ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SM Town] Singin' In The Rain : หัวใจในละอองฝน

    ลำดับตอนที่ #7 : SINGIN' IN THE RAIN | 7

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 57




    แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วผมจะได้จับมือเดินไปด้วยกันกับพี่ ต่อให้เป็นปอดบวมตาย ผมก็ยอม



     

    มือของฉันนั่งกำพวงมาลัยนิ่งตั้งแต่ขับรถเข้ามาจอด ไม่ใช่ว่าไม่คุ้นกับมินิคูเปอร์ของซันนี่ แต่เพราะรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้...

    ตั้งแต่วันนั้นที่น้องไปหาที่หอ เราก็ไม่ได้มีโอกาสเจอกันอีกเลย พวกเราโซนยอชีแดต้องบินไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น สวนทางกับเอ็กโซที่เพิ่งบินกลับมาจากจีน อันที่จริงฉันกับซันนี่เพิ่งบินกลับมาด้วยซ้ำ ยัยนั่นมีซ้อมละครเวทีต่อแล้วก็ชวนฉันมาด้วย

    ถึงซันนี่จะไม่พูดอะไรนอกเหนือจากนั้น แต่ฉันก็รู้ดี รู้ว่าเพื่อนรักคนนี้กำลังทำเพื่อฉันอยู่...

    ฉันฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ เพิ่งจะได้โทรศัพท์มือถือคืนจากเมมเบอร์ที่ผลัดกันเฝ้าไม่ยอมห่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรมากไม่ได้ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ฉันทำคือเข้าไปโพสต์คอมเมนท์กล่าวขอโทษแฟนคลับ ไม่อยากให้ทุกอย่างไปตกอยู่ที่แบคฮยอน ฉันตั้งใจไว้แล้ว... ว่าฉันจะปกป้องเขา

    ก๊อก ก๊อก!

    เสียงเคาะกระจกทำให้ฉันเงยหน้าขึ้น แล้วหัวใจก็เต้นผิดจังหวะอย่างช่วยไม่ได้

    เป็นแบบนี้ทุกทีที่อยู่ใกล้บยอนแบคฮยอน...

    เขาเปิดประตูรถก้าวขึ้นมานั่งข้างๆ ท่าทางตกใจเล็กๆ

    "พี่มาได้ยังไงครับ? หรือว่าพี่ซันนี่..."

    ฉันยิ้มกว้างส่งให้เขาแทนคำตอบ รู้สึกขอบตาร้อนๆ แฮะ...

    "เหนื่อยไหม? เมมเบอร์ในวงว่าอะไรรึเปล่า? ข้อความในแฟนคาเฟ่ก็ยังไม่ได้เข้าไปดูสินะ?" ฉันถาม แล้วแบคฮยอนก็ส่ายหน้าช้าๆ กลับมาเป็นคำตอบ เหมือนเด็กน้อยที่เชื่อฟังผู้ใหญ่

    "แทยอนล่ะ? ไม่ได้คิดมากอยู่ใช่ไหม ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผมนะ ผมสบายดีทุกอย่างเลย..."

    เขาพูดทั้งหมดออกมา และนั่นก็ทำให้น้ำตาหยดลงมาอย่างห้ามไม่ได้ เขาเอื้อมมือมาปาดน้ำตาบนแก้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน

    "รู้ไหม?... ว่าผมกลัวเป็นหวัด กลัวเจ็บคอ กลัวไม่สบายถ้าจะต้องตากฝน..."

    "...................."

    "แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วผมจะได้จับมือเดินไปด้วยกันกับพี่ ต่อให้เป็นปอดบวมตาย ผมก็ยอม"

    ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะซบหน้าลงบนไหล่กว้างๆ ของเขา การคบไอดอลด้วยกันเป็นเรื่องทรมาน รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังห้ามใจตัวเองไว้ไม่ได้ คิมแทยอน... เธอนี่มันแย่จริงๆ เป็นรุ่นพี่ที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ...

