ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] Princesses & The Boys : เจ้าหญิงสุดร้ายกับเจ้าชายสุดขั้ว!

    ลำดับตอนที่ #12 : 5th Tale ~ Cygnet Turns to Angelic Creature

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 55




     5th Tale ~ Cygnet Turns to Angelic Creature

     

      “ซูจองอา พี่ไม่แน่ใจเลยว่าความจะแตกเมื่อไหร่ =__=” พี่สาวสุดที่รัก เจสสิก้า จอง บ่นกับฉันเป็นรอบที่ร้อย อยู่ใต้ชายคาบ้านเดียวกันมาก็หลายวันได้แล้ว อันที่จริงการปลอมตัวแบบนี้น่ะ ถ้าเกิดเป็นใครที่อยู่กับพี่สิก้ามาทุกวันก็คงรู้แหละ แต่ตาบ้าอคแทคยอนดันเคยเจอพี่สาวแค่ครั้งเดียว แถมตอนนั้นเสื้อผ้าหน้าผมก็เต็มยศ พอมาเจอโหมดสาวอ้วนสิวเขรอะผมมันเยิ้มเข้าไป อย่าว่าแต่จะให้จับได้เลย แค่หน้าก็ยังก็อยากจะไม่มอง

    เฮ้อ~ ผู้ชายนี่น้า~ ซื่อบื้อกันหมดทั้งโลกจริงๆ

    “แถมต้องตื่นมาแต่งตัวแต่งหน้าก่อนเจอเขาตั้งสอง ชม. ชุดนี่ก็ทั้งร้อน ทั้งหนัก ทั้งอึดอัด จนพี่จะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย” พี่สิก้ายังบ่นไม่เลิก ขณะที่ฉันเอาวิกผมปลอมสวมลงบนหัว หน้าก็แต่งแล้ว ชุดคนอ้วนก็ใส่แล้ว โอเค! พร้อมลุย

    “พี่เลิกบ่นซะทีเถอะน่า มาอัพเดทกันหน่อยซิว่าเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง? ท่าทางเขาดีกับพี่มากขึ้นแล้วนี่?” ฉันยิ้มให้กับจองซูยอนในกระจกที่ทำหน้าบูดกลับมา

    “จะได้สักกี่วันกันเชียว”

    “เพื่อรักแท้ ยังไงก็ทนหน่อยนะคะพี่สาว ^^” ฉันส่งยิ้มให้พี่สิก้าก่อนจะดึงตัวลูกเป็ดขี้เหร่ให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง แต่พอประตูเปิดออก ทั้งฉันทั้งพี่สิก้าก็แทบช็อค

    บยอนแบคฮยอน!

    หมอนั่นยืนยิ้ม ยกมือค้างไว้ทำท่าเหมือนจะเคาะประตูห้อง แต่ประเด็นคือหมอนี่เพิ่งมาหรือยืนอยู่นานแล้ว เขาได้ยินรึเปล่านะ? โธ่! นี่ความลับจะแตกตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มเลยเหรอ

    “อรุณสวัสดิ์ครับ พอดีผมได้รับโทรศัพท์จากคุณลุง พ่อพี่แทคยอนน่ะครับ ก็เลยจะมาแจ้งให้ทราบ ^^” เขาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มซื่อๆ เชื่อได้รึเปล่าเนี่ย =__=”

    “งั้นไว้ไปคุยตอนทานข้าวไหมคะ ตอนนี้แม่บ้านน่าจะตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว” พี่สิก้าบอกหมอนั่น ดูจากแววตาแล้วค่อนข้างแตกตื่นนิดหน่อย แต่ฉันรีบขัดตาทัพช่วยชีวิตพี่สาวก่อนล่ะงานนี้

    “ถ้างั้นพี่แบคฮยอนไปปลุกคุณพี่เขยด้วยกันนะคะ พี่ซูยอนลงไปรอข้างล่างก่อนก็ได้ค่ะ” ฉันรีบพูดก่อนจะเดินเข้าไปควงแขนตาซื่อบื้อแบคฮยอน แบร่~ พวกผู้ชายเนี่ยโดนอ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ลืมหมดแล้วล่ะ เชื่อสิ อย่าถามนะว่าฉันไปหัดมารยาพวกนี้มาจากไหน ก็จากเพื่อนพี่เจสสิก้านั่นแหละ แต่ละคนแรงเกินมนุษย์มนากันทั้งนั้น อย่างฉันเนี่ยถือว่าจิ๊บๆ

    “เอ่อ น้องคริสตัลไม่ต้องจับมือก็ได้ครับ พี่เดินเองได้” หมอนั่นตอบฉันพร้อมหน้าแดงจัด บอกแล้วไงว่าร้อยทั้งร้อยผู้ชายแพ้ผู้หญิง แค่นี้ก็รอดตัวแล้ว

    เราสองคนเดินมาจนถึงหน้าห้องของอีตาขี้เก็กอคแทคยอนนั่น ฉันส่งยิ้มหวานให้ผู้ชายซื่อบื้อข้างตัวอีกที

    “เอ่อ... คริสตัล”

    “ขา~

    “สรุปว่าพี่ซูยอนคือคนๆเดียวกับพี่เจสสิก้าใช่มั้ย?”

    ฉันชะงักกึก ยกมือที่กำลังจะเคาะประตูห้องค้างเอาไว้กลางอากาศ ดูจากปฏิกิริยาของหมอนั่นแล้ว หน้าฉันคงเอ๋อเอามากๆ

    “นายว่าอะไรนะ?”

    “ผมรู้นะว่าเจสสิก้ากับจองซูยอนคือคนๆเดียวกัน”

    ตายล่ะเว้ยยยยยยยยยยยยยยเฮ้ยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!

    ฉันตะครุบปิดปากหมอนั่น ลากเขาให้ออกมาพ้นๆจากหน้าห้องของว่าที่พี่เขยแล้วจับเขายัดเข้าไปในห้องรับรองแขกข้างๆกันที่ว่างอยู่ ก่อนจะกดประตูล็อคทันที

    “นาย! เอาอะไรมาพูด อย่ามาซี้ซั้วนะ! พี่เจสสิก้าไม่อยู่ เข้าใจมั้ย? คนที่อยู่ในบ้านนี้มีแค่จองซูยอนเข้าใจไหม?” ฉันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่อีตาหน้าละอ่อนแต่ดันรู้ดี ไม่รู้ล่ะ! ยังไงฉันไม่มีทางปล่อยให้ความแตกแน่ๆ จะว่าไปแล้ว... หมอนี่รู้ได้ยังไงกันนะ T^T

    “แหม เป็นคนละคนที่บังเอิญจังนะครับ ผมเอาชื่อพี่สิก้าไปเสิร์ชกู๊กเกิ้ลดูก็รู้ว่าชื่อเกาหลีของพี่เค้าคือจองซูยอน ^^ อีกอย่าง ผมไม่เคยเห็นพี่เลี้ยงคนนี้ใส่เสื้อแขนสั้นหรือกางเกงขาสั้นให้เห็นเลยสักครั้งทั้งๆที่นี่มันก็เป็นช่วงหน้าร้อน ทำไมเหรอครับ?”

    ฉันอ้าปากจะเถียงแต่หมอนั่นก็พูดขัดขึ้นมา

    “...เพราะคนเราจะแต่งให้ตัวอ้วนก็แค่หาอะไรยัดๆเข้าไป แต่แขนกับขามันทำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? เพราะงั้นพี่ซูยอนเลยใส่แต่เสื้อตัวใหญ่ๆพองๆ เพื่อจะซ่อนรูปร่างที่แท้จริงของตัวเอง”

    แพ้หมดรูปเลยซูจองเอ๊ย T_T นี่ฉันอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเชอร์ล็อก โฮล์มส์รึไงเนี่ย!

