คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : SINGIN' IN THE RAIN | 9 -- f i n a l --
ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็มีแต่ต้องยิ้ม... เพราะเราทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าสิ่งที่จริงที่สุดของชีวิตไอดอลคือ...
พวกเรารักแฟนๆ เท่าความฝันที่มี รักเท่าลมหายใจ... ไม่ว่าจะเจ็บปวดเท่าไหร่ก็ตาม
น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นแล้วผมก็หันไปหาต้นเสียง น้องรักของรยองกูเค้าล่ะ โดคยองซูส่งยิ้มกว้างพร้อมกับโค้งให้ผมอย่างนอบน้อม
"อย่าเรียกให้มันห่างเหินแบบนั้นสิ เรียกพี่เฉยๆก็พอ แบบที่เรียกรยออุคนั่นแหละ"
"ครับ พี่คยูฮยอน" น้องตอบผมมาอย่างน่ารัก ผมหันซ้ายหันขวาแล้วก็เห็นพี่ซึงฮวานขาโหดตามมาคุมด้วย พี่แกมองผมด้วยสายตาเหมือนจะหาเรื่องหน่อยๆ ผมเลยยักคิ้วกลับไป
"แหม ไม่ค่อยอวยน้องเลยนะโจคยูฮยอน เมมเบอร์ในวงแสดงอะไรพี่ไม่เคยเห็นนายจะสนใจ ทีของน้องล่ะมาตั้งแต่รอบแรกเชียว" พี่แกแซะผม แหม ใช่สิครับ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเป็นผู้จัดการเอ็กโซแล้วนี่ ไม่มาดูดำดูดีมักเน่วงแก่ๆ อย่างผมหรอก! เชอะ!
"แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ? เมมเบอร์คนอื่นๆล่ะ?" ผมทำหยิ่งใส่พี่ซึงฮวานที่ทำเสียงฮึใส่ แล้วหันไปถามดีโอแทน น้องยิ้มแหยๆ ก่อนจะมองผมที มองพี่ซึงฮวานทีอย่างไม่ค่อยกล้า ผมเลยแกล้งชกไหล่ แยกเขี้ยวส่งหาพี่แกทีนึงให้น้องรู้ว่าเราเขม่นกันเล่นๆ พี่ซึงฮวานกับซูจูนี่อยู่ด้วยกันโดยไร้ความเคารพยำเกรงกันไปแล้วครับ ซูจูเป็นวงปกครองตัวเองกันแล้ว ผู้จัดการมีไว้คอยจัดตารางงานกับสั่งข้าวเฉยๆ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเท่าไหร่ ลอยลำแล้วก็งี้แหละนะ
"จริงๆ ก็อยากมากันทุกคนแหละครับ แต่เมมเบอร์ไม่ค่อยว่าง อีกอย่างถ้ามาพร้อมกันทีเดียวหลายๆ คนมันจะวุ่นวายด้วย"
ผมพยักหน้ารับก่อนจะโอบไหล่น้องพาเดินเข้าโรงละครไปด้วยกัน
"เสียดายนะครับ พี่แทยอนคงอยากมาดูมาก"
"ขืนมาก็โรงละครแตกกันพอดี" พี่ซึงฮวานตอบน้องเบาๆ
"ไม่ต้องห่วงหรอก รายนั้นมาดูรอบที่พี่เล่นคู่กับซันนี่ไปแล้ว แล้วนี่นายนั่งไหนอ่ะ?"
"ผมนั่งตรงกลางๆ น่ะครับ พี่ล่ะครับ?"