    "อย่าโทษตัวเองนะ ผมไม่อนุญาตให้พี่โทษตัวเอง" น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาเอ่ยออกมา

    "นายก็เหมือนกัน" ฉันสะกดกลั้นน้ำตา มองเขาด้วยรอยยิ้มที่ฝืดฝืนเหลือเกิน

    "เดินไปด้วยกันนะครับ ผมอาจจะปกป้องพี่ไม่ได้ แต่ผมจะอยู่ข้างๆ พี่เสมอ เราจะเดินไปด้วยกันจนสุดทางนะ"

    "อื้อ"

    "ต่อให้ผมโกหกคนทั้งโลก แต่ผมก็อยากให้พี่รู้เอาไว้..." แบคฮยอนสบตาฉันนิ่ง อะไรบางอย่างในแก้วตาสีดำขลับนั้นทำให้ฉันเชื่อสุดหัวใจว่าอะไรก็ตามที่เขาจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง

    "...พี่คือคนๆ เดียวที่ได้รับความจริงใจทั้งหมดของผม ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันสุดท้ายในชีวิต"

    ฉันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินในความเงียบงัน แบคฮยอนจูบหลังมือฉันเบาๆ ทิ้งกุญแจรถไว้ให้ก่อนจะกลับออกไป

    ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเวลากี่นาทีที่เราได้พบกัน อาจจะแค่ห้านาที หรือสิบนาทีเท่านั้น...

    ...แต่มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ล้ำค่าเหลือเกิน

     

    "อืม งั้นเหรอ... อ่า ดูแลกันดีๆ นะ อื้อ สู้ๆ พี่ก็รักนาย"

    "เป็นไงบ้างรยองกู?" ผมหันไปถามเพื่อนซี้ คิมรยออุคที่มีสีหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงไปบนโต๊ะอย่างเซ็งๆ

    "สาหัสเลย นี่พูด"

    ผมมองสีหน้าเพื่อนซี้ ตั้งแต่ที่มีข่าวผมเจอกับน้องทุกรอบที่ไปซ้อม แต่เจ้าเด็กนั่นไม่พูดอะไรเลย ถึงจะดูเครียดๆ แต่ก็ขยันซ้อมเต็มที่ โชคดีที่ช่วงนี้น้องไม่มีไลฟ์ แต่แค่ไปอัดรายการอินกิกาโย ก็ได้ข่าวว่าโดนเล่นเข้าซะแล้ว ผมพยายามถาม แต่น้องก็ไม่ปริปากพูดซักคำ เลยขอให้รยออุคโทรเช็คกับดีโอให้

    "คยองซูบอกว่าแบคฮยอนซึมลงไปมาก น้องโดนยึดมือถือ เมเนเจอร์ตามประกบไม่ห่าง ล่าสุดอาทิตย์ที่แล้วไปอัดรายการกับซูโฮ แฟนคลับตะโกนเรียกว่า 'คนทรยศ' ตั้งแต่วันนั้นก็ยิ้มไม่ออกอีกเลย ไม่พูดไม่คุยกับใคร กลับถึงหอก็เก็บตัวเงียบ ข้าวก็ไม่ค่อยกิน อาทิตย์เดียวน้ำหนักลดไปห้ากิโลแล้ว"

    "ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่แย่เหรอเนี่ย" ผมถอนหายใจออกมา รู้สึกผิดที่น้องต้องกลายเป็นเหยื่อขณะที่ผมกับซันนี่ลอยลำมาได้ พี่ซึงฮวานบอกว่าดิสแพชมโนข่าวเขียนสกู๊ปพิเศษของน้องเอง แถมยังพยายามโยงว่าน้องกับแทยอนจีบกันผ่านอินสตาแกรมโดยที่ไม่ถามความยินยอมจากเรา ทีนี้ล่ะเป็นเรื่องยาวเลยครับ แฟนคลับออกมาตีโพยตีพายกันหนักเลยว่าน้องทำแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลย มันเป็นแค่เกมของสำนักข่าวที่อยากกวนให้เรื่องเป็นกระแสได้นานๆ

