ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] Feminine Club : คลับลับฉบับสาวๆ!

    ลำดับตอนที่ #8 : Profile No. 7 & No. 8 : เจสสิก้า & ทิฟฟานี่ [Part 1]

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 54


    GUESTS INTRODUCTION
     Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
    Kyuhyun Super Junior  Hyunjoong SS501 Kibum Super Junior Henry Super Junior M
    Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
                     BoA                  Dana CSJH       Park Bom 2NE1    Soomi Co-Ed School


    Profile No.7 : เจสสิก้า

    Photobucket

    ตำแหน่งในคลับ : รองประธานคลับ
    อายุ : 17 ปี (ม.ปลาย ปี 2)
    โรงเรียน : Korean Kent High school
    ชื่อเล่น : สิก้า


    Profile No.8 : ทิฟฟานี่

     Photobucket

    อายุ : 17 ปี (ม.ปลาย ปี 2)
    ตำแหน่งในคลับ : สมาชิกคลับ
    โรงเรียน : Korean Kent High school
    ชื่อเล่น : ฟานี่


                    “...สิก้า สิก้า เจสสิก้า!

                    “หา? หา อะไรเหรอ?” ฉันหันไปมองหน้าฟานี่ เพื่อนสนิทของฉันที่กำลังนั่งเท้าคางหัวเราะอยู่ข้างๆ

                    “ชักจะเป็นเอามากแล้วนะเธอ” แต่เสียงบ่นกลับมาจากธันเดอร์... ปาร์คซังฮยอน รุ่นน้องโรงเรียนเดียวกับพวกเรา “ไอ้วงปรินซ์เนี่ยมันมีดีอะไรนักหนา คนที่ชื่อคยูฮยอนน่ะหล่อสู้ฉันไม่ได้เลยสักนิด”

                    “นายน่ะไม่ได้ขี้เล็บของพี่คยูฮยอนฉันเลย” ฉันดึงหูฟังไอพอดออกก่อนจะแลบลิ้นใส่หมอนั่น ฮึ กล้าดียังไงมาว่าพี่คยูฮยอนของฉันนะ

                    ยังไม่ทันที่หมอนั่นจะได้ว่าอะไรต่อ เสียงริงโทนเพลงวงปรินซ์ก็ดังขึ้น- -มือถือฉันเองแหละค่ะ ฟานี่แอบชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วยว่าใครโทรมา พี่โบอานี่นา...

                    “หวัดดีค่ะพี่”

                    “อื้อ เจสสิก้า ฉันมีงานด่วนให้เธอกับทิฟฟานี่ล่ะ” เสียงของพี่โบอาดังขึ้นมา ดูเหมือนที่ที่พี่เค้าโทรมาจะวุ่นวายมากๆเลยค่ะ

                    “คือพอดีตอนนี้พี่มีงานน่ะ แล้วแดนเซอร์ของพี่เจอไฟลท์ดีเลย์ บินมาจากญี่ปุ่นไม่ทัน ยังไงเธอกับฟานี่ช่วยมาด่วนเลยนะ”

                “ได้ค่ะ พวกเราจะรีบไป” ฉันตอบรับแล้วจดชื่อสถานที่ไว้อย่างรวดเร็ว

                    “นี่ ธันเดอร์ ช่วงบ่ายฉันกับฟานี่จะไม่อยู่นะ ฝากบอกจีอากับริโกะให้เลคเชอร์เผื่อด้วย” ฉันหันไปสั่งงานกับเจ้าเด็กตัวแสบที่เท้าคางมองพวกเราจากพนักเก้าอี้โรงอาหาร

                    “งานคลับอีกแล้วล่ะสิ ใช้งานกันแบบนี้ ปีหน้าพวกเธอได้มาเรียนกับฉันแน่” ธันเดอร์เป็นบุคคลพิเศษที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเอฟคลับได้เพราะว่าพี่สาวของหมอนี่คือซานดารา ปาร์ค อดีตประธานของเอฟคลับที่เดบิวท์ไปเมื่อหลายปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรุ่นบุกเบิกเลยล่ะค่ะ

                    “ฝันไปเถอะย่ะ แล้วพวกฉันน่ะ แก่กว่านายนะ! หัดพูดจาให้มันดีๆหน่อย ไม่งั้นฉันจะไปฟ้องพี่ดาราให้มาจัดการ” ฟานี่ดุซังฮยอน แต่เจ้าเด็กนั่นกลับแลบลิ้นแล้ววิ่งหนีหายไปเลยล่ะค่ะ

                    ให้มันได้ยังงี้สิน่า...

     

     

                “ขอโทษนะที่พี่ต้องให้โดดเรียนมา” พี่โบอาโอบไหล่พวกเราอย่างเอ็นดู

                    “ช่วยไม่ได้นี่คะ จะปล่อยให้เจ้าหญิงขึ้นเวทีโดยไม่มีแดนเซอร์ได้ยังไงกัน” ฟานี่เข้าไปกอดพี่โบอาอย่างสนิทสนม ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องแต่งตัวหลังเวทีของอีเวนท์งานหนึ่งค่ะ ที่พวกเราต้องโดดเรียนมางานนี้ก็เพราะว่าแดนเซอร์ของพี่โบอาที่กำลังเดินทางมาจากญี่ปุ่นเกิดไฟลท์ดีเลย์ ทำให้มาขึ้นแสดงไม่ทัน พวกเราที่เต้นเพลงของพี่โบอาได้ทุกเพลงอยู่แล้วก็เลยต้องมาเป็นทัพเสริมค่ะ

                    “ว่าแต่แบ๊คอัพแดนเซอร์แค่สองคนนี่ไม่ดูตลกไปหน่อยเหรอคะ?” ฉันหันไปถามผู้ก่อตั้งคลับที่กำลังสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองอยู่หน้ากระจก

                    “เด็กๆคนอื่นคงโดดเรียนมาไม่ได้ง่ายๆเหมือนอย่างโรงเรียนพวกเราหรอกมั้ง พี่คุยกับพีดีแล้วว่าจะเปลี่ยนไปขอร้องเพลงช้าเต็มๆเพลงแทนน่ะ เพราะงั้นแค่เพลงสั้นๆ สองคนก็โอเคแล้ว” นอกจากจะเป็นรุ่นพี่ในคลับแล้ว พี่โบอายังเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกับเราอีกด้วยค่ะ เห็นยังงี้ก็เถอะนะ พี่โบอาพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น แล้วถ้าหัดเรียนภาษาอื่นๆก็คงจะพูดได้มากกว่านี้อีกน่ะแหละ

                    “ตื่นเต้นจัง ไม่ได้ขึ้นเวทีกับพี่โบอามานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ฉันเต้นไม่เก่งซะด้วย” ทิฟฟานี่ทำตัวลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข ก่อนจะหันไปซ้อมสเตปกับหน้ากระจกเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง จะว่าไปฉันก็ชักหวั่นๆเหมือนกันแฮะ ขอเวลาไปสงบสติอารมณ์หน่อยดีกว่า

                    “ฟานี่ ฉันไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา” ฉันหันไปกระซิบกับทิฟฟานี่ขณะที่พี่โบอากำลังโดนพวกช่างแต่งหน้ารุมอยู่ ฉันหลบพวกพี่ๆทีมงานแล้วก็เปิดประตูห้องซ้อมออกไป

                    โครม!

