ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กะเพรายอดรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ช่องว่างระหว่างวัย

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 49


    ตอนที่ 3: ช่องว่างระหว่างวัย

    3: ช่องว่างระหว่างวัย

    ธีรวิทย์ขับรถมาส่งกิรณาที่หอพักในตอนเช้าวันอาทิตย์ เมื่อถึงจุดหมายก็จัดแจงยกสัมภาระของหลานสาวออกจากรถโดยไม่สนใจเสียงเจื้อยแจ้วที่คอยเซ้าซี้ถามคำถามนู่นนี่มาตลอดทาง เขาทำหูทวนลมเสียทุกเรื่องที่หล่อนยกมาเล่าโดยเฉพาะเรื่องของทายาทหนุ่มของเจ้าของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ นึกฉุนในใจอย่างไม่มีสาเหตุ แม้เด็กสาวจะเอ่ยท้วงว่าเขาพาลหล่อนทั้งที่หล่อนไม่ผิดอะไรก็ตาม

    ...ผิดสิแม่หลานสาว... ผิดที่ทำให้น้าเกิดอาการหงุดหงิด อีกทั้งยังหวงขึ้นมาตะหงิดๆอีกด้วย

    ผิดสิแม่หลานสาว... ผิดที่ทำให้น้าเกิดอาการหงุดหงิด อีกทั้งยังหวงขึ้นมาตะหงิดๆอีกด้วย

    "น้องกะเพราครับ กลับมาแล้ว พี่แห้วคิดถึงจังเลย" เสียงลอยตามลมมาก่อนเจ้าตัว ธีรวิทย์หันขวับ เจอเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับกิรณา ขณะที่อีกฝ่ายนิ่งอึ้งเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมากับผู้ใหญ่

    น้องกะเพราครับ กลับมาแล้ว พี่แห้วคิดถึงจังเลย" เสียงลอยตามลมมาก่อนเจ้าตัว ธีรวิทย์หันขวับ เจอเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับกิรณา ขณะที่อีกฝ่ายนิ่งอึ้งเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมากับผู้ใหญ่

    "เอ่อ นี่น้าธีค่ะพี่แห้ว เป็นน้าชายกะเพราเอง" ชายหนุ่มชื่อแห้วยกมือไหว้ แต่ทำหน้าเกรงๆ เมื่อเห็นว่าแม้อีกฝ่ายจะรับไหว้แต่ดูสีหน้าแล้วไม่พอใจนัก หรือจะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าไม่พอใจมากๆ รังสีอำมหิตแผ่ขยายมาทาบทับเขาจนแทบมิด

    เอ่อ นี่น้าธีค่ะพี่แห้ว เป็นน้าชายกะเพราเอง" ชายหนุ่มชื่อแห้วยกมือไหว้ แต่ทำหน้าเกรงๆ เมื่อเห็นว่าแม้อีกฝ่ายจะรับไหว้แต่ดูสีหน้าแล้วไม่พอใจนัก หรือจะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าไม่พอใจมากๆ รังสีอำมหิตแผ่ขยายมาทาบทับเขาจนแทบมิด

    "น้าธีคะพี่แห้วค่ะ เรียนคณะเดียวกับกะเพราเองค่ะ แต่ว่าพี่เค้าอายุเยอะกว่าเลยเรียกพี่"

    น้าธีคะพี่แห้วค่ะ เรียนคณะเดียวกับกะเพราเองค่ะ แต่ว่าพี่เค้าอายุเยอะกว่าเลยเรียกพี่"

    "เอ่อ คือ อ่า ให้พี่ช่วยขนของนะครับน้องกะเพราไปส่งตรงหน้าบ้านนี่ฮะ" ชายหนุ่มหมายถึงหอพักของกิรณา

    เอ่อ คือ อ่า ให้พี่ช่วยขนของนะครับน้องกะเพราไปส่งตรงหน้าบ้านนี่ฮะ" ชายหนุ่มหมายถึงหอพักของกิรณา

