ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] Feminine Club : คลับลับฉบับสาวๆ!

    ลำดับตอนที่ #11 : Profile No. 9 : ซันนี่

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 54


    GUESTS INTRODUCTION
         
    Sungmin Super Junior  | Gain B.E.G.  | Seulong 2AM  Ahyoung Dal Shabet 

    Profile No.9 : ซันนี่


    ตำแหน่งในคลับ : เหรัญญิกคลับ

    อายุ : 17 ปี (ม.ปลาย ปี 2)

    โรงเรียน : ร.ร.สตรีโซฮวา

    ชื่อจริง : อีซุนคยู


                    “เราเลิกกันเถอะ”

                    “คะ? พี่ซึลองว่าอะไรนะคะ?”

                    “เราเลิกกันเถอะ ซันนี่”

                    “...ทำไมล่ะคะ?...”

                    “พี่อึดอัดเวลาที่อยู่กับเธอ เพราะเธอน่ารักเกินไป ทำให้พี่รู้สึกเหมือนคบกับเด็กที่ไม่เคยโตเลย... ขอโทษนะ ซันนี่”

                    ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉันลุกไปแล้ว ทิ้งฉันไว้กับแก้วกาแฟที่เย็นชืดและหัวใจที่ปวดร้าว

                    ฉันโดนบอกเลิกแบบนี้มาเป็นครั้งที่สามแล้ว...

     

     

                    “เฮ้อ~

                    ฉันถอนหายใจออกมาดังๆก่อนมองตึกสูงเสียดฟ้าที่อยู่ตรงหน้า...

    ตึกของสถานีเมลอนที่ฉันจะต้องมาทำงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

    คุณลุงนี่นะ ไม่เห็นใจหลานสาวบ้างเลย คนเพิ่งจะอกหักมาแท้ๆกลับโยนงานมาให้ทำซะได้

    “หางานทำจะได้ไม่คิดมาก ไม่เหงา ไม่เศร้าไงล่ะ” นั่นล่ะ คุณลุงอีซูมานของฉันว่าไว้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซันนี่คนนี้ตั้งใจว่าจะไม่มีความรักอีกแล้วล่ะค่ะ!

    คิดดูสิ ที่ผ่านมาฉันมีแฟนมาสามคน ทั้งสามคนต่างบอกว่าฉันน่ารักเกินไป...

    น่ารักแล้วมันผิดตรงไหนล่ะ? กับแค่แอ๊บแบ๊วสองสามทีทำให้ฉันดูเป็นเด็กไม่รู้จักโตรึยังไง?

    ชิ ผู้ชายก็ยังงี้ทั้งนั้นแหละ... ใช้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นข้ออ้างบอกเลิก

    เฮ้อ...

    ฉันเดินเข้าไปในตึกอย่างคนซังกะตาย ต้องไปติดต่องานที่ชั้นสิบห้า ซึ่งเป็นห้องอัดรายการวิทยุ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉันจะทำหน้าที่ผู้ช่วยเขียนสคริปต์ให้กับรายการวิทยุที่ชื่อชอนจิค่ะ รายการนี้ออนแอร์ช่วงสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน นั่นหมายความว่าฉันที่ยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ต้องทำงานหนักมากๆ เลยล่ะ T^T

    และแล้ว ฉันก็เห็นป้ายคัทเอาท์รายการอันใหญ่เบ้อเริ่มเลยล่ะค่ะ อา... ก่อนอื่นต้องเข้าไปทักทายโปรดิวเซอร์ซะก่อน อ๊ะ! คนนั้นไง

    “สวัสดีค่ะ โปรดิวเซอร์คิมใช่ไหมคะ? ฉันเป็นเด็กฝึกงานที่มาจากบริษัท SM น่ะค่ะ”

    “อ๋อ อีซุนคยู ใช่ไหม?” ฉันพยักหน้า นั่นเป็นชื่อจริงของฉันเองล่ะค่ะ ปกติแล้วเพื่อนสนิทที่โรงเรียนกับที่กลุ่มเอฟคลับทุกคนจะชอบเรียกฉันว่าซันนี่มากกว่า ชื่อนี้คุณลุงตั้งให้ฉันเองแล้วฉันก็ชอบชื่อนี้มากๆด้วย ทุกคนบอกว่าฉันคือพระอาทิตย์ที่สดใสและส่องประกาย ไม่มีชื่อไหนเหมาะกับฉันไปมากกว่านี้อีกแล้ว

    “ตำแหน่งผู้ช่วยเขียนสคริปท์สินะ?”

    “ค่ะ”

    “เดี๋ยวเธอเริ่มงานอาทิตย์หน้า ตอนนี้ก็มารู้จักทีมงานไปพลางๆก่อนแล้วกันนะ” ว่าแล้วโปรดิวเซอร์คิมก็พาฉันเดินไปรอบๆ แนะนำให้ฉันรู้จักทีมงานทุกคน ก่อนจะทิ้งให้ฉันอยู่กับพี่ปาร์คมีจิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนเขียนสคริปต์ ฉันต้องทำงานกับคนนี้แหละค่ะ

    “วันนี้ยังไม่ต้องทำอะไรแล้วกันนะ ลองนั่งดูไปก่อนว่าระบบงานที่นี่เป็นยังไง จะได้คุ้น” พี่มีจินพูดพลางยิ้มหวาน ฉันได้แต่พยักหน้าตอบแล้วส่งยิ้มกว้างกลับไป พยายามจดข้อมูล รายละเอียดและชื่อทีมงานทั้งหมดลงในสมุด หวา~ ท่าทางงานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดแฮะ

    “อีกครึ่งชั่วโมงออนแอร์ ซองมินยังไม่มาอีกเหรอ?” โปรดิวเซอร์ถามขึ้นมา พอดีกับที่ประตูห้องอัดเหวี่ยงเปิดออก

    ผู้ชายคนหนึ่ง... ผู้ชายที่น่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นปรากฏตัวขึ้น เขาเดินเข้ามา ใบหน้าเต็มใบด้วยเหงื่อ หมวกไหมพรมสีชมพูเข้มสวมทับเส้นผมสีดำที่โผล่พ้นออกมา ดวงตากลมโตของเขามีแววตกใจขณะที่ยังคงหายใจหอบ

    “ขอโทษนะครับ พอดีวันนี้มีรถชนแถวคังนัม รถเลยติดไปหมด ผมต้องลงจากแท็กซี่ตรงสี่แยกแล้ววิ่งมาถึงนี่...”

    “ตายแล้ว ท่าทางจะเหนื่อยล่ะสิ พักก่อนเถอะนะ” พี่มีจินเดินเข้าไปตบหลังเขา ในขณะที่โปรดิวเซอร์แสดงท่าทางเอ็นดูออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    “ไม่เป็นไรหรอกซองมิน มีเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงให้เตรียมตัวนะ”

    “ครับ” เขายิ้มออกมา ให้ตาย... ผู้ชายอะไรน่ารักชะมัดเลย! ถ้าหมอนี่แอ๊บแบ๊ว เผลอๆคงจะน่ารักกว่าฉันซะอีกล่ะมั้ง

                    “อ้อ! ซองมิน มารู้จักเด็กใหม่ก่อนสิ ผู้ช่วยเขียนสคริปต์น่ะ” พี่มีจินดึงตัวผู้ชายคนนั้นเข้ามาหาฉัน

                    “สวัสดีค่ะ ฉันอีซุนคยูค่ะ” ฉันรีบลุกขึ้นแล้วโค้งอย่างรวดเร็วทำให้สมุดโน้ตที่วางอยู่บนตักหล่นลงมา ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่าเขาก้มลงไปเก็บมันให้ เขาเลิกคิ้วมองชื่อฉันที่อยู่บนหน้าปก

                    “ซันนี่?”

                    “เอ่อ... นั่นเป็นชื่อที่เพื่อนๆในกลุ่มของฉันเรียกน่ะค่ะ”

                    “น่ารักดีนี่นา เหมาะกับเธอมากกว่าชื่อซุนคยูตั้งเยอะ ฉันซองมิน เป็นดีเจของรายการนี้ เรียกว่าพี่ซองมินเฉยๆก็ได้” พี่ซองมินยิ้มกว้างจนหัวใจฉันแทบหยุดเต้น...ซองมิน... อีซองมิน...

                    ก็ไหนฉันเพิ่งสาบานกับตัวเองไว้ไงว่าจะไม่ตกหลุมรักใครอีกแล้วไง!

     

     

                “อีซองมินเหรอ?” ยุนอาทำตาโตทันทีที่ฉันเล่าเรื่องของพี่ซองมินให้ฟัง จนตอนนี้ฉันไปทำงานที่เมลอนได้อาทิตย์นึงแล้วล่ะค่ะ แถมยังสนิทสนมกับพี่ซองมินดีด้วย ไม่อยากจะบอกว่าพี่เค้ารสนิยมเหมือนฉันเกือบทุกอย่าง ทั้งเรื่องชอบของกุ๊กกิ๊ก สไตล์การฟังเพลง หนังสือที่อ่าน หรือแม้กระทั่งสี คิดดูสิมีผู้ชายที่ไหนชอบสีชมพูบ้าง!

                    “เธอก็รู้จักเค้าใช่มั้ยยุนอา” ฟานี่หันไปถามอย่างกระตือรือร้น แหม...ฟ้องพี่ฮยอนจุงดีมั้ยนะ?

                    “รู้จักสิคะ ฉันเคยไปถ่ายโฆษณากับพี่เค้าครั้งนึง เค้าเป็นดีเจที่ป๊อปสุดๆตอนนี้เลยล่ะ สนิทกับพวกวงปรินซ์มากด้วย”

                    “แปลกจัง ถ้าอย่างนั้นพี่ก็น่าจะรู้จักนะ” ฉันขมวดคิ้วเอามือเท้าคาง เป็นไปได้ยังไงที่หลานสาวประธานค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเกาหลีอย่างฉัน จะไม่รู้จักไอดอลที่สาวๆกำลังกรี๊ดกร๊าด แถมยังเป็นไอดอลในสังกัดตัวเองซะด้วย...

                    “แหม ก็ช่วงอีซองมินจัดรายการแรกๆ เธอเอาแต่สนใจพี่ซึลองนี่นา ซันนี่” ซูยองหันมาพูดยิ้มๆ ใช่สิ... สาวๆของฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันเพิ่งโดนบอกเลิกมา...

                    “ช่างเถอะ ฉันไปทำงานก่อนดีกว่า” ฉันปิดประเด็นแล้วลุกขึ้นยืน รีบเดินออกจากห้องประชุมคลับอย่างรวดเร็ว

                    โชคดีที่คอนโดฐานทัพของเอฟคลับอยู่แถวๆถนนคังนัม นอกจากมันจะอยู่ตรงกลางระหว่างโรงเรียนของพวกเราทั้งเก้าคนแล้ว มันยังใกล้กับที่ทำงานของฉันมากๆเลยด้วยล่ะค่ะ ฉันตัดสินใจเดินไป ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีเท่านั้นเอง ถ้านั่งรถไปล่ะก็เจอรถติดก็ค่าเท่ากันอยู่ดีนั่นแหละ

                    “สวัสดีค่ะ” ฉันก้าวเข้าไปในห้องอัดก่อนจะพบว่าพี่ๆทีมงานทุกคนตอนนี้ทำหน้าตาเคร่งเครียดกันหมด

                    “มีอะไรกันเหรอคะ?” ฉันหันไปถามพี่โปรดิวเซอร์ที่ยกมือขึ้นนวดขมับ

                    “ซองมินประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลท่าทางจะมาจัดรายการไม่ได้น่ะสิ”

                    “แล้วพี่เค้าเป็นอะไรมากมั้ยคะ” ฉันรีบถาม ทำไมพักนี้คนรอบๆตัวฉันถึงได้เข้าโรงพยาบาลบ่อยนักนะ

                    “หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ว่าบาดเจ็บที่ขาน่ะจ้ะ ที่แย่น่ะคือทางเราต่างหาก มารู้กะทันหันแบบนี้จะหาใครมาเป็นดีเจแทนล่ะ” พี่สตาฟฟ์อีกคนหันมาอธิบาย

                    “ก็ต้องเป็นคนที่รู้สคริปต์มาแล้วน่ะสิ มีจินอยู่ไหน” พี่โปรดิวเซอร์มองไปรอบๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว

                    “โปรดิวเซอร์ครับ วันนี้มีจินป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ โทรมาลางานตั้งแต่เช้าแล้วนะครับ”

                    “ให้มันได้ยังงี้สิ” เขาเอามือตบหน้าผากก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

                    “แล้วจะเอาใครมาเป็นดีเจล่ะทีนี้” พอพี่โปรดิวเซอร์พูดจบทุกสายตาก็หันมามองฉันทันที

                    ซวยแล้วไง...ซันนี่!

     

     

                “...สวัสดีค่ะ แฟนๆ เมลอนทุกคน ฉันดีเจซันนี่ วันนี้มารับหน้าที่แทนดีเจซองมินชั่วคราวเพราะเกิดเหตุขัดข้องนิดหน่อย ยังไงก็ขอฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ...” เสียงใสๆ ของซันนี่ดังขึ้นมา ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ

                    ซันนี่ อีซุนคยูคนนั้นน่ะเหรอ?

                    เสียงใสๆของเธอยังคงพูดต่อไป มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว แต่ทุกครั้งที่เสียงหวานๆของเธอพูดขึ้นมา ผมก็จะนึกถึงรอยยิ้มของเธอที่สดใสและอบอุ่นเหมือนกับดวงอาทิตย์ เหมือนกับชื่อของเธอ

                    แล้วผมก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว...

                    “ซองมิน ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ” พี่เจ้าหน้าที่เทคนิคคนหนึ่งเปิดประตูห้องออกอากาศออกมาเจอหน้าผม ผมรีบยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากเป็นเชิงให้เขาเงียบ

                    “ไม่ต้องบอกใครนะครับว่าเจอผม พอดีผมรถล้มนิดหน่อยเย็บสี่ห้าเข็มเท่านั้นเอง ปล่อยซันนี่จัดรายการต่อไปเถอะครับ” ผมบอกก่อนจะส่งยิ้มกว้าง พี่เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับแล้วผมก็เดินกะโผลกกะเผลกหาที่นั่งให้ตัวเอง มือก็หยิบเอาไอพอดออกมาเสียบหู เปิดคลื่นรายการวิทยุของเมลอนเพื่อฟังเสียงดีเจเฉพาะกิจคนนี้

                    สองชั่วโมงสำหรับรายการของซันนี่ถือว่าไม่เลวเลย เธอทั้งสดใส ขี้เล่น และเป็นกันเองกับผู้ฟัง แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มีไหวพริบสูง และควบคุมสติได้ดีมาก จนผมเองอดทึ่งไม่ได้

                    รายการจบไปซักพักแล้ว แต่ผมยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น คิดอยากให้เธอจัดต่ออีกสักสองชั่วโมง

                    กว่าผมจะรู้ตัว ดีเจคนเก่งก็มายืนตาโตอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

                    “พี่ซองมิน!” ซันนี่พูดเสียงสูงทำสีหน้าประหลาดใจ น่ารักแฮะ...

