ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] Feminine Club : คลับลับฉบับสาวๆ!

    ลำดับตอนที่ #6 : Profile No.5 : ยุนอา

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 54


    GUESTS INTRODUCTION

    Nichkhun 2PM  |  UEE After School  | Kim Tae Woo



    Profile No.5 :ยุนอา

    ตำแหน่งในคลับ : สมาชิกคลับ
    อายุ : 16 ปี (ม.ปลาย ปี 1)
    โรงเรียน : ร.ร.สตรีโซฮวา
    อื่นๆ : เป็นเน็ตไอดอล

                    “พี่คะ...” ผู้ชายที่ยืนตรงหน้าฉันหันหลังกลับมา ฉันสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดออกไป... “ฉันรักพี่ค่ะ”

                    “พี่ก็รักเธอเหมือนกัน”

                    “คัท! เยี่ยมมาก ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานนะ!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นแล้วงานวันนี้ก็สิ้นสุดลง ฉันโค้งคำนับทีมงาน รวมทั้งโจคยูฮยอนแห่งวงปริ๊นซ์ที่ฉันเพิ่งสารภาพรักไปตะกี้

                    ฉันเพิ่งรับงานถ่ายโฆษณามาน่ะค่ะ งานนี้พี่เจสสิก้าอิจฉาฉันใหญ่เลยเพราะพี่สิก้าน่ะชอบพี่คยูฮยอนเอามากๆ แหม... ก็ทั้งหล่อ ทั้งเสียงดีแบบนี้ ฉันเจอพี่เค้าครั้งแรกยังแทบหลงแน่ะค่ะ >_< ยิ่งเวลาร้องเพลงนี่เล่นเอาแทบละลายเลย แถมตัวจริงยังนิสัยดี เฟรนด์ลี่สุดๆ ถึงแม้จะขี้แกล้งไปนิดแต่ก็มีความรับผิดชอบดีนะคะ

                    “อ๊ะ พี่คะ มีรุ่นพี่ของฉันคนนึงชอบพี่มากๆเลย ช่วยเซ็นต์ลายเซ็นให้หน่อยได้ไหมคะ?”

                    “หืม? แน่ใจนะว่าจะเอาไปให้เพื่อน ไม่ใช่เก็บเอาไว้เอง?” นั่นไง =_= พี่เขาอำฉันอีกแล้ว ที่จะมุกหลงตัวเองนี่ชอบนำเสนอจริงๆ “พี่ล้อเล่นหรอกน่า ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นก็ได้ เพื่อนเธอชื่ออะไรล่ะ?”

                    ถ้าบอกว่าชื่อเจสสิก้าจะฟังดูตลกรึเปล่านะ?... อืม...

                    “จองซูยอนค่ะ ชื่อจองซูยอน” ฉันตัดสินใจบอกชื่อจริงของพี่สิก้าไป

                    “เอ้านี่” พี่คยูฮยอนยื่นกระดาษคืนมาให้พร้อมกับรอยยิ้มละลายใจสาวอีกแล้ว ฉันโค้งให้เค้า ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณก่อนออกมาจากกองถ่าย... เฮ้อ~ หมดไปงานนึงก็มีอีกงานนึง...

                    ชีวิตของเน็ตไอดอลเนี่ยมันช่างวุ่นวายจริงๆเลยน้า~

                   

     

                “ขอโทษจริงๆนะ ยุนอา” ซอนฮวามองหน้าฉันอย่างรู้สึกผิด ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ฮันซอนฮวาเพื่อนสนิทฉันที่เป็นเน็ตไอดอลเหมือนกันประสบอุบัติเหตุระหว่างการถ่ายโฆษณาทำให้กระดูกข้อเท้าร้าว คิดว่าน่าจะเดินไม่ได้ไปอีกเป็นเดือนเลยล่ะค่ะ

                    “ขอโทษอะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง” ฉันยิ้มกว้างส่งให้เพื่อนรักของฉัน

                    เรื่องของเรื่องคือ ฮันซอนฮวา เพื่อนซี้ของฉันที่เป็นเน็ตไอดอลเหมือนกันไปรับงานถ่ายโฆษณาชิ้นนึงเข้าน่ะค่ะ แล้วเธอก็ดันมาเจ็บขาซะแบบนี้ ด้วยเหตุนี้ซอนฮวาก็เลยขอร้องให้ฉันรับงานนี้แทน เรื่องเล็กแค่นี้เอง ก็แค่มีงานเพิ่มมาอีกนิดหน่อย นี่ก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้วฉันคงต้องไปแล้วล่ะค่ะ

                    “งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีกที หายเร็วๆล่ะ” ฉันยิ้มให้เพื่อนของฉันก่อนจะเดินออกมาจากห้อง

                    อืม... สตูดิโออยู่แถวมยองดงเหรอเนี่ย อา... ก็ไม่ไกลแฮะ แต่เพื่อความชัวร์ นั่งแท็กซี่ไปดีที่สุดค่ะ

                    อีกสิบห้านาทีต่อมา ฉันก็มายืนอยู่หน้าสตูดิโอถ่ายภาพของนิตยสารแห่งหนึ่งในย่านมยองดง เอาล่ะ ยุนอา... ไฟท์ติ้ง!

                    “สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายทีมงานในกองถ่ายพร้อมกับโค้งคำนับลง

                    “คุณอิมยุนอาที่มาแทนซอนฮวาใช่ไหมครับ? ผมคิมแทอู เป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์แหม ตัวจริงน่ารักกว่ารูปในเน็ตอีกนะเนี่ย” ผู้ชายตัวสูงท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามารับฉัน ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงฉันเข้าไปแนะนำกับทุกๆคนในกองทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และทีมงานฝ่ายต่างๆ แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดคือหนึ่งในทีมงานนั้นมีคนที่ฉันรู้จักด้วยค่ะ

                    คิมฮยอนอา!

                    “โอ๊ะ รุ่นพี่ยุนอา สวัสดีค่ะ” ฮยอนอาดูแปลกใจไม่แพ้กับฉันเลยล่ะค่ะ

                    “อ้าว เธอรู้จักยุนอาด้วยเหรอ?” พี่แทอูหันมามองหน้าเราสองคนแบบงงๆ

                    “ค่ะ ฮยอนอาเป็นรุ่นน้องโรงเรียนฉันเอง ว่าแต่ทำไมเธอถึงได้มาอยู่นี่ล่ะ?” ฉันตอบพี่แทอูก่อนจะหันไปถามฮยอนอา

                    “อ๋อ หนูมาทำงานพิเศษน่ะค่ะ พอดีว่าหนูเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่แทอู พี่เค้าเลยให้มาช่วยในกองถ่ายได้ ^^

                    “มาช่วยหรือมาป่วนกันแน่” ฮยอนอาตีพี่แทอูไปหนึ่งที - -

                    “เอาล่ะๆ รู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว ว่าแต่คุณยุนอารู้คอนเซปต์รึยังครับ?”

                    “ค่ะ พอจะทราบจากซอนฮวามาบ้างแล้ว” ฉันตอบ

                    “ยังไงผมอธิบายอีกทีแล้วกันนะครับ คอนเซปต์คือเรื่องราวความรักครับ เป็นเรื่องรักในวัยเรียน นักเรียนหนุ่ม ม.ปลายคนนึงใช้ชีวิตไปวันๆ เรียนๆเล่นๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมีนักเรียนหญิงคนนึงเพิ่งย้ายโรงเรียนมา เธอสวยสง่า และเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทุกคนในทันที พระเอกของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาขอร้องให้เพื่อนสนิทช่วยเป็นแม่สื่อให้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนรักของเขาคนนี้แอบมีใจให้เขามาตลอด แต่เธอก็พยายามอย่างมากที่จะเป็นแม่สื่อให้เขา ให้กำลังใจ และอยู่เคียงข้างเขาในทุกเวลา จนกระทั่งท้ายที่สุด นักเรียนหนุ่มม.ปลายก็เข้าไปสารภาพรักกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าเขาชอบ เพื่อนรักของเขามาเห็นเข้า เธอหัวใจสลายและยอมหลีกทางให้ เธอสอบชิงทุนไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วก็กำลังจะจากเขาไป แต่เมื่อพระเอกรู้ความจริง เขาก็รู้ตัวว่าแท้ที่จริงแล้วเขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น คนที่เขารักมาตลอดคือเพื่อนสนิทของเขาต่างหาก สุดท้ายแล้วเขาก็ไปสารภาพรักกับเธอครับ เป็นอันว่าแฮปปี้เอนด์ดิ้ง” พี่คิมแทอูเล่ามาซะยาวยืดแถมยังทำท่าอินสุดๆด้วยล่ะค่ะ

                    “แล้ว... บทของฉัน?”

