คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : XOXO :: tough shes X but ill make it O
XOXO : tough she’s ‘X’ but i’ll make it ‘O’
“เฮ้อ...”
“จะถอนหายใจอะไรกันนักกันหนา ห๊ะ! มันน่ารำคาญนะยะ!” ยัยเอ๋อซูจีเขวี้ยงก้อนกระดาษที่โดนขยำจนกลมดิ๊กมาทางผม แต่เสียใจนะ พลาด...
“มาเล่นเกมกันดีกว่า นายเป็น X นะ ส่วนฉันเป็น O” คริสตัลลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าผม ถึงยัยนี่จะไม่ยิ้มเลยแต่ก็ดูอารมณ์ดีมาเชียวล่ะ ประเด็นคือ ไอ้เกม XO ตารางเก้าช่องปัญญาอ่อนนั่นตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเล่นหรอกนะ T^T ไม่เข้าใจไอ้เพื่อนพวกนี้เลยจริงๆ ผมเชื่อว่าทุกคนคงมีช่วงเวลาสมัยไฮสคูลที่เค้าฮิตเล่นเกมโง่ๆกันใช่มั้ยครับ? กลุ่มผมก็มี มันคือไอ้เกม XO นี่แหละ อย่างผม ชานยอล ซอลลี่ ซูจี พวกเราก็แค่เล่นไปตามกระแส สักพักพวกเราก็เบื่อ แต่ไม่รู้ยังไง ไอ้เกมปัญญาอ่อนพรรค์นี้ถึงได้กลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดของคริสตัลไปได้ แถมจงแดกับคยองซูก็พากันเพี้ยน เห่อเล่นตามคริสตัลไปด้วย เพราะงี้แหละ ยัยเอ๋อถึงได้ตั้งชื่อวงประชดว่า ‘XO’ มันซะเลย =__=
เอ่อ... ผมเริ่มนอกเรื่องไปแล้วสินะ... กลับมานั่งถอนหายใจต่อดีกว่า เฮ้อ~
“แบคฮยอนนี่ นายเป็นอะไร ทำไมถึงเอาแต่นั่งถอนหายใจแบบนี้? เล่าให้ฉันกับชานยอลฟังได้นะ?” ซอลลี่ที่ดูเป็นผู้เป็นคนมากที่สุดเวลาไม่มีไอดอลอยู่ในระยะสายตาเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถามผม เจ้าชานยอลเองก็เงยหน้าขึ้นจากกีตาร์แล้วเขยิบเก้าอี้ตามหลังซอลลี่มาทำหน้าตั้งอกตั้งใจฟังด้วย
“คืองี้นะ--”
“เย้! ชนะอีกแล้ว!” เสียงจงแดดังขัดขึ้นมา เดาว่าหมอนั่นคงเล่นเกมชนะคริสตัลอีกตามเคย
“ฉันไม่เล่นกับนายแล้ว คยองซูมานี่มา... นายเป็น X นะ ส่วนฉันเป็น O...”
ผมไม่สนใจคริสตัลที่หันไปหาเหยื่อรายใหม่ รวมทั้งยัยเอ๋อที่เข้ามาชะโงกหน้าดูเกมด้วยความสนอกสนใจด้วย ซอลลี่กับชานยอลยังนั่งตาแป๋วรอฟังอยู่
“เมื่อวาน พี่ชายฉันกลับมาจากอเมริกา... แต่ว่าพี่เค้าพาแฟนมาเปิดตัว”
“หาอะไรนะ!!!” เสียงร้องสิบแปดหลอดของซูจีดังขึ้นก่อนที่ยัยนั่นจะวิ่งถลาเข้ามาทุบโต๊ะ ทำท่าเป็นฟืนเป็นไฟยังกับดาวหางใกล้จะถล่มโลกในเวลาไม่ถึงนาที
“ถึงฉันจะดีใจที่แฟนพี่เค้าไม่ใช่ยัยเอ๋ออย่างเธอก็เถอะ” ผมเอานิ้วชี้จิ้มไสหัวซูจีให้ออกไปห่างๆ “...แต่มันก็มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น...”
“ปัญหา? แฟนพี่นายเป็นคนไม่ดีเหรอ?” ชานยอลพูดพลางกระเถิบเข้ามาในวงอีกนิดหนึ่ง แม้แต่คริสตัลกับคยองซูก็ยังเงยหน้าจากกระดาษมามองด้วย
“ไม่ใช่ยังงั้น พี่เค้าดี... ดีมากเลยล่ะ เฮ้อ~”
“เลิกถอนหายใจซักทีแล้วรีบๆเล่าให้มันจบได้มั้ย!” ซูจีขึ้นเสียงแถมยังกระชากคอเสื้อผมอย่างเอาเรื่องอีกตะหาก
“โอเคๆ บอกก็ได้... ฉันว่าฉันตกหลุมรักแฟนพี่ชายเข้าแล้วล่ะ!”