    "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมยกเข้าไปให้เขาเองได้ ขอบใจมาก" คนตอบกลับเป็นหนุ่มใหญ่ข้างสาวเจ้าที่นอกจากจะหาคำว่าเป็นมิตรบนใบหน้าไม่ได้แล้วยังทำหน้าถมึงทึง ส่งสายตาพิฆาตแถมมา หนุ่มแห้วจึงได้แต่ยืนหน้าซีดอยู่อย่างนั้น

    ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมยกเข้าไปให้เขาเองได้ ขอบใจมาก" คนตอบกลับเป็นหนุ่มใหญ่ข้างสาวเจ้าที่นอกจากจะหาคำว่าเป็นมิตรบนใบหน้าไม่ได้แล้วยังทำหน้าถมึงทึง ส่งสายตาพิฆาตแถมมา หนุ่มแห้วจึงได้แต่ยืนหน้าซีดอยู่อย่างนั้น

    ธีรวิทย์เองเหมือนมีอะไรมาจุกอก จากไอกรุ่นๆ ของความโมโหเมื่อครู่ดูเหมือนจะทับทวีคูณขึ้นเพราะไอ้หนุ่มตระกูลเผือกที่โผล่มาหลีหลานสาวกันต่อหน้าต่อตา นึกแล้วมันน่าโมโหไหมล่ะ นี่แม่หลานสาวก็ดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย หรืออาจจะแอบพอใจเจ้าหนุ่มคนนี้อยู่เงียบๆ ยิ่งนึกแล้วยิ่งโมโห เฮ้อ

    "ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับได้นะครับ" อึ้ง บอกได้คำเดียวว่าอึ้ง คนอะไรดุชะมัด แห้วแอบบ่นเบาๆ กิรณาได้แต่ยืนมองเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยขัดแต่ก็ออกจะไม่พอใจนิดหน่อยที่น้าชายออกปากไล่เพื่อนหล่อนซึ่งๆ หน้า

    ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับได้นะครับ" อึ้ง บอกได้คำเดียวว่าอึ้ง คนอะไรดุชะมัด แห้วแอบบ่นเบาๆ กิรณาได้แต่ยืนมองเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยขัดแต่ก็ออกจะไม่พอใจนิดหน่อยที่น้าชายออกปากไล่เพื่อนหล่อนซึ่งๆ หน้า

    ...น้าชายยังโหดขนาดนี้ พ่อจะโหดขนาดไหนว้า... แห้วอดนึกในใจไม่ได้ ตัดสินใจเดินคอตกจากไป

    ตัดสินใจเดินคอตกจากไป

    "น้าธีเป็นอะไรน่ะคะ ทำไมแค่นี้ต้องหงุดหงิดด้วย"

    น้าธีเป็นอะไรน่ะคะ ทำไมแค่นี้ต้องหงุดหงิดด้วย"

    ธีรวิทย์ไม่ตอบแต่เสไปยกกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าบ้านให้หล่อน กิรณาเดือนตามไปเงียบๆ เมื่อเห็นว่าน้าชายไม่มีท่าทีว่าจะตอบ หรือจะอารมณ์ดีผ่อนคลาย หล่อนจึงเลิกตอแย

    นี่เขาคงจะทำงานหนักเกินไปซะแล้วมั้งถึงหงุดหงิดมากมาย ...จนพาลดุไม่เข้าเรื่อง...