                    “อ๋อ เป็นนักเรียนหญิงที่ย้ายมาใหม่น่ะครับ” พี่แทอูตอบทันที

                    “ค่ะ... ว่าแต่ใครเล่นเป็นพระเอกเหรอคะ?”

                    “พอถามปุ๊บก็เดินมาโน่นเลยครับ” พี่แทอูยิ้มกว้างพยักเพยิดไปทางข้างหลัง ฉันหันกลับไปมอง แล้ววินาทีนั้นเหมือนลมหายใจของฉันก็สะดุดไปซะดื้อๆ

                    ดวงตากลมโตนั่น ผิวขาวรางเปล่งประกาย รอยยิ้มที่เหมือนเทพบุตร...

                    “สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักทายพร้อมกับโค้งคำนับ เล่นเอาฉันหน้าร้อนวาบเลยล่ะค่ะ อ๊าย! อิมยุนอา! เธอเจอดาราหล่อๆกว่านี้มาตั้งเยอะ ทำไมถึงได้ทำตัวน่าอายแบบนี้ล่ะ

                    “ส... สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักเขาตอบพร้อมกับโค้งคำนับเช่นกัน ให้ตายเถอะ! นี่ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆจริงๆนะเนี่ย >.<

                    “อ่ะ นิชคุณ นี่คุณอิมอุนอา จะมารับบทแทนซอนฮวาที่ถอนตัวไปเพราะบาดเจ็บน่ะ ยุนอา นี่นิชคุณนะ เธอคงจะรู้จักเขาอยู่แล้วล่ะ” พี่แทอูแนะนำเสร็จสรรพ แน่นอนล่ะค่ะ ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไง เขาเป็นไอดอลชื่อดังที่ใครๆก็กำลังจับตามองอยู่นี่นา!

                    ให้ตายเถอะ ถ่ายซีรีย์โฆษณาคู่กับเขานี่สงสัยฉันจะได้แอนตี้แฟนเพิ่มขึ้นมานับล้านเลย

                    “อ๊ะ! นางเอกมาแล้วโน่น” พี่แทอูดันพวกเราสองคนให้เดินไปทางฝ่ายคอสตูมที่มีสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ เธอกำลังทักทายทุกๆคนพร้อมกับคำขอโทษที่มาสายก่อนจะหันมายิ้มกว้างกับพี่แทอู

                    “อีตาหมี!

                    “คิมยูจิน ใครใช้ให้เธอเรียกพี่แบบนั้นหา! เดี๋ยะปั๊ดเหนี่ยว” แล้วเธอก็ถลาเข้ามาตะครุบปิดปากพี่แทอูทันที

                    “อยากตายรึไง -*- บอกแล้วไงว่าให้เรียก ยูอีพี่นี่ตัวโตแต่สมองเท่าเม็ดถั่วจริงๆ”

                    “นี่! ยูจิน”

                    “สวัสดีค่ะ ฉันยูอีนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก ^^ เกิดปี 88 ตอนนี้อยู่ ม.ปลายปีสุดท้ายแล้วค่ะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับพวกคุณนะคะ” รุ่นพี่ยูอีคว้ามือฉันมาเขย่าพร้อมๆกับนิชคุณ อืม... ตัวจริงท่าทางรั่วดีแฮะ =__=

                    รุ่นพี่ยูอีเป็นเน็ตไอดอลมาก่อนค่ะ แต่เธอเดบิวท์เข้าวงการมาได้สองปีกว่าแล้ว ตอนนี้กลายเป็นทั้งนางแบบ นักแสดง และเป็นไอดอลที่ใครๆก็รู้จัก แหม ทั้งสูง ทั้งสวย ทั้งหุ่นดีแบบนี้ หนุ่มๆที่ไหนก็ต้องหลงรักแหละ เวลาพี่เค้ายิ้มทีนี่ถ้าฉันเป็นผู้ชายฉันก็คงละลายแล้วไปแล้วล่ะค่ะ

                    “แทอู! มานี่หน่อยซิ”

                    เสียงเรียกดังขึ้นจากทางฝั่งสตาฟฟ์ พี่แทอูโบกมือตอบก่อนจะหันมายิ้มให้พวกเรา

                    “ทำความรู้จักกันไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายเมื่อไหร่แล้วพี่จะบอก”

                    พวกเราสามคนพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมายิ้มให้กันอย่างเขินๆ อา... โชคดีจัง คราวนี้ฉันได้ร่วมงานกับดาราดังเลยนะเนี่ย > < แหม ตื่นเต้นจังค่ะ เดี๋ยวต้องไปเมาท์กับสาวๆเอฟคลับซะแล้ว

     

     

                อิมยุนอา... คนนี้น่ะเหรออิมยุนอา

                    เธอสวยมาก ผิวขาว ตาโต ผมยาวสีดำสนิท ไม่แปลกใจเลยที่หนุ่มๆหลายคนจะหลงใหลเธอ โดยเฉพาะรอยยิ้มใสซื่อเหมือนเด็กแบบนั้น

                    “ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่ใช่คนเกาหลีเหรอคะ?” เธอถามผม

                    “ครับ ผมเป็นคนไทย มาอยู่เกาหลีได้สามปีแล้ว แต่เพิ่งจะเดบิวท์เมื่อปีที่แล้วน่ะครับ ^^

                    “หวา พูดเกาหลีเก่งมากๆเลยค่ะ” ตาโตๆนั่นมองผมเป็นประกาย คนอะไร เหมือนตุ๊กตาชะมัด

                    “แล้วคุณมาจากประเทศอะไรเหรอคะ?” คราวนี้ยูอีเป็นฝ่ายถามผมบ้าง เธอก็น่ารักเหมือนกันนะครับ แต่ว่าผมชอบแบบยุนอามากกว่าแฮะ

                    “ผมมาจากประเทศไทยน่ะครับ”

                    “อืม” สองสาวพยักหน้าทำท่าเป็นเชิงรับรู้ แล้วก่อนที่เราจะได้คุยอะไรกันมากกว่านั้นพี่ทีมงานสไตล์ลิสต์ก็ต่างคนต่างจับพวกเราแยกกันไปคนละทางเพื่อไปเตรียมตัวแต่งหน้าทำผม อันที่จริงวันนี้ยังไม่ได้เริ่มถ่ายตัวโฆษณาหรอกครับ แต่พวกเรามาถ่ายภาพโปสเตอร์ที่จะใช้โปรโมทก่อน กว่าจะเริ่มกองจริงๆก็คงเป็นอาทิตย์หน้า

                    ผมแทบจะรอทำงานกับเธอไม่ไหวแล้วล่ะครับ

     

     

                “ถามจริงๆเถอะ เธอเป็นเอฟคลับรึเปล่า?”

                    ฉันแทบสำลักบะหมี่ที่เพิ่งโซ้ยเข้าไปเมื่อตะกี้นี้ ส่วนตัวการคนถามนั่งทำตาใสอยู่ข้างๆ

                    ตอนนี้เป็นช่วงพักกองถ่ายค่ะ เรามาถ่ายทำกันที่โรงเรียนแห่งนึง เพราะว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ที่โรงเรียนก็เลยไม่วุ่นวาย แต่ถึงยังงั้นแฟนคลับของพี่นิชคุณกับพี่ยูอีก็ตามมาเชียร์เพียบเลยล่ะค่ะ

                    “พูดอะไรกันคะพี่ ฉันน่าจะเป็นฝ่ายถามพี่มากกว่าว่าพี่เป็นเอฟคลับรึเปล่า พี่ออกจะดังขนาดนี้” ฉันตอบพี่ยูอีที่เอามือเท้าคางใช้ตะเกียบเขี่ยเศษข้าวในจานเล่น

                    “ถ้าเป็นเอฟคลับก็ดีน่ะสิ รู้ไหมว่าตอนพี่เข้าวงการแรกๆน่ะลำบากสุดๆเลย จำได้ว่างานแรกคือไปถ่ายแบบ แต่อีตาผู้กำกับกลับใช้ให้พี่ไปชงกาแฟซะงั้น ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้หรอก เดบิวท์ปุ๊บดังปั๊บ” พี่ยูอีชำเลืองมองไปทางจำเลยที่นั่งหน้าซื่อก่อนจะส่งยิ้มแบบวิ้งๆกลับมา

                    “พูดถึงผมเหรอ?”

                    “อย่ามายิ้มยังงั้นนะยะ! >.<” พี่ยูอีทำท่าเหมือนแฟนเกิร์ลกรี๊ดไอดอล = = เอิ่ม...

