ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ&SNSD] Catch me if you can : จับให้ได้สิ! ถ้านายแน่จริง?

    ลำดับตอนที่ #3 : CATCH ME IF YOU CAN : III

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 55


    CATCH ME IF YOU CAN : II

                    เล่นฉันซะแสบเชียวนะคะที่รัก -*-

    คนสวยอยากจะกรี๊ดๆแล้วลงไปดิ้นอยู่กับพื้น ไอ้คุณแฟนบร้า T^T มันดันเชิญนักข่าวมาดูรอบซ้อมของเรา แล้วไม่บอกกันก่อนด้วย!

    ไม่ต้องนับการสกินชิพแบบล้นหลามที่ไม่ได้มีในบท โอ๊ย! คนสวยอยากจะบ้า นี่มันต้องเป็นประเด็น เป็นประเด็นใหญ่เท่าโลกแน่ๆ!

    เอ็งทำงี้ออกไปพูดกะนักข่าวเลยดีกว่าว่าเราเป็นแฟนกัน! -*-

    “ทำไมเล่นแข็งๆแบบนั้นล่ะ ซุนคยู?” โจคยูฮยอน แฟน และศัตรูหมายเลขหนึ่งในตอนนี้ของฉันเดินเข้ามาโอบบ่า ต่อหน้าประชาชี แน่จริงจับฉันกดเลยเซ่!

    “ฉันยอมโดนด่าว่าเล่นละครไม่เป็น ดีกว่าเกิดประเด็นเรื่องคบกับพี่” ฉันแยกเขี้ยวตอบหมอนั่นที่ทำหน้าตากวนบาทาสุดฤทธิ์

    ยังไม่ทันที่เราจะได้กัดอะไรกันต่อ ทีมงานก็เชิญเราสองคนมานั่งปั้นหน้ายิ้มตอบคำถามสัมภาษณ์

    “แหม ทำไมนั่งซะห่างกันขนาดนั้นล่ะคะ?” นักข่าวสาวคนหนึ่งที่ชื่อคิมอีนายิงคำถามแรกขึ้นมาเรียกเอาคนอื่นๆหัวเราะ ฉันยกมือขึ้นปิดปาก ขำนิดๆแบบมีมารยาทก่อนจะตอบออกไป

    “ก็นอกจากแสดงละครแล้ว พี่คยูฮยอนเค้าเป็นสมาชิกซูจูคนเดียวที่ฉันสนิทด้วยน้อยที่สุดน่ะค่ะ^^

    หนึ่งแต้มฝั่งซุนคยู - -+

    “แต่ผมว่าหลังจากละครเรื่องนี้แล้วเราคงซี้ปึ้กกันเลยล่ะครับ ^^

    ฮึ้ย... โดนสวนกลับพร้อมการลวนลามทางสายตา

    “งั้น... เรามาเริ่มการสัมภาษณ์กันเลยดีกว่านะคะ” นักข่าวคนเดิมพูดขึ้นมาพร้อมกดปุ่มเครื่องอัดเสียง

    คำถามแรกๆเป็นของพี่ผู้กำกับ เกี่ยวกับเรื่องการแคสฉันและพี่คยูฮยอนเข้ามาเล่นเป็นตัวเอก พี่เค้าตอบซะน่ารักเลยว่าคิดไม่ผิดที่เลือกเราสองคนเข้ามา แต่ไอ้คำสุดท้ายนี้มันเล่นเอาฉันแทบจุก

    “สองคนนี้ถึงแม้จะร่วมงานกันเป็นครั้งแรก แต่เคมีเข้ากันสุดๆเลยครับ”

    ทำร้ายยยยยยยยยยย!!! T^T

    ส่วนยัยนักข่าวก็จดยิกเชียวนะ -*-

    คำถามต่อๆมาเป็นของพี่คยูฮยอน เฮอะ... คิมกูราจูเนียร์ ระดับนี้พูดคำยิงมุกสามคำอยู่แล้ว เขากำลังเล่าความเป็นมาคร่าวๆของตัวละครแฟรงค์ อบาเนล จูเนียร์ อันที่จริงคือพี่แกสปอยล์มันทั้งเรื่อง =__=

    “มีตรงไหนที่คิดว่าคาแรคเตอร์ตัวนี้คล้ายกับคุณบ้างมั้ยคะ?”