                    บานประตูแทกอะไรสักอย่างเข้าจังๆ ตามมาด้วยเสียงร้องของผู้เคราะห์ร้าย... ซวยแล้วมั้ยล่ะ สิก้าเอ๊ย ซุ่มซ่ามได้เรื่องจริงๆ

                    “ขอโทษนะคะ เป็นอะไรม- -

                   

     

                เสียงหวานๆของคนไม่ดูตาม้าตาเรือดังขึ้น ฮึ่ย -*- เสื้อเปื้อนหมดแล้ว

                    “นี่คุณ คุณใช้มือหรือใช้เท้าเปิดประตูกันแน่เนี่ย ดูดิ๊ ชุดแสดงผมเปื้อนหมดแล้ว” ผมยื่นแก้วกาแฟว่างเปล่าให้เธอดูเป็นหลักฐาน ดีนะว่านี่เป็นกาแฟเย็น ไม่ใช่กาแฟร้อน แต่ถึงงั้นก็เหอะ สูทสีน้ำตาลอ่อนที่ผมใส่มันก็เปื้อนรอยกาแฟไปเรียบร้อยแล้ว

                    “เฮ้ย คยูฮยอน แกไปดุเค้าทำไม แกเองก็เดินไม่มองประตูเหมือนกันนั่นแหละ” พี่ฮยอนจุงตบหัวผมหนึ่งทีก่อนจะหันไปยิ้มหวานสร้างภาพพจน์ไอดอลที่ดีให้กับยัยเด็กซุ่มซ่ามที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆ คงจะรู้สึกผิดนั่นแหละ แต่คนเราเวลารู้สึกผิดนี่ต้องหูแดงกันด้วยเหรอ?

                    “คุณเป็นแดนซ์เซอร์ใหม่ของพี่โบอาเหรอครับ? ยินดีที่ได้รู้จักนะ ^^” คิบอมก็ทำตัวมารยาทดีกับเค้าอีกคน สรุปผมกลายเป็นไอดอลจอมเหวี่ยงแล้วสินะ เฮอะ! มักเน่ออนท็อป ไม่ผิดทุกสถานการณ์เฟ่ย

                    “ดีแล้ว จะได้ไปบอกให้พี่โบอาอบรมเด็กใหม่ให้ดีๆหน่อย เกิดขึ้นไปเต้นๆแล้วสะดุดล้มกลางเวทีคงอายเค้าตาย”

                    “ขอโทษค่ะ...” ยัยนั่นพูดงุบงิบ แล้วก็ฝ่ากลางวงล้อมของพวกเราวิ่งหนีไปเฉยเลย คนอะไร ไม่คิดจะรับผิดชอบกันเลยใช่มั้ย -*-

                    “อ้าว หนุ่มๆ ยังไม่ขึ้นเวทีกันอีกเหรอ?” น้ำเสียงร่าเริงของพี่โบอาดังขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโถมเข้ามากอดคอผมกับคิบอมทั้งๆที่ตัวก็เตี้ยเป็นทุนอยู่แล้ว ยังจะมาโหนคนสูงให้เตี้ยตามกันไปรึยังไง =_=

                    “ไม่ต้องมามองยังงั้นเลยนะยะ แอบด่าฉันในใจล่ะสิ” พี่โบอาที่รู้ทันขยี้หัวผมเบาๆ

                    “พี่มาก็ดีเลย ดูแดนซ์เซอร์ใหม่พี่ดิ เปิดประตูมาชนทำกาแฟหกรดผมน่ะ -*-

                    “จะโวยวายไปทำไมวะ เปลี่ยนเสื้อใหม่ก็สิ้นเรื่อง” ก็พี่ไม่ได้เป็นคนโดนนี่ฟะครับพี่ฮยองจุน

                    “เออ โทษทีๆ แสดงเสร็จแล้วเอามาละกัน พี่จะไปซักให้... ว่าแต่ เด็กคนนั้นไม่ใช่แดนซ์เซอร์หรอกนะ เป็นรุ่นน้องพี่เองแหละ”

                    “รุ่นน้อง? งั้นก็หมายความว่า?” คิบอมเลิกคิ้ว

                    “เอฟคลับ ตัวจริงเลย ^^

                    เฮอะ! เอฟคลับที่โด่งดังน่ะนะ ที่ว่ากันว่ามีแต่นางฟ้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กโก๊ะๆแบบนี้จะเป็นสมาชิกเอฟคลับ ดูไกลแววเป็นดาราเยอะเลย

                    “พี่จะแนะนำให้รู้จักนะ นี่! ฟานี่!” พี่บอาตะโกนเรียกสาวน้อยคนนึงที่ยืนหันหลังซ้อมท่าอยู่ เธอหันกลับมาพร้อมตายิ้มสุดแสนน่ารักก่อนจะทำหน้าเหวอไปเมื่อเห็นพวกเรา

                    “อะไร ถึงกับตกใจเลยเหรอ ฟานี่? นี่วงปรินซ์ ฮยองจุน คิบอม แล้วก็คยูฮยอน ส่วนนี่ก็ทิฟฟานี่ สมาชิกเอฟคลับรุ่นปัจจุบัน อีกคนนึงชื่อเจสสิก้า พวกนายคงเห็นแล้วล่ะ”

                    “หวัดดีครับ ^^” คิบอมยิ้มตาตี่ส่งให้น้องทิฟฟานี่ที่ทำตาโตอย่างตกใจ ก่อนจะหันไปถามโบอา

                    “บอกเค้าแบบนี้จะดีเหรอคะพี่?”