                    “ว่าแต่คำถามที่ยูอีเพิ่งถามไป ผมก็อยากรู้นะ”

                    “ฉันจะเป็นหรือไม่เป็นเอฟคลับแล้วมันทำไมเหรอคะ?”

                    “น้องสาวผมเขาค่อนข้างสนใจเรื่องนี้น่ะ เลยอยากรู้บ้าง ^^” เขาตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มใสซื่ออีกแล้ว

                    เฮ้อ~ ประเด็นนี้อีกแล้ว เพราะฉันทำหน้าที่เป็น ภาพลักษณ์ให้กับเอฟคลับ เพราะงั้นคนส่วนใหญ่ถึงได้เข้ามาฉันด้วยเหตุผลนี้ ทั้งเพื่อนผู้หญิง เพื่อนผู้ชาย ทุกๆคนหวังจะได้ประโยชน์จากเส้นสายที่ฉันมีจากการได้เป็นเอฟคลับ นี่ขนาดยังไม่รู้ความจริงยังทำกันแบบนี้ ถ้าเกิดเค้ารู้ว่าฉันเป็นเอฟคลับจริงๆจะขนาดไหนกันนะ?

                    “เตรียมถ่ายต่อในอีกห้านาที!” ผู้ช่วยผู้กำกับตะโกนขึ้นมาก่อนจะหันไปคุยกับพี่แทอู แล้วหลังจากนั้นพี่เค้าก็วิ่งมาหาพวกเรา

                    “เอาล่ะ ซีนต่อไปของยุนอากับคุณนะ ไปเตรียมตัวเถอะ”

                    พี่ยูอีนั่งเท้าคางส่งยิ้มหวานให้เราก่อนที่ฝ่ายเมกอัพจะเข้าไปเติมเครื่องสำอางให้ แล้วฉันก็ต้องไปเตรียมตัวกับนิชคุณ

                    ฉากที่เรากำลังจะถ่ายเป็นฉากที่พระเอก ซึ่งก็คือพี่คุณต้องพยายามเข้ามาจีบฉัน แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจค่ะ ถึงจะมีบทอยู่แล้วแต่เพราะเป็นการถ่ายเอ็มวีที่เก็บแต่ภาพเฉยๆ บทพูดก็เลยไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ แค่แสดงอารมณ์ออกมาให้ได้ก็พอแล้ว

                    “เอาล่ะ! 5 4 3 2 แอ็คชั่น!

                    ฉัน... อิมยุนอา ดาวโรงเรียนที่หนุ่มๆหมายปองกำลังเดินอยู่บนทางเท้าที่โปรยปรายไปด้วยใบไม้แห้งสีน้ำตาลแห้ง ฉันหยิบไอพอดขึ้นมาเสียบหูแล้วออกเดินต่อ แต่ใครคนหนึ่งกลับเดินเข้ามาคว้าข้อมือฉันไว้ ฉันหันกลับไป- - ดึงหูฟังออกข้างหนึ่ง

                    “อิมยุนอา” เขาพูดด้วยเสียงไม่ดังไปกว่าการกระซิบ

                    “มีอะไรคะ?” ฉันตอบไปตามบทด้วยเสียงที่ดังกว่าเขาเล็กน้อย

                    “ช่วยตอบคำถามเมื่อกี้ได้ไหม?” คำถาม... เดี๋ยวสิ บทมันไม่ใช่แบบนี้นี่นา

                    “ช่วยพูดให้ตรงบทด้วยค่ะ”

                    “นี่แหละบทของผม ว่าไงล่ะ? ตกลงเธอเป็นเอฟคลับจริงๆใช่ไหม?” เขาดึงฉันเข้ามาใกล้แต่ฉันขืนตัวไว้ ให้ตายสิ! คนอะไรตื๊อชะมัด

                    “นี่มันระหว่างการทำงานนะคะ ฉันไม่มีเวลาจะตอบคำถามไร้สาระของพี่หรอกค่ะ” ฉันปัดมือเขาออกก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกมา น่าแปลกที่คราวนี้เขายอมปล่อยฉันแต่โดยดี

                    “คัท!” เสียงผู้กำกับตะโกนดังก้องขึ้นมา ก่อนที่ทีมงานจะพากันปรบมือ พี่แทอูวิ่งตรงเข้ามาหาฉันทันที

                    “แสดงอารมณ์ได้ดีมากเลยนะยุนอา” ให้ตาย... เมื่อกี้ฉันลืมไปสนิทเลยว่ากำลังแสดงอยู่!

                    “ข...ขอบคุณค่ะ” ฉันโค้งขอบคุณพี่เค้าก่อนจะหันหน้ากลับไปมองหน้าตัวการที่โดนทีมแต่งหน้ารุมอยู่ เขาเหลือบมามองฉันแว่บหนึ่งก่อนจะยกนิ้วโป้งให้

                    นี่หมอนั่นจงใจเหรอเนี่ย!

     

                “พี่นิชคุณน่ะเหรอ?” ทิฟฟานี่ตาเปล่งประกายขึ้นมาทันทีก่อนจะหันไปกรี๊ดกร๊าดกับเจสสิก้า “เขาเรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติที่เดียวกันกับพวกพี่ล่ะ กำลังฮอตสุดๆเลยนะ”

                    “ฮอตสู้พี่คยูฮยอนของฉันไม่ได้หรอก” เจสสิก้าทำจมูกย่นใส่ฟานี่

                    “แหม ใครก็สู้โจคยูฮยอนของเธอไม่ได้หรอกย่ะ สิก้า” ฉันเอานิ้วชี้จิ้มๆ เจสสิก้าเป็นเชิงล้อเลียน

                    “ใช่ๆ แต่ใครก็สู้พี่จียงของพี่ไม่ได้หรอก พี่แทงกู” นั่นไงคะ ฉันโดนเจ้าเหม่งยุนบลั๊ฟกลับเข้าให้แล้วไง - -“ ตอนนี้ฉันไม่ใช่คนเดียวในคลับที่มีแฟนซะหน่อย!

                    “ว่าแต่... พักนี้ฉันโดนถามเรื่องที่เป็นเอฟคลับเยอะมากเลยนะคะ จะตอบยังไงดีล่ะ” ยุนอาถอนหายใจก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

                    พวกเราได้แต่มองหน้ากัน เฮ้อ... ชะตากรรมของยุนอานี่น่าสงสารจริงๆค่ะ เธอน่ะเรียกได้ว่าเป็น ภาพลักษณ์ของเอฟคลับเลยทีเดียว เป็นคนที่โดดเด่นจนใครๆก็เดาออกได้ว่าเป็นเอฟคลับ แต่จะตอบรับก็ไม่ได้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะในทางกลับกัน เธอก็เป็นเหมือนข้อพิสูจน์ให้ใครๆ รู้ว่าเอฟคลับมีตัวตนอยู่จริงๆ

                    “จะว่าไปแล้วพี่นิชคุณก็มักจะมีข่าวแต่กับสาวๆ ที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกเอฟคลับทั้งนั้นเลยนะ” ฟานี่เปรยขึ้นมา “ทั้งรุ่นพี่อียอนฮี โกอารา อะไรแบบนี้น่ะ”

                    “รายล่าสุดก็ใช่นะ ยูอีไง ถึงจะไม่ได้เป็นสมาชิกคลับเราจริงๆก็เถอะ” ซันนี่ที่นอนเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่บนโซฟาพูดขึ้นทั้งๆที่ไม่หันมามองพวกเราด้วยซ้ำ

                    “ข่าวนั่นที่กองถ่ายเค้าปล่อยออกมาดึงกระแสเอ็มวีเองแหละค่ะ”

                    “แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวเค้าอยากมีข่าวกับเธอมากกว่าหรอกเหรอ?” ซันนี่เล่นเกมรุกต่อ ก่อนจะยกโน๊ตบุ๊คขึ้นมาวางไว้ให้พวกเราดูบนโต๊ะ

                    เฮ้ย!