"พี่นั่งหน้าเลย นัดพี่เจย์กับพี่จินอีไว้น่ะ"
"งั้นฝากคอมเมนท์แบคฮยอนด้วยนะครับ ไว้เจอกันฮะ"
ผมโบกมือลาคยองซูกับพี่ซึงฮวานก่อนจะเดินมาทางที่นั่งของตัวเอง พอดีกับที่ไฟเฮ้าส์*เริ่มหรี่ลง แล้วเสียงเพลงก็เริ่มบรรเลง นักแสดงเดินเรียงแถวออกมาแนะนำตัว คนที่อยู่ตรงกลางเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของบทดอน ล็อควู้ด น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาเอ่ยข้อแนะนำในการชมละคร ขอความร่วมมือในการปิดเครื่องมือสื่อสารและงดใช้กล้องถ่ายรูป โดยเฉพาะแบบที่มีแสงแฟลชเพราะจะรบกวนสมาธินักแสดง ผมได้แต่มองน้องอย่างชื่นชม แบคฮยอนดูนิ่งและเป็นมือโปรมาก แล้วก็หวนนึกถึงคืนวันคอนเสิร์ตที่ฉงชิ่ง--ครั้งแรกที่แบคฮยอนยิ้มได้อย่างสวยงามจริงๆ นับตั้งแต่เกิดเรื่อง พี่ซึงฮวานเล่าให้ฟังว่าน้องมาขออนุญาตพูดอะไรสักอย่างบนเวที ซึ่งพี่เค้าก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตอบกลับไปว่า เวทีเป็นที่ของพวกนายนี่ อยากจะพูดอะไรก็พูดไป คืนนั้น แบคฮยอนไม่ได้ขอโทษ ไม่ได้แก้ตัว ไม่ได้พร่ำพรรณาร้องไห้หรือตัดพ้อต่อว่าใคร แต่สิ่งที่น้องพูดได้ใจไปเต็มร้อย
สำหรับผม แฟนคลับไม่ได้เป็นแค่เพียงแท่งไฟสีเงินดวงหนึ่ง แต่พวกคุณทุกคนมีความหมายกับผม เป็นพลังให้กับผม และได้โปรดเฝ้ามองผมต่อไปนะครับ
ทุกอย่างจบลงในแบบที่แฟนๆ นับหมื่นคนตะโกนเรียกชื่อแบคฮยอนดังลั่นฮอลล์ และเขาได้รับเสียงกรี๊ดมากที่สุดในค่ำคืนนั้น
แบคฮยอนเอาชนะแรงต้านได้อย่างสวยงามแบบที่ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะทำได้ เขาเหมือนแสงดาว ที่ยิ่งมืดเท่าไหร่ก็ยิ่งส่องสว่าง ยิ่งทอประกายสวยงาม เด็กน้อยคนนั้นที่ได้แต่มองตามรุ่นพี่ เดินตามแทยอนต้อยๆ ในคอนเสิร์ตรวมค่าย เจ้าเด็กซนๆ ที่วิ่งป่วนห้องพักของวงรุ่นพี่ทุกวงแล้วก็ทำหน้าหงอใส่เวลาโดนดุ เด็กที่เสียงดังโวยวายและชอบทำให้พี่ๆ ในกองละครเวทีปวดหัว เวลานี้เขากลับทอประกายอยู่ในสายฝน ไม่ว่าจะเป็นการร้อง การเต้น หรือการแสดง แบคฮยอนเทใจให้หมดหน้าตัก และผลที่ได้กลับมาคือเขาโดดเด่นอยู่ใต้ลำแสงสปอตไลท์ เขาคืองานที่ยอดเยี่ยม สวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น และผมพูดได้เต็มปากเลยว่าผมภูมิใจในตัวบยอนแบคฮยอนมาก
ผมไม่สามารถละสายตาไปจากน้องที่กำลังร้องเพลงอย่างมีความสุขท่ามกลางสายฝนได้เลย และแม้ว่าจะไม่ได้นั่งในตำแหน่งที่หยดน้ำบนเวทีจะกระเด็นใส่ แต่ใบหน้าของผมกลับเปียกชื้นด้วยเม็ดฝนที่หลั่งออกมาจากดวงตา...
ผมมองเห็นโจคยูฮยอนในตัวเขา มองเห็นท้องฟ้าที่สดใสหลังเมฆฝนอึมครึม และผมรู้ว่าต่อให้พายุจะโถมซัดหนักหน่วงสักเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่าเด็กคนนี้จะสามารถก้าวข้ามผ่านทุกสิ่งไปได้อย่างสวยงาม
เพราะเขาคือบยอนแบคฮยอนที่ส่องสว่างราวกับแสงตะวันหลังม่านฝน
"I'm singin' in the rain~ Just singin' in the rain~~"
"โอ๊ย อิมยุนอา เลิกแหกปากร้องเพลงนี้ซะทีเหอะ!" ซันนี่แหวขึ้นมาอย่างกับคนประสาทกิน คิดว่างานนี้คงต้องมีการถีบตกบันไดกันเกิดขึ้นจริงๆ ซะล่ะมั้ง?
