ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] XOXO : พี่สาวครับ... รับรักผมที!

    ลำดับตอนที่ #5 : XOXO :: what should I d‘O’

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 291
      0
      23 ก.ย. 56



    XOXO : what should I d‘O’

     

    “พอได้แล้ว พอได้แล้วน่าเบค่อนอ่า~” ชานยอลล็อกแขนสองข้างของผมไว้แต่ผมก็ยังพยายามจะสกายคิก บราซิลเลี่ยนคิก จระเข้ฟาดหางหรือใช้กระบวนท่าอะไรก็ตามเท่าที่นึกออกมาอัดไอ้ตูดหมึกจงแด มันโดนผมต่อยไปสองหมัดแรกน่ะยังไม่เจ็บเท่ากะที่ผมโดนหรอกนะ! ฮื่อออ!

    “อะไรวะ คนเค้าอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ” ไอ้ตัวดียังมีหน้ามาพูดตัดพ้ออีกแน่ะ ดูมัน

    “ช่วยให้ตายเร็วสิฟระ! ไปขุดไอ้พวกนั้นมารุมฉันทำไม? แกก็รู้ว่าไอ้เปรตสามตัวนั่นมันเกลียดฉันยิ่งกว่ากะจั๊วะอีกน่ะ!!!” ผมโวยวายโดยไม่สนใจว่าชานยอลจะจับผมนั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็ตาม ซอลลี่เดินเข้ามาตบบ่าผมแปะๆ ในขณะที่คยองซูวอร์มนิ้วด้วยเพลงโมสาร์ต ไม่ได้จะสนใจความเป็นไปของโลก =__=

    “แล้วสรุป นายก็โดนพวกนั้นอัดเละ ไม่ได้โชว์พาวอวดสาวเลยสินะ” ยัยเอ๋อซูจีกอดอกเดินลอยหน้าลอยตามายิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า โหยคนหล่อปรี๊ดเลยเว้ยเฮ้ย ปรี๊ด!!

    “ก็เพราะเธอนั่นแหละ! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ไอ้สามตัวนั่นไม่เกลียดขี้หน้าฉันมาจนถึงทุกวันนี้หรอก!” ไม่อยากจะบอกว่าโดยเฉพาะคิมจงอิน ยัยซื่อบื้อนี่แหละไปใส่ความว่าหมอนั่นเป็นสโตล์กเกอร์ เดือดร้อนผมต้องไปจัดการให้ พอไปหาเรื่องมันปุ๊บกลับกลายเป็นว่ายัยบื้อเข้าใจผิด แต่ผมที่เตะจงอินไปแล้วเต็มๆจะก้มหัวขอโทษยังไง คิมจงอินก็ไม่ปล่อยให้เดินลอยหน้าลอยตากลับไปง่ายๆ มิหนำซ้ำยังตามจองเวรจองกรรมกันมาจนจะปีอยู่แล้วเนี่ย แมร่งไม่เลิกเกลียดผมซักที T^T

    “เอ้านี่” ซูจีวางกล่องปฐมพยาบาลลงตรงหน้าผม “อาเทาฝากฉันมาให้”

    “หา? จื้อเทาน่ะเหรอ?” คริสตัลที่เดินไปดูคยองซูมันเล่นเปียโนได้สักพักแล้วหันกลับมาถามด้วยความสนอกสนใจ แม้ใบหน้าจะดี๊ด๊าประหนึ่งเพิ่งเห็นไก่ออกลูกมาเป็นไข่ ที่จริงผมประชดนะ...

    “อื้อ จื้อเทา หมอนั่นฝากขอโทษที่เล่นแรงไปหน่อย บอกว่าสถานการณ์มันพาไป”

    “เดี๋ยวนะ เดี๋ยว... จื้อเทาจะเอากล่องพยาบาลมาให้แบคฮยอนทำไมอ่ะ ไม่เข้าใจเลย” ชานยอลเอียงคอถาม คือมันจะน่ารักกว่านี้ถ้าไอ้ตัวคนทำไม่ได้สูงเทียมเสาไฟฟ้าอย่างมัน

    ก็... เอาจริงๆเลยนะ หมอนั่นไม่ได้ชอบฉันเท่าไหร่หรอก แล้วก็ติดจะเป็นพวกมาโซคิสท์หน่อยๆ...” ซูจีเอียงคอเล็กๆแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นแตะแก้ม ซึ่งท่าทางแบบนั้นคงดูน่ารักชวนฟินตัวแตกในสายตาของไอ้สามอันธพาลที่อัดผมซะเละ เหอะ!