                    เว็บไซต์ที่ซันนี่เปิดอยู่คือบล็อกส่วนตัวของนิชคุณ เอนทรี่ล่าสุดที่เพิ่งอัพเป็นรูปถ่ายตอนเผลอของยุนอา ใต้ภาพมีข้อความด้วยล่ะค่ะ

                   

     

                สาวในฝันของผมเองครับ ^^ - ปาปารัสซี่คุณ

     

                    “เฮ้ย! เป็นแบบนี้ได้ไง” เจ้าตัวร้องลั่นก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที “ฮือ ฉันตายแน่เลยอ่ะพี่ ยังงี้ทั้งนักข่าวทั้งแอนตี้แฟนต้องตามคุ้ยประวัติฉันไม่เหลือแน่ๆ”

                    “ทำไงดีล่ะ” ฟานี่สบตากับสิก้าอย่างเป็นกังวล

                    “ใจเย็นๆก่อนน่ายุนอา ข่าวมันไม่ได้ออกมาทางด้านลบซักหน่อย เท่าที่พี่ดูในแฟนคาเฟ่ของพี่คุณแล้วทุกคนก็สนับสนุนเธอดีนะ หลายคนยังบอกว่าเธอน่ารักมากอีกด้วย อาจจะแย่หน่อยก็ตรงที่... เธอคงมีคนรู้จักมากขึ้น แต่ยังไงพอเอ็มวีตัวนี้ออกฉายทุกคนก็ต้องสนใจเธออยู่แล้วล่ะ” ซันนี่ชี้แจงเหตุผลแต่ดูเหมือนว่ายุนอาก็ยังกลุ้มใจอยู่ดี

                    “ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นล่ะค่ะ...”

     

     

                “คุณแอบถ่ายรูปฉันแล้วเอาไปลงบล็อกใช่ไหม?” นางฟ้ายุนอาตอนนี้จะกลายเป็นซาตานแล้วครับ แต่ตอนโกรธก็ดูน่ารักดีแฮะ

                    “ทำไมล่ะ ไม่ชอบรูปมุมนั้นเหรอ ผมว่าก็สวยแล้วนะ จะเปลี่ยนรูปมั้ยลองมาเลือกดูสิมีอีกเยอะเลย ^^

                    “นี่คุณเป็นสโตล์กเกอร์รึไง!” เธอจ้องผมตาเขียวปั้ดเลยครับ แหม จริงๆผมมีแค่รูปนั้นรูปเดียวแหละ แค่อยากแหย่เล่นเท่านั้นเอง

                    “ไม่ได้สโตล์กกิ้งหรอกนะ แต่คนมันชอบนี่นา”

                    เจอประโยคนี้เข้าไปยุนอาถึงกับนิ่งไปเลยครับ เธอเริ่มหน้าแดงขึ้นมาแล้วด้วย

                    “ล...เหลวไหล...”

                    “ไปเดทกันมั้ย?”

                    “ไม่มีทาง!

     

     

                เฮ้อ~ ฉันถอนหายใจอีกรอบแบบเซ็งๆ เพราะตาบ้านั่นคนเดียว ชีวิตฉันถึงได้วุ่นวายไปหมดแบบนี้ ให้ตายเถอะ! จะไปโรงเรียนก็ไม่ได้เพราะมีนักข่าวอออยู่เต็มไปหมด ได้แต่ต้องรอให้คนซาลงไปเอง ไม่ค่อยได้ไปเรียนแบบนี้ ฉันจะซ้ำชั้นมั้ยเนี่ย T T

                    ว่าแล้วคนอยู่ว่างๆ อย่างฉันก็เลยไปเดินเล่นแถวทงแดมุนดีกว่า จะได้ไปชอปปิ้งให้หนำใจเลย > < เพิ่งจะได้เงินค่าตัวมาด้วย ฮิฮิ

                    เอ... ว่าแต่ หาอะไรกินดีกว่า~

                    ฉันลองเดินไปเรื่อยๆ สายตาก็มองหาของกิน แต่แล้วก็ดูเหมือนว่าคนจะแน่นๆขึ้นยังไงไม่รู้แฮะ... และแล้วฉันก็เห็นสาเหตุค่ะ นั่นมันทีมงานกองถ่ายรายการอะไรซักอย่างอยู่ข้างหน้าแถมยังมีนักข่าวอยู่เต็มไปหมด... โอ้ อิมยุนอา เธอนี่ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆเลย จะยืนอยู่ทำไมล่ะคะ! โกยดีกว่าแบบนี้

                    “อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ฉันเดินชนเด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่งที่ชะเง้อคอมองกองถ่ายนั่นอยู่ ฉันหยิบถุงข้าวของของเธอที่ร่วงลงมาส่งคืนให้ วินาทีนั้นแหละที่เธอสบตากับฉันเต็มๆ

                    “คุณคืออิมยุนอาที่เป็นแฟนพี่คุณใช่ไหมคะ?”

                    ซวย ซวย ซวย! อิมยุนอา เธอนี่นะ!

                    “ขอโทษค่ะ คุณทักผิดคนแล้วล่ะ” ว่าแล้วฉันก็รีบโกยอ้าวในขณะที่เพื่อนๆของเด็กคนนั้นเริ่มกรี๊ดกร๊าด ฉันหยิบหมวกไหมพรมจากในกระเป๋าขึ้นมาสวมแล้วหันไปมองข้างหลัง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์

                    “เฮ้ย! นั่นไง อิมยุนอาจริงๆด้วย!” หนึ่งในบรรดานักข่าวที่มาทำข่าวชี้ไม้ชี้มือมาทางฉัน แล้วฉันจะอยู่ทำไมล่ะคะ ก็วิ่งสิ!

                    โอ๊ย! ชีวิตฉัน ยังไม่ทันจะได้เดบิวท์กับเขาก็มีข่าวเลิฟไลน์กับไอดอลหนุ่มแล้ว แบบนี้พรุ่งนี้จะมีระเบิดหรืออะไรซักอย่างส่งไปที่บ้านมั้ยเนี่ย ฮือ อยากจะร้องไห้ เพราะอีตานิชคุณคนเดียวเลย!

                    ฉันได้แต่วิ่ง วิ่ง และวิ่งค่ะ พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่ก็ยังตามกันไม่เลิก ฉันวิ่งมาจนถึงถนนใหญ่ สัญญาณข้ามเพิ่งเปลี่ยนเป็นไฟสีแดง โธ่! ฉันเลยเปลี่ยนเป็นวิ่งเลียบไปตามถนนแทน

                    “คุณยุนอา รอเดี๋ยวครับ!” เสียงพวกนั้นยังคงวิ่งตามมา นี่จะวิ่งตามกันไปจนสุดขอบโลกเลยหรือไง T T ฮือ ถ้ามีเวลาหยุดพักโทรเรียกให้พี่ซันนี่ส่งรถมารับก็ดี โอ๊ย เหนื่อย!

                    แล้วจู่ๆรถตู้สีดำคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดตรงหน้าฉันก่อนที่ประตูรถจะเปิดออกมา

                    นิชคุณ!

                    “ขึ้นมาเร็ว!

                    ฉันส่งมือให้เค้าก่อนจะก้าวขึ้นรถตู้ไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ทันทีที่ประตูปิดลงรถตู้ก็เร่งความเร็วขึ้นทันที แสงแฟลชแวบวาบยังตามมาอีกสองสามครั้งก่อนที่บรรดานักข่าวจะสลายตัวกลับไป

                    “เกือบไปแล้วเชียว” นิชคุณหันหลังกลับไปมองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่รถของเขาติดฟิล์มดำไว้หมด เลยมั่นใจได้ว่าพวกนักข่าวจะไม่มีทางรู้แน่ๆว่าคนที่มาช่วยฉันไว้เป็นใคร

                    “ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดกับเขา

                    “ด้วยความยินดีครับ จริงๆแล้วผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ถ้าผมไม่เล่นสนุกแบบนั้นคุณคงไม่เดือดร้อนขนาดนี้” เขาตอบกลับมา

                    “คิดเป็นด้วยเหรอ”

                    “อ้าว คุณ... ไอ้เรารึอุตส่าห์พูดดีๆ”

                    โครก~

                    ฉันรีบเอามือกุมท้องตัวเองที่ส่งเสียงโอดครวญโดยอัตโนมัติ ฮือ T T ขายขี้หน้าที่สุดเลย นิชคุณมองมาที่ฉันก่อนจะหัวเราะน้อยๆ

                    “ไปกินข้าวกันเถอะครับ ผมเลี้ยงเอง”

                    ก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอกนะคะ แต่เรื่องกินเนี่ย อิมยุนอาขอยอมแพ้จริงๆ ยิ่งถ้ากินฟรีด้วยแล้วเนี่ย ปฏิเสธไม่ลงจริงๆค่ะ T T

                    “พี่ครับ ขับไปนัมแดมุนทีนะฮะ” เขาหันไปบอกผู้จัดการที่พยักหน้าตอบ

                    แค่ยี่สิบนาทีเราก็มาถึงนัมแดมุน ย่านตลาดเก่าของโซลค่ะ... จะว่าไปฉันก็ไม่ค่อยมาเดินแถวนี้เลยแฮะ

                    “จะให้พี่มารับรึเปล่า” พี่ผู้จัดการหันมาถามนิชคุณที่สวมหมวกแก๊ปแล้วดึงฮู้ดขึ้นมาปิดทับ