"ทำไมล่ะ เพลงออกจะเพราะอ่ะ พี่เขยร้องเพร๊าะเพราะ" ยุนอาทำเสียงแซวได้น่าหมั่นไส้มากที่สุดในสามโลก
"พี่เขยนี่ระบุด้วยนะว่าคนไหน ร้องเพลงเดียวกันตั้งสองคนเลยอ่ะ" แม้แต่เจสสิก้าก็ยังร่วมวงกับเค้าด้วย ฉันกับซันนี่ได้แต่นั่งม้วนเขินอายไปไม่เป็นกันอยู่สองคน
"เออ แล้วนี่พวกเธอมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ยะ? นี่มันคอน SM Town เป็นโอกาสทองในการแอบดอดไปสวีทกับแฟนในค่ายได้เนียนๆ เลยนะ ไปเลยๆ ไปชิ้วๆ" ทิฟฟานี่เจ้ากี้เจ้าการดันตัวฉันกับซันนี่ออกจากห้อง ส่วนยัยพวกตัวแสบคนอื่นๆน่ะเหรอ นั่งขำค่ะ ลากฉันกับซันนี่ออกมาไม่พอยังปิดประตูใส่หน้ากันอีก ทิ้งให้เราสองคนยืนกะพริบตาปริบๆ แล้วก็ถอนหายใจ
"ฉันไปหาพี่ฮีชอลดีกว่า" ซันนี่หันมาค้อนขวับ อ้าปากตั้งท่าจะเถียงฉันทันที แต่ฉันไม่ฟังละค่ะ เดินนำลิ่วๆตรงไปทางห้องพักของซูจู ระหว่างทางมีเด็กๆวงเรดเวลเว็ท น้องใหม่ของค่ายเราเอ่ยทักทายอย่างน่ารัก ฉันยิ้มกว้างบอกให้น้องพยายามเต็มที่ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องพักแล้วก็แทบช็อคกับป้ายที่แปะไว้ตรงหน้า
Super Junior และ EXO
"โอ๊ะโอ" ซันนี่ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน
คือไม่เข้าใจทีมงานจริงๆค่ะ ซูจูกับเอ็กโซเป็นสองวงที่เมมเบอร์เยอะที่สุดในค่าย ทำไมถึงได้จับยัดรวมห้องเดียวกันแบบนี้ล่ะ! แล้วเสียงเอะอะโวยวายนั่นมันไม่รวมความวินาศสันตะโรแบบระดับทำลายล้างไว้เลยเหรอ!
"ห้องนี้กว้างที่สุดในสเตเดี้ยมแล้ว จำนวนห้องมันไม่พอ เราเลยต้องเอาห้องอาหารอีกห้องมาแบ่งครึ่งกั้นโซน แต่จะให้วงอื่นมาใช้มันก็กว้างเกินไป ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้แหละ"
เสียงคุ้นเคยของพี่ซึงฮวาน อดีตผู้จัดการวงซูจูและหัวหน้าผู้จัดการเอ็กโซในปัจจุบันดังขึ้นข้างหลังจนฉันกับซันนี่เลิ่กลั่ก
"เอ้อ แทยอน พี่ต้องไปดูหน้าเวทีสักหน่อย ฝากไปเตือนเซฮุนกับชานยอลทีว่าอย่าขี้เห่อ อัพรูปหลังเวทีลงไอจีให้มันมากนัก" พี่ผู้จัดการคนเก่งขยิบตาให้ฉันทีหนึ่งก่อนจะเดินหนีไปดื้อๆ ทิ้งให้ฉันกับซันนี่มองหน้ากันงงๆ
"เข้าไปกันเถอะ แทยอน เธอต้องเอาข้อความจากพี่ซึงฮวานไปเตือนเด็กๆ ทีมเคไม่ใช่เหรอ?"
แล้วโดยที่ไม่รอคำตอบ ซันนี่ก็ผลักประตู เสียงเอะอะโวยวายแทบฟังไม่ได้ศัพท์หยุดลงทันทีที่สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องเรา
ซันนี่เอื้อมมือบีบมือฉันแน่นระหว่างที่เสียงผิวปากวีดวิ้วดังขึ้นจนหูแทบดับ พี่ฮีชอลเดินเข้ามาล็อคคอเราสองคนเข้าไปนั่งข้างใน สภาพนี่ไม่อยากจะถามเลยค่ะว่าจะกั้นโซนทำไมให้มันยุ่งยาก เพราะเมมเบอร์ทั้งสองวงก็วิ่งวุ่นปนกันมั่วไปหมด เซฮุนนี่กับพี่ดงเฮนี่คุยกันงุ้งงิ้งอย่างกับเป็นคนวงเดียวกัน เมมเบอร์ซูจูหลายคนอย่างพี่รยออุคก็ไม่เห็นตัวว่าอยู่ตรงไหน แต่เหมือนได้ยินเสียงลอยมาจากทางห้องอีกฝั่ง
"ซูโฮ นายกลับไปได้แล้วไป"
"แหม พอแฟนมาก็ไล่น้องเชียวนะครับท่านมักเน่" พี่ซองมินแหย่ขึ้นมาขำๆ แต่ซูโฮกลับยิ้ม ยกนิ้วโป้งส่งให้เราสองคนแล้วเดินหายเข้าไปหลังฉากกั้นที่น่าจะเป็นฝั่งของเอ็กโซ
พี่คยูฮยอนเหมือนจะไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อนาน เขาเดินเข้ามาคว้าข้อมือซันนี่ จูงออกไปข้างนอกแบบไม่แคร์ทั้งหัวหงอกหัวดำ เล่นเอาสตาฟฟ์กับพี่ๆในวงขำกันใหญ่ แต่ฉันนี่สิที่ขำไม่ออก จะให้ขำอะไรล่ะคะ ในเมื่อตัวเองโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวซะแล้ว
"อ่า... พี่ฮีชอล คือพี่ซึงฮวานมีเรื่องฝากมาถึงชานยอลกับเซฮุนนน่ะ"
"เธอก็ไปบอกเองสิยัยทึ่ม" ไม่พูดเปล่า พี่ฮีชอลลากฉันที่ขืนตัวสุดๆ เอาไว้ แทบจะคว้ามันทุกอย่างที่คว้าได้ ส่งสายตาอ้อนวอนเจ้าหมีคังก็แล้ว แต่เจ้านั่นก็ดีแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แกล้งเมินกันไปดื้อๆ ฮึ่ม! จะแช่งให้น้ำหนักขึ้นอีกสิบโลเลยคอยดู!
