบวชสมณศักดิ์สูงแห่งวังหลวงซึ่งจะมีหน้าที่ประกอบพิธีสมรสที่จะถูกจัดขึ้นในเช้าวันนี้นี่เอง
“จะไปทำไมกันจ๊ะ ยังไงๆ ก็จะไม่มีพิธีแต่งงานเกิดขึ้น เพราะ ข้า กำลังจะหนีอยู่นี่ไง” เจเนฟขัดขึ้นหากแต่ไอด้าไม่สนใจและเดินออกจากห้องไปอย่างไม่แยแส
“รีอาจ๋า ข้าไม่รบกวนอะไรเจ้ามากหรอก แค่ใส่ชุดเจ้าสาวแล้วเอาผ้าคลุมผมไว้ไม่ให้ใครผิดสังเกตก็พอ ระหว่างนี้ข้าก็จะแอบย่องออกไป พอใกล้เวลาประกอบพิธี เจ้าก็เปลี่ยนเป็นชุดของเจ้าเหมือนเดิม ถ้าใครถามเจ้าก็บอกว่าออกไปทำธุระ กลับมาก็ไม่เจอข้าแล้ว ไม่มีใครสงสัยหรอกว่าเจ้าให้ความร่วมมือข้า เพราะเจ้าน่ะ เป็นคนดีจะตาย เสด็จพ่อข้ายังชมเลยว่าอยากให้ข้าอยู่ในโอวาทได้อย่างเจ้าสักครึ่งหนึ่ง นะๆๆ ช่วยข้าหน่อยเถอะ” เจเนฟยังคงอ้อนวอนต่อ พร้อมกันนั้นก็ยัดชุดเจ้าสาวลงในมือของเพื่อนสาวผมสีน้ำตาลเข้ม
“เอ่อ... แล้วทำไมเจ้าไม่รีบหนีไปตั้งแต่ตอนนี้เลยล่ะจ๊ะ ทำไมต้องให้ข้าแต่งชุดเจ้าสาวแทนเจ้าด้วยล่ะ” รีอาถามต่ออย่างไม่แน่ใจ
“ก็ทุกคนระแวงข้านี่ ถ้าหากเข้ามาดูไม่เห็นข้าอยู่ในห้องก็ต้องรู้แน่ๆ สิว่าข้าหนีไปแล้ว ทีนี้ถ้าข้ายังหนีไปไม่ได้ไกลพอ มีหวังถูกตามไปจับตัวกลับมาทันเข้าพิธีพอดีน่ะสิ ฉะนั้น...รีอา เจ้าต้องช่วยข้านะ แค่ถ่วงเวลาทุกคนที่นี่ไว้เท่านั้นเองนะจ๊ะ มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้ ได้โปรดเถอะ”
รีอามองชุดแต่งงานในมืออย่างลำบากใจ แต่เจเนฟไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้มีโอกาสปฏิเสธ รีบฉวยห่อสัมภาระแล้วโถมเข้าไปกอดและหอมแก้มเพื่อนสาวเป็นการสั่งลา
“ขอบใจเจ้ามากนะรีอา หากข้าร่ำเรียนเป็นแม่มดได้สำเร็จเมื่อไหร่ ข้าจะรีบกลับมา แล้วเจอกันนะจ๊ะเพื่อนรัก”
ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก เจ้าหญิงเจเนฟซึ่งปลอมตัวในชุดนักบวชหญิงของไอด้าก็ผลุบหายไปจากห้องพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไป รีอามองชุดเจ้าสาวในมืออย่างถอนใจก่อนจะลุกไปเปลี่ยนอย่างไม่เต็มใจ
สิบนาทีมาแล้วที่รีอาต้องมานั่งตัวแข็งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ห้านาทีที่แล้วหัวหน้านางกำนัลเพิ่งเดินมาตรวจ เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเจ้าสาวยังอยู่ก็ถอนใจอย่างโล่งอกแล้วเดินจากไป
นี่จะมีคนมาตรวจเช็คอีกเยอะไหมนี่ หัวใจจะวายตายอยู่แล้ว ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาต้องเดือดร้อนแน่ๆ หญิงสาวคิด
และก็เป็นอย่างที่คิด ทุกๆ ห้านาทีจะมีคนเดินมาเปิดประตูห้องดูว่าเจ้าสาวยังอยู่หรือปล่าว เพียงเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง รีอาก็แทบจะเป็นลมไปด้วยความหวาดกลัว
