คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : XOXO :: c'O'nfession
XOXO :: c'O'nfession
“รู้ว่าตื่นเต้น แต่กรุณาอย่าคร่อมจังหวะได้มั้ยวะไอ้ลูกหมา!” ด่าจบคิมจงแดก็ตีฉาบกลองใส่ผมอย่างหงุดหงิด
ปกติผมไม่เคยร้องเพลงแล้วมือไม้สั่นขนาดนี้มาก่อนนะครับ ไม่เคยลืมเนื้อ ร้องเพี้ยน เสียงหาย หรือคร่อมจังหวะ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อาการพวกนี้มาหมด เริ่มจะเข้าใจอาการกลัวเวทีของคยองซูขึ้นมาบ้างแล้วฮะ อันที่จริงอย่าพูดว่าผมตื่นเวทีเลย เรียกว่าผมกังวลจนเสียจริตจะถูกกว่า คือผมกลัวไปล้านแปดแล้วครับตอนนี้ กลัวพี่ซันนี่จะไม่มาฟัง กลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดี กลัวว่าพี่เค้าจะไม่รู้สึกเหมือนกัน และที่สุดเลยคือกลัวคำตอบ ถ้ามันออกมาเป็น X ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำใจได้มากน้อยแค่ไหนในเมื่อทุ่มเททุ่มทุนจนหมดหน้าตักขนาดนี้ แต่ถ้าผลออกมาเป็น O ซึ่งเปอร์เซนต์คงจะน้อยมาก... ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีหน้าไปพูดกับพี่ชายยังไง...
มาถึงตอนนี้ก็ชักรู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิดหน่อยๆที่ปล่อยให้อะไรๆมันเลยเถิดมาได้จนป่านนี้
“ปล่อยวางซะแบคฮยอน คิดถึงแต่เนื้อเพลงก็พอแล้ว ร้องออกมาตามที่นายรู้สึก อะไรที่มันจะตามมาหลังจากนั้นยังไม่ต้องไปคิดถึงมัน” คยองซูพูดเรียบๆ นิ้วเรียวไล่คีย์เปียโนโดยที่ไม่เงยหน้ามาสบตาผมเลย แต่เพราะคำแนะนำของหมอนั่น หัวใจหนักอึ้งของผมถึงได้กลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติ ระหว่างปล่อยให้เพื่อนๆที่เหลือเช็คความเรียบร้อยของเครื่องดนตรี ผมก็เหลือบมองไปรอบๆ
วันนี้สถานที่ในการดำเนินแผนสุดท้ายของผมเป็นโบสถ์ครับ โบสถ์นี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ และเป็นที่ที่เราชอบมาเล่นดนตรีให้ประจำ เพราะงั้นวันนี้เลยถือโอกาสของหลวงพ่อมาจัดอีเวนท์เล็กๆซะเลย เวทียกพื้นเล็กๆใต้เท้าผมประดับประดาด้วยลูกโป่งสีขาวและสีฟ้าอ่อน คริสตัลไปขอยืมผ้าม่านและริ้บบิ้นที่เอาไว้ใช้ในงานโรงเรียนมาตกแต่งให้ด้วย ซอลลี่ที่บ้านเป็นร้านขายดอกไม้ก็หอบเอาดอกเดซี่ช่อโตมาช่วยจัดใส่แจกันตั้งไว้รอบๆ
...ถึงพวกนี้จะปากร้าย ขี้แกล้ง บางทีก็ชอบซ้ำเติม แต่ก็ยอมทุ่มกันสุดตัวเพื่อผมโดยไม่ปริปากบ่น และถ้าหากผลในวันนี้ออกมาไม่ได้อย่างที่หวัง ผมก็มั่นใจว่าจะไม่ต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียว เห็นได้ชัดจากการที่ชานยอลแอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วยคงตั้งใจว่าเกิดท่าไม่ดีขึ้นมาจะไปนอนค้างเป็นเพื่อนผม หารู้ไม่ว่าผมเองก็แบกออกมาใบนึงเหมือนกัน เพราะไม่ว่ามันจะจบยังไง ผมก็คงลำบากใจที่จะกลับไปเจอหน้าพี่ชายอยู่ดี...
