ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กะเพราหนูกรอบ
ตอนที่ 1 ...กะเพราหนูกรอบ...
"อะไรกันตาธี ทำหน้ายุ่งมาเชียว" จินตาเอ่ยทักหนุ่มร่างสูง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องตามการนับถือกัน หากมิได้มีความเกี่ยวพันฉันญาติ ที่เดินมาในบ้านพร้อมร่องรอยความยุ่งยากใจบนใบหน้า
ชายหนุ่มไม่เอ่ยตอบใดๆ หากแต่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมถอนใจแรงๆ ออกมาทีหนึ่ง คิ้วดกดำบนใบหน้าคมเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ปล่อยให้ผู้ตั้งคำถามอมยิ้มทั้งส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ห่วงกังวลราวกับเป็นเรื่องแสนธรรมดา
"ทะเลาะกับหลานมาอีกรึไง" จินตาเอ่ยขึ้น ก่อนจะจัดการยกแก้วน้ำที่บรรจุน้ำตะไคร้สีเหลืองอมเขียวอ่อนวางตรงบนโต๊ะตรงหน้าธีรวิทย์ ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณเบาๆ
"ก็ไม่เชิงหรอกฮะพี่จิน" เขาเห็นพี่สาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
"คือจะว่าก็ว่าเถอะนะครับ ผมล่ะไม่ไว้ใจลูกสาวพี่เลย"
"อ้าว ทำไมอย่างงั้นล่ะธี โธ่ พูดยังกะยัยกะเพราเป็นพวกผู้ร้ายซะอย่างงั้น"
"แล้วที่เป็นอยู่นี่พี่จินว่าไงล่ะครับ ยังแสบไม่พอ"
"ไหนคะ กะเพราได้ยินเสียงใครนินทาอะไรแว่วๆ มาติดตรงปลายหูนี่ แต่ฟังไม่ค่อยถนัด" เสียงใสเอ่ยขัดมาพร้อมกับเจ้าของเสียงที่เดินดุ่มๆ เข้ามาอย่างเอาเรื่อง แล้วไม่พูดเปล่าแต่เจ้าตัวยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจิ้มๆ ตรงรูหูอย่างประชดประชัน ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่น้าชายอย่างเอาเรื่อง
"อย่าหาเรื่องทะเลาะน่ะยัยกะเพรา" ชายหนุ่มเอ่ยตอบห้วนๆ แอบเติมคำว่า...ตัวแสบ...ไว้ในใจ
"ว่าไงคะคุณแม่นินทาอะไรกะเพรากันอยู่รึเปล่า" เด็กสาวยังไม่ยอมลดละ จินตาหัวเราะกับคำพูดของลูกสาว แล้วพยักเพยิดไปที่ธีรวิทย์
"ว่าไงตาธี ตอบเองละกันเรา"
บทสนทนาที่กำลังจะกลายเป็นการโต้วาทีย่อมๆ แต่ก็กลับสิ้นสุดลงเมื่อเสียงหวานเอ่ยขัดขึ้นจากหญิงสาวที่ยืนข้างๆ กิรณา
กิรณา หรือที่มีชื่อเล่นๆ แสนน่ารักที่เรียกกันว่า "กะเพรา" แต่เพราะความแสบซนเอาเรื่องแต่เด็กของเจ้าตัว จึงไม่ได้เป็น "หนูกะเพรา" หรือ "น้องกระเพรา" แบบน่ารักๆ อย่างควรเป็น แต่กลับเป็น "ไอ้กระเพรา" ของพ่อคม "ยัยกระเพรา" ของแม่จิน "เจ้ากระเพราจอมยุ่ง" ของพี่ตะไคร้ พี่ชายสุดรัก ลูกชายคนโตของคุณพ่อคุณแม่ และ "ยัยกระเพราหนูกรอบ...ตัวแสบ" ของน้าธี ไม่ว่าธีรวิทย์จะเอ่ยฉายายาวเหยียดของเจ้าหล่อนขึ้นมาเมื่อไรก็เป็นเหมือนการประกาศเปิดศึกน้ำลายกันเมื่อนั้น "น้าธี" น้าชาย ซึ่งศักดิ์นี้ควรจะเป็นญาติฝ่ายแม่ ฐานะน้องชายของแม่ แต่ความเป็นจริงกลับบอกไม่ได้ว่าเป็นญาติข้างไหน ฝ่ายพ่อหรือแม่ แต่สนิทสนมคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว จนบางครั้งกิรณาก็ทำงอนกับแม่จินไปว่า ...แม่จินเลิกรักกะเพราแต่หันไปรักน้าธีแทน...