                    “ว่าไง ดีเจซันนี่” ผมยิ้มกว้างให้เธอก่อนจะยกนิ้วโป้งให้

                    “ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ? ไหนมีคนบอกว่าพี่ขาเจ็บ”

                    ผมดึงขากางเกงขึ้นมาเหนือเข่าให้เธอเห็นรอยเย็บแผลแทนคำตอบ ซันนี่ถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผม

                    “เจ็บมากไหมคะ?” ไม่รู้เพราะอะไร แต่สายตาที่เธอมองผมด้วยความเป็นห่วงชักทำให้ผมใจเต้นประหลาดๆ... ทำไมผมเพิ่งสังเกตนะว่าซันนี่เองก็มีมุมแบบนี้ด้วย ดูอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ

                    “กลับกันเถอะ” ผมบอกเธอแล้วรีบลุกขึ้นยืน แต่เพราะลืมไปว่าขาเจ็บผมก็เลยโงนเงนนิดหน่อย... หรืออาจจะล้มไปแล้วถ้าไม่มีมือเล็กๆของซันนี่พยุงเอาไว้

                    “พี่มายังไงคะ? เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่ไปส่งพี่ดีกว่า”

                    “ไม่เป็นไร รถสกู๊ตเตอร์ของพี่จอดอยู่ข้างล่าง เดี๋ยวพี่ขี่กลับเอง--”

                    “พี่ขาเจ็บอยู่นะคะ! ฉันจะไปส่งพี่เองค่ะ” ซันนี่พูดเสียงเฉียบขาดจนผมไม่มีโอกาสเถียงเลยสักนิด ลงท้ายผมก็กลายมาเป็นผู้โดยสารของรถสกู๊ตเตอร์สีชมพู มีซันนี่เป็นคนขับพาไปส่งที่บ้าน

                    “ขี่เก่งเหมือนกันนี่นา” ผมออกปากชมเธอ

                    “เห็นยังงี้ฉันก็ผ่านอะไรมาหลายอย่างเหมือนกันนะคะ” เธอหัวเราะเสียงใสก่อนจะเลี้ยวเข้ามาจอดตรงใต้คอนโดที่ผมอยู่ ผมลงจากรถอย่างทุกลักทุเลในขณะที่เธอจัดการจอดรถให้ผมเรียบร้อย

                    “เดี๋ยวสิ แล้วนี่เธอจะกลับยังไง” ผมถามขึ้นมา

                    “คงจะเป็นแท็กซี่น่ะค่ะ”

                    “เอายังงี้ดีกว่า เอารถคันนี้ไป ยังไงพี่ก็คงขี่ไม่ได้อีกสักพัก จะได้ไม่เสียค่ารถด้วย” ผมยัดกุญแจรถใส่มือเธอก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคสวมกลับลงไปบนหัวของสาวน้อยตัวเล็ก เธอมีท่าทีอิดออดนิดหน่อย แต่ดูเหมือนเธอจะถูกใจเจ้าสกู๊ตเตอร์สีชมพูของผมอยู่เหมือนกัน ลงท้ายเธอก็ยอมขี่สกูตเตอร์ของผมกลับบ้าน

                    ผมขึ้นมาบนห้องพัก คิดทบทวนเรื่องของเด็กผู้หญิงคนเล็กๆที่เพิ่งโบกมือบ๊ายบายกันเมื่อครู่ วันนี้ผมเพิ่งเห็นว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่ความน่ารักในตัว เธอฉลาด ไหวพริบดี เป็นคนช่างเอาใจใส่ แถมยังลุยอย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆที่ตัวเล็กออกขนาดนั้น

                    ผมหยุดชะงักแล้วก็สะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไป

                    ก็ผมสาบานไว้แล้วว่าจะไม่ตกหลุมรักใครอีกนี่นา!

                    แต่ถ้าเป็นซันนี่ล่ะ?

                    ผู้หญิงที่น่ารักกว่าผมคนนี้จะทำลายคำสาปที่ผมโดนบอกเลิกด้วยคำว่า พี่น่ารักเกินไปได้รึเปล่านะ?

     

     

                “เห? เป็นดีเจเหรอคะ?” ฉันเบิกตากว้าง มองพี่โปรดิวเซอร์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

                    “ใช่แล้ว ซองมินเป็นคนเสนอเองเลยนะ” ฉันเหลือบไปมองเจ้าของความคิดที่ยังคงนั่งดีดกีตาร์ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้างหลัง แล้วจู่ๆเขาก็หันมาถามฉัน

                    “นี่ ซันนี่ วันนี้เรามาร้องเพลงคู่กันเถอะ”

                    “ด...เดี๋ยวสิคะ!

                    พี่ซองมินดูเหมือนจะไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิด เขาเดินมาจูงมือฉันให้ไปนั่งด้วยกันก่อนจะยกกีตาร์สีชมพูที่รักนักรักหนาขึ้นมา

                    “นี่ หลับตาก่อนสิ”

                    “เอ๋? ทำไมล่ะคะ?”

                    “เอาเถอะน่า” พี่ซองมินคะยั้นคะยอ แล้วก็เป็นเพราะฉันแพ้ความน่ารักของเขา ถึงได้ต้องหลับตาลงตามที่เขาสั่ง

                    “เอาล่ะ 1 2 3!

                    เสียงดีดนิ้วดังขึ้นพร้อมๆกับที่ฉันลืมตา ข้างหน้าฉันพวงกุญแจรูปพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งกำลังห้อยอยู่ ฉันยิ้มกว้างอย่างแปลกใจแล้วรับมันมา

                    “เห็นแล้วคิดถึงเธอคนแรกเลย ชอบมั้ย ^^

                    “น่ารักจังเลย~ ขอบคุณนะคะ” ฉันเก็บพวงกุญแจใส่กระเป๋า หัวใจเต้นแรงไม่หยุดเลย ทำยังไงดีล่ะ! นี่ฉันไม่ได้หน้าแดงใช่ไหม? ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่โชคดีชะมัดที่พี่มีจินเดินเข้ามาหาเราสองคนพอดี

                    “อ้อ ซองมิน ซันนี่ พี่ลืมบอกไปน่ะ วันนี้เรามีเกสต์ด้วยนะ” พี่มีจินหันมายิ้มหวานส่งให้ฉันอีกคน

                    “ใครครับ?”

                    “ซอนกาอินน่ะ”

                    “ใช่นักร้องคนที่กำลังดังอยู่รึเปล่าคะ?” ฉันหันไปถามพี่มีจินที่พยักหน้าก่อนจะส่งแฟ้มยัดใส่มือฉันมา พร้อมกับที่ซอนกาอินปรากฏตัวขึ้นมาพอดี หวาว~ นี่เป็นครั้งแรกนะคะที่ฉันเจอไอดอลตัวเป็นๆนอกจากยุนอา เธอน่ารักมากๆเลย ผมสั้น ตาโต ผิวขาว ตัวเล็กๆ ตายิ้มของพี่เค้าก็น่ารักมาก

                    “สวัสดีค่ะ กาอินค่ะ ขอโทษนะคะที่มาช้า” พี่เค้าทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มแล้วก็ตรงเข้ามาหาพวกเรา พอเห็นพี่ซองมินกับฉันพี่เค้าก็ทำตาเป็นประกาย

                    “ฉันฟังรายการของคุณมานานแล้วล่ะค่ะ ฉันเป็นแฟนคลับคุณนะ” พี่กาอินทักพี่ซองมินอย่างสนิทสนม

                    “ขอบคุณครับ ผมก็ติดตามผลงานคุณอยู่เหมือนกัน อ้อ! นี่ดีเจพาร์ทเนอร์ของผม ซันนี่ครับ” พี่ซองมินอยู่ๆก็โยนบทมาให้ฉันซะงั้น ฉันเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆส่งให้พี่กาอินที่ยิ้มตอบกลับมา

                    “ระหว่างออกอากาศถามได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความสูงนะคะ” พี่กาอินบอก แล้วก็นั่งลงตรงเก้าอี้ระหว่างฉันกับพี่ซองมิน

                    “อันที่จริงผมก็เป็นคนที่เตี้ยที่สุดในกลุ่มเพื่อนๆนะครับ” พี่ซองมินพูดขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ

                    “ฉันก็เหมือนกันค่ะ”

                    “งั้นเราสามคนก็มีจุดร่วมแล้วสินะคะเนี่ย” ซอนกาอินสรุป แล้วพวกเราก็หัวเราะกันใหญ่ ขนาดพี่ทีมงานยังหัวเราะเลย

                    เพราะพี่กาอิน ฉันก็เลยค่อยคลายความตื่นเต้นลงไปได้บ้าง พวกเราจัดรายการได้อย่างราบรื่นและสนุกสนานจนกระทั่งครบสองชั่วโมง ในที่สุดหน้าที่ของฉันก็เสร็จสิ้นค่ะ เย้!

                    “ไม่เลวเลยนะซันนี่” พี่โปรดิวเซอร์คิมหันมายิ้มกว้างให้ฉัน “มีแฟนๆรายการเข้ามาโพสต์ข้อความต้อนรับเธอเต็มเว็บบอร์ดเลย”

                    “จริงเหรอครับ” พี่ซองมินดูจะเป็นคนที่ตื่นเต้นมากกว่าฉันซะอีก แล้วเราสองคนก็กรูเข้าไปดูที่คอมพิวเตอร์ หวา~ จริงๆด้วยล่ะค่ะ มีคนเข้ามาโพสต์ข้อความถึงฉันเต็มไปหมดเลย ดีใจจัง

                    “แหม น่าอิจฉาจังเลยนะเนี่ย” พี่กาอินเดินเข้ามาโอบฉัน

                    “ไม่หรอกค่ะ เพราะได้พี่กาอินกับพี่ซองมินมาช่วย ไม่งั้นฉันก็คงแย่”

                    “จะว่าไปพวกเธอสามคนก็เข้ากันได้ดีนะ กาอินสนใจมาเป็นเกสต์หลักไหมล่ะ?”

                    “คะ?” พี่กาอินหันไปมองหน้าพี่โปรดิวเซอร์

                    “มาเป็นเกสต์หลักอาทิตย์ละสองวันก็ได้ ถ้างานเธอไม่ยุ่งมากนัก”

                    “ได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกกับพี่ผู้จัดการเอง ^^” เธอยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้ามากอดฉัน “ซันนี่ หิวน้ำจัง ไปกดน้ำเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ” ฉันยังไม่ทันตอบตกลงก็โดนกึ่งลากกึ่งจูงให้ออกมาจากห้องอัดซะแล้ว

                    ไม่รู้ฉันคิดไปเองรึเปล่า แต่พอเราสองคนเดินออกมาข้างนอก บรรยากาศก็กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จู่ๆพี่เค้าก็วางท่าทางปั้นปึ่งเย็นชา แม้แต่หน้าฉันพี่เขาก็ไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ

                    “เอ่อ... พี่เรียกฉันออกมา มีอะไรรึเปล่าคะ?” ฉันถามขึ้นมาทำลายความเงียบน่าอึดอัด พี่กาอินหันมามองฉัน ตายิ้มน่ารักของพี่เค้าหายไปแล้ว

                    “เธอเป็นเอฟคลับใช่ไหม?”

                    ฉันสะดุ้งกับคำถามของพี่กาอิน เธอยิ้มขึ้นมาก่อนจะขยายความ “เข้ามาใกล้ชิดได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เอฟคลับก็ต้องมีเส้นสายนั่นแหละ”

                    เฮ้ๆ พี่เค้าหมายความว่าไงน่ะ = =...จู่ๆ มาโหมดนี้ฉันตามไม่ทันนะ

                    “เธอไม่ต้องมาทำตัวเสแสร้งใส่ฉันเหมือนเวลาอยู่กับซองมินหรอกนะ ซันนี่” น้ำเสียงของเธอฟังดูเชือดเฉือน “ฉันรู้นะ เธอก็เป็นแค่แฟนคลับคนนึงที่อยากเข้ามาใกล้ชิดดาราเท่านั้นเอง เธอก็แค่โชคดีที่ทำตัวน่ารักให้ทุกคนเอ็นดูได้”

                    “พี่คะ พี่คงเข้าใจอะไรผิดแล้ว ฉันไม่ได้เป็นแฟนคลับหรืออะไรของพี่ซองมินทั้งนั้น ก่อนมาฝึกงานที่นี่ฉันยังไม่รู้จักพี่เค้าด้วยซ้ำไป แล้วที่ฉันได้มาเป็นดีเจก็เพราะมีคนให้โอกาสฉัน ทุกคนชื่นชมฉันก็เพราะฉันทำได้ดีไม่ใช่เพราะฉันน่ารัก”

                    ฉันตอกกลับไปบ้างอย่างสุดจะทน ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าอะไรของเค้านะ ก่อนหน้านี้เรายังคุยกันอยู่ดีๆ ฉันเองก็ไม่ได้พูดอะไรผิดไปนี่นา แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มาพูดถากถางกันแบบนี้ล่ะ

                    พี่กาอินดูจะอึ้งไปกับการสวนกลับของฉัน แล้วรอยยิ้มเย้ยหยันก็ผุดขึ้นมาบนเรียวปาก

                    “งั้นมาพนันกันมั้ยล่ะ? ฉันจะแย่งจากเธอมาให้หมด ทั้งตำแหน่งดีเจหลัก แล้วก็อีซองมิน”

                    ฉันโมโหจนแทบอยากจะชกหน้าผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว เรื่องอะไรที่มาเล่นเกมโดยเอาพี่ซองมินเป็นเดิมพัน ไอดอลก็เป็นคนนะ! แล้วเขาก็มีชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ของที่ใครจะมาเขี่ยไปเขี่ยมาได้ง่ายๆ แล้วก็ไม่ใช่สมบัติของใครทั้งนั้น เกลียดนักเชียวพวกที่คิดแบบนี้น่ะ

                    “ถ้าเธอแน่ใจว่าตัวเองมีความสามารถอย่างอื่นนอกจากแค่ทำตัวน่ารักล่ะก็...แค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่ ใช่มั้ย?”

                    พี่กาอินเดินชนไหล่ฉันแล้วก็กลับเข้าห้องอัดไป ฉันกำมือแน่นพยายามจะสงบสติอารมณ์

                    ท้าใครไม่ท้า มาท้าอีซุนคยู...

                    เดี๋ยวก็จะได้รู้กันว่าเจ้าแม่แอ๊บแบ๊วอย่างฉันน่ะมีอะไรดี! 



                “ซันนี่ พี่หิวน้ำจังเลย ช่วยหยิบน้ำให้พี่หน่อยสิ” แฟนของฉัน... พี่คยูฮยอนพูดอ้อน แล้วซันนี่ก็ส่งยิ้มน่ารักพร้อมกับลุกขึ้นไปหยิบขวดน้ำมาให้อย่างไม่อิดออดเลยสักนิด

                    ฮึ่ม! มันจะมากไปแล้วนะโจคยูฮยอน!

                    “นี่ อย่ามาจ้องเพื่อนฉันยังงั้นนะยะ ก้มหน้าหลับตาไปเลยถ้ายังไม่อยากตาย”

                    อีตาบ้าคยูฮยอนทำหน้าเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง ก่อนจะก้มลงงุดๆตามคำสั่ง ไอ้ที่ฉันต้องมานั่งคุมแฟนตัวเองอยู่เนี่ยก็เพราะว่าวันนี้วงปรินซ์มีคิวมาออกรายการวิทยุที่ซันนี่จัดคู่กับพี่ซองมินค่ะ และด้วยความที่เมื่อวาน ซันนี่เพิ่งจะรับปากท้าซอนกาอินออกไป วันนี้สาวๆในคลับก็เลยทำการ จัดเต็มให้ซันนี่ด้วยการเปลี่ยนลุคจากสาวน้อยน่ารัก กลายเป็นดีเจสาวสุดเซ็กซี่... อันที่จริงก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะซันนี่น่ะหุ่นสะบึมอยู่แล้ว แค่จับใส่เสื้อแขนกุดกับกระโปรงสั้นแล้วก็ส้นสูง แทนที่จะใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นกับรองเท้าผ้าใบเหมือนทุกที ไม่อยากบอกว่าแค่นี่ก็สวยขึ้นเป็นกองจนแม้แต่หนุ่มๆวงปรินซ์ยังตะลึง

                    ...อืม แต่มันจะผิดจุดประสงค์ไปหน่อยรึเปล่านะ?

