ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] Princesses & The Boys : เจ้าหญิงสุดร้ายกับเจ้าชายสุดขั้ว!

    ลำดับตอนที่ #13 : 6th Tale ~ Thumbelina Finding a Fairy Prince

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 55


      

    6th Tale ~ Thumbelina Finding a Fairy Prince


    30 พฤษภาคม... 

    “เดินทางดีๆนะคะพี่ แค่นี้ก่อนนะคะ พี่ฮโยยอนจะลากฉันไปเมาต่อแล้ว >_<” ยุนอา เจ้าของวันเกิดทำเสียงน่ารักใส่โทรศัพท์ ยังไม่วายทำภาพพจน์ฉันเสียอีกนะ =_= คนที่ดิ้นเร่าๆบอกไม่เมาไม่กลับน่ะคือยัยน้องรองต่างหาก ไม่ใช่ฉัน

    “เสียดายเนอะที่สิก้าไม่มา” ซันนี่ทำเสียงจิ๊จ๊ะน่าหมั่นไส้ แหงล่ะ ใครพลาดงานนี้นี่น่าเสียดายสุดๆ พวกเราจัดการตอกหน้าแฟนเก่าจอมปลอมของทิฟฟานี่ได้ทั้งที แถมซูยองกับชีวอนยังแจกการ์ดงานแต่ง ใครไม่มานี่พลาดไปอีกสามชาติ

    “นี่พวกเราไม่ไปต่อแล้วนะ พรุ่งนี้มีงานให้เคลียร์แต่เช้า” ยูริกับพี่ฮีชอลโบกมือขอบาย =__= แหม... เคลียร์งานหรือเคลียร์การบ้าน สายตาพี่ฮีชอลออกจะเยิ้มขนาดนั้น

    “ควอนยูล! พี่ห้ามชิ่งเด็ดขาดเลย นี่วันเกิดฉันนะ!

    “แหกตาดูปฏิทินซะบ้างเถอะย่ะ พรุ่งนี้วันสิ้นเดือน ฉันต้องตื่นไปเคลียร์กะโรงพิมพ์ตั้งแต่ตีห้า ถ้าอยากให้อยู่ต่อพรุ่งนี้เธอตื่นไปกับพี่เลย -*-“ เจอมุกนี้น้องรองของเราถึงกับเหวอ ยอมโบกมือบ๊ายบายยูริกับพี่ฮีชอลแต่โดยดี

    “ฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกันค่ะ” มักเน่หันมาพูดแต่ว่างานนี้มีเหรอที่ฉันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ

    “ปล่อยพวกคนมีคู่ไปเถอะซอฮยอน คืนนี้สาวโสดอย่างพวกเราต้องมันส์ให้เต็มที่!

    ฉันไม่รอให้น้องเล็กตอบตกลง เพราะแทยอนจัดการเรียกเท็กซี่ แล้วฉันกับผู้กองอิมก็ล็อกแขนซอฮยอนคนละข้าง มัดมือชกให้ไปด้วยกันสุดๆ

    แค่ประมาณไม่ถึงสิบนาทีแท็กซี่ก็พาเรามาถึงผับร้านที่สองของคืนนี้ เดอะไนน์น่ะบรรยากาศดีแล้วก็เป็นร้านประจำ แต่ไหนๆวันนี้ก็พิเศษ มันต้องมีออกท่องราตรีกันบ้างอะไรบ้าง

    ทันทีที่พวกเราก้าวเข้าไปในร้าน สายตาทุกคู่ก็หยุดลง

    แน่นอน... สวยซะอย่าง ใครจะทำไม?

    ฉันชายตามองผู้ชายกลุ่มนึงที่มองเราอ้าปากค้างน้ำลายแทบจะไหลเยิ้ม ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกทักกับแทยอนและยุนอา มีแค่มักแน่คนเดียวที่ทำสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ

    “ไม่เอาน่าซอฮยอน เธอเป็นเด็กดีมาตลอดชีวิต แอบเกเรเป็นของขวัญวันเกิดให้ยุนอาสักหน่อยไม่เป็นไรหรอก” ฉันแกล้งหยอกน้องเล็กใส่ซื่อที่ทำหน้าหงิกกลับมา แต่แล้วเธอก็ถอนหายใจแบบยอมแพ้

    “แค่เต้นนะคะ ฉันไม่อยากดื่ม”

    “รออะไรอยู่! ลงไปร็อคฟลอร์เลยยัยหนู!” ฉันลากตัวซอฮยอนที่หัวเราะลั่นลงไปด้วยกัน พวกเราสี่คนยึดพื้นที่กลางฟลอร์ได้อย่างไม่ยากเย็น ทุกๆครั้งที่ฉันขยับ แค่มูฟเมนท์เล็กๆกับรอยยิ้มหน่อยๆก็ทำเอาหนุ่มๆ แทบอยากจะเป็นฟลอร์ให้ฉัน ถึงเรื่องความสวยฉันจะแพ้ยุนอาแต่ถ้าเรื่องเต้นเนี่ย... ขอบอกว่าฉันน่ะมืออาชีพ - -+

    “นี่ ฮโยยอน เธอโดนหมายหัวแล้วล่ะ” แทยอนหันพูดใส่หูฉันแล้วพยักเพยิดขึ้นไปทางเวที แสงไฟดิสโก้วิบวับทำให้ฉันตาพร่าไปครู่หนึ่ง แล้วฉันก็เห็นเขา

    ดวงตาคมๆกรีดด้วยอายไลเนอร์ของเขามองตรงมาที่ฉันอย่างชัดเจน รอยยิ้มร้ายๆแบบนั้นทำเอาฉันใจสั่นขึ้นมาแปลกๆ เขาหยิบหูฟังขึ้นสวมก่อนจะขยิบตาส่งให้ฉัน

    “แทยอน ฉันคงขอลามีทติ้งกลุ่มที่เดอะไนน์ซักระยะนะ” ฉันตะโกนแข่งเสียงเพลงใส่หูยัยเพื่อนเตี้ยที่เลิกคิ้วตอบกลับมา

    “ทำไมล่ะ?”

    “พอดีร้านนี้บรรยากาศถูกใจ” ฉันตอบ แล้วแทบจะในทันที รอยยิ้มรู้ทันก็ฉาบขึ้นบนเรียวปากของเพื่อนรัก

    “ไม่ใช่แค่ร้านมั้ง?”

    ฉันแกล้งทำเป็นไม่สน แล้วเต้นต่อแบบไม่แคร์โลก

    บรรยากาศถูกใจก็จริง... แต่ที่ถูกใจกว่าน่ะ คือพ่อดีเจวายร้ายนั่นเลย

    เพื่อนๆคะ ขอโทษนะ คราวนี้ถึงเวลาที่คิมฮโยยอนจะสละโสดบ้างแล้วล่ะ!



