คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : SINGIN' IN THE RAIN | 8
ถ้าหากคนทั้งโลกจะหันหลังให้เธอ... ฉันก็จะยอมหันหลังให้โลกทั้งใบ...
"แทยอน เลิกอ่านสักทีเถอะน่า!" ซูยองหันไปเอ็ดยัยเพื่อนเตี้ยที่กำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ในช่วงพักซ้อมก่อนจะขึ้นเวทีจริง ถึงโดนสั่งห้ามไม่ให้เล่นอินสตาแกรม แต่ก็ยังอุตส่าห์เข้าไปอ่านเว็บข่าวกับเว็บแฟนคลับของเอ็กโซ คือนี่ไม่ใช่อะไรค่ะ ยัยเตี้ยห่วงน้องมากกว่าห่วงตัวเอง เมื่อตอนบินมาที่ญี่ปุ่นก็คราวนึงละ จู่ๆ แทยอนก็ตรงดิ่งเข้าไปหาแฟนคลับ ขอโทษขอโพยยกใหญ่พยายามจะอธิบายว่าเรื่องอินสตาแกรมมันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ จนโดนผู้จัดการลากมาดุแทบไม่ทัน แต่พอเห็นตาฉ่ำๆกับหน้าหงอยๆ นั่น พี่เค้าก็ใจร้ายไม่ลง ได้แต่บอกกับแทยอนไปว่าการเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะยิ่งพูดอะไรออกไปก็จะยิ่งโดนโจมตี แล้วคนที่โดนหนักกว่าไม่ใช่เธอ แต่เป็นแบคฮยอนต่างหาก...
ฉันชะโงกหน้าเข้าไปดูสิ่งที่แทยอนกำลังอ่าน ปรากฎว่าเป็นแฟนเพจต่างประเทศของน้อง ยัยนั่นเลื่อนดูรูปถ่ายของน้องทีละรูปๆ เป็นภาพตอนที่เอ็กโซกำลังเดินเข้าตึก KBS และเดินกลับออกมาหลังขึ้นแสดง ไม่ได้เจอหน้ากันอาทิตย์เดียว น้องผอมลงไปเยอะเลย เขาไม่กล้าสู้หน้าแฟนๆ ก้มงุดๆ เดินตามเพื่อนในวง สิ่งที่เจ็บกว่านั้นคือแฟนแคมและภาพจากไลฟ์ น้องไม่ยิ้ม ไม่เล่นเหมือนอย่างทุกที ได้แต่คอยก้มหัวให้แฟนๆ และพอเริ่มการแสดง ท่อนร้องของแบคฮยอน... แทบไม่มีเสียงกรี๊ด...
"แทงกู จะไปไหนน่ะ?" สิก้าถามเสียงดังเมื่อจู่ๆ แทยอนก็ลุกพรวดเดินออกไปจากห้องแต่งตัว พวกเราที่เหลือได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
"จะไหวมั้ยเนี่ย" ยุนอาส่ายหัวเบาๆ
"นั่นสิ เพื่อนก็น่าสงสาร น้องก็น่าสงสาร" ควอนยูลเปรย ขณะที่ทิฟฟานี่ลุกขึ้นเดินตามออกไปจากห้อง
"ว่าแต่ ซันนี่ เธอน่าจะเจอน้องบ่อยที่สุดนี่ อาการเป็นยังไงบ้าง? ได้อัพเดทแทยอนมั่งมั้ย?" ฮโยยอนหันมาหาฉันที่กำลังนั่งดูตารางวันแสดงของมิวสิคัลอยู่
นี่ได้บอกรึยังคะว่ากลับไปเนี่ย ฉันได้เล่นคู่กับน้องสามรอบ ช่วงครึ่งหลังของเดือนกรกฎานี่แบคฮยอนฟาดเรียบเลยค่ะ จัดไปเกือบยี่สิบรอบเพราะต้องแทนพี่คยูฮยอนที่เตรียมตัวคัมแบ๊คช่วงนั้น ถึงจะรู้ว่าต้องเล่นด้วยกันแต่ตารางงานก็สวนทางกันตลอด เราเลยยังไม่ได้มีโอกาสซ้อมคู่กันสักที
"ถ้าจะถามเรื่องน้อง ฉันว่าซูยองรู้ดีกว่าอีก แบคฮยอนน่ะ ซ้อมคู่พี่ซูจินทุกรอบแหละ"
"แหม ยังกะฉันได้กลับบ้าน ติดแหง็กที่คอนเสิร์ตกะพวกเธอเหมือนกันแหละย่ะ" ซูยองแลบลิ้นใส่ฉันแล้วยังไม่ทันที่เราจะได้พูดอะไรกันต่อ แทยอนกับทิฟฟานี่ก็กลับเข้ามา สตาฟฟ์ก็บอกให้พวกเราแสตนบายได้แล้ว ทีนี้ความวุ่นวายก็บังเกิดแหละค่ะ พี่ๆสไตล์ลิสท์กรูเข้ามามะรุมมะตุ้มเติมหน้ากันใหญ่
แทยอนเหมือนจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว และพวกเรารวมตัวกันสวดภาวนาเหมือนทุกครั้งก่อนจะมีคอนเสิร์ต แต่แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นมือถือของฉันเองค่ะ ฉันหยิบขึ้นมาดูแล้วก็พบข้อความคาทกจากพี่คยูฮยอนที่เหมือนแคปภาพมาจากบทสนทนากับใครสักคน
- พี่ครับ ผมแบคฮยอนนะครับ
- ขอบคุณสำหรับกำลังใจเมื่อวันก่อนนะครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขอรบกวนพี่ฝากกำลังใจกลับคืนไปให้แทยอนด้วยนะครับ
- ตอนนี้พวกเราคงอยู่ที่ฉงชิ่ง ผมอาจไม่ได้ใช้โทรศัพท์ แล้วก็ไม่รู้ว่าแทยอนจะโดนยึดมือถือเหมือนกันรึเปล่า เลยต้องรบกวนพี่คยูฮยอนให้ช่วยส่งข้อความต่อให้อีกที
- ผมจะรอดูแฟนแคมจากนาโกย่า อยากเห็นรอยยิ้มของแทยอนที่สุดในโลกเลยครับ แลกกันไหม? ถ้าแทยอนยิ้มได้ ผมจะยิ้มให้กว้างกว่าบนคอนเสิร์ตที่ฉงชิ่ง พี่ๆรอดูนะครับ! ผมไม่ยอมแพ้แน่นอน!
- โซนยอชีแดไฟท์ติ้ง!
- :)
ฉันยิ้มกับความน่ารักๆ ของแบคฮยอน แล้วก็ยื่นโทรศัพท์ส่งให้คิมแทยอนที่ก้มหน้าก้มตาสวดมนต์เงียบๆ พอยัยเตี้ยเห็นเท่านั้นแหละว่าเป็นข้อความจากใคร แก้มแดงๆนั่นก็เริ่มขึ้นสีเรื่อพร้อมรอยยิ้มกว้าง แม้ว่าดวงตายังคงฉ่ำชื้น
พวกเราที่เหลือแปดคนมองลีดเดอร์ตัวเล็กด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ทุกคนรู้แล้วว่าบยอนแบคฮยอนคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเพื่อนรักของเราคนนี้ เขาคือรอยยิ้มของแทยอน คือความฝัน คือร่มสีเหลืองสดใสในวันที่ฝนตกหนัก น้องเติมให้แทยอนจนเต็ม อย่างที่พวกเราพยายามเท่าไหร่ก็ยังทำไม่ได้ อันที่จริงมันเป็นเรื่องน่ารักมาก แต่มันก็น่าเศร้าในขณะเดียวกันที่ทั้งสองคนโดนคัดค้านจากคนมากมาย เพียงเพราะแค่พวกเขารักกัน
เสียงโทรศัพท์ในมือฉันดังขึ้น พี่คยูฮยอนโทรมา ฉันหันไปมองหน้าพี่ผู้จัดการแล้วเขาก็พยักหน้าเป็นเชิงว่ายังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย
"ว่าไงคะ"
"ซุนคยูยา... ยังไม่ขึ้นเวทีใช่ไหม?" เสียงนุ่มทุ้มทีคุ้นเคยดังผ่านสัญญาณโทรศัพท์ ข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามากระทบโสตประสาทของฉัน
"กำลังจะขึ้นแล้ว ถ้าเรื่องข้อความน่ะ ฉันส่งต่อเรียบร้อยนะ ไม่ต้องห่วง"
"เปล่า พี่โทรมาอีกเรื่อง"
ฉันเลิกคิ้ว เดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มสาวๆ ที่เริ่มเม้าท์กันเสียงดัง
"นี่อย่าบอกนะว่าจะมีข่าวอะไรหลุดมาอีก นี่พอแล้วนะ จะตายกันอยู่แล้ว"
"เปล่า แต่ชานยอลเพิ่งโทรมาขอระดมพล แบคฮยอนช่วยรักษาใจแทยอนให้เธอแล้ว แต่ตอนนี้น้องกำลังแย่ เธอจะช่วยรักษาใจน้องหน่อยได้มั้ย?"
ฉันนิ่งไปพักหนึ่ง มองแทยอนที่กำลังเล่นงุ้งงิ้งๆ อยู่กับฮโยยอนไปตามประสา จริงๆไม่ต้องใช้เวลาเลย ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคำตอบคืออะไร
"พี่ว่ามาเลย อะไรที่ฉันทำได้ ฉันจะทำ!"
