คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Harry Potter [dm/hp] ll Cause you are my magnet
Cause you are my magnet
[dm/hp]
เคยได้ยินใช่ไหมว่าแม่เหล็กที่ขั้วต่างกัน มันจะดึงดูดกันและกัน.....
ทุกอย่างบนโลกนี้มีคู่ของมัน....
สิ่งต่างๆล้วนดึงดูดกันและกัน...
เพื่อเติมเต็มบางส่วน... ให้สมบูรณ์....
สามสหายคนดังเดินเรียงแถวกันเข้ามาในห้องแถวตอนเช้า และก็เป็นธรรมดาที่หลายๆคนจะละสายตาจากอาหารเช้าของตัวเองเพื่อพิจารณาคนทั้งสาม และเมาท์มอยอย่างสนุกปาก จะว่าไป... นี้เป็นกิจกรรมประจำและสุดแสนจะสร้างสรรค์อันดับหนึ่งของนักเรียนฮอกวอร์ตเลยนะ อา... นี้ถ้าโลกพ่อมดมี ไอโฟน ป่านนี้รูปผมของจะปลิวว่อนทั่วอินสตราแกรมแล้วล่ะมั้ง? ขอบคุณที่สตีฟ จ็อบส์ไม่ได้เป็นพ่อมด... (แหม อินเทรนด์นะจ๊ะรี่)
แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดคงก็จะเป็นชายหนุ่มร่างเพรียวสมส่วน ที่มีสีผมดำขลับเงางามและดวงตาสีมรกตสดใสที่หัวเราะเบาๆอยู่กับเพื่อนทั้งสอง เมื่อแฮร์รี่นั่งลงที่โต๊ะแล้วมองไปฝั่งตรงข้ามก็พบกับชายหนุ่มผมสีบลอนด์ซีด เจ้าของดวงตาสีควันบุหรี่ที่กำลังวางท่านั่งจิบน้ำฝักทองอยู่
อีกแล้วเหรอ....?
แฮร์รี่คิดกับตัวเองอย่างสงสัย ทุกๆเช้าเมื่อเขานั่งลงที่โต๊ะอาหารเขาจะต้องนั่งตรงข้ามกับผู้ชายที่ชื่อเดรโก มัลฟอยทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชค ความซวย หรืออะไรแหะ? แล้วที่นั่งตรงข้ามผมกับหมอนั้นก็ต้องว่างทุกครั้งด้วยน่ะสิ
คิดไปแฮร์รี่ก็ยังคงเหม่อมองมัลฟอยต่อไปโดยไม่รู้ตัว
มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วก็ยิ้ม เอิ่ม.... ผมควรจะเรียกว่าแสยะยิ้มมากกว่าสินะ ใส่ผมเป็นการทักทาย
ร่างบางเห็นดังนั้นก็เลย...
แลบลิ้นใส่ไปทีนึง
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อึ้งไปนิดร่างบางก็อารมณ์ดีแล้วก็กินอาหารเช้าได้ต่อไปอย่างอารมณ์ดี
แหม ก็ผมชอบเห็นหน้ามัลฟอยตอนเหวอๆนี้น่า ปรกติก็เก็กจนเส้นประสาทบนหน้าจะด้านหมดแล้วมั้งน่ะ ปล่อยให้มันผ่อนคลายบ้างจะเป็นไรไป....
แฮร์รี่นั่งทานข้าวไปอมยิ้มไปโดยไม่ได้สังเกตเลยว่า ที่นั่งตรงข้ามของตัวเองนั้นก็มีคนที่ก้มหน้าลงทานอาหารด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนกัน
เป็นรอยยิ้ม... ที่ตรงกันโดยตัวเองไม่รู้ตัว
.
.
.
คาบปรุงยา
คาบที่เขาสุดแสนจะโปรดปรานที่สุด... ซะที่ไหนล่ะ! ใครมันจะไปโปรดลง ก็อยู่ๆไม่รู้นึกคึกอะไรพ่อคุณเซเวอรัส เสนปถึงมาบอกว่าวันนี้จะสอบเก็บคะแนน ทั้งยังมีหน้ามาบอกว่าบอกไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน บอกแต่บ้านตัวเองนะสิ ประเมินจากหน้าตาอันกระหยิ่มยิ่มย่องของพวกสลิธิรินทั้งหลาย...
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าระหว่างการสอบพวกกริฟฟินดอร์หน้าตาหงิกงอแค่ไหน ไม่เว้นแต่เฮอร์ไมโอนี่คนเก่ง ดังนั้นเมื่อผ่านเวลาการสอบไปครึ่งชั่วโมงบุคคลแรกที่เดินออกไปส่งผลงานด้วยสีหน้าสบายๆก็หนีไม่พ้น...
เดรโก มัลฟอย
เมื่อเสนปตรวจยาคร่าวๆด้วยความพึงพอใจแล้วพยักหน้าให้มัลฟอยออกจากห้องสอบ มัลฟอยจึงเดินกลับไปเก็บกระเป๋าและเดินออกจากห้อง ระหว่างที่ชายหนุ่มเดินออกไปนั้นก็พบว่าแฮร์รี่ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะติดริมทางเดิน กำลังยืนหน้านิ่วจ้องน้ำยาที่ตอนนี้กลายเป็นผงตะกอนสีดำสนิทกองอยู่กันหม้อด้วยความหงุดหงิด มัลฟอยยิ้มเหยียดอย่างนึกสนุก ก่อนจะแกล้งพูดเสียงดังว่า
“น้ำยาแห้งสนิทของนายท่าทางใช้ดีไปหน่อยนะพ็อตเตอร์ แห้งตั้งแต่อยู่ในหมอเชียว หึๆๆ”
แฮร์รี่ได้ยินดังนั้นก็หันควับมามองมัลฟอยอย่างขัดใจ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ร่างสูงจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งไว้แต่หมอกจางแห่งความซวยไว้ให้ร่างบาง แฮร์รี่มองไล่หลังคุณชายหน้าหล่อไปอย่างขัดใจก่อนจะต้องหันกลับมาด้วยเสียงเรียกเย็นยืดยานที่ปิดเค้าความสะใจไว้แทบไม่มิดของศาสตราจารย์เซเวอรัส เสนป
“โอ้... คุณพ็อตเตอร์ ยังมีพรสวรรค์ทางด้านทำลายอยู่เหมือนเดิมสินะ เกรงว่าเธอคงจะต้องทำใหม่ทั้งหมดแล้วล่ะ”
.
.
.
หลังจากการเรียนหฤโหดช่วงเช้า แฮร์รี่ก็ลากสังขารอันทรุดโทรมของตัวเองมาถึงห้องโถงใหญ่จนได้ โดยไม่ต้องสังเกต แฮร์รี่ก็เห็นหัวทองๆเด่นเป็นสง่ากำลังนั่งอย่างเย่อหยิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าสลิธิรินที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่เคยลดละความพยายามในการเลียแข้งเลยขามัลฟอย ร่างบางได้แต่ย่นจมูกอย่างขัดใจก่อนจะบรรจงเลือกที่นั่งที่คิดว่ามองไม่เห็นชายหนุ่มแน่ๆ กะว่าจะไม่ใส่ใจมัลฟอยให้เสียเวลาชีวิต แล้วนั่งทานมื้อกลางวันพร้อมๆกับนั่งคุยกับเพื่อนๆอย่างสบายใจ โดยไม่สังเกตเลยว่ามีสายตาสีเทาคมเข้มคู่หนึ่งมองตรงมาที่ตนและเพื่อนๆ
มัลฟอยมองไปที่แฮร์รี่ที่นั่งคุยอยู่กับเพื่อนอย่างเงียบเชียบ
เพื่อนงั้นเหรอ...
ชายหนุ่มคิดก่อนจะมองไปรอบกายตนเองที่มีแต่พวกประจบไม่จริงใจ สถานะที่ใกล้เคียงกับเพื่อนที่สุดก็คงจะเรียกได้แค่ ‘ลูกน้อง’
ทำไมเราถึงต่างกันอย่างนี้นะพ็อตเตอร์...
.
.
.
นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์และสลิธิรินทยอยไปรวมตัวที่บริเวณใกล้ป่าต้องห้ามอย่างเกียจคร้านก็แน่นอน นี้มันคาบวิชาสัตว์วิเศษนี้น่า
แฮร์รี่กับเพื่อนๆก็เดินมาด้วยความเชื่องช้าระดับมาตรฐานเหมือนคนอื่นๆ เละเมื่อมองไปก็เห็นมัลฟอยยืนเก็กพิงต้นไม้อยู่แล้วอีกด้านหนึ่ง แฮร์รี่ไม่ได้สนใจอะไรและเดินผ่านเลยไปยืนอยู่ข้างๆต้นไม้อีกต้นที่อยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่ม
และแน่นอนว่าแฮกริดก็ช่างสรรหาสัตว์ประหลาด เอ้ย! สัตว์วิเศษมาสอนเด็กๆเช่นเคย
สัตว์ที่ระบุประเภทไม่ได้ยืนถูกล่ามโซ่อยู่กับต้นไม้ต้นใหญ่ เกล็ดของมันเป็นสีดำมันเลื่อมเหลือบมรกต รูปร่างคล้ายม้าแต่หัวกลับเป็นมังกร ที่ปลายหางและกีบเหมือนมีไฟสีฟ้าลุกโชนอยู่ตลอดเวลา เจ้าสัตว์ระบุชื่อไม่ได้นี้เชิดคอระหงอย่างไม่สนใจใครหน้าไหน มันยืนอย่างสงบและเย่อหยิ่ง ราวกับจะรอให้คนมารุมล้อมตัวมัน
นักเรียนมองมันอย่างสนใจแต่ก็เว้นระยะไว้ไม่ต่ำกว่า
แฮรกริดมองเหล่านักเรียนอย่างใจดีเช่นเคย
“เอา ไม่ต้องกลัวนะทุกคน วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับเจ้าซับเมิร์จนี้กัน” แฮรกริดเอื้อมมือจะไปจับแผงคอของสัตว์ที่ตอนนี้รู้แล้วว่าชื่อซับเมิร์จ แต่ผลที่ได้รับกลับมาคือ
“ฮี้!!!!”
ลูกไฟสีฟ้าจากปากของซับเมิร์จและกลิ่นไหม้จากขนแขนของแฮกริด
“ฮะๆ” ศาสตราจารย์ร่างยักษ์ยังคงร่าเริงเป็นปรกติ พลางปัดรอยขนไหม้ให้พ้นแขนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ลืมบอกไป เจ้านี้มันค่อนข้างถือตัว นับๆไปแล้วมากกว่าฮิปโปกริฟนิดหน่อย ก็ระวังกันหน่อยแล้วกัน”
นักเรียนชั้นปีที่ 7 ต่างมีสีหน้าสยดสยองในรูปแบบต่างๆกันไป... นี้ไม่บอกตอนกันโดนย่างสดแล้วเลยละ!
แฮร์รี่ก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ อืม นี้ถ้าไม่ใช่แฮกริดป่านนี้หนังตรงนั้นคงจะโดนเผาไปถึงกระดูก....
แฮกริดยังคงพูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจสีหน้านักเรียนแม้แต่น้อย
“ซับเมิร์จเป็นสัตว์หายากแต่มักจะโผล่มาโดยไม่คาดหมายพวกเธอควรเรียนรู้วิธีหลอกล่อมันเอาไว้ แต่จะทำได้ต้องทำเป็นคู่นะเพราะซับเมิร์จค่อนข้างไวและโมโหร้าย แต่ถ้าพวกเธอคนไหนมั่นใจว่าเร็วพอที่จะไม่โดนไฟของมันเผาเกรียมซะก่อนอยากจะทำเดี่ยวก็ได้ เอาล่ะจับคู่กันเดี๋ยวนี้”
จะด้วยความกลัวหรือไม่ว่าอะไรก็ตาม เหล่านักเรียนต่างจับคู่กันอย่างรวดเร็วโดยสมัครใจ ในวินาทีนี้แน่นอนว่าจำนวนคนของกริฟฟินดอร์และสลิธิรินไม่เท่ากัน สลิธิรินบางคนจึงต้องคู่กับกริฟฟินดอร์ แต่ใครจะสนล่ะ? ดีกว่าโดนเผาเกรียมคนเดียวแล้วกัน!
“เอ้อ รอ...” แฮร์รี่หันไปขวาจะถามหาเพื่อนสนิท แต่กลับพบว่ารอนยืนอยู่ใกล้ออกไป 3 เมตรคู่อยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ ชายหนุ่มผมแดงมีสีหน้าขอโทษขอโพย แต่ในขณะเดียวกันก็ออกจะงงๆเช่นกัน
“อุ๊บ!” แฮร์รี่อุทานเมื่อหมุนรอบ 360 องศากลับมาแล้วอยู่ๆเขาก็ชนกับแผงอกของใครบางคน แฮร์รี่เซเล็กน้อยและเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปเขาก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาติดจะกวนของ... เดรโก มัลฟอย
“ซุ่มซ่ามเหมือนเดิมเลยนะพ็อตเตอร์” มัลฟอยแขวะ
แฮร์รี่เห็นอย่างนั้นก็นิ่งอึ้งไปแป๊ปนึง ก่อนจะกลับมายืนดูจุดที่ตัวเองยืนอยู่อย่างงงๆแล้วมองไปรอบๆ ทุกคนมีคู่หมดแล้ว.... จุดที่เขายืนอยู่นั้นอยู่ตรงกึ่งกลางของต้นไม้ทั้งสองต้นพอดี เขากับมัลฟอยยืนอยู่กันอยู่ด้วยระยะประชิดที่ไม่มีทางเกิดได้ในเวลาปรกติ นี้.... เขากับมัลฟอยเดินมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“อย่าถามพ็อตเตอร์ ฉันก็ไม่รู้” มัลฟอยเอ่ยออกมาเหมือนกับอ่านสีหน้างงๆของแฮร์รี่ออก
“เอาล่ะทุกคนจับคู่ได้แล้วใช่ไหม?” แฮกริดตะโกนถาม
“เอายังไงพ็อตเตอร์ จะคู่กับฉันไหมล่ะ?” มัลฟอยก้มหน้าลงถามเชิงเยาะเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าไม่มีทางเลือกอื่น “หรือว่าพ็อตเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่จะฉายเดี่ยว... หืม?”
แฮร์รี่กัดปากอย่างชั่งใจ ดวงตาสีมรกตสอดส่ายหาทางออก แต่ก็แน่นอนว่าไม่มีทางอื่นนอกจากฉายเดี่ยว ซึ่งเอาจริงๆนะ ผมก็ยังไม่อยากตายก่อนเรียนจบหน่ะนะ ชีวิตนี้ผ่านการเสี่ยงตายมามากเกินพอล่ะ
“เอ้าทุกคน งั้นมาต่อแถวกันตรงนี้นะ ฉันจะสอน แล้วลงมือทำตามกันทีละคู่นะ” แฮกริดบอก
เวลาก็ร่นลงเรื่อยๆเมื่อเงยหน้ากลับมาดูก็เห็นไปหน้าหล่อสุดๆแต่ก็กวนชะมัดยากของมัลฟอยเลิกคิ้วรออยู่เป็นเชิง เอาไงล่ะ?
เฮ้อ.... ในเมื่อไม่มีทางเลือก เอาไงเอากันล่ะงานนี้!!
“ยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะมัลฟอย รีบไปเข้าแถวสิ!” แฮร์รี่พูดพร้อมกับเดินฉับๆนำไป โดยมีมัลฟอยเดินล้วงกระเป๋าตามไปอย่างสบายใจเฉิบ
และก็รอไม่นานเพื่อที่จะให้ถึงคิวของคนทั้งสอง แฮร์รี่ขมวดคิ้วนิดๆมองซับเมิร์จอย่างไม่ไว้ใจแล้วหันมามองมัลฟอยที่ตอนนี้กำลังเล่นจ้องตากับเจ้าสัตว์วิเศษจอมเหวี่ยงอยู่ ....ดูท่าสิ่งมีชีวิตที่มีนิสัย(หยิ่งๆ)เหมือนกันจะสื่อสารกันรู้เรื่องแหะ เงียบเชียะ แฮร์รี่คิดในใจ
“เอาล่ะพวกเธอ พร้อมรึยัง?” แฮกริดถาม
แฮร์รี่มองดูกระบอกสีเงินในมืออย่างปลงๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ามัลฟอยที่ตอนนี้เลิกจ้องตากับซิบเมิร์จแล้วหันมาพยักหน้าให้เขาแทน แฮร์รี่จึงหันไปบอกกับแฮกริด ที่เมื่อเห็นสัญญาณตอบรับก็เริ่มนับเวลาออกตัวทันที
“เอาล่ะ พร้อมนะ 3...2... 1!!!”
