คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 5th Tale ~ Before a Swan Theres an Ugly Duckling
5th Tale ~ Before a Swan There’s an Ugly Duckling
เธอมันโง่ เจสสิก้า จอง!
โง่ แถมยังใจง่ายไม่เข้าท่าอีกต่างหาก T^T
โธ่... ทำไมฉันไม่รู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆอะไรเลยนะ ทั้งๆที่ลางก็เริ่มไม่ดีตั้งแต่ตอนที่ฉันงานเข้าตรงวันเกิดของยัยน้องรองนั่นแล้ว หรือคิดอีกทีเพราะความแรงของยุนอามันเลยเกิดเรื่องแบบนี้ โอ๊ย! จะอะไรก็ช่างเถอะ!
แต่ฉันหลงรักผู้ชายคนนั้นเข้าซะแล้ว
ฉันควรจะทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ย
30 พฤษภาคม...
“เดินทางดีๆนะคะพี่ แค่นี้ก่อนนะคะ พี่ฮโยยอนจะลากฉันไปเมาต่อแล้ว >_<” เสียงดี๊ด๊าน่าหมั่นไส้ของเจ้าของวันเกิดดังขึ้นมาตามสายโทรศัพท์ชั้นเฟิร์สคลาส แอบได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของสาวๆเป็นแบ็คกราวนด์ เสียดายอ่ะ T_T ไม่ได้ไปอยู่คนเดียว ร้อยวันพันปีฉันก็ไม่เคยต้องมาช่วยงานพ่อ แต่เพราะพักนี้เลขาฑูตคนเก่งของพ่อดันป่วยเข้าโรงพยาบาล เดือดร้อนเจสสิก้า จองต้องโดนโทรจิกด่วนให้บินจากเกาหลีไปซานฟรานฯ แล้วตอนนี้ฉันก็นั่งเน่าสุดๆ อยู่แถวเหนือทะเลแปซิฟิกที่ไหนซักแห่ง ในขณะที่ยัยตัวแสบพวกนั้นไปฉลองวันเกิดน้องรองพร้อมกับการปิดคดีของทิฟฟานี่
เซ็งสุดยอด! เซ็งยิ่งกว่าโดนบังคับกินแตงกวาสามลูกอีก -*-
แต่ถ้าให้กินแตงกวาแล้วได้กลับไปเมากับยัยพวกนั้นฉันก็ไม่แลกหรอกนะ =__=
ฉันนั่งเปิดดูหนังผ่านทีวีส่วนตัวบนเบาะที่นั่งโดยสาร อะไรเนี่ย หนังตั้งกะปีมะโว้ เพลงนี่ก็เก่าสุดๆ แผนกไหนดูแลจัดการเรื่องนี้เนี่ย แม่จะหักเงินเดือนเรียงตัว อ้อ! ลืมบอกไป ฉันเป็นหุ้นส่วนสายการบินน่ะค่ะ คนหุ้นด้วยก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก พ่อฉันเองเนี่ยแหละ เป็นฑูตอย่างเดียวเงินก็เยอะอยู่แล้ว ยังจะมาเปิดสายการบินอีก ไม่รู้ตระกูลฉันจะรวยไปไหน สงสัยใช้เงินอีกสามชาติก็ยังไม่หมด
ฉันได้แน่นั่งหลับฆ่าเวลายี่สิบชั่วโมงในการบินข้ามโลก จริงๆแทบจะเรียกว่าอ้อมโลกแล้วนะ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด เฟิร์สคลาสนี่มันก็นอนสบายดีจริงอยู่หรอก แต่แอบรู้สึกอยากได้อ่างจากุชชี่ หรือตั้งงบสร้างเครื่องบินเครื่องใหม่ดี? เอาแบบพิเศษสุดๆ มีสวนน้ำอยู่ในห้องผู้โดยสารมันซะเลย
คงได้โดนพ่อด่าเละ =__=
ในที่สุดไอ้การบินมาราธอนนี่ก็จบลงสักที ฉันก้าวลงจากเครื่องบิน ยืดเส้นยืดสายแล้วสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด
ซานฟรานซิสโก เจสสิก้า จองมาถึงแล้ว! >_<
“คุณหนูซูยอนครับ!”
“อ๊า อลัน! ห้ามเรียกฉันแบบนั้นนะ! ต้องเรียกคุณเจสสิก้าสิ!” ฉันหันไปดุคนขับรถเก่าแก่ประจำตระกูลที่ดูแลคุณพ่อมานาน จริงๆพี่แกก็เป็นคนเกาหลีอ่ะนะ แต่แบบอยากวัยรุ่นไง คนขับรถท่านทูตเลยมีชื่อฝรั่ง แต่ไม่ยักกะพูดภาษาอังกฤษได้ =__=
“ครับๆ คุณเจสสิก้า ท่านให้ผมมารอรับแล้วพาไปที่งานด่วนเลย ครับ ว่าแต่คุณหนูซูจองเป็นยังไงบ้าง?”
“คริสตัลสบายดีค่ะ” ฉันตอบกลับไป จงใจเน้นเสียงตรงชื่อของซูจอง จริงๆก็ไม่ใช่อะไรหรอก ฉันแค่ชอบแกล้งต่อปากต่อคำกับคนขับรถน่ะ แก้เซ็งดี
ลุงอลัน ยกมือยอมแพ้แล้วส่งยิ้มให้ฉันอย่างล้อเลียน ก่อนจะพาเดินตรงไปทางรถที่จอดรอไว้ ทันทีที่ฉันเห็นสภาพรถฉันก็แทบสะดุดตกส้นสูง
ลีมูซีน!!!
