ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SM Town] Singin' In The Rain : หัวใจในละอองฝน

    ลำดับตอนที่ #6 : SINGIN' IN THE RAIN | 6

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 57





    หน้าที่ของไอดอลคือสร้างความสุข แต่เราจะทำให้คนอื่นยิ้มได้ยังไง ในเมื่อตัวเราเองยังยิ้มได้ไม่เต็มที่เลย



     

              "สงสารน้องเนอะ"

              พี่ฮีชอลเปรยขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านไม่ใกล้ไม่ไกลจากตึก SM ฉันเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ ไม่รู้ว่าที่พี่เค้าต้องการสื่อเนี่ยหมายถึงแทยอน หรือแบคฮยอน... อันที่จริงอาจจะหมายถึงทั้งคู่...

                "แทยอนเป็นยังไงบ้างล่ะ?" พี่เค้าถามต่อพลางดูดน้ำมะม่วงปั่นเสียงดังแบบไม่แคร์ภาพลักษณ์ไอดอล ฉันได้แต่ถอนหายใจ

                "ไม่ยังไงค่ะ ก็ตั้งแต่ข่าวออกเมื่อวาน พวกเราก็ผลัดกันยึดโทรศัพท์ เข้าเวรตามประกบยัยนั่นเลย"

                ที่ต้องทำกันถึงขนาดนั้นเพราะแทยอนจริงๆ แล้วเป็นคนเปราะบางมากนะคะ พวกเราไม่มีใครโกรธเธออยู่แล้ว แล้วก็รู้ว่าโซวอนน่าจะรับกันได้ในระดับหนึ่ง เพราะมียุนอา ซูยอง ทิฟฟานี่ เปิดตัวนำร่องกันไปก่อน ฟีดแบคก็ไม่ได้ออกมาแย่อะไร แต่ที่น่าเป็นห่วงคือแฟนคลับของเอ็กโซค่ะ หลังจากที่ข่าวออกมาแค่สี่ชั่วโมง ตัวแทนค่ายก็ออกมายอมรับความสัมพันธ์ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้หมดตั้งแต่ต้น แต่ปฏิกิริยาของแฟนคลับออกมารุนแรงมาก แฟนๆของเอ็กโซมายืนร้องไห้หน้าตึก ตัดพ้อต่อว่าแบคฮยอนต่างๆ นานา บ้างก็ออกมาหาว่าแทยอนโพสต์ข้อความมีนัยยะหาน้องผ่านอินสตาแกรมทั้งๆ ที่ยัยบื้อนั่นไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าน้องถูกแฟนคลับตัวเองโจมตี แล้วโซวอนของเราต้องเข้าไปช่วย นี่ถ้าเราไม่เฝ้าแทยอนเอาไว้ยัยนั่นต้องเข้าไปอ่านคอมเมนท์ในไอจีของน้องแน่นอน ขืนปล่อยให้ทำแบบนั้นสาบานด้วยอะไรเลยก็ได้ว่าคิมแทยอนจะต้องเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าสุดๆ

                "เธอรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงยุให้แทงกูคบกับไอ้ลูกหมา?" จู่ๆพี่ฮีชอลก็พูดขึ้นมา นั่นเป็นประเด็นหนึ่งทีฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน

                "พี่รู้มาตั้งนานแล้วว่าไอ้ลูกหมามันชอบแทยอน ชอบแบบที่มากกว่าแค่เป็นแฟนคลับ แต่น้องมันไม่กล้า มันได้แต่แอบมอง ได้แต่ยิ้มให้... คือพี่ว่ามันก็น่ารักดี แล้วก็คิดว่า เออ ถ้าไม่คบกัน มันก็น่าจะเซฟกว่า..."  ฉันนึกภาพตามแล้วก็จำได้ว่าเคยเห็นแบคฮยอนมองแทยอนอย่างนั้นจริงๆ ทุกรายการที่ได้ขึ้นเวทีพร้อมกัน น้องก็มักจะโผล่มายืนใกล้ๆ มองแทยอนอย่างชื่นชมเสมอจนหลายๆ ครั้งพวกเรายังอดแซวแทงกูไม่ได้ว่าเธอมีแฟนบอยเป็นถึงเมมเบอร์วงเอ็กโซเลยนะ

                "ทีนี้เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว จู่ๆ ยัยลีดเดอร์เพี้ยนๆของพวกเธอก็จิตตก แทยอนดูไม่ค่อยดีใช่ไหมล่ะ? แต่เธอไม่รู้สาเหตุสินะ... นั่นน่ะ เป็นเพราะยัยนั่นแอบชอบแบคฮยอน"

                "ตั้งแต่ตอนนั้นน่ะเหรอคะ?"

