คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : SINGIN' IN THE RAIN | 3
ผมเองบางครั้งก็อยากจะไปดูหนังกับแฟน อยากพาเธอไปทานข้าว
อยากไปเดทที่โรแมนติคหรือทำให้เธอมีความสุขเหมือนคนธรรมดาบ้าง
“เหนื่อยมั้ยเรา?” ผมถามเจ้าเด็กไฮเปอร์ มักเน่ในบรรดาเหล่าแคสติ้งที่กระโดดหยองแหยงไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้ นี่พูดเลยนะครับว่าแท๊ปแดนซ์เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกก เหนื่อยรากเลือด กระโดดกันปอดหลุด แบคฮยอนจากที่ผมว่าผอมแล้ว กลับมาซ้อมเจอกันทีไร เจ้าเด็กนี่ยิ่งโกรกลงเรื่อยๆ ในขณะที่ผมโดนซันนี่เหน็บว่าอ้วนจนจะเป็นหมูอยู่แล้ว
“ผมไม่ได้ซ้อมบ่อยๆ กลัวทำได้ไม่ดีฮะ” ผมมองเจ้าลูกหมายิ้มกว้างอย่างสดใส แล้วก็ทำท่าจะซ้อมเต้นต่อจนผมต้องจับบ่าเขาไว้
“พักบ้างเถอะ ถ้าป่วยขึ้นมาจะดูแลคนอื่นได้ยังไง”
ผมหลุดปากออกไปแล้วแบคฮยอนก็เงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ชิบหายละ! น้องไม่รู้นี่หว่าว่าผมรู้!
“เอ่อ...หมายถึง... เมมเบอร์กับแฟนคลับไง” ดีครับว่าผมฉลาดเลยหาทางแก้เกมทัน แบคฮยอนยิ้มกว้างแล้วตอบกลับมา
“ถ้ายังงั้นผมก็ยิ่งต้องพยายามมากขึ้นสิครับ พวกเขาจะได้ไม่ผิดหวังในตัวผม”
ผมพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งมองน้องซ้อมต่อไปอย่างนั้น คือจริงๆ แล้วผมรู้เลยว่าทำไมแทยอนถึงได้รักเจ้าเด็กนี่ เพราะบยอนแบคฮยอนน่ารัก เขาเป็นตัวสร้างเสียงหัวเราะเสมอ เขาใจดีและมีสเน่ห์ในแบบที่สามารถจับหัวใจทุกคนได้อยู่หมัดเพียงแค่รอยยิ้มแรก...
แต่สเน่ห์อันร้ายกาจของเขานี่แหละที่เป็นดาบสองคม ด้วยรอยยิ้มน่ารักเละความสามารถรอบด้าน เขาทำให้แฟนคลับตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น และความรักของแฟนคลับก็อาจทำร้ายเขาได้... ถ้าเกิดเรื่องที่น้องคบกับแทยอนหลุดออกไป...ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงผมดังขึ้น ผมเดินหลบฉากออกไปก่อนจะกดรับ
“ว่าไงครับพี่?”