    ช่วยอธิบายตรงๆ เป็นภาษาคนแบบไม่อ้อมค้อมได้ป่ะซูจี” จงแดเอ่ยขึ้นตรงประเด็นสุดๆ ผมแอบเห็นยัยเอ๋อทำเสียงจึ๊กจั๊กพร้อมส่งสายตาประมาณว่า พวกนายนี่โง่จริง มาแทนคำด่า แล้วยัยนั่นก็ยอมเอ่ยปากเฉลยมาแต่โดยดี

    อาเทาชอบนาย ไม่ได้ชอบฉัน เท่านี้ชัดพอยัง!?”

    โครม!

    ผมหงายหลังลงไปกองกับพื้น จุกจนพูดไม่ออก แต่ก็ยังไม่เท่าความรู้สึกยี้ๆที่เล่นเอาขนแขนแสตนด์อัพเป็นแถบ อี๋! นี่ไอ้กังฟูแพนด้าขี้ตาเยิ้มนั่นเป็นเกย์เหรอเนี่ย! แล้วดันชอบใครไม่ชอบ มาชอบผมเนี่ยนะ!!! คนหล่อๆ อย่างบยอนแบคฮยอนเนี่ยนะครับ! โหย แค่คิดก็อยากจะขย้อนมื้อกลางวันที่กินมาออกใส่หน้ามันซะจริง แล้วนี่อะไร... เพื่อนๆผม แทนที่จะห่วงกัน พวกมันนั่งขำกันหน้าตาเฉย คยองซูยังไม่เว้นเลยอ่ะ งื้ออออ T__T เค้าน้อยใจแล้วนะ!

    ชานยอลน่าจะเป็นคนแรกที่รับรู้ได้ถึงสายตาพิฆาตของผม หมอนั่นยิ้มกว้าง ปาดน้ำตาจากการหัวเราะออกแล้วเอื้อมมือมาดึงผมให้กลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆเหมือนเดิม ยังไม่วายทำหน้าระรื่นกับยิ้มล้อๆส่งมาให้ มันน่าแกล้งนัก...

    เค้าไม่ชอบหรอกจื้อเทาน่ะ ก็เค้ามีชยอลจ๋าของเค้าอยู่แล้วทั้งคน~” จีบปากจีบคอพูดด้วยท่าทางแบ๊วๆเสร็จผมก็คว้าแขนเพื่อนซี้มาควง เอาแก้มถูไถเหมือนลูกแมว ไม่อยากจะคุย ตอนเด็กๆเนี่ยใช้มุกนี้อ้อนพี่คยูฮยอนเวลาอยากกินไอติมประจำ แล้วทุกครั้งพี่ชายก็แทบจะเหมาไอติมให้หมดตู้ - -+

    เบค่อนอย่ามาทำแอ๊บน่ารักใส่เค้าดิ เดี๋ยวเค้าก็หวั่นไหวขึ้นมาจริงๆหรอก~” ชานยอลแกล้งรับมุกด้วยท่าตุ๊ดแตกก่อนจะผลักผมออก แต่ผลักมาทีนี่เล่นเอาซะผมเกือบแทบคะมำลงไปจูบพื้นอีกรอบ เพื่อนๆในกลุ่มฮาครืนขึ้นมาจนกระทั่งจงแดเขวี้ยงโน๊ตเพลงที่ขยำเป็นก้อนกลมมาทางเรา

    หยุดเลยพวกแก ขนลุกว่ะ!”

    แต่ฉันว่าคู่จิ้นชานแบคก็ไม่เลวเหมือนกันนะ น่ารักดีออก” ซอลลี่มองผมพร้อมทำหน้าเพ้อฝันจนซูจีต้องเดินไปมะเหงกลงกลางหัวสาวช่างจิ้น

    พอเลย เลิกไร้สาระกันได้แล้ว นี่ต่อไปจะเอายังไงล่ะ? คงไม่ใช่เลิกล้มความตั้งใจไม่จีบพี่ซันนี่แล้วหรอกนะ?” ซูจีหันมาถามผม ทำไมต้องทำสีหน้าออกแนวสิ้นหวังขนาดนั้นด้วยเล่า ฮึ! รู้ทันนะ กลัวว่าถ้าผมแย่งพี่ซันนี่ไปไม่ได้แล้วตัวเองจะชวดพี่คยูฮยอนไปด้วยล่ะสิ ชิส์ ยัยแม่มด...