อุแม่เจ้า ลี-มู-ซีน ไอ้คันยาวๆ หรูๆ ที่ไฮโซทั้งหลายเค้าใช้กันนั่นแหละ แถมคันที่มารับฉันนี่ ขาวทั้งคัน!!!
พ่อมีแผนอะไรแหงๆ
“ท่านฝากบอกให้คุณหนูแวะเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย แล้วก็... แสดงให้เต็มที่นะครับ ^^” อีตาคนขับรถชวนปวดประสาทยิ้มใส่ฉันหน้าซื่อ ขณะที่ยัดเอาแฟ้มใส่มือ ฉันเปิดออกดู นี่มันโน๊ตเพลงนี่นา
พ่อเอาฉันมาทำอะไรกันแน่เนี่ย!
เสียงดนตรีออเคสตร้าบรรเลงเบาๆ ทั่วงานระหว่างที่เสียงพูดคุยซุบซิบของแขกดังขึ้นรอบๆ ผมลดแก้วไวน์ในมือลง ก่อนจะหาว
ง่อยมาก.... เซ็งสุดๆ =__= ปาร์ตี้ฉลองครบรอบรับตำแหน่งสิบปีแบบนี้มันโคตรจะน่าเบื่อ ทำไมท่านทูตถึงไม่ปิดผับฉลองนะ? ผมว่าไอเดียนี้แจ่มกว่ากันเยอะ แต่ก็อย่างว่าแหละ แขกเหรื่อแต่ละคนเอาอายุมาบวกกันคงได้ซักสามพันปลายๆ ไม่ได้จะมีสาวๆ สวยๆ ให้ชื่นใจเลย
คิดแล้วก็เซ็ง
“ทำหน้าให้มันดีหน่อยสิเรา” พ่อสุดประเสริฐของผมเดินมาเคาะหัว ในฐานะลูกชายบริษัทสายการบินคู่แข่งของตระกูลจอง ผมเลยโดนหิ้วมางานนี้กับพ่อด้วย ถึงพ่อผมกับท่านทูตจะเป็นคู่แข่งกันทางธุรกิจ แต่อันที่จริงตาแก่สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันครับ พ่อถึงขนาดเคยเอาผมไปฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านคุณลุงเป็นเดือนๆสมัยยังเด็ก จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าโดนลูกสาวคนโตเค้าแกล้งซะน่วม
“เออ แทคยอน เห็นท่านบอกว่าลูกสาวจะมาด้วยนะ” พ่อหันมาบอกผม ชิๆ ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นถึงลำไส้เล็ก เกริ่นมาแบบนี้จะจับคู่ชัวร์
“พ่อครับ ผมน่ะฝันร้ายเป็นเดือนเพราะโดนยัยอัปลักษณ์นั่นแกล้ง กรุณาล้มเลิกแผนจับคู่ได้เลย ให้ตายผมก็ไม่มีวัน--” เสียงเปียโนหวานๆดังขึ้นขัดคำพูดของผมก่อนที่เสียงปรบมือจะดังขึ้นเกรียวกราว ขัดจิตที่สุด -*- ใครมันมาโชว์อะไรเอาตอนนี้ ผมหันกลับไปดูบนเวที แต่แล้วผมก็ลืมคำทุกคำที่ตั้งใจจะพูดก่อนหน้าไปจนหมด
สวย... สวยมาก...
ผิวขาวผ่องเป็นประกายอยู่ในชุดกระโปรงฟูฟ่องประดับขนนก แสงระยิบระยับเป็นประกายขึ้นทุกครั้งที่เธอขยับนิ้วเรียวๆขึ้นพรมบนคีย์เปียโนสีขาวสะอาดเหมือนชุดที่เธอสวมใส่ ใบหน้าสวยหวานประดับรอยยิ้มนิดๆ แล้วริมฝีปากบางๆน่าจูบนั่นก็ขยับก่อนที่เสียงใสๆจะถูกเปล่งออกมาเป็นบทเพลง
สวยยังกับหงส์... ไม่สิ... เธอคงเป็นเจ้าหญิงหงส์ขาวที่ส่องประกายท่ามกลางสปอตไลท์แทนแสงจันทร์...
“ไง ไหนบอกว่าฝันร้ายไปเป็นเดือนเพราะโดนเค้าแกล้ง?” พ่อเอาศอกกระทุ้งผม เหมือนสมองยังไม่สั่งการ ผมไม่เข้าใจว่าที่พ่อพูดมันหมายความถึงอะไรจนกระทั่งสามวินาทีผ่านไป
เฮ้ย!
“ไม่ต้องทำหน้าเหวอ ไอ้ลูกชาย นั่นน่ะ เจสสิก้าจอง ลูกสาวคนโตของท่านทูตจองเค้าล่ะ”
พ่อนะพ่อ! -*-
ฉันเดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปหลังเวทีหลังจากที่ไปเล่นปาหี่ให้พ่อจบ... ไม่ต้องบอกก็รู้ งานนี้ฉันโดนจับมาขายเห็นๆ พวกตาแก่ไฮโซพาลูกชายหน้าตาเนิร์ดๆ มารายงานตัวแบบเรียงคน พอถึงรายที่หกฉันก็ฟิวส์ขาด เดินกลับเข้ามาหลังเวที แม่จะเปลี่ยนไอ้ชุดนกพิราบนี่ทิ้งแล้วบินกลับโซลคืนนี้เลย คอยดู!
ฉันทำเสียงจึ๊กจั๊กแล้วรูดม่านเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อ ระหว่างที่กำลังรูดซิปข้างหลังของชุดเสียงกุกกักก็ดังขึ้น เฮอะ! พ่อส่งคนมาตามแหงแซะ!