    “ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่แทคยอน...”

    “ไม่ยากๆ ^^” แบคฮยอนตีหน้าซื่อใส่ฉัน แต่ ณ จุดๆ นี้ขอถือว่ามันเป็นการกวนประสาทสุดๆ “ก็ทำให้ผมอยู่ห่างๆจากพี่แทคยอนไว้ไง อย่างเช่น... ชวนผมไปเดทเป็นต้น”

    O_O เฮ้ยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!

    งานนี้พี่สาวก่อเรื่องให้น้องเดือดร้อนแล้วมั้ยล่ะ จบคดีเมื่อไหร่จะคิดค่าเสียหาย เสียเวลาให้คุ้มเลยเชียว!




    “นี่คุณ เห็นคุณหนูคริสตัลบ้างมั้ย?”

    “ไม่” ผมหันไปตอบคุณพี่เลี้ยงซูจอนทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าน้องคริสสุดน่ารักไปไหน... เจ้าแบคฮยอนน่ะสิ แอบมากระซิบกับผมว่าจะพาน้องไปเดทเงียบๆ แล้วยังห้ามไม่ให้ผมบอกเรื่องนี้กับซูยอนอีกตะหาก

     

    “ถ้าพี่ช่วยผมให้ได้เป็นน้องเขยพี่สิก้า รับรองว่าผมจะหนุนหลังพี่เต็มที่เลย ^^

     

    นั่นล่ะแผนของไอ้เด็กหน้าจืดที่ความคิดมันไม่จืดตามหน้าตา =__=

    แต่ก็ดี! มีผู้ช่วยเพิ่ม ถึงแม้จะเซ็งหน่อยที่โดนเด็กเมื่อวานซืนมาแรงแซงโค้ง ผมดิต้องมาติดแหลกอยู่กะยัยพี่เลี้ยงอืดๆนี่ ต้องรอแหงกไปอีกกี่ชาติเนี่ยถึงจะได้เจอเจสสิก้าที่รัก T^T

    “แล้ววันนี้คุณไม่ไปไหนเหรอ?” ซูยอนหันมาถามผมซื่อๆ เออ ก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกันแฮะว่าจะไปไหน ได้แต่นั่งกินนอนกินที่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไร

    “เธอพาไปเที่ยวหน่อยสิ ทะเล ภูเขา แม่น้ำ ไร่ ฟาร์มเลือกมาเลย”

    จองซูยอนเลิกคิ้วมองผมแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

    “ให้ฉันขับไปน่ะเหรอ?”

    เอี๊ยดดดดด!... แผนการหนีเที่ยวต่างจังหวัดของผมมีอันพับเก็บไปโดยปริยาย เออเว้ยเฮ้ย ปล่อยยัยนี่ขับมีหวังได้ไปแล้วไปลับ =__=

    “งั้น... สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ละกัน ฉันอยากไป”

    “กับฉันเนี่ยนะ?” จองซูยอนหันมาถามผมหน้าตาตื่น

    “ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ =__= จะให้ไปกับใครได้ล่ะ”

    “อื้อ งั้นจะไปวันไหนล่ะ ฉันจะได้เคลียร์คิวไว้ก่อน...”

    “วันนี้แหละ”

     

    “อร่อยมากมั้ย?” ฉันถามประชดอีตาบยอนแบคฮยอนที่นั่งจ้วงไอติมหน้าตาลัลล้าอยู่ตรงหน้า เฮอะ!

    “ลองชิมดูสิ” หมอนั่นเอาช้อนไอติมปาดแก้มแล้วยื่นหน้ามาให้ฉัน -*- นี่มันจะมากไปแล้วนะ

    “นี่แน่ะๆๆๆ!!!” ฉันเอาน้ำในขวดสาดใส่หมอนั่นที่เปลี่ยนโหมดมาเป็นตั้งรับได้ในทันควัน ผู้ชายบ้าอะไรเล่นกับฉันไม่ออมแรงเลยสักนิด! ฉันเป็นผู้หญิงนะ! แต่ลงท้าย ฉันก็เปียกหมดอยู่ดี ฮึ้ย! อีตาบ้านี่!

    “ช่วยไม่ได้นะ ก็คุณอยากมาพยศใส่ผมก่อนนี่”

    “ก็นายมาทำทะลึ่งใส่ฉันทำไมล่ะ!?” ฉันแว้ดใส่หมอนั่นก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่เขากลับคว้าข้อมือของฉันไว้ ฮึ่ย! นี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!

    “คริสตัล นั่นมันพี่แทคยอนกับพี่สิก้ารึเปล่า?” ฉันหันไปตามที่หมอนั่นบอก เห็นคนสองคนเดินกำลังเดินผ่านร้านไอติมที่เรานั่งอยู่ เฮ้ย! ใช่จริงๆด้วย พี่สิก้ากับอคแทคยอนไม่ผิดแน่!

    “ทำไงดีอ่ะ?” แบคฮยอนหันมาถามฉันหน้าซื่อ

    “ก็ตามไปสิ! ถามได้!

    เราสองคนค่อยๆย่องออกจากร้านแบบระวังตัวไม่ให้สองคนนั้นเห็น แต่ดูท่าทางนายแทคยอนออกจะสนใจแต่พวกเครื่องเล่น ส่วนพี่สาวฉันเนี่ย แบบว่าสนใจแต่หมอนั่น

    “นี่ ซูจอง”

    “อะไร?” ฉันตวัดเสียงใส่อีตาหน้าอ่อนที่ทำมาเป็นเอานิ้วสะกิดๆ

    “ไม่คิดเหรอว่าการที่สองคนนั้นมาสวนสนุกเนี่ย มันเป็นโอกาสที่ดีเอามากๆเลย”

    “ดีแล้วไง?” อีตานี่พูดมากน่ารำคาญชะมัด -*-

    “ก็... เรามาช่วยกันวางแผนลดช่องว่างระหว่างสองคนนั้นดีกว่ามั้ย? ^^

    ฉันหันไปมองหน้าบยอนแบคฮยอน เออแฮะ หมอนี่ก็ช่างคิด ไหนๆเราก็มาเดทที่เดียวกันแล้ว ใช้โอกาสนี้ช่วยให้สองคนนั้นมีโมเมนต์กันมากขึ้น นอกจากจะได้ช่วยพี่สิก้าแล้ว ถ้าเกิดหน้าสิ่วหน้าขวานอะไรขึ้นมาก็จะได้ตามล้างตามเช็ดกันทัน

    “ฉันจะยอมญาติดีกับนายก็เฉพาะระหว่างนี้เท่านั้นแหละนะ” ฉันไฮไฟว์กับหมอนั่นที่ยกมือรออยู่แล้ว

    เอาล่ะ...งานนี้ไหนๆก็เริ่มแล้วนี่ ใช้แรงเหวี่ยงให้เป็นประโยชน์เลย โก โก!



     

    ฉันเดินตามหมอนั่นที่นอกจากจะขายาวแล้วยังจะเดินเร็วเอาโล่อีก

    คนใส่ชุดอ้วนมันทรมานนะเฟร้ย T^T ร้อนก็ร้อน นี่มันหายนะชัดๆเลยที่ฉันยอมมาสวนสนุกกับหมอนี่อ่ะ!