"กิ๊กว่าอย่าทะเลาะกันเลยนะคะ" ใบหน้าสวยที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางแปดชั้นอย่างที่กิรณาแอบค่อนขอดในใจนั้นยิ้มอ่อนหวานราวแม่พระใจบุญ หล่อนพูดจบก็เดินตรงไปนั่งเบียดกายข้างๆ ธีรวิทย์ มือทั้งสองเกาะที่ต้นแขนชายหนุ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
"นะคะคุณธี" เสียงหวานแบบหยอดน้ำตาลเกินขนาด ...ชวนเลี่ยน... คำหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของกิรณา
ธีรวิทย์ค่อยผ่อนอารมณ์ลง ไม่รู้เป็นอะไร แต่เจอกันกับยัยหลานสาวจอมแสบคนนี้ทีไรมันเหมือนมีไฟสปาร์คจน (จำเป็น) ต้องปะทุทุกทีสิน่า
ศึกน้ำลายวันนี้จบลงที่อาหารมื้อเย็นฝีมือของคมทวน ...คุณพ่อใจดีที่สุดในโลก...ของกิรณา ไม่มีสภาโต้วาทีหรือเวทีมวยต่อจากนั้น เพราะคุณหนูจอมยุ่งนั้นหิวจัดและเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวไม่สนใจใครอีก แม้แต่ธีรวิทย์ที่เงยหน้าขึ้นมองหลายสาวบ่อยครั้งเพราะเห็นเงียบผิดปกติ กิรณาเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย กินจุหากแต่ตัวยังผอมกระหร่องจนเขาออกปากเรียกเด็กสาวว่า ยัยกระเพรา...หนูกรอบ... แทนที่จะเป็น...หมูกรอบ... เขาให้เหตุผลกับหลานชายว่า
"ต้องหนูกรอบนะตะไคร้ หนูธรรมดาก็ไม่ได้"
"อ้าว ทำไมล่ะครับน้าธี" ตะไคร้ที่ขี้สงสัยนักหนานั้นยังเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโย่ง
"ก็ไม่กรอบได้ยังไงล่ะครับ ทั้งผอม ทั้งแห้ง ซะขนาดนั้น"
"นี่ถ้าเกิดมีเหี่ยวเพิ่มมาอีกคำเท่ระเบิดเลย จริงไหมครับ" หลานชายที่พอจะเข้าใจเอ่ยต่ออย่างนึกคะนอง ผลก็คือเจ้าตัวคนที่ถูกนินทาเกิดผ่านมาได้ยิน เดินหน้ามุ่ยเข้าบ้านแล้วต้องตั้งป้อมทะเลาะกันใหญ่โต
ธีรวิทย์ยิ้มขำกับภาพหลานสาวที่เกินคำว่าเด็กน้อยๆ มาแล้วกินแบบไม่สนใจใคร
กิรณาเงยหน้าขึ้นเจอกับสายตาคมปลาบคู่นั้น
"มีอะไรรึเปล่าคะน้าธี"
"ฮื่อ เปล่านี่ น้าแค่กำลังคิดว่าเคยเห็นใครกินแบบนี้ที่ไหน พึ่งนึกได้ว่าเมื่อวันก่อนแวะไปดูฟาร์มหมูของคุณลุงอะไรนะ อ้อ ลุงชำนาญใช่ไหมที่พ่อเราพาน้าไปน่ะ" เหมือน เค้าส่งสายตากึ่งท้าทายมาให้ นี่อีกเดี๋ยวหล่อนก็คงเปิดเวทีลุมพินีต่ออีกมั้ง เขาคิดถูกรึเปล่านะ อดถามตัวเองเมื่อพูดออกไปแล้วไม่ได้
"เหรอคะ" กิรณาเบิกดวงตากลมโตขึ้นเป็นเชิงถาม แล้วก้มหน้าก้มตาทานต่อ
คมทวนกับจินตามองหน้ากันอย่างแปลกใจ วันนี้พายุไม่ผ่าน รอดไปวัน แต่เหมือนมีอะไรที่ผิดปกติวิสัยเกินความเป็น "กะเพราสุดแสบ"
"กะเพรา ไอ้กะเพรา" คมทวนต้องเอ่ยเรียกลูกสาวซ้ำครั้งที่สอง กิรณาเงยหน้าจากจานข้างหน้า
"ไม่สบายรึเปล่าลูก" สายตาห่วงใยไร้แววล้อเล่นเช่นทุกครั้ง
"เปล่านี่คะ กะเพราสบายดี"
.........................................................................................