    ธีรวิทย์พกเอาความหงุดหงิดกลับมาเดินงุ่นง่านที่บ้าน จนคุณธีระที่พึ่งกลับจากธุระต่างจังหวัด แล้วนั่งพักเหนื่อยใกล้ๆ ต้องเอ็ดออกมา

    "นี่จะเดินให้มันได้อะไรน่ะ เจ้าธี" ทำยังกับมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร

    นี่จะเดินให้มันได้อะไรน่ะ เจ้าธี" ทำยังกับมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร

    "นี่ฉันก็เวียนหัวแล้วล่ะค่ะคุณ ไม่ได้อยากมองหรอก แต่เงยหน้าขึ้นทีไรก็ยังเจออยู่ดี" คุณประภีที่เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำเย็นสำหรับลูกและพ่อ เอ่ยประชดบุตรชาย

    นี่ฉันก็เวียนหัวแล้วล่ะค่ะคุณ ไม่ได้อยากมองหรอก แต่เงยหน้าขึ้นทีไรก็ยังเจออยู่ดี" คุณประภีที่เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำเย็นสำหรับลูกและพ่อ เอ่ยประชดบุตรชาย

    "ว่าแต่มีอะไรกันตาธี"

    ว่าแต่มีอะไรกันตาธี"

    "ไม่มีอะไรหรอกฮะแม่ ผมขอตัวขึ้นบ้านนะครับ ทำงานทิ้งไว้" ทั้งคุณธีระและคุณประพีได้แต่มองหน้ากันงงๆ

    นึกอีกทีก็อยากให้ลูกชายแต่งงานมีครอบครัวไปเสีย เพราะเขาบ้างานเหลือเกิน แล้วตอนนี้ก็เรียกได้ว่ามีความพร้อมทุกๆ ด้าน ทั้งฐานะการงานและวุฒิภาวะ ลูกชายคนโตนี่ก็อายุจะเข้ากลางคนไปแล้ว แต่ท่าทางไม่สนใจเรื่องคู่ครองเอาซะเลย ทั้งๆ ที่ท่านทั้งสองเห็นอยู่หลายครั้งว่าลูกชายมีสาวสวยหลายหน้าตามมาถึงบ้าน แต่ลำพังตัวเขาเองก็ไม่เคยพาใครเข้าบ้าน

    ไม่มีอะไรหรอกฮะแม่ ผมขอตัวขึ้นบ้านนะครับ ทำงานทิ้งไว้" ทั้งคุณธีระและคุณประพีได้แต่มองหน้ากันงงๆ

    นึกอีกทีก็อยากให้ลูกชายแต่งงานมีครอบครัวไปเสีย เพราะเขาบ้างานเหลือเกิน แล้วตอนนี้ก็เรียกได้ว่ามีความพร้อมทุกๆ ด้าน ทั้งฐานะการงานและวุฒิภาวะ ลูกชายคนโตนี่ก็อายุจะเข้ากลางคนไปแล้ว แต่ท่าทางไม่สนใจเรื่องคู่ครองเอาซะเลย ทั้งๆ ที่ท่านทั้งสองเห็นอยู่หลายครั้งว่าลูกชายมีสาวสวยหลายหน้าตามมาถึงบ้าน แต่ลำพังตัวเขาเองก็ไม่เคยพาใครเข้าบ้าน

    จะมีก็แค่สองสาวเท่านั้นที่มีอภิสิทธิ์กว่าสาวอื่น เข้านอกออกในบ้านได้สะดวก ซ้ำธีรวิทย์ยังเต็มใจอาสาขับรถไปรับถึงที่ อย่างรายของกิรณานั่นก็คนหนึ่ง แต่ท่านก็ไม่คิดว่าธีรวิทย์จะนึกชอบหลานสาวคนนี้ ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่ได้เป็นหลานสาวแท้ๆ ไม่ได้เป็นญาติเกี่ยวข้องกันเลย แต่ก็เห็นเขารักเขาเอ็นดูของเขามาแต่เด็ก กิรณาเองก็ยังเด็กมาก ห่างกับเขากว่ารอบ และยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปเด็กคนนี้ก็เป็นคนน่ารัก มีความรับผิดชอบดี แต่ก็คงอีกเหมือนกัน ยากที่แม่หนูกระเพราจะมาชอบตาธีของคุณประภีเพราะหล่อนอายุยังน้อย คงชอบคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่า