    เสียงดนตรีเร้าใจดังขึ้นเหมือนเมื่อวาน ติดแค่วันนี้คนที่มากับฉันไม่ใช่ผู้กองอิม แต่กลับเป็นแก๊งค์เตี้ยอย่างซันนี่และแทยอน

    ถึงแม้ว่าเมื่อคืนสภาพฉันจะเมาเละขนาดต้องให้สามีสุดที่รักของซันนี่ขับรถมารับกลับไปค้างที่คอนโดแทยอน แต่วันนี้ฉันก็พร้อมมามันส์ต่อ แหม... ก็มีเป้าหมายเป็นผู้ชายนี่เนอะ ต้องแอคทีฟนิดนึง ไม่งั้นโดนสอยตัดหน้ากันพอดี

    “นั่นน่ะเหรอพ่อดีเจตาคมของเธอ” ซันนี่ถามพยักเพยิดไปทางบูธดีเจ อร๊ายยยย~ เค้าส่งสายตาอ่อยฉันด้วยอ่ะ > <

    “ดูไปดูมาฉันชักคิดว่าหมอนี่อันตรายยังไงไม่รู้แฮะ เธอเปลี่ยนเป้าหมายดีกว่า” แทยอนบอกฉัน พลางส่งสายตาหาซันนี่ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับพอๆกัน ใช่ซี้ เธอมันแต่งงานแล้วนี่ยะ! ถึงแม้ว่าวันนี้สามีจะไม่มาด้วยก็เถอะ!

    “ฉันยี่สิบสี่แล้วนะยะ จริงๆฉันตั้งเป้าไว้ว่าจะแต่งตั้งแต่สี่ปีที่แล้วด้วยซ้ำ แถมโดนใครบางคนสละโสดตัดหน้าไปอีก ฉันเซ็งความโสดจะตายอยู่แล้ว” ฉันมองค้อนไปทางยัยเตี้ยที่เปลี่ยนเป็นทำท่าน่ารักแอ๊บแบ๊วใส่ เฮอะ! ไม่ใช่พี่คยูฮยอนนะยะ ถึงจะได้หลงเธอหัวปักหัวปำน่ะ

    “จำทำอะไรก็ระวังแล้วกัน” ซันนี่พูด แล้วพวกเราสามคนก็จูงมือกันเดินสะบัดความสวยลงฟลอร์ ซึงแน่นอนว่าทุกคนหลีกทางให้ โอเค... ทีนี้วิธีอ่อยผู้ชายอย่างมีระดับฉบับคิมฮโยยอน

    ข้อแรก... ทิ้งระยะห่าง ให้อยู่ประมาณปลายมือเอื้อมถึงแต่คว้าไม่ได้ เราจะได้ดูมีคุณค่า ไม่ใช่ของราคาถูก เพราะยังงั้นฉันเลยเลือกเต้นตรงกลางฟลอร์ในจุดที่เขาจะมองเห็นทุกการเคลื่อนไหว แต่ก็ไกลพอที่จะตัดขาดการสนทนา แถมยังแสดงท่าทางชัดเจนเลยด้วยว่าฉันจะไม่เดินเข้าไปใกล้กว่านั้น แม้เขาจะส่งสายตาเรียกร้องยังไงก็ตาม

    ฉันน่าจะเขียนคู่มือสอนการอ่อยผู้ชายนะเนี่ย - -+

    สายตาร้อนแรงนั้นยังคงมองมาทางฉันไม่หยุด แต่ฉันก็ยังคงสนุกกับเพื่อนๆ มีส่งสายตากลับบ้างเป็นครั้งเป็นคราว นี่เป็นกฏข้อที่สองห้ามส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มหรือสายตาหยดย้อยให้ นอกจากจะดูโง่งี่เง่าแล้วมันยังง่ายเกินไป เชื่อเถอะค่ะว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบให้พี่หญิงเชิดใส่นิดๆมากกว่าทำหน้าฝันละเมอเพ้อพกใส่

    นั่นล่ะสิ่งที่ฉันกำลังทำ

    สายตาของเราประสานกันตรงๆ ฉันมองเลิกคิ้วนิดๆ เป็นเชิงถามเหมือนว่ามีปัญหาอะไรมั้ย? พ่อดีเจยิ้มมุมปากเป็นคำตอบก่อนจะยกมือทำท่าเป็นรูปปืนเล็งตรงมาที่ฉันแล้วยิง

    กรี๊ดดดดดดดดดดดด โดนใจเข้าไปเต็มๆ > <~

    ฉันสะบัดบ๊อบหันหลังกลับ ยิ้มกว้าง อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย เขินอ้ะ

    “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะย่ะ” แทยอนย่นจมูกใส่ฉันอย่างหมั่นไส้ แล้วยัยเตี้ยสองคนก็หันไปจิกตาใส่พ่อดีเจที่ก้มสแครชแผ่นต่อไป ซันนี่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่แล้วแรงผลักจากข้างหลังก็ดันฉันให้เซเข้าไปหาเธอ ดีนะที่ซันนี่ถึก ไม่งั้นได้ลงไปนอนวัดพื้นกันทั้งคู่ แต่ไอ้แรงผลักนี่มันดูจงใจยังไงชอบกล

    “ขอโทษนะ คุณเป็นใครไม่ทราบ?” แทยอนพูดขึ้นมาก่อนจะมองแก็งสาวสามคนที่ยืนประจันหน้ากับเรากลางฟลอร์ หน้าตาท่าทางก็รู้แล้วว่าหาเรื่อง แต่ถึงงั้นก็เหอะ พวกเธอจัดว่าสวยใช้ได้เลยเหมือนกัน แต่น้อยกว่าฉันกับเพื่อนๆนะ

    “ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าพวกเธอเป็นใคร และมีสิทธิ์อะไรมาเกะกะที่นี่ ในเมื่อนี่มันเป็นร้านประจำของพวกฉัน?” คนที่ยืนหน้าสุดสวนขึ้นมา เฮ้ยๆ ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะเจ๊ -*-

    “เหรอคะ? งั้นทำไมไม่ปิดผับฉลองเลยล่ะ? หรือว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น?” ฉันตอกกลับไปบ้าง ยัยนั่นหรี่ตาลงแล้วกัดริมฝีปาก ตอนนี้คนรอบข้างเริ่มหยุดยืนดูพวกเราแล้ว จะมีมวยมั้ยนะงานนี้?

    “ฉันว่าคนไม่มีเงินน่ะพวกเธอมากกว่ามั้ง? ถึงได้ออกมาร่อนหาเหยื่อแถวนี้ ขอโทษนะ ที่นี่ไม่มีผู้ชายที่ไหนสนใจผู้หญิงขายบริการหรอก” คำสบประมาทของยัยบ้านี่ทำเอาฉันเลือดขึ้นหน้า สาบานได้เลยว่าถ้าอิมยุนอายืนอยู่ตรงนี้ ยัยนี่ได้อมลูกปืนแล้วแน่ๆ กล้าดียังไงมาว่าคนสวยมีระดับอย่างพวกเราเป็นผู้หญิงอย่างนั้น!

    “อย่างน้อยถ้าพวกฉันเป็นคนขาย ลูกค้าคงได้ต่อคิวยาวเท่ากำแพงเมืองจีน ไม่เหมือนเธอนะ ท่าทางดูแล้วแจกฟรีก็คงไม่มีใครเอา” ซันนี่เชือดกลับนิ่มๆแต่เรียกเอาเสียงกรี๊ดแปดสิบหลอดของแม่เจ้าประคุณดังขึ้นลั่นร้าน โอ๊ย! นี่หล่อนไปกินนกหวีดมารึไงยะ! เดี๋ยวก็โทรตามเจสสิก้าให้มากรี๊ดแข่งซะเลยนี่!