ทันทีที่ฉันโผล่หน้าเข้าไปกลางดงของไอดอลรุ่นน้อง ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่ว ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับน้องๆครบวง แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่ฉันมาในฐานะที่ต่างจากรุ่นพี่... มาในฐานะคนรัก...ของแบคฮยอน
"รยองกู! กลับวง!" พี่ฮีชอลลากตัวน้องชายที่นั่งอยู่ท่ามกลางโวคอลไลน์ไซส์มินิให้กลับไปทางฝั่งซูจู แล้วก็ปล่อยฉันไว้แบบไม่สนใจใยดีกันเลยสักนิด พี่ๆทีมงานก็เหมือนจะรู้คิว จัดการจิกตัวน้องๆคนอื่นที่เหลือไปแต่งหน้าทำผม เหลือทิ้งไว้แต่แบคฮยอนที่ทุกคนแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่บอกได้เลยว่าเงี่ยหูรอฟังเราทุกกระเบียด
"เอ่อ... ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ" ฉันเอ่ยทัก เขายิ้มตอบกลับมาเล็กๆ
"ครับ แต่เราก็คุยกันทุกวันนี่?"
คำตอบกลับที่เหมือนจะกวนกันเล็กๆนั่นทำให้ฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ ไคที่นั่งอยู่อีกฟากส่งเสียงไอออกมาอย่างจงใจ
ถ้าเกิดไม่มีใครอยู่ ฉันก็คงจะกวนประสาท ไม่ก็ยิงมุกกลับ เราคุยกันแบบนี้ล่ะค่ะ แบคฮยอนน่ะเซี้ยวตามสไตล์เด็กผู้ชาย ส่วนฉันก็ออกห้าวๆ แถมยังเป็นพี่อีกต่างหาก จะให้มาอ้อนแบคฮยอนที่เด็กกว่าแบบที่ซันนี่ทำกับพี่คยูฮยอนยังงั้นมันก็ดูแปลกๆ
หลายคนมองคู่เราแล้วอาจจะสงสัยว่าใครต้องดูแลใคร โดยเฉพาะซันนี่กับฟานี่ที่ออกแนวหวงฉันยังกับลูก ยิ่งซันนี่นี่บ่นเป็นป้าแก่ๆเลยล่ะค่ะว่าแบคฮยอนดูท่าทางงุ้งงิ้งแบบนั้น ให้ฉันคบกับชานยอลหรือลู่หานเธอยังจะสบายใจซะกว่า แต่เอาจริงๆแล้วแบคฮยอนเป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งกว่าที่ทุกคนคิดนะคะ ภายนอกเขาอาจจะดูเหมือนเป็นพวกบุ่มบ่าม ชอบเอะอะโวยวาย แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญล่ะก็ แบคฮยอนจะคิดทบทวนมันเป็นอย่างดีก่อนจะลงมือ เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี เข้มแข็งทว่าอ่อนโยน และพลังใจล้นเหลือ หลายๆครั้งที่ฉันมีอาการซึมเศร้าโดยไม่รู้สาเหตุ แบคฮยอนเหมือนจะรู้วิธีที่ทำให้ฉันยิ้มได้เสมอ ฉันไม่ได้ต้องการผู้ชายที่เพอร์เฟคต์ แต่ต้องการคนที่เข้าใจ และสามารถทำให้ทุกวันของฉันมีความสุขได้มากกว่าเดิม และบยอนแบคฮยอนคือคนๆ นั้น
"อยากออกไปคุยข้างนอกไหม?" ฉันถาม แต่แบคฮยอนส่ายหน้า
"ไม่เอาอ่ะ อยู่ในนี้แหละดีแล้ว ไหนๆเค้าก็รู้เรื่องเรากันหมด มาทำให้คนโสดแถวนี้อิจฉาเล่นดีกว่า"
"โอ๊ย! พอเลย ไปๆ ไปต่อบล็อก รันคิวหรือทำอะไรก็ได้ ไม่อยู่แล้วโว้ย!" เฉินโวยวายขึ้นมาแล้วเด็กๆก็ฮาครืน แบคฮยอนยิ้มร่าโบกมือส่งเมมเบอร์ทีละคนจนครบ ลู่หานรั้งท้ายแล้วก็หันมาโค้งให้ฉันเบาๆ
"สามสิบนาทีนะเจ้าหมา ถึงจะสวยมากๆอยู่แล้วแต่พี่แทยอนก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน"
"เฮ้ย พี่! ห้ามหยอดแฟนผมดิ!" แบคฮยอนแกล้งโวยวายไล่หลังพี่ชายหน้าหวานที่เดินหลบฉากออกไป ตอนนี้เหลือแค่พวกเราสองคนอยู่ในห้องแต่งตัวว่างเปล่า ผีเสื้อเป็นสิบตัวเริ่มบินวนอยู่ในท้อง