    ส่วนอีกสาวก็คือพินิจนันท์น้องสาวแท้ๆ ของเขาที่อายุห่างกันเพียงสามปีแต่ชิงแต่งงานก่อนพี่ชายไปแล้วตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ ตอนนี้มีลูกๆ ที่น่ารักแล้วของคน อายุ 5ขวบ และ 3ขวบ ตามลำดับ เป็นลูกชายแสนซนทั้งคู่ ที่ลุงธีเอาใจนักหนา พินิจนันท์เมื่อแต่งงานแล้วก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านสามี หล่อนเลี้ยงลูกเองเพราะไม่อยากให้มารดารับภาระทั้งที่ท่านออกตัวของดูแลหลานให้ และเวลาที่คิดถึงหลานคุณประภีก็จะจัดการให้ธีรวิทย์เป็นสารถีไปรับหลานหรือบางทีก็พ่วงน้องสาวกลับมาด้วย

    5ขวบ และ 3ขวบ ตามลำดับ เป็นลูกชายแสนซนทั้งคู่ ที่ลุงธีเอาใจนักหนา พินิจนันท์เมื่อแต่งงานแล้วก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านสามี หล่อนเลี้ยงลูกเองเพราะไม่อยากให้มารดารับภาระทั้งที่ท่านออกตัวของดูแลหลานให้ และเวลาที่คิดถึงหลานคุณประภีก็จะจัดการให้ธีรวิทย์เป็นสารถีไปรับหลานหรือบางทีก็พ่วงน้องสาวกลับมาด้วย

    คืนนี้ธีรวิทย์นอนไม่หลับ เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของกิรณา ก็ในเมื่อหลานโตเป็นสาวไม่แปลกที่จะมีหนุ่มๆ มาตามจีบ มันเป็นวัยของเขานี่นะ ดอกไม้แรกแย้มที่มักจะงามเตะตาได้ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แต่นี่ดูเหมือนยิ่งมีหนุ่มมารุมล้อมเด็กสาวมากเท่าไร เขายิ่งเหมือนโดนเตะเข้าไป ที่หัวใจจังๆ เสียเอง นึกเป็นห่วงกลัวว่าผู้คนเหล่านั้นจะไม่จริงใจ จะผ่านเข้ามาในชีวิตหล่อนเพียงเพื่อหวังแค่ตัวหล่อน หรือเพียงหลอกล่อเพื่อสนุกไปเพียงชั่วข้ามไม่กี่วันคืน

    ...ยัยกะเพราเขาโตแล้วนะ... เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจ

    ใช่สินะ กิรณาโตแล้ว แล้วเขาเป็นใครมีสิทธิ์อะไรเข้าไปยุ่งวุ่นวายในชีวิตหล่อน แม้จะใกล้ชิดสนิทสนมกับครอบครัวนี้มานาน เห็นหล่อน รักและเอ็นดูมาตั้งแต่เด็ก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงคนนอก ญาติหรือก็ไม่ใช่ ไม่ใช่คนสำคัญอะไรในชีวิตของหล่อนเลย...

    "เอ๊า ยัยกะเพรา หล่อนมานั่งซึมอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะจ๊ะ" ตาลเพื่อนสาวของกิรณาเดิมเข้ามาทักหล่อนเมื่อเห็นว่ากิรณานั่งซึมกะทืออยู่ที่ม้านั่งหินอ่อน มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาเท้าไว้ที่คาง ดวงตาเหม่อลอย ตาลสังเกตเห็นมาตั้งแต่ในคาบเรียนว่าเพื่อนนั่งเหม่อๆ เหมือนจับใจความอะไรไม่ได้

    เอ๊า ยัยกะเพรา หล่อนมานั่งซึมอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะจ๊ะ" ตาลเพื่อนสาวของกิรณาเดิมเข้ามาทักหล่อนเมื่อเห็นว่ากิรณานั่งซึมกะทืออยู่ที่ม้านั่งหินอ่อน มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาเท้าไว้ที่คาง ดวงตาเหม่อลอย ตาลสังเกตเห็นมาตั้งแต่ในคาบเรียนว่าเพื่อนนั่งเหม่อๆ เหมือนจับใจความอะไรไม่ได้