    "เอาน่า เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น นี่จะบอกว่าหุ้นขึ้นไปหลายจุดเลยนะ นายได้เช็คมั่งมั้ย"

    "แล้วใครมันจะมีอารมณ์ไปเช็ควะ นี่ค่ายก็สั่งห้ามฉันเจอหรือพูดถึงซันนี่เด็ดขาด โดนงดเดทยาวๆ เลยเนี่ย"

    "ยังจะต้องเดทอีกเหรอ นายน่ะ เล่นละครคู่กับซันนี่ แถมได้จูบจริงบนเวทีอีกตะหาก"

    "นั่นก็โดนสั่งห้ามเหมือนกัน รอบหลังจากนี้ต้องจูบแบบเล่นมุมกล้องแทน"

    รยองกูหัวเราะเยาะผมอย่างหน้าหมั่นไส้ แล้วเราทั้งคู่ก็เงียบกันไป ก่อนจะเป็นผมที่ถอนหายใจยาวๆ

    "ทำไมไอดอลมีความรักมันถึงได้เป็นเรื่องยากขนาดนี้นะ?...ทั้งน้อง ทั้งแทยอน ฉันกับซันนี่ก็ด้วย พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ ทำไมต่างคนต้องต่างก้มหน้ารับในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดด้วย"

    "คิดในแง่ดีเข้าไว้สิ" รยออุคตบไหล่ผมเบาๆ "ว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักจะสดใสไม่ใช่เหรอ?"

    "น่ากลัวจะปอดบวมตายก่อนฝนหยุดน่ะสิ" ผมตอบเพื่อนรักแบบเกรียนๆ แล้วมันก็หัวเราะลั่น

    "เทียบกับพวกเราแล้ว น้องเดินไปถึงความสำเร็จง่ายกว่า เร็วกว่า... แต่ว่านี่จะเป็นบททดสอบของน้อง จะเป็นเชือกที่มัดพวกเด็กๆ สิบเอ็ดคนเอาไว้ด้วยกันนานเท่านาน เหมือนกับที่ตอนนี้ตัดยังไง เชือกซูจูก็ไม่มีวันขาด อย่ากังวลไปเลยน่า นายต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นกำลังใจให้น้องอีกแรงนะ"

    ผมยิ้มรับคำตอบนั้น มองดูภาพของแบคฮยอนที่ปรากฎขึ้นบนหน้าจอทีวีที่เปิดทิ้งไว้

    หวังก็แต่เพียงว่าให้ฝนมันซาลงเร็วๆ เท่านั้นเอง...

     

    เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มทันทีจนแม้แต่พวกเราที่อยู่บนรถตู้ยังรับรู้ได้ ครบอาทิตย์แล้วที่ข่าวหลุดออกมา แต่ความนิยมของพวกเราก็ยังคงล้นหลามไม่เปลี่ยน

    ผมหันไปมองแบคฮยอน รอยตื่นกลัวในแววตาสีดำสนิททำให้ผมปวดหนึบในใจ

    ถ้าผมเป็นเขา ผมจะทนได้ขนาดนี้มั้ยนะ?

    หน้าม่าน บยอนแบคฮยอนก็แค่นิ่งเงียบ ไม่ออกมาพูดอะไร แต่หลังม่านรู้ไหมครับว่ามันหนักหนาสาหัสแค่ไหน เวลาพักซ้อม เขาแอบเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว พอออกมาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คำพูดติดปากตอนนี้คือคำว่า 'ขอบคุณ' และ 'ขอโทษ' ทั้งๆที่บางทีมันก็ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ เสียงหัวเราะ คำพูดกวนประสาทไม่เคยมีอีกเลย แบคฮยอนกลับไปเป็นเหมือนช่วงสองเดือนก่อนเดบิวท์ คือกดดันตัวเอง และกลัวไปซะหมดทุกอย่าง เขากลัวกระทั่งว่าพวกเราจะเกลียดเขาไปอีกคน