"เหนื่อยมากไหม?" ฉันเอ่ยถาม เดินเข้าไปใกล้เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ก่อน แล้วใช้ปลายนิ้วสางผมหน้าม้าสีดำสนิทให้พ้นจากใบหน้าไร้เดียงสา
แบคฮยอนอาจไม่ได้หล่อจนใครๆ ต้องเหลียวหลัง ไม่ได้มีดวงตากลมโตที่ทำให้หัวใจสั่น ไม่ได้มีรูปร่างสง่าผ่าเผยชวนหลงไหล แต่รอยยิ้มของแบคฮยอนสดใสที่สุด และไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงคนไหนๆ ก็ตกหลุมรักรอยยิ้มนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งฉันด้วย
"พี่มั่นใจในตัวผมไหม?" แบคฮยอนเปิดปากถามขึ้นเป็นประโยคแรก ดวงตาสีดำสนิทช้อนขึ้นมองอย่างสื่อความหมาย "ผม... ไม่ได้ปกป้องพี่อย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะทำ ผมทำให้พี่ต้องรับแรงกดดันและความเกลียดชังทั้งที่พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมทำให้คนที่พี่รักอีกหลายคนต้องหันหลังจากพี่ไป... ขอโทษนะครับ"
ฉันส่ายหน้าให้กับคำพูดทั้งหมดนั่น ระบายรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า
"มันดีแล้ว เท่าที่นายทำ... แล้วฉันก็เลือกเอง ที่จะทำแบบนี้ รวมทั้งที่รักนายแบบนี้"
แบคฮยอนกุมมือฉันเอาไว้แน่น แต่เพราะฉันรู้จักเขาดี แบคฮยอนจะไม่ล่วงเกินฉันมากไปกว่านี้ เขาไม่มีวันทำให้ฉันเสียหาย ไม่ว่าจะหน้ากล้องหรือหลังกล้องก็ตาม เพราะอย่างนั้นฉันเลยดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอด จูบเรือนผมสีดำสนิทเบาๆ
"แทยอน... ผมบอกไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ผมไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นหรือแย่ลง... ผมสัญญาไม่ได้ว่าความรักครั้งนี้มันจะยั่งยืน..."
ฉันลูบแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบโยน รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขณะที่เขาเว้นจังหวะคำพูด
"แต่ผมจะไม่ถอยง่ายๆ ผมจะไม่ยอมแพ้... ต่อให้ฝนตกหนักขนาดไหน ผมก็จะฝ่ามันไปพร้อมกับพี่นะครับ ผมจะเป็นบยอนแบคฮยอนที่ดีกว่านี้ให้ได้ เพื่อพี่ เพื่อทุกๆคนที่ผมรัก และที่รักผม"
ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เพราะสำหรับฉัน เขาคือบยอนแบคฮยอนที่ดีที่สุดแล้ว และเขาพูดถูก... ระหว่างเรา อนาคตยังไม่แน่นอน เส้นทางยังอีกยาวไกล อาจมีมรสุมโถมซัดเมื่อไหร่ก็ได้
แต่อย่างน้อยในตอนนี้... เราก็ไม่ได้ฝ่าฝนไปเพียงลำพัง
ผมพาซันนี่เดินออกมาทางห้องเก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก เอาจริงๆว่าในคอนรวมค่ายแบบนี้มันหาพื้นที่ส่วนตัวยากโคตรๆ ครับ แล้วแค่เห็นผมเดินจูงมือซันนี่ไปรอบๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องรวมทั้งสตาฟฟ์ก็แซวกันไปหยุดปาก ร้ายสุดนี่ต้องพี่โบอาเลย ขู่ผมว่าถ้าซันนี่กลับมาสภาพไม่เหมือนเดิมนี่เธอจะโทรฟ้องอาจารย์อีซูมานครับ
เออ ผมไม่เป็นคนโปรดมั่งให้มันรู้ไป!