    ตาลยกมือขึ้นส่ายไปมาข้างเพื่อนสาวสองสามที

    "มีอะไรยัยตาล ว่างมากรึไงมาโบกอะไรหน้าชาวบ้าน ฉันไม่ใช่รถแท็กซี่นะ" กิรณาแหวขึ้นมา บ่งบอกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก

    มีอะไรยัยตาล ว่างมากรึไงมาโบกอะไรหน้าชาวบ้าน ฉันไม่ใช่รถแท็กซี่นะ" กิรณาแหวขึ้นมา บ่งบอกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก

    "เธอเป็นบ้าอะไรอ่ะยัยกะเพรา นี่ฉันก็อุตส่าห์หวังดี เป็นห่วง โธ่เอ๊ย ไปก็ได้" ตาลทำท่าว่าจะลุกจากไปจริงๆ แต่กิรณาเอื้อมมือมาฉุดหล่อนไว้

    เธอเป็นบ้าอะไรอ่ะยัยกะเพรา นี่ฉันก็อุตส่าห์หวังดี เป็นห่วง โธ่เอ๊ย ไปก็ได้" ตาลทำท่าว่าจะลุกจากไปจริงๆ แต่กิรณาเอื้อมมือมาฉุดหล่อนไว้

    "ฉันขอโทษ" กิรณาบอกเสียงอ่อย ตาลยักไหล่อย่างไม่เห็นสำคัญ หล่อนกุมมือเพื่อนเอาไว้แล้วจ้องมองตรงๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

    ฉันขอโทษ" กิรณาบอกเสียงอ่อย ตาลยักไหล่อย่างไม่เห็นสำคัญ หล่อนกุมมือเพื่อนเอาไว้แล้วจ้องมองตรงๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

    "ทีนี้เล่าได้รึยัง"

    ทีนี้เล่าได้รึยัง"

    กิรณาพยักหน้าช้าๆ ตาลนิ่งฟังเรื่องราวจากปากเพื่อน

    "ยัยกะเพราฉันว่านะเธอน่ะต้องตกหลุมรักน้าธีสุดหล่อของเธอแน่เลยว่ะ" ตาลเอ่ยเสียงเข้ม ทำหน้าขึงขัง

    ยัยกะเพราฉันว่านะเธอน่ะต้องตกหลุมรักน้าธีสุดหล่อของเธอแน่เลยว่ะ" ตาลเอ่ยเสียงเข้ม ทำหน้าขึงขัง

    "เฮ๊ย เป็นไปไม่หรอกตาล เขาเป็นน้าชายฉันนะ แล้วอายุก็ห่างฉันตั้งรอบ เขาเองก็คงไม่ได้คิดอะไรกับฉัน นอกจากเห็นว่าฉันเป็นยัยเด็กกะโปโลที่เอาแต่ทำตัวแสนซน น่ารำคาญสำหรับเขาล่ะไม่ว่า" ตาลหัวเราะกิ๊กทำให้คนที่โอดครวญต้องจ้องกลับอย่างไม่เข้าใจ

    เฮ๊ย เป็นไปไม่หรอกตาล เขาเป็นน้าชายฉันนะ แล้วอายุก็ห่างฉันตั้งรอบ เขาเองก็คงไม่ได้คิดอะไรกับฉัน นอกจากเห็นว่าฉันเป็นยัยเด็กกะโปโลที่เอาแต่ทำตัวแสนซน น่ารำคาญสำหรับเขาล่ะไม่ว่า" ตาลหัวเราะกิ๊กทำให้คนที่โอดครวญต้องจ้องกลับอย่างไม่เข้าใจ