"นายนี่นะ... ทำเอาวุ่นวายไปหมดจริงๆ"
เสียงบ่นของแอมเบอร์แห่งวง f(x) ดังขึ้นมาตามสายโทรศัพท์ ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ยัยนั่นเรียกระดมพลศิลปินในค่าย... ไม่สิ ต้องเรียกว่า 'ทุกค่าย' มาช่วยผม ดีที่เธอเป็นคนกว้างขวางแถมยังนิสัยดีจนใครๆ ก็ไม่อาจจะปฏิเสธอคำขอร้องจากยัยนี่ได้ งานนี้ผมเลยได้ตัวช่วยเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ
"ก็วงฉันไม่มีใครเก่งภาษาอังกฤษแล้วนี่ แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะ ได้มาเยอะเลย ส่วนของภาษาจีนก็ด้วย"
"จบคอนเมื่อไหร่เลี้ยงข้าวเลยนะ! ซูจองบ่นฉันหูชาเลยเนี่ย" ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดขอบคุณจากใจจริงอีกครั้ง แล้วก็วางสายไปพอดีกับที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา ผมเดินไปเปิดประตูแล้วก็เจอดีโอ เทา พี่เลย์ พี่มินซอก พี่ลู่หาน และจงแด ยืนออกันอยู่หน้าประตู
"หมาล่ะ?" ผมถาม
"ไล่ให้ไปเล่นกับเซฮุนอยู่" คยองซูตอบกลับแทบจะในทันที
"แน่ใจนะว่าจะไม่มาห้องนี้" จงอินที่เป็นรูมเมทของผมเอ่ยถามซ้ำ
"นายก็ไปช่วยมักเน่สิ จุนมยอนก็จะไปดูทางนั้นด้วย" พี่ลู่หานพูดพลางแทรกตัวเข้ามาข้างในพร้อมกับแมคบุ๊คที่อยู่ในมือ พวกเราทุกคนกรูเข้าไปรุมบนเตียงของผมที่ตอนนี้ใช้เป็นฐานทัพซ่องสุมกำลังชั่วคราว
ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ฉงชิ่งครับ เพิ่งบินมาถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง ยังไม่ทันได้มีเวลาให้ตัวเองเจ็ทแล็ก พวกผมก็ต้องมานั่งสุมหัวกันอยู่นี่เพราะอาการของหมามันไม่ไหวจะเคลียร์แล้วจริงๆ ครับ
งานนี้ต้องโทษเซฮุนที่ปากโป้ง เล่าเรื่องพี่แทยอนที่สนามบินให้มันฟัง พอรู้เรื่องเท่านั้นแหละ จากที่เฉาอยู่แล้ว ตอนนี้แทบจะเป็นศพเดินได้เลยครับ เวทีมิวแบงค์เมื่อวันศุกร์สถานการณ์ก็แย่มาก แฟนๆ แทบไม่กรี๊ดให้แบคฮยอน ซ้ำร้ายหลายคนยังตะโกนว่าสวนขึ้นมาด้วย พวกผมถึงจะเคืองขนาดไหน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปั้นหน้ายิ้ม แล้วชายตามองแบคฮยอนที่ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งหลบหลังเมมเบอร์ระหว่างยืนรอคิวอัดบนเวที
คืนพรุ่งนี้จะเป็นคืนที่สาหัสที่สุดสำหรับแบคฮยอน เพราะเขาจะต้องเจอกับแฟนคลับเรือนหมื่นบนคอนเสิร์ตที่ฉงชิ่ง ให้พูดเลยตอนนี้คือเขากำลังเสียศูนย์ที่สุดในชีวิต ทันทีที่เห็นแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นที่สนามบินหรือบนไลฟ์ที่ไหนก็ตาม เขาจะเริ่มมือไม้สั่น หน้าซีด คิ้วขมวดด้วยความเครียด แบคฮยอนกำลังต่อสู้กับความกลัว และแรงโทสะที่ทุกคนสาดใส่ เขายืนมองแฟนคลับดับไฟใส่เขา แล้วหันหลังจากไปพร้อมกับทิ้งถ้อยคำทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัสไว้ คำที่เรียกเขาว่าคนโกหก คนทรยศ
และทั้งๆ ที่เขายังคงยืนอยู่ตรงนี้ ยังคงอยู่เคียงข้างเราไม่ได้ไปไหน ไม่เคยคิดจะถอดใจแม้ว่ามันจะยากลำบาก แตกต่างกันเหลือเกินกับใครอีกคนที่ทิ้งเราไปอย่างไม่ใยดี แต่กลับได้รับความรักและกำลังใจมากมายทั้งที่เขาทำร้ายหัวใจของพี่น้องอย่างแสนสาหัส
บางครั้งผมก็สงสัยเหลือเกินว่าทำไมโลกถึงได้ลำเอียงกันมากมายขนาดนี้
"นี่ๆ อันนี้ผมได้มาจากพวกพี่ๆ แฝดเทสตี้" เทาเปิดข้อความในมือถือประมาณห้าหกข้อความให้พวกเราดู
"ของฉันมาจากเพื่อนๆ ไชน่าไลน์ พี่เฟ่ย พี่เจีย เยอะเลยล่ะ" พี่ลู่หานเปิดอีเมล์ให้ดู เจอข้อความเกือบยี่สิบอันอยู่ในนั้น ถูกพิมพ์มาให้อย่างเรียบร้อยเลยแฮะ
"อันนี้ฉันแปลมาจากแฟนๆ ชาวจีนที่โพสต์บนอินตาแกรมของแบคฮยอนเอง แปลตอนอยู่บนเครื่องอ่ะ คยองซูนายพิมพ์ให้หน่อยสิ"
เมนโวคอลตัวเล็กของเรารับกระดาษที่มีลายมือพี่เลย์มาแล้วแทรกตัวนั่งหน้าแมคบุ๊ค นิ้วทั้งสิบพรมลงบ้นแป้นคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว จงแดคอยช่วยอ่านให้ฟังอย่างตั้งใจ
ถึงจุดนี้แล้วผมควรอธิบายใช่มั้ยครับว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่?