    “เถียงไม่ได้แล้วนี่นี่โคตรไร้สมองเลยนะคุณ หุบปากไปซะเถอะ น่ารำคาญ” ฉันยกนิ้วขึ้นอุดหูแล้วบอกยัยเจ๊นั่นเซ็งๆ แต่เธอกลับกระทืบเท้าเหมือนเด็กสี่ขวบแล้วเงื้อมือขึ้น

    “หยุดนะโบรา” เสียงทุ้มๆดังขึ้นข้างหลัง แล้วร่างสูงๆของดีเจสุดฮอตก็เดินเข้ามาขวางไว้

    “ท็อป! คุณก็เห็นนี่ว่ายัยพวกนี้มันว่าฉัน!!!” ผู้หญิงที่ชื่อโบราดูท่าทางสะดีดสะดิ้งทันทีที่เห็นคุณดีเจตาคม หืม? เขาชื่อท็อปเหรอเนี่ย แหม... แค่ชื่อก็เร้าใจแล้วอ่ะ

    “ก็ถ้าเธอไม่ไปว่าเค้าก่อน คงไม่โดนสวนกลับหรอก คนพวกนี้เป็นแขกของฉัน เลือกเอาว่าจะเลือกพฤติกรรมแย่ๆหรือจะออกไปแล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก”

    เจอไม้นี้เข้าไปยัยโบราหน้าเบี้ยวถึงกับอึ้ง ยัยนั่นมองพวกเราตาเขียวปั้ดก่อนจะกระแทกส้นสูงนำเพื่อนๆออกไปอีกทาง

    เฮอะ... ไม่แน่จริงนี่นา

    “ขอโทษนะครับที่เกิดเรื่องวุ่นวาย ขอผมเลี้ยงค็อกเทลพวกคุณเป็นการไถ่โทษแล้วกัน” ดีเจท็อปหันมาพูดกับพวกเราก่อนจะกวักมือเรียกเด็กในร้านมาเปิดห้องสุดพิเศษให้พวกเรา ว้าว! เจ๋งชะมัด ท่าทางเขาจะใหญ่กว่าเป็นแค่ดีเจล่ะมั้ง ดูจากท่าทางเด็กเสิร์ฟแล้วคล้ายๆว่าหมอนี่จะเป็นเจ้าของผับยังไงยังงั้นเลย

    ถ้าใช่ก็ดีสิ T^T จะได้รูปหล่อ ฐานะดีครบหลักสูตรมาตรฐานว่าทีสามีของแก็งค์เรา

    “คีปลุคหน่อยเถอะย่ะ น้ำลายยืดแล้วเธอน่ะ” ซันนี่เอาข้อศอกกระทุ้งฉัน ฮึ! คนกะลังจิ้นเพลินๆ แต่ก็พอดีพวกเราเดินมาถึงห้องไพรเวทบริเวณชั้นสอง ด้านหน้าของห้องนี้เป็นกระจกใส สามารถมองเห็นฟลอร์ข้างล่างได้ แต่ก็ดูมีความเป็นส่วนตัวมากกว่านั่งตรงนั้น

    “ผมชื่อ ทีโอพี เรียกท็อปก็ได้ครับ เป็นเจ้าของร้านนี้ แล้วพวกคุณ...?”

    “ฉันชื่อแทยอนค่ะ ส่วนนี่ซันนี่แล้วก็ฮโยยอน” แทยอนเพื่อนรักจัดการแนะนำให้อย่างรู้หน้าที่เพราะฉันกำลังคีปลุคสวย เริ่ด เชิด หยิ่งอยู่ แต่อ๊ายยยย เจ้าของร้านด้วยอ่ะ พ่อขา แม่ขา หนูต้องได้ผู้ชายคนนี้มาควงค่ะ! ขอคอนเฟิร์ม!

    “ขอโทษด้วยนะครับ สำหรับเรื่องเมื่อกี้” สายตาเซ็กซี่บาดใจของเขามองตรงมาทางฉันเหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่างมากกว่าที่พูด

    “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนี่คะ? ก็อีโก้ตามประสาผู้หญิง” ฉันตอบกลับไป

    “เกี่ยวสิครับ โบราคงไม่ทำตัวร้ายกาจแบบนั้นถ้าหากว่าผมไม่ได้สนใจคุณ”

    เฮ้ย! แรง! เค้าเล่นตรงๆแบบนี้เลยอ่ะ!

    “พูดแบบนั้น ไม่หลงตัวเองไปหน่อยเหรอคะ?” ฉันพูดขึ้นมาพลางยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบ ดีนะที่มันมืด ไม่งั้นมีหวังหน้าฉันแดงแปร๊ดแน่เลย

    “จะหลงตัวเองได้ยังไงครับ... ผมหลงคุณต่างหาก”

    โอ้ พ่อแก้วแม่แก้ว คนสวยอยากจะกรี๊ดให้บ้านพังในระนาบสามกิโล!

    ผู้ชายคนนี้แรงโดนใจหนูมากค่ะ!

    “ปล่อยสาวๆคุยกันดีกว่า ผมขอตัวไปทำงานต่อ หวังว่าจะได้เจอคุณอีกนะครับ คุณฮโยยอน”

    ฉันพยักหน้ารับ แต่ในใจตกปากรับคำเป็นล้านรอบแล้วว่าต่อให้กระเสือกกระสนแค่ไหน ฉันก็จะกลับมาหาดีเจท็อปให้ได้

    “ฮโยยอน ไม่ใช่เล่นๆแล้วนะ ฉันว่าหมอนี่น่ะอันตราย เพลย์บอกขั้นเทพเลยล่ะ” ซันนี่หันมาพูดกับฉันทันทีที่พ่อหนุ่มตาคมเดินคล้อยหลังไป แทยอนเองก็ดูจะคิดเหมือนกัน โหย ยัยคู่เตี้ยนี่จะขัดกันไปถึงไหนเนี่ย

    “เพลย์บอยแล้วไง? เขาเล่นได้ฉันก็เล่นได้เหมือนกัน” แทยอนกับซันนี่ถึงกับเหวอหลังจากได้ยินคำตอบฉัน

    ไม่รู้ล่ะ... ยังไงก็แล้วแต่ ฉันจะทำให้ผู้ชายคนนี้เป็นของฉันให้ได้ คอยดู!