                    “นี่ แน่ใจเหรอว่าแบบนี้จะช่วยให้ซันนี่ได้เป็นดีเจหลักแบบถาวรน่ะ” พี่ฮยอนจุงหันมาถามฉันกับฟานี่ที่กะพริบตาปริบๆ

                    “แหม พี่คะ... ก็จากที่ซันนี่เล่าน่ะ การที่ใครจะได้มาเป็นดีเจหรือเป็นเกสต์หลักส่วนมากแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่ซองมิน พีดีรายการนี้น่ะโอ๋พี่ซองมินจะตายไม่ใช่เหรอคะ?”

                    “มันก็จริงของเธอน่ะนะ... แต่ทำตัวสวยเนี่ยทำให้ซองมินชอบได้จริงๆเหรอ = =

                    “อย่าว่าแต่พี่ซองมินเลย ผมก็ชอบนะ ไม่รู้ว่าซันนี่จะน่ารักขึ้นมาขนาดนี้ ไหนๆพี่กับมักเน่ก็ควงสาวเอฟคลับอยู่แล้ว ผมจีบซันนี่อีกคนดีกว่าจะได้เหมาพอดี ^^” พี่คิบอมทำสายตาชิ้งๆมองซันนี่ที่อยู่ห่างออกไป

                    “ไม่ได้ค่ะ ตอนนี้สาวๆเราทุกคนไม่ยกซันนี่ให้ใครทั้งนั้นนอกจากพี่ซองมิน” ทิฟฟานี่พูดตัดบท เล่นเอาพี่คิบอมกะพริบตาปริบๆแล้วหันไปนั่งงุบงิบกับพี่คยูฮยอนประมาณว่า เดี๋ยวนี้ฟานี่ติดเชื่อเผด็จการมาจากฉันรึเปล่านะ?

                    “อุ๊ย! ซันนี่ขอโทษทีนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” เสียงหวานๆของซอนกาอินดังขึ้น ฉันกับฟานี่หันไปดูตามสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นยัยนั่นเอาน้ำเย็นๆราดซันนี่เต็มๆ ทุกคนในห้องอัดเองก็เห็น ยกเว้นก็แต่พี่ซองมินที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากสคริปต์

                    “ว้าย ไม่เป็นไรใช่มั้ย น่าเสียดายเนอะ ชุดสวยๆเปียกหมดแบบนี้ ทำยังไงดีล่ะ”

                    ซันนี่ส่งยิ้มหวานให้พี่กาอินแล้วหันมาสบตากับฉันที่ยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับถุงในมือ

                    “แหม บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันกับซันนี่เพิ่งไปชอปปิ้งกันมา ชุดสวยๆอยู่ในถุงนี้อีกเพียบเลย ^^ ขอตัวพาซันนี่ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะคะ”

                    ฉันควงแขนซันนี่เดินออกไป เห็นซอนกาอินยืนอ้าปากค้างแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดบึ้งด้วยความขัดใจ

                    สะใจที่สุดเลยล่ะ!

     

     

                ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ไม่ได้เกิดกับฉันแค่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรอก...

                    ทีแรกก็น้ำหก มีไข่อยู่ในรองเท้า กระเป๋าโดนรื้อเละเทะ วิธีแบบเด็กอนุบาลยังงี้ถึงจะทำฉันหงุดหงิด แต่ฉันก็หาวิธีรับมือได้อยู่แล้ว แต่ที่น่าหนักใจกว่าก็คือ... พี่ซองมินรู้ตัวรึยังนะว่าเขากลายเป็นคนตัดสิน และเดิมพันชิ้นสำคัญของการต่อสู้ของเราสองคน

                    พี่ๆทีมงานทุกคนต้องดูออกแน่อยู่แล้ว แต่เพราะต้นสังกัดของพี่กาอินก็มีอิทธิพลมาก แถมเจ้าตัวเองก็เป็นไอดอลดังทำเงินระดับต้นๆของทางค่าย ไอ้เรื่องผลักดันให้ได้งานดีเจเนี่ย ยังไงก็ได้กำไรเห็นๆ

                    แต่ใช้วิธีแบบนี้กับฉันมันมากไปนะ!

                    “ซันนี่ ฉันไปก่อนนะ พี่คยูฮยอนโทรตามอ่ะ” สิก้าตะโกนบอกฉันขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ แหม! พอมีแฟนก็ทิ้งเพื่อนเลยนะยะ!

                    เสียงฝีเท้ากับประตูที่ปิดตามไปทำให้ฉันรู้ว่าเจสสิก้าคงจะออกไปแล้ว ฉันถอนหายใจขณะรูดซิปกระโปรงตัวใหม่แล้วออกจากห้องน้ำมา ฉันเช็คดูตัวเองในกระจกเงา... อืม คอเสื้อตัวนี้มันลึกไปหน่อยรึเปล่านะ แต่ก็... อย่างน้อยทุกคนจะได้เห็นบ้างว่าฉันมีลุคอื่นๆนอกจากแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง ฉันพับเสื้อผ้าเก็บลงถุงแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกไป

                    “โอ๊ะ!

                    “พี่ซองมินมาทำอะไรตรงนี้คะ?” ฉันทักคนที่จู่ๆก็มายืนตรงหน้าห้องน้ำหญิงอย่างไม่รู้สาเหตุ

                    “เจสสิก้าให้ฉันมาตามน่ะ เห็นว่าหาเธอไม่เจอ” ฮึ่ม... เจสสิก้า ไปได้เชื้อเจ้าเล่ห์มาจากพี่คยูฮยอนใช่ไหมเนี่ย -*-

                    “ไปกันเถอะค่ะ จะได้เวลาออนแอร์แล้ว” ฉันยิ้มแล้วตั้งใจจะเดินนำหน้าพี่เค้าไป แต่จู่ๆแจ็กเกตของเขาก็คลุมลงมาบนไหล่ แล้วมืออุ่นๆของพี่ซองมินก็คว้ามือฉันไว้ดึงให้เราเดินไปด้วยกัน

                    “ถึงพี่จะชอบที่เธอแต่งตัวสวยๆ แต่ก็ระวังตัวเองบ้างล่ะ เธออาจจะไม่รู้ แต่คยูฮยอนวงปรินซ์น่ะเป็นหมาป่าจอมหื่นนะ”

                    ...ทำไมจะไม่รู้ล่ะ เรื่องนั้นน่ะฉันรู้ดีอยู่แล้ว แต่เพราะเจสสิก้า หมาป่าเลยกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ... แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ สิ่งที่ฉันไม่รู้ก็คือหัวใจของเขา และหัวใจของตัวเอง

                    เฮ้ๆ... มันเป็นแค่เกม มันเป็นแค่เกม... ฉันจะไม่รักใครอีก...

                    แต่ทำไมหัวใจถึงได้เต้นเหมือนมันจะรักเค้าเข้าจริงๆแบบนี้ล่ะ?



                ผมตัดสินใจแล้ว!

                    ผมคิดแบบนั้นตั้งแต่เห็นซอนกาอินเดินเข้ามา ผมหมดความรู้สึกกับผู้หญิงคนอื่นไปโดยสิ้นเชิงเมื่อมีซันนี่อยู่ข้างๆ และผมรู้ว่ามีเกมอะไรบางอย่างระหว่างผู้หญิงสองคนนี้ แต่ที่ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ก็เพราะผมชอบที่จะให้ซันนี่เป็นฝ่ายเข้าหาผม แต่งตัวน่ารักๆมาให้ผมดูทุกวัน ชอบที่เห็นเธอรับมือกับลูกไม้ทุกอย่างที่กาอินทำ และชอบที่จะเห็นเธอหาโอกาสโจมตีกลับอย่างเช่นเรื่องชุดเมื่อวานเป็นต้น

                    บอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาด และที่น่าทึ่งคือ เธอแฟร์มากพอที่จะไม่ใช้วิธีแย่ๆตอบโต้

                    อ้อ! อีกอย่างนึงที่ผมรู้คือ เธอชอบเอาชนะ... เหมือนผมเลยล่ะ

                    “อีซุนคยู! แย่จริงๆ! เอาโทรศัพท์ไปไว้ไหนกันนะ” เสียงบ่นเล็กๆดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวเดินลงมาจากตึกเมลอนทางประตูหลัง โดยที่ไม่รู้เลยว่าผมแอบดักซุ่มอยู่

                    เธอควานหาโทรศัพท์เจอในที่สุดแล้วยกขึ้นดูเบอร์ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย น่ารักเป็นบ้า!

                    “พี่มีอะไรเหรอคะ?” เสียงหวานๆของเธอดังขึ้นมา ผมยิ้ม เธอหยุดยืนคุยโทรศัพท์ ไม่รู้ตัวว่าผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลข้างหลังเธอนี่เอง

                    “ซันนี่...ช...ช่วยพี่ด้วย” ผมแกล้งกระซิบ แล้วรอดูปฏิกิริยาตื่นตกใจของเธอ แต่ตรงกันข้าม เธอกลับแค่เลิกคิ้วแล้วพูดต่ออย่างใจเย็น

                    “พี่เป็นอะไรคะ? ไม่สบายตรงไหน? อยู่ที่ไหน? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ฉันจะได้จัดการได้ถูก”            

                    เด็กคนนี้ฉลาดแฮะ แถมยังตั้งสติได้เร็วอีกต่างหาก...

                    “พี่พี่...” ผมแกล้งพูดไปแค่นั้นแล้วก็ตัดสายไป ซันนี่ยังคงเรียกชื่อผมซ้ำๆ จนเมื่อแน่ใจว่าสายตัดไปแล้วเธอก็ทำเสียงจิ๊กจั๊กอย่างร้อนรน ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์... เธอต้องโทรกลับมาแน่ แต่เสียใจครับ ผมปิดเครื่องไปแล้ว!

                    “ให้ตายเถอะ อยู่ที่ไหนของเค้ากันนะ!” ซันนี่บ่นพึมพำออกมาแล้วก็ยังคงวุ่นวายกับโทรศัพท์โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผมก้าวเข้ามาข้างหลัง แล้วผมก็ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าก่อนจะคล้องมันปิดตาเธออย่างรวดเร็ว

                    ซันนี่ตั้งสติได้เร็วจริงๆนั่นแหละ เธอดิ้นแล้วรีบส่งเสียงทันที เธอเอาส้นรองเท้าเหยียบผมเต็มๆแล้วก่อนที่ยัยเด็กแรงเยอะคนนี้จะได้ทำอะไรมากกว่านั้นผมก็กอดเธอแน่นแล้วกระซิบเบาๆข้างหู

                    “อยู่นิ่งๆสิครับคนสวย เซอร์ไพรส์รออยู่นะ”

                    “พี่ซองมิน!” ซันนี่ร้องออกมา แล้วแทนที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่โดนแกล้ง ซันนี่กลับเริ่มหัวเราะคิกคัก “ฉันเกือบจะฆ่าพี่แล้วรู้มั้ย?”

                    “ใช่! ส้นสูงเธอน่ะเหยียบมาเต็มๆเลย พี่เจ็บนะ T T

                    “โอ๋ๆ ขอโทษนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงกาแฟนะสุดหล่อ” ให้ตาย... นี่ผมกลายเป็นเด็กไปแล้วเหรอเนี่ย จะยังไงก็ตามผมยังไม่ปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด แถมซันนี่ก็ยังคงโดนปิดตาอยู่ แต่เธอกลับไม่ถามอะไรเลยสักคำ ผมประหลาดใจกับผู้หญิงคนนี้จัง เธอมีด้านใหม่ๆให้ผมค้นหาในทุกๆวันที่เราอยู่ด้วยกัน ผมแอบบวกคะแนนให้เด็กคนนี้เพิ่มอีกนิดในใจ

                    “ไหนล่ะคะ เซอร์ไพรส์?” ซันนี่ทวง แล้วโดยที่ไม่พูดอะไร ผมก็จูงมือเธอเดินไปยังสกูตเตอร์ ดูแลให้เธอปีนขึ้นมานั่งบนเบาะทั้งๆที่ยังคงโดนปิดตา แล้วผมก็ดึงมือเล็กๆของเธอมาโอบรอบเอวผม

                    “จับแน่นๆนะ” ผมพูดแล้วก็บิดคันเร่งออกไป

                    ระหว่างทางซันนี่ไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่รู้ว่าเพราะทั้งเหนื่อยหรือตกใจหรือยังไงยัยเด็กตัวเล็กคนนี้ถึงได้หลับปุ๋ยแล้วก็กอดผมแน่นเหมือนเป็นตุ๊กตาหมี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็เป็นผู้ชายคนนึงนะครับ ไม่อยากจะบอกว่าหน้าอกของเธอแนบอยู่กับหลังของผม สติคงจะกระเจิงไปหมดแล้วถ้าไม่เพราะกลัวว่ายัยเด็กคนนี้จะหลับเพลินแล้วไหลตกรถไป ผมเลยต้องใช้มือข้างเดียวบังคับรถในขณะที่มืออีกข้างกุมมืออุ่นๆของเธอเอาไว้แน่น

                    ผมขี่รถแบบนี้ไปได้ตตลอดชีวิตเลย...

                   

     

                “ตื่นได้แล้วเจ้าหญิง” เสียงนุ่มๆดังขึ้นแล้วฉันก็ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย งงว่าทำไมเสียงนาฬิกาปลุกถึงได้เป็นเสียงพี่ซองมินล่ะ? นี่ฉันละเมอเพ้อพกถึงเขามากขนาดนี้เลยเหรอ? แต่แล้วฉันก็พบว่าตัวเองยังคงมีผ้าเช็ดหน้าผูกตาอยู่ แถมแผ่นหลังอุ่นๆที่ฉันพิงอยู่นี่ก็คงไม่ใช่หมอนข้างหรือตุ๊กตาแน่ๆ

                    “ถึงแล้วเหรอคะ?” ฉันถามขึ้น ค่อยๆปีนลงจากรถแล้วจับมือพี่ซองมินแน่น

                    “อื้อ ข้างหน้าเป็นบันไดนะ อยากขี่หลังพี่ไหม?”

                    “ฉันเดินไปเรื่อยๆได้ค่ะ แค่อย่าปล่อยมือก็พอ” ฉันตอบก่อนจะก้าวไปตามการจูงของพี่ซองมิน เขาคอยบอกฉันว่าจะต้องระวังอะไรจะต้องไปทางไหน ตอนไหนต้องก้าวหรือต้องหยุด... ให้ตาย ถ้าฉันต้องตาบอดแต่มีคนนำทางแบบนี้มันก็ไม่เลวนักหรอก

                    “เอาล่ะ ถึงแล้ว” พี่ซองมินจับไหล่ฉันให้ยืนนิ่งๆ รู้สึกเหมือนลมเย็นๆพัดผ่าน นี่มันที่ไหนกันนะ?

                    “พร้อมนะ...เอาล่ะ” เสียงนุ่มๆของเค้าดังข้างหู แล้วผ้าปิดตาก็คลายออก สิ่งแรกที่ฉันมองเห็นคือแสงไฟจัดจ้ายามราตรีของกรุงโซล ทิวทัศน์ของแม่น้ำฮัน นัมซานทาวเวอร์ ทุกอย่าง ทุกๆอย่างในโซลเลย!