                    “ตอนเธอเดบิวท์เด็กๆพวกนี้ก็ต้องเป็นรุ่นพี่เธออยู่ดี แนะนำไว้ มีอะไรจะได้ช่วยกันได้ไง”

                    “นี่น้อยๆหน่อย ใครเป็นเด็ก? ฉันเกิดก่อนเธอนะ” พี่ฮยอนจุงหัวหน้าวงของเราขยี้ผมพี่โบอาด้วยความหมั่นไส้

                    “ปีเดียวกันไม่นับย่ะ อีกอย่างฉันเดบิวท์ก่อนนาย ถือว่าแก่ประสบการณ์” พี่โบอาก็ตอกกลับเล่นเอาพี่ฮยอนจุงหมั่นเขี้ยวทำท่าเหมือนอยากจับเอเชียสตาร์ตัวเล็กมาฟัดสักรอบ ให้ตายเถอะ คู่นี้เรียลรึเปล่านะ = = มิน่าล่ะนักข่าวถึงได้ตามชงกันใหญ่

                    “คุญโบอาแสตนด์บายได้แล้วค่ะ” สตาฟฟ์ของงานเรียกขึ้นมา พี่โบอาโบกมือลาพวกผมก่อนจะจูงมือรุ่นน้องไปเตรียมความพร้อมหลังเวที

                    “ไปดูการแสดงข้างหน้ากันเถอะ” พี่ฮยองจุนชวน ทั้งๆที่ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากจะดูโชว์ของพี่โบอา ผมเลยแอบปลีกตัวไปเปลี่ยนเสื้อที่เปื้อนก่อนแล้วรีบจ้ำอ้าวไปสมทบกับทั้งสองคน ขอบอกก่อนนะว่าที่วันนี้เรามีสิทธิ์ได้ออกมาเดินร่อนอยู่ข้างนอกเนี่ย เพราะเป็นงานมีทติ้งภายในของบริษัทกับค่ายเพลงหุ้นส่วนที่ญี่ปุ่นและอเมริกาครับ งานนี้เนี่ยถือเป็นงานภายในที่สำคัญทีเดียว เพราะผู้บริหารระดับสูงๆจะมาประเมินศักยภาพการทำงานของค่ายเรา รวมทั้งเล็งหานักร้องนักแสดงที่มีแววไปเปิดตลาดที่ประเทศตัวเองด้วย เพราะงั้น ถึงแม้ตัวเองจะไม่มีโชว์และไม่ได้รับเชิญ แต่ดาราทั้งหลายในค่ายก็จะมาเดินโฉบไปโฉบมาหาโอกาสให้ตัวเองเป็นปกติครับ

                    พวกผมเดินทักทายสตาฟฟ์ญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะของเราที่ทางค่ายจัดไว้ให้ก่อนที่การแสดงจะเริ่ม

                    แสงไฟหรี่ลงพร้อมกับที่เสียงปรบมือดังกระหึ่ม แล้วร่างของผู้หญิงสามคนก็ปรากฏขึ้นบนเวที

                    “Please welcome our Asia star… Kwon BoA!” ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศ บีทหนักๆของดนตรีก็ดังขึ้น เริ่มด้วยเพลงป๊อปสุดฮิตของเธออย่าง Sweet Impact แล้วเมดเลย์ต่อด้วย เพลง Key of heart เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เหมือนจะเปลี่ยนลิสต์โชว์กะทันหันแฮะ แต่ว่าก็พี่โบอาก็เจ๋งตลอดกาลอยู่แล้ว สิ่งที่ผมสนใจก็คือสองสาวแดนซ์เซอร์สมาชิกเอฟคลับนั่นต่างหาก คนที่ชื่อทิฟฟานี่ดูเหมือนไลน์เต้นจะไม่คมเท่าไหร่ แต่เวลาเธอยิ้มทีเนี่ย เหมือนสปอตไลท์สิบดวงส่องลงมาที่เธอเลย เล่นเอาลีดเดอร์พี่ฮยองจุนนั่งอ้าปากค้างทีเดียว

                    ส่วนอีกคน...คนที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นยัยซุ่มซ่ามเจสสิก้าที่ชนผมจนกาแฟหกรดเสื้อ น่าแปลก... ทุกๆการเคลื่อนไหวของเธอแทบจะสะกดลมหายใจผม สายตาคมกริบที่เธอใช้กับเพลง Sweet Impact ทำให้ท่าเต้นแนวสปอร์ตกลายเป็นแนวเซ็กซี่ไปถนัด และพอเธอยิ้มในอีกเพลง ทำไมนะ... ทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นประหลาดๆ

                    “Thank you... อาริกาโตะ โกไซมัสชิตะ โบอาเดส!” พี่โบอาพูดอังกฤษผสมญี่ปุ่นแล้วโค้งลงพร้อมแดนเซอร์สองคนหลังโชว์จบ เธอเดินไปโอบตัวสองสาวไว้ไม่ให้เดินลงเวทีไปก่อน

                    “Today I have to thanks for my junoirs, Jessica and Tiffany, who come as special guests for my show…”

                    “ฮึ้ย! ยัยเตี้ยพูดซะเร็วเชียว คิบอมแปลซิ -*-“ พี่ฮยอนจุงหันมาหาคิบอมที่ได้หน้าที่ใหม่ กลายเป็นล่ามแปลภาษาโดยอัตโนมัติ

                    “พี่โบอาบอกว่าขอขอบคุณรุ่นน้องสองคน เจสสิก้ากับทิฟฟานี่ ที่มาเป็นแขกรับเชิญให้การแสดงของพี่เค้าวันนี้”

                    “วันหลังก็บอกให้พี่เค้าพูดญี่ปุ่นซะสิ จะได้ไม่ต้องให้คิบอมนั่งแปล” ผมเสนอ

                    “ฉันก็ต้องซวยเป็นล่ามแปลให้แกสองคนแทนน่ะสิ ยิ่งโง่ๆเรื่องภาษาอยู่ไม่ใช่เหรอ ไอ้น้องเล็ก” เออแฮะ = = จะภาษาไหนหูผมก็ไม่กระดิกทั้งนั้นแหละ แต่คนหล่อย่อมไม่ผิด ชะละล่า!

                    “...And these girls are not just good with dancing, they are also have beautiful voices”

                    “เด็กสองคนนี้ไม่ใช่แค่เต้นเก่งอย่างเดียว แต่พวกเธอยังร้องเพลงเพราะด้วย” คิบอมแปลให้ทันทีอย่างรู้หน้าที่

                    “And I’ll give the last performance to them with this song… Garden in the air”

                    “และฉันจะขอมอบโชว์สุดท้ายให้กับพวกเธอด้วยเพลง Garden in the air…”              เห? ผมฟังผิดหรือคิบอมแปลผิด = = พี่โบอาจะให้เด็กสองคนนั้นร้องเพลง! ต่อหน้า CEO ค่ายเพลงต่างประเทศนี่นะ!!!