อันที่จริง อาจารย์ออกจะหมั่นไส้ผมตั้งแต่เราสองคนโดนจับได้ว่าคบกันแล้วล่ะครับ... เอาน่า เป็นธรรมดาของคุณลุงที่จะหวงหลานสาวนี่นะ ยิ่งถ้าหลานน่ารักๆ แบบซันนี่เนี่ย ไม่หวงเลยสิจะยิ่งแปลก
ผมยังหวงเลย หวงมากด้วย!
"เธอมีเรื่องต้องเคลียร์กับพี่ อีซุนคยู"
"อะไรของพี่เนี่ย?" ยัยเตี้ยทำหน้าหงิกใส่ผม ถึงสีหน้าแบบนั้นจะน่ารักสะบัดช่อ แต่ผมไม่ให้อภัยหรอกนะ นี่พูดเลย!
"รายการ Star Gazing คืออะไร? จู่ๆเอาเฮนรี่ไปออก แล้วอะไร? ขอแต่งงาน? สกินชิปอีก แถมยังปล่อยให้หมอนั่นกอดด้วย นี่เธอจะท้าทายอำนาจมืดใช่มั้ย อีซุนคยู?"
ที่รักของผมกลอกตาเป็นรูปเลขแปด แถมยังเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มทำท่าไม่สบอารมณ์สุดๆ แต่ผมขึ้นครับ! ของขึ้นสุดๆ ฉุดไม่อยู่ รู้มั้ยครับว่าหลังรายการออกอากาศ ผมเจอหน้าเฮนรี่อีกทีนี่แทบเอาสเตอริโอทุ่มใส่น้อง ไม่สนอ่ะครับว่ามันจะเป็นเมมเบอร์หรืออะไรยังไง แต่แฟนใคร ใครก็หวงป่ะครับ? มาขอแฟนผมแต่งงานออกอากาศหน้าตาเฉย ใครมันจะไปทนได้ครับ!? ตอบ!
"ก็ไปกันแบบเพื่อนๆ ขำๆน่า พี่ก็เห็นว่ามันไม่มีอะไร เฮนรี่มาจากอเมริกา สกินชิปนิดหน่อย ไม่คิดอะไรหรอกน่า"
"แต่พี่คิด!"
"โจคยูฮยอน!" คุณหลานสาวอดีต CEO เริ่มขึ้นเสียงใส่ครับ
"ก็เป็นเธอ เธอจะรู้สึกยังไงถ้าจู่ๆ พี่ไปขอซอฮยอนแต่งงานออกอากาศ? พี่อยากพูดคำนั้นกับเธอแทบตาย อยากกอด อยากจูบ อยากจับมือแทบตายแต่ทำไม่ได้น่ะ แล้วดูเฮนรี่ดิ! มันทำทุกอย่างที่พี่มีสิทธิ์แต่พี่ไม่กล้าทำ บางทีพี่ก็คิดว่าอยากให้ดิสแพชลงข่าวเราแทนคู่แบคฮยอนกับแทยอนด้วยซ้ำ เพราะมันทรมานไม่ต่างกันหรอก เผลอๆ เป็นแบบนี้ทรมานกว่าด้วยซ้ำ... สู้ให้ทุกคนบนโลกรู้ไปเลยว่าเธอเป็นของพี่ จะได้ไม่มีใครยุ่งกับเธอ แบบนี้ต่อให้โดนโซวอนดักยิง พี่ก็ยอม"
ซันนี่ได้แต่กะพริบตาปริบๆ อึ้งกับทุกคำพูดที่ผมพรั่งพรูออกไป จะมีใครเข้าใจผมมั้ยล่ะครับว่าซันนี่น่ารักขนาดไหน กับแค่บางทีเห็นเธอยิ้มบนเวที ผมยังนึกอยากเอาตัวเธอไปซ่อนเลย แถมนิสัยเธอเป็นกันเองมากด้วย แล้วหลังเวทีเนี่ย โซนยอชีแดเนื้อหอมน้อยซะที่ไหนล่ะครับ ไอดอลจีบกัน คบกันหลังม่านเนี่ยมีอีกตั้งไม่รู้กี่สิบคู่
มือเล็กๆ นุ่มนิ่มของแฟนผมเอื้อมขึ้นาสัมผัสข้างแก้มแผ่วเบา เธอมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย หนึ่งในนั้นที่ผมบอกได้... คือความรัก ผมชอบเวลาที่เราสบตากัน เพราะซันนี่ไม่ใช่ผู้หญิงหวานๆที่พูดจาออดอ้อน แต่เธอบอกรักผมด้วยสายตาอยู่บ่อยๆ เหมือนเช่นตอนนี้
"เราโชคดีนะคะที่ได้มีความฝันเดียวกัน ได้อยู่ใกล้กัน ได้รักกัน..." เธอรอบายรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้ "ฉันคงทนไม่ได้แน่ ถ้าจะเห็นพี่โดนเกลียดอย่างที่แทยอนกำลังโดนอยู่ในขณะนี้ แต่อีกใจหนึ่ง ฉันก็อยากประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าคยูซันคือเรื่องจริง แฟนฉันทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ฉันเองก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีคนอื่นเข้าหาพี่..."