    “อืม... คงจะเป็นเรื่องความรักมั้งครับ”

    อุแม่เจ้า! คนสวยแทบตกเก้าอี้!

    “ถึงแฟรงค์จะมีผู้หญิงมาเกาะแกะมากมาย แต่เค้าก็รักแบรนด้าคนเดียว เค้าหลอกคนอื่นๆมาก็เยอะ แต่เพียงคนเดียวที่เค้าพูดความจริงด้วยก็คือคนที่เค้ารักน่ะครับ ที่ผมพูดยังงี้ไม่ได้จะสื่อว่ามีแฟนหรืออะไรหรอกนะ แค่คิดว่าผมเอง ถ้ามีคนรัก ผมก็คงจะซื่อสัตย์กับเธอแบบนั้นเหมือนกัน”

    ฆ่าเลยค่ะ! ฆ่าอีซุนคยูคนนี้ให้ตายไปเลย!!!

    “แล้วบทแบรนด้าล่ะคะ?”

    “อ๋อ สำหรับฉัน... คงเป็นเรื่องความเสียสละน่ะค่ะ ตอนฉากสุดท้ายของแบรนด้า เธอยอมปล่อยให้แฟรงค์หนีไปก่อนงานหมั้น ทั้งๆที่เจ็บปวด แต่ก็ยอมเสียสละเพื่อให้คนรักเดินต่อไปตามเส้นทางของตัวเอง ถ้าหากฉันมีความรัก ฉันก็หวังว่าฉันจะทำได้อย่างเธอค่ะ ^^” สีหน้าโจคยูฮยอนดูเหวอไปสนิท

    ฮึ! ฉันก็บลัฟฟ์กลับได้เหมือนกันนะยะ!

    การสัมภาษณ์จบลงอย่างสวยงามพร้อมๆกับที่การซ้อมสิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน ฉันโบกมือลาทีมงาน แล้วเดินดุ่มๆ กลับไปขึ้นรถตู้ทันที หมอนั่นก็ทำอย่างเดียวกัน ชิ!

    ตริ๊งๆ~

    โทรศัพท์ของฉันดังขึ้นทันที แหมยังกับรู้คิวแน่ะ

    “นี่เราจะทำสงครามกันใช่มั้ย?” เสียงนุ่มๆของพี่คยูฮยอนดังขึ้นมาทันทีที่ฉันรับสาย

    “คงงั้นมั้ง? พี่เริ่มก่อนนี่”

    “เธอนั่นแหละ กับแค่บอกคนอื่นว่าเราคบกัน เรื่องแค่นี้เอง”

    เรื่องแค่นี้ เรื่องแค่นี้!! โจคยูฮยอน เรื่องแค่นี้เหรอ!!!???

    “ย่าห์!!! นี่พี่รู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมาน่ะ”

    “อีซุนคยู เธอเป็นแฟนฉัน วันนึงในอนาคตเราจะแต่งงานกัน เพราะงั้น จะบอกวันนี้ มะรืนนี้ หรือเมื่อไหร่ คนทั้งโลกก็ต้องรู้อยู่ดี!

    ตรู๊ด... ตรู๊ด...

    เขาวางสายไปแล้ว อ๊ากกกกกกกกกกกกกก กรีดร้องงงงงง!!! ไม่เคยมีใครบังอาจวางสายใส่ฉันทั้งๆที่ยังพูดไม่จบนะ!!

    ฉันนั่งหงุดหงิดอยู่สักพัก แล้วก็นึกอะไรดีๆออก...

    เอาซี้ อยากแฉก็แฉไปเลย

    แล้วก็จะได้รู้ว่าอีซุนคยูคนนี้ไม่ยอมให้จับง่ายๆหรอก!

     

     

    ผมโดนเอาคืน...

    แบบว่าอย่างจังเลยด้วย

    ในทีวี แฟนผม อีซุนคยูกำลังอี๋อ๋ออยู่กับอิมซึลองวง 2AM เฮ้ย! อะไรวะ! มีควงแขนกันด้วย ทำกับข้าวด้วยกันด้วย!!