                    ผมหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมวงอีกสองคนที่เหลือและรู้ว่าสองคนนั้นคิดไม่ต่างกัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็เงียบ เหมือนว่าสองสาวนั่นไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้า แต่ในเมื่อพี่โบอาพูดไปแล้วพวกเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเล่นไปตามน้ำเท่านั้น เสียงทำนองดนตรีดังขึ้น สปอตไลท์ฉายไปที่พวกเธอ ทิฟฟานี่ดูจะมีแววมั่นใจขึ้นมาทันที ตายิ้มคู่นั้นแทบจะทำให้หนุ่มๆ ทุกคนละลายไปกองกับพื้น แล้วเสียงหวานๆของใครบางคนก็ดังขึ้น

     

    아직 넌 헤매고 있어 아마도 외로웠던 거야

    เธอยังคงเดินเล่นคนเดียวอยู่หรือเปล่า เธออาจจะเหงาก็ได้นะ

    밤하늘 가득 멀게만 보였던 곳을 너무 원했나봐

    ฉันอยากจะหาที่สักที่ ที่มองแล้วท้องฟ้าดูไกลออกไปสุดสายตา

     

    시간이 지나갈수록  내가 널 닮아 갈수록

    ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นทุกที

    난 그대 슬픈 눈빛을 보네

    ฉันเห็นแววตาเศร้าหมองของเธอ

     

    Don't know why you treat me so bad

    ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ใจร้ายกับฉันนัก

    That's what I need to know

    นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะรู้

    모두 사라져 버린 건 아니잖아

    ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่ได้จางหายไป

     

     

    이젠 This time is real, No one can deny

    ตอนนี้มันคือความจริง ไม่มีใครปฏิเสธได้

    세상 가운데 살아 숨쉬는 곳

    บนโลกใบนี้ยังมีที่ให้เธอหายใจเต็มปอดได้

    꿈꿔왔다면 내가 주게 해줘

    ที่ที่เธอเฝ้าฝันถึงนั้น ให้ฉันพาเธอไปได้ไหม

    그리워하던 모습 그대로...

    อย่างที่ฉันหวังเอาไว้มาแสนนาน...

     

                    โชว์ของสองสาวจบแล้ว เสียงปรบมือดังกึกก้องพร้อมกับเจ้าตัวที่พูดคำขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆแล้ววิ่งหายเข้าหลังเวทีไป

                    ...พี่โบอาพูดถูก... พวกเธอไม่ได้แค่เต้นเก่ง แต่พวกเธอร้องเพลงเพราะมาก...

                    โดยเฉพาะเจสสิก้า...

     

     

                “พี่คะ พี่เกือบจะฆ่าพวกเราแล้วรู้มั้ย!” สิก้าวีนใส่พี่โบอาทันทีที่ลงมาจากเวที ในขณะที่คนต้นคิดนั่งเอานิ้วอุดหูทำท่าเหมือนกลัวภูเขาน้ำแข็งจะระเบิด เหอะ...

                    “แหม... พวกเธอมาทั้งทีก็อยากให้โชว์บ้างอะไรบ้างนี่นา > <

                    “ไม่ต้องมาแก้ตัวค่ะ ผลักดันน้องมันก็ดี แต่ผลักมากๆไปเดี๋ยวน้องตกเหวนะคะ = =” ฉันทำหน้าบูดใส่พี่โบอาที่ทำท่าดี๊ด๊าซะยิ่งว่าซิงเกิ้ลตัวเองติดท็อปชาร์ตโอริกอน

                    “จะยังไงก็ตาม พวกเธอก็ทำได้ดีออก ไปเร็วเด็กๆ พี่มีงานต่อ พวกเธอไปล้างหน้าเปลี่ยนชุดกลับโรงเรียนไปซะ”

                    “ชิ ใช้งานเสร็จก็ไล่เชียว” สิก้าทำสายตาพิฆาตให้พี่โบอาที่หันกลับไปเติมหน้าต่ออย่างอารมณ์ดี เราสองคนมองหน้ากันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับความเอาแต่ใจของรุ่นพี่ ก่อนจะก็ไปหยิบกระเป๋าตั้งใจจะไปเปลียนเสื้อผ้า

                    “หิวน้ำอ่ะฟานี่ ขอฉันไปซื้อน้ำแปบนะ เธอไปห้องเปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วกัน” สิก้าบอกฉันที่พยักหน้ารับ แล้วฉันก็จ้ำอ้าวไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อคนเดียว พอการแสดงเริ่มแล้วหลังเวทีเลยไม่ค่อยมีคนอยู่เท่าไหร่เลยแฮะ ฉันเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อที่มีม่านกั้นแยกเป็นห้องเล็ก ฉันตัดสินใจเข้าห้องที่อยู่ตรงกลาง แล้วโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวพร้อมยกมือขึ้นปิดปากฉันทันที

                    “พี่เอง” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ฉันคลายความกลัวได้ในทันที ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกที่ตามฉันเข้ามาตะกี้...

                    คิมฮยองจุนแห่งวงปรินซ์...

                    ...แฟนของฉันเองค่ะ

                    ...เอ่อ อ่านไม่ผิดหรอก แฟน ถูกแล้วล่ะคะ

                    “ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่?” เปิดมาก็เจอคำถามตอบยากเลยแฮะ = =

                    “พี่ก็น่าจะรู้เหตุผลจากพี่โบอาแล้วนี่คะ”

                    “พี่หมายถึง ทำไมเธอไม่เคยบอกพี่ว่าเธอเป็นเอฟคลับ?”

                    “พี่ก็ไม่เคยบอกฉันเหมือนกันว่าพี่สนิทกับพี่โบอา” ฉันสวนกลับไปทันที ชิ! แค่คิดก็หมั่นไส้แล้ว

                    “ทิฟฟานี่” พี่ฮยอนจุงจับไหล่ฉันไว้ให้หันมาสบตากับเขา “เธอหึงพี่เหรอ?”