    “เอ้า!” อคแทคยอนหันหลังกลับมาก่อนจะโยนผ้าเย็นๆใส่หน้าฉัน “เธอน่ะอ้วนกลมเป็นหมู เจออากาศร้อนหน่อยไขมันเลยละลายเยิ้มเลยใช่มั้ยล่ะ? เช็ดเหงื่อแล้วรีบตามมาเร็วๆเข้า ฉันอยากไปเล่นไอ้นั่นจะแย่อยู่แล้ว”

    ฉันเอาผ้าเย็นโปะคอตัวเอง ทั้งๆที่มันเย็นสุดขั้วแต่ฉันกลับรู้สึกตัวเองหน้าร้อนผ่าว ไม่หรอก... ไม่ได้เป็นเพราะอากาศ แต่เป็นเพราะรอยยิ้มของผู้ชายซื่อบื้อคนนี้ต่างหาก ฉันออกวิ่งตามเขาไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาเดินนำหน้าไปถึง ‘ไอ้นั่นแล้ว...

    ไอ้นั่นที่ว่าคือบ้านผีสิง...

    โกหก โกหกใช่ม้ายยยยยยยยยย!!! เจสสิก้าจองน่ะกลัวผีที่สุดในสามโลกเลยนะ

    “เฮ้ๆ จะไปไหน...” รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนเรียวปากของเทพบุตรอคแทคยอน แขนล่ำๆคว้าคอเสื้อลากฉันเข้ามาต่อคิวยาวเหยียดแบบไม่ถามความคิดเห็น

    พ่อแก้วแม่แก้ว เอ็งจะเล่นอะไรก็ไม่เล่น มาสวนสนุกเข้าบ้านผีสิงทำม้ายยยยยยยยย T^T ฮือ คนสวยอยากจะกรี๊ด

    แต่ลงท้ายแล้วไม่ว่าฉันจะขุดหาเหตุผลนานาสารพันมาอ้าง หมอนั่นก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปไหน ขนาดบอกว่าท้องเสียเป็นไข้เมนส์มาหน้ามืดตาลายคล้ายจะชัก ยังไง้ยังไงอคแทคยอนก็จะเอาจองซูยอนเข้าบ้านผีสิงให้ได้ ขอบอกว่าจุดประสงค์ชัดเจนด้วย หมอนี่กะแกล้งฉัน

    “เชิญเลยค่ะ” เสียงพนักงานพูดก่อนที่จะปล่อยให้เราสองเคนเข้าไป วินาทีนี้ฉันกอดแขนอีตาบ้าแทคยอนแน่น ไอ้เรารึกลัวแทบตาย หมอนี่กลับเอามือล้วงกระเป๋าผิวปากเดินเข้าไปข้างในหน้าตาเฉยเลยอ่ะ

    “โอ๊ย เบาๆสิ เธอบีบจนแขนฉันจะหักอยู่แล้ว” แทคยอนบ่นขึ้นมา นี่ฉันกอดแขนเขาแน่นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย! แต่ว่า... ในสถานการณ์แบบนี้ขอมีที่พึ่งไว้ก่อนดีกว่า เรื่องอื่นไว้เคลียร์ทีหลัง T^T เหมือนหมอนั่นจะรู้ความคิดฉัน เขาถึงได้หัวเราะขึ้นมาเบาๆตอนที่ฉันกอดแขนเขาแน่นกว่าเดิม

    จู่ๆเสียงเปียโนเย็นๆชวนขนลุกก็ดังขึ้น... ท่ามกลางความมืด เปียโนเก่าตั้งอยู่ในวงสปอตไลท์สีแดงสลัว ฉันเห็นคีย์ขยับขึ้นลงตามโน๊ตแต่ไม่มีวี่แววคนเล่น

    อี๋...แบบนี้เกลียดที่สุดเลย T_T

    ฉันรีบลากอีตาอคแทคยอนเดินมาอีกทาง

    แหมะ...แหมะ...

    อะไรสักอย่างหยดลงมาใส่หัวฉัน พร้อมๆกับที่เส้นผมเปียกๆลื่นห้อยย้อยลงมาจากเพดาน แถมยังเคลื่นเข้ามาใกล้

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    “จองซูยอน ให้ตายเหอะ!” อีตาบ้านั่นรีบล็อคคอเอามืออุดปากฉันไว้ ฮือๆ อะไรไม่รู้อ่ะ น่ากลัว T^T ก็รู้นะว่าเสียงกรี๊ดตัวเองมันแหลมทำลายล้างโลก แต่เจอแบบนี้ใครไม่กรี๊ดก็บ้าแล้ว

    “ไม่เอาด้วยแล้ว ฉันไม่ไปต่อแล้ว ฉันกลัว” ฉันนั่งแหมะลงกับพื้น ขอบตาร้อนผ่าวแล้วก็เริ่มร้องไห้งอแงเหมือนเด็กๆ

    “แล้วเธอจะนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวงั้นเหรอ? ในเมื่อฉันเป็นคนลากเธอเข้ามาฉันก็จะพาเธอออกไปเอง เชื่อใจพี่ชายคนนี้ได้เลย” เขานั่งยองๆลงตรงหน้าฉัน แม้แต่ท่ามกลางความมืดมิดแบบนี้ฉันก็รู้สึกได้ถึงรอยยิ้มอบอุ่น

    แย่แล้ว... แย่แล้ว เจสสิก้า...

    “เอ้า ลุกขึ้นเร็ว! หลับตาแล้วเดินตามฉันนะ ห้ามปล่อยมือล่ะเข้าใจมั้ย?”

    โอ๊ะโอ๋... ตอนนี้แย่เข้าขั้นสุดเลย...

     

    “เจสสิก้า ไม่ต้องร้องไห้นะ เดี่ยวพี่ชายคนนี้จะพาเธอออกไปให้ได้เลย”

     

    จู่ๆฉันก็นึกถึงเรื่องสมัยเด็กออก ตอนที่ฉันเป็นคนแกล้งหมอนี่จนเราสองคนพลัดหลงเข้าไปในห้องเก็บของแล้วแม่บ้านก็เผลอมาล็อค ฉันกลัวความมืดมาตั้งแต่เล็กๆแล้วก็เริ่มร้องไห้งอแง ทั้งๆที่ฉันเป็นคนทำให้เราไปติดอยู่ที่นั่นด้วยกัน แต่ตอนนี้อคแทคยอน... พี่แทคยอนกลับคอยปลอบฉัน จับมือฉันไว้ท่ามกลางความมืด ให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

    เหมือนตอนนี้เลย...

    โอ๊ย หัวใจเต้นผิดเสต็ปเข้าขั้นรุนแรง

    ฉันได้แต่ทำตามที่เขาบอกคือหลับตาเดินตามเขาไปเงียบๆ เสียงน่ากลัวดังขึ้นรอบๆ ฉันคงกระเจิงไปแล้วถ้าไม่ได้มืออุ่นๆข้างนั้นจับเอาไว้

    “ลืมตาได้แล้ว จะถึงทางออกแล้ว” เสียงหมอนั่นดังขึ้นข้างๆ ฉันลืมตาขึ้นตามที่เขาบอก เห็นประตูทางออกอยู่ไม่ไกล เฮ้อ~ ค่อยยังชั่ว

    ฮือ...ฮือ...

    เสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นข้างหลัง ห่างจากฉันไปไม่ไกล เอิ่ม... ไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่านั่นเป็นเสียงร้องไห้อ่ะ T^T

    “เธอร้องไห้เหรอซูยอน?” อคแทคยอนหันมาถาม เอาแล้วไง ไม่ได้หูฝาดจริงๆด้วย เราสองคนค่อยๆหันหลังกลับไปมองทางที่มาของเสียง ตรงมุมนึงของห้องฉันเห็นเงารางๆของผู้หญิง ผมเผ้ายาวปิดหน้าผิวขาวซีด

    ช...ช่วยฉันด้วย...ช่วยด้วย...

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ฉันเค้นพลังเสียงทั้งหมดที่มีแหกปากร้องลั่นก่อนจะคว้าข้อมืออีตาอคแทคยอนวิ่งออกมาแบบไม่คิดชีวิต ทันทีที่ออกมาเจอแสงตะวันกับอากาศสดชื่นข้างนอกขาสองข้างก็พาลหมดแรงเอาดื้อๆ รวมถึงอะไรหลายๆอย่างที่ก่อตัวเป็นเขื่อนกั้นน้ำตาของฉันก็พังลงตรงนั้น

    “ฮ...เฮ้ เธออย่าร้องไห้สิ” พี่แทคยอนเดินเข้ามาลูบหัวฉันเหมือนเด็กๆ ก็เหมือนจริงๆนี่นา ตอนนี้ฉันนั่งแหกปากร้องไห้อยู่กลางสวนสนุกแบบไม่สนใจใครทั้งนั้น ก็มันกลัวนี่ ฉันกลัว...กลัวที่สุดเลย

    “ไม่ต้องร้องแล้วน่า เธอนี่ทำเหมือนเด็กเลย!” เสียงบ่นแกมดุดังขึ้น ฉันตั้งท่าจะโวยวายใส่เค้าแต่ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร แขนแข็งแกร่งคู่นั้นก็ดึงฉันเข้ามาในอ้อมกอด มืออุ่นๆลูบหลังฉันเบาๆ

    ความดันจะขึ้นอ่ะ ทำไงดี =////=

    “ไปเล่นอย่างอื่นกันนะ รับรอง คราวนี้ไม่น่ากลัวละ สัญญา”

    อย่า... อย่ายิ้มให้ฉันแบบนั้น อย่าพูดแบบนั้น อย่าส่งสายตาอบอุ่นขนาดนั้น... ให้ตายสิ นี่มันแย่แล้วจริงๆ นี่ฉันขุดหลุมฝังตัวเองใช่ไหมเนี่ย?

    รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันตกหลุมรักผู้ชายคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว...

     

     

    “ฮ่าๆ เห็นหน้าพี่สิก้ากับพี่ชายนายมั้ย? ฮาสุดยอดเลยอ่ะ ฮ่าๆ” ยัยตัวแสบจองซูจองนั่งหัวร่องอหงายอยู่กับผมห่างจากบ้านผีสิงไปไม่ไกล ผมเห็นสภาพน้องจองคนเล็กแล้วยังอดขำไม่ได้ ก็คุณเธอเล่นไปยืนดักบรรดาพี่ๆอยู่แถวทางออกแล้วแกล้งเอาผมปิดหน้าทำท่าเหมือนผี ตัวขาวๆผมยาวๆ ยืนในที่มืดแบบนั้นอย่าว่าแต่พี่สิก้าเลย เป็นผมผมก็กลัว

    “ฮือ... ฮือ... ช่วยฉันด้วย” คริสตัลแกล้งเอาผมมาปิดหน้าแล้วทำท่าทางยังงั้นซ้ำอีกรอบ ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา ให้ตาย เด็กคนนี้เวลาพยศก็แสบสุดๆ แต่พอได้เห็นรอยยิ้มจริงๆของเธอแบบไม่เสแสร้งแล้วผมก็รู้ว่าตัวเองมองไม่ผิด เธอน่ารักมาก น่ารักสุดๆเลย โดยเฉพาะเสียงหัวเราะใสๆนั่นน่ะ

    “นี่ เหม่ออะไรของนายน่ะ ไปเร็วเข้า สองคนนั้นจะไปแล้ว” ซูจองตีแขนผมเบาๆก่อนจะคว้ามือผมไว้ เราสองคนพากันย่องตามหลังพี่เจสสิก้ากับพี่แทคยอนไปเงียบๆ แต่ผมไม่สังเกตอะไรทั้งนั้น ก็จะให้ผมรับรู้อะไรได้ล่ะในเมื่อมือนุ่มๆของเธอจับมือผมแน่นแบบนี้ ดวงตาคู่สวยเป็นประกายทุกครั้งที่เธอมีไอเดียอะไรดีๆขึ้นมา ก็เล่นเป็นซะแบบนี้จะให้ผมมองอย่างอื่นได้ไงล่ะ

    “นี่! ฉันแสดงฝีมือไปแล้วนะ คราวนี้ตานายบ้างล่ะ” คริสตัลหันมามองผม

    “เดี๋ยวคอยดูฝีมือพี่ชายคนนี้ได้เลย” ผมขยี้หัวคริสตัลเบาๆ น่าแปลกที่เธอไม่วีนไม่เหวี่ยง แต่กลับส่งยิ้มกว้างมาให้

    “อย่าทำให้เสียแผนล่ะ ^^

    ผมรู้สึกเหมือนโดนความน่ารักน็อคจนตาพร่า หัวใจเต้นรัวยิ่งกว่ากลองชุดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    แต่ถึงยังงั้นเรื่องของพี่ชายต้องมาก่อน... ไม่แน่ถ้าพี่แทคยอนกับพี่สิก้าลงเอยกันได้ ผมจะได้มีช่องทางอยู่ใกล้คริสตัลมากขึ้น เพราะงั้นงานนี้บยอนแบคฮยอนจัดเต็มล้านเปอร์เซ็นต์!

    ผมส่งยิ้มให้คริสตัลที่ชูนิ้วโป้งสองนิ้วให้ก่อนจะรีบหาช่องมุดไปทางบูธขายของที่ระลึก ผมซื้อหน้ากากหมาน้อยน่ารักพร้อมที่คาดผม กับผ้าคลุมพ่อมดมาใส่ แถมด้วยกุหลาบอีกสองสามดอก เอาล่ะ ได้เวลาโชว์แล้ว!

    “ว้าย!” เสียงร้องของพี่สิก้าดังขึ้นเมื่อผมกระโดดไปยืนหน้าคนทั้งคู่ ท่าทางพี่แทคยอนก็ดูประหลาดใจ ผมเลยทำท่าโค้งลงพร้อมกับผายมือออกก่อนจะเอื้อมมือไปทางกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตของพี่ชาย ผมพลิกข้อมือนิดหน่อยแล้วก็เสกเอาดอกกุหลาบขึ้นมา

    นี่แหละ ความสามารถพิเศษ ^^ ผมเล่นมายากลได้ครับ

    ผมยื่นดอกกุหลาบให้พี่เจสสิก้าหรือจองซูยอนที่ดูชอบใจสุดๆ พี่น้องคู่นี้เหมือนกันเลยแฮะ เวลาดีใจเนี่ยตาพี่เค้าเป็นประกายเหมือนคริสตัลเลย

    ผมล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบไพ่กลขึ้นมาส่งให้พี่แทคยอนตัดไพ่ ก่อนจะคลี่ออกให้เลือกใบที่ชอบที่สุดหนึ่งใบ ก่อนะจยื่นส่งให้พี่เจสสิก้าบ้าง ทั้งคู่มองหน้ากันเล็กน้อย ต่างคนก็ต่างเก็บไพ่ไว้ในมือ ผมรวบไพ่กลับคืนมาก่อนจะหงายให้ทั้งสองเห็นไพ่ในสำรับ... ไพ่ทุกหน้าทุกดอกเรียงคละกันเหมือนปกติแต่มีสองใบที่หายไป...