    วางใจได้ ยังไงฉันก็ไม่ล้มเลิกง่ายๆหรอก เพียงแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อดีน่ะ” ผมตอบแล้วก็ถอนหายใจพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เหลือบเห็นจากหางตาว่าเพื่อนๆได้แต่มองหน้ากันเหมือนจะกลุ้มกับผมไปด้วย เฮ้อ~ เจ็บตัวแถมยังเจ็บใจด้วยอ่ะ ต้องทำยังไงนะพี่ซันนี่ถึงจะหันมามอง

    ฉันว่านะ...” จงแดเกริ่นขึ้นมา แต่แค่สามพยางค์แรกของมันผมก็กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งกุมขมับ จิกตามองไอ้เพื่อนตัวดีอย่างคาดโทษ

    แกเงียบไปเลยจงแด ฉันไม่ฟังความเห็นอะไรของแกทั้งนั้นแล้ว ดูดิ๊เนี่ยว่าไอ้รอยจ้ำๆบนหน้าฉันมันได้มาจากไหน ขืนฟังแกอีกสักอย่างฉันลงไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่!” ผมชี้หน้าคาดโทษไอ้มือกลองตัวเตี้ยที่ทำหน้าเหรอหราเพราะเถียงไม่ทัน ยังไม่ได้อะไรทั้งสิ้นทั้งปวง ซอลลี่ก็ตบโต๊ะลุกพรวดขึ้นมายังกะโดนผีเข้า

    ใช่แล้ว! แบบนี้ต้องเวิร์คแน่ๆเลยแบคฮยอนนี่!”

    หา? อะไรเวิร์ค?” ผมหันไปถามแฟนคลับนับเบอร์วันของวงเราที่ยิ้มตาหยีอย่างน่ารัก

    ฉันดูซีรี่ย์บ่อยๆนะ พระเอกกับนางเอกจะชอบมีโมเมนต์หวานๆกันเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งป่วย คอยดูแลเทคแคร์ป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแล้วฟินสุดๆเลยอ้ะ >_<“ ซอลลี่บิดตัวไปมา หน้าแดงยังกับตัวเองเป็นนางเอกซีรี่ย์เรื่องที่ว่า... แต่แบบ... ใครก็ได้ ช่วยเอาชเวซอลลี่กลับโลกมนุษย์ที

    แต่ทั้งฉันทั้งพี่สาวก็แข็งแรงดีกันทั้งคู่นะ อยู่ดีๆจะไปสั่งให้ป่วยก็คงแบบว่าไม่ใช่อ่ะ =_=

    โง่หรือเปล่าเนี่ย? นายก็แกล้งป่วยสิ” เจอคำของคริสตัลเข้าไป จุกอักเลยครับ เออ เนอะ... ผมก็คิดเองไม่ได้ เรื่องแค่นี้

    อืม ฉันเห็นด้วยกับความคิดของซอลลี่นะ ลองคิดดูดิ นายจะได้ลองใจพี่ซันนี่ด้วยว่าเค้าเป็นห่วงนายมากแค่ไหน ห่วงมากก็แปลว่ารักมาก” ชานยอลพูดเสริมขึ้นมาจนผมคล้อยตามเลยฮะ โหย ลองนึกภาพดูดิ มีคนน่ารักๆอย่างพี่ซันนี่ตักข้าวต้มร้อนๆเสิร์ฟถึงปาก มีมือนุ่มนิ่มคอยเช็ดตัวให้ ถึงต้องเป็นไข้ตลอดชาติผมก็ยอมครับ!

    อาการป่วยทางใจที่ทำให้ผมเป็นเอามากขนาดนี้ มีแค่พี่ซันนี่เท่านั้นแหละที่จะรักษาได้!

    “นี่! อยู่นิ่งๆสิ!