                "เปล่า ตั้งแต่คอนเสิร์ตรวมค่ายเมื่อปีก่อนโน่นตะหาก... หรือจริงๆ พี่ว่ายัยโง่นั่นคงชอบน้องตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอกันแล้ว แต่เพิ่งจะมารู้ตัวเอาตอนนั้น"

                ฉันนิ่งอึ้ง ไม่รู้ความจริงข้อนี้มาก่อนเลย แล้วที่สำคัญคือแทยอนไม่เคยบอกเราสักนิด

                "เพราะเห็นคู่เธอมีเรื่องคราวก่อนนั้นล่ะมั้ง แทยอนเลยยิ่งพยายามตัดใจ แต่รู้ใช่มั้ยว่าห้ามหัวใจไม่ให้รักน่ะ มันยากยิ่งกว่าห้ามฝนไม่ให้ตกซะอีก" พี่ฮีชอลพูดพร้อมรอยยิ้มคล้ายจะเย้ยหยันท้องฟ้าที่มีเมฆฝนอึมครึม

                "พี่ทนไม่ได้ที่เห็นเด็กสองคนรักกัน แต่ดันเอาความเป็น 'ไอดอล' มาค้ำคอตัวเองไว้ ทนแบกหน้ายิ้มใส่กล้องทั้งๆ ที่ตัวเองเจ็บปวด หน้าที่ของไอดอลคือสร้างความสุข แต่เราจะทำให้คนอื่นยิ้มได้ยังไง ในเมื่อตัวเราเองยังยิ้มได้ไม่เต็มที่เลย"

                ฉันรู้สึกคล้ายมีก้อนอะไรสักอย่างพุ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ มันจริง... จริงทุกอย่างเลย... ไอดอลคือคนที่ซ่อนความเจ็บปวดทั้งหมดไว้แล้วยิ้มใส่กล้อง ต่อให้ไม่พอใจ หรือทุกข์ทรมานขนาดไหนเราก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทน

                เราทำไม่ได้แม้กระทั่งจะรักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ

                เพราะรู้ว่าความรักของเราจะทำร้ายแฟนคลับ รู้ว่าความรักจะทำลายอนาคตของคนที่เรารัก...

                เหมือนอย่างที่แทยอนกับแบคฮยอนเป็นอยู่ในตอนนี้...

                "ฮึ้ย! มาบ่อน้ำตาแตกเอาอะไรตรงนี้เล่า! เดี๋ยวแฟนเธอก็มาเตะตูดพี่หรอก!" พี่ฮีชอลพูดติดตลก แต่สายตาของพี่เค้ากลับทอแววอ่อนโยนอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น พี่ฮีชอลเป็นคนแบบนี้เสมอ ภายนอกแข็งกร้าว แต่ภายในเป็นคนอ่อนไหว

                "พี่ก็อย่ามาบิวท์สิ นี่เดี๋ยวฉันมีซ้อมละครกับพี่คยูฮยอนต่อนะ จะฟ้องให้หมดเลย!"

                "ยัยเตี้ยเอ๊ย! เธอนี่มัน..." พี่ฮีชอลแกล้งเข้นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วก็เอื้อมมือมาขยี้ผมฉันแรงๆ เราทั้งคู่หัวเราะออกมาก่อนจะต่างฝ่ายต่างเงียบกันไป

                "ต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณนะที่มาเลี้ยงข้าว" ฉันลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าตั้งท่าจะเดินออกไปแต่ประโยคต่อมาของพี่เขาก็ทำให้ฉันชะงัก

                "อื้อ...ซุนคยูยา... ว่างๆ ก็อย่าลืมชวนแทยอนไปดูซ้อมนะ เพราะวันจริงคงไปดูลำบาก"

                ฉันหันกลับมาส่งยิ้มให้พี่ชายที่แสนใจดี รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร...

              ...ไม่ต้องรอให้พี่เค้าเตือนหรอก เพราะฉันกำลังจะไปรับแทยอนอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว



     

    "เอาล่ะ ดีมาก พักซ้อมก่อนนะ"

    เสียงพี่ผู้กำกับพูดขึ้นมา แล้วนักแสดงทุกคนบนเวทีก็โค้งลงอย่างสวยงาม ผมมองรอยยิ้มของพระเอกที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

    น้องเดินตรงมาหาผมพร้อมกับพี่ซูจิน เม็ดเหงื่อผุดพราวบนผิวขาวซีด ถึงจะดูเหนื่อยและอิดโรย แต่แบคฮยอนก็ยังยิ้มและหัวเราะอยู่เสมอ