    ทั้งสองคนหงายไพ่ที่ถือไว้ออก หนึ่งโพธิ์แดงอยู่ในมือทั้งคู่... หรือจะเรียกให้ถูกคือไพ่รูปหัวใจ 

    พี่สิก้าหน้าแดงแปร๊ดเกือบถึงหูขณะที่ยื่นไพ่กลับให้ผม พี่ชายก็ทำหัวเราะกลบเกลื่อน ผมรับไพ่กลับมาก่อนจะค้อมศีรษะลงน้อยๆ แล้วดีดนิ้วเปลี่ยนไพ่ในมือให้กลายเป็นตั๋วขึ้งชิงช้าสวรรค์สำหรับสองคู่รัก พี่แทคยอนรับตั๋วไปด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ผมไม่อยู่รอให้เค้าถามอะไรหรอก งานเสร็จแล้วก็ต้องรีบโกยสิ!

    “เป็นไงมั่ง?” ผมถามคริสตัลที่นั่งยองๆหลบดูสถานการณ์อยู่หลังพุ่มไม้ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าทำตัวเป็นกามเทพมันสนุกยังงี้นี่เอง สองคนนั้นท่าทางดูเขินจนแทบจะม้วนอยู่แล้ว ถึงพี่แทคยอนจะดูซื่อบื้อไปสักหน่อยแต่ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่าหัวใจพี่เค้าต้องเริ่มเอนเอียงมาหาเจ้าหญิงหงส์ขาวในคราบลูกเป็ดขี้เหร่แล้วแน่นอน

    “เยี่ยมสุดๆไปเลย ฉันไม่เห็นรู้เลยอ่ะว่านายเล่นมายากลได้” คริสตัลหันกลับมาหาผมพร้อมดวงตาเป็นประกาย ผมเลยเอื้อมมือออกไปทำท่าเหมือนจะหยิบผมนุ่มๆนั่นทัดหู แต่แล้วก็เสกเอาดอกกุหลาบสีแดงออกมาจากความว่างเปล่าแล้วยื่นให้เธอ

    “Oh my god! That was amazing!” ซูจองอุทานออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เธอมองดอกกุหลาบในมือผมด้วยดวงตาเป็นประกายก่อนจะจับแขนผมไว้ “สอนฉันบ้างสิ! นะ? นะ?” เธอขยับเข้ามาใกล้จนผมแทบไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกเหมือนโดนน็อคอีกแล้วอ่ะ

    “อ๊ะ! ซูจองระวัง!

    “ว้าย!

    เท้าของเธอสะดุดรากไม้ที่อยู่บนพื้นแล้วโถมเข้ามาหาผมทั้งตัวทำเอาเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น แล้วโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากของเธอก็สัมผัสกับแก้มของผมเต็มๆ

    โอ๊ะ… ฉากแบบนี้ อาการแบบนี้....

    “ร...ระวังหน่อยสิ!” คริสตัลรีบลุกขึ้นยืน หน้าเธอแดงซะจนน่ารักในขณะที่ผมยังทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำสีหน้ายังไง แต่ยัยจอมพยศก็หมุนตัวเดินหนีไปซะแล้ว

    เยส! เยส! อยากจะนอนกลิ้งๆไปรอบโลก! ตอนนี้ผมมีความสุขจนจะระเบิดได้แล้วนะ!

    “ด...เดี๋ยว รอด้วยสิคริสตัล” ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งตามเธอไป

    สงสัยว่าแรงเหวี่ยงนี่จะไม่ได้มีผลกับแค่คู่พี่ๆแค่สองคนซะแล้วสิ...

     

     

    แบคฮยอนแหงๆ แบคฮยอนแหงแซะ...

    ท่าทางแบบนั้น มายากลแบบนั้นผมเคยเห็นเจ้าเด็กนี่เล่นตอนอยู่บ้าน ถ้างั้นผีผู้หญิงท่าทางคุ้นๆในบ้านผีสิงคงเป็นน้องคริส ว่าแต่... ถ้าสองคนนั้นมาเดทที่นี่เหมือนกัน แล้วจะมาแกล้งผมกับซูยอนทำไม?

    “นี่! ดูสิๆ! สูงมากเลย เห็นไปถึงปราสาทนั่นเลยอ่ะ จองซูยอนทำท่าดี๊ด๊ามองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้เราอยู่บนชิงช้าสวรรค์ที่ได้ตั๋วฟรีมาจากเจ้าลูกหมานั่น ท่าทางคุณพี่เลี้ยงคนเก่งจะไม่รู้เลยว่าโดนเด็กๆหลอกปั่นหัวอยู่ แต่ก็เอาเหอะ บางทีนี่อาจจะเป็นแผนจีบคริสตัลก็ได้ เพราะงั้นผมจะยอมเล่นไปตามเกมของเจ้าเด็กนั่นละกัน

    เผื่อถ้ามันจีบติดจะได้ช่วยกรุยทางไปหาเจสสิก้าได้ง่ายขึ้น เพราะท่าทางตอนนี้ซูยอนก็ดูจะใจอ่อนกับผมขึ้นตั้งเยอะ...

    “นี่ๆ! เดี๋ยวเสร็จแล้วเราไปเล่นนั่นกันนะ? นะ?” จองซูยอนหันมายิ้มอ้อนผมเหมือนเด็กๆ ถ้าไม่นับหน้าสิวเขรอะของเธอแล้ว ผมยอมรับเลยว่าผมชอบดวงตาของเธอมาก ดวงตาเป็นประกายแบบนั้นรอยยิ้มไร้เดียงสาแบบนั้นทำเอาผมอดยิ้มไปด้วยไม่ได้

    หืม? นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย?

    “อื้อ แต่เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนนะ หิวจะแย่อยู่แล้ว”

    “อื้ม!” ซูยอนพยักหน้ารับก่อนจะหันหน้ากลับไปมองวิวข้างนอก อืม... ถ้าเป็นสาวๆสวยๆล่ะก็ อยู่ในชิงช้าสวรรค์สองต่อสองแบบนี้รับรองไม่พ้นฉากจูบ อันที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรจองซูยอนหรอกนะ...

    ผมมองมือขาวๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อแขนยาว ทำไม...ถึงได้รู้สึกอยากจับมือก็ไม่รู้

    ทำไมผมถึงได้รู้สึกแปลกๆ กันนะ? เวลาที่ยัยนี่ร้องไห้ผมก็อยากจะปกป้อง เวลาที่เธอยิ้มผมก็อยากจะยิ้มตามไปด้วย แล้วตอนที่เราหยิบไพ่รูปหัวใจขึ้นมาเหมือนกัน ทำไมผมถึงต้องรู้สึกเขินแปลกๆ รู้แต่ว่าเวลาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ผมไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ต้องเก๊กหล่อ อยากพูดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ คงเป็นเพราะเธอไม่ได้สวยเหมือนคนอื่นๆ ผมเลยไม่รู้จะสร้างภาพไปทำไม แต่นั่นทำให้ผมรู้สึกชอบเวลาอยู่กับเธอ...

    เฮ้ย!!