                    “จะบ้าเหรอ! พี่นี่!” ฉันตีเขาไปแรงๆ แต่พี่ฮยอนจุงกลับหัวเราะก่อนจะดึงตัวฉันเข้ามากอดแล้วโอ๋เหมือนเด็กๆ

                    “พี่รักทิฟฟานี่คนเดียว รู้ไหม? วันนี้แฟนของพี่เต้นเก่งมาก ร้องเพลงเพราะมาก จนพี่หลงไปหมดแล้ว”

                    “ชิ! มาทำปากหวาน” ฉันแกล้งทำน้ำเสียงไม่พอใจ แต่จริงๆแล้วไม่อยากจะบอกว่าดีใจจนกระโดดตีลังกาได้สักสามรอบกว่าเลยล่ะ

                    “ไว้เราไปเดทกันนะ พี่คิดถึงเธอ”

                    “รู้แล้วล่ะค่ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า” ฉันผลักพี่ฮยอนจุงที่เริ่มเบะปากเหมือนเด็กๆ ฮึ้ย! คนอะไรน่ารักชะมัดยาดเลย > <

    ในที่สุดเขาก็ยอมออกไปจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ยังไม่วายหันมาสัญญากับฉันว่าเขาจะโทรหา

                    ฉันมองประตูที่ปิดตามหลังไปแล้วถอนหายใจเบาๆ

                    ทุกครั้งที่พี่สัญญาอะไรไว้มันไม่เคยเป็นความจริงเลย...

     

     

                จริงๆแล้วมันเป็นข้ออ้าง...

                    ฉันแค่หาเรื่องปลีกตัวออกมาแค่เพราะอยากจะเห็นหน้าเขาอีกสักแวบก็ยังดี... พี่คยูฮยอน

                    ไม่รู้เขาโกรธรึเปล่าที่ฉันดันซุ่มซ่ามทำกาแฟหกรดเขาซะเลอะเทอะแบบนั้น แต่ว่าตอนที่อยู่บนเวทีฉันเห็นเขามองพวกเรา... เขามองฉันหรือฟานี่นะ? ฉันตื่นเต้นจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องอะไรเพี้ยนไปบ้าง

                    แค่ได้ร้องเพลงต่อหน้าโจคยูฮยอน เจสสิก้า จองคนนี้ก็ตายตาหลับแล้วค่ะ T^T

                    เหมือนว่าหนุ่มๆวงปรินซ์มีคิวต้องแสดงต่อ พวกเขาเลยเดินกลับออกมาจากโซนงานเลี้ยงแล้ว นั่นเป็นโชคดีของฉันเลยล่ะ เพราะตอนนี้พี่คยูฮยอนกำลังหลบไปทำสมาธิเงียบๆคนเดียวอย่างที่เขาต้องทำทุกครั้งก่อนขึ้นแสดง ฉันรู้...รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาเท่าที่อินเตอร์เน็ตและรายการวาไรตี้ต่างๆจะบอกได้ เขาชอบเล่นเกม ชอบถ่ายรูป ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว บางครั้งก็โลกส่วนตัวสูง แต่ก็ขี้แกล้ง พูดมากกับคนที่สนิท แถมยังปากจัดด้วย มีเพื่อนๆในวงการเยอะ เคยเป็นกัปตันทีมบาสชาย เรียนเก่งขนาดสอบติดคณิตศาสตร์โอลิมปิก เขาเล่นดนตรีอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่ถ้าได้ร้องเพลงขึ้นมาสักคำ ใครๆก็ต้องหลงรัก เขาแต่งเพลงได้ แต่ก็เลือกที่จะมาเป็นนักร้อง และฉันเองก็เลือกที่จะมาเป็นนักร้องเพราะเขาเช่นกัน

                    “มาทำสมาธิอีกแล้วล่ะสิ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาในทิศตรงกันข้ามกับที่ฉันแอบยืนอยู่... ปาร์คบอม นักร้องชื่อดังเดินเข้ามา จำได้ว่าพี่คยูฮยอนเคยมีข่าวกับปาร์คบอมนี่นา แต่ว่า...พี่คยูฮยอนเด็กกว่าพี่เค้าตั้งหลายปีไม่ใช่เหรอ

                    “ลมอะไรหอบมาถึงนี่ครับคนสวย ^^

                    “ปากหวานจัง ทำไมพักนี้ไม่ค่อยโทรหาพี่เลย?” ปาร์คบอมเดินเข้ามาลูบใบหน้าของพี่คยูฮยอนที่ยืนพิงกำแพงอยู่ ดูเหมือนเขาไม่ได้รังเกียจเธอสักนิดทั้งๆที่ตัวเองเคยเอ่ยปากบอกว่าไม่ชอบสกินชิพกับผู้หญิง

                    “ทำไมครับ? คิดถึงเหรอ สรุปว่าพี่หลงรักผมแล้วใช่มั้ยล่ะ พิจารณาข้อเสนอผมใหม่ตอนนี้ยังทันนะ ^^

                    ปาร์คบอมยิ้มขึ้นนิดๆ ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือพี่คยูฮยอนไว้หลวมๆ “เธอก็รู้... ว่าพี่ไม่อยากคบกับผู้ชายเด็กกว่า ไว้โตกว่านี้อีกนิดพี่จะรับพิจารณาใหม่นะ”

                    “ขี้โกงนี่นา” พี่คยูฮยอนบ่นเบาๆพร้อมเสียงหัวเราะ ขณะที่ปาร์คบอมเดินจากไป

                    ฉันเอนพิงกับกำแพง ขาหมดแรงเอาดื้อๆ... เขาเคยบอกเองนี่ว่าไม่ชอบผู้หญิงอายุมากกว่า เคยบอกว่าไม่มีอะไรกับปาร์คบอม... แล้วทำไม?... เขาเคยบอกด้วยซ้ำว่าเกลียดการโกหก แต่วันนี้เขากลับทำซะเอง โกหกอย่างไม่น่าให้อภัยที่สุด

                    จะเหลืออะไรให้ฉันเชื่อได้บ้างจากผู้ชายจอมหลอกลวงคนนี้...

     

     

                “เอ่อ... วันนี้พี่เจสสิก้าเป็นอะไรเหรอคะ?” ฉันหันไปถามพี่ๆทุกคนที่ยืนซุ่มดูสถานการณ์ความเหวี่ยงของพี่เจสสิก้าอยู่ตรงหน้าบ้าน ขณะที่พี่สิก้านั่งอึมครึมอยู่บนโซฟา

                    “พี่สิก้าคิดว่าพี่คยูฮยอนเป็นแตงกวาล่ะ” พี่ยุนอาหันมาพูดโดยไม่มองหน้าฉัน

                    “หมายความว่าไงคะ?” ฉันหันไปถามพี่ซันนี่ที่เอานิ้วแตะปากแล้วชี้ไปทางพี่สิก้าที่ครองห้องนั่งเล่นอยู่คนเดียว ฉันหันไปมองตามแล้วก็เห็นพี่สิก้าเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่รายการเพลง โอ๊ะ วงปรินซ์กำลังขึ้นแสดงอยู่พอดีเลย แต่แทนที่พี่สิก้าจะกรี๊ดกร๊าดอารมณ์ดีเหมือนปกติ พี่เค้ากลับทำหน้าบูดแล้วเขวี้ยงหมอนใส่ทีวีซะยังงั้น ก่อนจะหยิบรีโมทมากดปิดทีวีทันที