เมื่อได้ยินคำว่าหนึ่งชายหนุ่มทั้งสองก็ออกตัวจุดเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว แผนง่ายๆ(ที่ทำคงจะไม่ง่ายเท่าไหร่ ยืนยันจากเสื้อของคู่แล้วๆมาที่ถึงจะทำสำเร็จก็ต้องมีรอยไหม้เป็นรอยประทับฝากฝังไว้ที่เสื้อมาก-น้อยตามประสบการณ์) คือทั้งสองคนจะต้องแยกเป็นสองทางวิ่งอ้อมตัวซับเมิร์จคนที่ได้ถือแหกระป๋อง(ชื่ออนาถมาก - -ไรต์ขอโทษที่ไม่สามารถหาอะไรที่มันดูดีกว่านี้ได้นะคะ) ก็ต้องเป็นตัวล่อแล้วรอให้อีกคนเสกคาถาหยุดนิ่งใส่ซับเมิร์จจากด้านหลังและต้องรีบวิ่งไปเจอกับคนถือแหกระป๋องที่คอยอยู่ด้านหน้า คาถาหยุดนิ่งจะอยู่ได้ไม่นาน พอซับเมิร์จหยุดอยู่กับที่ก็ต้องรีบคลุมแหแล้วให้คนที่มาสมทบทีหลังร่ายคาถาที่เอาไว้ใช้กับแหโดยเฉพาะเข้าไปอีกทีเป็นอันจบกระบวน
อันที่จริงวิธีมันก็ไม่ยาก แต่ที่ยากก็เป็นตอนที่ต้องวิ่งล่อซับเมิร์จนี้แหละ ก็คิดดู 4 ขากับ 2 ขา อันไหนมันน่าจะเร็วกว่ากัน แถมขาผมยังสั้นกว่าระดับเฉลี่ยผู้ชายอังกฤษในวัย 16ปีถึง 20ปีอย่างนี้อีก.... จะรอดไหมเนี่ย!!!
แฮร์รี่ขับเคี่ยวในใจก่อนจะวิ่งพลุบเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขารู้สึกถึงแต่เสียงร้องอันโกรธเกรี้ยวของซับเมิร์จเท่านั้นที่ไล่หลังมา เนื่องจากคู่เข้าเป็นคู่สุดท้าย และหลังจากต้องทนอยู่ในแหมาหลายสิบรอบ มันทำให้เจ้าจอมหยิ่งตัวนี้ยิ่งเหวี่ยงมากขึ้นเข้าไปใหญ่แล้ววิ่งสู้ฟัดกะจะเผาพ่อมดสดให้ได้อย่างเอาเป็นเอาตาย ไอ้หัวทองๆนี้ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน คิดยังไงเนี่ยให้คนตัวเล็กๆ(ยังคงไม่ยอมรับว่าตัวเองเตี้ย)อย่างเขามาล่อไอ้ม้าหัวมังกรตัวเท่ากระบือแอฟริกาอย่างนี้! ไม่ใช่ว่าหนีหายไปแล้วหรอกนะ!
“ฮี้!!!!”
พรึบ
กลิ่นไหม้โชยออกมาจากชายหลังเสื้อของแฮร์รี่ ซึ่งเมื่อเจ้าตัวหันไปดูก็ได้แต่ทำหน้ายุ่งด้วยความขัดใจ แล้วรีบถอดสเว็ตเตอร์ตัวนอกที่ติดไฟออก และตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไปทั้งๆที่ในใจอยากจะตะโกนด่ามัลฟอยให้ลั่นป่า
ไอ้บ้าเอ้ย! เมื่อไหร่จะมาฮะ!! นี้กะจิตกะใจจะปล่อยให้เขาโดนเผาด้วยไฟไอ้ม้าหัวมังกรนี้จริงๆใช่ไหมเนี่ย! ขาก็สั้น! วิ่งก็ไกล! เหนื่อยแล้วนะโว้ย! ถ้าเจอหน้าเมื่อไหร่นะพ่อจะจับถกหนังหัวเอาให้เถิกกว่าเดิมเลยคอยดู!
ถ้ามีโอกาสได้กลับไปน่ะนะ แฮร์รี่ พ็อตเตอร์!!
แน่นอนว่าสังขารของคนย่อมมีขีดจำกัด ไม่เว้นว่าคนคนนั้นจะเป็นพ่อมดที่มีสายฟ้าประทับอยู่บนหน้าผาก และเป็นที่หมายหัวของจอมมารที่ดั้งแหมบที่สุดในโลกตั้งแต่ก่อนพระเจ้าถีบส่งให้มาเกิดก็ตาม แน่นอนว่าตอนนี้แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ เริ่ม... หมดแรง
เสียงกีบเท้าที่ดังไล่หลังขึ้นมาเรื่อยๆนั้นทำให้ชายหนุ่มฮึดได้ก็จริง แต่ด้วยความเหนื่อยที่รุมเร้าเมื่ออะดรีนาลินลดลง อาการหอบหักก็แทรกเข้ามาแทน เมื่อเห็นด้านหน้าเป็นเนินชันที่ไม่สามารถข้ามไปได้ แฮร์รี่จึงตัดสินใจวิ่งหักมุมอย่างฉับพลัน ซึ่งนั้นส่งผลให้ซิบเมิร์จชะงักไปและนั้นก็เป็นช่องให้อีกคนที่ซุ่มตามมานานแล้วได้จังหวะเสกคาถาหยุดนิ่งทันที
“ฮี้!!” ซับเมิร์จร้องอย่างคั่งแค้นมือเท้าของมันถูกพันธนาการไว้ด้วยคาถาหยุดนิ่ง ร่างกายของสัตว์วิเศษลมตึงลงกับพื้นป่าและดีดดิ้นด้วยความโกรธ เมื่อแฮร์รี่เห็นดังนั้นก็รีบดึงแหออกจากกระป๋องแล้วเขี้ยงไปคลุมร่างนั้นโดยเร็ว
“แหก แหก แหก...” แฮร์รี่หอบด้วยความลำบากมือเขวี้ยงกระป๋องเปล่าสีเงินทิ้งแล้วยันเข่าด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่ก้าวออกมาจากต้นไม้ใหญ่ก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า แต่ยังไม่มีแรงด่า แฮร์รี่จึงได้แต่จ้องมัลฟอยด้วยความอาฆาตแค้นตาที่สีเขียวอยู่แล้วกลับกลายเป็นเขียวปัดกว่าเดิมอย่างน่าพิศวง
มัลฟอยที่หอบเบาๆเช่นกัน เมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ร่ายคาถากำกับแหตามสูตรแล้วกลับมาจ้องแฮร์รี่ที่ตอนนี้กำลังหอบตัวโยนอยู่ด้วยสายตาเป็นห่วงที่แฮร์รี่พนันว่าตัวเองต้องตาฝาดแน่ๆที่เห็นเป็นอย่างนั้น
ร่างบางสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะรวบรวมพลังปราณทั่วร่างอีกรอบเพื่อด่าไอ้หัวทองที่บังอาจให้เขาวิ่งอยู่เป็นบ้าเป็นหลัง
“อะ....!”
และสวรรค์ก็ยังไม่เข้าข้างแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ไม่ทันเอ่ยจบพยางค์แรก เจ้าซับเมิร์จก็สะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดออกจากแหได้และร้องคำรามเสียงก้องแล้ววิ่งมาหาคนทั้งสองด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
ในขณะที่แฮร์รี่กำลังอึ้งแล้วยืนนิ่งเพราะขาเปลี้ยอยู่นั้น ร่างสูงก็รวบร่างบางมาไว้ในอ้อมกอด พ้นจากการโจมตีของซัมเมิร์จอย่างหวุดหวิด แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะวางใจจากการที่รอดพ้นการโจมตีครั้งแรกก็ต้องก้มหลบลูกไฟที่ถูกพ้นมาเป็นเด้งที่สอง โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าพื้นด้านหลังของตนเองนั้นเป็นสุดเนินสูง เมื่อทั้งสองก้าวหนีร่างกายจึงตกลงไปตามเนินอย่างรวดเร็วด้วยแรงโน้มถ่วง!!!