“อลัน ไปบอกพ่อเลยนะว่าฉันไม่มีทางกลับออกไปอีกเด็ดขาด ฉันจะกลับเกาหลีแล้ว!”
“ไม่คิดจะอยู่ทำความรู้จักกันก่อนเหรอครับ คนสวย?” เสียงทุ้มๆที่ไม่คุ้นเคยนั่นทำเอาฉันช็อคไปทั้งตัว ที่ช็อคกว่านั้นคือผู้ชายแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้ดันทะลึ่งเข้ามาตอนฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อ!
ดูจากสีหน้าหมอนั่น เขาคงไม่คิดเหมือนกันว่าฉันจะอยู่ในสภาพนี้ หน้าหล่อๆนั่นแดงขึ้นมาแทบจะทันที ส่วนฉันน่ะเหรอ—ก็ตั้งใจจะแหกปากน่ะสิ!
“ชู่ว์ อย่าร้องนะคุณ!” ร่างสูงๆนั่นก้าวเข้ามาประชิดก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากฉันไว้ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงของอลันตัวจริง
“คุณสิก้าครับ คุณหนูเจสสิก้า” เหมือนอลันจะแค่เข้ามาด้อมๆมองๆ แน่นอนว่าเขาไม่ได้เข้ามาข้างในนี้ ไม่งั้นได้เจอฉากเด็ดแน่ๆ คิดดูสิ! คุณหนูลูกสาวท่านทูต กำลังอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายแปลกหน้าโดยที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ไม่ว่าหมอนี่จะเป็นใคร แต่ถ้าพ่อรู้เรื่องเข้าล่ะก็ ฉันได้แต่งงานกับเขาแน่ๆ T^T
เราสองคนยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งอลันออกไป ฉันพยายามขยับมือไปข้างหลังเพื่อรูดซิปขึ้น นั่นเป็นอย่างแรกที่ฉันคิดออก แต่ว่าเพราะความรีบร้อนหรือเพราะลืมไปว่าตัวเองผมยาวไม่รู้ ซิปเลยดึงปลายผมฉันเข้าไปเต็มๆ
“โอ๊ย!” ฉันร้องขึ้นมา แล้วผู้ชายตรงหน้าก็เหมือนเพิ่งจะได้สติ เขามองฉันเลิกลั่กคงนนึกว่าตัวเองเผลอเหยีบเท้าฉันมั้ง
“ออกไปสิ ซิปมันกินผมฉันอยู่ คุณอยู่ในนี้ฉันดึงออกไม่ได้นะ” ฉันสั่งก่อนจะมองเขาตาเขียวปั้ด สาเหตุเพราะความเจ็บ ก็ถ้าไม่ใช่เพราะอีตาบ้านี่ทะลึ่งพรวดพราดเข้ามาฉันคงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ แถมคนจะโป๊ยังมีหน้ามายืนเอ้อระเหยลอยชายอยู่อีก -*-
“ผมช่วยดีกว่า คุณทำคนเดียวไม่ได้หรอก” เขาพูดแล้วหมอนั่นก็ดึงฉันกลับเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนที่ฉันจะทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าหมอนั่นคิดทำบ้าอะไร ริมฝีปากร้อนๆนั่นก็บดขยี้จูบลงมา มืออีกข้างของเขาไล้ไปบนแผ่นหลังก่อนจะหยุดปลายนิ้วลงตรงซิปที่ติดอยู่เหนือเอวฉันไปไม่กี่เซนต์ เขาค่อยๆดึงผมฉันออกอย่างเบามือในขณะที่รสจูบร้อนแรงเริ่มอ่อนโยนมากขึ้น หวานมากขึ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันเนี่ย!!!!!!!! นี่มันอะไรกัน!
ปลายผมของฉันหลุดออกจากซิปพร้อมๆกับที่เขาถอนริมฝีปากออก ฉันรู้สึกเหมือนออกซิเจนละลายหายไปจากร่าง ไม่เหลือเรี่ยวแรงจนต้องพิงร่างสูงๆของเขาเอาไว้ลมหายใจหอบสั่น สติสตังมีเหลืออยู่ประมาณแค่พอบวกเลขหลักเดียว
ให้ตายเถอะ!!!
ฉันจูบผู้ชายแปลกหน้า! ไม่สิ ฉันโดนอีตาบ้านี่ขโมยจูบต่างหาก
แต่ทำไมหัวใจมันถึงได้เต้นรัวเป็นจังหวะชะชะช่ายังงี้ล่ะ?
“เห็นแบบนี้แล้วผมไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนได้จูบคุณอีกเลย” เขากระซิบเบาๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง รสจูบแผ่วเบาครั้งที่สองเล่นเอาฉันขนลุกไปทั้งตัว เขาเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ แต่ฉันกลับปล่อยให้เขาจูบได้ง่ายๆ เธอเป็นอะไรไปแล้วเจสสิก้า จอง!
“หยุดนะ!” ฉันผลักเขาออก จนตัวเองเซไปพิงกับกำแพงข้างหลัง ตั้งท่าระแวงสุดขีด แบบว่าถ้าก้าวเข้ามาอีกแค่เซ็นต์เดียว แม่จะกรี๊ดให้บ้านพังไปอีกแปดหลังเลย!
“สิก้า... นี่พี่เอง พี่แทคยอนไง?” หมอนั่นเปลี่ยยนสรรพนามมาพูดกับฉันแบบสนิทสนม
“แทคยอน... แทคยอนไหน?”