                    “ฟานี่ อาการนี้เรียกว่าอะไร?” พี่แทยอนหันไปถาม

                    “I really have no idea”

                    “ก็ได้ข่าวว่าไปเจอวงปรินซ์มาเมื่อวาน แล้วทำไมสิก้าเป็นยังงี้ล่ะ?” พี่ซูยองช่วยยิงคำถามอีกคน

                    “โห นี่ยังน้อยนะเธอไม่เห็นสภาพสิก้าเมื่อวาน คริสตัลโทรมาเล่าให้ฉันกับแอมเบอร์ฟังว่าสิก้าฉีกโปสเตอร์วงปรินซ์ออกหมดเลย แถมพวกซีดีของสะสมก็เก็บลงลังทำท่าจะเผาทิ้ง ดีว่าคริสตัลห้ามไว้ทัน”     คริสตัลที่พี่ฟานี่พูดถึงคือน้องสาวแท้ๆของพี่เจสสิก้าค่ะ ส่วนแอมเบอร์ก็เป็นรูมเมทที่อยู่ห้องเดียวกับพี่ทิฟฟานี่ที่หอพักของโรงเรียนนานาชาติ

                    “ประหลาดจริงๆด้วยแฮะ...” พี่ยูริลูบคางทำท่าคิด ในขณะที่พี่ฮโยยอนตีหน้ายุ่ง

                    ~ติดตีดี ติ๊ดตี่ ตี่~

                    เสียงโทรศัพท์ของพี่ซันนี่ดังขึ้นมาเล่นเอาพวกเราทุกคนสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองบนหน้าจอ ชื่อคนโทรเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน ท่านประธานตลอดกาลของเรา พี่โบอานี่เองค่ะ

                    “ว่าไงสาวๆ” แต่ว่าเสียงทักทายกลับดังขึ้นจากประตูด้านหลังพวกเราก่อนที่พี่โบอาจะหิ้วกล่องเค้กเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วก็ต้องทำหน้างงเมื่อพวกเรายืนกระจุกกันอยู่ตรงหน้าห้องนั่งเล่น

                    “ทำไมพวกเธอมายืนอัดกันอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย มีอะไรหรือไง?”

                    “น้องสาวคนเก่งของพี่แหละค่ะ เป็นอะไรก็ไม่รู้” พี่ฮโยยอนรีบฟ้องทันทีแล้วพี่โบอาก็เข้ามาร่วมด้วยช่วยมุงกับพวกเราอีกแรง

                    “นี่สิก้าไปเหวี่ยงอะไรใครมา ฟานี่ พวกเธออยู่ด้วยกันตลอด สิก้าไม่เล่าให้ฟังหรือไง?”

                    “ก็ตั้งแต่เมื่อวานที่ไปงานของพี่มาแหละค่ะ พอกลับห้องสิก้าก็เป็นยังงี้แล้ว พอพวกเราถามก็โดนสิก้าเอฟเฟกต์กันเป็นแถว ไม่อยากจะยุ่งแล้วเนี่ย เดี๋ยวจะโดนฆ่าตายซะก่อน = =” พวกพี่ๆที่เหลือก็ถอนหายใจรับกับพยักหน้าหงึกหงัก

                    “ไม่เป็นไรหรอกเด็กๆ” พี่โบอาดีดนิ้วเปาะ “พี่มีเรื่องที่จะทำให้สิก้าอารมณ์ดีไปตลอดชีวิตเลยล่ะ”

     

     

                เรื่องที่จะทำให้อารมณ์ดีไปตลอดชีวิต...

                    เฮอะ นี่น่ะเหรอ!

                    ทีแรกมันก็เหมือนจะใช่อยู่หรอกนะ เพราะฉันถูกเรียกตัวไปเป็นดับเบิ้ลแคสติ้งในละครเวทีที่ฉันใฝ่ฝันจะได้เล่นมานาน แต่แล้วความซวยมหาซวยก็บังเกิดเมื่อฉันเห็นบทและรายชื่อนักแสดงคนอื่นๆ

                    “มันเป็นเรื่องของแผนการตลาดน่ะ สมัยนี้คนดูละครเวทีน้อยลง เขาเลยต้องแคสพวกนักร้องไอดอลมาแสดงเพื่อเพิ่มกระแส แล้วก็คนดูเข้ามามากขึ้น” พี่ดาน่ารุ่นพี่เอฟคลับของพวกเราอธิบาย บทที่ฉันจะเล่นเนี่ยเป็นบทดับเบิ้ลแคสของพี่ดาน่าค่ะ ดับเบิ้ลแคสเนี่ย เรียกง่ายๆก็คือเป็นนักแสดงสำรอง เพราะว่าพี่ดาน่าเดบิวท์เป็นไอดอลแล้วแถมยังมีงานยุ่งมากๆ การที่พี่เค้าจะมาแสดงให้ครบทุกรอบก็เลยเป็นไปไม่ได้ เพราะงั้นทีมงานเลยต้องหานักแสดงสำรองไว้เผื่ออีกสองสามคนค่ะ ส่วนเรื่องที่เราจะแสดงกันก็คือเรื่องสามทหารเสือ แต่ฉันอ่านบทกี่รอบๆก็รู้สึกว่ามันควรจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นสี่ทหารเสือมากกว่า = = เอาเป็นว่าเรื่องนี้น่ะ เป็นเรื่องของหนุ่มบ้านนอกชื่อดาร์ตาญัง ใฝ่ฝันจะได้เป็นทหารองครักษ์แห่งราชวงศ์ฝรั่งเศส ก็เลยเดินทางเข้าเมืองมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของสามทหารเสือค่ะ สรุปว่าอีตาสามทหารเสือเนี่ยเป็นตัวประกอบชัดๆ แล้วทายสิคะว่าใครจะได้รับบทดาร์ตาญัง พระเอกของเรา...