.
.
.
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!”
ตุ้บ!!
“อึก!”
เสียงร่างทั้งสองตกลงพื้นดังอักบ่งบอกถึงความสาหัสสากรรไม่น้อย ทางที่ลงมาก็ใช้ว่าจะราบรื่น มีต้นไม้ต้นหญ้าและก้อนหินอยู่ตามไล่เนินขรุขระมากมาย ด้วยความที่ไถลงมาเป็นระยะทางหลายสิบเมตรทำให้สภาพของทั้งสองคนที่ตกลงบอบช้ำไม่น้อย
เอ.... อันที่จริงต้องบอกว่าคนเดียวสินะ?
แฮร์รี่เปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆหลังจากหลับตาปี๋มาตลอดทาง พร้อมกับขยับร่างกายของตนเองว่ามีส่วนไหนที่บุบสลายหรือเปล่าแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อตัวเองมองไม่เห็นอะไร รู้สึกว่าพื้นดินอุ่นนุ่มแปลกๆ และไม่สามารถขยับร่างกายได้ดังใจ และแล้วแฮร์รี่ก็รู้สึกถึงสียงหัวใจที่ดังอย่าบ้าคลั่งอยู่ข้างๆหูเขา ใช้เวลาไม่นานนักชายหนุ่มก็รู้ว่าเรื่องราวเป็นมายังไง
อย่าบอกนะว่า....
แฮร์รี่รีบยันตัวขึ้นมา แล้วก็พบว่าที่ตนเองขยับตัวไม่สะดวกนั้น เป็นเพราะทั้งแขนและขาของมัลฟอยล็อคเข้าไว้ซะมิด จนไม่มีส่วนไหนของตัวเขาที่สัมผัสพื้นเลย เมื่อเงยหน้าขึ้น แฮร์รี่ก็เห็นใบหน้าคมเข้มกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ แต่วงแขนนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวเขา
“มัลฟอย... มัลฟอย” แฮร์รี่กระซิบเรียกเบาๆรู้สึกเหมือนถ้าทำอะไรแรงๆไปมัลฟอยจะ...
ได้ผล มัลฟอยก้มลงมามองดวงหน้าหวาน ชายหนุ่มยิ้มด้วยความโล่งใจ
“นาย... ปลอดภัยสินะ” เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็สลบไป ดวงตาสีเทาปิดสนิทอย่างคนไร้สติ ลมหายใจของมัลฟอยแผ่วเบาเต็มที แฮร์รี่เห็นดังนั้นก็ได้แต่นิ่งอึ้ง แต่เมื่อเกะมือของตนเองที่เคยวางอยู่ตรงสีข้างของมัลฟอยขึ้นมาหมายจะเขย่าร่างสูงให้ตื่นก็เห็นเลือดสีเข้มจำนวนมากชุ่มอยู่ที่มือของตน
เอ๊ะ เราก็ไม่ได้มีแผลอะไรนี้หน่า หรือว่า....
“เฮ้ย! มัลฟอย!!!!”
แฮร์รี่เพลอตะโกนอย่างตกใจ ลุกพรวดพราดจากร่างของมัลฟอยได้ทันทีเพราะเจ้าตัวไม่เหลือสติในการเกาะกุมร่างบางแล้ว ดวงตาสีมรกตมองไปที่สีข้างของชายหนุ่มอย่างตกใจ
เลือดมากมายออกมายซึมออกมาจากบาดแผลตรงสีข้างและหลังบางส่วน พื้นที่เป็นใบไม้แห้งกลับถูกชโลมด้วยสีเลือดเป็นวงกว้าง แฮร์รี่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ร้อนใจ ถ้าปล่อยไปอย่างนี้หมอนี้จะต้องตายเป็นผีคุณชายเฝ้าป่าแน่ๆ!
“เอาไงดีพ็อตเตอร์ เอาไงดีใจเย็นๆ” ร่างบางพร่ำบอกตัวเอง สายตาสอดส่องไปทั่วเพื่อหาที่ที่พอจะพักได้ แล้วแฮร์รี่ก็เห็นโพรงไม้ของต้นไม่ยักษ์ต้นหนึ่งอยู่ห่างออกไปสิบเมตร ดูท่าทางแข็งแรงเป็นที่กำบังลมได้ ร่างบางจึงตัดสินใจพยุงชายหนุ่มขึ้นบ่าด้วยความลำบากไม่น้อย แล้วลากถูลู่ถูกังจนกระทั่งไปถึงปากโพร่งไม้จนได้ เมื่อมองเข้าไปสำรวจแล้วว่าเป็นที่พักที่ใช้ได้แฮร์รี่จึงกวาดหาพื้นที่ที่ดูสะดากพอจะให้มัลฟอยนอนได้แล้ววางร่างของชายหนุ่มลงด้วยความระมัดระวัง
แฮร์รี่คว่ำหน้ามัลฟอยลงโดยใช้แขนของชายหนุ่มหนุนหัวของตัวเองไว้ไม่ให้ใบหน้าจมดิน มือบางเลิกชายเสื้อที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยของเหลวสีเข้มขึ้นเมื่อเห็นบาดแผลก็ได้แต่สูดหายใจด้วยความคาดไม่ถึง บาดแผลของมัลฟอยเป็นรอยกว้างตั้งแต่กลางหลังจนถึงสีข้างข้างขวา รอยช้ำกับรอยถลอกที่มีอยู่ประปรายนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ว่าแผลที่มีเลือดชุ่มจากการที่โดนก้อนหินกระแทกอย่างแรงนั้นต่างหากที่น่าเป็นห่วง ถึงจะมีอยู่แค่ที่สีข้าง แต่ก็ค่อนข้างจะลึกเลยที่เดียวเห็นได้จากรอยเสื้อที่ขาดเป็นรู แสดงว่าคงโดนหินที่แหลมมากๆทิ่มเอา ทั้งยังมีเศษดินสกปรกที่เลอะอยู่ตามปากแผลอีก...
แควก
เมื่อหาไม้กายสิทธิ์ทั้งของตัวเองและของมัลฟอยไม่พบ แฮร์รี่จึงต้องใช้วิธีปฐมพยาบาลแบบมักเกิ้ลแทน ร่างบางฉีกเสื้อชายเชิ้ตที่ยังสะอาดของตัวเองเอาไปผันและซับเลือดลวกๆให้มัลฟอยกันไว้ ก่อนจะรีบพลุนพลันออกจากโพรงไม้ไปหาแหล่งน้ำ
“เอ... ถ้าจำไม่ผิด ในป่าต้องห้ามมันมีทะเลสาบ.... นั้นไง!!” แฮร์รี่ร้องอย่างดีใจเมื่อเดินออกมาไม่ไกลก็เจอกับทะเลสาบ เป็นโชคดีของเขาจริงๆที่โพรงไม้นี้อยู่ใกล้แหล่งน้ำ แฮร์รี่มองหาอะไรที่พอจะใส่น้ำได้ก็ไปเจอกับภาชนะสังกะสีบุบๆซ่อนอยู่หลังขอนไม้
“มาได้ไงหว่า?” แฮร์รี่ขมวดคิ้วมองสิ่งที่พอจะอนุมานได้ว่าเป็น หม้อ อย่างสงสัย แต่เมื่อนึกถึงมัลฟอยที่นอนสลบอยู่ที่โพรงก็เลิกเป็นเจ้าหนูจำไม แล้วคว้าหม้อไปล้างที่ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว แฮร์รี่พยายามล้างด้านในให้สะอาดเท่าที่จะทำได้ในเวลาอันสั้น แล้วตักน้ำใสในทะเลสาบกลับไปที่โพรง
เมื่อเห็นร่างสูงยังคงนอนสลบอยู่ที่เดิมแฮร์รี่จึงรีบปราดเข้าไปนั่งข้างๆแล้วแกะผ้าที่พันไว้อย่างลวกๆออกแล้วนำผ้านั้นกับน้ำสะอาดส่วนหนึ่ง เมื่อผ้าสะอาดพอใช้ได้แฮร์รี่จึงส่งมือเช็ดปากแผลอย่างเบามือ แผลถลอกส่วนใหญ่เลือดแห้งสนิทหมดแล้วรอยฟกช้ำก็ดูไม่แย่ลงเท่าไหร่แฮร์รี่คิดอย่างเบาใจได้ไม่นาน เมื่อสายตาไปมองอยู่ที่แผลลึกที่สีข้างซึ่งตอนนี้เลือดยังไหลออกมาอยู่เรื่อยๆ!