“อคแทคยอน เจ้าชายของเธอไงเจสสิก้า จำได้มั้ย?” เขาพูดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเล็กๆ แล้วภาพตอนเด็กๆก็ไหลย้อนเข้ามาในสมอง
เจ้าชายปีศาจ คนที่ล้อว่าฉันอ้วนกลมเป็นลูกหมู สิวเขรอะเหมือนคางคก แล้วมีผมชี้ไปชี้มาเหมือนเส้นไม้กวาด!!! อีตาบ้าคนนั้นน่ะเหรอ!!! อคแทคยอน!
ผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอที่เพิ่งจะจูบฉันไป!
โอ๊ยยยยยยยย!!! เจสสิก้าจอง คุณหนูซูยอน! สมองเธอมันมีความจำเท่าเม็ดถั่ว T^T ฮือ คนสวยไม่รู้จะด่าตัวเองยังไง
“เธอโตแล้วนี่ ได้เวลาทำตามสัญญาแล้วนะ ^^” หมอนั่นยิ้มกว้าง แล้วหันหลังเดินออกไปทิ้งให้ฉันยืนจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก
สัญญา? สัญญาอะไรฟระ? =__= ไม่เห็นจะจำได้...
เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อนสิ...
“สัญญานะ ว่าถ้าฉันโตขึ้นแล้วสวยเหมือนเจ้าหญิง เราจะแต่งงานกัน! พี่แทคยอนจะต้องเป็นของเจสสิก้าคนเดียว!”
ซวยมหาซวยแล้วไง... อยากตบปากปล่อยๆของตัวเองซักล้านที T_T
อยากจะบอกว่าตอนนั้นฉันเพิ่งเจ็ดขวบ ยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง กรุณาอย่าเก็บมาคิดจริงจัง แต่เหมือนหมอนั่นจะไม่อยู่ฟังซะแล้ว
จะทำยังไงดีล่ะเนี่ยเจสสิก้า!
ผมนั่งเน่าอยู่บนรถที่มีหมูอ้วนเป็นคนขับ
เดี่ยวจะหาว่าใจร้าย... คนขับคือยัยป้าจองซูยอนนี่แหละ =__=
นอกจากจะไม่เจอสิก้าสุดที่รักแล้ว ยังต้องมาตัวติดกับยัยพะยูนยักษ์นี่อีก คนหล่อโคตรจะเซ็ง
เอี๊ยดดด!!
จู่ๆ เจ๊แกก็เหยียบเบรกซะจนผมแทบคะมำหน้าทิ่มเกียร์
“ป้า! -*- ขับให้มันดีๆหน่อยเด่ะ นี่เกิดหน้าฉันเสียโฉมขึ้นมาจะทำไง” ผมพูดสะบัดน้ำเสียงใส่ยัยเจ๊นี่อย่างหัวเสีย เหลือบเห็นยัยนี่ตวัดสายตาค้อนผมผ่านกระจกมองหลัง
“คุณหนูเจสสิก้าน่ะขับรถแย่กว่าฉันอีกค่ะ ถ้าคุณแทคยอนไม่พอใจ จะลงมาขับเองฉันก็ไม่ว่านะคะ”
“เรื่องอะไร! ฉันจะขับก็ต่อเมื่อเธอลงจากรถไปแล้วเท่านั้นแหละ ขืนคนอื่นมาเห็นหนุ่มฮอตอย่างฉันเป็นคนขับแล้วมีเธอนั่งข้างๆ เรตติ้งฉันก็ตกพอดี”
เอี๊ยดดดดดดดดดด!!!!!!!
คราวนี้เหมือนจองซูยอนจงใจกระทืบเบรก รถข้างหลังที่ตามเรามาบีบแตรส่งเสียงดังลั่นจนผมหน้าคะมำจริงๆ
“เออ ไม่พูดแล้วก็ได้ เจ๊ขับไปเหอะ”
ยัยช้างน้ำทำเสียงจึ๊กจั๊กก่อนจะเหยียบคันเร่งปื้ดเดียวเกือบร้อยหกสิบ
นี่ตรูจะตายก่อนได้เจอหน้าว่าที่เจ้าสาวมั้ย T^T
สุดท้าย ผมก็จำใจนั่งนิ่งๆ สงบปากสงบคำกับคุณพี่เลี้ยงที่ยังขับรถไม่เอาอ่าวเหมือนเดิม แสงไฟสองข้างทางของเมืองโซลยามค่ำคืนนี่ก็สวยดีเหมือนกัน ทั้งๆที่ผมไม่เคยเหยียบเท้ากลับมาที่นี่ตั้งเป็นสิบปี แต่แค่เพราะผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว ผมถึงต้องดั้นด้นมาถึงนี่
อย่าให้เจอตัวนะ... พ่อจะเล่นให้คุ้มค่าเหนื่อยเลย หึ หึ...
“นี่ ป้า หยุดรถหน่อย”
“ทำไมคะ?” ซูยอนตวัดเสียงใส่ผมอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับหักพวงมาลัยเข้าจอดจนผมหน้าเกือบทิ่มกระจกมองหลัง
“ฉันจะเข้าร้านนั้น” ผมชี้มือไปทางผับแห่งหนึ่งที่มีป้ายไฟเขียนคำว่าเดอะไนน์ตัวเบ้อเริ่ม ตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น แถมด้านหน้าก็มีรถหรูๆจอดอยู่เต็มไปหมด คงเป็นแหล่งปาร์ตี้ของคนรวยสินะ
“เอ่อ... ฉันว่าไปร้านอื่นดีกว่ามั้ยคะ?”