“นี่เมมเบอร์ฉันเป็นชื่อผู้จัดการอีกแล้วใช่มั้ยห๊ะ? โจคยูฮยอน” เสียงเล็กๆของซันนี่แหวมาตามสาย ผมกลั้นยิ้มแล้วเดินลงมานั่งข้างๆพี่เจย์ที่เม้าอะไรกับพี่ซูจินอยู่ไม่รู้
“มั่วนิ่ม พี่มารับผมป่ะเนี่ยวันนี้”
“...ก็ว่างอยู่หรอกนะ”
“งั้นอีกชั่วโมงนึงผมไปหาแล้วกัน ตอนนี้ซ้อมแทปแดนซ์อยู่”
“ค่ะ ฉันอยู่หอนะ ไว้เจอกัน คยูของซัน~”
เที่ยงคืนกว่า ผมขับรถไปรับซันนี่ที่หอ ยัยนั่นยังคงคอนเซปต์พรางตัวสุดฤทธิ์ไม่เปลี่ยน คาร์เดทนี่ที่แต่ก่อนชวนแล้วไม่ไปเพราะกลัวโดนช่างภาพส่องนะครับ ผมต้องไปเปลี่ยนฟิล์มเป็นดำสุดๆ ยัยนั่นถึงจะยอมขึ้น
“ไง เคธี่” ผมเอ่ยทักซันนี่ด้วยชื่อตัวละคร
“สวัสดีค่ะ ดอน” แน่ะ รับมุกซะด้วย
เราสองคนหัวเราะขึ้นพร้อมกันก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปทางริมแม่น้ำฮัน เวลากลางดึกอย่างนี้ไม่ค่อยมีคนครับ อีกอย่าง ผมไม่ใช่ไอดอลวัยรุ่นถึงจะได้มีซาแซงตามเยอะแยะ แต่บอกเลยว่าผมสบายใจกว่าแต่ก่อนเยอะ สามารถหายใจหายคอได้สะดวกขึ้นน่ะครับ ไม่ต้องทนอึดอัดกับสายตาที่จับจ้องอยู่ตลอด
"นั่งเงียบเชียว มีอะไรรึเปล่า?" ผมเอ่ยทักซันนี่ที่วันนี้ดูเงียบจนผิดปกติ
"โคตรสังหรณ์ใจไม่ดีเลย บอกไม่ถูกอ่ะ" ยัยตัวยุ่งของผมทำท่าเบะปากซะน่ารักจนผมอดหัวเราะไม่ได้
"อะไร? เรื่องแทยอนเหรอ?"
"อื้ม... แทยอนติดน้องมากเลยน่ะ พักนี้"
"แหงล่ะ เพิ่งคบกันได้สามสี่เดือนมันก็เป็นธรรมดา แล้วตอนคบกันใหม่ๆ พวกเธอก็คัมแบ๊ค แทบไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย แล้วไหนจะปัญหาในวงของน้องอีก แทยอนคงห่วงน้องมาก ถ้าเป็นพี่พี่ก็อยากให้กำลังใจนะ"
"ตอนเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับพี่เรายังไม่ได้คบกันเลยนี่นา" ฉันเปรยขึ้นมา หันไปมองคนข้างๆที่กำลังตั้งใจขับรถ
"อืม พี่ถึงว่าแบคฮยอนโชคดี เคสของน้องหนักกว่าที่พี่เจอ แต่ก็เพราะมีแทยอน น้องเลยเข้มแข็งได้ ดีแล้วล่ะที่สองคนนั้นคบกัน"
"เฮอะ ฉันไม่เห็นว่ามันจะดีเท่าไหร่เลย คิดดูสิว่าถ้าเรื่องคบกันแดงออกไป แฟนคลับของน้องต้องหัวใจสลายแน่ๆ เรื่องนั้น แล้วก็ยังมาเรื่องนี้อีก"
"จะกังวลอะไรมากมาย เราคบกันมาจะสี่ปีแล้วยังไม่มีใครรู้เลยเห็นมั้ย?"
"เหรอ... แล้วคราวที่แล้วล่ะเกิดอะไรขึ้น?" ซันนี่มองผมตาขวางอย่างหาเรื่อง
"เอาน่า ถึงมีข่าว ปฏิเสธไปก็จบ เจสสิก้าก็ยังทำเลย แล้วยิ่งค่ายเดียวกันนะ ตอบไปแค่ว่าสนิทกันแบบพี่น้องก็พอแล้ว แฟนคลับน่ะ ยังไงก็ยังอยากจะเชื่อว่าเราโสดอยู่ดีนั่นแหละ"