“อย่าบอกนะว่า... โดนเส้นเลือดใหญ่”
แฮร์รี่พึมพำด้วยความเครียด มองบาดแผลแทบไม่เห็นเพราะมีแต่เลือดสีเข้มกบอยู่ มือบางจัดการซับเลือดออกและฉีกแขนเสื้อเสว็ตเตอร์หนานุ่มสีครีมที่ใส่อยู่ซับปากแผลเอาไว้แล้วถอดเสื้อเชิ้ตขาวสะอาดที่เหลือของตัวเองผันเป็นผ้าผันแผลให้กับชายหนุ่ม แฮร์รี่จัดการทั้งหมดนี้อย่างเก้ๆกังๆ เพราะมัลฟอยก็นอนสลบไม่ได้สติ ตัวก็ใช่ว่าจะเล็กๆ กว่าจะทำเสร็จจากอากาศหนาวๆแฮร์รี่ก็ถึงกับเหงื่อออก พอผันแผลให้คุณชายเจ้าปัญหาเสร็จ หน้าที่ต่อไปของคนที่ยังมีสติอย่างแฮร์รี่คือ “หาไฟ”
ด้วยสกิลลูกเสือขั้นพื้นฐาน ร่างบางรวบรวมกิ่งไม่แห้งได้กองใหญ่พอสมควร ก่อนจะจุดมันด้วยวิธีโบราณระดับมนุษย์หินได้อย่างยากเลือดตาแทบกระเด็น และเมื่อจุดได้ร่างบางก็แทบอยากจะตะโกนด้วยความดีใจให้ลั่นป่า ติดแต่ว่ากลัวจะรบกวนพ่อคุณที่นอนเป็นตายอยู่ข้างๆนั้นแหละ
และแล้วความมืดก็เริ่มโรยตัวลงมาปกคลุมผืนป่าต้องห้าม....
ในโพรงไม้กว้างแฮร์รี่ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาทั้งๆที่เหนื่อบแทบตาย กองไฟที่ให้ความอบอุ่นนั้นเหลือเพียงแสงไฟร่ำไร ร่างบางเหม่อมองความมืดด้านนอกเงียบๆ ตอนนี้มีเพียงเสียงพืนป่ายามค่ำคืนกับเสียงกองไฟปทุเบาๆเท่านั้น ไร้สัญญาณความช่วยเหลือ....
แฮร์รี่คิดว่าทางโรงเรียนน่าจะออกตามหาพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาวิ่งเข้ามาไกลมาก แถมยังตกเนินที่ชันจนแทบจะเรียกว่าเป็นหน้าผาได้ลงมาอีก ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีคนหาไม่เจอแถมร่องรอยกลิ่นก็คงจะโดนซับเมิร์จเผาเป็นซากด้วยความโกรธไปแล้วแน่ๆ...
“เฮ้อ...” แฮร์รี่ถอนหายใจก่อนจะต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆจากคนข้างกาย
เมื่อหันไปมองก็พบว่ามัลฟอยกำลังนอนสั่นอยู่ มือแกร่งพยายามกอดตัวเองเพิ่มเพิ่มอบอุ่น ผิวและรีมฝีปากของมัลฟอยซีดจนน่าเป็นห่วง เมื่อแฮร์รี่จับตัวร่างสูงก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงเพราะตัวมัลฟอยเย็นมากเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีทางเลือกอะไรมากนอกจากถอดเสื้อเสว็ตเตอร์ตัวโคร่งของตัวเองออกและฉีกมันให้เป็นผ้าห่มของร่างสูง
แฮร์รี่พยายามจัดแจงท่านอนของมัลฟอยให้ดูอบอุ่นมากที่สุดก่อนที่ร่างบางจะมองที่ใบหน้าแกร่งที่กำลังหลับอย่างสนิทนั้นอีกครั้ง มือบางเกลี่ยไรผมที่ตกลงมาปลกคลุมหน้าผากนั้นอย่างเบามือ ก่อนจะจมจ่อมลงไปในห้วงความคิดของตัวเอง…
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมชอบมองใบหน้าหยิ่งๆนั้น อบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้ รู้ตัวทีไรก็ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ๆหมอนี้แบบไม่ได้ตั้งใจทุกที คิ้วเรียวๆที่ชอบขมวดมุนด้วยความเคร่งเครียด จมูกโด่งที่มักจะรั้นในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ริมฝีปากบางได้รูปที่ชอบพูดจาเสียดสีคนอื่น นิสัยเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ส่วนประกอบที่ไม่น่าพิศมัยพวกนี้ทำไมถึงทำให้ผมชอบอยู่ใกล้หมอนี้ได้นะ ...
“ทำไม... ฉันถึงชอบอยู่ใกล้นายนะ มัลฟอย”
แฮร์รี่พูดเบาๆก่อนจะสะดุ้งตัวโยนเมื่ออยู่ๆดวงตาสีเทาก็เปิดออกมาปะทะกับเขาในระยะไม่น่าไว้ใจ แฮร์รี่เสหน้าไปทางอื่นด้วยความเขิน ใบหน้าใสขึ้นริ้วบางๆด้วยความอาย
มันจะได้ยินทีเราพูดเมื่อกี้ไหมเนี่ย!!!
เฮือก!
แฮร์รี่สะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าข้อมือแกร่งเย็นเฉียบมาจับที่ข้อมือตนเองแล้วออกแรงดึงเบาๆให้หันกลับไปหา
“มะ...มีอะไร?” แฮร์รี่ถามตะกุกตะกัก ยังคงไม่กล้ามองดวงตาทีควันบุหรี่นั้นอยู่ดี
“หนาวไม่ใช่เหรอ?”
“หะ?” แฮร์รี่เงยหน้าควับเมื่อได้ยินคำถามที่คาดไม่ถึงแล้วก็การเต้นของหัวใจดวงน้อยๆของร่างบางก็ต้องกระตุกผิดจังหวะเมื่อเห็นแววตาอบอุ่นเจือความเป็นห่วง อยู่ๆก็รู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าก็ไต่ขึ้นขัดกับอากาศยังไงก็ไม่รู้แหะ...
“หนาวไม่ใช่เหรอ?” เสียงทุ้มน่าฟังย้ำคำอีกครั้งคราวนี้แฮร์รี่เพลอพยักหน้าตอบพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้ร่างตัวเองอีกครั้ง เพราะตั้งแต่เขาสละเสว็ตตอร์ไปให้มัลฟอยก็เหลือแต่เสื้อกล้ามบางๆตัวเดียวเท่านั้น
“งั้นก็มานี่” มัลฟอยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่อ้าแขนแกร่งออกพร้อมกับกวักมือให้แฮร์รี่เข้าไปใกล้ๆ
ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง แฮร์รี่ยอมเคลื่อนตัวไปอยู่ในวงแขนของมัลฟอยอย่างว่าง่าย และเมื่อมีร่างบางที่หวงแหนอยู่ในอ้อมอกแล้วชายหนุ่มก็กระชับวงแขนแน่นพร้อมกับตวัดเสว็ตเตอร์หนาหนุ่มของเข้าตัวเล็กคลุมไว้อีกรอบ ร่างเล็กกว่าเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมัลฟอยได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ราวกับอ้อมแขนนี้... สร้างเมื่อเพื่อเขา
“นายนี้น้า....ดื้อ” มัลฟอยพึมพำ นั้นทำให้แฮร์รี่ต้องเงยหน้าขึ้นไปเพื่อมองหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง แต่เมื่อเงยขึ้นไปก็พบกับมัลฟอยกำลังมองมาที่ตนด้วยรอยยิ้มใจดี... อบอุ่นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย รู้ตัวไหมเนี่ย?” ว่าแล้วริมฝีปากบางก็ประทับรอยจูบบางเบาที่หน้าผากใสของแฮร์รี่อย่างรวดเร็วก่อนจะจับหัวแฮร์รี่ที่นอนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกซบที่อกของตัวเองอย่างนุ่มนวลแล้วลูบไรผมสีดำขลับนั้นอย่างเบามือ เหมือนกำลังกล่อมเด็กให้นอนหลับ
“นอนซะพ็อตเตอร์” ประโยคเหมือนคำสั่ง แต่น้ำเสียงมันช่างอบอุ่นเหลือเกินในความคิดของแฮร์รี่
แพขนตาสีดำขลับหรุบลงอย่างสงบตามคำมัลฟอยง่ายดายราวกับมีมนต์สะกด ร่างเล็กปล่อยตัวลงในอ้อมกอดชายหนุ่มอย่างวางใจ
อุ่น...