    "โธ่เอ๊ย ยัยกะเพรา เขาเป็นน้าชายเธอจริงๆ ไหมล่ะ" กิรณาส่ายหัวน้อยๆ "ก็นั่นสิ น้าจริงๆ ก็ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นญาติกันทางสายเลือดด้วยซ้ำ แล้วอายุน่ะมันไม่ได้กำหนดว่าคนเราจะรักกันได้หรือไม่ได้หรอกนะกะเพรา มันอยู่ในนี้" ตาลยกมือขึ้นกุมที่เหนืออกซ้าย

    โธ่เอ๊ย ยัยกะเพรา เขาเป็นน้าชายเธอจริงๆ ไหมล่ะ" กิรณาส่ายหัวน้อยๆ "ก็นั่นสิ น้าจริงๆ ก็ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นญาติกันทางสายเลือดด้วยซ้ำ แล้วอายุน่ะมันไม่ได้กำหนดว่าคนเราจะรักกันได้หรือไม่ได้หรอกนะกะเพรา มันอยู่ในนี้" ตาลยกมือขึ้นกุมที่เหนืออกซ้าย

    "แล้วไอ้ที่เธอกำลังกังวลน่ะ ไม่ใช่เรื่องพวกนี้จริงๆ หรอก ฉันว่านะเธอกำลังกลัวต่างหาก กลัวว้าหากเธอรักเขาแล้วเขาจะไม่รักเธอตอบ ใช่มะ" กิรณาอึ้ง รู้สึกสับสนในหัวใจตัวเอง แต่การพูดคุยเปิดอกกับเพื่อนคราวนี้ทำให้หล่อนสบายใจขึ้นมาก โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนยกภูเขาออกจากอก

    แล้วไอ้ที่เธอกำลังกังวลน่ะ ไม่ใช่เรื่องพวกนี้จริงๆ หรอก ฉันว่านะเธอกำลังกลัวต่างหาก กลัวว้าหากเธอรักเขาแล้วเขาจะไม่รักเธอตอบ ใช่มะ" กิรณาอึ้ง รู้สึกสับสนในหัวใจตัวเอง แต่การพูดคุยเปิดอกกับเพื่อนคราวนี้ทำให้หล่อนสบายใจขึ้นมาก โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนยกภูเขาออกจากอก

    แต่คำถามเดียวที่ยังคาใจกิรณาอยู่ในตอนนี้คือ ...เขาจะคิดเหมือนหล่อนบ้างไหม...

    "เขาคงโกรธฉันน่ะตาล หายหน้าไปสองอาทิตย์ละ" ตาลมองเพื่อนอย่างปลงๆ ทำไงได้ยัยกะเพราเมื่อเธอรักเขาเข้าไปแล้วจริงๆ ฉันล่ะเหนื่อยใจแทนเธอ

    เขาคงโกรธฉันน่ะตาล หายหน้าไปสองอาทิตย์ละ" ตาลมองเพื่อนอย่างปลงๆ ทำไงได้ยัยกะเพราเมื่อเธอรักเขาเข้าไปแล้วจริงๆ ฉันล่ะเหนื่อยใจแทนเธอ

    "พี่กะเพราคร๊าบ" เสียงร้องประสานกันดังขึ้น กิรณาสะดุ้งตกใจเพราะกำลังนั่งเหม่อ เห็นร่างเล็กๆ ของเด็กชายสองพี่น้องวิ่งตรงมาหา คนโตนั้นอยู่ในชุดกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ เสื้อลายการ์ตูนตัวโปรด ส่วนคนเล็กที่วิ่งช้าๆ ตามหลังพี่ชายมานั้นใส่เอี๊ยมยีนส์สีน้ำเงินสด ยิ้มร่าเริงเต็มที่ ห่างออกไปไม่ไกลนักร่างสูงคุ้นตาในชุดทำงานเดินตามมาเงียบๆ เสื้อเชิ๊ตสีอ่อนถูกพับแขนขึ้นถึงข้อศอก ส่วนไทที่เห็นว่าผูกประจำคงถูกถอดออกเรียบร้อย กิรณาหลบตาวูบ

    ...ไม่อยากมอง ไม่อยากคิด ไม่อยากรู้สึก...