     

     

     

    เสียงล้อรถสปอร์ตเบียดผิวถนนดังแสบแก้วหูจนผมต้องโงหัวจากกองดอกไม้ตรงหน้าขึ้นมาดูว่าใครมันบ้ามาเอาตั้งแต่ตอนตีสี่แบบนี้  รถส่งดอกไม้ของผมมาแล้ว แน่นอนว่าดอกไม้คงไม่โดยสารรถสปอร์ตมา เพราะงั้น เหลืออยู่คนเดียว...
    คิมฮโยยอน เจ้าของห้องเสื้อสุดหรูข้างๆ ร้านดอกไม้ของผมนี่แหละ
    “อูยองอ่า~ มาช่วยกานหน่อย~” เสียงคุ้นๆหูของคิมแทยอน หนึ่งในกลุ่มเพื่อนซี้ของฮโยยอนดังขึ้น ผมวางมือจากดอกไม้ที่กำลังจัดเข้าตู้ ดึงผ้ากันเปื้อนออกแล้วเปิดประตูร้านออกไป เห็นคุณคยูฮยอนกับซันนี่ช่วยกันพยุงคิมฮโยยอนที่เมาหมดสภาพลงมาจากรถ แทยอนเองดูท่าทางจะเมาพอกันแต่ก็ถือว่ายังเป็นผู้เป็นคนมากกว่ายัยนี่ ผมเข้าไปพยุงร่างฮโยยอนแทนที่ซันนี่แล้วลากยัยขี้เมานี่มานั่งลงบนม้านั่งหน้าร้าน
    “ไปทำอะไรกันมา ทำไมเมาหมดสภาพกันขนาดนี้?” ผมหันไปถามซันนี่ เพื่อนสนิทของฮโยยอน ผมเป็นเพื่อนกับยัยนี่มาหลายปี เรียนมัธยมมาด้วยกัน เข้ามหาลัยก็เรียนที่เดียวกัน จนกระทั่งเรียนจบทำงาน ฮโยยอนก็ยังมาชวนให้ผมเปิดร้านขายดอกไม้ข้างกัน เพราะงั้นกลุ่มเพื่อนๆของเธอก็รู้จักหน้าค่าตาผมหมดทุกคน แล้วผมก็รู้ว่าสาวๆมักจะนัดไปดื่มกันเป็นประจำ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่คิมฮโยยอนจะกลับมาตอนเช้าแล้วเมาเละเหมือนหมาแบบนี้ -*-
    “เรื่องมันยาว อย่าให้เล่าเลย” ซันนี่ยืนพิงสามีอย่างหมดแรงในขณะที่คุณคยูฮยอนดูไม่สบอารมณ์เอามากๆ แหงล่ะ ถ้าภรรยาผมหนีไปเที่ยวแล้วกลับมาสภาพแบบนี้ผมก็เคืองเหมือนกัน
    “ซันนี่ คุณรออยู่นี่นะ ผมจะพาฮโยยอนไปส่งที่ห้อง”
    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมพาไปเองดีกว่า” ผมรับอาสา เพราะ ดูท่าทางคู่สามีภรรยาคงมีเคสต้องเคลียร์กันเล็กน้อยถึงปานกลาง
    “ขอบใจนะอูยอง งั้นฉันพาแทยอนกลับก่อนนะ” ซันนี่ส่งยิ้มแล้วโบกมือบ๊ายบาย คุณโจคยูฮยอนเองก็ก้มหัวลงมานิดๆก่อนจะเข้าไปหิ้วปีกเพื่อนรักของคุณภรรยาที่แบตหมดไปแล้วเรียบร้อยยัดขึ้นรถแล้วกระคันเร่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งตัวปัญหาตัวเบ้อเริ่มไว้กับผม =__=”
    “ย่าห์ คิมโชดิง! ลุกขึ้นมาได้แล้ว เธอนอนอยู่แบบนี้ฉันจะเปิดร้านได้ยังไง” ผมเขย่าแขนยัยเพื่อนวายร้ายที่ยกมือป่ายไปป่ายมายังกะปลาหมึก
    “ที่รักขา~”
    ที่รักเตี่ยเอ็งสิ -*-
    ผมนึกด่าในใจ ไม่ใช่ไม่กล้าด่าตรงๆนะ แต่รู้ว่าด่าไปยัยนี่ก็ไม่รับรู้หรอก เปลืองน้ำลายเปล่าๆ ลงท้ายผมเลยหิ้วปีกฮโยยอนลากถูลู่กังเธอเข้าไปในห้องพักพนักงานของร้านผมเอง ฮโยยอนใช้สี่ขาตะกายขึ้นโซฟาไปนอนอุตุ ผมมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเดินไปคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมให้ ก็เสื้อผ้าหน้าผมชะเวิ้บชะว้าบล่อเสือสิงห์กระทิงแรดขนาดนี้ ดีนะที่ไปกับพวกซันนี่ ไม่งั้นจะกลับมากันยังไงผมเองก็นึกสภาพไม่ออก
    “อืม~ ฉันจะแต่งงาน~ แต่งง๊าน แต่งงาน” ยัยตัวดีเริ่มเพ้อ
    ยังจะคิดแต่งงานอีก -*- ผู้ชายคนไหนได้เธอไปเป็นสามีคงซวยน่าดู ผมเคยคิดนะว่าผู้ชายที่จะขอฮโยยอนไปเป็นแฟนได้เนี่ย ต้องเป็นพวกชีวิตสมบูรณ์แบบขั้นสุดแล้วอยากมีภาระให้ดูแลเล่น เพราะยัยนี่ประพฤติตัวได้สมชื่อเล่นคิมโชดิงมาก ทำกับข้าวไม่เป็น งานบ้านก็ไม่เอาอ่าว วันๆไม่นั่งหน้าจักรเย็บผ้าก็ออกเที่ยว ทั้งชีวิตมีดีอยู่สองอย่างคือหน้าตาพอไปวัดไปวาได้กับเกิดมารวย พ่อแม่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วก็ดันมีมรดกเป็นคอนโดสุดหรูให้ ยัยนี่เลยถือโอกาสเอาพื้นที่ใต้คอนโดมาเปิดเป็นห้องเสื้อ แล้วก็แบ่งพื้นที่อื่นๆให้เช่า จริงๆไม่ทำอะไรก็มีกินมีใช้เหลือเฟือ
    อ้อ! โชคดีอีกอย่างสุดๆของผู้หญิงคนนี้คือดันมีเพื่อนดี
    อย่างผมนี่ไง =__=
    “ลา ล๊า ลา ลา~” คิมฮโยร้องเป็นเพลงออกมาเสียงดังกังวานสิบแปดหลอดแบบว่าฟังคล้ายๆวัวคลอดลูก ผมตลบผ้าห่มปิดหน้ายัยเพื่อนตัวแสบก่อนจะเดินไปจัดดอกไม้ต่อหน้าร้าน
    ให้ตาย! เมื่อไหร่เธอถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่ซักทีนะ... คิมฮโยยอน?

    สาบานได้ว่าโลกกำลังจะแตก ไม่งั้นก็สมองฉันนี่แหละที่กำลังจะระเบิด มันต้องมีอะไรสักอย่างสิน่าที่ทำให้ฉันปวดหัวได้มากขนาดนี้!

    อ้อ...รู้ละว่าอะไร สงสัยเมื่อคืนจะดื่มมากไปหน่อย =__=

    “ตื่นแล้วก็อย่าทำสำออย รีบๆลุกกลับห้องตัวเองไปได้แล้วไป๊” เสียงคุ้นๆหูนั่นทำเอาสมองฉันทำงานหนักกว่าเดิมสามล้านเท่า ให้ตาย... คนยิ่งรู้สึกเมาค้างอยู่ เจอมาไล่แบบนี้อีกไม่อยากจะเซ็ง

    “อูยองอ่า ฉันปวดหัว T_T

    “สมน้ำหน้า -*- เมื่อคืนสภาพเธอเมาเละยังกับหมา นี่ถ้าไม่เวทนาเห็นว่าเป็นเพื่อนล่ะก็ฉันปล่อยเธอนอนบนถนนหน้าร้านไปแล้ว... แต่ก็ไม่ได้อีกแหละ เดี๋ยวไม่มีลูกค้าเข้า”

    ฉันลืมตาขึ้นมองจิกไปทางไอ้คางคกปากจัดที่ยืนกอดอกมองอยู่ตรงประตู แถมทำหน้ากวนนิ้วโป้งเท้าใส่

    “สำเหนียกไว้บ้างสิยะว่าคอนโดที่นายซุกหัวนอนกับเปิดร้านเนี่ย มันเป็นของฉัน”

    “แน่นอน รู้ซึ้งเลยแหละ ค่าเช่านี่ยังกับจะสูบเลือดสูบเนื้อ”

    “ไอ้คางคก -*- อย่ามาทำหือนะเฟ่ย!” ฉันขึ้นเสียงใส่ไอ้เพื่อนไม่รักดีที่นอกจากจะไม่ห่วงกันแล้วยังมาด่าซ้ำเติมอีก คนยิ่งปวดหัวอยู่ เคือง!