อ้อมกอดของมัลฟอยอบอุ่นจนแฮร์รี่นึกสงสัยว่าตัวเองนั่งตากลมอยู่คนเดียวได้ยังไงตั้งนานหลายชั่วโมง
ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มเบาๆเมื่อนึกถึงภาพเมื่อกี้ รอยยิ้มนั้นถึงเขาจะไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยได้รับมาก่อน แต่สายตาห่วงใยนั้นเขาจำได้ดี...
ไม่ว่าจะปากร้ายแค่ไหนแต่ชายหนุ่มมองเขาด้วยนัยน์ตาอบอุ่นนั้นเสมอ…
ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมถึงชอบอยู่ใกล้ๆนาย เดรโก มัลฟอย
แฮร์รี่พล็อยหลับไปอยางง่ายดาย ความเครียดต่างๆหายไปอย่างอัศจรรย์ ราวกับพวกเขากำลังนอนในบ้านหลังเล็กอันสงบสุข ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในป่าต้องห้ามที่มีแต่ความอันตรายคาดการณ์ไม่ได้ในวันรุ่งขึ้นนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...
.
.
.
“พ็อตเตอร์...พ็อตเตอร์ ตื่น!”
เสียงกระซิบเรียกให้ร่างบางตื่นดังขึ้น ตามด้วยแรงเขย่าเบาๆ แฮร์รี่งัวเงียตื่นแบบเบลอๆก่อนจะต้องชะงักเมื่อลืมตาแล้วเห็นใบหน้ามัวๆของมัลฟอยอยู่ยิ้มลอยหน้าลอยตาอยู่ในระยะประชิด เมื่อร่างบางระลึกได้ว่าอยู่ในท่าล่อแหลมแบบไหนปากก็อ้ากว้างขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับนัยน์ตาสีมรกต และก่อนที่เสียงกรีดร้องหรืออะไรก็ตามจะเล็ดลอดออกมามัลฟอยก็จัดจากเอามือแกร่งปิดปากแดงๆนั้นไว้ทัน
“ชู่ว... สงบสติอารมณ์หน่อยสิ” มัลฟอยกระซิบ
แฮร์รี่ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วพอร่างสูงปล่อยมือออกร่างบางก็ถอยกรูดออกมาจากอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แฮร์รี่จะโวยวายอะไรนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองมองอะไรไม่ค่อยเห็นแล้วพอคลำไปคลำมา คำตอบทีได้ก็คือ...
“แว่นนายอยู่นี้พ็อตเตอร์...”
ถึงจะมองไม่เห็นแต่แฮร์รี่ก็พอจะนึกออกว่าหน้าตามัลฟอยตอนนี้... แสนจะน่าเอารองเท้าฟาด!
“คืนแว่นฉันมานะมัลฟอย!”
“ก็เข้ามาเอาสิ” มัลฟอยตอบเสียงเรียบ
แฮร์รี่พอได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เป่าลมด้วยความไม่พอใจแล้วกระเทิบเข้าไปใกล้คนตัวสูงกว่าอย่างช่วยไม่ได้
“เอามา” แฮร์รี่พูดเสียงห้วนพร้อมกับแบบมือออกไป
มัลฟอยเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่งรอยยิ้มขำๆที่ร่างบางมองไม่เห็นตอบไป มองแว่นในมืออย่างนึกสนุก แล้วใส่มันลงไปบนใบหน้าของตัวเอง ยังไงซะ...เดรโก มัลฟอยก็ยังเป็นเดรโก มัลฟอยวันยังค่ำ
“อยู่นี้ไง นายก็เอาไปสิ”
“ไหนอ่ะ?” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว พยายามเพ่งมองแต่ก็ไม่เห็น
“งั้นมานี้มะ” มัลฟอยถือวิสาสะรวบเอวบางขึ้นมาไว้บนตักตัวเองโดยที่คนตัวเล็กกว่าไม่ได้รู้สึกตัวอะไรเล้ย...
“ไหนล่ะมัลฟอย” แฮร์รี่เริ่มหงุดหงิดอีกรอบเมื่อมองยังไงก็มองไม่เห็น เพ่งแล้วเพ่งอีกก็ไม่เจอซักที
“แค่นี้ก็หาไม่เจอ” มัลฟอยแสร้งทำเสียงเข้ม ทั้งที่ยิ้มไม่หุบเพราะท่าทางน่ารักแบบเอ๋อๆของคนบนตัก “งั้นนั่งอยู่เฉยๆเลย”
แฮร์รี่ยอมทำตามคำสั่งด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ทำไมต้องโดนดุด้วยเนี่ย
เมื่อเห็นร่างบางยอมนั่งนิ่งดีๆมัลฟอยก็แอบเอาแขนโอบแฮร์รี่ไว้หลวมๆข้างนึงก่อนจะใช้มืออีกข้างถอดแว่นออกแล้วใส่มันลงไปบนใบหน้าใส
แฮร์รี่หลับตาปี๋เมื่อรู้สึกว่าแว่นโดนสวมลงมาบนหน้าของตัวเอง สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ร่างบางรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะต้องช็อคอีกรอบเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเข้มในระยะห่างแค่ปลายจมูก
"เฮ้ย! เข้ามาใกล้อย่างนี้ นายจะทำอะไรน่ะ!!!"
"ก็แค่จะพิสูจน์อะไรนิดหน่อยเองพ็อตเตอร์... ก็นายชอบอยู่ใกล้ๆฉันไม่ใช่เหรอ?" มัลฟอยยกยิ้มก่อนจะเอามือแกร่งเชยคางของแฮร์รี่ขึ้น "ปากนายเนี่ย...ถ้าจะหวานดีนะ"
"!!!!!" แฮร์รี่ตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อได้ยินดังนั้น อะไรนะ ตกลงหมอนี้ได้ยินที่เราพูดด้วยเรอะ!!
แฮร์รี่อ้าปากค้างอยู่สามวิ เมื่อมัลฟอยเห็นใบหน้าแฮร์รี่ที่ยังสามารถเพิ่มดรีกรีความช็อคขึ้นได้อีกก็อมยิ้มด้วยความเอ็นดู น่ารักแหะ อย่างนี้น่าแกล้งเยอะๆ มัลฟอยมองแฮร์รี่ที่ยังคงนิ่งค้างอยู่อย่างอารมณ์ดีแล้วเมื่อเห็นแว่นทรงโบราณเลื่อนลงมาแทบจะตกจากสันจมูกรั้น เขาก็เลยช่วยดันมันขึ้นไปให้ถูกที่ถูกทางให้... ด้วยจมูก น่ะนะ
แล้วก็ไม่รู้ว่าด้วยโชคหรืออะไรของแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ที่รู้ตัวตอนนั้นพอดี ร่างบางรู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหวที่สันจมูกจึงเงยหน้าขึ้นมาซึ่งนั้นทำให้ริมฝีปากของทั้งสองคนประกบกันแบบ.... พอดีเป๊ะ
สัมผัสนุ่มอุ่นเบาบางบนริมฝีปากนั้นทำให้ร่างสูงรู้สึกดีและอยากจะอยู่แบบนั้นอีกสักพักเลยกะจะรวบเอวร่างบางไม่ให้หนีไปไหน แต่นั้นก็ช้าเกินไปสำหรับซีกเกอร์อย่างแฮร์รี่ ที่พอรู้ตัวขึ้นมาว่าอะไรอยู่บนริมฝีปากตัวเองก็กระเด้งตัวออกมาเร็วยิ่งกว่ากวางป่าที่เป็นผู้พิทักษ์ของตนเองซะอีก
ประมวลสถานะจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ : 0///0 ช็อค จริง จัง
เดรโก มัลฟอย : ^-^~v ขอ อีก รอบ(ได้ป่ะ?)
