ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3 [อัพเดทครบ 100%]
-3-
ร่างเล็กที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากแวมไพร์หนุ่มร่างสูงเบื้องหน้าทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นและปรายตามองรอบห้องซึ่งไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นไปไม่กี่นาทีก่อน จะมีก็มีแค่แจกันที่โดนทอนฟาฟาดจนแตกที่ตกอยู่บนพื้นอยู่หน้าห้องเท่านั้นแหละ ซากิเบ้ปากและประคองแขนข้างหนึ่งของตัวเองไว้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"เดี๋ยว" เสียงใสแหบพร่าเรียกชายที่กำลังก้าวเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ฮิบาริไม่ได้หันกลับมามองแต่ยังคงยืนค้างอยู่กับที่อยู่อย่างนั้น
"นายชื่ออะไร?" นัยน์ตาสีแดงฉานจ้องมองแผ่นหลังกว้างของชายเรือนผมสีเข้มโดยไม่ละไปไหน
"เธอชื่ออะไรล่ะ ยัยสัตว์กินพืช" ฮิบาริไม่ได้ตอบ แต่กลับย้อนถามหญิงร่างเล็กแทน
"ไม่มีคำตอบสำหรับนาย" ซากิแค่นหัวเราะและลุกขึ้นเดินไปยังร่างสูงที่ในตอนนี้หันมาประจันหน้ากับเธอแล้ว นัยน์ตาสีแดงฉานจ้องมองดวงตาคมกริบสีรัตติกาลของอีกฝ่ายอย่างท้าทาย "ในเมื่อนายไม่ตอบฉัน ฉันก็จะไม่ตอบคำถามของนายเช่นกัน" ร่างเล็กยักคิ้วให้และกระตุกยิ้มกวนประสาทใส่ร่างสูงที่ดูไม่พอใจกับการพูดของซากิแม้แต่น้อย
"ว่ายังไงล่ะ นาย.....?"
"แล้วเธอคิดว่าฉันชื่ออะไรล่ะ?" สายตาเรียบเฉยของฮิบาริจ้องมองดวงตากลมโตที่มองมาอย่างไม่ยอมแพ้
"อืมม.." สุดท้ายแล้วก็เป็นร่างเล็กนั่นแหละที่แพ้สงครามจ้องตาแบบนี้ ดวงตากลมกรอกไปมา ใบหน้าสวยหวานทำหน้าครุ่นคิด และคลี่ยิ้มกวนประสาทออกมาในที่สุด "ฉันคิดว่า.. นายน่าจะชื่อรังนกนะ หัวรังนกน่ะ " ซากิยิ้มตาหยีและปรบมือให้กับความคิดของตัวเองเบาๆ เพราะบนเรือนผมสีดำสนิทนี่ก็มีนกน้อยสีเหลืองนอนหลับอย่างน่าเอ็นดูอยู่แทบตลอดเวลาที่พบเจอ ถึงแม้การพบเจอครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็ตาม
ทอนฟาสีเงินแวววาวถูกฟาดลงมาใส่ร่างเล็กอีกครั้งด้วยความเร็ว โชคดีที่เอาแขนกันไว้ทันอย่างทุกครั้ง แต่ใบหน้าของซากิบิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งที่แล่นอยู่ในแขน
"หัวรังนกคุง หยุดเล่นสักทีเถอะ" ซากิยิ้มหวานอย่างน่าหมั่นไส้ แท้จริงแล้วรอยยิ้มหวานๆนี่เหมือนเป็นรอยยิ้มยั่วยวนประสาทเสียมากกว่า ฮิบาริยังคงฟาดทอนฟาใส่ร่างเล็กไม่ยั้งมือ แต่จู่ๆการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วของฮิบาริ เคียวยะกลับชะงักลงทันที
เคร้ง!
ทอนฟาคู่หนึ่งตกลงมากระทบพื้นจนเกิดเสียงดังเคร้ง ดวงตาคมกริบราวใบมีดเบิกกว้างอย่างงุนงงและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ซากิกรอกตาไปมาอีกครั้งและก้มเก็บทอนฟาส่งให้ฮิบาริที่ยืนตกตะลึงอยู่
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้อาวุธของเขาตกลงสู่พื้นได้..
"เธอนี่มันน่าสนุกจริงๆ ยัยสัตว์กินพืช"
"ฉันชื่อซากิ เออ.. ขออะไรหน่อยได้มั้ย ?"
--------------------------------
[Eunji talk]
ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆย่านชานเมืองได้สักพักนึงแล้ว วันนี้เป็นวันคริสมาสต์ ช่วงนี้ที่นี่จึงมีการตกแต่งประดับประดาด้วยต้นสนต่างๆอย่างสวยงาม ถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากเหมือนในตัวเมืองแต่ที่นี่ก็สวยงามในสายตาของฉัน มือของฉันถือตะกร้าใบเล็กของที่นี่และเดินเลือกวัตถุดิบที่จะทำอาหารกินวันนี้ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำมันออกมาได้ดีรึเปล่า่..