ไม่มีความเป็นส่วนตัวเอาเสียเลย รีอาชักเริ่มเห็นใจเพื่อนสาวตัวแสบขึ้นมาตะหงิดๆ ในฐานะเจ้าหญิงของอาณาจักรอาเมอรัล เจเนฟจำเป็นต้องสมรสกับเจ้าชายแม็กซิสแห่งอาณาจักรเมรอสด้วยเหตุผลทางการเมือง ไอด้าและรีอา สองสาวเพื่อนสนิทที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ได้แต่ปลอบโยนไปตามเรื่อง แต่ก็ไม่สามารถทัดทานเรื่องการหนีออกจากวังของเพื่อนสาวได้
ประตูเพิ่งปิดไปหลังจากการแวะมาตรวจความเรียบร้อยครั้งล่าสุด รีอาถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็อาจรู้ได้ หากแต่หลังจากประตูถูกปิดไปไม่นาน ก็กลับถูกเปิดมาใหม่และผู้ที่ก้าวเข้ามากลับเป็นบุรุษที่รีอาไม่เคยเห็นหน้า
รีอาผุดลุกขึ้นยืนทันที พร้อมกันนั้นก็สังเกตท่าทีของบุรุษลึกลับไปด้วย เขาไม่ใช่คนในวัง แม้จะสวมเสื้อทหารองครักษ์ทับชุดดำที่เขาใส่อยู่ข้างในก็ตาม
“ท่านเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่เป็นเขตพระราชฐานฝ่ายในนะ”
ชายผู้นั้นไม่ตอบ แต่ดึงผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ออกมา รีอาวิ่งหนีเลี่ยงไปที่ประตูด้วยสังหรณ์ว่าเหตุการณ์ชักจะไม่เข้าที ทว่ากลับถูกคว้าคอไว้จากด้านหลัง ผ้าผืนใหญ่นั้นถูกใช้ปิดปากก่อนที่เสียงร้องของเธอจะทันเล็ดลอดออกมาได้
จากนั้นชายหนุ่มก็คว้าเชือกเส้นเล็กออกมามัดมือและเท้าของหญิงสาว ขณะที่ทำงานก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ราวกับไม่ได้พูดกับเธอ
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าดิ้นให้มากนัก เชือกเส้นเล็กนี่บาดทีเจ็บจนพูดไม่ออกเลยล่ะ”
เพียงไม่ถึงสองนาที ชายลึกลักก็แบกร่างของรีอาที่ไม่สามารถดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการได้หายออกไปจากกำแพงวังอย่างลึกลับราวกับเงา
...................................
“แม็กซิส เร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ทันเวลาเข้าพิธีหรอก”
เสียงเรียกที่แว่วมาไม่ได้ช่วยให้ชายหนุ่มสามารถละสายตาจากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าได้ จากม้านั่งที่แอบอยู่ท่ามกลางสุมทุมพุ่มไม้ในสวนสวยนอกตำหนัก ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลไหม้ใบหน้างดงามบริสุทธิ์ถูกชายชุดดำแบกพาดบ่าวิ่งหายไปทางสวนท้ายตำหนัก ชายหนุ่มรู้สึกหัวใจกระตุกวูบเพียงแค่ได้เห็นเธอแวบแรกเท่านั้น เธอคือนางในฝันของเขา
เหตุการณ์ชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วสิ เธอแต่งชุดเจ้าสาวด้วยนี่ หรือเธอจะเป็นเจ้าสาวของเขา ชายหนุ่มร้องเรียกอัศวินคนสนิททันที แต่ชายชุดดำนั่นก็ไวชะมัด แป๊บเดียวก็ไต่ข้ามกำแพงวังหายไปเสียแล้ว เขาเองก็ไม่มีฝีมือทางบู๊เสียด้วยสิ จะตามไปช่วยเองก็คงไม่ไหว
“ราฟาเอล มานี่เร็ว ทางโน้น เจ้าหญิงถูกลักพาตัวไป”
“อย่ามัวเพ้อเจ้อน่า แม็กซิส ป่านนี้เจ้าหญิงรอเจ้าอยู่ในโบสถ์แล้ว ไปเถอะ” อัศวินหนุ่มนามราฟาเอลที่เป็นทั้งเพื่อนและองครักษ์ประจำตัวเดินออกมาลากแขนเจ้าชายหนุ่ม “ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็ไม่อยากแต่งงาน แต่ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ก็ทำๆ ไปเหอะน่า”