                    “สวยใช่มั้ยล่ะ?” ฉันพูดไม่ออกเลย ไม่เคยรู้ว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ในโซลด้วย ฉันหันกลับมาแล้วก็เห็นสิ่งที่สวยยิ่งกว่า เสี้ยวหน้าของพี่ซองมินที่มองแสงไฟยามราตรีของเมืองโซล ดวงตาสีดำสะท้อนเป็นประกาย แสงสีเหลืองส้มเต้นระยิบระยับอยู่ในตาของเขา แล้วฉันก็เขย่งตัวขึ้นหอมแก้มผู้ชายตรงหน้าเบาๆ เขายกมือขึ้นแตะแก้ม สีหน้าดูเหมืนประหลาดใจ แต่แล้วก็ยิ้มกว้าง กลายเป็นฉันซะเองที่หน้าร้อนผ่าว ไม่รู้ฟ้าฝนดลใจให้ทำอะไรแบบนั้นไปได้ยังไง อีซุนคยู!

                    “เธอบอกว่าพรุ่งนี้จะเลี้ยงกาแฟใช่ไหม? นี่เลยเที่ยงคืนแล้วนะ เข้าวันใหม่แล้ว พี่ทวงสัญญาตอนนี้ได้ใช่ไหม?”

                    ฉันพยักหน้าแล้วรีบหมุนตัวกลับ เดินลงไปทางบันไดหินที่เขาเดินนำฉันขึ้นมา

                    ยิ่งเขาทำดีมากขึ้นเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นทุกที... รู้สึกผิดที่ฉันรับคำท้าของพี่กาอิน แล้วก็รู้สึกผิดที่การหว่านสเน่ห์ทั้งหมดที่ทำไปมันเป็นเพียงแค่การเดิมพันเพื่อให้ได้ตำแหน่งดีเจ แต่แล้วเขาก็ก้าวตามมาจนทันฉันแล้วจับมือฉันไว้ก่อนจะเดินลงไปพร้อมๆกัน

                    ไม่ได้ล้อเล่นนะเนี่ย! ฉันว่าความรู้สึกนี่มันมากกว่าแค่เกมซะแล้วล่ะ...

     

     

                ผมพาซันนี่กลับเข้าเมือง ยัยเด็กคนนี้ฮัมเพลงหงุงหงิงมาตลอดทาง แถมยังกางแขนออกแล้วร้องเพลงดังๆ ก่อนจะอ้อนให้ผมร้องเป็นเพื่อนเธอ เราสองคนร้องเพลง หัวเราะกันไปตลอดทางเหมือนถนนเป็นของเรา ก่อนที่ผมจะเลี้ยวรถเข้าไปที่ร้านคอฟฟี่ชอปแห่งหนึ่ง ซันนี่กระโดดลงจากสกู๊ตเตอร์อย่างร่าเริงทั้งๆที่ยังไม่ถอดหมวกกันน๊อค ผมละสายตาจากเธอไปแป๊บนึงเพื่อล็อครถ พอหันมาอีกทียัยตัวเล็กของผมก็ลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นซะแล้ว

                    “ซันนี่ เป็นอะไรมั้ย? ขอโทษด้วยนะครับ” ผมรีบวิ่งไปพยุงเธอแล้วก้มหัวขอโทษกับผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตากลมๆของเธอจ้องเขาเหมือนมีอะไรบางอย่าง

                    “...อิมซึลอง” เธอหลุดปากออกมา

                    “ซันนี่...เธอ- -”

                    “พี่คะ รอนานมั้ยคะ ^^” สาวน้อยท่าทางน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาควงแขนผู้ชายที่ชื่อซึลอง เธอมองซันนี่แล้วก็มองผม แล้วก็คล้ายกับจะจำผมได้

                    ก่อนที่เด็กคนนั้นจะกรี๊ดกร๊าดอะไรขึ้นมา ผมอาศัยจังหวะนั้นเอื้อมมือไปถอดหมวกกันน็อคที่สวมอยู่บนหัวยัยตัวเล็ก แล้วจูงมือเธอเดินเข้าร้านไปด้วยกัน

                    “นั่งตรงนี้ดีกว่านะ” ผมจัดแจงให้ซันนี่นั่งลงที่ข้างกระจก เห็นคนคู่นั้นเดินตามเข้ามาในร้าน เด็กผู้หญิงคนนั้นควงแขนทำท่าสวีทหวานแอ๊บแบ๊วใส่ผู้ชายตัวสูง แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันดูเสแสร้งพิลึก มันก็ออกจะน่ารักในสายตาคนทั่วไป แต่สำหรับผมซันนี่เป็นข้อยกเว้นเดียวที่ทำให้การแอ๊บแบ๊วทุกชนิดบนโลกดูจืดไปเลย

                    แต่ว่าเจ้าแม่แอ๊บแบวคนนี้กำลังนั่งนิ่งๆอยู่ตรงหน้าผม ผิดกับเมื่อกี้อย่างกับเป็นคนละคน

                    “แฟนเก่าเหรอ?” ผมถามออกไป แล้วแทบจะในทันที สาวน้อยตรงหน้าก็สำลักกาแฟ ผมยิ้มออกมาแล้วยื่นกระดาษทิชชู่ส่งให้เธอ

                    “พี่นี่รู้ดีชะมัด”

                    “เธอยังรักเขาอยู่ใช่ไหมล่ะ?” ผมถามออกไปอีกรอบ รู้สึกเจ็บใจนิดๆแต่ก็อยากรู้ล่ะนะ

                    ซันนี่หรี่ตาลงอย่างไม่แน่ใจก่อนจะค่อยๆตอบออกมา

                    “คิดว่าไม่แล้วนะคะ...แต่...”

                    “แต่?”

                    “มันเจ็บใจน่ะ ตาบ้านั่นบอกเลิกฉันด้วยเหตุผลที่ว่าน่ารักเกินไปแล้วดูทำเข้าสิ! ผู้หญิงคนใหม่ที่ควงมาด้วยน่ะ แอ๊บแบ๊วกว่าฉันซะอีก แล้วแบบนี้จะไม่ให้ของขึ้นได้ยังไง! ผู้ชายก็เป็นซะแบบนี้! เวลาอยากจะทิ้งก็หาเหตุผลร้อยแปด เย็นชาเกินไปก็ไม่ได้ น่ารักเกินไปก็ไม่รัก น่าโมโหจริงๆ!

                    “อื้อ พายฟักทองนี่อร่อยจัง ไหนอ้าปากซิ!” ผมแกว่งช้อนไปตรงหน้าซันนี่ แล้วเธอก็งับพายฟักทองเข้าไปเคี้ยวตุ้ยๆเอามือเท้าคาง ทั้งๆที่ยังดูหงุดหงิดอยู่ น่ารักแฮะ มันน่าจับมาฟัดจริงๆ

                    “ตกลงพี่ฟังที่ฉันพูดรึเปล่าเนี่ย ชิ! ผู้ชายนี่เหมือนกันหมดจริงๆ”

                    “พี่ไม่โง่เหมือนหมอนั่นหรอกนะ ถ้าเธอหงุดหงิดขนาดนั้นล่ะก็ พี่ไปจัดการให้คว่ำเลยก็ยังได้”

                    “โกหกน่า พี่ซึลองสูงกว่าพี่ได้ตั้งเท่านึงมั้ง”

                    “นี่ อย่ามาดูถูกกันนะ เห็นยังงี้ก็เถอะ พี่เรียนทั้งไอคิโด้ กังฟู เทควอนโด จะตัวใหญ่แค่ไหนก็จิ๊บๆ” ผมคุยโว... อันที่จริงก็ไม่ได้อวดอะไรหรอกนะครับ แต่ว่าไอ้ที่พูดมาทั้งหมดน่ะผมทำเป็นจริงๆนี่ ก็ผมเป็นลูกชายคนโต มีน้องอีกสี่คน พ่อก็เลยจับผมเรียนการต่อสู้ไว้แต่เด็กๆ เอาไว้ดูแลน้องๆ ไง

                    “ขอโทษนะครับ ถ้าไม่รังเกียจขอพวกผมนั่งด้วยได้มั้ย?” ผมกับซันนี่เงยหน้าขึ้นมอง ผู้ชายคนที่เป็นแฟนเก่าซันนี่ยืนอยู่ตรงหน้า เราสองคนสบตากัน แต่แฟนสาวของคุณซึลองก็เชิญตัวเองลงมานั่งข้างผมเรียบร้อยแล้ว

                    “สวัสดีค่ะ ฉันชื่ออายองนะคะ เห็นพี่ซึลองบอกว่าเพื่อนของพี่เค้ามากับพี่ ฉันเลยขอมานั่งด้วย ดีใจจังเลย~ อายองเป็นแฟนรายการพี่มาตั้งนานแล้วนะคะ”

                    ผมเหลือบมองซันนี่ที่เอามือเท้าคางทำหน้าเซ็งสุดขีด ก่อนจะขยับปากเป็นคำว่า อย่าเยอะ

                    “ซันนี่ เธอสบายดีใช่ไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงนะ” ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย อันที่จริงผมปรี๊ดนะ คนอะไร! แฟนตัวเองนั่งอยู่ตรงหน้า แต่กลับหยอดผู้หญิงอื่นได้หน้าตาเฉย แล้วยัยเด็กคนนี้ก็มาเซ้าซี้ผมอยู่ได้ -*- ฮึ้ย! สองคนนี้คบกันได้ยังไงนะ!

                    “พี่คะ ฉันกลับก่อนดีกว่า ไว้เจอกันนะคะ” ซันนี่ที่ดูจะปรี๊ดยิ่งกว่าผมคว้ากระเป๋าแล้วลุกออกจากร้านไป ผมกำลังจะลุกตามแต่ผู้หญิงที่ชื่ออายองก็ควงแขนผมไว้แน่น เปิดโอกาสให้ไอ้บ้าซึลองนั่นนำไปก่อน

                    “ขอโทษนะครับคุณ ผมจะไปตามซันนี่”

                    “ไม่ต้องไปหรอกค่ะ แฟนเก่าเค้าตามไปง้อแล้วนี่ เดี๋ยวเค้าก็ดีกันเองแหละ ^^

                    “นี่คุณ! แฟนเก่าที่คุณพูดถึงน่ะมัน แฟน คนปัจจุบันของคุณไม่ใช่เหรอ?” ผมเถียงกลับ ชักจะมีน้ำโหแล้นะ ยัยเด็กบ้านี่ -*-

                    “ก็แค่คบเล่นๆ อายองไม่ได้ชอบจริงจังหรอกค่ะ แบบนั้นน่ะยังมีอีกตั้งหลายคน พี่เองก็เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ? พวกดาราไอดอลน่ะก็คงทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ เรามาควงกันเล่นๆก็ได้ นะคะ นะคะ ^^ อายองน่ารักกว่าผู้หญิงคนนั้นตั้งเยอะ~

                    ผมมองคำพูดที่ออกมาจากปากของสาวน้อยที่ทำตาแป๋วอยู่ข้างๆแล้วก็ได้แต่อึ้ง นี่เธออายุเท่าไหร่กัน? ไปเอาความคิดพวกนี้มาจากไหน? แล้วคิดว่าความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่นรึยังไงถึงได้ทำแบบนี้!

                    “ขอโทษนะครับ ไอดอลคนอื่นๆที่ผมรู้จักไม่มีใครทำพฤติกรรมแย่ๆแบบนั้น ผมเองก็เหมือนกัน... ผมชอบซันนี่ แล้วก็ไม่คิดจะมีตัวเลือก โดยเฉพาะตัวเลือกแย่ๆอย่างคุณ” ผมดึงมือเธอออก รอยยิ้มหวานกลายเป็นบูดบึ้งในทันที ผมรู้ว่าอีกเดี๋ยวเธอจะต้องอาละวาด กรี๊ดกร๊าดตามฉบับนางร้ายไร้สมอง ผมวิ่งตามซันนี่ออกมาแต่ไม่เห็นเธอแล้ว ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากทางลานจอดรถไม่ไกล ผมรีบวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต

                    “ปล่อยนะ!” เสียงห้วนของซันนี่ตวาดก้อง เธอพยายามสะบัดแขนให้หลุดออกจากมือของอิมซึลอง แต่หมอนั่นก็ยังเกาะแกะเธอไม่ปล่อย แค่เห็นผู้ชายคนนั้นถูกตัวซันนี่ผมก็เหมือนจะหน้ามืด ผมก้าวยาวๆเข้าไปกระชากคอเสื้อหมอนั่นจากข้างหลังแล้วจับแขนบิดล็อกจนหมอนั่นร้องลั่นแล้วทรุดลงกับพื้น

                    “กล้าดียังไงมาแตะต้องผู้หญิงของฉัน...”

                    “ข...ขอโทษครับ... ผม ผมผิดไปแล้ว!

                    “จำเอาไว้นะว่าอย่ามายุ่งกับซันนี่อีก กลับไปดูแลแฟนไร้สมองของนายให้ดีๆล่ะ แล้วจำเอาไว้ว่าตอนนี้ซันนี่เป็นแฟนฉัน” ผมถีบหมอนั่นลงไปกองกับพื้น เขาหันมามองผมด้วยสายตาหวาดกลับก่อนจะรีบวิ่งหนีไป ทิ้งให้ผมอยู่กับซันนี่เพียงลำพัง

                    ผมหันกลับมามองเธอ เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้พูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้... นี่ไม่ใช่ฉากบอกรักที่ผมคิดไว้เลยนะ ให้ตายสิ! จากที่ผมเคยมั่นใจมากว่าเธอต้องชอบผม ถึงขนาดยอมสู้กับซอนกาอิน แต่พอเจอเรื่องวันนี้แล้ว ตกลงว่ามันเป็นแค่เกมหรือมันเป็นเรื่องจริงกันแน่นะ...

                    “พี่... โกรธเหรอคะ?” ซันนี่ค่อยๆพูดออกมา ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าเธอทั้งตกใจทั้งกลัว แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ดูเข้มแข็งอย่างน่าประหลาด

                    “ทำไมล่ะ? พี่ไม่มีสิทธิ์โกรธใช่ไหม?”

                    “ไม่ใช่ค่ะ...คือ... ที่พี่พูดเมื่อกี้...”

                    “อยากให้พี่ตอบว่าอะไรล่ะ? ก็แค่พูดขู่ให้หมอนั่นกลัว พี่ไม่ได้คิดอะไรหรอก หรือจะให้ตอบว่า พี่คิดแบบนั้นจริงๆเพราะพี่ชอบเธอ” ผมพูดออกไปห้วนๆ แล้วก็เห็นซันนี่เบิกตากว้าง เธอกัดริมฝีปากด้วยท่าทางน่ารักที่คงไม่รู้ตัว แล้วก็หันหลังให้ผมซะดื้อๆ เท่านั้นความหงุดหงิดของผมก็หายวับไปทันตา กลายเป็นความกลัวเข้ามาแทนที่...นี่ผม...ทำให้เธอโกรธเหรอ? ผมไม่ได้ประชดนะ แต่ว่า... โอ๊ย! จะอธิบายยังไงดีเนี่ย!