    “วุ้ย! ฉันไม่ทะเลาะกับเธอแล้ว เสียเวลาทำมาหากิน กลับห้องไปได้แล้วไป๊”

    “ยังกับฉันอยากจะอยู่นักแหละ ชิส์!” ฉันสะบัดบ๊อบใส่ตานั่นทีนึงก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วโลกก็เอียงกะเท่เร่ ฉันคงร่วงลงไปหน้าทิ่มพื้นแล้วถ้าไม่ติดวาอีตาเพื่อนปากร้ายแต่นิสัยดีอย่างจางอูยอง วิ่งเข้ามารับตัวฉันไว้ได้ทัน แต่มันดูเหมือนหนังน้ำเน่าหลังข่าวที่นางเอกอยู่ในอ้อมกอดพระเอก

    มู้ดกำลังดูดี แต่ติดตรงที่ฉัน...

    “เฮ้ย! คิมฮโยยอน!!!

    หมอนั่นร้องลั่นเพราะฉันเล่นขย้อนเอาของที่กินมาเมื่อคืนรดลงบนเสื้อเขาเต็มๆ จะให้เรียกภาษาชาวบ้านก็อ้วกนั่นแหละ...

    “ย่าห์! เธอนี่มัน!” อูยองกัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นทำหน้าเหวอเมื่อฉันทำท่าจะอ้วกใส่อีกรอบ เห็นแบบนั้นแล้วฉันเลยหลุดหัวเราะก๊ากออกมา

    “ไม่ตลกนะเฟ่ย! ดูดิ๊ ฉันจะทำงานยังไง เลอะเทอะไปหมดแล้ว!?

    “เอาน่าๆ นายก็เห็นว่าฉันอาการแย่ขนาดไหน พาเพื่อนสุดสวยกลับไปนอนต่อที่ห้องแล้วเดี๋ยวฉันจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้นายนะ โอเค๊?”

    “ชิส์ ทำมามารยา เธอไม่เห็นจะอาการหนักตรงไหนสักหน่อย” ไอ้คางคกยังคงบ่นอุบแต่ก็ยอมช่วยหิ้วปีกฉันเดินหลบออกไปหลังร้านเพื่อพาฉันกลับห้องอยู่ดี หมอนี่ก็ปากร้ายไปงั้นๆแหละ เอาเข้าจริงก็ยอมฉันทุกเรื่องตั้งแต่เล็กจนโต ถึงจะโดนล้อ โดนกดขี่ข่มเหง แต่ก็เห็นไม่ได้จะไปไหนไกลจากฉัน

    แต่ถ้าลองหาแฟนได้นี่คงอีกเรื่อง

    แต่ก่อนอื่น ฉันต้องชิงตัดหน้าคั่วพอ่หนุ่มดีเจนั่นให้ได้ซะก่อน จะยอมให้ไอ้คางคกนี่แซงหน้าทิ้งฉันไว้บนคานได้ยังไงล่ะ!

    “เธอน่ะ นอนพักแล้วก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว เข้าใจไหม?”

    อูยองหย่อนฉันลงบนเตียงก่อนจะถอดเสื้อเหม็นอ้วกโยนลงกองบนพื้นแบบไม่แคร์สายตาโลก ว่ามีฉันนอนอยู่ในห้อง... อันที่จริงนี่มันห้องฉันนะ มีสิทธิ์อะไรเนี่ย! แต่พอเห็นซิกแพ็คกับหุ่นขาวๆนั่นแล้วไอ้ที่ว่าจะเอ่ยปากไล่ก็เลยกลายเป็นสงสัยแทน... อาชีพจัดดอกไม้นี่ทำแล้วกล้ามขึ้นเหรอ =__=? ไม่ยักรู้แฮะ

    “มองอะไร นอนไปเลยไป!” ตานั่นหันมาดุ ชิส์นอนก็ได้ อีตาคางคกเปิดคุ้ยตู้เสื้อผ้าของฉันแบบไม่เกรงใจ ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมากแบบมากๆ บางทีอูยองก็มาดูซีรีย์โต้รุ่งกับฉันบ่อยๆ แล้วก็มีอันจะต้องมาดูแลคนเมาค้างเป็นระยะ หมอนี่เลยทิ้งเสื้อผ้าสองสามชุดไว้ในห้องฉันซะเลยแบบว่าเผื่อฉุกเฉิน

    “นี่ ไปหายามาให้หน่อยดิ ปวดหัว” ฉันสั่งหมอนั่นที่กำลังสวมเสื้ออยู่ อูยองหันมามองฉันตาตี่

    “ตลก! ฉันจะลงไปทำงานต่อข้างล่าง”

    “น้า~ อูยองที่รัก~ เค้าไม่ฉบายทั้งคนตัวจะทิ้งเค้าได้ลงคอเหยอ~” ฉันทำน้ำเสียงแอ๊บแบ๊วที่หัดยังไง๊ยังไงก็ฟังไม่น่ารักเหมือนซันนี่

    “ยัยบ้องตื้นเอ๊ย =__= ฉันล่ะเกลียดเธอจริงๆ” อูยองส่ายหน้าแต่ก็ยอมเดินเข้าครัวไปหายามาให้ฉันแต่โดยดี มีเพื่อนน่ารักก็งี้ล่ะนะ ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง

    ~I can tell you’re looking at me I know what you see, any closer and you’ll feel the heat~

    เสียงริงโทนสุดแสนจะไพเราะของฉันดังขึ้น... หึ เพลงนี้ขึ้นมาไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นใคร หนึ่งในแปดคนนั้นแหละ =__=

    “โหล ว่าไงยุนอา”

    “ได้ข่าวว่าสภาพเมาเละเป็นหมาเลยเหรอ?” ยัยน้องรองปีนเกลียวถึงขั้นเทียบฉันเป็นหมาเลยเหรอเนี่ย

    “เรื่องนั้นช่างพี่เหอะ เธอโทรมามีอะไร?”

    “ฉันมีเรื่องพี่เจสสิก้าอยากอัพเดทน่ะค่ะ นัดประชุมหน่อยกันหน่อยได้มั้ย?” น้ำเสียงผู้กองอิมเปลี่ยนเข้าโหมดจริงจังได้ในพริบตา เรื่องอะไรของยัยสิก้ากันนะ? นี่พักนี้กลุ่มเรารู้สึกจะงานเข้ากันตลอดๆ ว่างๆ นัดยัยพวกนี้ไปทำงานการกุศลมั่งดีกว่า เผื่อชีวิตจะดีขึ้น

    “นัดน่ะนัดได้ แต่เวลาและสถานที่ขอพี่เลือกได้ป่ะ?”