ซูจีปล่อยมือจากคอเสื้อผม สีหน้าท่าทางดูเอ๋อสุดๆ ชานยอลกับซอลลี่กะพริบตาปริบๆ จงแด และคยองซูพร้อมใจกันเงียบในขณะที่คริสตัลจรดดินสอลงบนกระดาษได้ยินเสียงครืดๆ เดาว่าคงวงเครื่องหมาย O
“เย้~ ฉันชนะแล้ว...”
นั่นไง... อยากให้ทายหวยแม่นได้แบบนี้จัง...
“อะไรนะ! นายหลงรักแฟนของพี่ชายตัวเองงั้นเหรอ!” จงแดตะโกนลั่นจนห้องซ้อมแทบระเบิดหลังจากเงียบเป็นเป่าสากกันไปสามสิบวิ ผมเลยถอดรองเท้าเขวี้ยงเฉียดหูซ้ายมันไปหนึ่งที ไม่น่าหลบพ้นเลยแฮะ
“ตะโกนหาเหล่ากงเหล่าม่าแกรึไงวะไอ้จงแด!” ผมด่าสวนไป แต่อย่างคิมจงแดน่ะนะ ไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำด่าอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะมันปากจัดกว่าผมเยอะ
“แล้วนายจะทำยังไงต่อไปล่ะ? แบบนี้ก็ต้องตัดใจสินะ น่าสงสารจังเลย~ แบคฮยอนอา” ซอลลี่ผู้น่ารัก มองผมด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจแถมยังเอื้อมมือมาลูบหัวอีกต่างหาก เฮ้ย... คนนะ ไม่ใช่หมา =__=
“ตัดใจทำไมเล่าซอลลี่! อีหรอบนี้มันต้องสู้กันอย่างลูกผู้ชาย ถ้านายแน่จริงก็แย่งแฟนพี่เค้ามาเลยสิ!” จงแดพูดออกมาพร้อมหัวเราะลั่น
“ใช่ๆ คราวนี้ฉันเห็นด้วยกับจงแดล้านๆๆๆๆเปอร์เซ็นต์! นายต้องแยกสองคนนั้นออกจากกันให้ได้ เข้าใจมั้ย?! เพื่อที่พี่คยูฮยอนจะได้หันกลับมามองฉัน!” ยัยเอ๋อซูจีจับไหล่ผมเขย่าแรงๆ นี่กะจะฆ่ากันให้ตายรึไง!
“แต่แบบนั้นมันไม่ดีนะ คนรักกันอยู่ ถ้าไปทำให้เลิกกันแบบนั้นก็น่าสงสารแย่สิ!” ซอลลี่เริ่มเข้าสู่โหมดนางเอกแล้วฮะ แต่อันที่จริงผมก็คิดแบบเดียวกับเธอนะ ผมไม่อยากทำร้ายพี่ชายตัวเอง พี่คยูฮยอนดีกับผมมาตลอด จะให้ผมทำตัวเป็นคนเลวอย่างที่จงแดมันยุได้ยังไงกันล่ะ!
“อย่าคิดแบบนั้นสิซอลลี่...” เสียงทุ้มๆของคยองซูพูดขึ้นมาเป็นประโยคแรกของวัน แล้วพวกเราทุกคนก็นิ่งเงียบรอฟังต่อ อย่างกับหมอนี่มันจะกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานอะไรสักอย่าง “ความรักก็เหมือนเกม XO นั่นแหละ มีแค่ใช่กับไม่ใช่ ถ้าไม่ลองเล่นดูจะรู้ได้ไงว่าใครแพ้ใครชนะ... ฉันว่าอย่างน้อยแบคฮยอนก็ควรจะลองดูก่อน ใครจะไปรู้ บางทีพี่สาวคนนั้นอาจจะ ‘ใช่’ กับนายจริงๆก็ได้ ถ้าตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ นายจะไม่มานึกเสียดายทีหลังเหรอ?”