    นี่นายเป็นบ้าอะไรอคแทคยอน! นายเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อหาเจสสิก้านะ! ไม่ได้มาคล้องช้างกลับไปเลี้ยงที่ซานฟราน

    “นี่! นายหน้าแดงทำไมน่ะ? อากาศร้อนเหรอ?” จองซูยอนหันมาถามผม ตาใสๆนั่นจ้องมองพร้อมกับตั้งคำถาม โอย... ตายๆๆ สมองผมกลับตาลปัตรไปแล้วแหงๆ ถึงได้มีความคิดเพี้ยนว่าเธอน่ารัก...

    อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!! อยากจะบ้า!!!!

    “เดี๋ยวเราเล่นนี่เสร็จแล้วไปไหนต่อดีล่ะ?” ซูยอนหันมาถามผมตาแป๋ว

    “ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

    แววตาของเธอหมองลงไปทันทีที่ผมพูดแบบนั้น เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทำไมนายต้องรู้สึกผิดด้วยเล่าแทคยอน! ก่อนหน้านี้แกด่าเค้าไปตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ ทั้งช้างน้ำ พะยูน ป้าอ้วน...

    ไม่รู้ทำไมตอนนี้ผมกลับไม่กล้าพูดคำเหล่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วย

    “ล้อเล่นน่ะ เดี๋ยวไปเล่นรถไฟเหาะแล้วกัน”

    “จริงเหรอ? จริงๆนะ! ฉันอยากเล่นมานานแล้ว!” รอยยิ้มแบบเด็กๆกับเสียงหัวเราะของเธอทำเอาผมยอมแพ้ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ จะมาอ่อนไหวอะไรกับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะอยู่ในสายตา

    ไม่น่า... ผมคงไม่ได้คิดมีใจให้ซูยอนหรอกใช่มั้ย?

    โธ่! เจสสิก้า รีบกลับมาซะทีสิ!

     

     

    ฉันเดินลั้ลลาอารมณ์ดีเข้าบ้านมา แหงล่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกมาตั้งนานแล้ว สนุกจนไม่อยากกลับเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะของเล่นหรือเป็นเพราะคนที่ไปด้วย ฉันคิดไปเองรึเปล่านะว่าวันนี้เขาใจดีมากเป็นพิเศษ หรือว่าฉันพอจะตั้งความหวังไว้ได้ใช่ไหมว่าเขาเองก็เริ่มมีใจให้กับจองซูยอนตัวจริงที่ไม่ได้สวยสง่าหรือเป็นเจ้าหญิงอย่างเจสสิก้า...

    ถึงจะเป็นคนๆเดียวกัน แต่ฉันก็อยากให้เขารักจากตัวตนของฉัน ไม่ใช่ที่ความสวย

    “ไงคะ ไปเที่ยวกันมากลับซะดึกเชียวนะ” คริสตัลยืนยิ้มแฉ่งรอรับเราสองคนอยู่ตรงโถงทางเดิน ดูท่าทางวันนี้คุณน้องสาวจอมแสบจะอารมณ์ดีผิดปกติ มีอะไรหรือไงนะ?

    “ผมขอไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะ เหนียวตัว” อคแทคยอนพูดเรียบแล้วเดินหลบเข้าไปข้างใน เราสองพี่น้องรอจนแน่ใจว่าหมอนั่นไปแล้วจริงๆ ก่อนที่ซูจองจะหันมาแล้วกระโดดกอดฉันพร้อมส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด

    “ใกล้ความเป็นจริงแล้วนะพี่สาว!

    “อ...อะไรกันล่ะซูจอง”

    “อย่ามาทำเขินน่า ตัวเองไปเดทกับเค้ามา หวานเยิ้มเลย ใช่มั้ยๆ? เป็นยังไงบ้าง? ตาซื่อบื้อนั่นหลงรักจองซูยอนเต็มเปาแล้วสินะ”

    “เปล่าสักหน่อย แล้วก็นะ... อย่าพูดเสียงดังนักสิ! ถ้าเกิดใครมาได้ยินเข้าจะว่าไง บ้านนี้ยังมีบยอนแบคฮยอนอีกคนนะ!” ฉันดุคริสตัลที่ทำหน้าเจื่อนก่อนจะยกมือเกาหัว แล้วเราสองคนพี่น้องก็เดินควงแขนกันเข้าบ้าน แต่พอเดินเข้าไปไม่ถึงไหนเราก็เห็นสองพี่น้องแบคฮยอนและแทคยอนยืนคุยกันอยู่ตรงหน้าบันได ท่าทางแบคฮยอนจะมามุกเดียวกับคริสตัลเลย

    ขอแอบฟังหน่อยแล้วกัน... ฉันคิดแบบนั้นแล้วก็สบตากับคริสตัลที่ท่าทางจะมีความคิดเดียวกัน เราสองคนพี่น้องเลยหลบฉากอยู่หลังตู้โชว์ที่คิดว่าสองคนนั้นคงไม่เห็น แต่ก็ใกล้พอที่จะได้ยิน ถ้าสองคนนั้นไม่ได้กระซิบกันน่ะนะ

    “นายใช่มั้ย? นายตามพี่ไปเหรอ?” นายแทคยอนถามน้องชายตัวดีที่ทำลอยหน้าลอยตา

    “เปล่าซะหน่อย พี่ต่างหากที่บังเอิญไปเดทที่เดียวกับผมกับคริสตัล ^^

    ฉันหันขวับไปมองคุณน้องตัวดีที่หน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่

    “งั้นก็เป็นนายจริงๆที่แกล้งฉัน”

    “แกล้งอะไรกันครับ อันที่จริงผมช่วยพี่ต่างหาก พี่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าพี่น่ะ กำลังอินเลิฟ”

    ฉันชะงักไป พยายามเงี่ยหูฟังสิ่งต่อมาที่จะออกจากปากอคแทคยอน ไม่อยากบอกว่าตอนนี้หัวใจจวายแล้วอ่ะ แม้แต่คริสตัลเองก็บีบแขนฉันซะจนเจ็บ

    “ฉันไม่ได้อินเลิฟกับใครทั้งนั้น ที่ฉันทำดีกับยัยอ้วนนั่นน่ะเพราะแค่ไม่อยากให้แม่นั่นวิ่งโร่ไปฟ้องสิก้าหรอกว่าฉันนิสัยไม่ดี เข้าใจมั้ย? จริงๆแล้วฉันไม่ได้อยากญาติดีกับแม่นั่นเลยสักนิด”

    คำพูดทุกคำของเขาเหมือนค้อนทุบลงกลางหัวใจฉันจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆ สรุปว่าฉันคนเดียวสินะที่คิดไปเอง คิดไปว่าเขาอาจจะมีใจให้ฉัน คิดว่าเขาอาจจะรักฉันจริงๆที่ตัวของฉัน เหมือนอย่างที่ฉันรักความงี่เง่าซื่อบื้อทั้งหมดในตัวเขาแบบที่เขาเป็น...

    ฉันมันโง่ไปเองจริงๆ!

    “พี่ซูยอน!” แบคฮยอนทำสีหน้าตกใจที่เห็นหน้าฉัน ส่วนนายอคแทคยอนดูเหมือนจะช็อคไปแล้ว แต่วินาทีนี้ฉันไม่ต้องการให้เขาพูดอะไรอีก ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องพูดเพื่อจะทำให้ฉันเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ ฉันไม่อยากได้ยิน ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าเขาอีกแล้ว!