“นี่! อย่ามัวแต่ยืนเหม่อสิ พี่ซันนี่มาแล้วนะ!” ยัยเอ๋อซูจีวิ่งมากระซิบกระซาบ ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งหายออกไปจากประตูหน้าโดยไม่ลืมที่จะลากซอลลี่ออกไปด้วย ผมหันไปสบตากับเพื่อนๆบนเวทีด้วยกัน คริสตัลส่งยิ้มเล็กๆให้พร้อมยกนิ้วโป้งแทนคำพูด ก่อนที่บานประตูจะเปิดออกแล้วคนที่ผมรออยู่ก็ก้าวเข้ามา
“เห็นซูจีโทรไปบอกพี่ว่าเรามีคอนเสิร์ตที่นี่ ว่าแต่ คนดูคนอื่นๆล่ะจ๊ะ?” นางฟ้าของผมเดินเข้ามาตามทางเดินที่ปูพรมสีเขียวเข้มลาดไว้ ยิ่งเข้ามาใกล้หัวใจผมก็ยิ่งเต้นรัวเร็วขึ้นทุกที พี่ซันนี่ก็ยังคงสวยน่ารักไม่ต่างจากนางฟ้า...
“ที่ไม่มีคนดูคนอื่น เพราะคอนเสิร์ตวันนี้มีตั๋วพิเศษแค่ใบเดียวเท่านั้นครับ และคนโชคดีคนนั้นก็คือพี่... พี่ซันนี่” ผมพูดออกไป แล้วจงแดที่รู้คิวดีก็เคาะฉาบเบาๆสามครั้งก่อนที่ปลายนิ้วของคยองซูจะพร่างพรมลงบนคีย์เปียโน...
미카엘 보다 넌 나에게 눈부신 존재
มิคาเอล โบดา นอน นาเอเก นุนบูชิน จนเจ
เธอช่างงดงามเปล่งประกายยิ่งกว่าเทพมิคาเอล
감히 누가 너를 거역해 내가 용서를 안 해
คัมฮี นูกา นอรึล กอยอคแฮ แนกา ยงซอรึล อัน แฮ
ถ้าหากจะมีใครจดจำความงามของเธอไว้ ฉันคงไม่อาจอภัย
에덴 그 곳에 발을 들인 태초의 그 처럼 매일
เอเดน คิ กทเท บัลอึน ดึลริน เทชูเอ คือ ชอมรอม เมอิล
ราวกับได้ก้าวเข้าไปในสวนอีเดนเป็นครั้งแรก
너 하나만 향하며 마음으로 믿으며
นอ ฮานามาน ฮยางอามยอ มาอึมอืโร มีโดมยอ
ทุกๆวัน ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอจนสุดหัวใจ
아주 작은 것이라도 널 힘들게 하지 못하게 항상 지키고 싶어
อาจู ชักกืน กอทชีราโด นอล ฮิมดึลเก ฮาจี มทฮาเก ฮังซัง จีคีโก ชิพพอ
ฉันอยากจะเป็นคนปกป้องเธอ จากทุกสิ่งที่ทำให้เธอเหนื่อยล้าแม้มันจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
너의 세상으로 여린 바람을 타고
นอเย เซซางอือโร ยอริน บารามอึล ทาโก
สายลมอบอุ่นพาให้ฉันมาสู่โลกของเธอ
네 곁으로 어디에서 왔냐고
เน กยอททือโร ออดีเอซอ วัทนยาโก
เธอตั้งคำถามอย่างไร้เดียงสาว่าฉันมาอยู่เคียงข้างได้อย่างไร
해맑게 묻는 네게 비밀이라 말했어
เฮมัคเก มทนึน แนเก บีมิลรีรามัล แฮทซอ
และฉันก็ตอบไปว่ามันเป็นความลับ
마냥 이대로 함께 걸으면
มันนยาง อีแดโร ฮัมเก กอลรือมยอน
ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่เราเดินไปด้วยกัน
어디든 천국일테니
ออดีดึน ชอนกุกอิลเทนี
มันก็สวยงามดั่งสรวงสวรรค์
너의 수호자로 저 거센 바람을 막고
นอเอ ซูโอจาโร ชอ กอเชนบารัมอึล มัคโก