พวกเราทุกคนเริ่มคล้อยตามคำพูดของคยองซู เชื่อหมอนี่เค้าเลยแฮะ ถึงวันๆจะไม่พูดอะไรเท่าไหร่ แต่พอเปิดปากมาทีก็เล่นเอาพวกเราอึ้งได้ทุกครั้ง
“หมายความว่า... ฉันควรจะแย่งแฟนพี่ชาย อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่และไม่ใช่... สิ่งที่นายควรทำก็คือเล่นเกมแบบแฟร์ๆ ทำให้พี่สาวคนนั้นเห็นข้อดีข้อเสียของทั้งนายและของพี่ชาย เพื่อที่เค้าจะได้ตัดสินใจเองว่าใคร X ใคร O”
ผมนิ่งคิด... ข้อดีและข้อเสียเหรอ... สำหรับพี่ชาย ข้อดีมีเป็นล้านอย่าง อืม... ยากแฮะ
ชานยอลดูจะคิดแบบเดียวกัน หมอนั่นถึงได้ส่ายหน้าช้าๆ “ให้เปรียบเทียบระหว่างนายกับพี่คยูฮยอนเนี่ยนะ เหมือนฆ่าตัวตายชัดๆ”
“โอ๊ะ! นึกออกแล้ว!” ผมดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วกระโดดลุกขึ้นยืนจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“พี่ชายถึงจะเพอร์เฟคต์ครบสูตรทุกอย่าง แต่เรื่องทำอาหารเนี่ยห่วยแตกชนิดที่แยกเกลือกับน้ำตาลยังไม่ออกเลยล่ะ!”
ผมพูดออกไปแล้วก็มองปฏิกิริยาของคยองซูที่ระบายยิ้มเจ้าเล่ห์บนหน้าแบบที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน หมอนั่นลุกขึ้นยืนพลางพูดประโยคสุดท้ายในโควต้าสำหรับวันนี้ออกมา
“งั้นก็จัดปาร์ตี้ที่บ้านแล้วให้พี่ชายนายทำอาหาร ดูซิว่าข้อเสียข้อเดียวของพี่เค้า สาวในฝันของนายจะรับได้มั้ย!?”
“นะครับพี่คยูฮยอน เพื่อนๆผมรบเร้าอยากเจอพี่ให้ได้เลยนะคร้าบ~” ผมใช้ไม้อ้อนกับพี่ชายที่ดูจะมีท่าทางลังเลก่อนจะจิกตาส่งให้ยัยเอ๋อซูจีที่ทำเป็นเกาะแขนพี่ชายอีกฝั่ง มากไปแล้วนะ!
“คือปาร์ตี้น่ะพี่ก็อยากจัดให้อยู่หรอกนะ แต่เรื่องทำอาหารนี่มัน...” พี่คยูฮยอนขยับแว่นสายตาก่อนจะเกาหัวทำหน้าลำบากใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เห็นยังงี้เถอะ ซูจีทำอาหารเก่งม๊าก~มากเลยนะคะ เดี๋ยวซูจีจะช่วยพี่คยูฮยอนเอง ^^” ยัยซื่อบื้อทำทีเป็นส่งยิ้มหวานตาเยิ้มหยดย้อยให้กับพี่ชาย ไม่ได้จะแคร์สื่อเลยว่าคนเค้ามีแฟนอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าผมกำลังรวมการเฉพาะกิจกับยัยนี่เพื่อที่จะมัดใจพี่ซันนี่ล่ะก็ รับรองว่าแบซูจีตายคามือผมไปแล้วด้วยข้อหาคิดจะจับพี่ชายสุดที่รักของผม!
“ถ้างั้นก็น่าจะพอไหวนะ... ซูจีนี่นอกจากจะโตขึ้นมาน่ารักแล้วยังทำอาหารเก่งด้วยแบบนี้ ต่อไปหนุ่มๆต้องรุมจีบน้องสาวคนสวยของพี่แน่เลย” พี่คยูฮยอนขยี้หัวยัยเอ๋ออย่างเอ็นดู ไอ้หน้าตาเคลิ้มๆแบบนั้นเห็นแล้วมันหมั่นไส้ชะมัด!
“เดี๋ยวผมไปรับพวกชานยอลเลยละกันนะครับ อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่บ้านนะฮะ!” ผมแยกไปอีกทาง ไม่ลืมที่จะโบกมือหยอยๆให้พี่ชายที่ยังคงยิ้มรับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ต่างกับซูจีที่จิกตาส่งให้ผมลับหลังแทนคำพูด
อย่าให้พลาดเชียวล่ะ!
“ชิส์... รู้แล้วล่ะน่า ยัยแม่มดเอ๊ย!” ผมบ่นพึมพำตอบไปเบาๆ มองภาพสองคนนั้นเดินหัวเราะงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งไปชอปปิ้งกันต่อ
เอาล่ะ ปฏิบัติการ ‘เปลี่ยน X ให้เป็น O’ จะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!