    ฉันสะบัดมือออกจากคริสตัล ก่อนจะผลักทั้งสองคนที่ยืนขวางอยู่หน้าบันได้แล้ววิ่งตรงไปยังห้องของตัวเอง กระแทกประตูตามหลัง ไม่สนใจเสียงเรียกของคริสตัลกับแบคฮยอน

    น้ำตาของฉันไหลลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ฉันถอดวิกผม ถอดเสื้อผ้าที่ใช้ปลอมตัวทั้งหมดออก กลายร่างกลับเป็นเจสสิก้าเจ้าหญิงหงส์ขาวแสนสวย... เป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีใครรัก...

    ได้เวลายุตินิทานเรื่องนี้ลงซะที...



     

    นายมันโง่จริงๆอคแทคยอน!

    ทั้งๆที่เคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำให้ยัยนั่นเสียใจอีก แต่ผมเองนี่แหละที่พูดจางี่เง่าออกไปโดยที่ไม่ทันคิดว่าเราอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน

    ซูยอนจะร้องไห้รึเปล่านะ? เธอจะโกรธผมรึเปล่า? หรือเธออาจจะเกลียดผมจนไม่พูดด้วย แล้วยังงั้นพรุ่งนี้ใครจะพาผมไปเที่ยว พาผมไปซื้อของ ใครจะทนความงี่เง่าเอาแต่ใจปากร้ายของผมได้อย่างเธอ

    มันอะไรกันนะ? ไอ้ความรู้สึกแบบนี้...

    สุดท้ายผมก็ลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่แปดโมงทั้งที่ปกติผมไม่เคยตื่นก่อนเที่ยง หรือไม่ก็จนกว่าจะมีคนมาปลุก แต่ถึงยังงั้นพอผมเดินเข้าไปในห้องทานอาหาร คริสตัลกับแบคฮยอนก็นั่งนิ่งอยู่ก่อนแล้ว

    “อรุณสวัสดิ์” ผมทักเด็กๆ แต่ไม่มีใครตอบกลับมาเลยสักคน คริสตัลทำหน้าบูดบึ้งก้มหน้าก้มตาทาเนยบนขนมปัง ส่วนเจ้าแบคฮยอนกลับมองผมอย่างคาดโทษ

    “เอ่อ... คริสตัล ซูยอนล่ะ?” ผมเอ่ยคำถามออกไปแล้วน้องคริสก็ตวัดสายตาเคืองๆมาจิกผมทันที

    “ถามทำไมคะ? พี่ไม่ได้สนใจอยู่แล้วนี่? สำหรับพี่ต้องสวยๆ ขาวๆ หุ่นดีๆ แบบพี่สิก้าไม่ใช่เหรอ?”

    “มันก็ใช่น่ะนะ...แต่--

    ซ่า!

    คริสตัลไม่รอจนผมพูดจบประโยค น้ำเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะถูกสาดเข้ามาเต็มหน้า เธอกระแทกกแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วลุกพรวดขึ้นก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าปึงปังออกไป

    “อคแทคยอน! พี่นี่จะซื่อบื้อไปถึงไหนกัน!” แบคฮยอนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น ก่อนจะรีบวิ่งตามคริสตัลไปอีกคน

    เออ! เอากันเข้าไป! ด่ามาเลย อยากจะทำอะไรก็เชิญ!

    ว้อยยยยย!!! แต่จะมีใครสักคนบอกผมก่อนได้มั้ยว่าจองซูยอนหายไปไหน?!

    ผมลุกขึ้น ตั้งใจจะไปถามไอ้ลูกหมาแบคฮยอนให้รู้เรื่อง แต่พอหันหลังกลับไปเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหารเท่านั้นแหละ ขาของผมก็เหมือนเป็นอัมพาต

    เจสสิก้า...

    เจ้าหญิงหงส์ขาวที่ผมหลงใหลใฝ่ฝัน...

    “ไง คุณอยากเจอฉันมากเลยไม่ใช่เหรอ?” เสียงหวานๆของเธอพูดอย่างเย็นชาห่างเหิน

    “ใช่... ใช่ครับ” ผมตอบออกไป ทั้งๆที่ควรจะดีใจ ทั้งๆที่ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผน แต่ว่าทำไมผมถึงหยุดคิดเรื่องจองซูยอนไม่ได้ ทำไมผมถึงได้รู้สึกร้อนใจแบบนี้นะ?

    “เรื่องการแต่งงาน... ฉันจะให้คำตอบคุณ--

    “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนถอะครับ เจสสิก้า...พี่เลี้ยงคุณน่ะ จองซูยอน... เธอไปไหน? เธอไปอยู่ที่ไหน?” ผมถามขัดขึ้นกลางประโยคโดยไม่ฟังเธอพูดให้จบ เจสสิก้าดูจะประหลาดใจมาก

    “เธอไปแล้วค่ะ... จองซูยอนไปแล้ว”

    ได้ยินคำนั้นหัวใจของผมก็ร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม... เธอไปแล้ว?

    ไปไหน? ไปได้ยังไง?

    โดยไม่ต้องคิด ผมคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกไป ตั้งใจแค่ว่าจะต้องตามหายัยบ้านั่นให้เจอ อย่างน้อยถ้าเธอจะต้องเกลียดผมแล้ว แต่ผมก็ต้องได้พูดก่อน อย่างน้อยก็คำว่าขอโทษคำหนึ่งล่ะ...

    ผมคิดถึงรอยยิ้มของจองซูยอน คิดถึงเสียงหัวเราะแหลมๆ คิดถึงเสียงกรี๊ดทำลายล้างโลกแบบนั้น

    ให้ตาย! ทำไมผมถึงได้โง่ยังงี้นะ!

    มารู้ตัวอะไรเมื่อตอนสายไปแล้วแบบนี้ ผมไม่ได้แค่รู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับยัยลูกเป็ดขี้เหร่นั่น แต่ผมชอบทุกเวลาที่อยู่ข้างๆเธอ ชอบที่ไม่ต้องทำตัวเก็กเป็นเจ้าชาย ชอบที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ชอบที่เธอกล้าเถียง กล้าด่าผม ชอบกระทั่งฝีมือขับรถห่วยๆนั่น

    ผมชอบเธอ...

    ผมทุบพวงมาลัยรถ นึกโกรธตัวเองในใจ ทำไมเพิ่งมาคิดได้เอาป่านนี้นะอคแทคยอน?

    ผมได้แต่ขับรถวนไปวนมาบนถนนที่ไม่รู้จัก เส้นทางคุ้นๆที่เราเคยมาผมก็ไปดูทุกที่ เธอจะไปที่ไหน? เธอจะหนีผมไปไหน? แล้วผมจะเริ่มตามหาเธอยังไง ผมนึกเรื่องพวกนี้ไม่ออกเลยสักอย่าง

    รู้ตัวอีกที ผมก็จอดรถตรงหน้าสวนสาธารณะ แล้วเดินไปหาม้านั่งอย่างอ่อนแรง นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมได้แต่นั่งอยู่อย่างนั้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมา แสงไฟจัดจ้าจากรถสปอร์ตสีควันบุหรี่คันหนึ่งก็สาดเข้ามาเต็มๆ

    “ไงคะ? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ?” สาวสวยในแจ็กเกตหนังกับกางเกงยีนส์รัดรูปเดินเข้ามาหาผมสบายๆพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้จะแต่งหน้าบางๆ แต่เธอก็สวยละลายใจใครหลายคนได้ง่ายๆ ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนแน่นอนว่าต้องเอ่ยปากจีบแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันอึนไปหมด... ถึงจะจำได้ว่าเคยเจอแต่ผมก็นึกชื่อเธอไม่ออก

    “ฉันยุนอาไงคะ เราเคยเจอกันที่ผับ” อ๋อ... อิมยุนอาที่เจอวันนั้นน่ะเอง คนที่พูดยิงซะผมไปไม่เป็น...