“ไม่ใช่ เมื่อกี้ข้าเห็นชายชุดดำแบกเจ้าสาวปีนข้ามกำแพงไปโน่น” เจ้าชายหนุ่มชี้มือบอกทิศทาง แต่องครักษ์หนุ่มไม่สนใจจะฟังพลางส่ายหน้าอย่างคร้านจะต่อล้อต่อเถียง
“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ” แม็กซิสถามอย่างโกรธๆ
“ก็จริงนี่นา เวลาอย่างนี้โจรที่ไหนจะมาลักพาเจ้าสาวไปได้ เจ้าหญิงอยู่ในเขตพระราชฐานฝ่ายในนะ ผู้ชายในวังยังเข้าไปไม่ได้เลย แล้วโจรที่ไหนมันจะฝ่าด่านเข้าไปได้” ราฟาเอลตอบ
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะโต้เถียงกันต่อ เสียงอื้ออึงก็ดังมาจากเขตราชฐานฝ่ายในจนกระทั่งชายหนุ่มทั้งสองซึ่งอยู่ในเรือนรับรองได้ยินอย่างชัดเจน
“เห็นไหมล่ะ ข้าว่าเจ้าหญิงต้องถูกลักพาตัวไปแน่” แม็กซิสพูดอย่างมีชัยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า นี่ไม่ใช่เวลาจะมาดีใจนี่นะ เจ้าสาวของเขาถูกลักพาตัวไป
“อาจจะด้วยเรื่องอื่นก็ได้” ราฟาเอลค้าน
“เจ้าลองไปสืบดูสิ กินเวลาไม่มากหรอก อีกอย่างเราจะได้รู้ด้วยว่าทางโน้นวุ่นๆ กันเรื่องอะไร”
ราฟาเอลพยักหน้ารับคำสั่งเจ้านายก่อนจะเดินหายไปทางตำหนักฝ่ายใน
...........................................................
พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย
รีอาร่ำร้องอยู่ในใจขณะที่น้ำตาไหลพราก ตอนนี้เธอรู้สึกคลื่นเหียนเป็นกำลังเมื่อต้องมาถูกแบกพาดบ่ากระโดดไปมาตามหลังคาบ้าน
ทำไมไม่มีใครมองขึ้นมาเห็นเจ้าโจรนี่สักคนนะ หญิงสาวคิดในใจขณะที่ชายหนุ่มซึ่งแบกเธอไว้กระโดดพาเธอห่างออกจากพระราชวังไปเรื่อยๆ
เมื่อพ้นจากเขตตัวเมือง ไม่มีอาคารใหญ่ๆให้กระโดดข้ามไปอีก ชายหนุ่มก็กระโดดจากหลังคาลงมายังระเบียงชั้นสอง ก่อนจะกระโดดอีกครั้งเพื่อลงมาสู่พื้นดินในตรอกเปลี่ยวแคบๆ
เขาวางหญิงสาวลงกับพื้น รีอาเซไปพิงกับผนังตึก ชายหนุ่มถอดเสื้อองครักษ์ที่สวมทับอยู่ออก ก่อนจะหันมาแก้มัดที่เท้าของหญิงสาว แน่ละ เชือกเส้นเล็กบาดเข้าไปในผิวบาง เลือดซึมออกมาเล็กน้อย ชายหนุ่มเห็นแต่ก็ไม่พูดอะไร นอกจากเช็ดเลือดที่ติดอยู่ก่อนจะม้วนเชือกเก็บเข้ากระเป๋า เขาแก้ผ้าที่มัดปากหญิงสาวออกแล้วพูดกับเธอ
“อย่าคิดร้องให้คนช่วยเป็นอันขาด เจ้าจะถูกหักคอก่อนที่จะได้ส่งเสียง เข้าใจไหม” น้ำเสียงทุ้มนั้นราบเรียบแต่สะกดให้รีอาขนลุกชันได้เลยทีเดียว สายตาคมกล้าที่จ้องมองมาบังคับให้หญิงสาวต้องพยักหน้ารับ ลำคอแห้งผากจนไม่อาจจะเปล่งสุ้มเสียงใดๆ ออกมาได้
อย่าว่าแต่จะหนีเลย ตอนนี้แค่จะเดินรีอาก็ยังไม่มีแรง โจรลักพาตัวเอาผ้าคลุมไหล่ออกมาจากกระเป๋าสะพายเพื่อคลุมให้เธอ ก่อนจะเดินโอบไหล่รีอาออกจากตรอกแคบแห่งนั้น ร่างสูงของเขาบดบังร่างบางของหญิงสาวจนเกือบมิด ผ้าคลุมไหล่นั้นก็ปิดบังสภาพของหญิงสาวในชุดแต่งงานที่ถูกมัดมือได้ดีทีเดียว