เรื่องของเรื่องคือตั้งแต่เมื่อวันนั้นที่แบคฮยอนโดนโห่ไล่จากแฟนๆ ชาวเกาหลี พวกผมก็สังเกตได้ว่าแฟนชาติอื่นๆ กลับให้การสนับสนุนแบคฮยอน คอยกรี๊ด คอยเชียร์อย่างสุดเสียง บางคนถึงกับยืนร้องไห้ พร่ำบอกแบคฮยอนว่ายังคงรักเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะคบกับใครหรือ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ พวกผมเลยได้ไอเดียสุดบรรเจิดว่าจะรวบรวมข้อความของแฟนๆ เหล่านี้ มาให้เจ้าตัวอ่าน หลายอันเป็นภาษาต่างประเทศ ผมเลยต้องโทรหาตัวช่วยอย่างแอมเบอร์ให้แปลให้ แล้วก็ยังโทรไหว้วานพี่คยูฮยอน ขอให้รวบรวมกำลังใจจากเพื่อนศิลปินด้วยกันส่งมารักษาใจเพื่อนรักของผมหน่อย
"ไหนๆ ชานยอล ของนายอ่ะ?" จงแดหันมาถาม ผมเลยเปิดไอแพดของตัวเองยื่นให้ดู
"อันนี้มาจากแอมเบอร์กับคริสตัล ส่วนตรงนี้เป็นของพี่วิคตอเรียกับพี่โจวมี่ ส่วนนี้ภาษาอังกฤษมาจากพี่เฮนรี่ อันนี้อีกสิบข้อความจากพี่ไอลี"
"โห ตั้งขนาดนี้เลยเหรอ แล้วมีอีกไหม?" พี่มินซอกถามอย่างกระตือรือร้น
"พี่คยูฮยอนรวบรวมมาให้อีกส่วนหนึ่ง ข้อความญี่ปุ่นได้พี่ซันเดย์กับพี่ชางมินช่วยแปลให้ ภาษาอังกฤษอีกก้อนใหญ่ๆ ของพี่เจสสิก้ากับพี่ทิฟฟานี่... แล้วก็ ข้อความที่เป็นภาษาไทย พี่ทิฟฟานี่วานให้พี่นิชคุณช่วยแปลอีกต่อนึง"
เมมเบอร์ต่างก็ส่งเสียงฮือฮา แต่ผมยกมือเป็นเชิงบอกให้เงียบ
"ทีนี้ เราพร้อมจะเอาความรักจากแฟนๆ ไปถล่มใส่ไอ้ลูกหมากันรึยัง?"
ผมนอนพลิกตัวไปมาอยู่ในความมืด เซฮุนเข้ามาชวนผมเล่นเกมกับพี่ซูโฮสักพัก แต่สุดท้ายแล้วพอเห็นผมนิ่งมากๆ ผิดไปจากทุกทีสองคนนั้นก็ล่าถอยกลับไป ดีโอที่หายไปตั้งแต่หัวค่ำอาจจะหนีไปนั่งเล่นห้องชานยอล เพราะไม่อยากทนอยู่กับความอึดอัดแบบนี้เหมือนกันก็ได้...