    พี่กะเพราคร๊าบ" เสียงร้องประสานกันดังขึ้น กิรณาสะดุ้งตกใจเพราะกำลังนั่งเหม่อ เห็นร่างเล็กๆ ของเด็กชายสองพี่น้องวิ่งตรงมาหา คนโตนั้นอยู่ในชุดกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ เสื้อลายการ์ตูนตัวโปรด ส่วนคนเล็กที่วิ่งช้าๆ ตามหลังพี่ชายมานั้นใส่เอี๊ยมยีนส์สีน้ำเงินสด ยิ้มร่าเริงเต็มที่ ห่างออกไปไม่ไกลนักร่างสูงคุ้นตาในชุดทำงานเดินตามมาเงียบๆ เสื้อเชิ๊ตสีอ่อนถูกพับแขนขึ้นถึงข้อศอก ส่วนไทที่เห็นว่าผูกประจำคงถูกถอดออกเรียบร้อย กิรณาหลบตาวูบ

    ...ไม่อยากมอง ไม่อยากคิด ไม่อยากรู้สึก...

    "โน่นแหน่ะกะเพรามากันละ ฉันไปก่อนล่ะน้า มีธุระ ไว้เจอกัน" ตาลรีบออกตัว

    โน่นแหน่ะกะเพรามากันละ ฉันไปก่อนล่ะน้า มีธุระ ไว้เจอกัน" ตาลรีบออกตัว

    กิรณาก้มลงไปโอบเด็กชายคนเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนเมื่อเด็กชายโถมตัวเข้ามาหา

    "ขงเบ้งคิดถึงพี่กะเพราจังเลยครับ" เจ้าเด็กตัวน้อยปากหวานออดอ้อน โอบรอบคอแล้วซบหน้าลงกับอกของหล่อน กิรณาจึงยิ้มออกมาได้

    ขงเบ้งคิดถึงพี่กะเพราจังเลยครับ" เจ้าเด็กตัวน้อยปากหวานออดอ้อน โอบรอบคอแล้วซบหน้าลงกับอกของหล่อน กิรณาจึงยิ้มออกมาได้

    "สวัสดีครับพี่กะเพรา" คนพี่ยกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาท ทำให้ขงเบ้งผู้เป็นน้องยกมือไหว้ตาม

    สวัสดีครับพี่กะเพรา" คนพี่ยกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาท ทำให้ขงเบ้งผู้เป็นน้องยกมือไหว้ตาม

    "นี่ๆ ขงเบ้งขอพี่กอดพี่กะเพราบ้างสิ หวงไว้คนเดียวได้ไง พี่ก็คิดถึงพี่กะเพราเหมือนกันนะ" ขงเบ้งทำท่างอนๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมออกจากอกหล่อนง่ายๆ กลับกอดคอไว้แน่น ธีรวิทย์จึงเดินตรงเข้ามารับเด็กชายออกจากหล่อนไปอุ้มไว้แทน กิรณานั่งลงสวมกอดเด็กชายไว้

    นี่ๆ ขงเบ้งขอพี่กอดพี่กะเพราบ้างสิ หวงไว้คนเดียวได้ไง พี่ก็คิดถึงพี่กะเพราเหมือนกันนะ" ขงเบ้งทำท่างอนๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมออกจากอกหล่อนง่ายๆ กลับกอดคอไว้แน่น ธีรวิทย์จึงเดินตรงเข้ามารับเด็กชายออกจากหล่อนไปอุ้มไว้แทน กิรณานั่งลงสวมกอดเด็กชายไว้

    "พี่กะเพราก็คิดถึงเล่าปี่ ขงเบ้งเหมือนกันครับ" เด็กสาวยิ้มบางแต่ต้องทำหน้าเฉยเมื่อหันไปสบตากับธีรวิทย์

    พี่กะเพราก็คิดถึงเล่าปี่ ขงเบ้งเหมือนกันครับ" เด็กสาวยิ้มบางแต่ต้องทำหน้าเฉยเมื่อหันไปสบตากับธีรวิทย์

    ...นี่คงยังงอนเขาอยู่...