    ซูจีเอ็ดผมที่ยืนยุกยิกๆอยู่ไม่สุข ฮื่อ~ ก็มันร้อนนี่นา นี่ผมก็อดทนที่สุดแล้วนะเนี่ย คิดดูว่าต้องมานั่งให้ยัยซื่อบื้อประคบถุงน้ำร้อนให้ตั้งนานเพียงเพราะต้องสวมบทคนป่วยไข้ขึ้น นอนซมเป็นหมาหงอยอยู่บนห้อง

    “อย่าเหงื่อไหลได้มั้ย เครื่องสำอางที่ลงไปมันเยิ้มหมด” ผมค้อนขวับกับคำบ่นของยัยเอ๋อ ดูพูดเข้า ใครมันจะไปห้ามไม่ให้เหงื่อไหลได้กันฟระ -*-

    “ลองมาเป็นฉันดูบ้างมั้ยล่ะ? โคตรจะร้อนเลย”

    ซูจีไม่ตอบอะไรนอกจากบึนปากใส่ ฮึ! น่ารักตายล่ะ แล้วยัยเอ๋อก็เอาแป้งมาตบๆให้ผมต่อ แถมยังลงคอนซีลเลอร์ที่ปากให้ดูซีดๆเหมือนคนจับไข้ด้วย

    “แล้วนี่เธอโทรตามพี่ซันนี่ยัง?” ผมถาม อย่าแปลกใจครับว่าทำไมซูจีถึงต้องเป็นคนโทรตาม เพราะวันนี้พี่คยูฮยอนพาคุณลุงกับคุณป้าไปเที่ยวซอกโซ อันที่จริงผมก็อยู่ในแพลนที่ต้องไปด้วยแหละ แต่ก็อ้างนู่นอ้างนี่ว่าต้องอยู่บ้านเพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง ที่ต้องเลือกวันที่ไม่มีใครอยู่บ้านก็เพราะซอลลี่ยืนกรานเสียงแข็งว่าการได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองจะทำให้โมเมนท์อะไรๆเกิดได้ง่ายขึ้น แถมพี่คยูฮยอนเองก็เป็นว่าที่หมอ ขืนไปแกล้งป่วยให้เห็นเนี่ย มีสิทธิ์ความแตกได้ง่ายๆเลยครับ

    “ฉันโทรไปบอกว่านายท่าทางเหมือนไม่สบาย แล้วก็ไม่กล้ารบกวนพี่คยูฮยอน พี่เค้าก็เลยบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะรีบมา”

    “แล้วเธอโทรไปบอกตอนกี่โมง?”

    “ก็... ครึ่งชั่วโมงที่แล้วพอดี”

    “เฮ้ย!! O_O” ผมร้องเสียงหลงพอดีกับที่ได้ยินเสียงเบรคดังเอี๊ยดตรงหน้าบ้าน พอแอบแหวกม่านหน้าต่างดูก็เห็นรถเต่ามินิสีเหลืองของพี่ซันนี่จอดอยู่ตรงนั้น แต่ ณ จุดๆนี้ ที่ๆผมอยู่คือห้องของซูจี บ้านของซูจี!

    ชิบสาปสูญแล้วไง!

    “นายออกไปเลย! ปีนออกไปทางระเบียงแล้วข้ามต้นไม้นั่นกลับไปห้องนายเลยเร็วๆเข้า! ไปสิ!” ซูจีรุนหลังผมให้รีบๆเดินไปทางหน้าต่าง แต่ยัยเอ๋อนี่ลืมอะไรไปอย่างรึเปล่า ผมกลัวความสูงนะ! T_T แล้วนี่มันก็ชั้นสอง จะให้ปีนข้ามห้องข้ามต้นไม้กระโดดเกาะหลังคากลับห้องตัวเองอย่างสไปเดอร์แมนน่ะมันไม่ง่ายนะเฟ้ย!!!

    “เร็วเข้าดิ! พี่ซันนี่เดินเข้าบ้านมานั่นแล้วเห็นมั้ย?” ซูจีเร่งยิกๆ ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปีนครับ ฮือ~ ชีวิตลำบากลำบนอีกแล้ว

    ผมก้าวขาพาดผ่านระเบียงห้องไป เห็นความสูงแล้วก็ใจหายวูบ มือไม้สั่นกึกๆ นี่มันเล่นจริงเจ็บจริงโนแสตนด์อินชัดๆ ระหว่างที่ผมกำลังเตรียมตัวเตรียมใจ จู่ๆยัยเอ๋อซูจีก็ก้าวข้ามระเบียงมายืนสั่นเป็นเพื่อนผมด้วย