“ไม่ จะเข้าร้านนี้แหละ” ผมไม่ฟังเสียงคัดค้านง้องแง้งของยัยขี่เหร่นี่หรอก ผมเปิดประตูลงจากรถ ขยับเสื้อสูทสองทีก่อนจะเสยผมแล้วเดินเท่ๆ เข้าร้านไป ไม่อยากบอกว่าสาวๆแถวนั้นมองกันเกรียว ถ้าจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ผมสะดุดได้ล่ะก็...
“คุณแทคยอน คุณแทคยอนคะ!”
ยัยช้างน้ำที่กลิ้งตามหลังมานี่ไง =__= ทำราศีคนหล่อมัวหมองชัดๆ
“นี่ป้า! ไม่อยากก็ไม่ต้องตามมาก็ได้ รอบนรถไปนั่นแหละ แค่นี้ฉันไม่หลงหรอกน่า!”
“ม...ไม่ได้ค่ะ หน้าที่ฉันคือดูแลคุณทุกฝีก้าว”
ผมทำเสียงขึ้นจมูกใส่ยัยอืดนี่ ให้ตายเหอะ ขัดใจให้มันได้ทุกเรื่องสิน่า หรือว่าจะไม่รอเจสสิก้าแล้วจีบน้องคริสแทนดีนะ? แต่แหม... เดี๋ยวจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ แถมท่าทางเจ้าแบคฮยอนจะถูกใจ ไม่อยากตัดหน้าน้องชาย
“ป้าน่ะอย่าหลงแล้วกัน”
ผมเดินเข้าผับไปโดยไม่สนใจยัยพะยูนเดินได้ ทันทีที่ก้าวเข้ามา แสงไฟวูบวาบก็กระทบตาผม จังหวะดนตรีเพลงป๊อปบีทมันๆที่ดังมาจากกลางฟลอร์ทำเอาเลือดร้อนขึ้นมาเลยแฮะ
สาวสวยสองคนก็สะดุดตาผม พวกเธอสวยมาก โดดเด่นที่สุดในผับเลยก็ว่าได้ และเพื่อไม่ให้เสียเชิงชาย ผมต้องเข้าไปจีบซะหน่อย - -+
“คุณจะไปไหนน่ะ!?” ยัยป้าอืดคว้าแขนผมทันทีที่ตั้งท่าจะเดินเข้าไป ทำไมต้องทำหน้าตาตื่นขนาดนั้นด้วยเล่า
“แค่หาเพื่อนนั่งคุยด้วยก็ไม่ได้รึไง? เจ๊น่ะหลบไปไกลๆเลย อยากสั่งอะไรก็สั่ง เดี๋ยวฉันจ่ายเอง” ผมผลักจองซูยอนไปข้างๆก่อนจะก้าวเข้าไปหาสาวสวยทั้งสองที่มีท่าทางแปลกใจ แต่ก็ยิ้มให้อย่างมีมารยาท หนึ่งในสองคนนั้นมีตายิ้มพิฆาตใจซะด้วย
“สวัสดีครับ คืนนี้ผมมาคนเดียว ขอนั่งคุยเป็นเพื่อนได้มั้ยครับ?”
“เล่นเดินมาซะขนาดนี้แล้วถึงห้ามคงไม่ไปอยู่ดีมั้งคะ? เชิญค่ะ” สวยสวยตาหวานบอกผม แต่ฟังจากคำพูดแล้วดูจะห้าวจัดใช้ได้ จริงๆทั้งรูปร่างหน้าตาเธอเนี่ยถือว่าสุดยอด ถ้าแต่งตัวมากกว่านี้นิดคงสวยไม่แพ้เจสสิก้าของผมเลย นี่ขนาดใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รัดรูปธรรมดาเธอยังดูสวยบาดใจกว่าสาวๆครึ่งร้านที่โชว์ล่างโชว์บนตั้งเยอะ
“ฉันชื่อทิฟฟานี่นะคะ นี่ยุนอา แล้วคุณ?” สาวตายิ้มผมแดงถามผมพร้อมรอยยิ้มน่ารักอีกรอบ
“อคแทคยอนครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณยุนอากับคุณทิฟฟานี่”
“คุณนี่โชคดีนะคะ ปกติยุนอาน่ะโหดสุดๆ ผู้ชายที่เข้ามาเนี่ยโดนไล่เปิงทุกคน” ทิฟฟานี่หันไปแซวเพื่อนของเธอ เหมือนจะชงให้นิดๆ
“สงสัยผมหล่อมั้งครับ?”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ปกติฉันหวงพี่ๆต่างหาก แต่พี่ฟานี่ก็มีเจ้าชายเป็นตัวเป็นตนแล้ว คนอื่นๆก็ไม่มีใครมา ฉันเลยไม่รู้จะหวงไปทำไม” ยุนอาส่งยิ้มให้ผมพลางยกแขนขึ้นเท้าคาง แม้ท่าทางจะไม่ได้ถึงกับไล่แต่ดูก็รู้ว่าเธอไม่คิดจะเปิดช่องให้ผมรุกต่อ
สรุปว่าคนนึงไม่เล่นด้วย อีกคนก็มีแฟนแล้ว เซ็ง =__=
แต่เอาวะ! มีสาวสวยระดับเทพให้คุยแก้เซ็งก็คงพอจะพักสายตาจากยัยเน่านั่นได้บ้างแหละ
“คุณแทคยอนคะ ฉันว่าเรากลับกันเถอะ” นั่นไง พูดถึงพะยูน พะยูนก็มา...