                    “ซันนี่...” ผมเรียกชื่อเธอเบาๆ

                    “ฉันไม่ได้โกรธนะคะ แต่ว่า... ถ้ามองหน้าพี่ต่อไปหัวใจฉันต้องหยุดเต้นแน่ๆ” ซันนี่พูดออกมาแล้วผมก็แทบหัวเราะ เด็กคนนี้เปลี่ยนอารมณ์ผมได้เหมือนมีเวทมนตร์จริงๆ ผมหมุนตัวเธอกลับมา เห็นแก้มของเธอแดงขึ้นแม้จะอยู่ในแสงไฟสลัว

                    “ฉัน...ฉันไม่รู้ว่า ถ้าเกิดพี่ชอบฉันขึ้นมาจริงๆ...คือ... ฉันกับพี่กาอินเราแข่งกันว่าถ้าพี่เลือกใครคนนั้นก็จะได้เป็นดีเจ แต่ฉันไม่เคยคิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกพี่เลยนะคะ”

                    “งั้นพี่จะบอกผลการแข่งขันให้” ผมพูดขึ้นมายิ้มๆก่อนจะก้มลงแล้วจูบเธอ กระซิบคำตัดสินลงบนเรียวปากหวานๆ

                    “อีซุนคยู เธอคือผู้ชนะ”

     

     

                ฉันกำพวงมาลัยรถแน่นจ้องมองฉากจูบแสนหวานตรงหน้าที่ทำให้อยากจะลงไปกระชากทั้งคู่ออกจากกัน

                    หรือคิดอีกทาง ฉันควรจะถ่ายรูปไว้เพิ่มดีมั้ยนะ?

                    ฉันเอื้อมมือไปหยิบรูปโพลารอยด์หลายใบที่วางกองอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ- -มีครบทุกชอตเชียวล่ะ ตั้งแต่ตอนที่สองคนนั้นนัดเจอกันหลังตึกเมลอน ภาพที่ขี่รถสกูตเตอร์ออกไปด้วยกัน หรือฉากที่นั่งคุยเล่นในคอฟฟี่ชอป รูปทุกใบถูกถ่ายให้เห็นหน้าทั้งคู่ชัดเจน พี่ซองมินดูจะมีความสุขเหลือเกินเวลาอยู่กับซันนี่

                    แค่พลาดผู้ชายไปคนนึงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ฉันจะไปมีหน้าพูดกับท่านประธานได้ยังไงเรื่องที่นักร้องดังอย่างซอนกาอินพลาดตำแหน่งดีเจให้กับเด็ก ม.ปลายธรรมดาๆคนนึง!

                    ยิ่งถ้ายัยเด็กนั่นเป็นเอฟคลับจริงก็ยิ่งให้อภัยไม่ได้... เพราะควอนโบอาก็แย่งฉันไปทุกๆอย่าง พีดีทุกรายการทำเหมือนไม่อยากได้ฉัน ในขณะที่ไปกราบกรานขอร้องให้โบอามาแทน และถึงแม้เจ้าตัวจะมาไม่ได้ แต่ก็ยังอุตส่าห์ส่งรุ่นน้องในคลับมาให้ พีดีทุกคนก็ปฏิบัติกับเด็กพวกนั้นเป็นพิเศษ ในขณะที่ทำกับฉันเหมือนเป็นไอดอลหางแถว!

                    เอฟคลับทำลายโอกาสทุกอย่างที่ฉันสร้างมาอย่างยากลำบาก เพราะนังเด็กพวกนั้นโชคดี และเพราะฉันพลาดจากการได้เป็นเอฟคลับไปแค่ก้าวเดียว!

                    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันกดรับ...

                    “คุณซอนกาอินครับ เรื่องประวัติของเด็กชื่ออีซุนคยูที่คุณให้ผมตามสืบได้เรื่องแล้วนะครับ”

                    “ดี... ส่งอีเมล์เข้ามานะ เงินที่เหลือจะโอนไปให้”

                    ฉันวางสายแล้วยิ้มขึ้นมา... อีซุนคยู วันนี้เธออาจจะชนะฉันก็จริง...

                    แต่วันพรุ่งนี้ความพ่ายแพ้ของเธอจะมาเยือนพร้อมกับความพ่ายแพ้ของเอฟคลับด้วยเช่นกัน!


                “อุ๊ย! ดูนี่สิ ใช่มั้ย คนนี้แหละ...”

                    “ใช่ๆ... โรงเรียนเราด้วย”

                    ฉันวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วเหลือบมองเพื่อนๆรอบห้อง... แปลกจัง ทำไมวันนี้มีข่าวซุบซิบเยอะนักนะ ได้ยินแว่วๆว่ามีอะไรในโรงเรียนเราด้วยหรือไงนี่แหละ

                    ครืด! ปึง!

                    “ยุนอา! แย่แล้ว!

                    ซอนฮวา เพื่อนสนิทของฉันเปิดประตูเข้ามาแล้วเรียกฉันเสียงดังลั่นไม่สนใจสายตาของเพื่อนทั้งห้อง ว่าแล้วเธอก็กระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะข้างๆฉันก่อนจะหยิบเอากระดาษที่เหมือนจะปรินท์ออกมาส่งให้ฉันดู

                    “อะไรเนี่ย?” ฉันเลิกคิ้ว มองกระดาษตรงหน้า แค่แว้บเดียวก็เห็นใครบางคนที่คุ้นตาติดอยู่ในรูป... นี่มัน พี่ซันนี่!

                    ฉันเหลือบมองหน้าซอนฮวาที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อน ก่อนจะรีบกวาดตาอ่านข่าวอย่างรวดเร็ว

                   

    เปิดเผยโฉมหน้าดีเจสาวหวานใจไอดอลหนุ่ม!

                   เมื่อวันที่ XX มีผู้พบเห็นไอดอล อีซองมิน ออกเดทกับแฟนสาว อีซุนคยูหรือดีเจ ซันนี่แห่งคลื่นวิทยุเมลอน หลังจากที่ทั้งสองร่วมงานเป็นดีเจคู่กันมาได้ราวๆหนึ่งเดือน ทั้งนี้ สาวน้อยซันนี่นั้นไม่ใช่ดีเจโนเนมจากที่ไหน แต่เธอเป็นถึงหลานสาวผู้บริหารค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของอีซูมานแห่ง SM ent. ซึ่งรู้กันว่าเป็นต้นสังกัดของหนุ่มซองมิน นอกจากนั้นยังมีข่าวลือหนาหูว่า ซันนี่เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเอฟคลับที่ก่อตั้งโดยเอเชียสตาร์ ควอนโบอาที่จัดการปั้นดาราและไอดอลหญิงหลายคนเข้าสู่วงการโดยการันตีว่าศิลปินทุกคนที่ผ่านการเดบิวในนามเอฟคลับ ล้วนแล้วแต่มีความสามารถครบทุกด้าน แหล่งข่าวนิรนามของเรายังระบุอีกด้วยว่า ซันนี่ได้ใช้เส้นสายของประธานบริษัทและกลุ่มเอฟคลับเพื่อให้ได้ทำงานในสถานีวิทยุ โดยเฉพาะเจาะจงขอทำงานร่วมกับ อีซองมิน ทั้งๆที่มีการวางตัว ซอนกาอินให้เป็นดีเจร่วมแต่แรกอยู่แล้ว

                   จากพฤติกรรมและการใช้เส้นสายเพื่อแย่งงานของ ซันนี่หลายๆคนคงต้องพิจารณากันใหม่ว่า ณ ตอนนี้เอฟคลับอยู่ในช่วงวิกฤตหรืออย่างไร? ถึงได้คัดเลือกเด็กสาวที่ชาติกำเนิด แถมยังใช้เส้นสายเพื่อให้มีผลงานมากกว่าจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถอย่างที่เคยประกาศเอาไว้!

     

                    “ข่าวนี้ลงไว้ในเว็บไซต์เมื่อคืน ฉันเพิ่งเปิดเจอน่ะ ตอนนี้รูปคู่ของพี่ซันนี่กับอีซองมินมีอยู่เต็มอินเตอร์เน็ตแล้วล่ะ” ซอนฮวาเสริมอย่างไม่สบายใจ

                    ฉันมองภาพอย่างไม่อยากจะเชื่อ พี่ซันนี่กับพี่ซองมินเพิ่งจะไปเดทกันเมื่อวานนี้เอง แล้วแหล่งข่าวนี่รู้ได้ยังไง แถมยังรู้ไปถึงประวัติของพี่ซันนี่ที่เป็นถึงหลานสาวของคุณอีซูมาน แล้วก็เรื่องเอฟคลับด้วย!

                    “ฉันจะไปหาพี่ซันนี่” ฉันเดินออกจากห้องเรียนทันทีโดยมีซอนฮวาเดินตามมาติดๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย! ในโรงเรียนหญิงล้วนแบบนี้ข่าวลือเรื่องไอดอลน่ะแพร่ไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งซะอีก แถมนักเรียนโรงเรียนเราก็เป็นแฟนคลับอีซองมินตั้งเยอะแยะ หมายความว่าพี่ซันนี่กำลังจะโดนพวกแอนตี้หมายหัว!

                    ฉันกับซอนฮวาเดินมาถึงหน้าห้องเรียนของพี่ซันนี่ เราเปิดประตูเข้าไปเสียงจ้อกแจ้กจอแจของสาวๆหยุดชะงักลงพร้อมกับภาพที่ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตา

                    พี่ซันนี่นั่งอยู่ตรงกลางห้อง ไม่มีโต๊ะตัวอื่นตั้งล้อมรอบเหมือนกับเธอเป็นอะไรที่น่ารังเกียจ บนพื้นรอบๆตัว ข้าวของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นดินสอปากกาตลอดจนหนังสือเรียนถูกฉีกทึ้งกระจุยกระจาย บนโต๊ะมีปากกาเมจิกเขียนคำแช่ง รวมถึงคำด่าเอาไว้เต็มไปหมด เท่านั้นยังไม่พอ บนกระดานดำยังมีข้อความเขียนไว้ ซันนี่ = อีซุนคยู คนหน้าด้านฉันเหลือบมองเพื่อนๆร่วมห้องของพี่ซันนี่ ทุกคนเหมือนจะหัวเราะเยาะ ไม่มีใครเลยที่ออกมาปกป้องเธอ... ไม่มีเลยสักคน...

                    ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร พี่ฮโยยอน พี่ซึงยอนและพี่ยูนาก็โผล่เข้ามา สีหน้าพวกเธอดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด พี่ฮโยยอนดูจะฟิวส์ขาดขึ้นมาทันที

                    “พวกเธอนี่มันขยะชัดๆ! กล้าดียังไงมาทำกับเพื่อนฉันแบบนี้!

                    “ให้ตายเถอะ... ฉันหนีจากโรงเรียนที่ญี่ปุ่นมา แต่กลับต้องมาเจอพฤติกรรมที่แย่กว่าที่โน่นอีกเหรอ” พี่ยูนาเปรยขึ้นมาก่อนจะกวาดสายตาเย็นชามองทุกคนในห้อง ฉันเหลือบไปมองพี่ซันนี่ เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะ สีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลย แต่ฉันรู้ว่าพี่เค้ากำลังเจ็บปวด ที่ผ่านมาพี่ซันนี่เป็นที่รักของเพื่อนๆเสมอ แต่เพราะเรื่องแค่นี้ เธอกลับกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจชั่วข้ามคืนเพราะเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยสักนิดเดียว!

                    “ใครกันแน่ที่เป็นขยะ! คนที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลยก็ใช้เส้นสายเข้าไปทำงานกับพี่ซองมินได้สบายๆ แถมได้เป็นเอฟคลับทั้งที่ไม่มีความสามารถ ฉันไม่มีทางยกพี่ซองมินให้กับคนอย่างนี้หรอก”

                    “พี่ซองมินไม่ใช่ของพี่สักหน่อย พี่เป็นแค่แฟนคลับ ถ้าเกิดเขาจะรักใครชอบใคร พี่ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขา แล้วพี่ไม่เคยอยู่กับพี่ซันนี่ รู้ได้ยังไงว่าพี่ซันนี่ไม่มีความสามารถ” ฉันสวนขึ้นมาทันที

                    “พอเถอะ... พอทีเถอะ เป็นความผิดของฉันเอง” พี่ซันนี่พูดขึ้นมาเรียบๆ “ถ้าทุกคนไม่พอใจกับการที่ฉันอยู่ตรงนี้ฉันก็จะไป ขอบคุณนะ” คำสุดท้ายพี่ซันนี่หันมาพูดกับพวกเราทั้งห้าคนก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืน หยิบกระเป๋าแล้วเดินผ่านพวกเราออกมาจากห้อง

                    “ฉันเกลียดการกระทำแบบนี้ที่สุดเลย!” พี่ซึงยอนพูดออกมาก่อนจะกระแทกประตูปิดแล้วหันไปมองพี่ซันนี่ที่เดินออกไปตามระเบียงทางเดินอย่างโดดเดี่ยว ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองพวกเราเลยสักนิด

                    “ไม่ตามไปเหรอ?” รุ่นพี่ยูนามองมาทางฉันกับพี่ฮโยยอนเป็นเชิงถาม ฉันได้แต่สบตากับพี่ฮโยยอน พี่เค้าถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา

                    “คนอย่างซันนี่น่ะเข้มแข็งมากกว่าที่เราเห็นภายนอก ตอนนี้เธอคงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า เราคงได้แต่เป็นกำลังใจให้ซันนี่ฝ่าฟันเรื่องแบบนี้ไปให้ได้เท่านั้นแหละ”

     

     

                “พี่...พี่เห็นข่าวแล้วใช่ไหม?” โจคยูฮยอน นักร้องชื่อดังแห่งวงปรินซ์ และเป็นรุ่นน้องที่ผมซี้สุดๆพูดเสียงดุมาตามโทรศัพท์ที่มันโทรมาตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่

                    “อะไรกัน นายโทรมายังไม่ทันได้ทักทายฉันซักคำ จู่ๆก็มาถามเรื่องข่าว”

                    “นี่พี่เป็นบ้าอะไรของพี่น่ะ! รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป?! เด็กคนนั้นโดนแอนตี้แฟนเล่นงานจนไปโรงเรียนไม่ได้แล้วนะ!

                    “หา?” ผมชักเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสิครับ “เด็กคนไหน?”

                    “ซันนี่- -อีซุนคยู คนที่พี่พาไปเดทไงเล่า! รู้มั้ยว่ามันเป็นข่าวว่อนไปทั่วอินเตอร์เนทแล้ว”

                    “นายว่าอะไรนะ!” ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหู คยูฮยอนคงด่าอะไรผมมาอีกเป็นชุด แต่ผมไม่สนใจ ผมรีบเปิดเข้าไปเช็คข่าวในเว็บไซต์ทันที... พระเจ้า ไม่อยากจะเชื่อเลย แม้แต่หน้าเว็บไซต์เมลอนก็มีแต่แอนตี้แฟนของซันนี่มาโพสต์ข้อความเต็มไปหมด ให้ตายเถอะ! เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ผมไม่อยากจะเชื่อเลย!

                    ผมวางหูใส่เจ้าคยูฮยอนแล้วกำลังจะโทรหาซันนี่ แต่ยังไม่ทันจะกดโทรออก ใครบางคนก็โทรเข้ามาซะก่อน

                    “สวัสดีครับ” ผมรับสาย

                    “นี่ฉันเองนะซองมิน” เสียงของพี่โปรดิวเซอร์คิมดังมาตามสาย

                    “ครับพี่ มีอะไรเหรอครับ”

                    “นายเห็นข่าวรึยัง เรื่องซันนี่...”

                    “ครับ ผมเห็นแล้ว เป็นความผิดของผมเอง ผมเป็นคนบังคับเธอออกไปด้วยกันเองครับ” ผมรีบพูด

                    “เอาเถอะๆ เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว ที่ฉันโทรมานี่เพราะจะบอกว่าตอนนี้แอนตี้แฟนของซันนี่ออกมาโวยวายใหญ่ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปมันก็คงจะไม่ดี แล้วเมื่อกี้ซันนี่ก็เพิ่งโทรมาขอถอนตัวจากการเป็นดีเจ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปกาอินจะมาเป็นดีเจคู่กับนาย เตรียมตัวมาแล้วกันนะ”

                    “พี่เดี๋ยวก่อนครับ!” ผมพูดแต่ว่าพี่โปรดิวเซอร์กลับวางสายไปแล้ว

                    นี่มันอะไรกัน... ทำไมทุกอย่างถึงได้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ!