    "แล้วลุงธีล่ะฮับไม่คิดถึงพี่กะเพราเหรอฮับ" เด็กชายขงเบ้งเอ่ยถามซื่อๆ เขาอ้ำอึ้งเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นหลานสาวจ้องมองอยู่อย่างรอคำตอบ

    แล้วลุงธีล่ะฮับไม่คิดถึงพี่กะเพราเหรอฮับ" เด็กชายขงเบ้งเอ่ยถามซื่อๆ เขาอ้ำอึ้งเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นหลานสาวจ้องมองอยู่อย่างรอคำตอบ

    "คิดถึงครับ" หล่อนหลบตาเขาอีกครั้ง หัวใจเหมือนจะร่วงไปกองที่ตาตุ่ม

    คิดถึงครับ" หล่อนหลบตาเขาอีกครั้ง หัวใจเหมือนจะร่วงไปกองที่ตาตุ่ม

    "งั้นถ้าคิดถึงก็ต้องกอดสิครับ ไม่งั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าคิดถึงจริง" เล่าปี่เอ่ยขึ้น ขงเบ้งจ้องหน้าเขาคาดคั้น

    งั้นถ้าคิดถึงก็ต้องกอดสิครับ ไม่งั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าคิดถึงจริง" เล่าปี่เอ่ยขึ้น ขงเบ้งจ้องหน้าเขาคาดคั้น

    "เอ่อ" ทั้งลุงและพี่ของเด็กทั้งคู่ทำหน้าเหรอหรา

    เอ่อ" ทั้งลุงและพี่ของเด็กทั้งคู่ทำหน้าเหรอหรา

    "กอดเลยฮับ กอดเลย" เสียงตัวเล็กร้องเชียร์

    กอดเลยฮับ กอดเลย" เสียงตัวเล็กร้องเชียร์

    ธีรวิทย์เดินตรงเข้ามาโอบไหล่กิรณาไว้หลวมๆ อีกมือยังอุ้มเจ้าตัวเล็กส่วนเด็กชายคนโตจับมือกิรณาไว้แน่น กิรณาแก้มร้อนผ่าว ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาเขา

    "ไปกันยังครับเล่าปี่หิวจะตายอยู่แล้วคร๊าบลุงธี" ธีรวิทย์และกิรณาหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

    ไปกันยังครับเล่าปี่หิวจะตายอยู่แล้วคร๊าบลุงธี" ธีรวิทย์และกิรณาหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

    เขายังคงโอบหล่อนไว้อย่างนั้น เดินไปที่จอดรถ กิรณาได้แต่แอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา อยากจะโผเข้าไปกอดแล้วเอ่ยขอโทษสักคำ หากว่าหล่อนทำผิดอะไรไว้ จนทำให้เขาเฉยชากับหล่อนจนหล่อนอึดอัด หลบหน้าไปไม่บอกกล่าวสักนิด

    ...อุ่นจังเลย... กิรณาได้แต่นึกในใจ

    อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ เพียงเสี้ยววินาทีเล็กๆ นี้ ขออยู่ในอ้อมแขนของเขาก็เพียงพอแล้ว แต่สายใยบางๆ ที่มันกั้นไว้ยังคงอยู่ กั้นหัวใจของหล่อนเอาไว้เพื่อบอกกับตัวเองว่า เผื่อใจไว้บ้างถ้าหากพรุ่งนี้ต้องผิดหวัง เขาไม่ได้คิดเกินไปกว่าหลานสาวคนหนึ่ง ...เผื่อใจไว้บ้างกิรณา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×