“ป้าเลิกกวนใจแนซะทีได้มั้ย? บอกแล้วไงว่าจะไปไหนก็ไป” ผมหันไปพูดกับจองซูยอนอย่างหงุดหงิด ดูเหมือนเธอจะหน้าเสียไปนิดหนึ่งแถมมองสองนางฟ้าอย่างกลัวๆ ฟานี่กับยุนอาเลิกคิ้วมองผมเป็นเชิงถาม
“นี่จองซูยอนครับ เป็นคนดูแลผมเอง” ผมแนะนำสั้นๆ ไม่อยากจะใช้คำว่าคนใช้ เดี๋ยวจะหาว่าดูถูก ต่อหน้าสาวต้องทำแมนๆหน่อย
“จองซูยอน?” ทิฟฟานี่ทำตาโตมองหน้าผมแล้วหันกลับไปมองยัยอ้วนนั่น คงคิดล่ะสิว่าผมกับยัยนี่เป็นอะไรมากกว่านั้น บอกแล้วว่าการห้อยยัยอ้วนนี่มาเข้าผับน่ะเป็นเรื่องหายนะชัดๆ
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ ซูยอนก็พูดงุบงิบว่าเธอจะไปรอที่รถแล้วกลิ้งหลุนๆหายไปท่ามกลางฝูงชน ก็ดี ผมไม่แคร์อยู่แล้ว จะได้ไม่มีก้าง แต่ถ้ายัยนั่นจะเก็บไปฟ้องเจสสิก้าทีหลัง...เอ้อ เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยเคลียร์ละกัน
“คุยกับยุนอาไปก่อนนะคะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำแปบนึง” ทิฟฟานี่ยิ้มหวานให้ผมแล้วลุกจากโต๊ะไป ทิ้งผมไว้อยู่กับสาวตาสวยลำพัง ได้โอกาส ถึงจะรู้ว่าไม่เปิดช่องแต่ลองสักหน่อยจะเป็นไรไป! เผลอๆถ้าจีบติด จะได้หิ้วกลับบ้านเลย ไม่ต้องรอนางฟ้าหงส์เหินอย่างสิก้า
“คุณเป็นคนมองคนที่หน้าตาเหรอคะ?” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรคนสวยก็ยิงมาซะก่อน ดอกนี้เล่นเอาผมชะงักไปนิดนึง
“ใครๆก็มองกันที่หน้าตาทั้งนั้นนี่ครับ? หรือไม่จริง?”
“ก็ไม่ผิดค่ะ แต่คุณเลือกปฏิบัติกับคนสวยๆอย่างฉันกับพี่ฟานี่อย่างดี ทีผู้หญิงคนเมื่อกี้คุณกลับไล่ส่ง คนประเภทคุณเนี่ย ฉันเห็นสุดท้ายก็มานั่งเสียใจทีหลังทุกราย”
“ขอโทษครับคุณ ผมจะเสียใจเรื่องอะไรไม่ทราบ?” ผมถามกลับ เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์กับหน้าสวยๆนี่ขึ้นมาซะแล้ว แต่คำพูดต่อมาของเธอก็สะกิดใจผมเข้าอย่างจัง
“เสียใจสิคะ เสียใจมากด้วย... ตอนที่มารู้ทีหลัง ว่าลูกเป็ดขี้เหร่กลายร่างเป็นหงส์ขาวแสนสวยแล้วบินจากคุณไปตลอดกาล”
“จองซูยอน เจสสิก้าจอง!”
ฉันหยุดกึกทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกตามมาจากข้างหลัง ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนจริงๆสิก้าเอ๊ย T^T กะแล้วว่าถ้าเหยียบเท้าเข้าเดอะไนน์เป็นอันต้องเจอยัยพวกนี้ แถมอีตาบ้านั่นดันไปบอกชื่อฉันอีกต่างหาก
ทุกคนบนโลกรู้ทั้งนั้นแหละว่าจองซูยอนคือชื่อจริงๆของเจสสิก้า ยกเว้นอีกตาทึ่มอคแทคยอนคนเดียว
“เอ่อ... คุณจำคนผิดแล้วมั้งคะ?”
“ไม่ต้องมาเฉไฉเลย เธอเล่นบ้าอะไรกันยะ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเธอถึงได้โผล่มากบเขาในสภาพแบบนี้?” ฟานี่ยิงคำถามฉันไม่ยั้งจนฉันต้องรีบลากตัวเพื่อนซี้เข้ามาในตรอกข้างๆ ผับ
“โอเคๆ ฟานี่ เรื่องมันยาวถึงยาวมาก ถ้าตานั่นออกมาเจอฉันกับเธออยู่ด้วยมีหวังความแตกแหงๆ”
ทิฟฟานี่ถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับ
“เอาเป็นว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็โทรหาแล้วกัน พอจบเคสนี้เมื่อไหร่กรุณาหาเวลามาเคลียร์กับฉันด้วย”
“ถ้าอยากจะรู้ด่วนๆล่ะก็นะ เธอโทรไปเมาท์กับคริสตัลเลยก็ได้” ฉันตอบพลางชะเง้อมองไปทางหน้าผับ แบบว่าเช็คอีกทีว่าหมอนั่นจะไม่ตามออกมาจริงๆ ถึงไงฉันไปแสตนด์บายรอที่รถอ่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว
“งั้นฉันไปก่อนนะ” ฉันหันไปโบกมือบ๊ายบายทิฟฟานี่ที่ทำหน้าบูดอยู่ข้างหลังก่อนจะคว้าข้อมือฉันเอาไว้
“จำไว้นะสิก้า ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ความรักไม่ใช่เกม เข้าใจไหม?”