    “ขอโทษนะครับ ผมเป็นคนโง่แบบนี้ล่ะ จำอะไรไม่ค่อยได้” ผมตอบเธอ

    “จริงค่ะ คุณน่ะโง่ โง่มากซะจนเกือบทำเจ้าหญิงหงส์ขาวบินหนีไปตลอดกาลซะแล้ว” ยุนอายิ้มให้ผม ดวงตาเป็นประกายระยับ ท่าทางเธอวันนี้ดูอารมณ์ดีแถมเป็นมิตรกว่าครั้งแรกที่เราเจอกัน แต่ว่าผมก็ยังอดสะกิดใจกับคำพูดเธอไม่ได้อยู่ดี

    หมายความว่าไง? เจ้าหญิงหงส์ขาวบินหนีไปตลอดกาล?

    เธอคงเห็นหน้าเอ๋อๆของผม ถึงได้หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองที่รถของเธอ

    ประตูด้านหลังเปิดออก สาวผู้หญิงสองคนก้าวลงมาจากรถ คนแรกคือสาวตายิ้มที่ผมเจอในวันนั้น ส่วนอีกคนคือคนที่ผมกำลังตามหา...

    “จองซูยอน!

    ผมลุกขึ้นยืน มองซูยอนที่วันนี้ดูเหมือนจะแปลกไป... อย่างแรก ผิวเธอใสมาก รอยเขรอะๆที่เกิดจากสิววันนี้ไม่มีให้เห็น อย่างที่สองวันนี้เธอแต่งหน้า ถึงจะแค่บางๆ แต่ว่ามันกลับทำให้เธอดูสวยขึ้นเป็นกอง ไม่นับหุ่นกลมๆกับผมฟูๆนี่น่ะนะ

    “ขอโทษนะคะ เราไม่คุ้นสักเท่าไหร่เวลาคุณเรียกชื่อนั้น เพราะปกติพวกเราเรียกยัยนี่ว่า สิก้า

    กว่าที่ผมจะรู้ว่าทิฟฟานี่หมายถึงอะไร จองซูยอนตรงหน้าผมก็ถอดวิกผมออก สะบัดเรือนผมยาวสีช็อกโกแลตเลื้อยไล่ลงมาบนแผ่นหลัง เธอโยนแว่นตาเชยๆทิ้งขณะที่ยุนอาและทิฟฟานี่ช่วยปลดกระดุมถอดเสื้อผ้าตัวหลวมโคร่งออก ผมได้แต่ยืนช็อค เพราะวินาทีที่ชุดใหญ่ๆนั่นหล่นลงไปกองกับพื้นผมก็เห็นว่ามันบุไปด้วยผ้าไม่รู้กี่ชั้น แต่ที่ทำให้ผมอึ้งที่สุดคือตัวตนที่แท้จริงของลูกเป็ดขี้เหร่ที่ตอนนี้อยู่ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็เป็นเจ้าหญิง

    เจ้าหญิงหงส์ขาว เจสสิก้าจอง!

    “มีนายคนเดียวนั่นแหละที่โง่ซะจนแม้แต่วิธีปลอมตัวง่ายๆแบบนี้ก็ยังจับไม่ได้” เจสสิก้าเดินข้ามกองชุดเน่าๆนั่นมาบีบจมูกผม แล้วเธอก็ยิ้ม

    เจสสิก้ากับจองซูยอนคือคนๆเดียวกัน!

    อคแทคยอนนายนี่มันโง่บัดซบจริงๆ!

    “เงียบทำไมล่ะยะ? อย่าบอกนะว่าโกรธที่โดนฉันหลอกน่ะ? รู้ไว้ซะเลยว่านายไม่มีสิทธิ์ สิ่งที่นายทำกับฉันน่ะมันมากมายก่ายกองกว่านั้นเยอะ!” เจสสิก้าหยิกแขนผมก่อนจะทำจมูกย่นใส่แบบที่เธอชอบทำบ่อยๆเวลาเด็ก

    “โอเค ขอโทษ... พี่ขอโทษก็ได้เจสสิก้า...” ผมยกมือขึ้นยอมแพ้ ยอมแพ้ทั้งตัวและหัวใจ แต่ดูเหมือนนั่นจะยังไม่พอ เพราะเจสสิก้าจับคอเสื้อผมแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    “แค่นี้?”

    “ถ้าสำหรับเจสสิก้าก็มีเท่านั้นแหละ... ที่เหลือเป็นของจองซูยอน”

    ดวงตาสีน้ำตาลของเธอเป็นประกาย ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกลับจะกลั้นยิ้ม เจ้าหญิงของผมทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ซะน่าหยิก แล้วเธอก็เขยิบเข้ามาใกล้อีกก้าว

    “สิ่งที่นายจะบอกยัยนั่นน่ะ บอกฉันแทนแล้วกัน เดี๋ยวฉันเอาข้อความไปส่งต่อให้”

    “ถ้างั้นก็ห้ามตกหล่นแม้แต่คำเดียวเลยนะ” ผมพูดกับเธอขำๆ หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะความสวย ตอนนี้ผมเห็นอะไรบางอย่าง ความน่ารักในตัวเจ้าหญิงจอมแสบที่ปั่นหัวผมจนหลงสเน่ห์เธอเข้าอย่างจัง ทำยังไงก็ถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว

    “ไม่ว่าเธอจะเป็นเจ้าหญิงหรือพี่เลี้ยง เป็นหงส์ขาวแสนสวยหรือลูกเป็ดขี้เหร่ ไม่ว่าจะเป็นเจสสิก้าหรือจองซูยอน แต่พี่ก็ชอบเธอ ชอบเธอมาก... ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม?”

    “ฉันจะอนุญาตแทนยัยป้าเฉิ่มนั่นแล้วกัน” เจสสิก้าตอบพร้อมรอยยิ้มน่ารักแล้วก่อนที่ผมจะทันรู้ตัวซะอีกเธอก็กระชากคอเสื้อผมลงไปจูบเธอผมต้องมนตร์สะกดของลูกเป็ดขี้เหร่จอมเผด็จการคนนี้ซะแล้ว

    เสียงประท้วงดังออกมาจากปากของอิมยุนอากับทิฟฟานี่ แต่ขอบอกว่าเจสสิก้าไม่สนเลยจริงๆ สองแขนเล็กๆโอบรอบคอผม เรียวปากแสนหวานหลอมละลายหัวใจจนไม่เหลือที่ว่างให้ใครอีก

    ถ้าโง่แล้วคุ้มแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ...

    “นี่สิก้า” ผมพูดกับเธอทันทีที่ถอนจูบออก

    “หือ?”

    “จะอะไรก็ได้นะ... แต่ชุดแต่งงานขอไม่เอาแบบนั้นได้ไหม?”

    เจสสิก้าหันไปมองเพื่อนๆก่อนจะกะพริบตาปริบๆ แล้วพวกเราสี่คนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

    ผมจับมือเธอเอาไว้แน่นระหว่างที่เราสองคนเดินกลับไปที่รถ

    ลูกเป็นขี้เหร่ที่กลายร่างเป็นหงส์ขาวแสนสวย... ผมจะไม่มีวันปล่อยให้เธอบินหนีไปอีกแล้ว สาบานเลย! ^_^


      

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×