    ตั้งแต่วันแรกที่เป็นข่าว แบคฮยอนได้รับจดหมายจากแฟนคลับเป็นสิบๆฉบับ เขียนมาสาปแช่ง บางคนส่งรูปพี่แทยอนที่โดนกรีดจนยับเยินแล้วระบายสีแดงมาให้เขา บางคนตัดพ้อต่อว่าหาว่าเขาเป็นตัวถ่วง เป็นคนทรยศ และไม่คู่ควรที่จะอยู่ในวง แบคฮยอนอ่านมันทั้งหมด... เขาไม่แม้แต่จะร้องไห้ ใช้มือขาวซีดสั่นเทาเปิดออกดูทีละฉบับ จนเทากับเซฮุนทนไม่ไหว ต้องเอาจดหมายเหล่านั้นขยำใส่เครื่องปั่นแล้วเอาไปเททิ้งลงชักโครก

    จากนั้นเป็นต้นมาแบคฮยอนเลยโดนสกรีนงานอย่างเข้ม ห้ามออกอีเวนท์ที่ต้องเจอกับแฟนคลับตรงๆ จดหมายหรือของขวัญก็ต้องให้พี่ผู้จัดการตรวจเช็คดูก่อนทุกชิ้น ในช่วงเวลาทำงาน แบคฮยอนโดนยึดโทรศัพท์ ส่วนในช่วงพัก เมมเบอร์ก็ผลัดกันเฝ้า อนุญาตให้คุยเฉพาะกับเพื่อน ครอบครัวและพี่แทยอนได้เท่านั้น ห้ามเข้าไปดูคอมเมนท์หรือเล่น SNS เด็ดขาด

    แต่ถึงจะเลี่ยงยังไง วันนี้ก็ต้องมาถึง... เรามีตารางงานที่ต้องขึ้นแสดง และมันจะเป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนได้ออกไปเจอแฟนคลับจังๆ...

    ผมมองดวงตาปริ่มน้ำคล้ายจะร้องไห้ของเขา เด็กน้อยสูดลมหายใจลึกๆ กับตัวเองหลายที จนจงอิน คยองซู และพี่ซูโฮลงไปก่อนแล้ว เหลือแต่ผมกับเซฮุนที่ยังนั่งรออยู่

    "พวกนายลงไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป"

    "ลงไปพร้อมกันนี่แหละ" ผมพูดแบบนั้น แล้วแบคฮยอนก็ยิ้มจางๆ

    "แต่ฉันไม่อยากให้นายกับเซฮุนโดนโห่ไล่ไปพร้อมๆ กัน..."

    ผมได้แต่นิ่งอึ้ง รู้สึกปวดใจจนในอกแทบระเบิด ในเวลาแบบนี้... แบคฮยอนก็ยังคงคิดถึงแต่คนอื่น แคร์คนอื่นมากกว่าตัวเอง เซฮุนกำหมัดแน่น มือสั่นเทาแล้วพูดออกมา

    "ช่างมันปะไร ใครโห่มา ผมจะโวยกลับให้ดู!"

    ผมคว้าข้อมือแบคฮยอน จูงเขาลงมาจากรถด้วยกัน เสียงกรี๊ดแฟนคลับดังกระหึ่ม ผมรู้สึกได้ว่าเขามือสั่น แบคฮยอนบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม แล้วก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่มองใคร ไม่ยิ้มให้ใคร จังหวะนั้นมีเสียงหลายเสียงตะโกนคำที่ไม่ค่อยดีออกมา ผมตวัดสายตาไปมองอย่างหาเรื่อง เซฮุนเองก็ทำแบบเดียวกัน จนกระทั่งเราวิ่งเข้ามาในตึก แบคฮยอนก็ตัวสั่นเหมือนลูกนก ใบหน้าซีดเผือด และสะดุ้งทุกทีที่เสียงแฟนคลับกรี๊ดดังขึ้นเป็นระลอก

    "ช...ชานยอลอ่า... วันหลังอย่าไปดุแฟนๆ อีกนะ เขามารอเจอพวกนายตั้งนาน..."