"นี่โกรธน้าเหรอ เรื่องวันนั้น" ธีรวิทย์เอ่ยทำลายความเงียบที่รู้สึกว่ามันจะครอบคลุมไปทั่วรถตั้งแต่นั่งจากกาญจนบุรีเข้ามาที่กรุงเทพฯ
เขารับอาสาคมทวนขับรถไปรับกิรณามาส่งที่หอพักซึ่งอยู่ในตัวกรุงเทพฯ เหลือหนึ่งอาทิตย์มหาวิทยาลัยก็จะเปิดภาคเรียน กิรณาเรียนอยู่ปีสี่แล้ว อีกเพียงเทอมเดียวก็จะจบปริญญาตรีสายเกษตรที่หล่อนตั้งใจเลือกเข้าศึกษานักหนาเพราะพ่อและแม่ทำสวน เป็นสวนที่เรียกว่าไร่ซะยังจะดีกว่าเพราะพื้นที่ไม่ใช่น้อย มีทั้งผัก ผลไม้ และกำลังจะขยับขยายงานไปจับด้านไม้ดอกไม้ประดับเพิ่มเติม แต่ทั้งครอบครัวยังยืนยันว่ามันคือสวน สวนที่ปลูกมาด้วยรักของครอบครัวที่ชื่อว่า "สวนร้อยรัก" กิรณาอยากกลับไปช่วยพ่อคมกับแม่จินทำสวน หล่อนบอกกับทุกคนอย่างนั้น และหล่อนก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเป็นที่พอใจและชื่นชมของญาติและครอบครัว เมื่อถึงช่วงปิดเทอมหรือหยุดยาวหล่อนก็มักจะกลับไปช่วยที่บ้านหยิบจับงานเสมอ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ เปื้อนโคลน ลุยน้ำ ขอแค่ไม่เกินกำลัง หล่อนช่วยทุกอย่าง
ธีรวิทย์หันกลับไปมองหลานสาวสามสี่ครั้ง ไม่มีท่าทีว่าเจ้าหล่อนจะตอบ
...หรือว่าจะโกรธเราจริงๆ... ชายหนุ่มนึกในใจ
ธีรวิทย์ตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวเทียบจอดข้างทาง กิรณาหันมาจ้องเขาเกือบจะทันทีที่รถหยุด
"จอดทำไมคะน้าธี" เจ้าหล่อนแหว ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงหูฟังออกจากหูทีละข้าง หูฟังที่ซ่อนอยู่ในเสื้อแขนยาวพอดีตัวและโดนบังมิดด้วยผมยาวสยายที่ปล่อยปิดหูสองข้างไว้ น้าหนุ่มอึ้ง นี่หล่อนไม่ได้ฟังเขาเลยหรอกเหรอ
"ก็น้าคุยกับเราน่ะ ได้ยินรึเปล่า"
"คุย น้าธีคุยกับกะเพราเหรอคะ คุยอะไรน่ะคะ ไม่เห็นได้ยินเลย หรือว่าน้าธีเป็นอะไร มีปัญหาอะไรรึเปล่า หรือว่าแฟนทิ้ง โธ่ น้องกิ๊กกี๋ของน้าธี ไม่น่าเลย" กิรณาทำหน้าเบ้ล้อเลียน หัวเราะคิกคัก
ธีรวิทย์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างอ่อนใจ แต่อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ รู้สึกสบายใจ โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าแม่หลานสาวร่างเล็กไม่ได้นึกโกรธอะไรเขา ไม่น่าเชื่อว่าเขากลับเก็บมันไม่คิดผูกเป็นปมโตจนแก้ไม่ออก สมองล้าจนเครียดแล้วพาลไปหลายวัน
"เขาชื่อกิ๊กครับคุณกิรณา ไม่ใช่กิ๊กกี๋" เสียงหัวเราะของเขาและหล่อนดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้อีกฝ่าย
...........................................................................