                    “ขอโทษที่มาสายครับ”

                    นั่นไง... พูดถึงผี ผีก็มาจริงๆ ผู้ชายคนนั้น... คนที่ฉันเคยหลงจนไม่ลืมหูลืมตา แต่ตอนนี้ฉันกลับอยากเห็นหน้าเขาเป็นสิ่งสุดท้าย แล้วที่น่าเจ็บใจคือ หมอนั่นยังคงหล่ออย่างร้ายกาจแม้ว่าจะอยู่ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดา

                    “อ้าว คยูฮยอนมานั่งก่อนสิ พักนี้งานเยอะ สับรางเหนื่อยแย่เลยนะ” พี่ดาน่า รุ่นพี่ในคลับของฉันและรุ่นพี่ร่วมค่ายของคยูฮยอนเรียกหมอนั่นมานั่งข้างๆอย่างสนิทสนม เขาเห็นฉันแล้ว แถมหมอนั่นยังยิ้มด้วย

                    อย่านะ เจสสิก้า... อย่าแม้แต่จะหันไปมอง!

                    “สวัสดีครับพี่ดาน่า ว่าไงเจสสิก้า” ชิ! หมอนี่ไปรู้จักฉันจากที่ไหนกัน แล้วทำไมถึงได้มาเรียกซะสนิทสนมแบบนั้น

                    “อ้าว นี่เธอรู้จักกันแล้วเหรอ?” พี่ดาน่ายิ้มอย่างใจดี

                    “ครับ พี่โบอาเคยพามาแนะนำแล้ว แถมรุ่นน้องพี่น่ะ ซุ่มซ่ามทำกาแฟหกรดผมจนเลอะเทอะไปหมด”

                    “นั่นมันเป็นอุบัติเหตุหรอกน่า” ฉันหันกลับไปพูดกับหมอนั่นอย่างไม่สบอารมณ์ หน้าหล่อๆนั่นทำเหมือนจงใจจะกวนประสาทฉันชัดๆ

                    “เหรอ งั้นคราวนี้เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ? เล่นเป็นต้นไม้? ก้อนหิน? หรือว่าเสาไฟ? ฉันจะพยายามไม่เข้าใกล้เธอ จะได้ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างคราวที่แล้วอีก”

                    “นี่นาย!

                    “โอ๊ย เย็นๆ ใจเย็นก่อนทั้งสองคน” พี่ดาน่ารีบยกมือสองข้างห้ามทัพทั้งฉันและนายนั่น “คยูฮยอน สิก้าจะมาเป็นดับเบิ้ลแคสของพี่เอง”

                    “หา! ล้อเล่นรึเปล่า เอามือสมัครเล่นอย่างนี้มาเล่นบทนางเอกเนี่ยนะ!” คยูฮยอนทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ฮึ่ย ฉันจะหมดความอดทนแล้วนะ!

                    “นายน่ะ ยังไม่เคยเห็นฝีมือการแสดงของฉันก็อย่าเพิ่งมาดูถูกกันได้มั้ย? นายเองก็ไม่เคยเล่นละครเวทีมาเหมือนกัน ใช่ว่าร้องเพลงเก่งแล้วจะเล่นละครเวทีได้ดีหรอกนะ! ตัวเองเป็นแค่ไอดอลอย่ามาทำอวดเก่งไปหน่อยเลย”

                    ฉันพูดรัวเร็วออกไปเป็นชุด กว่าจะรู้ตัวอีกทีสายตาของทุกคนในห้องซ้อมก็มองมาที่ฉัน ส่วนคยูฮยอนก็ทำสีหน้าเหมือนจะฆ่าฉันตายได้ ณ ตรงนี้... ซวยแล้วเจสสิก้า...

                    “ได้... เธอพูดเองนะ แล้วฉันจะทำให้เธอเห็นเองว่าโจวคยูฮยอนคนนี้เป็นมืออาชีพขนาดไหน!

     

     

                ผมหงุดหงิด หงุดหงิดมากที่สุดในสามโลก -*-

                    โดนใครดูถูกก็ไม่ว่า แต่กลับมาเป็นยัยเด็กอมมือจากเอฟคลับอย่างเจสสิก้า จอง ผมเลยท้าเธอไว้ ว่าผมจะต้องแสดงให้ได้ดีจนทีมงานทุกคนยอมรับ! ที่สำคัญคือต้องดีกว่ายัยเด็กคนนั้นด้วย!

                    “คยูฮยอน! เจสสิก้า! พวกเธอไม่มีสมาธิเลย” ผู้กำกับตะโกนขึ้นมาแล้วผมกับยัยพายุน้ำแข็งนี่ก็ต่างชักสีหน้าเซ็งใส่กัน ขณะที่พี่เค้าเดินเข้ามาบ่นเราทั้งคู่เป็นรอบที่ร้อยของการคอนเฟิร์มแคสติ้ง นี่แค่ลองแสดงด้วยกันยังดูแย่ขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงวันจริงกันล่ะ

                    “พวกนายคือคนรักกัน เข้าใจมั้ย? โดยเฉพาะนาย คยูฮยอน นายหลงรักคอนแสตนซ์ตั้งแต่แรกพบ นายจะต้องมองเธอด้วยความรักสิ ไม่ใช่มองแบบจะกินเลือดกินเนื้อ”

                    “ครับ ขอโทษด้วยครับ ผมจะพยายามให้มากขึ้น” ผมหันไปโค้งคำนับ แล้วพยายามตั้งสติใหม่ ผมต้องรักเจสสิก้า ต้องมองเธอเหมือนกับว่าหลงรักยัยเด็กนี่หัวปักหัวปำเหรอ? แต่นี่แค่ที่คุยกันเมื่อกี้ไม่กี่ประโยคเรายังกัดกันแทบตาย ผมจะเอาตรงไหนมามองให้เหมือนรักยัยบ้านี่ได้กันนะ

                    “พักก่อน สิบนาที” ทีมงานตะโกนขึ้นมา ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินตรงไปยังโซฟา อยากจะไปที่ไหนก็ได้ให้พ้นๆยัยเด็กบ้าคนนี้

                    “ไง คุณพระเอก” รุ่นพี่คิมบอมแร หนึ่งในสามทหารเสือโอบไหล่ผมอย่างเป็นกันเอง

                    “พี่ครับ ผมเพิ่งรู้ว่าเล่นละครเวทีมันยากขนาดนี้”

                    “ฉันก็เห็นนายทำได้ดีนี่ ตอนเล่นกับดาน่าก็ดูไม่เลวนะ” ขนาดเล่นกับพี่ดาน่าผมยังรู้สึกว่ายาก แต่กับเจสสิก้าเนี่ย โคตะระยากเลย -*-