ผมหยิบมือถือขึ้นมา มองข้อความจากชานยอล
--เจอกันที่บ้านนาย!—
เจ๋งเป้งมาก! ทีนี้ก็ตาผมล่ะ...
ขอท้าวความก่อนหน่อยนึง จากไอเดียของคยองซูที่แนะนำให้เราจัดปาร์ตี้เพื่อโชว์ฝีมือการทำอาหารห่วยขั้นเมพของพี่คยูฮยอน พวกเราเลยเริ่มวางแผนการคร่าวๆ คือในงาน พี่คยูฮยอนจะต้องทำอะไรออกมาซักอย่างซึ่งผมโคตรจะมั่นใจว่าไม่มีใครกินได้แน่นอน ในขณะที่ผม—ซึ่งทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาไปขลุกอยู่บ้านคยองซูทุกวันเพื่อเรียนวิธีต้มบะหมี่ออกมาให้อร่อยสุดยอด—จะต้องกอบกู้สถานการณ์ปาร์ตี้นี้ไว้ด้วยรามยอนขั้นเทพ ชนิดชายสี่หมี่เกี๊ยวก็ยังอาย!
หึ หึ หึ... ไม่อยากจะบอกว่าผมมั่นใจมาก แค่ชิมน้ำซุปปั๊บ พี่ซันนี่จะต้องหวั่นไหวกับความอร่อยของมันแน่นอน! มีแค่เรื่องนี้แหละที่ผมเอาชนะพี่ชายได้ชัวร์ๆ!
แถมยิ่งไปกว่านั้น ยัยเอ๋อซูจียังช่วยรับหน้าที่ ‘ทำยังไงก็ได้ให้อาหารออกมาห่วยที่สุด’ ตามประกบเป็นลูกมือช่วยถ่วงความเจริญให้กับพี่ชายอย่างเต็มใจ
ถ้านายทำสำเร็จ ฉันเองก็จะได้พี่คยูฮยอนคืนมาด้วย เพราะงั้นฉันจะยอมญาติดีกับนายสักพักแล้วกัน – นั่นล่ะที่ยัยซื่อบื้อเค้าหวังไว้ อยากจะเสียบแทนตำแหน่งพี่ซันนี่เหลือเกิน =__= แต่ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะนะ ไว้ผมจะหาทางเขี่ยแบซูจีทิ้งทีหลัง~
เอาล่ะ... ถึงไหนแล้ว? ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเบอร์พี่ซันนี่ที่ขอมาจากพี่ชายเมื่อวาน พี่ผมก็ดีแสนดีเหลือเกิน ให้มาด้วยความเต็มใจ ไม่ถามอะไรสักคำ
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” เสียงหวานๆ พูดขึ้นที่ปลายสาย แล้วหัวใจของผมก็เต้นตึกตักขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“อ...เอ่อ ผมแบคฮยอน น้องชายของพี่คยูฮยอนนะครับ”
“อื้อ แบคฮยอนนี่ มีอะไรเหรอจ๊ะ?” พี่สาวเรียกผมอย่างสนิทสนมได้ในทันควันทั้งๆที่เราเคยคุยกันไม่ถึงประโยคด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะแบบนั้นหัวใจของผมมันเลยยิ่งเต้นแรงไปกว่าเดิมอีก
“วันนี้ผมกับเพื่อนๆ จะมีปาร์ตี้ต้อนรับพี่ชายที่บ้านครับ พอดีผมไปโม้เรื่องพี่ไว้เยอะทุกๆคนก็เลยอยากเจอน่ะฮะ ถ้าวันนี้พี่ว่างล่ะก็...”
“อื้อ ไปสิ ดีจังเลย~ ตอนนี้เลยรึเปล่า?” พี่ซันนี่ตอบกลับมาเสียงใส ส่วนผมก็ไชโยโห่ฮิ้วในใจที่อะไรๆมันลงล็อคไปหมด หมายความว่างานนี้บยอนแบคฮยอนมีลุ้นสินะๆ >_<
“อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงน่ะฮะ แต่ว่าผมอยากจะไปเลือกซื้อของมาทำกับข้าวให้พี่ชายทาน ถ้าตอนนี้พี่ว่างอยู่ไปช่วยผมเลือกได้มั้ยครับ? ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเดี๋ยวนี้พี่คยูฮยอนชอบกินอะไร” ผมพูดตามสคริปท์ที่คยองซูจดมาให้ ก็หมอนั่นมันนักแต่งเพลงนี่นะ เรื่องแบบนี้นี่เชี่ยวชาญเลยแหละ ถ้าไม่ติดว่าโลกส่วนตัวสูงจนเข้าไม่ถึง ผมว่าสำนวนแบบนี้หญิงติดตรึมชัวร์ - -+
“ได้สิ ตอนนี้เธออยู่ไหนล่ะ? ให้พี่ขับรถไปหามั้ย?”