แฮร์รี่ที่เขินจนตัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆได้อยู่แล้วก็หันไปคุยกับตัวเองอยู่พักหนึ่งแล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดไปเลย
“เอ้อ... นี้ก็เช้าแล้วนี้หน่า อากาศก็อุ่นดีด้วย เราออกเดินไปหาความช่วยเหลือดีกว่านะ” ว่าไปนั้นแล้วร่างบางก็เดินตัวแข็งฉับๆหายออกไป 2 วิก่อนจะเดินกลับมา เมื่อจำได้ว่าตัวเองลืม ‘ผู้บาดเจ็บ’ ไว้
“ไหวใช่มั๊ย?” แฮร์รี่พยุงพลางถามร่างสูงแบบไม่มองหน้ามัลฟอยได้แต่มองท่าทางเอ๋อของแฮร์รี่ขำๆ
“ไหวครับ คนดี” มัลฟอยก้มลงกระซิบข้างหูแฮร์รี่เบาๆ ซึ่งนั้นทำให้แฮร์รี่งุดหน้าแปร๊ด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ปล่อยมือที่พยุงคนเจ็บ
“ปะ ไปได้แล้ว” เมื่อพูดจบแฮร์รี่ก็ออกเดิน แล้วทั้งสองคนก็เดินออกจากโพรงไม้อันอบอุ่นสู่แสงสว่างสีซีดทะมึนของผืนป่าต้องห้ามที่แผ่รออยู่ด้านนอก
.
.
.
“...”
“...”
ระหว่างการเดินเท้า ไม่มีใครพูดอะไรกับอีกฝ่ายทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ รอบด้านนั้นมีแต่เสียงฝีเท้าย่ำเศษใบไม้แห้ง กับเสียงลมหายใจแผ่วเบาของทั้งสองเท่านั้น ราวกับสรรพสัตว์รอบข้างพร้อมใจกันเงียบลงเพื่อให้คนทั้งสองอยู่ตามลำพัง... ให้ได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน...
ไม่มีใครรู้ว่าเดินกันมาไกลเท่าไหร่ แต่อากาศที่ร้อนขึ้นกับแสงที่ส่องตรงลงมาจากด้านบน พอจะบอกให้รู้ได้ว่านี้มันเลยช่วงเช้ามาสองสามชั่วโมงแล้ว
ถึงจะบอกว่าร้อนขึ้น แต่ยังไงอากาศในป่าต้องห้ามก็ยังเป็นหลักเดียวอยู่ดี
แฮร์รี่กระชับอดีตเสื้อเสว็ตเตอร์ที่มัลฟอยยัดเยียดให้เขาเพื่อกันความหนาว บอกให้ใช้เองก็ไม่ยอมเชื่อ ตัวเองเจ็บอยู่แท้ๆ... แฮร์รี่คิดพลางเสมองคนข้างๆอย่างเป็นห่วง ซึ่งก็ไปปะกับสายตาขี้เล่นของคนข้างๆพอดี
“หืม... ที่มองเนี่ยเพราะเป็นห่วงใช่มั๊ยน้อ....” มัลฟอยพูดยิ้มๆ
“หลงตัวเอง” แฮร์รี่พูดพลางสะบัดบ๊อบใส่ แต่ถ้ามัลฟอยหันมามองอีกด้านล่ะก็ จะเห็นใบหน้าใสขึ้นสีแดงเป็นริ้วๆเลยทีเดียว
“หึๆ”
“...”
“...”
ทั้งคู่เงียบกันไปพักนึง ก่อนที่อยู่ๆแฮร์รี่จะพูดโพล่งขึ้นมา
“นี้มัลฟอยฉันถามอะไรนายอย่างสิ”
“หืม?”
“ทำไมอยู่ๆนายถึงมาทำเลี่ยนใส่ฉันได้หะ?” แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างข้องใจ
“ก็...” มัลฟอยลากเสียงก่อนจะหันมามองแฮร์รี่ “ฉันกลัวว่าจะตายก่อนที่จะได้ทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องน่ะสิ”
“หัวใจ... เรียกร้อง?” แฮร์รี่อึ้ง
“ใช่... นายรู้ไหมว่าตอนตกลงมาฉันคิดว่าจะตายซะแล้ว แต่ยังไงซะฉันจะไม่ยอมให้นายเป็นอะไรไปเด็ดขาด...” มือแกร่งกระชับอุ้งมือของแฮร์รี่ “ตอนฉันตื่นมาเห็นหน้านาย ฉันดีใจมากก... เลยล่ะ ชีวิตคนเรา มันเสี่ยงกว่าที่คิดนะ ถ้าฉันมัวแต่รักษาภาพฉันอาจจะต้องเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ฉันอยากทำก็ได้นะ”
“...” ตอนนี้แฮร์รี่พูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ตัวเองอยากทำ... หัวใจเรียกร้องงั้นเหรอ...
“...” มัลฟอยไม่ได้พูดอะไร นอกจากส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ร่างบางที่คอยประคองเขาอยู่
ซ่า~~~
“อ๊ะ!”
จู่ๆ ฝนห่าใหญ่ก็เทสาดลงมา เม็ดฝนเม็ดโตตกกระทบผิวทั้งสองอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกได้ มัลฟอยคิดว่ายืนอยู่ต่อไปนี้ไม่ดีแน่จึงกัดฟันดึงมือแฮร์รี่ออกวิ่งเพื่อหาที่หลบฝน หวังว่าจะมีโพรงแบบที่พวกเขาเคยอยู่
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” แฮร์รี่หอบหักเมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ในโพรงไม้แคบๆได้สำเร็จ แม้มันจะแคบกว่าโพรงที่พวกเขาเคยอยู่และมีฝนสาดลงมาจนน้ำนองพื้น แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าข้างนอกที่ตอนนี้พายุฝนสาดจนมองอะไรไม่เห็นและเย็นเข้าขั้วกระดูก
“มัล... มัลฟอย!” แฮร์รี่ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นมัลฟอยนอนกัดฟันอยู่อีกด้านตัวสั่นเทา
ร่างบางปราดเข้าไปนั่งข้างๆชายหนุ่มด้วยความร้อนใจ เมื่อมือเรียวจับใบหน้าของร่างสูงก็ต้องตกใจ เพราะมันเย็นเฉียบจนแทบจะเป็นน้ำแข็งแถมยังสั่นระริกอย่างน่ากลัว ริมฝีปากของมัลฟอยตอนนี้ซีด... จนแทบไร้สีเลือด
“มัลฟอย! นาย...”
“แฮ่ก แฮ่ก....” หน้าอกของมัลฟอยขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้าจนน่าเป็นห่วง ดวงตาสีเข้มปรืออย่างคนแทบที่ประคองสติตัวเองไม่อยู่
แฮร์รี่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ก็แค่โดนฝน ทำไมอยู่ๆอาการถึงทรุดขนาดนี้!!!
และร่างบางก็เจอคำตอบเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นของเหลวสีชาดสีไหลผสมออกมาผสมกับน้ำฝนที่เจิ่งนองอยู่เต็มพื้น แฮร์รี่รีบแกะเสื้อของมัลฟอยออก และคลายผ้าผันแผลออกเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นปากแผลของมัลฟอยเปิดออกและมีเลือดไหลออกมาเยอะจนน่าตกใจ รอบๆยังเป็นรอยช้ำสีม่วงระบายอยู่ทั่วอีกด้วย
“นี้... ไปกระแทกอะไรมา? เลือดออกเยอะกว่าตอนตกจากเนินอีก...” แฮร์รี่หน้าซีด แล้วจะเอาอะไรมาซับเลือดล่ะเนี่ย นี้ก็แฉะกันไปหมดแล้ว...
“แฮร์....รี่” มัลฟอยยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าซีดขาวอย่างยากลำบาก ดวงตาสีเทามองมาที่ร่างบางอย่างอาทร
“มัลฟอย!” แฮร์รี่กุมมือแกร่งที่ตอนนี้เย็นเฉียบเอาไว้แน่น ใจเริ่มเสียเมื่อเห็นท่าทางอ่อนแรง จากการเสียเลือดจำนวนมาก
“อา... ฉันได้เรียกชื่อนายแล้วแหะ” มัลฟอยยิ้มอย่างอ่อนแรง “... ฉัน... คง...ไม่ไหวแล้วล่ะ แฮร์รี่”
“มัลฟอย! นายอย่าเพิ่งถอดใจสิ นาย... นายอย่าเพิ่งทิ้งฉันไปนะ!” น้ำตาแฮร์รี่ไหลเอ่อออกมาโดยทีเจ้าตัวไม่รู้แต่น้ำใสๆนั้นหยดลงบนร่างของคนที่นอนอยู่ไม่รู้กี่เม็ดต่อกี่เม็ดแล้ว
“อย่า... ร้อง...ไห้...” มัลฟอยพูดเสียงแผ่วเบาแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้แฮร์รี่ “ฉัน... ได้ทำ... สิ่งที่อยากทำแล้ว...ฉัน...ไม่เสียใจแล้ว...”