เรื่องแรกค่ะ ฝากงานไว้ด้วยนะคะ ติชมกันค่ะ
จอมงอแง
"อะไรกันตาธี ทำหน้ายุ่งมาเชียว" จินตาเอ่ยทักหนุ่มร่างสูง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องตามการนับถือกัน หากมิได้มีความเกี่ยวพันฉันญาติ ที่เดินมาในบ้านพร้อมร่องรอยความยุ่งยากใจบนใบหน้า
ชายหนุ่มไม่เอ่ยตอบใดๆ หากแต่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมถอนใจแรงๆ ออกมาทีหนึ่ง คิ้วดกดำบนใบหน้าคมเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ปล่อยให้ผู้ตั้งคำถามอมยิ้มทั้งส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ห่วงกังวลราวกับเป็นเรื่องแสนธรรมดา
"ทะเลาะกับหลานมาอีกรึไง" จินตาเอ่ยขึ้น ก่อนจะจัดการยกแก้วน้ำที่บรรจุน้ำตะไคร้สีเหลืองอมเขียวอ่อนวางตรงบนโต๊ะตรงหน้าธีรวิทย์ ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณเบาๆ
"ก็ไม่เชิงหรอกฮะพี่จิน" เขาเห็นพี่สาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
"คือจะว่าก็ว่าเถอะนะครับ ผมล่ะไม่ไว้ใจลูกสาวพี่เลย"
"อ้าว ทำไมอย่างงั้นล่ะธี โธ่ พูดยังกะยัยกะเพราเป็นพวกผู้ร้ายซะอย่างงั้น"
"แล้วที่เป็นอยู่นี่พี่จินว่าไงล่ะครับ ยังแสบไม่พอ"
"ไหนคะ กะเพราได้ยินเสียงใครนินทาอะไรแว่วๆ มาติดตรงปลายหูนี่ แต่ฟังไม่ค่อยถนัด" เสียงใสเอ่ยขัดมาพร้อมกับเจ้าของเสียงที่เดินดุ่มๆ เข้ามาอย่างเอาเรื่อง แล้วไม่พูดเปล่าแต่เจ้าตัวยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจิ้มๆ ตรงรูหูอย่างประชดประชัน ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่น้าชายอย่างเอาเรื่อง
"อย่าหาเรื่องทะเลาะน่ะยัยกะเพรา" ชายหนุ่มเอ่ยตอบห้วนๆ แอบเติมคำว่า...ตัวแสบ...ไว้ในใจ
"ว่าไงคะคุณแม่นินทาอะไรกะเพรากันอยู่รึเปล่า" เด็กสาวยังไม่ยอมลดละ จินตาหัวเราะกับคำพูดของลูกสาว แล้วพยักเพยิดไปที่ธีรวิทย์
"ว่าไงตาธี ตอบเองละกันเรา"
บทสนทนาที่กำลังจะกลายเป็นการโต้วาทีย่อมๆ แต่ก็กลับสิ้นสุดลงเมื่อเสียงหวานเอ่ยขัดขึ้นจากหญิงสาวที่ยืนข้างๆ กิรณา
กิรณา หรือที่มีชื่อเล่นๆ แสนน่ารักที่เรียกกันว่า "กะเพรา" แต่เพราะความแสบซนเอาเรื่องแต่เด็กของเจ้าตัว จึงไม่ได้เป็น "หนูกะเพรา" หรือ "น้องกระเพรา" แบบน่ารักๆ อย่างควรเป็น แต่กลับเป็น "ไอ้กระเพรา" ของพ่อคม "ยัยกระเพรา" ของแม่จิน "เจ้ากระเพราจอมยุ่ง" ของพี่ตะไคร้ พี่ชายสุดรัก ลูกชายคนโตของคุณพ่อคุณแม่ และ "ยัยกระเพราหนูกรอบ...ตัวแสบ" ของน้าธี ไม่ว่าธีรวิทย์จะเอ่ยฉายายาวเหยียดของเจ้าหล่อนขึ้นมาเมื่อไรก็เป็นเหมือนการประกาศเปิดศึกน้ำลายกันเมื่อนั้น "น้าธี" น้าชาย ซึ่งศักดิ์นี้ควรจะเป็นญาติฝ่ายแม่ ฐานะน้องชายของแม่ แต่ความเป็นจริงกลับบอกไม่ได้ว่าเป็นญาติข้างไหน ฝ่ายพ่อหรือแม่ แต่สนิทสนมคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว จนบางครั้งกิรณาก็ทำงอนกับแม่จินไปว่า ...แม่จินเลิกรักกะเพราแต่หันไปรักน้าธีแทน...