    “เฮ้ย ทำอะไรของเธอน่ะ?” ผมถาม

    “ก็มาช่วยนายไงล่ะ ฉันรู้หรอกนะว่านายมันป๊อด! เร็วๆเข้า จับมือฉันไว้แล้วรีบๆปีนขึ้นต้นไม้ไปซะ ให้นายข้ามไปเองคนเดียวมีหวังหล่นลงไปนอนไส้แตกอยู่ข้างล่างนั่นแหละ” ถึงจะเจ็บใจจี๊ดตอนโดนด่าว่าป๊อดบวกกับแอบเคืองที่โดนแช่ง แต่ก็ขอมีโมเมนท์ซึ้งใจกับยัยเอ๋อนิดนึง ผมเอื้อมไปจับมือเล็กๆนั่นแล้วก็ทำใจกล้า โดดข้ามไปเกาะกิ่งไม้อันใหญ่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อย่างที่ซูจีบอกแหละ ถ้าไม่รู้สึกว่ามีมือยัยนี่คอยพยุงไว้ ผมคงกลัวจนไม่กล้าโดดจริงๆ ตอนนี้ผมไต่กระดึ๊บๆ ไม่ลืมยื่นมือไปช่วยซูจีที่ปีนตามขึ้นมาบนต้นไม้ด้วย แล้วก็คืบคลานไปทางระเบียงห้องตัวเอง หางตาเหลือบไปเห็นว่าพี่ซันนี่เปิดประตูบ้านเข้าไปข้างในแล้ว

    ทำไมตรูไม่ล็อคประตูหน้าบ้านฟระ! T__T โง่บัดซบจริงๆ!

    “เร็วเข้าๆ!” ซูจีเร่งผมยิกๆอีกแล้ว แต่มันไม่ใช่ว่าง่ายๆนะขอบอก ก็พื้นที่บนต้นไม้มันยืนไม่สะดวก แถมระยะห่างมันก็มากกว่าตะกี้นี้อีก แล้วข้างล่างนั่นยังมีรั้วบ้านของผมกับซูจีที่หนาปึ้ก เกิดหล่นลงไปกระแทกนี่ไม่ตับแตกก็ม้ามแตกกันล่ะครับ

    แต่ก็เอาวะ! มาถึงขั้นนี้แล้ว!

    ยัยเอ๋อถึงขั้นลงทุนใช้ไหล่ดันตัวผมเพื่อเพิ่มแรงส่งให้ แล้วผมก็กระโดดคว้าหมับที่ราวระเบียงห้องตัวเองได้พอดีเด๊ะ

    ไชโย! T__T รอดแล้วตรู  

    ผมก้าวข้ามระเบียงกลับไปยืนหายใจทั่วท้องได้อีกครั้ง ส่งยิ้มกว้างยกนิ้วโป้งให้ซูจี

    “ขอบใจนะ เอ๋อ!

    “รีบๆเข้าไปเลยไป แล้วก็ปัดเสื้อผ้านายซะด้วย! ใบไม้เต็มตัวไปหมด อ้อ! แล้วถ้าทำพังอีกคราวนี้ล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!” ซูจีแลบลิ้น ก่อนจะปีนต้นไม้อย่างทุลักทุเลกลับไปทางห้องของตัวเอง ยังไม่ทันที่ผมจะถามเลยว่ายัยนั่นจะปีนกลับห้องคนเดียวไหวรึเปล่า เสียงเคาะประตูรัวเร็วก็ดังขึ้นจนผมสะดุ้งโหยง

    “แบคฮยอน! แบคฮยอนอา ตอบพี่หน่อยสิ เป็นอะไรมากมั้ย?”

    ผมรีบปัดใบไม้ออกจากเสื้อแล้วกระโดดขึ้นไปนอนคลุมโปงอยู่บนเตียงของตัวเองอย่างแนบเนียน

    “แบคฮยอน! พี่จะเข้าไปแล้วนะ!” สิ้นเสียงหวานๆนั่นประตูก็เปิดผลั๊วะออกมาพอดีกับที่ผมสวมวิญญาณนักแสดง ทำตาปรือโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มเหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้ไม่มีผิด

    “พ...พี่ซันนี่” ผมพูดออกไป ทำเสียงแหบแห้งได้อย่างแนบเนียน เท่านั้นแหละ นางฟ้าของผมก็ปรี่เข้ามานั่งลงข้างๆ ดวงตาฉายแววเป็นห่วงไม่ปิดบัง มือเล็กๆรีบทาบลงมาบนหน้าผากเพื่อวัดไข้

    “ตายแล้ว ตัวร้อนมากเลย หน้าก็ซีด ไปโรงพยาบาลไหม?”