     

     

                “เป็นยังไงบ้าง?” ฉันหันไปถามยูริที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับซูยองและซอฮยอน

                    “ไม่เจอเลย แทงกู แล้วพวกเธอล่ะ?” ฉันกับยุนอาและฮโยยอนที่ไปตามหาซันนี่ด้วยกันได้แต่พากันส่ายหน้า

                    “ถ้าไม่เป็นอะไรไปก็ดีหรอก ถ้าเกิดไปเจอแอนตี้แฟนที่ไหนทำร้ายเข้าล่ะก็...” ทิฟฟานี่พูดขึ้นมาด้วยท่าทางเป็นกังวล ในขณะที่เจสสิก้าดูเดือดสุดๆ

                    “ขอโทษนะ ถ้าฉันกับยุนอาตามซันนี่ออกไปตั้งแต่ตอนนั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้” ฮโยยอนพูดออกมาด้วยท่าทางรู้สึกผิด

                    “มันไม่ใช่ความผิดเธอหรอก ถ้าฉันเป็นซันนี่ฉันก็คงอยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน” สิก้าพูดเสียงห้วนก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกอย่างหงุดหงิด “ถ้าเกิดว่าจะมีใครซักคนที่ผิดล่ะก็นะ ฉันว่าต้องเป็นยัยซอนกาอินแน่ๆ”

                    “ซอนกาอิน? ซอนกาอินทำไมเหรอคะพี่?” ยุนอาถามขึ้นมา

                    “ก็รู้ๆกันอยู่ว่าซอนกาอินน่ะท่าซันนี่เรื่องตำแหน่งดีเจแล้วก็เรื่องพี่ซองมิน แถมเค้าก็เล่นลูกไม้สกปรกทุกทางเลย ฉันกับเจสสิก้าลองคุยกันแล้วก็คิดว่าบางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นฝีมือของซอนกาอินก็ได้” ทิฟฟานี่ชี้แจง

                    “โหย อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องตามไปจัดการซะแล้ว!” ยูริทุบโต๊ะดังโครมจนพวกเราทุกคนสะดุ้งไปหมด

                    “นี่ แต่ว่ารายนั้นน่ะเป็นถึงนักร้องชื่อดังเลยนะ”

                    “เป็นนักร้องชื่อดังแล้วยังไง?”

                    ใครคนหนึ่งที่เพิ่งก้าวเข้ามาในฐานทัพของเราพูดขึ้น... และคนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก... รุ่นพี่โบอา!

                    “รุ่นพี่โบอา สวัสดีค่ะ” พวกเราทั้งแปดคนหันไปโค้งคำนับพร้อมกัน พี่โบอาเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสบายๆ แต่สีหน้ากลับดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

                    “พวกเธอนี่นะ... ก่อเรื่องไว้เยอะแยะจริงๆ” พวกเราทุกคนได้แต่ก้มหน้า แล้วพี่โบอาก็หันมามองฉัน “ทั้งไปมีเรื่องกับคนอื่น ปล่อยความลับเรื่องคลับ แล้วนี่ยังมาสร้างเรื่องอื้อฉาวกันอีก”

                    “ขอโทษค่ะพี่ ฉันเป็นลีดเดอร์ที่แย่จริงๆ” ฉันโค้งคำนับให้กับพี่โบอา ผู้ก่อตั้งเอฟคลับของพวกเรา รู้สึกผิดเต็มประตูเลย T T

                    แต่พี่โบอากลับยิ้มแล้วแล้วยกมือขึ้นลูบหัวฉันก่อนจะเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับเรา

                    “ไหนใครบอกนะตัวปัญหาคือซอนกาอิน”

                    เจสสิก้ากับฟานี่ยกมือขึ้น

                    “อืม...อีกฝ่ายก็เป็นนักร้องดังจริงๆล่ะนะ” พี่โบอาเปรยออกมาเบาๆ

                    “ฉันรู้แล้วค่ะว่าวิธีไหน พี่ซันนี่ถึงจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้” ซอฮยอนพูดขึ้นมา ก่อนจะสบตาทุกคนอย่างลำบากใจแล้วพูดต่อ “พี่ซันนี่...ต้องเดบิวท์ไปเป็นคนแรกในหมู่พวกเราค่ะ” ซอฮยอนพูดออกมาแล้วพวกเราทั้งหมดก็นิ่งกันไป

                    การเดบิวท์คือความฝันของพวกเราทุกคน กฏอีกอย่างของคลับก็คือ สมาชิกในรุ่นจะค่อยๆเดบิวท์ไปทีละคนตามความสามารถ เพราะงั้นภายในคลับแต่ละรุ่นมันก็มีการแข่งขันแฝงอยู่ด้วย ฉันมองหน้าอีกแปดคนที่เหลือ... จริงสินะ ถึงแม้ว่าเราจะทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันกับทั้งแปดคนนี้ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องการแข่งขันเลย ฉันคิดถึงแต่วันเวลาและความสุขที่เราได้ร้อง ได้เต้นไปด้วยกัน... ฉันเพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนี้เองว่าความฝันที่เคยคิดไว้ว่าจะเดบิวท์ มันไม่มีค่าอะไรเลยถ้าไม่มีสาวๆพวกนี้ยืนเคียงข้าง

                    แต่จะยังไงก็แล้วแต่... ความจริงก็ต้องเป็นความจริง กฏก็ต้องเป็นกฏ...

                    “ได้โปรด ให้พี่ซันนี่เดบิวท์ไปเป็นคนแรกเถอะนะคะ” ยุนอาพูดขึ้นมาทั้งน้ำตาแล้วลุกขึ้นโค้งลง เจสสิก้า ทิฟฟานี่ ฮโยยอน และยูริเองก็ทำเหมือนกัน

                    “ไม่”

                    “ทำไมล่ะคะ?” ซูยองท้วงขึ้นมา “ซันนี่มีคุณสมบัติครบทุกอย่าง ทั้งฉลาด ไหวพริบดี ทั้งการร้อง การเต้น การแสดงก็ไม่แพ้ใครเลย ได้โปรดให้ซันนี่ได้เดบิวท์เถอะนะคะ”

                    แทนที่จะอนุญาต พี่โบอากลับลุกขึ้นจากโต๊ะไปยืนเหม่อมองออกนอกหน้า

                    “นี่พวกเธอคิดว่าพวกเธอเป็นรุ่นที่เท่าไหร่กัน?”

                    “รุ่นที่สี่ค่ะ... แต่พวกเราก็อยู่กันมาครบปีแล้ว ยังไม่มีใครได้เดบิวท์ ฉันเองก็คิดว่าซันนี่เหมาะสมที่จะเป็นคนแรกค่ะ” คราวนี้ยูริพูดขึ้นมาบ้าง        

                    “พวกเธอเนี่ยอยู่กันมาโดยที่ไม่รู้อะไรเอาซะเลยนะจริงๆ แล้วเอฟคลับน่ะ ไม่ได้มีการแบ่งรุ่นอะไรทั้งนั้นแหละ” พี่โบอาหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม

                    “หมายความว่ายังไงคะ?” เจสสิก้าเลิกคิ้ว

                    “ก็หมายความว่า... แต่ก่อน พวกเราแทบจะไม่ได้เรียกกันว่าทีม เราแค่อยู่ด้วยกัน ฝึกไปด้วยกัน แล้วก็ค่อยๆเดบิวท์กันไป” พวกเราทั้งหมดได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

                    “แต่จะแบ่งหรือไม่แบ่ง สมาชิกก็เดบิวท์ออกปีละคนนี่คะ? เพราะงั้นปีนี้ก็ควรจะเป็นซันนี่” ทิฟฟานี่พูดขึ้นบ้าง ยังคงไม่ละความพยายามที่จะโน้มน้าวให้ซันนี่ได้เดบิวท์ แต่พี่โบอากลับไม่สนใจฟังเลยสักนิด

                    “สมัยก่อนพวกเราอยู่ด้วยกันเหมือนที่พวกเธอเป็นนี่ล่ะ แต่พอมีใครสักคนเดบิวท์ไปก่อนมันก็เหมือนมีรอยร้าวเกิดขึ้น พวกเรามานั่งคุยกันทีหลัง แล้วทุกคนก็เป็นเหมือนกัน...คือร้องไห้หนักที่สุดในวันที่รู้ว่าตัวเองต้องเดบิวท์ ดีใจที่ความฝันจะเป็นจริง แต่สิ่งที่รู้สึกเท่ากันคือรู้สึกผิด ที่ต้องเดบิวท์ไปก่อน... และต่อให้ได้ขึ้นไปยืนบนเวทีแล้ว มันเหงาจนบอกไม่ถูกเลยที่ต้องยืนอยู่คนเดียว แม้แต่พี่เองก็ยังคงร้องไห้คิดถึงเพื่อนๆที่ฝึกมาด้วยกันทุกครั้ง” พี่โบอาหันกลับมามองพวกเราด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “และเพราะพวกเราไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ในปีที่เก้าพวกเราก็เลยเลือกสมาชิกมา คนละหนึ่งตัวเลือก... สมาชิกเก้าคนที่จะมาสร้างปาฏิหาริย์”

                    “หมายความว่า...” เจสสิก้าได้แต่พูดค้างไว้แค่นั้น น้ำตาไหลลงมาอย่างหยุดไม่อยู่

                    “รู้ไหมว่า F ในเอฟคลับไม่ได้มาจากแค่คำว่า Feminine ที่แปลว่าผู้หญิงอย่างเดียว... แต่มันยังมีความหมายอื่นอีก F ที่มาจาก Famous Forever Family และ Friends พวกเธอคือรุ่นน้องที่เราภาคภูมิใจ รุ่นน้องทำให้ความหมายของคลับสมบูรณ์ที่สุด ทำให้เอฟคลับกลายเป็นกลุ่มเพื่อน เป็นครอบครัวที่มีความฝันร่วมกัน และไม่เคยทิ้งกัน...”

                    “พี่คะ...” ฟานี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พี่โบอายิ้มออกมา

                    “ซอนกาอินไม่ได้ประกาศท้าซันนี่แค่คนเดียวนะ เขียนข่าวแบบนั้นน่ะเท่ากับประกาศท้าเอฟคลับชัดๆ แล้วพวกเธอจะปล่อยให้ซันนี่เดบิวท์ไปสู้กับยัยนั่นแค่คนเดียวรึไง? แล้วอีกอย่าง กาอินน่ะเคยเข้ามาขอเป็นสมาชิก แต่เด็กคนนั้นไม่มีสิ่งที่พวกเธอมี เพราะงั้นก็เลยโดนปฏิเสธ พวกเธอทุกคนชนะซอนกาอินตั้งแต่ต้นแล้ว ประกาศให้เห็นไปเลยว่าใครมันแน่กว่าใคร”

                    พี่โบอาเดินเข้ามายืนตรงกลางแล้วยื่นมือไปข้างหน้าก่อนจะสบตากับฉันที่ยื่นมือตามออกไป สาวๆที่เหลือปาดน้ำตา แล้วยื่นมือมารวมกันไว้

                    “ต่อจากนี้ไปจะเป็นเวลาของพวกเรา!

                   

     

                “เบื่อมั้ย?”

                    “คะ?” ฉันเงยหน้าไปตามเสียงเรียกของพี่ยอนฮี รุ่นพี่เอฟคลับที่เป็นคนชวนฉันเข้ากลุ่ม ก่อนจะรับแก้วโก้โก้อุ่นๆจากพี่เค้ามาจิบ “ขอบคุณค่ะ”

                    “พี่ถามว่าเธอเบื่อมั้ยที่ขลุกอยู่ที่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้ว”

                    “ไม่หรอกค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะที่ต้องมารบกวนพี่”

                    “อย่าคิดยังงั้นสิ เธอก็เป็นน้องสาวพี่คนนึงนะ... ว่าแต่ ท่านประธานกับที่บ้านของเธอรู้เรื่องนี้รึเปล่า?” พี่ยอนฮีถามด้วยความเป็นห่วง

                    “คุณลุงรู้เรื่องแล้วล่ะค่ะ ท่านเข้าใจว่าฉันอยากใช้เวลาเงียบๆ ส่วนพ่อกับแม่ไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่อเมริกาแล้วก็คงจะอยู่อีกซักพัก กว่าพวกท่านจะกลับมาทุกอย่างก็คงจบแล้วล่ะค่ะ” ฉันวางแก้วน้ำในมือลงก่อนจะถอนหายใจ พี่ยอนฮีเดินลงมานั่งข้างๆฉัน

                    “เธอจะถอนตัวจากชอนจิแล้วก็เอฟคลับจริงๆเหรอ? เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ?”

                    “มันอาจจะไม่ผิดในสายตาของพวกเรา แต่สำหรับคนอื่นมันเป็นเรื่องผิดนี่คะ อย่างน้อยฉันก็เป็นหลานสาวของประธาน SM Ent คุณลุงเองก็ฝากให้ฉันเข้าทำงานที่นั่นจริงๆ แล้วฉันก็ทำให้คลับเสียชื่อ... มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วค่ะ”

                    พี่ยอนฮีไม่พูดอะไรอีก ได้แต่เดินไปหยิบบทมาอ่านทบทวนเงียบๆ จริงๆก็รู้สึกผิดนะที่ต้องมารบกวนทั้งๆที่พี่ยอนฮีมีงานยุ่งตลอด แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่รู้จะไปที่ไหนจริงๆ ไปโรงเรียนก็ไม่ได้ กลับบ้านก็ไม่ได้ ไปคลับก็ไม่ได้... รอให้เรื่องนี้ซาลงไปก่อนแล้วหลังจากนั้นฉันค่อยทำเรื่องไปเรียนต่ออเมริกา... รู้ยังงี้ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษก็ดีหรอก... ไม่งั้นให้สิก้ากับฟานี่สอนมามากกว่านี้ก็ดี...

                    น่าแปลกที่พอชื่อสองคนนั้นผุดขึ้นมาในหัว คนอื่นๆก็ทยอยตามขึ้นมา แทยอนเป็นลีดเดอร์ปากหนักที่ไม่ค่อยยอมพูด ถ้าฉันไม่อยู่แล้วยัยเตี้ยนี่จะปรับทุกข์กับใครนะ? แล้วถ้าฉันไม่อยู่ใครจะแย่งซูยองกินพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์กับเฟรนช์ฟรายล่ะ ยัยลิงรั่วยูริก็อีกคน จะไปอาละวาดใครระหว่างที่ฉันไม่อยู่ไหมนะ ยุนอาก็ชอบมาเล่นกับฉันที่ห้องเรียนบ่อยๆเวลาพัก แล้วฮโยยอนกับทีมวีนัสก็คงขาดแม่ยกไปอีกคน ส่วนน้องเล็ก...ใครจะสอนเธอทำท่าน่ารักๆอ้อนพี่ๆล่ะ...

                    น้ำตาฉันไหลลงมาไม่หยุดเลย ทั้งๆที่ฉันแทบไม่เคยร้องไห้ แต่พอคิดว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วฉันก็ห้ามตัวเองไม่อยู่

                    “ซันนี่...” เสียงพี่ยอนฮีเรียกขึ้นมา ฉันรีบปาดน้ำตา ตั้งใจจะตอบว่าไปเป็นไร แต่สายตาของพี่เค้ากลับจ้องตรงไปทางทีวี ฉันหันกลับไปดูแล้วก็เห็นสิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

                    บนจอทีวีมีภาพตัวอักษรวิ่งขึ้นมาเป็นคำว่า ‘F Club proundly present…’ แล้ววีดีโอฟุตเทจก็เริ่มขึ้น... ภาพของยุนอานำขึ้นมาก่อน

    ตามมาด้วยคลิปร้องเพลงของเจสสิก้าและปิดด้วยสเตปแดนซ์ เท่ห์ๆของฮโยยอน

                Nine girls will make the new era!