    “คยูฮยอนอา...รีโมท...จะหักแล้ว” พี่ซองมินทักผม นี่ผมกำลังทำอะไรเนี่ย? ผมกำรีโมทแน่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

    “นายทะเลาะอะไรกับซันนี่รึเปล่า?” รยออุคหันมาถามแบบหวาดๆ ผมแค่ตวัดสายตาพิฆาตไป แล้วคุณเพื่อนสุดที่รักก็หันกลับไปก้มหน้าก้มตากินข้าวกับพี่ซองมินต่อ เสียงหัวเราะคิกคักของซันนี่ยังคงดังมาจากทีวี

    ทนไม่ไหวแล้วเว้ย!!!

    ผมกดโทรศัพท์หายัยตัวเล็กนั่น มันดังเป็นสิบๆครั้งเลยก่อนเธอจะรับสาย

    “อื้อ ฮโยมินอ่า” เสียงเล็กๆตอบกลับมา เธอเมมเบอร์ผมไว้ด้วยชื่อฮโยมินวงทีอาร่าครับ และก็จะรับโทรศัพท์แบบนี้เวลาอยู่ต่อหน้าผู้จัดการหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ =__=;

    “ซันนี่ บอกพี่มาว่าไอ้รายการชองชุนบุลแพนี่มันอะไร!

    “ใจเย็นๆสิ ฉันทำอะไรเมื่อไหร่?” น้ำเสียงดี๊ด๊าน่าหมั่นไส้นั่นยิ่งทำผมเดือดปุดๆ

    “เราเคยคุยกันไว้แล้วนี่ว่าจะไม่มีเลิฟไลน์อีก ตั้งแต่รันนิ่งแมนกับซงจุงกิ ตั้งแต่ชองชุนบุลแพซีซั่นแรกกับซนโฮยอง ตั้งแต่ ตั้งแต่... ตั้งแต่เธอบอกว่าเธอรักพี่!

    “ขี้ตู่จังเลยนะ ฮโยมิน เธอยังเคยบอกอยู่เลยว่าชอบสไตล์การแรปของฮเยริม ^^~

    ผมงงกับคำพูดเธอไปพักหนึ่งแล้วก็นึกขึ้นได้ เธอหมายถึงฮเยริม--เลิฟไลน์ระหว่างผมกับมักเน่วงวันเดอร์ เกิร์ล รายการคัมทูเพลย์เมื่อปีมะโว้นั่น! ไอ้เลิฟไลน์ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่แตะปลายผม! แต่นี่ซันนี่ทั้งจับมือ ควงแขน ป้อนอาหารให้กัน มันเหมือนกันซะที่ไหนเล่า!!!

    ผมยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรเลย เธอก็ตัดบทขึ้นมาซะก่อน

    “ไว้คุยกันต่อวันหลังแล้วกันนะ ฉันต้องไปทำงานต่อแล้ว บายฮโยมินนี่~

    ซันนี่วางสายใส่ผม! เฮ้ย!!!

    เฮ้ยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!

    แม่ว้อยยยยย!! หงุดหงิด โกรธ พาล รมณ์เสีย -*-

    “เฮ้ย! คยูฮยอน! อย่านะเฟ่ย นั่นผลิตภัณฑ์ของสตีฟ จ็อบส์ อย่านะเว่ยไอ้น้อง” พี่อึนฮยอกร้องเสียงหลง แล้วกว่าผมจะรู้ตัว ไอโฟนสุดที่รักก็เกือบโดนเขวี้ยงไปปะทะฝาห้อง

    อิทธิพลจากอีซุนคยูแท้ๆ!

    “ฮึ่ย!” ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิดแล้วขยี้หัวตัวเองแรงๆ

    ได้... เล่นงี้ใช่มั้ย อีซุนคยู...

    เกมมันไม่จบง่ายๆแค่นี้หรอกน่า!

     

     

    ตาบ้านั่นต้องโกรธฉันชัวร์ป้าบ เจอแบบนั้นไปไม่โกรธยังไงไหวล่ะ

    ฮึ! ช่วยไม่ได้ ก็อยากมาหาเรื่องกันก่อนนี่นา...