    “ม...ไม่ครับ เดี๋ยวนอนพักเฉยๆก็หาย พี่ไม่ต้องโทรบอกพี่ชายนะครับ เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกกันเปล่าๆ” ผมแกล้งตีหน้าเศร้าเป็นหมาเหงาถูกนายทิ้ง พี่สาวคนสวยของผมเห็นแล้วก็ลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู

    “แต่เราป่วยขนาดนี้ยังไงพี่ก็ต้องทำอะไรสักอย่างแหละ” คนน่ารักของผมพูดออกมา

    อยากต่อใจจะขาดเหลือเกินว่า พี่ก็ช่วยดูแลผมทีสิครับ!

    “ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ ก่อนมาพี่โทรตามเพื่อนที่เป็นหมอให้แล้วล่ะ โอ๊ะ! น่าจะมาพอดีเลย จริงๆด้วย เดี๋ยวพี่มานะ ^^” พี่ซันนี่ส่งยิ้มน่ารักให้ผมที่ช็อคค้างไปสามวิก่อนจะวิ่งตึงตังลงบันไดไป

    นี่มัน ว้อท-เดอะ-เอฟ อะไรกันฟะครับ! T__T

    บุรุษที่สามมาจากไหน ทำไมมันไม่เหมือนซีรี่ย์เกาหลีที่ชเวซอลลี่ติดนักติดหนาล่ะ!

    ยังไม่ทันจะได้คิดหาทางหนีทีไล่ต่อ เพื่อนพี่ซันนี่ที่เป็นหมอก็ก้าวเข้าห้องมา เห็นแค่ความสูงก็เริ่มไม่ถูกฉโลก พอเห็นหน้านี่ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ ไอ้หมอหัวทองหน้าเป๊ะแถมสูงชะลูดตูดปอดยิ่งกว่าปาร์คชานยอลนี่คืออะไร? แล้วไอ้ท่าทีสนิทสนมกับพี่ซันนี่นี่คือ?

    คนหล่อท้อแท้ T__T

    “นี่เหรอน้องชายพี่คยูฮยอน พี่ก็หล่อน้องก็น่ารักนะเนี่ย” ไอ้หมอหน้าคมนั่นยิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัย ทำเอาขนลุกวูบเลยแฮะ

    “แบคฮยอนจ๊ะ นี่หมอคริส เป็นเพื่อนของพี่กับพี่คยูฮยอนเอง เดี๋ยวพี่จะให้หมอดูอาการให้นะ เจ็บป่วยตรงไหนก็บอกหมอไปให้หมดเลย เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอข้างล่างนะ ^^

    ผมอ้าปากค้างทำตาโตมองพี่ซันนี่ที่ปิดประตูระเห็จตัวเองออกไปแล้วทิ้งให้ผมอยู่ตามลำพังกับไอ้หมอโย่ง หมดกัน! ความฝันที่จะได้เห็นพี่ซันนี่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำเป็นพยาบาลส่วนตัวให้ ชีวิตผมมันจะบัดซบไปถึงไหนวะครับ! T__T

    “ไหน ป่วยเป็นอะไรบ้างล่ะเรา ถอดเสื้อสิ หมอจะได้ตรวจง่ายๆ”

    “เอ่อ ผมแค่เป็นไข้ ทำไมต้องถอดเสื้อให้ตรวจด้วยอ่ะครับ?”

    “ไม่เกี่ยวกับการรักษาหรอก แต่ขาวๆ เอ๊าะๆ แบบนี้ หึ...หึ...หมอชอบ...”

    ....................................................................

    .................................................

    ......................................

    .......หมอ......ชอบ............ มัน...แปลว่าอะไรอ่ะครับ? คุณๆแปลได้อย่างที่ผมแปลมั้ย?.......

    “อ้าว เหม่ออะไรอยู่ล่ะ? เร็วเข้าสิ ฉีดยาเสร็จๆแล้วจะได้รีบกลับ... อ้าว เฮ้ย!!!

    ยังไม่ทันที่หมอจะพูดจบสติผมก็หลุดออกจากร่างไปเรียบร้อย โลกทั้งใบดับวูบ ทันทีที่สมองประมวลผลสรุปจากสิ่งที่ฟังออกมาได้

    หมอคริสเป็นเกย์สินะครับ

    งั้นงานนี้บยอนแบคฮยอนขอตาย!!! (แอ่ก =__=|||)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×