                    “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับเอง”

                    “ระวังตัวด้วยแล้วกัน” เขากำชับก่อนจะส่งยิ้มให้ฉัน แล้วนิชคุณก็ก้าวลงประตูรถไป ฉันบอกขอบคุณพี่ผู้จัดการก่อนจะเดินลงมา แล้วรถตู้สีดำก็จากไปอย่างรวดเร็ว

                    “เคยมาเดินแถวนี้รึเปล่า?” เขาถามฉัน 

                    “ก็มาบ้างนะคะ แต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่”

                    “แถวนี้น่ะนะ เดินสบายกว่าทงแดมุนเยอะเลยเพราะว่าวัยรุ่นไม่ค่อยมาเดินกันเท่าไหร่ ถึงจะมีของให้เลือกซื้อไม่เยอะ แต่แถวนี้น่ะมีร้านอาหารอร่อยๆเพียบเลย ผมเองก็มากินที่นี่ประจำ- -อ๊ะ นี่ไง ร้านนี้ร้านประจำผมเลย”

                    แล้วเขาก็จูงมือฉันเข้าไปในร้านเก่าๆร้านหนึ่ง คุณป้าเจ้าของร้านยิ้มให้เขาอย่างใจดี

                    “อ้าว วันนี้พาแฟนมาด้วยเหรอจ๊ะ”

                    “พูดแบบนั้นเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่นะครับป้า เธอเป็นน้องสาวผมน่ะครับ” เขาพูดก่อนจะหันมาขยิบตาให้ฉัน

                    “จ้ะ ป้าไม่บอกนักข่าวหรอก อันที่จริงร้านเล็กๆแบบนี้ก็ไม่มีนักข่าวที่ไหนมานั่งอยู่แล้วล่ะ นั่งกันก่อนสิจ๊ะ”

                    คุณป้าเจ้าของร้านเดินพาพวกเราไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะรินน้ำชาร้อนๆให้ ฉันกำลังเหลือบมองเมนูที่แปะอยู่บนผนัง แต่นิชคุณแทบไม่มองเลยล่ะค่ะ

                    “กินเผ็ดได้ใช่ไหม?” เขาถาม ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณป้าเจ้าของร้าน

                    “ป้าครับ โดโทรีมกที่นึง ข้าวเปล่าสองกับซุปสองถ้วยนะครับ อ้อ เอาโดโทรีกุกซูด้วยนะครับ”

                    “จ้า” ป้าเจ้าของร้านขานรับก่อนจะเดินหายเข้าครัวไป

                    “โดโทรีมก?” ฉันเลิกคิ้ว

                    “อื้อ เคยกินรึเปล่า คุณเป็นคนเกาหลีจะไม่เคยกินโดโทรีมกได้ยังไง”

                    “แต่ฉันไม่เคยเห็นใครกินโดโทรีมกกับข้าวนะ = =

                    “ของแบบนี้มันต้องลอง” เขายิ้มกว้างพอดีกับที่จานอาหารยกมาเสิร์ฟ เขายกถ้วยข้าวลงมาวางให้ฉันพร้อมกับถ้วยน้ำซุป ก่อนจะส่งยิ้มให้ฉัน “เวลากินน่ะต้องทำแบบนี้” แล้วเขาก็ตักโดโทรีมกโปะลงมาบนถ้วยข้าวก่อนจะรินน้ำซุปใส่ลงไปเล็กน้อย หวา~ น่ากินจังแฮะ

                    “น่ากินใช่มั้ยล่า” เขายิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบถ้วยข้าวของฉันไปแล้วยกถ้วยข้าวโปะโดโทรีมกเรียบร้อยแล้วของเขามาวางไว้แทน “ลองกินดูสิ”

                    ฉันหยิบช้อนขึ้นมาแล้วมองหน้าเขานิดหนึ่ง ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก โห~ อร่อยจริงๆด้วยอ่ะ

                    “อร่อยใช่ม้า” เขายิ้มแล้วเท้าคางมองหน้าฉัน น่ารักเป็นบ้าเลยแฮะ

                    “แล้วคุณไม่กินบ้างเหรอคะ?”

                    “เรียกผมว่า พี่คุณได้ไหม?”

     

     

                “เรียกผมว่า พี่คุณได้ไหม?”

                    ตาโตๆของเธอเบิกกว้างขึ้นนิดหนึ่ง เธอดูมีท่าทางลังเล แต่แล้วก็ยิ้มขึ้นมาทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปาก

                    “เห็นแก่ที่พามาเลี้ยงของอร่อยหรอกนะ ก็ได้ค่ะ พี่คุณ ^^” ให้ตายเถอะ แค่นี้ผมก็อิ่มแล้วครับ

                    ยุนอาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าตัวเล็กๆผอมๆแบบนี้จะกินเก่งเอามากๆ เธอทั้งยิ้มทั้งหัวเราะแล้วก็ชวนผมคุย นี่เหมือนเป็นยุนอาที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย หลังจากกินโดโทรีมกแล้วเราก็ออกไปเดินเล่นกัน ผมพาเธอไปกินต๊อกบกกี พาจอน แล้วก็ต่อด้วยไอศครีม จากนั้นเราก็แวะเกมเซ็นเตอร์ กว่าจะรู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืนแล้ว

                    “สนุกจังเลย > <~

                    “ผอมๆ แบบนี้กินเก่งชะมัด ระบบเผาผลาญเธอนี่สุดยอดไปเลย” ผมแซวเธอ

                    “ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ พอรู้สึกว่าท้องว่างก็จะกินตุนเอาไว้ก่อน บางทีก็กินข้าวไปสามชามทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองหิวหรือไม่หิว” เธอหันมาตอบผมพร้อมเสียงหัวเราะสดใส

                    ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เหมือนไปหยุดอยู่ที่อะไรบางอย่าง ผมหันไปมอง แล้วก็เห็นแผงขายเครื่องประดับข้างทาง ผมสบตาที่เป็นประกายของเธอแล้วก็จูงมือเธอเข้าไปดูใกล้ๆ

                    “ป้าครับชิ้นนี้เท่าไหร่” ผมชี้ไปที่ยางรัดผมรูปอมยิ้มสีส้มสดใส ยุนอาหันมามองผมตาโต

                    “สองพันวอนจ้ะพ่อหนุ่ม”

                    แล้วผมก็ควักแบงค์พันวอนให้ป้าไปสองใบก่อนจะคว้ายางรัดผมอันนั้นมาแล้วส่งยิ้มให้ยุนอา

                    “หันหลังสิ” ผมบอกเธอ พลางจับยุนอาที่ดูท่าทางเขินๆ ให้ยืนหันหลัง แล้วรวบผมยาวๆไว้ด้วยที่รัดผมสีส้มน่ารัก “เวลากินน่ะ รำคาญผมใช่ไหมล่ะ? พี่เห็นเอื้อมมือไปจับบ่อยๆ มัดไว้แบบนี้จะได้กินง่ายๆ ดีไหม?”

                    ผมพูดกับเธอ แล้วยุนอาก้หันกลับมาคล้ายแปลกใจอะไรบางอย่าง

                    “ไม่เคยมีใครซื้อของแบบนี้ให้ฉันมาก่อนเลย... ขอบคุณนะคะ” รอยยิ้มน่ารักของเธอเล่นเอาหัวใจผมเต้นแรงแล้วเธอก็ดูเหมือนจะหน้าแดงขึ้นมานิดๆ เหมือนกัน

                    “เอ่อ... ฉันกลับดีกว่าค่ะ เดี๋ยวรูมเมทจะรอ”      

                    “ดึกขนาดนี้แล้วเธอจะกลับบ้านยังไง ให้พี่ไปส่งนะ”

                    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอดีฉันอยู่หอพักก็เลยกลับบ้านดึกได้”

                    “แต่ยังไงมันก็ดึกแล้ว พี่ไปส่งนั่นแหละ ปลอดภัยดี”

                    เธอยิ้มรับแต่ก็ยอมให้ผมโบกมือเรียกแท็กซี่ ผมเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง ก่อนจะหันไปถามจุดหมายปลายทางจากเธอ หอพักก็อยู่ไม่ไกลนี่เอง ไว้ไปส่งเธอก่อนแล้วผมค่อยนั่งแท็กซี่กลับหอของตัวเองก็ได้...

                    “ตกลง... เธอเป็นเอฟคลับจริงๆ รึเปล่า?” ผมหยอดเธออีกรอบ คราวนี้สีหน้าที่มีรอยยิ้มของยุนอาเปลี่ยนไปเป็นหงุดหงิดทันที

                    “ทำไมคะ? ทำไมทุกคนถึงได้สนใจฉันเพราะฉันเป็นหรือไม่เป็นเอฟคลับ ทำไมไม่สนใจที่ฉันเป็นฉัน เป็นอิมยุนอา!