    "เขามารอเจอ พวกเรา ต่างหาก พี่อย่าไปสนใจ ผมได้ยินมีคนตะโกนเชียร์พี่ตั้งเยอะ" จงอินเดินเข้ามาลูบหลังเจ้าลูกหมาที่ตอนนี้ดูเครียดจัดจนผมทนมองไม่ไหว ต้องเดินหนีออกมาหาพี่ซูโฮและคยองซูที่ยืนอยู่อีกทาง

    "ฉันไม่เคยเห็นแบคฮยอนเปราะบางขนาดนี้มาก่อนเลย" ดีโอเปรยขึ้นมาด้วยท่าทางเป็นห่วง

    "ผมไม่อยากเชื่อว่าแฟนคลับจะทำกันได้ถึงขนาดนี้ แบคฮยอนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ! นี่มันมากเกินไปแล้ว!" ผมระบายอย่างหงุดหงิด นึกถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในเจ็ดวันนี้แล้วก็โกรธ โกรธที่ได้แต่มอง โกรธที่ช่วยอะไรไม่ได้ โกรธที่คนเคยรักกลับหันหลังใส่ให้อย่างเย็นชาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

    เราจะทำยังไงกันดีครับ? ไม่รู้ว่าแฟนคลับจะทำแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน... ตอนนี้แบคฮยอนไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ซูบจนจะเป็นกระดูกอยู่แล้ว คอนเสิร์ตก็ต้องซ้อม ละครก็ต้องเล่น คยองซูเอ่ยขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้ม

    นั่นสินะ... แต่ถึงยังงั้นเราก็ถูกสั่งห้ามไว้ว่าพูดอะไรไม่ได้ เราต้องทำให้แฟนคลับเห็นว่าพวกเรารักแบคฮยอน พวกเราขาดแบคฮยอนไม่ได้ แฟนๆจะได้กลับมารักเขาเหมือนเดิม พี่ซูโฮตอบ

    แต่มันจะมีวันเป็นเหมือนเดิมเหรอพี่ ผมว่าแฟนคลับออกอาการมากกว่าเรื่องพี่คริสอีกนะ?” ผมเอ่ยปากถามแล้วพี่จุนมยอนก็ส่งสายตาดุทันที ในวงเราไม่พูดชื่อต้องห้ามนี้มาตั้งแต่เกิดเรื่องครับ โดยเฉพาะต่อหน้าพี่ซูโฮ คือเป็นประเด็นอ่อนไหวมาก

    ของอย่างนี้เวลาเท่านั้นแหละที่จะช่วยได้ เราต้องรักแบคฮยอนให้มากๆ ทดแทนความรักจากแฟนคลับที่เขาสูญเสียไปนะ

    ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ พี่สไตล์ลิสท์ก็ต้อนพวกเราเข้าไปที่ห้องเตรียมตัวเพื่อแต่งหน้า พวกเราห้าคนผลัดกันมองเจ้าลูกหมาอย่างเป็นห่วง เขาได้แต่ยิ้มจางๆ โค้งทักทายทีมงานที่ต่างก็มองมาอย่างเห็นใจ พี่ช่างแต่หน้าที่สนิทกันเดินไปแหย่ แต่แบคฮยอนก็แค่ยิ้มรับ ทั้งๆที่ทุกทีเขาต้องกวนประสาทกลับแล้วทำเสียงโวยวาย

    จะว่ายังไงดี... พวกเราคิดถึงแบคฮยอนคนก่อน

    บยอนแบคฮยอนที่เป็นพลัง เป็นแสงสว่าง เป็นเสียงหัวเราะ เป็นแรงผลักดันให้พวกเราทุกคนเสมอๆ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด

    ทั้งๆ ที่เขาทำให้ผมยิ้มได้เสมอในวันที่เหนื่อยล้า แต่พอสถานการณ์กลับกัน เรากลับทำอะไรเพื่อช่วยเขาไม่ได้เลยสักอย่าง ผมทำให้เขายิ้มไม่ได้เลย...

    โทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมมองดูชื่อบนหน้าจอก่อนจะกดรับสายขณะพี่ช่างแต่งหน้ากำลังตั้งใจทารองพื้นให้

    "อ่า ว่าไงเฉินๆ"

    "ไอ้หมาเป็นไงบ้างอ่ะชานยอล?"

    "ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ต่างจากซอมบี้สักเท่าไหร่"

    "แล้วแฟนๆทำยังไงบ้าง? ว่าอะไรแบคฮยอนไหม? มีคนกรี๊ดให้แบคฮยอนบ้างรึเปล่า?" คราวนี้สลับเป็นเสียงของพี่ลู่หานที่ถามรัวเร็วอย่างเร่งรีบ ผมได้ยินเสียงง้องแง้งของเทาอยู่ข้างหลัง แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงความบ้าดีเดือดของมักเน่ฝั่งจีน ใครๆ ก็รู้ว่าเทาทั้งหวง ทั้งรักแบคฮยอนอย่างกับอะไรดี วันแรกที่แบคฮยอนโดนซาแซงเล่นงาน เจ้าตัวหวิดจะอัพ SNS ด่ากราดไปแล้ว ติดตรงที่โดนพี่มินซอกสกัดดาวรุ่งไว้ซะก่อนว่าขืนยิ่งทำแบบนั้น แบคฮยอนจะยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเข้าไปใหญ่

    "ก็พอมีนะ ส่วนมากเหมือนจะเป็นแฟนๆ ต่างประเทศ"

    "เหรอ... แฟนๆ เกาหลีล่ะ?"

    "ก็... ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่" ผมตอบกลับไป ท่าทางเหมือนจงแดจะกดเปิดสปีกเกอร์โฟนให้เมมเบอร์ฝั่งเอ็มได้ฟังกันอย่างทั่วถึง

    "น่าเสียดายนะ แฟนๆเกาหลีน่ะ ทั้งๆที่พูดภาษาเดียวกัน ยืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกันแท้ๆ น่าจะรักและเข้าใจแบคฮยอนได้มากที่สุดสิ" พี่เลย์เปรยออกมาแล้วเสียงทางปลายสายก็เงียบไป

    ...มันก็จริงอย่างที่พี่เลย์พูด ถึงแม้ว่าพวกเราจะรักแฟนคลับทุกชาติ ทุกคนเท่าๆกันอย่างไม่มีเกี่ยง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟนๆ ต่างชาติลำบากกว่ากันเยอะ โอกาสได้เจอกันก็น้อยกว่า ไหนจะอุปสรรคเรื่องภาษา ทำให้ไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยตรง หลายๆ คนก็ลงทุนไปเรียนภาษาเกาหลีมาเพื่อฟังเพลงของพวกเราโดยเฉพาะ หรือบางทีด้วยไทม์โซนที่ต่างกัน ก็ทำให้ต้องอดหลับอดนอนเพื่อเฝ้ารอดูพวกเรา บางคนถึงกับลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินมาดูเราที่นี่เพียงเพื่ออยากจะได้เห็นพวกเรากับตาตัวเองสักครั้ง

    แต่ทั้งอย่างนั้น พวกเค้ากลับเข้าใจเรา รักเราโดยไม่มีข้อกำหนดเงื่อนไขใดๆ พร้อมจะล้มลงจนแตกสลายเป็นชื้นเล็กชิ้นน้อยแล้วประกอบเราขึ้นมาใหม่โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเจ็บปวดสักแค่ไหน...

    ผมคิดได้ยังงั้นแล้วก็นึกอะไรดีๆ ออก เพียงแต่... มันอาจจะต้องใช้เวลา

    แบคฮยอนที่กำลังเปราะบางและปริร้าวจวนเจียนจะแตกสลาย ผมจะทำให้เขาดีเหมือนเดิม... ไม่สิ ผมจะประกอบหัวใจแสนบริสุทธิ์ของเขาให้ดีกว่าเดิม และมันจะต้องสวยงาม แข็งแกร่งกว่าเก่า

    ปาร์คชานยอลคนนี้จะทำให้แบคฮยอนกลับมาส่องสว่างอีกครั้งให้ได้เลยครับ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×