    “โธ่! พี่ฮโยยอน ไม่เอาที่ผับนั่นได้มั้ยอ่ะ แบบนั้นคุยไม่รู้เรื่องกันพอดี” ยุนอางอแงขึ้นมาทันที แหม ขัดลาภกันเชียวนะยัยน้องคนนี้

    “ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวพี่เปิดห้องวีไอพีให้ เผื่อคุณเจ้าของร้านเค้ามีอะไรสมนาคุณ”

    “นั่นแน่... แสดงว่าเมื่อคืนฉันพลาดที่เลือกไปเดอะไนน์ใช่ไหมคะ? มีอะไรเล่ามาเลยนะ พ่อหนุ่มตาคมคนนั้นฟาดพี่ไปเรียบร้อยยัง?”

    ดูมันค่ะท่านผู้ชม =__= ยัยน้องประเสริฐ

    “มีอะไรไว้ไปเล่าคืนนี้ โอเค๊?” ฉันพูดแล้วก็รีบกดวางไปโดยไม่รอเสียงประท้วงของยุนอา ใครจะรอให้ยัยเด็กนี่มาสอบปากคำในตอนเมาค้างล่ะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่

    “แฮงค์แล้วยังจะทำซ่าอีกนะเธอน่ะ ให้มันเพลาๆหน่อยสิ เธอไปเที่ยวทุกคืนไม่เบื่อบ้างรึไง?” จางอูยองเดินเข้ามาพร้อมกับชามซีเรียลใส่นมอุ่นๆแล้วก็ยาแก้เมาค้าง ถ้านับแค่บริการเนี่ยจะให้แปดดาวเลย แต่ดันเล่นมาพร้อมคำบ่น เพราะงั้นหักคะแนน - -+

    “เรื่องของฉันน่า นายจะลงไปจัดดอกไม้จัดอะไรก็ไปได้แล้ว เสื้อเน่าๆนั่นทิ้งไว้นี่แหละ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่” ฉันตอบพร้อมคว้าชามอาหารเช้าขึ้นมาโซ้ยเอาๆ ไม่สนใจเพื่อนบื้อที่ยืนนิ่งอยู่ยังงั้น

    “...ถ้าเกิดเธอจำได้บ้างล่ะก็นะ เสื้อตัวนั้นเธอก็ซื้อให้ฉันเหมือนกัน”

    คำพูดของหมอนั่นทำเอาฉันแทบสำลักนมตาย ฉันเงยหน้าขึ้นจ้องอูยองที่ไม่ได้แสดงออกเลยว่ารู้สึกอะไร หรืออาจจะเป็นฉันเองที่อ่านไม่ออก แต่เขาเดินเข้ามาก้มเก็บเสื้อเน่าๆแล้วก็เดินออกจากห้องฉัน ไม่วายทิ้งคำพูดตามหลังเอาไว้ให้ฉันจุกอย่างกับโดนน็อค

    “ถ้าเธอคิดจะแต่งงานกับใครซักคน... ก็ขอให้หาผู้ชายที่ดูแลเธอได้อย่างที่ฉันทำแล้วกัน”



     

    “ฮโยยอน? เป็นอะไรไปน่ะ จิตหลุดรึไง?” เสียงใสๆของแทยอนทักยัยเพื่อนตัวดีที่นั่งเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์ที่เราสามารถนัดรวมหัวกันได้มากที่สุด คือสาวๆทุกคนมาครบ รวมทั้งพี่คยูฮยอน พี่ฮีชอล พี่ชีวอน แล้วก็พี่ยุนโฮของฉันด้วย ขาดก็แต่สองตัวปัญหาที่เป็นประเด็นในวันนี้คือเจสสิก้าและน้องเล็กซอฮยอน

    แต่ท่าทางวันนี้คิมฮโยยอนก็ดูจะมีประเด็นเหมือนกัน

    “ฉันก็แค่คิดอยู่ว่าวันนี้จะอ่อยคุณท๊อปเค้ายังไงดีน่ะ” ฮโยยอนยิ้มสวยๆแล้วยักคิ้วส่งให้พวกเรา ยัยนั่นส่งสายตาอ่อยสุดทธิ์ผ่านกระจกห้องวีไอพีลงไปหาพ่อดีเจตาคมที่มองทางนี้ไม่วางตาเหมือนกัน

    สปาร์คกันเร็วจริงนะ =__=

    “ฉันไม่ชอบที่นี่เลยอ่ะ เสียงเอะอะโวยวาย คนที่มาดื่มก็ดูไม่ค่อยมีคลาส ไม่เหมือนที่เดอะไนน์” ยัยน้องรองของเราโอดครวญแถมยังนั่งเท้าคางทำหน้าเซ็งจัดอยู่ไม่ห่าง

    “เห็นด้วยนะหมวด ไหนใครมีเรื่องอะไรก็รีบว่ามา ฉันกับยูริจะกลับไปจู๋จี๋กันที่บ้าน” พี่ฮีชอลประกาศอย่างเป็นทางก๊ารทางการจนยูริเขินหน้าเขียว ก่อนจะลงไม้ลงมือไปหนึ่งชุด

    “ก็...จริงๆฉันก็เล่าให้ทุกคนฟังทางโทรศัพท์แล้วล่ะนะ เรื่องซอฮยอน ส่วนเรื่องสิก้า ฟานี่ก็โทรเล่าแล้วใช่มั้ย?” ซูยองหันมาหาฉันที่พยักหน้าหงึกหงัก

    “ก็เลยว่าจะเรียกประชุมหาทางออก ไม่รู้จะช่วยมักเน่กับสิก้ายังไงดี ใครมีไอเดียบ้าง?” ฉันหันไปถามสาวๆกับหนุ่มๆที่เหลือในห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้มีใครเสนอความคิด ประตูห้องวีไอพีของเราก็เปิดขึ้นซะก่อน

    คนที่บุกรุกเข้ามาเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ข้างหลังเธอมีกลุ่มสาวๆอีกห้าหกคนที่แต่งตัวชะเวิ้บชะว้าบแถมยังส่งสายตาเยิ้มๆมาทางบรรดาหนุ่มๆ ฉันหันไปมองชองยุนโฮที่ยิ้มหวานส่งกลับหาทางนั้น... ชิ ฉันเลยแก้เกมด้วยการยกแขนเขาขึ้นมาโอบรอบบ่าก่อนจะส่งยิ้มเชือดเฉือนให้ผู้บุกรุก... ขอประกาศหน่อยเหอะว่าผู้ชายตรงนี้มีเจ้าของ!

    “ว่าไง... เธอชื่ออะไรนะ? โบรารึเปล่า? ขอโทษที พอดีท็อปเค้าเปิดห้องนี้ให้พวกเราใช้เป็นการส่วนตัว ไม่มีธุระอะไรก็ไสหัวออกไปซะ” ฮโยยอนยกขาขึ้นไขว่ห้างพร้อมพูดแบบเชือดนิ่มๆ ว้าว! วันนี้แรงแฮะคิมโชดิง

    “หึ... ธุระน่ะฉันมี ถ้าเธอกับเพื่อนๆไฮโซกล้าพอที่จะสู้กับเราล่ะก็นะ...”