"กิ๊กว่าอย่าทะเลาะกันเลยนะคะ" ใบหน้าสวยที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางแปดชั้นอย่างที่กิรณาแอบค่อนขอดในใจนั้นยิ้มอ่อนหวานราวแม่พระใจบุญ หล่อนพูดจบก็เดินตรงไปนั่งเบียดกายข้างๆ ธีรวิทย์ มือทั้งสองเกาะที่ต้นแขนชายหนุ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
"นะคะคุณธี" เสียงหวานแบบหยอดน้ำตาลเกินขนาด ...ชวนเลี่ยน... คำหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของกิรณา
ธีรวิทย์ค่อยผ่อนอารมณ์ลง ไม่รู้เป็นอะไร แต่เจอกันกับยัยหลานสาวจอมแสบคนนี้ทีไรมันเหมือนมีไฟสปาร์คจน (จำเป็น) ต้องปะทุทุกทีสิน่า
ศึกน้ำลายวันนี้จบลงที่อาหารมื้อเย็นฝีมือของคมทวน ...คุณพ่อใจดีที่สุดในโลก...ของกิรณา ไม่มีสภาโต้วาทีหรือเวทีมวยต่อจากนั้น เพราะคุณหนูจอมยุ่งนั้นหิวจัดและเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวไม่สนใจใครอีก แม้แต่ธีรวิทย์ที่เงยหน้าขึ้นมองหลายสาวบ่อยครั้งเพราะเห็นเงียบผิดปกติ กิรณาเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย กินจุหากแต่ตัวยังผอมกระหร่องจนเขาออกปากเรียกเด็กสาวว่า ยัยกระเพรา...หนูกรอบ... แทนที่จะเป็น...หมูกรอบ... เขาให้เหตุผลกับหลานชายว่า
"ต้องหนูกรอบนะตะไคร้ หนูธรรมดาก็ไม่ได้"
"อ้าว ทำไมล่ะครับน้าธี" ตะไคร้ที่ขี้สงสัยนักหนานั้นยังเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโย่ง
"ก็ไม่กรอบได้ยังไงล่ะครับ ทั้งผอม ทั้งแห้ง ซะขนาดนั้น"
"นี่ถ้าเกิดมีเหี่ยวเพิ่มมาอีกคำเท่ระเบิดเลย จริงไหมครับ" หลานชายที่พอจะเข้าใจเอ่ยต่ออย่างนึกคะนอง ผลก็คือเจ้าตัวคนที่ถูกนินทาเกิดผ่านมาได้ยิน เดินหน้ามุ่ยเข้าบ้านแล้วต้องตั้งป้อมทะเลาะกันใหญ่โต
ธีรวิทย์ยิ้มขำกับภาพหลานสาวที่เกินคำว่าเด็กน้อยๆ มาแล้วกินแบบไม่สนใจใคร
กิรณาเงยหน้าขึ้นเจอกับสายตาคมปลาบคู่นั้น
"มีอะไรรึเปล่าคะน้าธี"
"ฮื่อ เปล่านี่ น้าแค่กำลังคิดว่าเคยเห็นใครกินแบบนี้ที่ไหน พึ่งนึกได้ว่าเมื่อวันก่อนแวะไปดูฟาร์มหมูของคุณลุงอะไรนะ อ้อ ลุงชำนาญใช่ไหมที่พ่อเราพาน้าไปน่ะ" เหมือน เค้าส่งสายตากึ่งท้าทายมาให้ นี่อีกเดี๋ยวหล่อนก็คงเปิดเวทีลุมพินีต่ออีกมั้ง เขาคิดถูกรึเปล่านะ อดถามตัวเองเมื่อพูดออกไปแล้วไม่ได้
"เหรอคะ" กิรณาเบิกดวงตากลมโตขึ้นเป็นเชิงถาม แล้วก้มหน้าก้มตาทานต่อ
คมทวนกับจินตามองหน้ากันอย่างแปลกใจ วันนี้พายุไม่ผ่าน รอดไปวัน แต่เหมือนมีอะไรที่ผิดปกติวิสัยเกินความเป็น "กะเพราสุดแสบ"
"กะเพรา ไอ้กะเพรา" คมทวนต้องเอ่ยเรียกลูกสาวซ้ำครั้งที่สอง กิรณาเงยหน้าจากจานข้างหน้า
"ไม่สบายรึเปล่าลูก" สายตาห่วงใยไร้แววล้อเล่นเช่นทุกครั้ง
"เปล่านี่คะ กะเพราสบายดี"
.........................................................................................
