คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 : การศึกษาไทยล้มเหลว เด็กไทยเครียดเกินไป
การศึกษาไทยล้มเหลว เด็กไทยเครียดเกินไป
นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เผยระบบการศึกษาไทยล้มเหลว เด็กไทยออกจากรร.กลางคันปีละ9แสน-ใช้เวลาในห้องเรียนมากที่สุดในโลก ระบุแอดมิชชั่นผลักดันเด็กต้องเรียนกวดวิชาจนกดดันเครียด
นายยุทธชัย เฉลิมชัย นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เปิดเผยผลการศึกษาการใช้เวลาในห้องเรียนของเด็กไทยกับประเทศอื่นๆ ว่า เด็กไทยเป็นชาติที่เด็กถูกบังคับให้เรียนในห้องเรียน โดยใช้ชั่วโมงเรียนในแต่ละวันมากที่สุดในโลก เปรียบเทียบกับเด็กจีนที่มีความเครียดสูงด้วย ประชากรที่เยอะ การแข่งขันจึงมีสูง ก็ยังใช้เวลาเรียนในห้องเรียนในแต่ละวันน้อยกว่าเด็กไทย โดย ปัจจุบันมีเด็กนักเรียนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องออกจากสถานศึกษากลางคันประมาณปีละ 9 แสนคนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ด้วยสาเหตุที่ต่างกัน เช่น ครอบครัวยากจน ไร้สัญชาติ ไม่อยากเรียนหนังสือเพราะเบื่อหน่าย ทนรับสภาพความกดดันจากระบบการเรียนการสอนที่เน้นการแข่งขันกันเป็นเลิศทางวิชาการไม่ไหว
นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กนักเรียนในเมืองและชนบทมีความทุกข์จากระบบการศึกษาไม่ต่างกัน คือใช้เวลาเรียนในห้องเรียนมาก แถมต้องเรียนกวดวิชาตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนเกิดความเครียดและเบื่อหน่าย ซึ่งการเปลี่ยนระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย มาเป็นแบบแอดมิชชั่น ส่งผลให้เด็กวิ่งเข้าหาโรงเรียนกวดวิชามากขึ้น รวมถึงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นให้เด็กต้องเก่งวิชามาตรฐาน ทำให้ครูต้องสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ด้วย ภาษาอังกฤษ โดยให้ขยายผลให้ได้ 2,500 โรงเรียนในปีการศึกษาหน้า ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าครูจะสอนกับผู้เรียน จะรับไหวหรือไม่ อาจจะยิ่งเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับเด็กมากกว่าเดิม
นายยุทธชัย กล่าวด้วยว่า ระบบการศึกษาไทย อาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนใหม่ โดยลดจำนวนชั่วโมงเรียนในห้องเรียนลง เพิ่มการเรียนการสอนที่เน้นการใช้ทักษะ พัฒนาคุณภาพชีวิตมากขึ้น เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้เรียน ที่สำคัญต้องยกเลิกการเรียนการสอนด้วยวิธีบังคับควบคุม เพราะจะทำให้เด็กขาดความมั่นใจ ขาดความคิดสร้างสรรค์ และไม่กล้าแสดงออก ทั้งนี้ถึงเวลาแล้วที่การศึกษาไทยจำเป็นต้องปฏิรูปเปลี่ยนแปลง เพื่อหนีออกจากความล้มเหลวในปัจจุบัน ไม่เช่นนั้น ก็อาจจะไม่สามารถเดินหน้าพัฒนาการศึกษาให้ไปสู่เป้าหมายที่เป็นสากลได้
ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/special_report/35379
ความคิดเห็น