    ยัยนั่นพูดออกมา แล้วพวกเราก็หันขวับไปมองหมวดยุนทันที ว่าแล้วไง... หมวดจะควักปืนพร้อมยิงอยู่แล้ว ดีว่าพี่ฮีชอลกับพี่คยูฮยอนที่นั่งขนาบข้างล็อกแขนเอาไว้ซะก่อนยุนอาเลยได้แต่ฮึดฮัดขัดใจอยู่ตรงนั้น

    “โทษทีนะคะ พอดีเรายังไม่อยากเห็นใครตาย” ซูยองพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ประชดนะ แต่ถ้าหาเรื่องกันนานกว่านี้ฉันว่ามีคนได้อมลูกปืนชัวร์

    “ก็เอาสิ? สู้อะไร ยังไง แล้วถ้าฉันชนะจะได้อะไร?”

    พวกเราได้แต่กะพริบตาปริบๆ แล้วหันหน้ามองต้นเสียง

    คิมฮโยยอน!

    ฝ่ายตรงข้ามยิ้มเหยียดขึ้นมานิดๆ ก่อนจะสะบัดผมทำสวย แล้วชายตามองไปทางดีเจท็อปที่ยืนสอดส่องสถานการณ์อยู่เงียบๆตั้งแต่เมื่อกี้ อ้อ... นั่นสินะของพนัน...

    “เจอกันสักตั้ง ดูซิว่าเธอกับฉัน ใครจะทำให้ฟลอร์ร้อนได้มากกว่ากัน...”

    “งั้นก็จัดไป” ฮโยยอนลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ท้าใครไม่ท้า... ท้าราชินีนักเต้นอย่างฮโยยอนเนี่ยนะ ไม่ได้ตายดีแน่ๆผู้หญิงคนนี้...

    พวกเราทั้งสองกลุ่มเดินลงมาข้างล่าง ดีเจท็อปให้สัญญาณเคลียร์ฟลอร์ ผู้คนถอยออกเป็นวงเว้นพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ พื้นไฟนีออนกระพริบสลับสีแล้วอินโทรบีตหนักๆของเพลงแดนซ์สไตล์เซ็กซี่ก็ค่อยๆดังขึ้น--ฝีมือพ่อดีเจของพนันนั่นแหละ

    โบราตวัดสายตามองพวกเราอย่างไม่เป็นมิตร สาวๆทุกคนมองฮโยยอน... สถานการณ์แบบนี้ยกให้เธอเป็นหัวหน้าทีมชั่วคราว ฮโยยอนยิ้มขึ้นที่มุมปากแล้วเชิดคางส่งให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นสัญญาณบอกให้เริ่มก่อน โบราเลยผลักเพื่อนคนหนึ่งมาข้างหน้าแทน

    “หืม? เก็บตัวเองไว้เป็นไม้ตายงั้นเหรอ?” พี่ยุนโฮกระซิบเข้าที่ข้างหู

    They say to save the queen the last, so do we (ว่ากันว่าให้เก็บควีนไว้เป็นไพ่ตาย ทางเราก็เหมือนกัน)ฉันพูดตอบเค้าพร้อมรอยยิ้มแล้วมองผู้หญิงบนฟลอร์อย่างประเมิน

    เธอก็ดูดีในระดับนึงนะ เสื้อผ้าก็ชะเวิบชะวาบเรียกเสียงผิวปากจากผู้ชายรอบๆได้พอตัวอยู่ แต่ดูไม่มีคลาสชะมัด

    “เห็นแล้วขัดลูกกะตา ขอลงไปโชว์หน่อยนะว่าเซ็กซี่แบบผู้ดีเค้าทำกันยังไง...” ควอนยูลพูดขึ้นมาก่อนจะเหยียบรองเท้าสีแดงลงไปบนฟลอร์ แค่นี้ก็เซ็กซี่สุดใจขาดดิ้นแล้ว!

    ทั้งสองคนโชว์สเต็ปตามบีตแรงๆของเพลง อีกฝ่ายดูพยายามสุดฤทธิ์ที่จะส่งยิ้มยั่วยวนให้ผู้ชายที่ยืนเป็นผู้ชม แถมยังเน้นโชว์เนื้อนมไข่ แต่ยูริกลับแค่บิดตัวอย่างมีสไตล์แค่นั้นผู้ชายแทบทุกคนก็แทบจะลงไปดิ้นเร่าๆกองกับพื้น พวกเรามองพี่ฮีชอลอย่างเป็นห่วงแต่ที่ไหนได้พี่แกยืนขำซะงั้น =__=

    “เธอเซ็กซี่ได้แค่นี้เองเหรอควอนยูล?”

    เจอคำพูดของพี่ฮีชอลเข้าไปยูริเหมือนจะน็อตหลุด เพื่อนสุดที่รักของฉันยิ้มขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะก้มลงแล้วสะบัดผมด้วยท่าทางแบบที่เซ็กซี่ตัวแม่เท่านั้นจะทำได้!

    โอ๊ย... สาบานเลยว่าผู้ชายตายไปครึ่งผับ

    เสียงเพลงแผ่วลงเป็นสัญญาณว่ายกแรก เราชนะ...

    “เอาไง? ใครต่อล่ะ?” ซันนี่หันไปถามขาแดนซ์ตัวแม่ที่ตาลุกวาวท่าทางอยากลงไปดิ้นเต็มแก่ แต่คนที่ก้าวมาข้างหน้ากลับเป็นยุนอาพร้อมเพลงจังหวะออกแนวป็อปร๊อคหน่อยๆ เสียงกีตาร์ไฟฟ้าลีดขึ้นมา ตัวแทนจากฝั่งนู้นก็ยังไม่ใช่ยูนโบราอยู่ดี...

    “ใช้ปืนไม่ได้ งั้นขอลงไปเต้นยืดเส้นยืดสายหน่อยแล้วกัน...” อูย หมวดมาโหดอีกแล้ว... ยุนอาหักข้อนิ้วแล้วเหลือบตาขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม ไม่อยากจะบอกว่ายัยน้องคนนี้ห้าวตลอดทั้งๆที่สวยสุดแท้ๆ แต่ถึงยังงั้น รูปร่างสุดเพอร์เฟกต์ของยุนอาในกางเกงยีนรัดรูป เสื้อสีขาว และแจ็กเกตหนังกลับดูน่ามองกว่าสาวผิวแทนในเกาะอกสีม่วงนั่นเป็นกอง รองเท้าบูตหนังสีดำของยัยน้องรองเราตัดกับแสงไฟบนฟลอร์ชะมัด ท่าเต้นหนักๆของเธอดูออกเป็นแนวสปอร์ต แต่ก็เซ็กซี่แบบดุๆสมกับนิสัยเจ้าตัวเค้าล่ะ

    “เห็นยังงี้แล้วฉันอยากลงไปเต้นมั่งจัง” ฉันเปรยขึ้นมาแต่พี่ยุนโฮกลับคว้าข้อมือฉันไว้แทนคำตอบ

    “ผมรู้ว่าคุณเต้นไม่เก่ง”

    ฉันหัวเราะกับคำพูดของเขา ก่อนจะหันไปตามเสียงเฮของบรรดาผู้ชม ว้าว! เกมเริ่มดุเดือดแฮะ ฝ่ายนู้นลากผู้ชายลงมาคลอเคลียบนฟลอร์แล้ว ขืนเป็นงี้น้องรองพ่ายแหงๆ