                    นั่นคือข้อความปิดท้ายฟุตเทจ ฉันได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ...คน ฉันอ่านไม่ผิดใช่ไหม? 9 คน!

                    “ซันนี่ พี่โบอาจะคุยด้วยแน่ะ!” พี่ยอนฮีส่งโทรศัพท์ของพี่เค้ามาให้ฉัน แถมยังเปิดสปีคเกอร์โฟนอีกด้วย

                    “สวัสดีค่ะ...” ฉันพูดออกไป แต่แล้วก็แทบจะทำโทรศัพท์หลุดมือเมื่อได้ยินเสียงวีนแตกของซูยองนำมาแต่ไกล

                    “ยัยเตี้ย! อีซุนคยู! ยัยเด็กบ้า! รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะยะ! ฉันไม่อนุญาตให้เธอลาออกด้วยประการทั้งปวง! ไม่ๆๆๆๆ!

                    “ถ้าเธอมาซ้อมช้าแล้วเต้นผิด ฉันจะให้เธอเต้นคนเดียวยันเช้าเลย เรามีเวลาอีกแค่สามอาทิตย์ สามอาทิตย์เท่านั้นนะยะ!” ฮโยยอนวีนตามขึ้นมาแล้วหลังจากนั้นฉันก็แทบฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยเพราะสาวๆแข่งกันพูดกรอกหูเต็มไปหมด จนพี่โบอาต้องสั่งให้ทุกคนเงียบ ฉันถึงได้มีโอกาสพูด

                    “นี่มันคืออะไรกันเหรอคะพี่? ฉันงงไปหมดแล้ว”

                    “ก็ทุกคนกำลังเตรียมตัวเดบิวท์กันอยู่น่ะสิ รีบมาได้แล้ว มาอัดวีดีโอฟุตเทจด้วยล่ะ ของเธอน่ะจะได้ออนแอร์ปิดท้ายพร้อมกับซูยองแล้วก็ซอฮยอน”

                    “เอ๋? ทุกคนเหรอคะ? ไม่ใช่ว่ามีแค่คนเดียวจะได้เดบิวท์หรอกเหรอ” ฉันถามกลับไป แต่หัวใจเริ่มพองออกเหมือนลูกโป่งทันทีที่ได้ยินคำว่า พวกเรากำลังจะได้เดบิวท์ พวกเราทุกคน!

                    “ไม่ต้องมามัวถามอยู่เลย รีบกลับมาเร็วๆเข้า แล้วก็ไม่ต้องมาอิดออดเล่นตัวเลยนะ! นี่คือคำสั่งของประธานคิมแทยอน พวกเราเดบิวท์ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีเธอ” ฉันได้ยินคำพูดของแทยอนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ พี่ยอนฮีบีบไหล่ฉันเบาๆอย่างให้กำลังใจ

                    “ค่ะ ลีดเดอร์! ฉันจะไปหาพวกเธอเดี๋ยวนี้เลย!

     

     

                “ไง ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้นล่ะ?” เจ้าเก่ารายเดิม โจคยูฮยอนน้องเล็กสุดรักสุดหวงของวงปรินซ์เดินเข้ามาโอบไหล่ผม

                    “นายมาทำอะไรที่ตึกเมลอนวันนี้? งานการไม่มีให้ทำรึไง”

                    “เหวี่ยงแบบนี้แสดงว่าสุขภาพใจไม่ดีใช่มั้ยครับ ^^” คิบอมยิ้มแป้นแล้วเดินมายิ้มส่งซิกอะไรบางอย่างให้คยูฮยอน

                    “ดีเจคนใหม่ไม่ถูกใจเท่าคนเก่าก็บอกมาเถอะน่า” ฮยอนจุงเพื่อนรักเดินเข้ามาขนาบผมอีกข้าง โอเค วันนี้วงปรินซ์มันว่างงาน! แล้วจะมาแซวผมให้อารมณ์บูดหนักกว่าเดิมไปเพื่อ!?

                    “พวกนายมาทำอะไรแถวนี้? ไม่มีงานรึไง? ไหนว่าจะคัมแบ๊ค?” ผมถามก่อนจะปัดมือเจ้าพวกตัวป่วนที่เกาะแขนเกาะไหล่อยู่ให้พ้นจากตัว แล้วหันมายืนประจันหน้ากับเจ้าพวกนั้น ดีเลย... มีเรื่องจะเคลียร์อยู่เหมือนกัน

                    “ยังหรอกครับพี่ อันนั้นน่ะเลื่อนไปก่อน ผมติดถ่ายหนัง พี่ฮยอนจุงจะทำซิงเกิ้ลโซโล่ ส่วนไอ้น้องเล็กก็ติดถ่ายวาไรตี้เยอะไปหมด แล้วอีกอย่างค่ายเรามีโปรเจคต์เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ จะเดบิวท์วันเสาร์นี้” คิบอมตอบพร้อมรอยยิ้มละลายใจสาว แต่ใช้ไม่ได้ผลสำหรับผม

                    “เรื่องนั้นจะยังไงฉันก็ไม่สนแล้ว คยูฮยอน เอาเบอร์แฟนนายมาซิ”

                    “บ้าเหรอพี่! มาขอกันยังงี้ได้ไง แฟนผมผมก็หวงนะเอ้อ! = =

                    “ไม่ใช่ยังงั้น ก็แฟนนายเป็นเพื่อนซันนี่ไม่ใช่เหรอ ฉันติดต่อซันนี่ไม่ได้มาตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน ฉันลงทุนไปหาท่านประธาน แต่ท่านก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย บอกแค่ว่าให้ฉันกลับไปทำงานตามปกติก็พอ”

                    “ท่านประธานไม่สั่งยิงหัวแกก็บุญแล้ว หลานสาวหัวแก้วหัวแหวนเชียวนะเฟ่ย” ฮยอนจุงมะเหงกผมทีนึง

                    “ก็แล้วคนเราจะรักกันมันผิดหรือไง? ความรักน่ะต่อให้เก่งแค่ไหนพยายามยังไงมันก็บังคับกันไม่ได้นี่ ฉันชอบซันนี่แล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ทำไมทุกคนต้องทำเหมือนซันนี่เป็นฝ่ายผิดทั้งๆที่ฉันเป็นคนชอบเธอก่อน” ผมพูดออกมาอย่างเหลืออดเล่นเอาหนุ่มๆวงปรินซ์กะพริบตาปริบๆอย่างอึ้งทึ่ง เจ้าคยูฮยอนปรบมือเบาๆด้วยท่าทางกวนพระบาทสุดยอดก่อนจะจับตัวผมหมุนหันหลังกลับเดินเข้าไปในสตูดิโอ

                    “เอาน่าๆ ถ้าพี่เกิดมาคู่กับน้องซันนี่สุดสวยจริงๆ เดี๋ยวพี่ก็ได้เจอกันอีก แต่ตอนนี้เข้าไปจัดรายการกับดีเจสำรองซอนกาอินก่อนนะจ๊ะ สู้ๆ ^^” เจ้าคยูผลักผมเข้ามาแล้วปิดประตูกระจกขุ่น เจ้าตัวแสบสามคนยืนยิ้มแป้นโบกมือหยอยๆให้ผม ฮึ่ย! ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติมอีก เจ้าเด็กพวกนี้... จัดรายการเสร็จผมออกไปคิดบัญชีแน่!

                    “อ้าว! พี่ซองมินไปไหนมาเหรอคะ?” กาอินหันมายิ้มให้ผม ซึ่งผมก็แค่ทำเหมือนเดิมคือพยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ เหมือนกาอินจะพอใจแค่ที่ตัวเองได้เป็นดีเจ เพราะหลังจากเกิดเรื่องกับซันนี่แล้วเธอก็ไม่มายุ่งวุ่นวายกับผมอีก ตรงกันข้ามกับทีมงานที่เหมือนจะรู้ว่าผมไม่ยอมรับเธอเอาซะเลย ผมยังคงทำงานในส่วนของผมได้ดี แต่กาอินแย่กว่าซันนี่เยอะ เธอไม่มีไหวพริบ ไม่เป็นกันเองกับแขกรับเชิญ แล้วก็มักจะมาสายบ่อยๆ สาบานเอาอะไรก็ได้ว่าพีดีคิมอยากได้ซันนี่คืนมาสุดใจ... เหมือนที่ผมรู้สึก...

                    “กาอิน ซองมิน วันนี้เรามีเกสท์พิเศษนะ” พี่มีจินเดินเอาสคริปท์มาวางให้เหมือนเคย “เป็นนักร้องใหม่ที่กำลังจะเดบิวท์เสาร์นี้... โซนยอชีแดน่ะ”

                    ผมรับสคริปต์มาแล้วเปิดอ่านคร่าวๆ ส่วนมากก็เป็นลิสท์คำถาม ให้แนะนำตัว แล้วก็ให้โชว์ความสามารถของแต่ละคน แต่ที่แปลกคือในสคริปท์นี่ไม่เห็นมีชื่อสมาชิกเลย มีบอกแค่จำนวนสมาชิกเก้าคน

                    “ทำไมไม่เห็นบอกเลยล่ะว่าใครชื่ออะไร มีตั้งเก้าคน ถ้าให้ถามสดน่ะฉันจำไม่ได้หรอกนะ” กาอินวีนขึ้นมาเล็กๆ นั่นแหละอีกจุดนึงที่เธอไม่โปร... เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมหรอก

                    “พวกเธอจะเข้ามาหลังเบรคที่สองนะ เบรคแรกเปิดรายการก่อนเลย เอาล่ะอีกห้านาทีออนแอร์ พี่ไปก่อนนะจ๊ะ” พี่มีจินส่งยิ้มให้กำลังใจผมแล้วเดินกลับออกไป ผมชำเลืองมองไปนอกสตูดิโอ... ก็ยังไม่เห็นวี่แววผู้หญิงสักคน มีแต่พวกหนุ่มๆวงปรินซ์ที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง โอ๊ะ... มีผู้หญิงเดินมาคนหนึ่งแล้ว แต่นั่นมันควอนโบอา?

                    ผมไม่มีเวลาได้สงสัยมากกว่านั้นเพราะรายการเริ่มต้นขึ้นแล้ว

                    “สวัสดีครับ กาอิน ซองมิน ชอนจิเรดิโอกลับมาพบกับทุกคนอีกแล้ว!

                    “สวัสดีค่ะ คุณซองมินวันนี้สตูดิโอเราจะต้องอึดอัดแน่ๆเลย เพราะเราจะมีเกสท์ตั้งเก้าคนแน่ะค่ะ!อึดอัด เธอใช้คำผิดอีกแล้ว... มันต้องเป็น คึกคัก ต่างหากล่ะ...

                    “ผมว่าวันนี้จะต้องสนุกสนานมากแน่ๆเลยครับ คุณกาอินอิจฉาแน่ๆเลยใช่มั้ยล่ะที่เราจะมีสาวน้อยน่ารักตั้งเก้าคนเข้ามาพูดคุยกับเรา ใช่แล้วครับผมกำลังพูดถึงโซนยอชีแด! เอาล่ะ เราไปฟังไตเติ้ลแทรคของพวกเธอกันก่อน แล้วกลับมาพบกันในเบรคที่สองครับ” ผมพูดรวดเดียวจบโดยไม่แบ่งสคริปท์ให้กาอินแล้วกดเปิดเพลงทันที ผมแอบเหลือบไปเห็นคิบอมยกนิ้วโป้งส่งให้ แล้วก็... กลุ่มสาวๆที่ท่าทางเหมือนจะเป็นเกสท์ของเรายืนออกันอยู่ข้างนอก... หวา~ คนเยอะจังแฮะ กระจกติดฟิล์มดำไว้ผมเลยมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่ท่าทางพวกเธอดูสนิทสนมกับวงปรินซ์ดี จริงๆถ้าพวกเธอเคยเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายผมน่าจะคุ้นตาบ้างนะ แต่จะว่าไปก็ดูเสียงดีกันทั้งนั้น ผมเหลือบมองชื่อเพลง... ‘Into The New World’

                    “สวัสดีค่ะ พวกเรา โซนยอชีแดค่ะ!” เสียงทักทายใสๆดังขึ้น ผมไม่รู้เลยว่าพวกเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พวกเธอทั้งเก้าคนส่งประกายเหมือนนางฟ้า และคนที่ยืนอยู่ตรงกลางนั่นคือคนที่ผมภาวนาสุดใจให้เธอกลับมา

                    “ซันนี่!

                    กาอินดูเหมือนจะเป็นคนที่ช็อคกว่าผม สาวๆทั้งเก้าคนนั่งลงประจำที่ ผมยังคงจ้องซันนี่อยู่ เธอดูน่ารักสดใสเหมือนเดิม... ไม่สิ ยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ พวกเธอดูจะตื่นเต้นแต่รอยยิ้มและสายตาที่มองกันและกันเป็นเชิงให้กำลังใจนั่นทำให้พวกเธอสงบลง เห็นแค่นั้นผมก็รู้แล้ว... สักวันเด็กๆกลุ่มนี้จะเป็นยิ่งกว่าตำนานของวงการไอดอล...

                    “เอาล่ะค่ะ ตอนนี้กลับเข้ามาในเบรคที่สอง พวกเราอยู่กับสาวๆทั้งเก้าคนจากโซนยอชีแด ช่วยแนะนำตัวด้วยค่ะ” ระหว่างที่ผมยังนึกคำพูดไม่ออก กาอินก็แย่งหน้าที่ดีเจไปหมด ใช่สิ...กาอินเป็นดีเจ งั้นหมายความว่านี่เป็นงานหินสำหรับซันนี่แน่ๆ!

                    สาวๆแนะนำตัวไปทีละคน สองในสามนั่นผมจำได้ว่าเป็นแฟนของคยูฮยอนกับฮยอนจุง เพราะยังงี้นี่เองเด็กพวกนี้ถึงได้แห่กันมา สุดท้ายก็เหลือแค่ซันนี่ เธออ้าปากกำลังจะพูด แต่เสียงของกาอินก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน

                    “อ้าว! นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็คุณซันนี่ดีเจเก่าของเรานี่เอง”

                    สตาฟฟ์ทุกคนหันมามองด้วยความเป็นห่วง สาวๆโซนยอชีแดเองก็ดูกังวลขึ้นมาทันที ซันนี่นิ่งไปนิดหนึ่งแล้วเธอก็ยิ้มสดใส รอยยิ้มที่ผมคิดถึงมากที่สุด

                    “สวัสดีค่ะ ฉันซันนี่ ดีเจสุดน่ารักแห่งชอนจิ ดีใจจังที่ได้กลับมาพบกับทุกๆคนอีกครั้งค่ะ ^^ ฉันอยากจะพูดแบบนั้นนะคะ แต่ว่าวันนี้ฉันมาในนามของโซนยอชีแด ซันนี่ ช่วยให้ความรักและสนับสนุนพวกเราด้วยนะค้า~” ซันนี่ปิดท้ายด้วยน้ำเสียงแอ๊บแบ๊วแบบน่ารัก เล่นเอาสาวๆทุกคนทำเสียงกรี๊ดกร๊าดแบบรับไม่ได้ ดึงบรรยากาศสนุกสนานกลับคืนมาในสตูดิโอ

                    “ไม่ได้มีแต่ผู้ฟังเท่านั้นนะครับที่คิดถึงซันนี่ ผมกับทีมงานชอนจิทุกๆคนก็คิดถึงเธอมากเหมือนกัน”

                    “แหม... ในเมื่อเปิดมาแล้วฉันก็ขอถามต่อเลยแล้วกันนะคะว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณสองคนเป็นยังไงกันแน่” กาอินยังคงเล่นเกมรุกไม่เลิก ตอนนี้สาวๆทุกคนมีท่าทางกระสับกระส่ายแล้ว ผมสบตากับซันนี่... คำถามนี้หมายความถึงอนาคตในฐานะไอดอลของเธอเลยทีเดียว เธอควรจะปฏิเสธซะ เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์เสียหาย แต่อีกใจนึงผมอยากให้เธอยอมรับความรู้สึกออกมาตรงๆ ซันนี่จ้องมองผม แล้วเธอก็เริ่มพูด

                    “ฉันรู้ดีค่ะว่าพี่ซองมินให้เกียรติฉันด้วยการปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ทั้งหมดก่อนที่ฉันจะมีโอกาสได้พูดอะไร... แต่ในเมื่อเราอยู่พร้อมกันตรงนี้แล้ว ฉันอยากจะให้พี่เค้าเป็นฝ่ายพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นด้วยตัวเอง” ทันทีที่เธอพูดจบ ทุกสายตาก็มองมาที่ผมอย่างคาดหวัง เด็กๆวงปรินซ์ทำปากตะโกนเป็นคำว่า พูดเลยๆ อยู่ตรงหน้าประตู พีดีคิมกับควอนโบอายืนกอดออกอยู่เงียบๆ สาวๆทุกคนเองก็มองผมอย่างคาดหวัง ผิดกับซันนี่ที่นั่งหลับตานิ่ง รอฟังคำตอบ...