    "เล่นได้ดีนะ" ผมเอ่ยชมน้องก่อนจะส่งผ้าเย็นและขวดน้ำให้ เขารับไปพร้อมคำขอบคุณเบาๆ

    "ไม่หรอกครับ ผมยังขาดประสบการณ์อีกเยอะ ถ้าพี่ไม่คอยแนะนำ ผมก็คงแย่เหมือนกัน"

    ผมฟังคำตอบแล้วก็ขยี้ผมชิ้นเหงื่อของน้องอย่างเอ็นดู พี่ซูจินมองเราสองคนพร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ก่อนจะเดินหนีไปนั่งกับพี่เจย์และพี่จีนอีอย่างรู้งาน

    "...วันนั้น พี่ซึงฮวานเล่าให้ฟังแล้วว่าพี่กับพี่ซันนี่พยายามจะช่วยผม ขอบคุณนะครับ แล้วผมก็ขอโทษด้วยที่ทำให้พวกพี่ไม่สบายใจ"

    "ตลกน่า แฟนนายกับแฟนพี่เป็นเพื่อนซี้กันนะ อีกอย่างเราก็อยู่ค่ายเดียวกัน เหมือนพี่น้องกัน รู้อะไรไหม? พวกตากแก่ในซูจูบ่นกันทุกครั้งตอนเห็นพวกนายว่าเหมือนเห็นตัวเองสมัยเดบิวท์" ผมโอบไหล่น้อง โยกไปโยกมาเหมือนกำลังกล่อมเด็ก ไม่ใช่แค่แบคฮยอน แต่เอ็กโซเป็นที่รักของคนทั้งค่าย ไม่ว่าจะด้วยความสามารถ หน้าตา และความพยายามที่เราเห็นกันมาตลอด

    "ผมยิ่งใหญ่ได้ไม่เท่าพวกพี่หรอกครับ เอลฟ์เป็นกลุ่มแฟนคลับที่แข้มแข็งและน่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมาเลย"

    "แบคฮยอนอา... รู้ไหมว่าแต่ก่อนเอลฟ์เคยตะโกนคำว่า 12 Only ใส่หน้าพี่ เคยโห่ไล่ ดับแท่งไฟ ปาขวดน้ำใส่ตอนพี่เข้ามาร่วมวง" น้องหันมามองผมด้วยสายตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมกลับหัวเราะ

    "ถึงขั้นพูดกันว่าพี่มันตัวหายนะของวงชัดๆ เพราะพี่คือเมมเบอร์คนที่ 13 ลัคกี้นัมเบอร์เลยไง"

    "แล้วพี่ทำยังไงให้เอลฟ์ยอมรับพี่เหรอครับ?"

    "ก็ไม่ได้ทำอะไร... อันที่จริง เมมเบอร์ในวงต่างหากที่ทำ พอพวกเขารักพี่ แฟนๆ ก็ให้การยอมรับเอง เวลาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้นะ" ผมลูบหัวน้อง นึกถึงวันที่มีเสียงโห่ไล่ในตอนขึ้นไลฟ์ครั้งแรก แม้แต่เมมเบอร์ในวงก็ไม่ค่อยมีคนคุยกับผม รุ่นพี่หรือรุ่นน้องสักคนก็ไม่มี

    และเพราะผมเคยผ่านช่วงเวลายากลำบากเหล่านั้นโดยไม่มีใครมาก่อน ผมเลยรู้สึกอยากจะเป็นที่พึ่งให้กับน้อง

    "ผมทำลายความเชื่อใจของแฟนๆ ไปแล้วล่ะครับ มันคงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก"

    "พูดอะไรของนาย ไม่รู้หรือไงว่า SM น่ะเก่งที่สุดเรื่องเปลี่ยนแอนตี้ให้กลายเป็นแฟนคลับ อีกอย่างนะ แฟนดอมน่ะ สร้างได้ด้วยอุปสรรค ไม่ใช่รางวัลแดซัง" ผมตบบ่าน้องที่ส่งยิ้มกลับมาให้อย่างน่ารัก ผมหวังจริงๆ หวังว่าเขาจะเข้มแข็งแล้วผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ในอนาคตเมื่อเขามองย้อนกลับมา เขาจะภาคภูมิใจที่สุด และผมเชื่อว่าแฟนๆ ที่ยังอยู่ข้างเขาจะรักเขามากขึ้น

    "คุยอะไรกันอยู่เหรอหนุ่มๆ" เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ แล้วผมก็หันไปเห็นซันนี่ยิ้มกว้างมาให้ก่อนจะนั่งลงด้วยกัน แบคฮยอนก้มหัวทักทายยัยตัวยุ่งของผมเหมือนที่ทำทุกครั้ง