รีอามองไปรอบๆ ตัว หวังจะใช้สายตาสื่อกับชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา เผื่อจะมีใครสักคนผิดสังเกตและสามารถช่วยเธอได้ แต่ทว่า วันนี้มันเป็นยังไงกันนะ ทำไมไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเลย
ร่างสูงที่อยู่ข้างๆ ยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่งก่อนเอ่ยออกมาราวกับรู้ใจเธอ
“วันนี้มีงานสำคัญอะไรกันล่ะ ถึงทำให้ชาวบ้านพากันทิ้งบ้านทิ้งช่องไปดูน่ะ”
รีอาตวัดสายตาไปมองคนพูดอย่างขัดใจ นึกโกรธคนข้างๆ และไอ้พิธีแต่งงานบ้าๆ ที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
อาจจะเป็นเพราะรีอาเดินได้ช้ามากและชายหนุ่มไม่อยากอยู่ในเขตหมู่บ้านนาน เมื่อเห็นว่าปลอดคน เขาจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นมาใหม่ก่อนจะออกวิ่งอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เพียงไม่นานเขาก็มาหยุดอยู่ที่ชายป่าก่อนจะปล่อยหญิงสาวลง รีอารู้สึกวิงเวียนจนแทบจะขย้อนออกมา
“จากนี้ไปเราจะเดินเข้าป่า หากไม่อยากหลงป่า ก็อย่าพยายามหนี เจ้าจะปลอดภัยทุกอย่างและจะได้กลับไปหาเจ้าบ่าวของเจ้าแน่หากเชื่อฟังคำสั่งของข้า”
รีอามองหน้าบุรุษในชุดดำตรงหน้า หากเป็นเวลาปกติหญิงสาวคงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมโครงหน้าหล่อเหลาและดวงตาสวยสีเข้มที่มองไม่ชัดว่าเป็นสีอะไร เส้นผมสีดำสลวยของเขาปรกลงมาบนใบหน้า บดบังดวงตาคู่สวยนั้นไว้อย่างน่าเสียดาย
“ท่านจับตัวข้ามาทำไม ใครเป็นผู้บงการท่าน” รีอาเอ่ยถามอย่างหวาดๆ
ชายหนุ่มยักไหล่
“เจ้าคิดหรือว่าจะได้คำตอบจากข้า”
รีอาคิดอยู่แล้วว่าเขาคงไม่ให้คำตอบ หญิงสาวพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด ให้วิ่งหนีเขาคงจะยาก ดูจากความเร็วตอนที่เขาอุ้มเธอวิ่งมา รีอาไม่คิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น หากบอกเขาไปว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิง เขาก็คงไม่เชื่อ หรือหากเขาเชื่อ เจเนฟเพื่อนของเธอซึ่งเป็นเจ้าหญิงตัวจริงก็จะตกอยู่ในอันตราย ถ้าเช่นนั้นก็เหลืออยู่ทางเดียวคือ เอาผลประโยชน์เข้าหลอกล่อ
“ถ้าหากท่านพาข้ากลับไปที่วัง ข้าสัญญาว่าจะให้ท่านเป็นสองเท่า...” ยังพูดไม่ทันจบชายหนุ่มก็ขัดขึ้นก่อน
“สมาพันธ์นักฆ่ามีกฎเหล็กคือ ไม่หักหลังลูกค้า” ชายหนุ่มตอบอย่างหยิ่งๆ “อีกอย่าง ข้าก็ไม่เชื่อสัญญาของพวกชนชั้นสูงอย่างเจ้าด้วย”
รีอาอับจนด้วยถ้อยคำเมื่อถูกเขาตอกกลับมาเช่นนี้ อีกทั้งความจริงที่ว่าเขาอยู่สมาพันธ์นักฆ่าทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลังเยือก
“ไปกันได้แล้ว”
ชายหนุ่มออกเดินนำโดยไม่หันกลับมามอง รีอายังคงยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่ใช่เพราะหญิงสาวคิดจะแข็งข้อ จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไรในเมื่อชั่วชีวิตนี้เธอไม่เคยขัดคำสั่งของใครเลย หญิงสาวไม่ได้เดินตามไปเพราะก้าวขาไม่ออกต่างหากล่ะ สิ่งที่เธอเผชิญในช่วงเช้าของวันนี้มันมากเกินกว่าที่เคยเจอมาทั้งชีวิตเสียอีก หญิงสาวจึงออกอาการมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ทว่าชายหนุ่มที่เดินนำหน้ากลับเข้าใจไปอีกทาง เขาหยุดเดินและพูดโดยไม่หันกลับมา