"นี่โกรธน้าเหรอ เรื่องวันนั้น" ธีรวิทย์เอ่ยทำลายความเงียบที่รู้สึกว่ามันจะครอบคลุมไปทั่วรถตั้งแต่นั่งจากกาญจนบุรีเข้ามาที่กรุงเทพฯ
เขารับอาสาคมทวนขับรถไปรับกิรณามาส่งที่หอพักซึ่งอยู่ในตัวกรุงเทพฯ เหลือหนึ่งอาทิตย์มหาวิทยาลัยก็จะเปิดภาคเรียน กิรณาเรียนอยู่ปีสี่แล้ว อีกเพียงเทอมเดียวก็จะจบปริญญาตรีสายเกษตรที่หล่อนตั้งใจเลือกเข้าศึกษานักหนาเพราะพ่อและแม่ทำสวน เป็นสวนที่เรียกว่าไร่ซะยังจะดีกว่าเพราะพื้นที่ไม่ใช่น้อย มีทั้งผัก ผลไม้ และกำลังจะขยับขยายงานไปจับด้านไม้ดอกไม้ประดับเพิ่มเติม แต่ทั้งครอบครัวยังยืนยันว่ามันคือสวน สวนที่ปลูกมาด้วยรักของครอบครัวที่ชื่อว่า "สวนร้อยรัก" กิรณาอยากกลับไปช่วยพ่อคมกับแม่จินทำสวน หล่อนบอกกับทุกคนอย่างนั้น และหล่อนก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเป็นที่พอใจและชื่นชมของญาติและครอบครัว เมื่อถึงช่วงปิดเทอมหรือหยุดยาวหล่อนก็มักจะกลับไปช่วยที่บ้านหยิบจับงานเสมอ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ เปื้อนโคลน ลุยน้ำ ขอแค่ไม่เกินกำลัง หล่อนช่วยทุกอย่าง
ธีรวิทย์หันกลับไปมองหลานสาวสามสี่ครั้ง ไม่มีท่าทีว่าเจ้าหล่อนจะตอบ
...หรือว่าจะโกรธเราจริงๆ... ชายหนุ่มนึกในใจ
ธีรวิทย์ตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวเทียบจอดข้างทาง กิรณาหันมาจ้องเขาเกือบจะทันทีที่รถหยุด
"จอดทำไมคะน้าธี" เจ้าหล่อนแหว ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงหูฟังออกจากหูทีละข้าง หูฟังที่ซ่อนอยู่ในเสื้อแขนยาวพอดีตัวและโดนบังมิดด้วยผมยาวสยายที่ปล่อยปิดหูสองข้างไว้ น้าหนุ่มอึ้ง นี่หล่อนไม่ได้ฟังเขาเลยหรอกเหรอ
"ก็น้าคุยกับเราน่ะ ได้ยินรึเปล่า"
"คุย น้าธีคุยกับกะเพราเหรอคะ คุยอะไรน่ะคะ ไม่เห็นได้ยินเลย หรือว่าน้าธีเป็นอะไร มีปัญหาอะไรรึเปล่า หรือว่าแฟนทิ้ง โธ่ น้องกิ๊กกี๋ของน้าธี ไม่น่าเลย" กิรณาทำหน้าเบ้ล้อเลียน หัวเราะคิกคัก
ธีรวิทย์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างอ่อนใจ แต่อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ รู้สึกสบายใจ โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าแม่หลานสาวร่างเล็กไม่ได้นึกโกรธอะไรเขา ไม่น่าเชื่อว่าเขากลับเก็บมันไม่คิดผูกเป็นปมโตจนแก้ไม่ออก สมองล้าจนเครียดแล้วพาลไปหลายวัน
"เขาชื่อกิ๊กครับคุณกิรณา ไม่ใช่กิ๊กกี๋" เสียงหัวเราะของเขาและหล่อนดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้อีกฝ่าย
...........................................................................
เรื่องแรกค่ะ ฝากงานไว้ด้วยนะคะ ติชมกันค่ะ
จอมงอแง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น