    "ขอบคุณพี่มากนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่วันนั้นไปรบกวนแบบกะทันหัน..." ผมหันไปมองหน้าซันนี่ที่เหมือนว่าจะเอ็นดูแบคฮยอนมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดเรื่อง ซันนี่ไม่สนิทกับวงรุ่นน้องเท่าไหร่ครับ แล้วพอแทยอนคบกับน้องปั๊บก็ยิ่งดูเหมือนจะเขม่นเจ้าเด็กนี่ออกนอกหน้า ซึ่งผมว่าเธอคงหวงเพื่อนไปหน่อย แต่ตอนนี้ซันนี่คงจะทั้งรู้สึกผิด แล้วก็สงสารน้องเต็มที่

    "นายไม่ป่วยก็ดีแล้วล่ะ เอเชียทัวร์อยู่นี่ ตารางคอนเสิร์ตไม่เลื่อนใช่ไหม?"

    "ไม่หรอกครับ ถึงแฟนๆ ทั้งหมดจะเกลียดผมแล้ว แต่ก็ยังเหลือเมมเบอร์คนอื่นๆให้รักอีกตั้ง 10 คน..."

    ผมมองหน้าซันนี่ที่ดูเหมือนจะสะอีกไปกับคำพูดของน้อง มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ทั้งๆ ยังงั้นแบคฮยอนกลับไม่ตัดพ้ออะไรออกมาซักคำ ตรงกันข้าม เขารับเอาความเกลียดชังทั้งหมดมาด้วยรอยยิ้มจนผมนึกปวดใจแทนด้วยซ้ำ

    ชั่วแว่บนั้น ผมนึกถึงเพลงท่อนหนึ่งที่ดอน ล็อควู้ด ร้องไว้ในมิวสิคัล

    Let the stormy cloud chase everyone from the place, come on with the rain, I've a smile on my face...

    ให้พายุฝนไล่ทุกคนพ้นทาง ตกลงมาเลยฝนเอย จะอย่างไรฉันก็ยังยิ้มได้...

    ผมเคยนึกสงสัยในตัวละครตัวนี้ ว่าคนเราจะยิ้มท่ามกลางสายฝนได้ยังไง แต่แบคฮยอนทำได้... และผมว่าทีมแคสติ้งสุดยอดจริงๆ ที่มองเห็นคุณสมบัติข้อนั้นในตัวแบคฮยอน

    "เลิกพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า... ว่าแต่ นายไม่มีซ้อมต่อแล้วใช่ไหม รอบต่อไปพี่ต้องซ้อมกับพี่คยูฮยอนน่ะ ยังไงก่อนกลับแวะไปเอาของที่รถพี่ด้วยนะ แทงกูฝากมา" ซันนี่ว่าพลางโยนกุญแจรถให้น้อง แบคฮยอนค้อมหัวรับแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม

    "งั้นผมลงไปเอาเลยละกันนะครับ เพราะพี่ผู้จัดการกำลังมาแล้ว จะได้มีเวลาเอากุญแจมาคืนพี่ก่อน"

    "อื้อ จอดอยู่ชั้นใต้ดินประมาณล็อกที่สองนะ มินิคูเปอร์สีเทาๆ น่ะ"

    "ครับ" แบคฮยอนพูดก่อนจะร่ำลาพี่ๆคนอื่นแล้วเดินออกจากห้องซ้อมไป แต่ผมว่านี่มันตงิดๆ นะ ยิ่งเห็นซันนี่ลอยหน้าลอยตาไม่พูดอะไรแบบนี้มันยิ่งน่าสงสัย

    "ทำไมเธอไม่ถือของขึ้นมาเลยทีเดียวล่ะ ให้น้องลงไปเอาทำไม"

    "แหม มันไม่ใช่ของที่จะถือขึ้นมาได้หรอกน่า" คุณแฟนของผมหัวเราะคิกคัก

    "อะไรของเธอ?"

    "...ก็... กำลังใจน่ะ ต้องลงไปรับเองสิถึงจะถูก"





    ณ วันนี้... มีกลุ่มคนอ้างชื่อ อซฟ. ล่ารายชื่อกว่า 2,000 คนเพื่อบีบให้บยอนแบคฮยอนลาออกจากวง...
    ณ วันนี้... ที่สนามบินนาริตะ แทยอนเข้าไปขอโทษแฟนคลับด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้...

    ณ วันนี้ ที่คนสองคนรักกันมันก็ผิด

    ฉันอยากเป็นร่มคันใหญ่ๆ บังฝนให้พวกเธอสองคนจัง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×