“แต่.... แต่” แฮร์รี่พูดไม่ออกเหมือนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ หายใจไม่ออก... เหมือนกำลังจะตายไปพร้อมๆกับคนที่นอนเจ็บอยู่
“หวัง...ว่าเราจะได้เจอกัน...อีก” มัลฟอยยิ้มให้แฮร์รี่ก่อนจะบอกคำที่เขาอยากพูดมาตลอด เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของชีวิต
“ฉัน รัก นาย”
พอพูดจบก็เหมือนหมดแรง มัลฟอยหลับลงอย่างสงบมือแกร่งที่จับใบหน้าใสอยู่ตกฮวบลงและดวงตาสีเทานั้นก็ปิดสนิทลง.... ตลอดกาล...
ร่างบางเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่หลับตาแน่น ราวกับจะภาวนาให้คนที่เพิ่งจากไปกลับมา แฮร์รี่กำมือแกร่งไว้แน่น น้ำใสๆไหลลงมาอย่างเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น
“เดรโก.... นายได้ยินฉันไหม... ฉันเรียกชื่อนายแล้วนะ... เดรโก ฟื้นสิ!!!” แฮร์รี่ขดตัวลงกอดแขนแกร่งเอาไว้แนบตัว “ไม่ยุติธรรมเลย...” ร่างบางพูดเสียงอูอี้ “นายได้ทำสิ่งนายอยากทำแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ทำเลย ฮึก... ฉันยังไม่ได้กอดนาย... ฉันยังไม่ได้ทำดีกับนาย... ฉันยังไม่ได้... ฉันยังไม่ได้บอก... รัก นาย เลย...”
…
“ฟื้นสิ…” แฮร์รี่กระซิบ
“ฟื้นสิ...”
“ฟื้นสิเดรโก...”
“ฟื้นสิ!”
“เดรโก!!!”
“เดรโก!!!!!!!!!!!!!!”
END….
.
.
.
.
.
.
.
.
.
(ซะเมื่อไหร่ล่ะ?)
เฮือก!!!!!
“...”
แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ เด็กชายผู้รอดชีวิตตอนนี้กำลังนั่งหอบอยู่บนเตียงนอนของตัวเอง ใบหน้าติดหวานหันไปมองแสงแดดที่สาดส่องลอดมาทางช่องหน้าต่าง แฮร์รี่คว้าแว่นขึ้นมาใส่ ร่างบางนั่งกระพริบตาอยู่พักนึง
ความฝันงั้นเหรอ?
“เฮ้อ..... เวิ่นเว้ออีกแล้วสินะพ็อตเตอร์” แฮร์รี่ถอนหายใจอย่างโล่งๆ สงสัยเมื่อวานจะซ้อมควิชดิชมากไปหน่อย
ทำไมถึงฝันถึงมัลฟอยล่ะเนี่ย... เป็นเรื่องเป็นราวซะด้วย
“โอย... ช่างมันเถอะ เฮ้ย รอนตื่น! ตื่น!” แฮร์รี่ปาหมอนใส่หัวแดงๆที่นอนเป็นตายอยู่ข้างๆ
“หา... หืม? แฮร์รี่?มีอะไร?” รอนโผล่หัวขึ้นมาจากกองหมอนกองผ้าห่มยุบยับของตัวเองแบบงัวเงีย ก็นะ... นี้แหละ โรนัลด์ วีสลีย์
แฮร์รี่มองดูภาพนั้นอย่างมีความสุข เนี่ยแล้วความสงบสุขที่เขาต้องการ ชีวิตเรื่อยๆเฉื่อยๆแบบนี้แหละ... แฮร์รี่ส่งยิ้มให้กับเพื่อนซี้
“อาบน้ำแต่งตัวไปกินข้าวกันเถอะ โรนัลด์ วีสลีย์!”
.
.
.
และก็เหมือนเช้าอื่นๆที่แฮร์รี่เดินเข้าไปในโรงอาหารกับเพื่อนซี้ทั้งสองคน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นพอวันนี้ผมนั่งลงประจำที่แล้วเงยขึ้นมาเห็นรอยยิ้ม.... รอยแสยะยิ้มของเดรโก มัลฟอย ร่างบางกลับรู้สึกโล่งใจ
สงสัยจะเพราะรู้สึกผิดที่ฝันถึงหมอนี้ตายแหะ... ช่างเถอะก็ดีแล้วที่ไม่มีใครตาย
เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางจึงสาดภาษาใบ้กลับไปชุดใหญ่อย่างอารมณ์ดี
แต่อีกสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมและกลับทำให้ร่างบางงงในวันนี้ก็คือ....
เอ๊ะ ทำไมมัลฟอยถึงหลบตาเราล่ะเนี่ย?
END ... of the begining
------------------------------------
ไรเตอร์ อยากจะ talk [3]
จบแล้วววว เย้! กับความยาวที่ไรเตอร์อยากจะร้องด้วยความดีใจเมื่อพิมพ์เสร็จ ถูกใจกันบ้างไหมคะ แล้วก็ถ้าใครรู้สึกคุ้นตอนจบก็ไม่ต้องสงสัย ถูกต้องค่ะมันเป็นตอนเริ่มของตอน Am I sick? นั้นเอง 555+
แอบเครียดเบาๆที่ต้องหาทางให้เดรตาย(ในความฝัน) แต่ก็นะพ่อเดรที่แสนดี๊ดีคงจะอยู่ได้แค่ในความฝันเท่านั้นแหละ(จริงเหรอ? ... ไม่แน่นา 555)
เอาล่ะมาถึงสิ่งที่ไรต์อยากให้รีดทุกคนช่วยเลือกแล้วล่ะค่ะ แบบว่าอยากเขียนทั้งสองเรื่องเลยแต่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะลงเรื่องไหนก่อนดี ไรต์เลยเอาเป็นว่า ถ้ามีคนสนใจเรื่องไหน(มากกว่า) ก็จะลงเรื่องนั้นก่อนแล้วกัน (มีไรต์โลภมากต้องทำใจนะคะรีดทุกคน ฮา~)
ดูผลวันอาทิตย์ ลงวันจันทร์นะคะ
1. Oh Dear : dm/hp :เรื่องราวคร่าวๆ เดรโก มัลฟอยกับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ดันหลุดออกมาจากโลกนิยายมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องที่กินที่อยู่น่ะไม่เป็นไรหรอกก็แค่ต้องนอนห้องเดียวกันแล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับก็เท่านั้นเอ๊ง แต่ที่เด็ดของเรื่องนี้น่ะนะเพราะมันมีคุณ อยู่ด้วย ลองนึกภาพสองหนุ่มนี้อยู่ในบ้านเดียวกับสาววายอย่างคุณแล้วกัน ว่ามันจะยุ่งขนาดไหน
2. Because of ….(?) : dm/hp :เรื่องราวคร่าวๆ ฟิคงงๆที่มากับชื่องงๆ ไม่คิดมากเน้นไร้สาระ! เริ่มเรื่องกับศัตรูที่คนทั้งฮอกวอร์ตเชียร์ให้ได้กัน(?)ตลอดกาล อย่างแฮร์รี่ พ็อตเตอร์และเดรโก มัลฟอยที่งานนี้ไม่มีใครยอมใครจริงๆแต่ไปๆมาๆก็พล็อตก็ตลาดเรื่องเกิดในคาบปรุงยาแล้วอยู่ๆมัลฟอยก็เปลี่ยนไปแบบเมอร์ลินยังงงแถมดันคิดว่าตัวเองเป็นแฟนแฮร์รี่ไปซะงั้น!
ใครถูกใจเรื่องไหนบอกไว้ได้เลยนะคะ ไม่มีการควบสองเรื่องนะเออไรต์แต่งไม่ทัน ฮา~
ความคิดเห็น