                    “เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแค่ความประทับใจแบบพี่น้อง ระหว่างเราไม่ได้มีอะไรต่อกันทั้งนั้น” กาอินยิ้มเยาะ และสาวๆถอนหายใจอย่างผิดหวัง แต่ผมกลับยิ้มขึ้นมา

                    “...นั่นคือสิ่งที่ผมควรจะพูด แต่ว่าความเป็นจริงมันไม่ใช่ครับ ผมรู้สึกดีๆกับซันนี่ตั้งแต่วันแรกที่เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ผมจัดรายการไม่ได้ แล้วเธอต้องมากลายเป็นดีเจเฉพาะกิจ ทั้งๆที่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้เธอเป็นเพียงผู้ช่วยเขียนสคริปท์ แต่ผมอยากขอบคุณเรื่องวันนั้น ที่ทำให้ผมเห็นความสามารถของเธอ และทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ แต่เพราะข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด ผมเป็นฝ่ายตามตื้อซันนี่ แล้วเธอก็ใจดีมากที่ไม่ปฏิเสธผม... ตอนนี้มันอาจจะเร็วไปถ้าจะบอกว่าเรามีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่ผมหวังว่าสักวันนึง ผมจะเปลี่ยนใจซันนี่ให้ชอบผมได้อย่างที่ผมชอบเธอครับ”

                    ทันทีที่ผมพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นจากสาวๆ พีดีส่งสัญญาณตัดเบรกทันที กาอินลุกขึ้นอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วมองสาวๆโซนยอชีแดอย่างไม่เป็นมิตรเอาซะเลย

                    “ระหว่างฉันกับพวกเธอยังไม่จบหรอกนะเอฟคลับ... ฉันจะคัมแบ๊ควันเดียวกับที่พวกเธอเดบิวท์ คอยดูแล้วกันว่าเพลงของใครจะได้ที่หนึ่งในชาร์ต!

     

     

                ฉันควรจะขอบคุณพี่ซองมิน... จริงๆนะ ฉันควรจะขอบคุณเขา เพราะคำพูดของพี่ซองมินวันนั้นทำให้มีการเขียนข่าวขอโทษฉันอย่างเป็นทางการ แล้วก็ทำให้แฟนๆหลายคนออกมาให้กำลังใจพวกเราผ่านทั้งทางเว็บเมลอนและเว็บไซต์ของโซนยอชีแด

                    แต่จำนวนแอนตี้แฟนของเราก็ยังมากโขเลย โดยเฉพาะสาวๆที่โดนหมายตาว่าคบกับไอดอลอย่างยุนอาและเจสสิก้า ฟานี่ยังรอดตัวอยู่แต่ก็ไม่รู้จะรอดไปได้สักกี่น้ำ

                    และตอนนี้เรากำลังนั่งตัวแข็งกันอยู่ในห้องรอขึ้นแสดง วันนี้เป็นวันขึ้นแสดงวันแรก พวกเราเตรียมเพลงมาสองเพลง แล้วก็ยังตื่นเต้นจนไม่มีใครกล้าเปิดปากพูดอะไร แถมทุกๆครั้งที่เดินผ่านรุ่นพี่ พวกเราก็โค้งคำนับกันจนหัวจะโขกพื้น ตัวเล็กลีบเหลือแค่สองเซ็นต์ - -“ การเป็นน้องใหม่มันยากยยังงี้นี่เอง

                    “ว่าไงสาวๆ!” พี่โบอาเปิดประตูนำทีมสาวๆเอฟคลับรุ่นพี่เข้ามา พี่ยอนฮี และรุ่นพี่อารา ตรงเข้ามากอดพวกเราทุกคนแน่น

                    “ดีใจด้วยนะทุกคน” พี่ยอนฮียิ้มกว้าง

                    “คนอื่นๆมาไม่ได้ แต่ว่าฝากขนมกับการ์ดแสดงความยินดีมาด้วยนะคะ” รุ่นพี่โกอาราที่อายุเท่ายัยน้องรอง อุตส่าห์มาเชียร์พวกเราถึงที่ทั้งๆที่ตัวเองมีตารางถ่ายหนังกับซีรี่ย์อยู่อีกตรึม

                    “นี่ ไม่ได้มีแต่สาวๆมาเชียร์นะ หนุ่มๆก็มาเหมือนกัน”

                    พี่ฮยอนจุงเดินนำวงปรินซ์เข้ามา พ่วงท้ายมาด้วยพี่นิชคุณที่รั้งตำแน่งเอ็มซีรายการนี้ก็ตรงเข้ามาไฮไฟว์กับยุนอา บรรยากาศในห้องรอขึ้นแสดงเลยดูคึกคักขึ้นทันที

                    “ทาดา~ มีเค้กมาด้วย” พี่คิบอมวางกล่องเค้กลงบนโต๊ะ ส่วนพี่คยูฮยอนวุ่นวายอยู่กับการใช้ไอโฟนอัดวีดีโอเจสสิก้า แต่สักพักเขาก็หันไปหาซอฮยอนแทน

                    “ซันนี่ ถ่ายรูปคู่พี่กับซอฮยอนให้หน่อยสิ”

                    “เห? ไม่ถ่ายกับสิก้าเหรอคะ = = เจ้าตัวหน้าบูดแล้วนั่น”

                    “ฮึ้ย! พี่จะเอารูปลงทวิตเตอร์ สร้างกระแสเบี่ยงเบนข่าวไง ให้เป็นคยูซอแทนคยูสิก สิก้าจะได้ไม่โดนแอนตี้แฟนเพ่งเล็ง”

                    “อ๋อเหรอ... แล้วน้องเล็กฉันก็โดนเล่นงานแทนใช่มั้ย? ไม่ต้องอ้างเลยนะยะ นี่แน่ะ!” ฉันมองพี่คยูฮยอนโดนสิก้าทำร้ายร่างกายแล้วก็ขำไปพร้อมกับซอฮยอน สักพักโทรศัพท์ของน้องเล็กก็ดังขึ้น

                    “โอ๊ะ! พี่ยงฮวาวีดีโอคอลมาล่ะค่ะ! ทุกคนมาเชียร์เรากันหมดเลย ทำป้ายไฟมาด้วย!” น้องเล็กหันมาพูดกับฉัน หน้างี้แดงเป็นลูกตำลึงสุกเลยล่ะ

                    ท่ามกลางความวุ่นวายทุกอย่าง คนที่ควรจะมาที่นี่ที่สุดกลับไม่มา คนที่ฉันยังติดค้างคำขอบคุณจากเขา...

                    “สาวๆ ขึ้นเวทีได้แล้ว” พี่ซงคิบอม หัวหน้าผู้จัดการวงของเราตะโกนเรียก แล้วพวกเราก็ทยอยเดินกันไปหลังเวที ฟานี่นับจำนวนคนซ้ำๆเหมือนกลัวใครจะหายไป ทุกคนเริ่มยุกยิกอยู่ไม่สุขเพราะคอยชะเง้อมองหน้าเวที หวังว่าจะเห็นป้ายไฟของเราบ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เห็นอะไรเลย มิหนำซ้ำ เรายังขึ้นแสดงต่อจากซอนกาอิน เธอมาในลุคเซ็กซี่ที่ทำเอาเรากลายเป็นเด็กประถม แต่ไม่รู้ล่ะ พวกเราจะโชว์ความน่ารักสดใสในแบบฉบับโซนยอชีแดให้ดู!

                    “เอาล่ะครับ ต่อไปขอเชิญพบกับความสดใสที่มาพร้อมกับสาวๆทั้งเก้าคน โซนยอชีแด!” พอสิ้นเสียงประกาศจากพี่คุณ พวกเราก็วิ่งออกยืนบนบล็อกกิ้งหน้าเวที เสียงผู้ชมยังคงเงียบอย่างน่าใจหายแต่พอเพลงขึ้น แสงไฟและลูกโป่งสีชมพูรูปหัวใจก็ถูกระบายเต็มฮอลล์ไปหมด เสียงเชียร์ดังกระหึ่มยิ่งทำให้พวกเราทั้งร้องทั้งเต้นออกไปอย่างเต็มที่ เท่าที่เราจะทำได้ การแสดงจบลงในพริบตา และความรู้สึกทุกอย่างก็ท่วมท้น พวกเรากอดคอกัน กระโดดโลดเต้นบนเวทีพร้อมๆกับที่นักร้องคนอื่นๆก้าวขึ้นมา การประกาศผลคะแนนกำลังจะเริ่ม!

                    “ศิลปินที่ได้รางวัลท็อปชาร์ตในวันนี้!” พี่นิชคุณพูดแล้วก็หยุดเว้นไป “คุณซอนกาอิน ยินดีด้วยครับ!

                    เสียงประทัดและกระดาษสีถูกโปรยปรายลงมาเต็มเวที สาวๆทุกคนสบตากัน ไม่มีใครรู้สึกเสียใจเลย เพราะเราได้รับรางวัลที่มีค่าที่สุดแล้ว ในวินาทีที่เสียงเชียร์ดังขึ้น ลูกโป่งและแท่งไฟถูกโบกไปมา ฉันจะไม่มีวันลืมภาพนั้นไปตลอดชีวิต และมันยิ่งมีค่าเมื่อมีคนยืนเคียงข้างบนเวทีเดียวกัน และจะเดินไปด้วยกันเรื่อยๆอย่างนี้ตลอดไป...

     

     

                “นอกจากรางวัลท็อปชาร์ตแล้ว เรายังมีรางวัล Rookie of the month ด้วยนะครับ ซึ่งในเดือนนี้เป็นของโซนยอชีแด ยินดีด้วยครับ!

                    ผมยืนมองมอนิเตอร์ในห้องรอขึ้นแสดง เห็นสาวๆทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง พวกเธอมองหน้ากัน ถามกันไปมา แล้วสุดท้ายก็กระโดดโลดเต้นจากนั้นก็เริ่มร้องไห้ ไม่ห่างกันนั้นคือกาอินที่โดนแย่งซีนไปอย่างสมบูรณ์แบบ เธอพ่ายแพ้... แพ้หมดรูปในทุกๆเรื่อง เด็กผู้หญิงทั้งเก้าคนนี้ได้พิสูจน์ให้ทุกๆคนเห็นแล้วว่าพวกเธอคือ เพชรแท้ที่ส่องประกายผ่านอุปสรรคและความยากลำบากทั้งหมด พวกเธอไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังแข็งแกร่งและไม่มีวันแตกสลาย

                    “พี่คะ!” ยุนอาเป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้ามาแล้ววิ่งเข้าไปโถมกอดโบอา สาวๆที่เหลือกกรูเข้าไปกอดกันแน่น ผมชะเง้อคอมองหายัยตัวเล็กของผมที่โดนเพื่อนๆอัดอยู่ในวงล้อม ดูเหมือนเธอจะยังไม่รู้ว่าผมมาแล้ว...

                    “นี่ เธอน่ะ! ไปทางโน้นเลยไป” ยูริที่หันมาเห็นผมดึงซันนี่ออกจากวงแล้วผลักร่างเล็กๆเข้ามาตรงหน้า วินาทีที่เธอเห็นผมแก้มชมพูนั่นก็แดงขึ้น ดวงตาเป็นประกาย เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนคนอื่นๆ และผมไม่คิดว่าเธอจะร้องจนกระทั่งน้ำตาใสๆไหลลงมาเหมือนทำนบแตก

                    “ซ...ซันนี่” ผมตรงเข้าไปดึงยัยตัวเล็กเข้ามาซบไหล่ สาวๆคนอื่นก็ดูเหมือนจะตกใจเหมือนกันที่เห็นซันนี่ร้องไห้ มือเล็กๆขยุ้มเสื้อผมจนแน่น เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังไม่หยุด

                    “ฉันนึกว่าพี่จะไม่มาแล้ว!... ฉัน...ฉัน...”

                    “อย่าร้องไห้เลยนะ วันนี้พวกเธอต้องมีความสุขสิ ^^ ตอนนี้เป็นเวลาของโซนยอชีแดไม่ใช่เหรอ? ต่อไปนี้ก็พยายามเข้านะ พี่จะคอยเป็นกำลังใจให้

                    “แค่นั้นไม่พอหรอก!” ซันนี่ใช้หลังมือปาดน้ำตาออกเหมือนเด็กๆ “ฉันเป็นคนชนะเกมไม่ใช่เหรอคะ? ถึงจะไม่ได้กลับไปเป็นดีเจ แต่อย่างน้อยฉันต้องได้ตัวพี่สิ! พี่ต้องดูแลฉัน โทรหาฉันทุกคืน ต้องพาฉันไปเดท พี่ต้องคอยตามตื๊อฉันต่อไปจนกว่าฉันจะรับรักพี่ เข้าใจไหม?” ผมหัวเราะกับคำพูดเอาแต่ใจของเจ้าตัวที่ยืนหน้าบึ้งสะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด แล้วผมก็ลูบหัวเธอเบาๆ

                    “โอเค ถ้างั้นสถานะนี้เรียกว่าอะไรดีล่ะ? เรียกว่าแฟนได้ไหม?”

                    “ไกลไปนะอันนั้น ฉันให้พี่เป็นแฟนคลับ VIP แล้วกัน”

                    “แหม มีแฟนก็ดีแล้ว ยังจะท่ามากอีกนะยะยัยเตี้ย!” ซูยองกระโดดเข้ามาแยกเราสองคนออกจากกันแล้วสาวๆเอฟคลับก็รุมเอาเค้กฉลองการเดบิวท์ป้ายหน้าซันนี่ที่วิ่งหนีไปรอบห้อง เสียงหัวเราะของสาวๆดังขึ้น ไม่มีใครเลยที่ไม่มีรอยยิ้ม

                    ต่อจากนี้จะเป็นยุคของพวกเธอ...

                    วันนี้ วันข้างหน้า และตลอดไปจะเป็นของโซนยอชีแด!

                    ........................................................

                    ..........................................

                    ...........................

     






                    ผมรู้สึกว่ามันควรจะมีบทส่งท้ายนะ? หรือว่ายังไงดี ^^?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×