พี่คยูฮยอนเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าแทยอนได้รับกำลังใจจากผมเรียบร้อยแล้ว ตลกดีนะครับ ทั้งๆ ที่ผมเจ็บปวดจะเป็นจะตาย แต่ผมกลับห่วงแทยอนมากกว่าตัวเองซะอีก อันดับสองรองลงมาคือเมมเบอร์ แค่คิดว่าแฟนๆ รักเราน้อยลงเพียงเพราะการกระทำโง่ๆ ของผมคนเดียวมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดจนไม่อยากจะสู้หน้าใคร
ผมไม่รู้ว่ายังมีคนยืนอยู่ข้างๆ ผมอีกไหม ไม่รู้ว่ายังมีใครเข้าใจผมอยู่อีกรึเปล่า ถึงจะรับปากแทยอนเอาไว้แล้ว แต่ผมก็อดโทษตัวเองไม่ได้จริงๆ...
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้หันไปมองแต่ก็รู้ว่าคงเป็นคยองซู ผมแกล้งหลับตาลง เขาจะได้ไม่รู้ว่าผมยังตื่นอยู่ แต่แล้วผมก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดเต็มเปา เพราะแรงกระแทกอะไรสักอย่างที่ทุ่มลงมาเต็มตัว
"จ...จงแด!" ผมร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นเพื่อนบีเกิ้ลไลน์ไซส์เดียวกันกระโดดลงมาทับเต็มเปา แถมเมมเบอร์คนอื่นๆ ก็ยืนหัวเราะกันอยู่ข้างหลัง ผมลุกขึ้นนั่ง มองทุกคนอย่างไม่เข้าใจจนกระทั่งชานยอลก้าวขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง วางแมคบุ๊คลงตรงหน้าผม
"แบคฮยอนอ่า นายคือแสงสว่างของเอ็กโซ นายนำทางพวกเรามาตลอด ตอนนี้ให้ฉันได้ทำมันนะ ให้ฉันได้นำทางนายกลับไปหาที่ของนาย เชื่อใจฉันนะ” ชานยอลค่อยๆ พูดถ้อยคำทั้งหมดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม เพื่อนคนนี้แตกต่างกับผมเกือบทุกอย่าง เขาตาโต ผมตาตี่ เขาตัวใหญ่ ผมตัวเล็ก เขาเป็นแร็ปเปอร์ ในขณะที่ผมเป็นสายร้อง แต่ทว่าเรากลับสนิทกันมาก และชานยอลก็คอยดูแลผมมาตลอด จนกระทั่งวินาทีนี้เขาก็ไม่เคยทิ้งผมไปไหน
ผมพยักหน้าให้ชานยอล แล้วเขาก็หมุนหน้าจอแมคให้ผมดู ในนั้น... มันมีข้อความที่ถูกแคปเจอร์เอาไว้พร้อมกับคำแปล มันยาวมาก... ยาวเกือบห้าสิบหน้า และทั้งหมดเป็นข้อความถึงผม
มือผมสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ขณะที่ปลายนิ้วไล่ไปตามตัวอักษร ชานยอลทำหน้าที่สครอลหน้ากระดาษลงมาให้เรื่อยๆ เมมเบอร์คนอื่นๆ เดินเข้ามานั่งลงบนเตียง คยองซูเข้ามากอดผมแน่นจากทางด้านหลัง พวกเราอ่านข้อความเหล่านั้นไปพร้อมๆ กัน
...ไม่ต้องบอกก็รู้ ทุกคนรวบรวมข้อความเหล่านี้แล้วไหว้วานให้เพื่อนๆ ไอดอลแปลส่งมาให้ ทั้งๆที่ทุกคนน่าจะเหนื่อย ทั้งๆที่มันเป็นเวลาส่วนตัวเพียงน้อยนิด แต่พวกเขาก็ทำให้กับผม
“มีข้อความหลายอันเลยนะที่มาโพสต์เพียงเพื่อแค่จะกลบข้อความไม่ดีบนไอจีของนาย เห็นใช่มั้ยว่านายยังมีคนที่รักอยู่ เห็นใช่มั้ยว่าพวกเขาไม่ได้หวังอะไรจากนายเลย ไม่ต้องการให้นายมาอ่านด้วยซ้ำ ขอแค่อยากจะเป็นคนที่ปกป้องนายจากความเจ็บปวด พวกเขายอมที่จะอ่านข้อความเหล่านั้นแล้วเจ็บแทนนาย เพื่อแค่ไม่อยากให้นายเสียใจ... นายเป็นที่รักขนาดนี้ ถอดใจง่ายๆ ไม่ได้นะรู้ไหม?”
พี่ซูโฮพูดพลางลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมไล่สายตาลงไป ข้อความจากภาษาที่ผมไม่รู้จักถูกแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาเกาหลี แม้ผมจะไม่เห็นหน้าเจ้าของตัวอักษรเหล่านั้น แต่ผมรับรู้ได้ถึงความรักของพวกเขาที่โอบล้อมผมอย่างอบอุ่น ผมมองเห็นแท่งไฟสีเงิน ระยิบระยับในความมืด
ถ้าหากนี่เป็นฝน ฉันจะเป็นร่มให้คุณเอง แบคฮยอน เข้มแข็งนะ
พี่ผอมลงไปตั้งเยอะ ได้กินบ้างหรือเปล่าคะ? ซ้อมเต้นหนักไปไหม? งานเยอะเลยใช่ไหม อย่าหักโหมนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็รักพี่เสมอ
ดูแลแทยอนให้ดีๆ นะ แบคฮยอน ฉันจะปกป้องพวกเธอทั้งสองคนเอง
ไม่ว่าเธอจะรักใคร เราจะเคยเจอกันหรือไม่ แต่รู้ไว้เสมอนะว่าฉันจะเปิดแท่งไฟสีเงินแล้วยืนอยู่ข้างเธอเสมอ เรามารักกันนะ
แสงสว่างของฉัน กลับมายิ้มเถอะนะ ฉันยิ้มได้ก็เพราะพี่นะคะ
ฉันตะโกนเสียงดังที่สุดในไลฟ์วันนั้น ตะโกนจนคนอื่นๆ หันมามองเลย ฉันไม่หวังให้เสียงของฉันส่งไปถึงพี่ แต่แค่อยากให้รู้ว่าไม่ว่ายังไงก็ยังมีคนที่รักพี่เสมอ อย่าร้องไห้เลยนะคะ
ถ้าหากคนทั้งโลกจะหันหลังให้เธอ... ฉันก็จะยอมหันหลังให้โลกทั้งใบ...
โดยที่ไม่รู้ตัว น้ำตาของผมไหลลงอาบแก้ม รู้สึกได้ถึงแรงกอดที่เพิ่มขึ้นของดีโอ และความเปียกชื้นบนไหล่อีกข้างที่เทาซบอยู่ ผมลูบผมน้อง แตะแก้มเบาๆ ปลอบเขาอย่างที่ทำทุกทีตอนน้องร้องไห้โยเยเวลาคิดถึงพี่คริส ถ้าหากผมเป็นตะเกียงที่กำลังทอแสงริบหรี่ ข้อความและความพยายามของเหล่าเมมเบอร์ก็เป็นน้ำมันชั้นดีที่ช่วยต่อไฟให้ผมส่องแสงต่อไป
ในที่สุด ผมก็ยิ้มออกมา ยิ้มแบบที่บยอนแบคฮยอนเคยยิ้ม และนั่นก็ทำให้เมมเบอร์ทุกคนยิ้มกว้างตามไปด้วย จงแดถึงกับร้องไห้บ่อน้ำตาแตกตรงนั้น พร่ำพูดไม่หยุดว่าเขาคิดถึงรอยยิ้มหมาๆ ที่แยกเขี้ยวจนตาหยีแบบนี้ขนาดไหน ผมเอ่ยปากแซวว่าเขาร้องไห้น่าเกลียดเหมือนสิงโตทะเล แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิม
"ยินดีต้อนรับกลับมานะบยอนแบคฮยอนแห่งเอ็กโซ" พี่มินซอก พี่ใหญ่ของเราพูดขึ้นมาก่อนจะอ้าแขนออกกว้างๆ ผมโถมตัวเข้าไปกอดพี่ชายตัวเล็กแสนใจดีจนแน่น ตามมาด้วยพี่ลู่หาน พี่เลย์และเมมเบอร์คนอื่นๆ พวกเรากอดกัน ทับกัน ฟัดกันอยู่บนเตียงเล็กๆ จงแดยังคงบ่นกระปอดกระแปดว่า 'คิดถึงแกว่ะ ไอ้ลูกหมา' อยู่ตลอดเวลา ผมไล่กอดพร้อมกับหอมแก้มเมมเบอร์ทีละคนจนครบ หลายคนทำหน้ายี้ มักเน่ตัวแสบขู่ว่าจะฟ้องแทยอนผมเลยแกล้งน้องด้วยการคอมโบจัดไปซ้ายขวาให้มันขนลุกวิ่งไปล้างหน้าแทบไม่ทัน จนกระทั่งเหลือแค่คนสุดท้าย ฮีโร่ของผม...