                    อืม... นอกจากกินเก่งแล้วยังของขึ้นง่ายด้วยแฮะ

                    “ยังไงก็ดีออก มีคนสนใจ... ตอนพี่เดบิวท์แรกๆ น่ะต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเป็นที่รู้จัก...”

                    “เพราะงั้นก็เลยใช้สาวๆ เอฟคลับเป็นบันไดใช่ไหมล่ะคะ?” เธอสวนกลับมาทันที ดวงตาโตๆ คู่นั้นคาดโทษผมเต็มที่ ทำไมพูดเรื่องนี้ทีไรเธอต้องโมโหขึ้นมาทุกทีเลยนะ?

                    “จอดตรงนี้แหละค่ะ” เธอบอกโชเฟอร์ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปอย่างไม่ใยดี เดือดร้อนผมต้องรีบควักเงินจ่ายค่าแท็กซี่แล้ววิ่งตามเธอลงมา

                    “ยุนอา! รอเดี๋ยวสิ”

                    “ตามมาทำไมคะ? แค่นี้ฉันเดินไปเองได้ พี่คงหมดธุระกับฉันแล้ว เพราะฉันคงเป็นบันไดให้พี่ไม่ได้ ลาล่ะค่ะ” เธอโค้งผมก่อนจะเดินลิ่วๆนำหน้าไป นี่โกรธอะไรขนาดนี้นะ

                    แล้วผมก็ได้แต่เดินตามเธอไปเงียบจนกระทั่งเธอเดินหายลับขึ้นหอไป

                    ตลอดทางที่เดินมา ยุนอาไม่หันกลับมามองผมซักครั้งเดียว...

     

     

                “เฮ้อ~!

                    “อกหักรึไง?” ยุนอาแทบจะตกเก้าอี้กับคำถามของฉัน

                    “พี่ทิฟฟานี่!

                    “ล้อเล่นแค่นี้ทำร้อนตัวไปได้” คนที่หยอดต่อจากฉันคือซันนี่ที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆ ยัยนี่แยกประสาทได้ยังไงกันนะ = =

                    “ฉันไม่ได้อกหักซักหน่อย ก็แค่...”

                    “ก็แค่?” แทยอนเลิกคิ้ว

                    “ก...ก็...แค่...แค่หงุดหงิด”

                    ฉันกับแทยอนสบตากันแบบงงๆ คนหงุดหงิดบ้านไหนเขานั่งถอนหายใจทิ้งกันเป็นใบไม้ร่วงนะ

                    “อกหักก็บอกมาเถอะยุนอา พี่เข้าใจนะ เพราะพี่ก็เพิ่งเลิกกับแฟนมา” ซันนี่พูดขึ้นลอยๆ ทั้งๆ ที่สายตายังไม่ละไปจากเกม ซันนี่เนี่ยเห็นยังงี้เนื้อหอมเอาการนะคะ มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาไม่ขาด แต่ก็มักจะโดนทิ้งตลอดด้วยข้อหาที่ว่า น่ารักเกินไป

                    “พี่ซันนี่ ฉันจะอกหักได้ยังไง ยังไม่มีแฟนซักหน่อย!

                    “ก็นายนิชคุณนั่นไงล่ะ วันก่อนพี่เห็นยูริบ่นว่าเธอกลับดึกเชียว พอมาถึงก็ไม่พูดอะไร ปึงปังเข้าห้องไปเลย ยูริสงสัยเลยชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างแล้วเห็นนายนิขคุณนั่นยืนมองอยู่ข้างล่าง” ซันนี่ร่ายได้เป็นฉากชนิด CNN ยังเรียกว่าเทพ น่ากลัวจริงๆ = =

                    “น...นั่นมัน...” ยุนอาเองก็ชักจะเริ่มแก้ตัวไม่ออก ฉันกับแทยอนสบตากันอีกรอบ ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปดึงยุนอาให้กลับลงมานั่งด้วยกัน

                    “ใจเย็นๆก่อนน่า เกิดอะไรขึ้นไหนเล่าให้พวกพี่ฟังซิ” คราวนี้ซันนี่ถึงกับปิดเกมแล้วกระเถิบเข้ามาฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

                    “ก็...เขา... เขาชวนฉันไปเดทมา”

                    “นั่นปะไร!” แทยอนตบโต๊ะฉาด แต่ก็โดนซันนี่มะเหงกไปทีนึงโทษฐานขัดน้อง ลีดเดอร์ของเราเลยทำหน้าบูด แต่ก็นั่งฟังต่อแต่โดยดี

                    “ฉันคิดว่าเขาไม่ได้สนใจฉันจริงๆหรอกค่ะ เขาแค่ชอบฉันเพราะคิดว่าฉันเป็นเอฟคลับ แล้วฉันก็เป็นเอฟคลับจริงๆ เขาไม่ได้สนใจว่าอิมยุนอาคนนี้เป็นใคร แต่สนใจอิมยุนอาคนที่เป็นเอฟคลับต่างหาก”

                    พวกเรานิ่งเงียบกันไปพักหนึ่งหลังจากได้ฟังคำพูดของยุนอา แทยอนค่อยๆเอื้อมมือข้ามโต๊ะมากุมมือน้องรองของเราก่อนจะพูดขึ้น

                    “พี่รู้ว่าหน้าที่การเป็น ภาพลักษณ์ของเอฟคลับมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยยุนอา เธอคือคนที่แบกรับภาระหนักที่สุด...หนักกว่าพี่ด้วยซ้ำ แต่อย่างนึงที่พี่อยากให้เธอคิด ณ ตอนนี้คือ... การที่เธอได้มาเป็นเอฟคลับ เพราะเธอคืออิมยุนอา คนที่ถูกเลือก รู้ไหม”

                    “ใช่” ฉันเสริมก่อนจะโอบไหล่น้องสาวเบาๆ “เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นอิมยุนอาธรรมดาๆ หรืออิมยุนอาแห่งเอฟคลับ ยังไงก็เป็นคนๆเดียวกัน ถ้าเธอชอบเขา ก็ถามให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ดีกว่าที่จะมานั่งปิดกั้นตัวเองอยู่แบบนี้ แล้ววันนึงเธออาจจะมาเสียใจทีหลังที่ตัดสินเขาผิดไปก็ได้”

                    ยุนอาค่อยๆยิ้มขึ้นมา ก่อนจะสบตาพวกเราทีละคน

                    “ขอบคุณนะคะ”

     

     

                “เอาล่ะ ต้องทำได้สิ!” ฉันกำลังรวบรวมสมาธิ วันนี้ฉันมาถ่ายทำมูฟวี่โฆษณานี่เป็นคิวสุดท้ายแล้ว... ไม่ว่ายังไงก็ต้องถามเขาให้ได้... แล้วก็คงต้องบอกความในใจกับเขาด้วย...

                    ฉันชะโงกหน้าออกไปตรงหัวมุมข้างๆห้องแต่งตัว... นั่นไงเขาเดินเข้ามาแล้ว > <! อ๊าย! ตื่นเต้นชะมัด

                    ฉันสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะหันไปมองอีกที อ๊ะ...นั่นพี่ยูอีนี่นา รอพี่เขาไปก่อนดีกว่า

                    “เดี๋ยว ยูอี” พี่คุณคว้าข้อมือพี่ยูอีไว้

                    “มีอะไรเหรอ?”

                    “อย่า...อย่าไปเลยนะ” เขาพูดออกมาแทบเป็นเสียงกระซิบ

                    “ปล่อยฉันเถอะคุณ เดี๋ยวยุนอาจะมาเห็นเข้า...” พี่ยูอีพยายามแกะมือเขาออก แม้เธอจะหันหลังแต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าพี่เขาคงมีสีหน้าลำบากใจ

                    “สำหรับฉัน... ยุนอาเป็นเหมือนดารา เป็นแค่ความประทับใจ... แต่คนที่ฉันรักมาตลอด... คือเธอ ยูอี”

                    ทั้งสองคนนิ่งไปก่อนที่พี่คุณจะค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปหาพี่ยูอี...

                    ฉันหันหลังกลับมาพร้อมน้ำตาที่ควบคุมไม่อยู่

                    สุดท้ายแล้วฉันก็เป็นได้แค่ อิมยุนอาที่ทุกคนมอง แต่ไม่เคยคิดจะรัก...

     

     

                “เฮ้! ยุนอา!