                    “อย่าทำหน้ายังงั้นน่า” พี่บอมแรเหมือนจะอ่านสีหน้าผมออก “นายลองมองหาสิ่งที่ดีในตัวเด็กคนนั้นสิ ลองมองดูให้ดีๆ ในบรรดานักแสดงหญิงด้วยกัน สิก้าน่ะส่องประกายมากเลยนะ เธอจะเล่นเป็นคอนแสตนซ์ได้อย่างไร้ที่ติเลยล่ะ” พี่บอมแรชี้ให้ผมดูเจสสิก้าที่กำลังซ้อมการแสดง น่าแปลก... ทำไมมันดูแตกต่างออกไปจากเมื่อกี้นะ? เจสสิก้ากำลังเต้นรำอยู่บนฟลอร์ ซ้อมฉากที่คอนแสตนซ์กับดาร์ตาญังต้องเจอกันเป็นครั้งแรก รอยยิ้มของเธอดูเป็นประกาย สดใส ร่าเริง อ่อนหวาน เธอเต้นรำได้เหมือนนางฟ้า แล้วผมก็ได้แต่มอง... มองเธอเหมือนกับเพิ่งเห็นเธอเป็นครั้งแรก

                    “นั่นแหละแสดงให้ได้อย่างนั้น” พี่บอมแรตบหัวผมจนคะมำไปข้างหน้า ผมสะบัดหัวแรงๆก่อนจะหันมามองพี่เค้าอย่างไม่เข้าใจ

                    “แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะพี่”

                    “ไอ้เด็กบ้านนอกเอ๊ย” พี่เค้าส่ายนิ้วตรงหน้าผม เต๊ะท่าอย่างคนที่รู้มากกว่า “สายตาที่นายมองเมื่อกี้นั่นแหละคือสายตาของดาร์ตาญังที่ตกหลุมรักคอนสแตนซ์เข้าเต็มเปาเลย”

                    พี่บอมแรพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งผมไว้กับอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

                    ถ้าสายตาเมื่อกี้คือสายตาของเด็กหนุ่มบ้านนอกพบรักแรก... ถ้างั้นหมายความว่าผมกำลังตกหลุมรักเจสสิก้างั้นเหรอ?

                    ไม่มีทางน่า!

     

     

                เจอกันสามทุ่ม หน้านัมซานทาวเวอร์

                    นั่นคือข้อความที่ฉันได้รับเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้ว และฉันก็ควรจะได้เจอคนส่งตั้งแต่เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว

                    “ว้าย นั่นพี่ฮยอนจุงนี่นา!” ฉันหันไปมองตามเสียงกรี๊ดกร๊าดของเด็กวัยรุ่นสองคนที่เดินผ่านไป หวังว่าจะได้เจอกับเขา แต่สิ่งที่ฉันเห็น กลับเป็นแค่สปอตโฆษณาที่ฉายขึ้นบนจอภาพขนาดยักษ์ของตึกฝั่งตรงข้าม มัวไปทำอะไรอยู่นะ?

                    หรือฉันควรจะโทรไปดี?

                    ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์เขาที่จำได้ขึ้นใจ นิ้วมือเย็นเฉียบเอื้อมไปถึงปุ่มกดโทร แต่แล้วฉันก็พับโทรศัพท์เก็บลงซะดื้อๆ

                    ทำไมการรักไอดอลถึงได้ทรมานใจขนาดนี้นะ

                    ฉันยกขาขึ้นมากอดเข่า รู้สึกเหมือนน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมานิดๆ เพราะแน่ใจแล้วว่าเขาคงไม่มา

                    “ขอโทษนะครับ คุณทำนี่ตกไว้น่ะ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นไปแล้วก็พบกับผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดถูกยื่นมาตรงหน้า คนที่ยื่นมันให้ฉันเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน รอยยิ้มอบอุ่นของเขาเหมือนจะไล่ความหนาวออกไปร่างกายฉันได้

                    “นี่ไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าของฉันนี่คะ”

                    “มันจะเป็นของคุณนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปครับ” เขาวางผ้าเช็ดหน้าลงบนมือของฉัน ฉันยิ้มออกมาแล้วรับผ้าเช็ดหน้ามาซับรอยน้ำตาขณะที่เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แล้วเปิดกระเป๋าหยิบเอาไวโอลินออกมาพาดบ่า

                    “This song is just for you”

                    ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงทำนองไวโอลินแว่วหวานก็ดังขึ้น เมโลดี้นุ่มนวลปนเศร้าร้อยเรียงต่อเนื่องเป็นบทเพลงที่อุ่นวาบเข้ามาในหัวใจ

                    นานเท่าไหร่ไม่รู้กว่าบทเพลงจะจบลง แต่เมื่อฉันลืมตาขึ้น นักไวโอลินคนนั้นก็หายไปแล้ว

                    เสียงข้อความของโทรศัพท์ในมือดังขึ้น แล้วน้ำตาของฉันก็ร่วงลงมาอีกครั้ง

                ‘ขอโทษนะ พี่คงไปไม่ได้แล้ว

     

     

    “เจสสิก้าไม่มาเรียนอีกแล้วเหรอ?” จีอา เพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเราหันมาถามพลางมองที่นั่งข้างๆฉันที่ว่างเปล่า

    “อื้อ ซ้อมละครหนักน่ะ ใกล้แสดงจริงแล้ว”

    “พลาดเลยนะ วันนี้มีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาด้วย” ริโกะที่นั่งข้างๆจีอาหันมาบอก ฉันได้แต่ยักไหล่ ก่อนที่อาจารย์จะเดินเข้ามาในห้อง

    “ทุกคน วันนี้เรามีนักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากอเมริกานะ เขายังพูดเกาหลีไม่คล่องเท่าไหร่ ยังไงพวกเราช่วยแนะนำด้วยแล้วกัน” ทันทีที่อาจารย์พูดจบ เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง รูปร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีน้ำตาลเข้ม รอยยิ้มของเขาทำเอาสาวๆในห้องหายใจสะดุดกันไปเป็นแถบ

    Hi everyone. I’m Henry just moved from Canada. Nice to meet you all.” ภาษาอังกฤษสำเนียงแคนาเดียนที่คุ้นหูนั่นเรียกความทรงจำให้ฉายชัดมากขึ้น แล้วดวงตาของเขาก็มองตรงมาที่ฉัน

    หนุ่มนักไวโอลินคนนั้นน่ะเอง

    น่าแปลกที่เขาดูไม่ตกใจเลยที่เจอฉันที่นี่ ตรงกันข้าม เขากลับก้าวยาวๆตรงมาหาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆฉัน

    “ตรงนี้มีคนนั่งแล้วนะคะ” ฉันพูดออกไป

    “ใช่ครับ ผมนี่แหละ คนที่นั่งอยู่ และกำลังจะนั่งที่นี่ต่อจากนี้ไป”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×