ในฐานะผู้พิทักษ์ของเธอ ฉันจะต้านลมโหมแรงไม่ให้กล้ำกราย
네 편으로 모두 다 등을 돌려도
แน พยอนนือโร โมดู ดา ดึงอึล ดุลรยอโด
ต่อให้ผู้คนนับร้อยจะหันหลังให้เธอ
힘에 겨운 어느 날 네 눈물을 닦아 줄
ฮิมเม กยออุน ออนือ นัล แนนุมุลรึล ทัคคา จุล
แต่หากฉันได้เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
그런 한 사람 될 수 있다면
คือรอน ฮัน ซารัม ดเวล ซู อิตตามยอน
ที่สามารถซับน้ำตาในวันที่อ่อนล้าให้เธอได้
어디든 천국일테니
ออดีดึน ชอนกุกอิลเทนี
มันคงเหมือนดั่งสรวงสวรรค์...
[EXO-K : Angel]
เสียงเพลงจางกายไปในความเงียบงัน ผมใจเต้นตึกตัก นี่เป็นครั้งแรก... ครั้งแรกที่ทุกอย่างไปได้สวยขนาดนี้ พี่ซันนี่มองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“แบคฮยอน... นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
“ผม--”
“ซันนี่” เสียงนุ่มทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น แล้วผมก็มองผู้มาใหม่อย่างประหลาดใจ
...พี่คยูฮยอน? พี่ชายของผมมาที่นี่ได้ยังไงกัน? แล้วช่อดอกกุหลาบสีขาวในมือนั่นแปลว่าอะไร? แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ถาม พี่ชายก็เดินตรงเข้ามาหาพี่ซันนี่แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือข้างซ้ายยื่นช่อดอกไม้ส่งให้ในขณะที่มือขวาหยิบกล่องกำมะหยี่เล็กๆออกมาจากด้านในเสื้อสูท...
“แต่งงานกับผมนะครับซันนี่... เป็นนางฟ้าของผมตลอดไปนะ”
เหมือนโดนค้อนปอนด์หนักอึ้งทุบลงกลางหัว ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งมองภาพตรงหน้า ร่างกายชาไปหมดอย่างที่บอกไม่ได้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร
นี่ผมคงต้อง...ทำใจยอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้งแล้วใช่ไหม?
ในเมื่อครั้งที่ผ่านๆมามันก็พัง ครั้งนี้จะพังอีกรอบมันจะเป็นอะไรไปล่ะ? พี่ชายของผมกำลังยิ้มอย่างมีความสุข ดวงตาพราวระยับเต็มไปด้วยความคาดหวัง แบบนี้แล้วยังจะให้ผมทำลายความรักของพี่เค้าได้อีกเหรอ แค่วินาทีนี้ผมก็รู้สึกแย่กับตัวเองเต็มทนแล้วที่คิดอะไรบ้าๆอย่างการจะเอาตัวเองไปแทนที่พี่ชายตรงนั้น...
แย่ที่สุด... นายนี่มันใช้ไม่ได้เอาซะเลย บยอนแบคฮยอน...
ผมฝืนยิ้มส่งให้พี่ชายที่ขยับปากพูดคำว่าขอบคุณกับผม ก่อนจะหันไปพยักหน้าส่งให้พี่ซันนี่คล้ายกับจะช่วยเร่งให้เอ่ยคำตอบ
คำตอบที่ผมไม่อยากได้ยินเอาซะเลย...