                    ฉันโบกมือเรียกรูมเมทของฉัน ยุนอาเหมือนจะเห็นแล้ว เธอหันไปพูดกับทีมงานสองสามคำก่อนจะรีบปลีกตัววิ่งมาหาฉัน

                    “พี่ยูริ มาได้ยังไงเนี่ย!

                    “นี่เธอไม่รู้ตัวเหรอว่าลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่หอน่ะ พอดีพี่ต้องแวะมาหาเพื่อนแถวนี้เลยเอามาให้เธอด้วย”

                    “ขอบคุณนะคะ” ยุนอารับโทรศัพท์ตัวเองคืนไปพร้อมยิ้มหวาน แต่หน้าตาดูเหนื่อยๆชอบกล ฉันกับยุนอาเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ย้ายเข้ามาเรียนในโซลเหมือนกัน หลังจากที่พวกเราได้รู้จักกันที่เอฟคลับ พวกเราก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่หอด้วยกันน่ะค่ะ ประหยัดค่าห้องดีด้วย

                    “พาเพื่อนมาด้วยเหรอ?” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง พอฉันหันไปมองก็ปะทะกับความหล่อบาดตาและออร่าปิ๊งปั๊งเข้าอย่างจัง คนอะไรกัน หล่อขั้นเทพขนาดนี้!

                    “สวัสดีครับ ผมนิชคุณครับ ^^

                    “อ้อ สวัสดีค่ะ ฉันยูริ เป็นรูมเมทของยุนอาค่ะ”

                    “ขอผมไปอยู่ด้วยคนได้ไหมครับ อยู่กับสาวสวยสองคนคงมีความสุขน่าดู ^^

                    “คุณก็มีสาวให้อยู่ด้วยอยู่แล้วนี่คะ อย่ามายุ่งกับพวกเราเลยดีกว่า” ยุนอาตอกกลับทันทีเล่นเอานิชคุณหน้าเหวอไปเลยค่ะ

                    “เดี๋ยวสิครับ คุณยังโกรธผมอยู่เหรอเนี่ย เรามาคุยกันดีๆก่อนได้ไหม?”

                    “ไม่ได้ค่ะ หลีกไป ฉันจะหมดคิวแค่นี้ จะกลับบ้านแล้ว” ยุนอาคว้าข้อมือฉันแล้วตั้งท่าจะหลบไปอีกทางแต่นิชคุณก็ก้าวเข้ามาขวางไว้

                    “ผมไม่ให้คุณไป จนกว่าคุณจะบอกผมว่าคุณโกรธผมเรื่องอะไร” คราวนี้สายตาเขาจริงจังมาก จริงจังผิดกับหนุ่มขี้เล่นน่ารักในตอนแรกราวกับเป็นคนละคน แต่ว่ายุนอาเองก็ยังยืนนิ่ง เธอบีบมือฉันแน่นก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วพูดออกมา

                    “ฉันไม่ได้โกรธคุณค่ะ...”

                    สีหน้าของเขาดูมีท่าทางโล่งอก แต่แล้วคำพูดต่อมาของยุนอาก็พังทุกสิ่งทุกอย่างลงในพริบตา

                    “...แต่ฉันเกลียดคุณ จำเอาไว้ด้วยว่าฉันเกลียดคุณ!

     

     

                “นี่ ยุนอา... พี่ว่าเธอพูดแรงไปนะ...” ฉันกำลังรีบเดินให้ทันยุนอาที่ไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมาถึงได้จ้ำพรวดๆจนส้นแทบหักแบบนี้

                    “แรงเริงอะไรกัน! หมอนั่นต่างหากที่--”

                    “โอ๊ย! ยุนอา จะหยุดก็ไม่บอก!” จมูกฉันชนกับหัวด้านหลังของยุนอาเข้าจังๆ เจ็บชะมัดเลย T T เด็กอะไรทำไมหัวแข็งขนาดนี้ แต่ว่า... ทำไมถึงได้เงียบไปล่ะ...

                    “รุ่นพี่ยูอี...” ยุนอาพูดออกมาเบาๆ ฉันมองตามเธอออกไปแล้วก็เห็นดาราที่ชื่อยูอีกำลังควงแขนกับผู้ชายตัวใหญ่ๆหน้าโหดๆคนหนึ่งอยู่ นี่มันโฉมงามกับเจ้าชายอสูรชัดๆเลย = = แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไร ยุนอาก็ก้าวพรวดๆออกไปขวางหน้าสองคนนั้นแล้ว

                    “พี่ยูอี ทำไมพี่ทำแบบนี้คะ?”

                    “ยุนอา ใจเย็นก่อน” ฉันรีบเข้าไปคว้าตัวน้องรองไว้ แต่เธอก็สะบัดฉันออก แล้วจ้องหน้าคุณยูอีด้วยสายตาเอาเรื่องมากๆ

                    “ทำไมพี่ทำแบบนี้ พี่ไม่คิดเหรอคะว่าเขาจะเสียใจมากขนาดไหน?”

                    “หา? ฉันทำอะไรเหรอ?” คนโดนกล่าวหาทำหน้าเหรอหรามองผู้ชายคนที่เดินควงกันมาแบบงงๆ

                    “ก็พี่คบกับพี่คุณอยู่แล้ว! ทำไมถึงยังมาเดินควงกับพี่แทอูอยู่อย่างนี้อีกล่ะคะ!

                    .............................

                    “นี่สรุปว่าเธอไม่ได้อ่านบทเลยใช่ไหม?” ผู้ชายที่ชื่อแทอูทำเสียงโหดๆใส่ยุนอาที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ในห้องแต่งตัว

                    “ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะพี่ยูอี พี่แทอู ฉันผิดไปแล้วจริงๆ T^T

                    “พี่แทอูอย่าดุยุนอาสิ น้องแค่เข้าใจผิด ถ้าพี่ว่ายุนอาอีกคำนะ เราเลิกคบกันเลย” พี่ยูอีโอบไหล่น้องรองของฉันอย่างเอ็นดูแล้วไปมองคาดโทษใส่แฟนตัวเอง เอ่อ... ถ้าเป็นฉัน ฉันคงตียุนอาเข้าให้ซักป้าบนึงล่ะ เรื่องของเรื่องคือยัยเด็กเหม่งนี่ไปเห็นยูอีกับนิชคุณพลอดรักกัน ก็เข้าใจไปว่าสองคนนี้มีอะไรกิ๊กกั๊กกันลับหลัง แถมแทนที่จะถามให้เคลียร์ น้องฉันก็ดันไปเหวี่ยงกราดใส่ทุกคนเลยล่ะค่ะ หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วฉากที่กอดกันตรงหน้าห้องน่ะ เป็นการซ้อมคิว แล้วก็มีพี่แทอูแฟนของยูอียืนกำกับอยู่ด้วยอีกต่างหาก

                    “แต่ฉันไม่เคยรู้จริงๆนะคะว่าพี่สองคนคบกันอยู่” ยุนอาบอกเสียงละห้อย

                    “ของแบบนี้มันก็ต้องปิดข่าวเป็นธรรมดา ขนาดอยู่ในกองพวกเรายังระวังกันแทบตายเลยล่ะ ทำไงได้ พอเป็นไอดอลก็ต้องมีแฟนคลับเยอะแยะ ถ้าข่าวเรื่องที่พี่กับพี่แทอูคบกันรั่วออกไป พี่แทอูอาจจะโดนแอนตี้แฟนทำร้ายก็ได้” พี่ยูอีหันไปมองคนรักตัวเองด้วยสายตาเป็นห่วง

                    “เอาเถอะ สาวๆคุยกันไปก่อนแล้วกัน พี่จะไปซื้อน้ำมาให้นะ” พี่แทอูยิ้มแล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ทันทีที่พี่แทอูเดินออกไป พี่ยูอีก็หันมาหายุนอาทันที

                    “นี่ บอกพี่มาซะดีๆ เธอมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ เธอต้องชอบเขาแน่ๆใช่ไหม?”