    และโดยที่ไม่คาดคิด ยุนอาก็สะบัดเจ็กเกตสีดำทิ้ง ผิวขาวเนียนในเสื้อสายเดี่ยวที่เจ้าตัวชอบใส่ทำเอาบรรดาหนุ่มๆตาค้างกันไปเป็นแถว แต่เหมือนยุนอาจะยังไม่พอใจ เธอหันหลังกลับแล้วกระดิกนิ้วเรียกหนึ่งในผู้โชคดีออกมา

    ถึงตรงนี้หนุ่มๆในกลุ่มตัวแข็งทื่อกันไปหมด พี่คยูฮยอน กับพี่ชีวอนมองหน้ากันแล้วคว้าตัวซูยองกับซันนี่มาไว้ข้างหลังโดยอัตโนมัติ มีก็แต่พี่ฮีชอลที่ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ข้างๆ นี่ถ้าควอนยูลทำแบบเดียวกันมีหวังพี่แกอาละวาดร้านพังแหงๆ...

    ยุนอาคว้าเนคไทหนุ่มน้อยผู้โชคดีคนนั้นให้เดินเข้าไปใกล้เธอก่อนจะลูบตั้งแต่ไหล่ไล่ลงมาจนถึงแผ่นอก เธอยิ้มก่อนจะหมุนตัวไปยืนข้างหลังแล้วใช้ปลายเท้ากระแทกข้อพับเขาเบาๆทำให้หมอนั่นทรุดลงไปชันเข่ากับพื้น ยุนอาเดินอ้อมมาข้างหน้าเชยคางเขาขึ้นนิดก้มตัวลงไปคล้ายจะจูบแต่ก็ผละออกแล้วเธอก็ยกขาขึ้นเหยียบเข่าที่ชันขึ้นของผู้ชายคนนั้นก่อนจะจิกสายตามองทุกคนแบบดุๆ

    ชนะเลิศไปเลยค่ะหมวด!

    เสียงเพลงแผ่วลงอีกรอบ ชนะอีกแล้ว >_<!

    ท่าทางตัวแม่ของฝั่งนู้นดูจะขัดใจกับผลคะแนน รอบนี้เธอเลยเดินลงมาเองก่อนที่เพลงจะเริ่มซะอีก โบราเงยหน้าขึ้นมองดีเจรูปหล่อบนบูธ แล้วเขาก็พยักหน้าตอบ... หึ คงเป็นเพลงประจำสินะ

    เพลงป็อปอเมริกันฟีเจอร์ด้วยซาวด์เซ็กซี่ๆแบบอินเดียหน่อยๆ ก็ดูเหมาะกันดีกับผิวสีน้ำผึ้งของเธอ โบราช้อนตามองผู้ชายหลายๆคนที่ดันตัวเองขึ้นมาอยู่แถวหน้า... ท่าทางผู้หญิงคนนี้ดูจะฮอตไม่เบา แถมดูเธอไม่โลว์คลาสเหมือนกับสองคนก่อนหน้านี้ แหม... ต้องยังงี้สิถึงจะมันส์หน่อย!

    โดยที่ไม่รอให้โบราเรียกคะแนนไปมากกว่านั้น ฮโยยอนก็ก้าวลงมาบนฟลอร์ แค่เธอพลิกตัวสะบัดผมทีนึงความเซ็กซี่ก็พุ่งเต็มทะลุปรอทแล้ว จะแข่งอะไรก็แข่งได้นะ แต่แข่งเรื่องเต้นเนี่ย อย่ามาแข่งกับคิมฮโยยอนซะให้ยากเลย!

    ท่าทางคู่ต่อสู้ของเราจะรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบ เธอก้าวขึ้นไปบนบูธแล้วเริ่มเต้นยั่วยวนพ่อดีเจตาคมที่ท่าทางจะคล้อยตามไปกับเค้าด้วย

    ขี้โกงนี่นา!

    ฮโยยอนเสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนจะสลัดรองเท้าส้นสูงออกแล้วปีนขึ้นไปบนขอบเวที แล้วยัยนั่นก็ทำสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิด เธอปีนขึ้นไปเต้นบนบูธ!

    “อันนี้ฉันว่าเริ่มจะกู่ไม่กลับแล้วแหละ” แทยอนพูดออกมาอย่างอึ้งๆ ขณะมองตัวแม่ขาแดนซ์ประจำกลุ่มใช้ปลายเท้ากดเปลี่ยนเพลงให้เป็นแนวดิสโก้ ดีเจผู้ช่วยของตาท็อปนั่นรีบยกแม็คบุ๊คออกเคลียร์พื้นที่ให้ฮโยยอนอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้ชมดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว ฉันหันไปมองยูนโบราที่ได้แต่ยืนอึ้ง ถึงกับไปไม่เป็น ส่วนดีเจท็อปแค่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ

    จริงๆนะ... ฉันไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่เอาซะเลย...

    ฮโยยอนจบเสต็ปเทพของเธอด้วยการเหวี่ยงตัวลงนั่งไขว่ห้างบนบูธแบบเซ็กซี่สุดฤทธิ์ พวกผู้ชายโห่ร้องผิวปากใส่เธอกันเป็นแถว แต่พวกเรากลับยืนนิ่งพูดอะไรไม่ถูกกันอยู่ตรงนั้น โดยเฉพาะเมื่อพ่อดีเจหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาโอบเอวเธอแล้วฮโยยอนก็เอี้ยวตัวกลับไป--ดึงเขาเข้ามาจูบ

    จูบ! จูบแบบดูดดื่มด้วย!

    “มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” ฉันได้ยินเสียงยุนอาพูดขึ้นมาแล้วก่อนที่ใครจะทันห้าม หมวดก็ก้าวขึ้นไปบนบูธดีเจแล้วกระชากคอผู้ชายที่ชื่อท็อปออกก่อนจะชกเขาลงไปนอนกองกับพื้น

    เอิ่ม... ฉันไม่ใช่แค่คนเดียวใช่มั้ยที่ไม่ถูกชะตากับหมอนี่น่ะ

    พี่ชีวอนกับพี่ยุนโฮที่ได้สติสองคนแรกรีบวิ่งเข้าไปดึงแขนยุนอาไว้คนละข้าง ส่วนแทยอนกับซันนี่วิ่งปรู๊ดขึ้นไปลากยัยคิมโชดิงของเราลงมา บรรยากาศในผับตอนนี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

    “ฟานี่!” ซูยองหันมาเรียกก่อนจะคว้าข้อมือให้ฉันรีบเดินออกไปพร้อมเธอ ถ้าขืนอยู่ต่อมีแต่คำว่าซวยกับซวยแหงๆ สาวๆคนอื่นๆพากันแยกย้าย แล้วนี่จะไปรวมตัวที่ไหนต่อล่ะ? ฉันว่าคืนนี้เราต้องมีเรื่องต้องเคลียร์กันต่อนะ...

    ระหว่างที่เราสองคนกำลังสงสัยอยู่นั่นพี่ฮีชอลก็เดินเข้ามา

    “ไปบ้านฉัน งานนี้คิมฮโยยอนเละแน่!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×