“ฉัน... ขอปฏิเสธค่ะ”
เสียงไม้กลองในมือจงแดร่วงลงพื้นดังแกร๊ก ซอลลี่กับซูจีที่เพิ่งเดินเข้ามาทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
นี่ผมมโนไปเองรึเปล่า? หรือเครียดจนหูฝาด? มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ ทำไมกันล่ะ?
“ขอโทษนะคะ... แต่ฉัน...ตอนนี้...ฉันแต่งงานกับพี่ไม่ได้จริงๆ”
พี่ซันนี่เอ่ยย้ำชัดอีกครั้ง ผมมองหน้าพี่ชาย ดวงตาหลังกรอบแว่นนั่นฉายแววงุนงงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นผิดหวังเหมือนโลกทั้งใบสลายลงไปต่อหน้า
แค่เห็นภาพนั้นหัวใจผมก็บีบรัดรุนแรงจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ผมขอเหตุผลได้ไหมครับ? ทำไมพี่ถึงแต่งงานกับพี่ชายไม่ได้ ในเมื่อพี่คยูฮยอนก็รักพี่มากขนาดนี้?”
ผมเอ่ยคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา รู้สึกเหมือนเพื่อนๆทุกคนวางเครื่องดนตรีลงแล้วขยับเข้ามายืนใกล้ๆ
พี่ซันนี่หลบสายตา ไม่ตอบคำถาม ดวงตาคู่สวยมีแววเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเม้มแน่น
“...ไม่ใช่...เพราะผมใช่ไหมครับ?” ผมพูดต่อไป รู้สึกได้ถึงแรงบีบที่ไหล่ซ้ายจากมือคริสตัล
ถ้าตอนนี้มีใครทำเข็มตกสักเล่มก็คงจะได้ยิน... ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้พูดไปแบบนั้น แต่ก็พูดออกไปแล้ว ผมรอคอยคำตอบที่จะได้ยิน หวังว่ามันจะเป็นเหตุผลหมูหมากาไก่อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่สิ่งที่ผมถามออกไป
แต่แล้วผมก็คิดผิด...
“ใช่...เหตุผลที่ทำให้พี่ปฏิเสธพี่คยูฮยอนก็คือเธอ...แบคฮยอน”
“นอนไม่หลับใช่ไหม?”
เสียงนุ่มๆของคยองซูดังขึ้น ผมได้แต่ถอนหายใจรับ ตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งแล้วนวดขมับตัวเองเบาๆ
วันนี้ผมมานอนบ้านคยองซูครับ เป้ที่เตรียมมาได้ใช้งานจริงๆ หลังจากที่พี่ซันนี่ทิ้งระเบิดลูกโตเอาไว้ เธอก็หมุนตัวเดินกลับออกไปโดยไม่ขยายความอะไรต่อ พี่คยูฮยอนที่ตกอยู่ในสภาพช็อคก็เดินตามออกไป ไม่แม้แต่จะมองหน้าผม โชคดีที่ยัยเอ๋อรับอาสาตามไปดูแลให้ ด้วยความที่อยากให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาตั้งหลักกันซักพัก ผมก็เลยเอ่ยปากขอมานอนบ้านคยองซู ชานยอลเองก็ตามมาด้วย ส่วนจงแดที่ทางบ้านเข้มงวดมาก แม้จะมาไม่ได้ แต่ก็โทรหาชานยอลเพื่อถามอาการผมทุกชั่วโมง
คยองซูหันไปมองไอ้เสาไฟฟ้าที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้นด้วยท่าทางไม่สบายตัวเท่าไหร่ แต่ก็ยอมเสียสละเตียงกว้างๆให้ผมกับเจ้าบ้านโดยไม่รู้เลยว่าเราสองคนไม่ได้ใช้งานมัน ผมถอนหายใจเล็กๆ เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มที่โดนถีบออกขึ้นมาคลุมตัวชานยอลดีๆ แล้วก็กลับมานั่งยกขากอดเข่าดันตัวเองขึ้นไปจนหลังชิดกับหัวเตียง
“ฉันเป็นห่วงพี่ชายจัง...”
“ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ง?” ผมสัมผัสได้จากแรงยวบบนที่นอนว่าคยองซูเองก็คงลุกขึ้นมานั่งบ้าง
“ฉันโทรหาซอลลี่ดีกว่า” ผมคว้าหยิบมือถือที่วางไว้ใต้หมอน ที่เลือกจะโทรหาซอลลี่ก็เพราะรู้ว่าวันนี้ทีมสาวๆจะไปนอนบ้านซูจี แล้วซอลลี่ก็เป็นคนที่นอนดึกเป็นปกติอยู่แล้ว โทรไปตอนนี้ไม่น่าจะเป็นอะไร
“นี่มันตีสองแล้วนะ ถึงซอลลี่จะนอนดึกยังไงแต่ป่านนี้ก็คงหลับไปแล้วล่ะ อีกอย่างคิดเหรอว่าถ้าโทรไปแล้วจะไม่ตื่นกันหมด?” คยองซูคว้าโทรศัพท์จากมือผมไปวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงฝั่งหมอนั่น ประโยคสุดท้ายเหมือนจงใจดักทางผมอย่างรู้ทัน
อันที่จริงผมไม่ได้กลัวว่าจะโทรไปปลุกใครหรอก แต่แค่ไม่อยากจะไปสะกิดคนที่น่าจะมีแผลเดียวกัน... ยัยซื่อบื้อน่ะ เมื่อบ่ายก็ทำเป็นเก่ง ส่งข้อความมาบอกว่าจะดูแลพี่ชายให้อย่างดี แต่เห็นแว้บๆว่าตอนที่หมุนตัวเดินตามพี่ชายออกไปจากโบสถ์ ซูจีก็ร้องไห้...
...อดคิดไม่ได้ว่าเพราะความเห็นแก่ตัวของผมเองแท้ๆ ถึงได้ทำให้ใครต่อใครต้องเจ็บปวดไปหมด... ถ้าผมไม่เริ่มความคิดที่จะแย่งพี่ซันนี่มาจากพี่ชาย ซูจีก็อาจจะไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องมีความหวัง แล้วก็ไม่ต้องผิดหวัง...
“นายเนี่ย นอกจากจะพูดมากแล้วยังคิดมากไม่เข้าเรื่องด้วยนะ”
“วันนี้โควต้าสามประโยคของนายหมดแล้ว คยองซู”
“ฉันไม่เคยบอกสักหน่อยว่ามีโควต้าแค่วันละสามประโยค ปกติขี้เกียจพูดเพราะแค่นั่งฟังพวกนายทะเลาะกันมันก็สนุกดีอยู่แล้ว” ผมรู้สึกได้ถึงมือเล็กๆของคยองซูเอื้อมมือมาขยี้หัวผม ทำยังกับตัวเองเป็นพี่ชายทั้งๆที่ตัวก็เตี้ย ไหล่ก็แคบ ตาก็เหลือก แถมยังเกิดช้ากว่าผมตั้งแปดเดือน แต่ถึงยังงั้นผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาที่กำลังทุกข์ใจแล้วมีเพื่อนสักคนชวนคุยเนี่ย มันทำให้รู้สึกทุกข์น้อยลงเป็นกอง
“รู้ได้ไงว่าฉันนอนไม่หลับ?” ผมถาม พยายามมองหาตาโตๆเหลือกๆในความมืด
“ก็เวลานายนอนข้างฉันทีไร ชอบละเมอหงุงหงิงๆเป็นลูกหมาทุกที แถมยังดิ้นไปดิ้นมายังกะเด็ก วันนี้จู่ๆก็นิ่งเงียบยังกับรูปปั้น ถ้าไม่ใช่เพราะนอนไม่หลับฉันคงนึกว่านายไหลตาย”
“เดี๋ยวนี้ชักจะติดเชื้อพูดมากปากหมาจากจงแดมาใหญ่แล้วนะ” ผมเอ็ดเพื่อนตัวเล็กที่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆกลับมา จนทำให้ผมยิ้มตามได้นิดหน่อย