“เจ้าหญิงเจเนฟ อย่าให้ข้าต้องเรียกซ้ำ”
รีอาหลุดออกจากภวังค์ น้ำเสียงข่มขวัญของเขาทำให้หญิงสาวต้องรีบสาวเท้าเดินตามไป แต่ทว่ารองเท้าเจ้ากรรมที่ใส่อยู่กลับไม่เหมาะกับการเดินป่าซะนี่ แน่ละว่ามันเอาไว้สำหรับเดินบนพื้นหินอ่อนอันราบเรียบในโบสถ์ตะหากล่ะ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว รีอาก็เสียหลักเพราะไปสะดุดเอาบรรดาวัชพืชบนพื้นดินขรุขระ
“ว้ายยยย”
หญิงสาวร้องเสียงหลงยามล้มคะมำลงกับพื้น ร่างสูงที่ยืนคอยอยู่ข้างหน้าไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมาดู กระโปรงของหญิงสาวขาดที่ตรงหัวเข่า โชคดีที่ไม่มีบาดแผล มือทั้งสองข้างเปรอะเศษดินเล็กน้อย
สำรวจตัวเองได้ไม่นาน รีอาก็ต้องรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตของคนตรงหน้า หญิงสาวรีบก้าวเดินต่อไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
แม้หญิงสาวจะทำให้เขาเดินทางได้ช้าลงมาก แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วย
อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงแล้วเขาจะต้องมาคอยพะเน้าพะนอเอาใจล่ะ ที่นี่ไม่ใช่ในวัง ถ้าเดินไม่ได้ก็ไม่มีใครเอาเสลี่ยงมาแบกหามหรอกนะ คิรันคิดในใจ แต่อีกใจก็อดชื่นชมไม่ได้ ตั้งแต่เดินมาหญิงสาวยังไม่โอดครวญสักคำ คิรันยิ้มหยันให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาเป็นโจรลักพาตัว
อันที่จริงเขาเองก็ไม่คิดจะรับงานนี้ ติดตรงที่สมาพันธ์นักฆ่าได้รับค่าจ้างอันสูงลิ่วจนไม่อาจปฏิเสธได้ อีกทั้งไม่มีใครที่ทางสมาพันธ์ให้ความไว้วางใจเท่ากับเขา คิรัน มือสังหารอันดับหนึ่งผู้เยือกเย็นและไม่เคยปฏิบัติภารกิจผิดพลาด กับแค่การลักพาตัวเจ้าหญิงออกมาในวันแต่งงานและพาไปส่งยังจุดนัดหมาย ทางสมาพันธ์ไม่เชื่อว่านักฆ่าคนอื่นจะสามารถฝ่าเวรยามและองครักษ์ที่ไม่ได้เรื่องเข้าไปได้ ถึงกับต้องมอบหมายภารกิจนี้ให้แก่เขา นักฆ่ามือหนึ่งของสมาพันธ์ ช่างเป็นงานที่ไม่สมกับฐานะนักฆ่าอย่างเขาจริงๆ
เมื่อเดินลึกเข้ามาถึงกลางป่า แสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันทำให้อุณหภูมิร้อนขึ้นทุกขณะ โชคดีที่ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เป็นร่มเงาให้ทั้งสองเดินได้โดยไม่โดนแดดเผา คิรันหยุดเดินเมื่อหูของเขาได้ยินเสียงล้มพับไปของคนด้านหลัง ชายหนุ่มเดินย้อนกลับไปดูอาการของหญิงสาวซึ่งตอนนี้เป็นลมไปแล้ว เขาคุกเข่าช้อนร่างบางขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง
ใบหน้านวลของหญิงสาวแดงปลั่งด้วยความร้อน ริมฝีปากแห้งผาก ดวงหน้างามยามไม่ได้สติดูมีเสน่ห์แบบหญิงสาวมากกว่าตอนที่เธอตื่น คิรันคิด คงเป็นเพราะแววตาซื่อบริสุทธิ์กระมังที่ทำให้เจ้าของดวงหน้านี้ดูเด็กกว่าอายุจริง เขาปลดกระติกน้ำออกสายสะพาย แล้วค่อยๆ ป้อนให้กับหญิงสาวซึ่งยังไม่ได้สติ
เพียงน้ำจากกระติกไหลเข้าไปในคอ หญิงสาวก็ออกอาการสำลักทันที เธอค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา คิรันส่งกระติกน้ำให้ก่อนถอยไปนั่งรอไม่ไกลนัก
รีอารับกระติกน้ำมาได้ก็ดื่มอย่างกระหาย แต่ก็ยังไม่วายรักษามารยาทตามที่รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ดื่มเสร็จแล้วหญิงสาวใช้แขนเสื้อเช็ดปากกระติก ปิดฝาให้เรียบร้อย ส่งคืนให้กับชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
คิรันรับกระติกมาเก็บก่อนลุกขึ้นยืน พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางต่อ รีอามองตามอีกฝ่ายพลางทำเสียงประท้วงในลำคอ
“เอ่อ ข้าเดินต่อไม่ไหวแล้ว ขอพักก่อนได้ไหมคะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่นั่งลงตามเดิม
ทำไมเขาต้องมาทำภารกิจนี้ด้วยนะ การลักพา ชายหนุ่มถอนใจอย่างหงุดหงิด ยุ่งยากยิ่งกว่าการลงดาบสังหารเป็นไหนๆ ดูสิ เขาต้องมารับผิดชอบชีวิตของผู้หญิงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกตั้งหลายวันกว่าจะกระเตงหล่อนไปถึงจุดนัดพบ ช่างเป็นภารกิจที่น่าเบื่อที่สุดเท่าที่เขาเคยได้รับมอบหมายมา
เมื่อรีอาเห็นชายหนุ่มนั่งลงเป็นสัญญาณให้เธอได้พักต่อนั้น หญิงสาวขยับหันหลังให้ชายหนุ่มก่อนจะชันเข่าขึ้นและค่อยๆ ถอดรองเท้าออกอย่างเบามือ
รองเท้าคู่สวยถลอกปอกเปิกไปหมด รวมถึงเท้าขาวๆ ของเธอด้วย รีอาเม้มปากเมื่อเผลอไปจับโดนแผลพุพองที่เท้าโดยไม่ตั้งใจ
เสียงสวบสาบดังขึ้นข้างๆ และเพียงชั่วพริบตาชายหนุ่มก็มานั่งลงตรงหน้าเธอก่อนที่จะคว้าข้อเท้าของเธอไปดูโดยที่หญิงสาวไม่ทันห้ามปราม
“อย่าค่ะ...ไม่เป็นไร”
คิรันไม่สนใจท่าทีประท้วงของหญิงสาว เขาฉีกผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ปิดปากเธอเมื่อเช้าก่อนที่จะพันเท้าทั้งสองอย่างคล่องแคล่ว
ข้ายอมแพ้ ในที่สุด ข้าก็ต้องอุ้มเจ้าจนได้สินะ เอาเถอะ ในสัญญาว่าจ้างระบุให้นำเจ้าไปส่งโดยปลอดภัย ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่ปราณีเจ้าแน่ คิรันนึกในใจ ขณะช้อนร่างบางขึ้นมาจากพื้นทันทีที่พันแผลให้เสร็จ
“อุ๊บ” หญิงสาวร้องเมื่อร่างลอยขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
คิรันมุ่งหน้าออกเดินต่อทันที รีอาขยับตัวอย่างอึดอัดขณะเอ่ยบอกเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เดี๋ยวค่ะ รองเท้า”
“ช่างมันเถอะ”
รีอาไม่กล้าถามต่อ หญิงสาวก้มหน้ามองแผ่นอกของชายหนุ่มที่อยู่ระดับสายตา แต่ไปๆ มาๆ จังหวะการก้าวเดินคงที่ บวกกับอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้รีอาเผลอซบอกเขาหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น