ซันนี่เว้นช่วง นัยน์ตาเธอหมองลง
"ฉันรู้ค่ะว่ามันทรมานที่ได้แต่ปิดบัง เบื้องหลังรอยยิ้มมากมายของเราที่แฟนๆ เห็น มันมีทั้งน้ำตา ทั้งความเสียใจตั้งเท่าไหร่ มันหนักหนาซะจนฉันก็รู้สึกเหมือนกันว่าจะทนไปเพื่ออะไร... แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นแท่งไฟสีชมพู ได้ยินเสียงเชียร์ ได้เห็นความพยายามมากมายของแฟนคลับที่รักฉัน ฉันก็ต้องยิ้ม ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็มีแต่ต้องยิ้ม... เพราะเราทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าสิ่งที่จริงที่สุดของชีวิตไอดอลคือ... พวกเรารักแฟนๆ เท่าความฝันที่มี รักเท่าลมหายใจ... ไม่ว่าจะเจ็บปวดเท่าไหร่ก็ตาม"
"ฉันอยากเป็นอีซุนคยูของโจคยูฮยอนนะคะ แต่ฉันก็ทิ้งซันนี่แห่งโซนยอชีแดไปไม่ได้ มันฟังดูตลกใช่มั้ย? ฟังดูเห็นแก่ตัวรึเปล่า?"
น้ำตาของซันนี่ไหลลงมาหนึ่งหยด ราวกับหยาดฝนที่ตกกระทบใบหน้า ผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยมันออกไปอย่างเบามือ ประทับรอยจูบบนหว่างคิ้ว
"ถึงยังไง วันนี้ท้องฟ้าก็ยังสดใส ไม่มีเมฆฝนให้เห็น" ผมกระซิบถ้อยคำแล้วกระชับร่างของเธอเข้าในอ้อมกอด "พี่รู้ พี่เข้าใจ และพี่ก็รักเธอไม่ต่างกัน พี่รักเอลฟ์เท่าที่เธอรักโซวอนเหมือนกัน... เพราะฉะนั้น กว่าจะถึงเวลาที่เรารักกันต่อหน้าโลกทั้งใบได้ เราอาจจะต้องเสียน้ำตาเยอะเท่ากับสายฝน แต่เราจะเป็นร่มให้กันและกันใช่ไหม? อย่างที่เราเป็นมาตลอด..."
คนน่ารักช้อนตาขึ้นมองผม รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจกระตุกเป็นล้านๆ ฉาบอยู่บนริมฝีปากสีพีช
"ฉันว่าเดี๋ยวฉันต้องรีบกลับไปเติมหน้าสักหน่อย..." ซันนี่เปรยขึ้นเบาๆ ดวงตาของผมยังจ้องเรียวปากนั้นไม่ห่าง
"ทำไมล่ะ?"