ฉันได้แต่พยักหน้ารับฟานี่แกนๆแล้ววิ่งจากมา นอกจากยัยพวกนี้จะรู้ดีว่าเป็นฉันแล้วยังทำท่าเหมือนกับอ่านออกว่าฉันกำลังลองใจอีกตาอคแทคยอนนั่นอยู่ด้วย ฮึ! มีสัมผัสที่หกกันรึไงนะ
ฉันเข้านั่งประจำที่คนขับแบบทันคิวพอดีจากที่หมอนั่นเดินออกมาจากเดอะไนน์ ท่าทางจะหงุดหงิดซะด้วย สงสัยโดนหมวดอิมด่าเละมาแหงๆ ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าที่ยุนอายอมให้เค้านั่งร่วมโต๊ะด้วยแต่แรกเป็นเพราะเห็นฉันมาด้วยรึเปล่า ใครๆก็รู้ว่าหนุ่มคนไหนเสร่อเข้าไปจีบสาวๆกลุ่มเราเนี่ยทุกตารางนิ้วของผิวหนังควรจะบุด้วยเกราะกันกระสุนมาซะก่อน หมวดเค้าสวยโหดเป็นคอนเซปต์
“จะกลับบ้านเลยมั้ยคะ?” ฉันถามทันทีที่หมอนั่นขึ้นมาบนรถ
“ถามทำไม? เพราะเธอคนเดียวนั่นแหละฉันเลยโดนคุณยุนอาตอกหน้ามาซะยับเลย เซ็งเป็นบ้าอยู่แล้วเนี่ย”
“คุณยุนอาพูดว่าอะไรล่ะคะถึงได้แทงใจดำขนาดนั้น” ฉันแกล้งกวนประสาทเขากลับ จู่ๆก็มาของขึ้นใส่ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน หมอนี่นิสัยห่วยแตกจริงๆ ให้ตาย!
“เค้าหาว่าฉันมองคนที่หน้าตา แล้วมันผิดตรงไหน? ใครๆก็ชอบของสวยๆงามๆเป็นธรรมดานี่?”
นี่เขาพูดแบบนี้ออกมาหน้าตาเฉยได้ยังไงกันนะ ฉันชักจะปรี๊ดจริงๆซะแล้ว หมอนี่โตมายังไงเนี่ย ทำไมถึงได้โลกแคบ สมองเท่าเม็ดถั่วขนาดนี้?
“งั้นที่คุณอยากแต่งงานกับคุณสิก้าก็เพราะเธอสวยใช่ไหมคะ?” ฉันพูดออกไปพยายามไม่ให้เสียงสั่น
“แหงอยู่แล้ว ถ้าสิก้าหน้าตาแบบเธอจ้างให้ฉันก็ไม่แต่งด้วยหรอก” อคแทคยอนพูดพลางหัวเราะไปด้วย แย่มาก... ผู้ชายคนนี้แย่มาก แย่สุดๆเลย ฉันไม่น่าลงทุนทำอะไรพรรค์นี้เพราะเขา ดูท่าทางตั้งแต่ตอนแรกก็รู้แล้วว่าเค้าเป็นอย่างที่ยุนอาว่า แต่ฉันก็ยังอุตส่าห์คิดว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น คิดว่าเค้าอาจจะมีความรู้สึกดีๆกับฉันบ้าง...
แต่ไม่เลย...สักนิด
“เออนี่... เธอไม่ต้องไปบอกสิก้านะว่าฉันแอบหลีสาวอื่นน่ะ อ่ะ เอานี่ไปถือซะว่าเป็นค่าขนมนะ” หมอนั่นยัดปึกแบงค์ใส่มือฉันก่อนจะเอนหลังพิงเบาะแล้วผิวปากอย่างสบายอารมณ์ แต่ว่าความอดทนสุดท้ายของฉันหมดลงแล้ว นี่ถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ชีวิตฉันต้องฝันร้ายแน่ๆ อคแทคยอนเนี่ยนะ!
ฉันหยิบปึกเงินขึ้นมาก่อนจะฉีกมันแล้วเขวี้ยงมันกลับใส่หน้าของอคแทคยอนที่ได้แต่อึ้ง แต่เวลานี้ฉันไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ฉันอยากจะทำอะไรก็ได้ให้ผู้ชายโง่ๆคนนี้ไปพ้นจากชีวิตสักที!
“คุณอยากจะไปไหนก็เชิญ แล้วก็จำใส่สมองกลวงๆเอาไว้ซะว่าคุณเจสสิก้า จองไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายไร้ความคิดอย่างคุณหรอก! อยากจะไปตายก็ไปเลย!”
ฉันเปิดประตูรถแล้วกระแทกมันปิดตามหลังก่อนจะวิ่งลงมา ให้ตาย! ฉันควรจะโมโห โมโหผู้ชายคนนี้แทนที่จะรู้สึกเสียใจ ทำไมนะ? นี่ฉันชอบเขาทั้งๆที่เขาไม่มีอะไรดี ชอบทั้งๆที่เขาแค่จูบฉันกับขอแต่งงาน เฮอะ! นี่มันแย่สุดๆเลย ฉันกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายขนาดนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่แต่งงานกับอคแทคยอนเด็ดขาด!
ฉันเดินมาเรื่อยๆตามถนน แต่เพราะความเซ่อซ่าของตัวเองเลยเพิ่งนึกได้ว่าทั้งมือถือทั้งกระเป๋าตังฉันทิ้งไว้บนรถหมดเลย ทำไงดีล่ะทีนี้ T^T แถมยังเดินลำบากเพราะชุดคนอ้วนนี่อีกตะหาก โอ๊ย เซ็ง!