ผมตอบพลางวนรถเข้าไปจอดใต้ต้นไม้แล้วหันหน้ามาหาซันนี่ที่ยังคงขมวดคิ้วมุ่น นึกดีใจที่เราสองคนยังอยู่เคียงข้างกันแบบนี้เรื่อยมา ชีวิตไอดอลมันน่าเศร้ากว่าที่ทุกคนคิดนะครับ ผมเองบางครั้งก็อยากจะไปดูหนังกับแฟน อยากพาเธอไปทานข้าว อยากไปเดทที่โรแมนติคหรือทำให้เธอมีความสุขเหมือนคนธรรมดาบ้าง แต่เพราะเราสองคนเป็นไอดอล และเราสองคนต้องแบกรับความรักมากมายจากแฟนคลับเอาไว้ เราถึงไม่สามารถทำอะไรได้ หลายๆ คู่ที่คบกันไม่สามารถทนความอึดอัดตรงนี้ได้จนต้องเลิกรากันไปทั้งๆที่ยังรักกันอยู่ ผมหวังว่าน้องชายและน้องสาวที่น่ารักของผมจะฝ่าฟันมันมาได้เหมือนผมกับซันนี่ น้องๆ คนอื่นในโซนยอชีแดก็ด้วย ผมหวังว่าพวกเธอจะมีความรักไปนานๆ และได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
ตอนนี้ทางค่ายไม่ได้เข้มงวดเรื่องการคบกันเหมือนช่วงผมเดบิวท์แรกๆ แล้วครับ ไม่ใช่ว่าปล่อยเลยซะทีเดียว แต่พวกพี่ๆผู้จัดการและทีมงานต่างก็รู้ดีว่าเรื่องความรักนี่มันห้ามกันไม่ได้ ถ้าผมเลือกได้ ผมเองก็ไม่อยากจะรักซันนี่ที่เป็นไอดอลด้วยกันหรอก พี่ๆและท่านประธานที่รู้เรื่องเราสองคนหลังจากเป็นข่าวเมื่อรอบที่แล้วก็เตือนให้ผมระวังตัวมากๆ อย่าให้โดนปาปารัสซี่แอบถ่าย เป็นไปได้ก็อย่าไปเดทที่ไหนนอกจากในตึก ในห้องซ้อม แล้วก็อย่าทำอะไรที่มันเสื่อมเสีย เพราะหน้าที่ของไอดอลคือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ
"คิดอะไรอยู่ เงียบเชียว?" ซันนี่ย้อนถามผมด้วยประโยคเดียวกับที่ผมถามเธอก่อนหน้านี้
"คิดเรื่องละครน่ะ มีฉากนึงที่ยังไม่ได้ซ้อมเลย"
"หือ? ฉากไหน?"
"ฉากจูบ"
"ตลก!" ซันนี่ถลึงตาใส่ผมแล้วตีแขนดังเพี๊ยะจนผมอดหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้ นานๆ ทีจะเห็นยัยแสบนี่เขิน เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็ง เกรียนกลับใส่ผมตลอดเวลา ไม่มีซะละ มุกอ้อนแบบแต่ก่อนเนี่ย แต่ต่อให้ซันนี่เป็นแบบไหนผมก็ยังรักเธออยู่ดี
"ไม่ตลกนะเนี่ย จริงจังเห็นๆ เรื่องงานด้วย"
"อะไร ตอนพี่เล่นกับพี่ซูจินกับพี่จินอึยก็เห็นจูบแค่หลังมือ พี่เจย์เล่นกับฉันก็แค่จูบหน้าผากเอง"
"ลองไอ้พี่เจย์จูบจริงดิ โดนเตะตูดแน่ พี่ก็พี่เหอะ" ซันนี่ฟาดป้าบเข้ามาให้อีกทีที่แขน เดี๋ยวนี้เขินแล้วทำร้ายร่างกายเหรอ
"ตีพี่ได้ไง เธอเป็นรุ่นน้องนะ เดบิวท์มาทีหลังนะ มาให้เอาคืนซะดีๆเลย! นี่แน่ะ!" ผมดึงซันนี่เข้ามาในอ้อมกอดแล้วก็หอมแก้มยุ้ยๆ ซ้ายทีขวาทีอย่างหมั่นเขี้ยว อยากจะกัดจริงๆ เลยให้ตาย แฟนใครไม่รู้ น่ารักเป็นบ้า ซันนี่หัวเราะเสียงแหลม พยายามจะแกะมือผมออกแต่สุดท้ายแล้วเธอก็เอื้อมมือกอดตอบผมโยกตัวไปมาเหมือนกำลังกล่อมเด็กน้อย
"ฉันรักพี่นะคะ..."
"อืม พี่รู้ พี่ก็รักเธอ"
เราสองคนสบตากัน แล้วก็โดยที่ไม่ต้องมีเสียงสายฝนหรือดนตรีใดๆประกอบ ใบหน้าของเราก็เคลื่อนเข้าหากันช้าๆ
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับละคร ซ้อมบทหรือการแสดง
ผมก็แค่อยากจูบคนที่ผมรักก็เท่านั้นเอง
ความคิดเห็น