                    “พี่หมายถึงใครคะ” น้องฉันแกล้งตีหน้าซื่ออีกแน่ะ

                    “ก็พี่นิชคุณไง” ฉันแท็กทีมกับพี่ยูอีโดยไม่ต้องเตี๊ยม เล่นเอายุนอามองฉันตาเขียวปั๊ดเลยค่ะ

                    “ตอนแรกๆที่พี่แทอูมาจีบพี่ พี่ก็คิดแบบนั้นแหละ” พี่ยูอียิ้มอย่างอ่อนโยน “ตามตื๊อซะไม่มี แถมยังบ้ามากด้วย บุกไปยืนร้องเพลงรักถึงหน้าหอพี่เลยนะ”

                    “ช่วงแรกน่ะ พี่คิดว่าเขาทำไปแบบนั้นเพียงเพราะเห่อที่พี่เป็นไอดอล แต่พอนานๆเข้าพี่ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้น ...เพราะแต่ละคนที่เข้ามาจีบพี่ บางคนก็เป็นดารา บางคนก็เป็นนักธุรกิจ ทุกคนทำเหมือนกันหมดคือ พาไปกินอาหารหรูๆ ซื้อเสื้อผ้าสวยๆให้ แม้แต่ผู้ชายบางคนที่ไม่ได้รวยขนาดนั้นก็ยังดึงดันจะซื้อของแพงๆให้พี่อีก... แต่พี่แทอูเป็นคนแรกที่ไม่ได้ทำแบบนั้นเลย เชื่อมั้ยว่าของขวัญชิ้นแรกที่เขาซื้อให้พี่คือรองเท้าผ้าใบถูกๆ แถมยังหลวมโพรกอีกต่างหาก พี่ถามว่าทำไมถึงซื้อของแบบนี้ให้พี่ เขาบอกว่า เขาเห็นพี่ใส่ส้นสูงทุกวัน บางวันก็โดนรองเท้ากัด แต่ด้วยความที่เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เลย เขาก็เลยซื้อให้พี่อย่างนั้น ขอแค่ให้พี่หายเจ็บเท้าก็พอ” พี่ยูอียิ้มหวานก่อนจะเบือนสายตากลับมาที่ยุนอา

                    “ลองกลับไปคิดดูนะ เธอยังพอมีเวลา บางทีเขาอาจจะไม่กลับไปก็ได้”

                    “พี่หมายความว่ายังไงคะ?”

                    “เธอไม่รู้เลยเหรอ... คุณจะกลับไปเมืองไทยมะรืนนี้แหละ อาจจะไม่ได้กลับถาวร แต่เห็นว่าได้งานละครที่นั่น เขาอาจจะไม่กลับมาอีกเป็นปี... หรืออาจจะตลอดชีวิตก็ได้นะ”

                    ยุนอาหันมามองหน้าฉันด้วยอารมณ์ตกใจ ฉันได้แต่บีบไหล่เธอเบาๆ

                    หวังว่าคงจะไม่สายเกินไปนะยุนอา...

     

     

                “เป็นยังไงบ้าง?” พี่ซูยองถามฉันทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามา สาวๆทุกคนนั่งกองรวมกันกับพื้น กองกระดาษกระจัดกระจาย ทุกอย่างเป็นโปรไฟล์ของพี่นิชคุณทั้งนั้นเลย

                    “พี่ให้คุณลุงโทรไปถามทางต้นสังกัดให้แล้วนะ แต่ว่าทางนั้นไม่ยอมบอก เขาอ้างว่าถ้ามีธุระกับพี่คุณจริงๆเดี๋ยวทางเขาจะฝากข้อความไว้ให้แล้วให้พี่คุณติดต่อกลับไปเอง” พี่ซันนี่รายงานในขณะที่ฉันทรุดนั่งลงกับพื้น

                    “แล้วที่กองถ่ายวันนี้เขาก็ไม่ไปเหรอ?”

                    “ไม่ค่ะ วันนี้ไม่มีนัดที่กอง แต่ฉันไปที่อื่นมา ฉันไปกองละครอีกเรื่องที่เขาแสดงอยู่ แต่ก็ไม่เห็นเขาเลย”

                    “แล้วตารางงานช่วงนี้ของเขาล่ะ?” พี่แทยอนหันไปถามพี่เจสสิก้าที่นั่งจ้องกระดาษอย่างเอาเป็นเอาตาย

                    “ไม่ระบุรายละเอียดอะไรเอาไว้เลย มีแต่บอกว่ารายการอะไรฉายวันไหน แต่พวกนี้เป็นเทปอัดล่วงหน้าทั้งนั้น”

                    “หรือว่าเขาตั้งใจจะไปจริงๆ?”

                    “พี่ฮโยยอนอย่าพูดเรื่องไม่เป็นมงคลสิคะ” น้องเล็กดุพี่ฮโยยอนเข้าให้ ส่วนฉันก็ได้แต่ถอนหายใจ

                    “ฉันมันบ้าไปเองจริงๆ... สุดท้ายแล้วไม่ใช่เขาหรอกที่ยึดติดกับว่าฉันเป็นเอฟคลับหรือไม่เป็น ฉันเองต่างหาก... ฉันเองที่เอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกกับเรื่องคลับ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องอะไรเลย”

                    “ยุนอา ไม่เป็นไรนะ” พี่ทิฟฟานี่เข้ามากอดปลอบฉันในขณะที่น้ำตาของฉันไหลลงมาช้าๆ

                    แล้วภาพของเขาก็ค่อยๆ ย้อนกลับมา ภาพที่เราหยอกล้อกันในกองถ่าย ภาพที่เราไปกินโดโทรีมกด้วยกัน

                    “ที่ฉันต้องเสียเขาไป ไม่ใช่เพราะฉันเป็นเอฟคลับ ไม่ใช่เพราะเขาหวังอะไรจากฉัน แต่เพราะความโง่ของอิมยุนอาคนนี้... เพราะฉันเองต่างหากที่เลือกจะมองเขาในแง่ร้าย ฉันมันโง่ที่สุด!

                    “รู้ตัวก็ดีแล้วนี่...”

                    เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง... เสียงที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย พี่คุณ!

                    ฉันหันกลับไปมอง...ใช่เขาจริงๆ ยืนอยู่ตรงนั้นและส่องประกายเหมือนเทพบุตร ในมือมีช่อดอกกุหลาบสีขาว พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น

                    เขาเดินเข้ามาแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน

                    “ผมรู้ตั้งแต่แรกว่าคุณเป็นใคร อิมยุนอา... และคุณอาจจะไม่รู้ แต่ผมเฝ้ามองคุณมาตลอด... คราวนี้ ผมอยากจะถามคุณว่า คุณพร้อมที่จะให้โอกาสผมไหม? ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณ ในฐานะผู้ชายคนนึงที่มองคุณมาตลอด... ไม่ใช่ในฐานะเน็ตไอดอล ไม่ใช่ในฐานะยุนอาแห่งเอฟคลับ แต่เป็น อิมยุนอาที่ผมรู้จัก...ที่ผมหลงรัก คบกับผมนะครับ”

                    แทบไม่ต้องคิดเลย... แทนคำตอบฉันโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาแล้วร้องไห้ไม่หยุด ไม่สนใจพี่ๆ ผิวปากแซวฉัน

                    ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันจะไม่มีวันปล่อยผู้ชายคนนี้ไปอีกแล้ว ไม่มีทาง!

     

     

                “สรุปว่า...นี่เป็นแผนของพวกพี่?”

                    “ใช่ ทิฟฟานี่ต้นคิดเลย” สาวๆ ทุกคนยกเว้นยุนอาที่นั่งตาเขียวปั้ดต่างก็ชี้มาทางฉัน อ้าว ทียังงี้ล่ะพากันเอาตัวรอดเชียวนะ -*-

                    “ก็ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้แล้วเธอจะยอมเปิดใจรับรักพี่คุณเหรอ” ฉันพยายามหาข้อแก้ต่างลดโทษให้ตัวเองโดยมีสาวๆที่เหลือพยักหน้าหงึกหงักไม่เว้นแม้แต่พี่คุณ ทว่าแม่เจ้าประคุณยุนอากลับหรี่ตาลงอย่างน่ากลัว... ซวย ซวยจริงๆค่ะ ทิฟฟานี่ T T

                    แล้วโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ยัยน้องรองของเราก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับ ตั้งท่าจะเดินออกไปนอกห้อง เล่นเอาพวกเราทำหน้าเลิ่กลั่ก

                    “ยุนอา อย่าโกรธพวกพี่เลยนะ พวกเราแค่หวังดี” สิก้าพูดขึ้นมาขณะที่พี่คุณคว้ามือยุนอาไว้ได้ทันท่วงที

                    “ใครว่าฉันโกรธล่ะ? ฉันรีบอยู่นะ ในเมื่อพวกพี่จัดให้ซะขนาดนี้ฉันก็จะไปเดทกับ แฟน ของฉันแล้วล่ะ บ๊าย บาย~ ^^” ยัยเหม่งหันกลับมาทำหน้าทะเล้นแล้วคว้าตัวพี่คุณให้ลุกออกไปด้วยกันท่ามกลางเสียงโห่และข้าวของที่สาวๆ คนอื่นปาไล่ด้วยความเจ็บใจ

                    อย่าให้ถึงคราวฉันเปิดตัวแฟนบ้างแล้วกัน! T^T


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×