“ป้า มีตังค์ให้ผมยืมป่ะเนี่ย” เสียงเด็กนักเรียนวัยรุ่นดังขึ้นจากข้างหลัง ทำเอาฉันตัวแข็งทื่อ โอ๊ยยยย! ฉันเหม่อไปไหนเนี่ยยยย ทำไมถึงได้เดินมาตรงที่เปลี่ยวๆแบบนี้ได้ล่ะ เอาไงดีสิก้า T^T
“ฉันไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลย” ฉันตอบกลับไป พยายามก้มหน้าก้มตา โชคดีอันน้อยนิดคือฉันอยู่ในสภาพน่าเกลียด เด็กๆพวกนี้คงไม่คิดพิศวาสอะไรฉันหรอก...มั้ง?
“โกหกน่าป้า ไหนเอามายืมหน่อย”
“อย่านะ!” ฉันกรี๊ดลั่น เมื่อเด็กพวกนั้นรุมเข้ามาพยายามจะค้นหาเงิน แต่ตัวฉันมีผ้าพันอยู่ตั้งสามสี่ชั้น เกิดเด็กพวกนี้รู้ว่ามันเป็นแค่การปลอมตัวแล้วสงสัยขึ้นมา... ไม่อยากคิดเลยว่าสภาพฉันจะเป็นยังไง
คิดได้แบบนั้นฉันเลยเตะเด็กคนนั้นเข้าที่หน้าแข้งเต็มแรง
“ยัยอ้วนนี่กล้าลองดีเรอะ!” ฉันโดนผลักจนล้มลงไปกองกับพื้น โดยสัญชาตญาณฉันยกมือขึ้นกุมหัว รับรู้ได้ถึงแรงเตะเข้าที่กลางหลัง ถ้าอยู่ในสภาพปกติฉันคงกระดูกหักไปแล้วแน่ๆ แต่ชุดอ้วนๆนี่เป็นเกราะชั้นดีเลยล่ะ ฉันทำใจยอมรับสภาพเป็นกระสอบทรายเรียบร้อยแล้ว แต่จู่ๆเสียงแตรรถก็ดังขึ้นบาดหู พร้อมกับแสงไฟจัดจ้าที่สาดเข้ามา พวกเด็กอันธพาลชะงักไปครู่หนึ่งแล้วคุณฮีโร่ก็โดดลงมาจากรถ
อคแทคยอน!
“ไอ้พวกเด็กเลว ไปให้พ้นเลยนะ!” เขาตะโกนออกมาอย่างกราดเกรี้ยว แล้วเด็กพวกนั้นก็วิ่งกรูเข้าไป ณ วินาทีนั้นฉันกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น คิดว่าเขาคงไม่พ้นต้องเป็นกระสอบทรายให้เด็กพวกนี้แน่ แต่กลายเป็นว่าแทคยอนคนเดียวกลับจัดการเจ้าพวกนั้นจนหมอบได้ในเวลารวดเร็ว ใช่สิ... ฉันลืมไป ตอนเด็กๆเขาเคยเรียนเทควันโด แล้วก็คงเรียนต่อมาจนโตถึงได้เก่งขนาดนี้
แต่นั่นไม่ทำให้ประหลาดใจเท่ากับการที่เขามาช่วยฉันหรอก
“กลับบ้านไปเลยนะ แล้วอย่ามาทำนิสัยเลวๆแบบนี้อีก เข้าใจมั้ย?” แทคยอนตะโกนไล่หลังเจ้าพวกนั้นไปอย่างหัวเสียก่อนจะหันมาหาฉัน ท่าทางดูเหวี่ยงสุดๆ
“เธอมันโง่! วิ่งลงมาไม่ดูตาม้าตาเรือ เงินก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ไม่มี! นี่ถ้าฉันมาไม่ทันเธอได้เละเป็นโจ๊กไปแล้วแน่ๆ!!”
โดยที่ไม่รู้ตัว น้ำตาของฉันก็เริ่มไหลออกมาแล้วก้อนอะไรสักอย่างก็มาจุกอยู่ตรงคอ สุดท้ายฉันก็เริ่มสะอื้นแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ ก็ฉันกลัวนี่ ฉันกลัวจะตายอยู่แล้ว หมอนั่นพูดถูก ถ้าเกิดเขามาช่วยไม่ทันเผลอๆฉันอาจจะตายไปแล้ว ตายด้วยความงี่เง่าของตัวเองนี่แหละ
“เอาน่าๆ ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันรู้ว่าเธอกลัว” ตานั่นลงมานั่งยองๆข้างฉัน ดูเหมือนจะหน้าเสียไปหน่อยนึง คงคิดว่าฉันร้องไห้เพราะโดนดุ “ฉันก็ผิดเองแหละที่พูดไม่ดีกับเธอ ทำใจหน่อยนะ ฉันโตที่อเมริกา บางทีก็พูดอะไรไม่คิด บางทีก็ปากหมาไปงั้นแหละ เธออย่าคิดมาก เอาเป็นว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่เรียกเธอว่ายัยอ้วน พะยูน ป้า หรือ เจ๊หมูอีกต่อไปแล้ว ฉันจะเรียกเธอว่าซูยอน โอเคไหม?”
อีตาซื่อบื้อนั่นส่งยิ้มให้ฉันก่อนจะวางมือใหญ่ๆลงบนวิกผมปลอมที่ชี้ฟูโดยไม่รังเกียจสักนิด
แย่แล้ว... ฉันรู้สึกว่ามันแย่กว่าเมื่อกี้ซะอีก
สัญญาณอันตรายในใจฉันดังอย่างกับสัญญาณชีพใกล้ตายของคนโคม่า
โอเค... ฉันโคม่าแน่นอน เพราะตอนนี้ฉันว่าฉันรักผู้ชายคนนี้เข้าจริงๆซะแล้ว
ความคิดเห็น