“ก็ไม่ได้อยากพูดมากปากหมาแบบมันสักเท่าไหร่หรอก แค่กลัวว่าถ้าไม่ชวนคุยเดี๋ยวใครบางคนจะยิ่งคิดมากนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่”
ผมนิ่งไปกับคำพูดนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเพื่อนห่วง ไม่ใช่ว่าอยากจะคิดมาก แต่พอมันเริ่มฟุ้งซ่านแล้วทำยังไงมันก็หยุดไม่ได้ ผมถอนหายใจยาวอีกทีจนคยองซูเอื้อมมือมาบีบไหล่เบาๆ
“นายไม่ใช่ต้นเหตุหรอกนะ เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้... จริงๆแล้วนายควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่มีความหวัง ได้ยินแบบนั้นแล้วฉันก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันนะว่างานนี้ นายอาจจะชนะพี่คยูฮยอนขึ้นมาจริงๆ”
“ตรงกันข้ามเลยล่ะคยองซู... ถ้าพี่ซันนี่เลือกพี่ชายฉันคงไม่รู้สึกแย่อยู่แบบนี้”
“ตลกรึเปล่า นายนี่... มีอย่างที่ไหน อยากให้ผู้หญิงที่ชอบเลือกคนอื่น”
“ก็ไม่รู้สินะ...” ผมพูดพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เชื่อมั้ยว่าตอนที่พี่ชายคุกเข่าลงขอพี่ซันนี่แต่งงานน่ะ ฉันถึงเพิ่งรู้สึกตัว... ว่าจริงๆแล้วที่ทำไปทั้งหมดน่ะ ไม่ใช่เพราะฉันชอบพี่ซันนี่หรอก แต่ฉันเหมือนรู้สึกใจหาย ไม่อยากให้พี่ชายมีใครก็เท่านั้น”
“แปลว่านายแค่หวงพี่ชาย?” คยองซูถาม
“ก็คงงั้นมั้ง แต่พี่คยูฮยอนก็เคยมีแฟนคนอื่นๆมาก่อน ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ เฮ้อ~” ผมพูดตามที่ตัวเองรู้สึก ยิ่งพูดยิ่งคิดมันก็เหมือนมีปมอะไรค้างคาในใจที่แก้ไม่ออกซักที ห่วงพี่ชายก็ห่วง แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้
คยองซูที่แต่ไหนแต่ไรมักจะเป็นคนเซนส์ดีเสมอเรื่องความรักกลับนิ่งเงียบ ผมอ่านสีหน้าเพื่อนไม่ออก ต่อให้ไม่ใช่เพราะความมืดรายล้อม แต่ผมก็ไม่เคยจะเดาความคิดของโดคยองซูได้อยู่ดี
“นี่แบคฮยอน... บางทีคนเราน่ะ ก็ทำอะไรลงไปตามสัญชาตญาณก่อนจะคิดถึงเหตุผลนะ...” มือเล็กๆเอื้อมมาตบบ่าผมอย่างให้กำลังใจ “แต่ฉันเชื่อว่าสักวัน นายจะหาเหตุผลนั้นเจอ... ถ้าใช้สมองคิดแล้วยังไม่ได้คำตอบ ลองเปลี่ยนไปใช้หัวใจคิดดูสิ”
ผมนิ่งอึ้งไป... ใช้...หัวใจคิดงั้นเหรอ?
พออ้าปากจะเอ่ยถาม โดคยองซูก็เลื่อนตัวลงไปซุกในผ้าห่ม พลิกหันหลังให้ผมไปเสียแล้ว ก็เลยทำได้แค่ตั้งคำถามกับตัวเองในใจระหว่างเอนหลังลงกับเตียงนุ่ม
มันจะมีอยู่จริงเหรอ เหตุผลที่สามารถรับรู้ได้โดยใช้หัวใจน่ะ?
ความคิดเห็น