"เพราะฉันไม่ได้พกลิปสติกมา และมันจะหายไปหมดหลังจากที่ฉันจูบพี่จนพอใจ"
"พี่แบคฮยอนแม่งเลวว่ะ"
ผมได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ งงกับคำกล่าวหาที่โดนโอเซฮุนยัดเยียดให้สดๆ ร้อนๆ ชานยอลกับดีโอที่นั่งขนาบข้างบนเครื่องบินโบอิ้งไฟลท์กลับจากมาเลเซียก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ
"เฮ้ย จู่ๆ มาด่ากันเนี่ย อธิบายมาดิ๊" ผมลุกขึ้นยืนเข่าหันหลังกลับไปเลิกคิ้วใส่มักเน่ที่นั่งกอดอกเดาะลิ้นด้วยท่าทางกวนประสาท เทากับไคที่นั่งขนาบข้างต่างก็ทำหน้าเหม็นเบื่อประมาณขอลาตายไม่ยุ่งยาวๆ
"ก็ผมแท็กพี่เนี่ย จะให้อัดคลิปอัพลงไอจีเข้าใจมั้ย? นี่แมร่งก็ฉลาดเกิ๊น เล่นกลางคอน ไม่ต้องตั้งกล้องถ่าย ไม่ต้องตัดคลิปอัพโหลด โซแอลถ่ายให้ ปล่อยลงยูทูปให้เสร็จสรรพ ไอจีนั่นจะกลับมาเล่นอีกทีตอนออกจากกรมเลยก็ดีนะ เมนพี่ก็ดิ้นตายกันไปเหอะ!"
"อ๋อ... ที่แท้นี่แท็ก ALS หวังผลสินะ" ไคเปรยขึ้นมาขำๆ ผมเองก็แอบกระตุกยิ้มนิดหน่อย นึกขำกับคำพูดจิกกัดร้ายๆของน้อง ได้เชื้อพี่คยูฮยอนมาจริงๆน่ะแหละ
"เงียบไปเลยไอ้ดำ แกก็อีกคน เออออห่อหมกกะพี่แบคฮยอน หงิดว่ะ"
ไคทำหน้าเหวอก่อนจะยักไหล่แล้วหนีไปซุกหัวเข้ากับกระจกหน้าต่าง
"นายเมนแบคฮยอนรึไง? ดูเดือดร้อนจัง" ดีโอส่งเสียงมาโดยที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นเกมบนไอแพดอยู่
"เออ ผมเมนแบคแท รู้ไว้เลย!" เทากับชานยอลหลุดขำออกมา ผมได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ เปลี่ยนโพสิชั่นกลับมานั่งเรียบร้อยเหมือนเดิม
"เฮ้ย! ไอ้พี่แบคฮยอน เดี๋ยวดิวะ! อย่าชิ่งดิ ผมยังด่าไม่จบเหอะ ไอ้พี่แบคฮยอน"
"หนวกหูน่า เซฮุน" พี่ซึงฮวาน ผู้จัดการที่นั่งหน้าเราไปสามแถวหันกลับมาเอ็ดเจ้าเด็กน้อย มันถึงยอมหุบปาก แต่ยังไม่วายยกขายาวๆ ขึ้นถีบเบาะผมอย่างแค้นเคือง แอบได้ยินเสียงมันบ่นงึมงำแช่งให้ผมเตี้ยลงวันละสามเซ็น ทำเอาผมหลุดขำออกมาจนได้
"ขอบใจนะเซฮุน ฉันกลับไปแน่นอน ไม่ต้องห่วงหรอก รอให้ฝนซา ให้ฟ้าใสกว่านี้อีกสักพักน่ะ..."
ชานยอลกับคยองซูจู่ๆก็เอื้อมมือมาบีบมือผมเอาไว้พร้อมๆกัน แรงถีบจากเบาะหลังหายไปพร้อมเสียงงอแง
บางที... การตากฝนก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเท่าไหร่
เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามีใครบ้างที่พร้อมจะลงไปวิ่งฝ่าความเจ็บปวดและความหนาวเย็นด้วยกัน ได้รู้ว่ามีใครอีกหลายๆคน พร้อมจะสละร่มให้เรา หรือแม้กระทั่งเขยิบแบ่งร่มเงาให้เราพึ่งพิง โอบกอดแบ่งปันความอบอุ่นให้โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องเปียกหรือหนาวสั่นไปด้วย...
ต่อจากนี้ ผมคงชอบสายฝนขึ้นมาอีกเยอะ...
รวมทั้งทุกคนที่ฝ่าฝนไปพร้อมกับผม...
รุ่นพี่ รุ่นน้อง เมมเบอร์ โซวอน และเอ็กโซแอล คนสำคัญที่แม้จะหนาวเหน็บ เจ็บปวด แต่ก็ยังคงปกป้องผม ยังคงเรียกชื่อผม แม้ว่าผมจะมองเห็นพวกคุณได้ยากเหลือเกินท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ...
ถึงแม้ทุกสิ่งที่เราพูดในเฟรมกล้องอาจไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยต้องพูดตามสคริปท์ก็คือ... ผมรักพวกคุณทุกคนจากใจจริง
มาเติบโตฝ่าสายฝนนี้ไปด้วยกันนะครับ...
END
ความคิดเห็น