    “เป็นอะไรไป ซันนี่ ถอนหายใจใหญ่แล้วนะ” แทยอนเงยหน้าขึ้นมาถามฉันระหว่างที่เรากำลังกินข้าวกันอยู่ ใช่ สำหรับคนอื่นน่ะเป็นการกินข้าว แต่สำหรับฉันน่ะ แค่นั่งเขี่ยถั่วงอกเล่น

    “ตอบหน่อยซิ พี่คยูฮยอนไม่ดีตรงไหน”

    คำถามของฟานี่เล่นเอาฉันอึ้งกิมกี่ ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

    “ก็ไม่ได้ไม่ดีตรงไหน”

    “แล้วทำไมเธอถึงได้ไม่อยากให้เค้าเปิดเผยว่าคบกันอยู่”

    “ถ้าเป็นเธอเธอกล้ารึไง?” ฉันสวนกลับ แต่เจสสิก้ากลับทิ้งตัวลงนั่งข้างฉันอีกฝั่ง

    “ก็ไม่ได้กล้าไปมากกว่าเธอหรอก แต่ไอ้สิ่งที่เธอทำอยู่น่ะมันเรียกว่าเข้าขั้นวิตกจริตแล้วย่ะ มีอย่างที่ไหน เมมชื่อแฟนเป็นฮโยมินวงทีอาร่า”

    อ้าวแหม... ใครๆก็รู้ว่าฉันกับฮโยมินสนิทกัน จะโทรหากันบ่อยก็ไม่แปลก มุกนี้ออกจะเนียน

    “เหรอ ฉันวิตกจริต ในขณะที่เธอชวนแฟนไปกินข้าวแล้วโกหกออกรายการหน้าตาเฉยว่าไม่มีอะไรในกอไผ่เนี่ยนะ?”

    “จริงๆฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธร้อยเปอร์เซ็นต์ซักหน่อย แค่บอกว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังเพราะเราบริสุทธิ์ใจ แล้วก็บอกว่าฉันสนิทกับเขาเหมือนพี่ชายคนนึง” เจสสิก้าแลบลิ้นใส่ฉัน ฮึ! พี่แทคยอนสนิทกับพวกเราก็เพราะเป็นแฟนเจสสิก้าเนี่ยแหละ!

    “ประเด็นคือ สิก้ากับพี่แทคยอนไม่ได้ปิดบังอะไร แต่ถ้าใครมาถามก็ตอบว่าไม่แค่นั้น เทียบกับสิ่งที่เธอทำกับพี่คยูฮยอนเนี่ย ถ้าฉันเป็นพี่เค้าฉันน้อยใจนะ เธอปิดบังซะยิ่งกว่าชู้อีก” ทิฟฟานี่สวดฉันยกใหญ่

    “เธอไม่เห็นรึไงว่าปริมาณแอนตี้แฟนล้มหลามมากแค่ไหน แล้วคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราประกาศออกไปว่าคบกัน ฉันว่าพวกเราโดนบอยคอตแน่”

    “คิดมากน่า ตอนฮาราเปิดตัวว่ามีแฟนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรสักหน่อย” แทยอนก็ช่วยยุเข้าด้วยอีกคน เจริญจริงๆ เพื่อนพวกนี้มีใครเข้าใจความเจ็บช้ำของซันนี่บ้างมั้ย T^T

    “ไม่รู้ล่ะ ฉันจะหนีให้ถึงที่สุด ไม่ยอมโดนแฉง่ายๆหรอก” ฉันพูดพร้อมกับตบโต๊ะ ตั้งปณิธานแน่วแน่

    “แต่ก่อนจะทำงั้นช่วยไปง้อแฟนเธอก่อนน่ะ พี่ทึกกี้ส่งข้อความมาหาฉันว่าที่รักเธอจะอาละวาดพังหอเอสเจอยู่แล้ว” เจสสิก้าจิ้มโทรศัพท์ในมือเปิดข้อความให้ดูเป็นหลักฐาน

    งานงอกเว้ยเฮ้ย =__=

    ฉันถอนหายใจ คว้าเกมดีเอสแล้วลุกจากโต๊ะกินข้าวเดินเข้าห้องนอนไปเงียบๆ

    ฉันทำเกินไปจริงๆเหรอ? ที่ทำเนี่ยเพราะรักต่างหาก

    ทำไมโจคยูฮยอนไม่เข้าใจฉันเอาซะเลยนะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×