ผมล่ะอยากจะกลิ้งไปรอบโลกกับคำตอบของพี่ซันนี่
“ผมอยู่ตรงร้านหนังสือใกล้ๆบ้านน่ะฮะ พี่รู้จักมั้ยครับ?”
“อื้อ รู้จ้ะ พี่คยูฮยอนชอบไปร้านนั้นบ่อย งั้นอีกซัก 15 นาทีเจอกันนะ” พี่ซันนี่ทิ้งท้ายแล้วเราต่างคนก็วางสายกันไป
เยส เยส! >_< ดีใจจัง
ผมเหลือบมองเงาตัวเองในกระจกของตู้โทรศัพท์ จัดแต่งทรงผมนิดหน่อยให้ดูดี ก่อนจะยิ้มแล้วเต๊ะท่านิดๆ คนอะไรหล่อเป็นบ้าเลย ผมคิดแล้วก็เดินเอามือล้วงกระเป๋าก้าวเข้าร้านหนังสือไป
ไม่นานเกินรอ พี่ซันนี่ก็มาถึง ยังคงสวยน่ารักกระชากใจไม่ต่างจากวันแรกที่เราเจอกันเลย ผมพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้หัวใจวายตายไปซะก่อน พี่เค้าส่งยิ้มแล้วยื่นแขนให้ผมควงออกไปจากร้านหนังสือด้วยท่าทางน่ารักเป็นกันเองที่คงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้ผมตกหลุมรักพี่สาวคนนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
“ชอปปิ้งที่ไหนดีล่ะ?” พี่ซันนี่ถามขึ้นมา
“ซุปเปอร์แถวๆนี้ก็น่าจะได้แล้วมั้งครับ พี่ว่าพี่คยูฮยอนชอบกินอะไรฮะ?”
“เธอเป็นน้องชายน่าจะรู้ดีกว่าพี่สิ อ๊ะ! แต่ว่าเราสองคนชอบไปกินเนื้อย่างกันบ่อยๆ” เธอพูดพลางก็เอานิ้วชี้แตะแก้มทำท่านึกไปด้วย คนอะไรน่ารักเกินไปแล้ว! >_<~
เราสองคนเดินเข้าไปเลือกชอปปิ้งของในซุปเปอร์ ผมคว้าวัตถุดิบสำคัญ คือรามยอนมาสองสามแพ็ค พร้อมกับพวกขนมของกินเล่นที่พวกชานยอลชอบกิน ไม่รู้ว่าเราสองคนเดินนานเท่าไหร่ แต่เวลามันผ่านไปไวมาก ย่งผมอยู่ใกล้พี่สาวคนนี้ผมก็ยิ่งชอบเธอ เวลาที่เธอหัวเราะ เหมือนโลกทั้งโลกสว่างไสว ผมไม่รู้ว่าใครตั้งชื่อให้เธอว่าซันนี่ แต่ผมก็คิดว่าชื่อนี้แหละที่เหมาะกับพี่เค้ามากที่สุด
“นี่แบคฮยอน เราไปจ่ายเงินกันเถอะ” พี่ซันนี่จูงมือผมที่หิ้วตะกร้าไปทางเคาน์เตอร์คิดตังค์ ไม่อยากกลับเลยอ่ะ
“อืม ผมกะว่าจะซื้ออีกซักสองสามอย่างนะเนี่ย” ผมแกล้งพูดทั้งๆที่ของก็ล้นจนจะถือไม่ไหว แถมขนมลูกอมลูกกวาดไร้สาระก็จับยัดๆลงมาเต็มไปหมด
“แล้วเรามีเงินพอหรือไง ซื้อเยอะขนาดนั้นน่ะ?”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวค่อยไปอ้อนขอจากพี่ชายก็ได้” ผมตอบ แล้วพี่ซันนี่ก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“เจ้าเล่ห์เหมือนพี่ชายไม่มีผิดเลยนะเรา”
หัวใจผมเต้นตึกตักเลยอ่ะ ,,>_<,,
ขอโทษจริงๆนะครับพี่ชาย... แต่งานนี้ผมคงตัดใจจากแฟนพี่ไม่ได้ซะแล้วล่ะ!
ความคิดเห็น