"ไง โยดา" ผมดึงหูชานยอลที่ส่งยิ้มกว้างโง่ๆ พร้อมปรบมือเหมือนแมวน้ำเสียสติที่โดนผมด่า ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงจะทำหน้าแบบนั้น แต่ตากลมโตเหมือนด๊อบบี้ของเขากลับแดงก่ำ วาววับไปด้วยหยดน้ำ
"นี่ทำดีไถ่โทษที่แกล้งให้ฉันกินน้ำมะระขมๆ นั่นใช่ไหม? รู้ไว้เลยนะว่าไม่ยกโทษให้หรอก"
"อือ รู้อยู่แล้วล่ะ นายไม่เคยโกรธฉันสักหน่อย จะมายกโทษให้ได้ไง... มานี่มาหมา มาให้ฟัดเลย" ชานยอลอ้าแขนออกพร้อมรอยยิ้มกว้าง และผมไม่ลังเลที่จะเข้าไปกอดเขาแน่นๆ
"ขอบคุณนะชานยอล ขอบคุณจริงๆ จากใจเลย" ผมพูดออกไป รู้สึกว่ามือใหญ่ๆ เอื้อมมือมาลูบหัวแผ่วเบา ชานยอลเป็นคนแบบนี้ล่ะครับ ผมกับเขาต่างก็ใส่ใจเมมเบอร์เหมือนกัน เพียงแต่เราทำมันคนละวิธี ผมมักจะใช้บุคลิกสดใสทำให้ทุกคนยิ้ม หัวเราะ มีความสุข ในขณะที่ชานยอลจะใช้หัวใจอันอบอุ่นดูแลทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผม เขาจะคอยดูแลว่าทุกคนได้ทานอิ่มท้อง คอยย่างเนื้อให้เวลาเราไปกินข้าวด้วยกัน เขาจะกางร่มให้ผมก่อนตัวเองในเวลาฝนตก เพราะเขาพูดเสมอว่าผมเป็นเสียงหลักของวง ถ้าผมป่วยแล้วใครจะร้องเพลง เขาคอยจับตัวผมไว้ ไม่ให้แฟนๆ รุมทั้งหรือเบียดจนเราล้มเวลาอยู่ที่สนามบิน อ้างว่าผมตัวเล็กเหมือนลูกหมาถ้าล้มไปมีหวังโดนเหยียบเละ และถึงแม้เขาจะแกล้งให้ผมดื่มน้ำมะระขมปี๋ แต่ท้ายที่สุด เขากลับดึงแก้วคืนมาแล้วจัดการดื่มซะเอง และไม่ใช่แค่กับผม กับเมมเบอร์ทุกๆ คน ชานยอลก็จะทำอย่างเดียวกันโดยไม่เกี่ยงเลย
"รู้เอาไว้ สำหรับฉันนายไม่ใช่เมมเบอร์ ไม่ใช่เพื่อน แต่นายคือครอบครัว คือแสงสว่าง คือส่วนนึงในชีวิต อย่าท้อนะแบคฮยอน เดินไปด้วยกันนะ? แบคฮยอน...นะ"
"ไม่มีทางไปไหนได้หรอกน่า ลมหายใจของฉันอยู่ตรงนี้ อยู่กับพี่น้องทั้งสิบคน ถ้าขาดพวกนายไป ฉันอยู่ไม่ได้แน่"
สิ้นคำพูดนั้นทุกคนก็โถมเข้ามากอดผมอีกครั้ง แต่เสียงโวยวายจากพี่ลู่หานก็ทำให้พวกเราหยุดเจี๊ยวจ๊าวกันไปได้สักพัก
"เซอร์ไพรส์ยังไม่หมดซะหน่อย จะรีบทำซึ้งกันไปไหน!"
พี่เค้าว่าพลางวางแมคบุ๊คลงบนตักผมอีกรอบ คราวนี้เป็นวิดีโอ แล้วผมก็แทบน้ำตาร่วงอีกครั้ง เพราะในวิดีโอฟุตเทจนั้นคือกำลังใจจากทุกคนที่ร่วมเดินบนความฝันเดียวกัน
ฟุตเทจเริ่มขึ้นที่ภาพของพี่จงฮยอนกับแทมินวงชายนี่ ฝากฝังให้ผมดูแลแทยอนดีๆ แล้วก็ให้ผมเลี้ยงข้าวตอนกลับจากคอนเสิร์ตด้วย พี่ฮีชอลโวยวายสารพัดเรื่องที่ตัวเองไม่สามารถพูดปกป้องพวกผมได้ในรายการเพราะมันจะขัดกับข่าวที่ถูกเขียน ยังกำชับอีกด้วยว่าแทยอนเป็นน้องรักและห้ามทำให้เธอเสียใจ ไม่งั้นพี่เค้าจะตามมาเตะตูดผม พี่อึนฮยอก พี่ดงเฮ พี่ชินดงตะโกนคำว่า 'แบคฮยอนไฟท์ติ้ง' ดังๆ พี่ๆวงอินฟินิทบ่นกันใหญ่ว่าผมน่าอิจฉา รวมทั้งวง VIXX และ BAP ก็ด้วย พี่นิชคุณฝากบอกว่าให้เชื่อใจในความรักของแฟนคลับเข้าไว้ รุ่นพี่ไชน่าไลน์จากวงมิสเอขอให้ผมเข้มแข็งและจะคอยเป็นกำลังใจให้ เพื่อนๆ วงเอพิงค์ที่น่ารักบ่นอุบว่าแทยอนโชคดีขนาดไหน และรุ่นพี่โซนยอชีแดทั้งแปดคนแซวผมว่าเป็นพี่เขย แต่ละคนเซล์ฟแคมยาวเหยียด บอกผมว่าแทยอนชอบอะไรไม่ชอบอะไร ข้อดีข้อเสียอยู่ตรงไหน สุดท้ายก็ขอให้ผมรัก เข้าใจ และเป็นกำลังใจให้ลีดเดอร์ของพวกเธอไปนานๆ ต่อจากรุ่นพี่โซนยอชีแดคือพี่คยูฮยอนและทีมงาน Singin' In The Rain ไล่ตั้งแต่พีดี ผู้กำกับ คนเขียนบท ครูสอนเต้น จนถึงนักแสดง เริ่มต้นที่พี่เจย์ พี่เค้าบอกว่าผมจะเป็นดอน ล็อควู้ดที่สดใสที่สุดในบรรดาแคสติ้งทั้งหมด พี่จินอีที่แม้จะไม่มีโอกาสได้เล่นคู่กันสักรอบ ก็ออกมาพูดว่าเสียดายเหลือเกิน เธออยากจะได้เล่นคู่กับผมสักครั้ง พี่ซูจินบอกผมว่าเธอรักแทยอนเหมือนน้องสาวแท้ๆ อีกคน และตลอดระยะเวลาที่ซ้อมด้วยกันมา เธอไม่ลังเลเลยที่จะฝากน้องสาวคนนี้ไว้ในมือผม สุดท้าย ภาพเดี่ยวๆ ของพี่คยูฮยอนก็ปรากฎอยู่บนหน้าจอ
"แบคฮยอน... พี่รู้ว่านายอาจจะสนิทกับรยออุค พี่ฮีชอล หรือพี่เยซองมากกว่าพี่ ก็แหงล่ะ... นายน่ะ ทั้งน่ารัก สดใส แถมยังขี้อ้อน ใครจะไม่ตกหลุมรักนายที่เป็นแบบนั้นกันล่ะ" ดวงตาของพี่คยูฮยอนฉายแววอ่อนโยน แต่ก็ยังแอบทำปากบึนเหมือนติดจะงอนผมหน่อยๆ เมมเบอร์ในวงพากันหัวเราะที่พี่เค้าทำสีหน้าแบบนั้น
"แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่เราซ้อมมาด้วยกัน พี่ก็เชื่อนะว่าพี่สนิทกับนาย จะว่าไป พี่ก็ตกหลุมรักเราที่ไม่เคยท้อ ไม่เคยยอมแพ้ แล้วก็ยังคงยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะให้คนในกองได้เสมอ... เพราะนายไม่เคยตั้งกำแพงใส่ใคร ทุกคนก็เลยทลายกำแพงเข้าไปหานายได้อย่างง่ายดาย รู้อีกทีก็ตกหลุมรักรอยยิ้มแบบนั้นไปซะแล้ว...
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พี่รู้ว่านายเจอเรื่องสาหัส น่าตลกนะ... ปัญหาที่นายเจอ เป็นสิ่งที่พี่เคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น ในเวลานั้น... เทียบกับนายแล้ว พี่แย่กว่ากันเยอะเลย พี่ไม่เคยยิ้มสู้เอล์ฟได้ตอนที่โดนโห่ไล่ พี่ไม่เคยให้กำลังใจเมมเบอร์—ตรงกันข้าม กลับโวยวายอาละวาดด้วยซ้ำตอนที่พี่ฮันคยองจากไป พี่ไม่ได้ทำหน้าที่แฟนที่ดี ช่วยรักษาใจซันนี่ในวันที่เราสองคนมีปัญหา... ทั้งหมดนั้นนายทำมันได้ดีกว่าพี่ แบคฮยอนอา...”
ผมรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวเมื่อสบตากับพี่ชายที่แสนใจดีผ่านจอคอมพิวเตอร์ รู้สึกได้ถึงสัมผัสอบอุ่นที่พี่เขามักจะชอบมาขยี้หัวผมบ่อยๆ เวลาเราซ้อมแท๊ปแดนซ์ด้วยกัน
“ยิ้มให้พี่ดูอีกครั้งตั้งแต่วันนี้ได้ไหม? แล้วพี่สัญญา ว่าพี่จะไปดูนายแสดงรอบแรก เราจะต้องร้องเพลงผ่านสายฝนนี้ไปด้วยกันนะ ดอน ล็อควู้ด”
ภาพวิดีโอบนหน้าจะดับพรึ่บ แต่ใจผมกลับเต็มไปด้วยแสงสว่าง...
ฝนยังไม่หยุดตกหรอกครับ...
แต่ผมมีร่มตั้งหลายคัน ไม่เห็นจะต้องกลัวเลย
ความคิดเห็น