"ค..คุณ คุณอึนจี.." เสียงเล็กที่คุ้นหูมาระยะนึงแล้วดังขึ้นจากหลังชั้นวางสินค้าต่างๆ และตอนนี้ฉันกำลังเลือกผงโกโก้เพื่อที่จะเอาไปทำขนมในวันคริสมาสต์นี้
ผู้หญิงตัวเล็กผมสีออกม่วง เธอปิดตาข้างหนึ่งไว้และเดินมาหาด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ ในมือของเธอถือกล่องบรรจุผงโกโก้ยี่ห้อดังไว้ ฉันส่งยิ้มให้กำลังใจไปให้เธอ และพยายามพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองกับผู้หญิงขี้อายเบื้องหน้าให้มากที่สุด "มีอะไรเหรอโคลม ?"
"เอ่อ.. โกโก้ใช้แบบนี้ได้มั้ยคะ?" โคลมก้มหน้างุดและจ้องมองไปยังด้านข้างกล่อง พลางยื่นมันมาให้ฉันอย่างลำบากใจ
"อ่าาา ...." ฉันรับกล่องบรรจุผงโกโก้นั่นมาพิจารณาดูรายละเอียด และยิ้มบางให้โคลม
"ไม่ได้" ฉันยังคงยิ้มอยู่ พร้อมถือกล่องบรรจุผงโกโก้ไว้ในมือ
"ห..เห? " โคลมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ดูเสียใจกับการช่วยอะไรไม่ได้ในการเลือกซื้อของนอกบ้านนี่เลย
"ฉันล้อเล่นน่ะ" ฉันกลั้นขำจนตัวสั่นและจัดการเอากล่องเล็กๆใส่ตะกร้าที่ฉันถืออยู่ โคลมเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออกและพูดน้อยมากกว่าฉันเสียอีก พอโคลมได้ยินคำว่าล้อเล่นแผ่วๆจากปากของฉันใบหน้าของเธอก็ดูมีสีสันขึ้นมาทันที
ในวันคริสมาสต์.. ฉันอยากให้ทุกคนมีความสุขนี่หน่า..
หลังจากการซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆแล้ว ฉันกับโคลมก็มุ่งหน้าไปยังตึกร้างแห่งหนึ่ง ในตอนแรกฉันรู้สึกกลัวมันมากพอๆกับตอนเข้าไปที่โรงเรียนนามิโมริ แต่ว่าที่นี่.. ไม่มีอะไรอย่างที่ฉันคิดไว้ ซึ่งมันก็ดีแล้ว
ฉันมาที่'โกคุโยแลนด์'ได้ยังไงน่ะเหรอ ?
เรื่องมันเริ่มต้นมาจาก ฉัน ซากิ และลีนออกไปล่าท้าผีกันที่นามิโมริ สุดท้ายแล้วทุกคนก็วิ่งหนีกันป่าราบ จนกระทั่งเจอกับชายทั้งสามที่ท่าทางเหมือนผู้ดีมีชาติตระกูล(?) แล้วก็ทั้งสามก็หน้าตาดีในระดับหนึ่ง.. เอ่อ.. ฉันหมายความว่า.. ช..ช่างมันเถอะ โรคุโด มุคุโร่บอกกับฉันว่าจะพาไปส่งที่บ้าน ไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อนอีกสองคนของฉัน เพื่อนๆของฉันจะปลอดภัยแน่นอน ท่าทางของมุคุโร่สุภาพมากๆ และเขาก็ใช้สายหมอกของเขาพาฉันกลับบ้าน.. แต่ว่าเขาบอกว่าผิดพลาดอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ เลยทำให้ฉันและเขามาอยู่ที่นี่ ซึ่งมุคุโร่บอกว่านี่เป็นที่อยู่อาศัยของเขา ในตอนแรกฉันก็งงกับคำพูดของเขา แต่ที่นี่มันสกปรกเกินกว่าที่จะอยู่นะ!! แต่มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อยนี่... ฉันเจอกับคนที่เรียกกันว่าจิคุสะ กับ ผู้ชายหน้า(และท่าทางเหมือน)หมา อ่าา.. แล้วก็ยังมีแฟนของมุคุโร่ด้วย (เขาไม่ได้บอกหรอก แต่ฉันพอจะเข้าใจอยู่กับท่าทางหวงมุคุโร่ของผู้หญิงคนนั้น) แล้วก็มีเด็กผู้ชายผมสีเขียวน่าเอ็นดู ชื่อฟรานอยู่ด้วย เขาเก่งเรื่องภาพลวงตามากๆ ฉันเห็นแล้วยังทึ่งเลย.. แต่ฉันน่ะไม่ใช่ธาตุหมอก.. ฉันธาตุพิรุณ อ่าา.. จนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่เลย ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ.. ฉันจะเล่าเรื่องที่ฉันมาอยู่โกคุโยแลนด์ให้คนพวกนี้ฟัง ฉันจะไม่นอกเรื่องเด็ดขาด! โอเค..
ถึงไหนแล้วนะ?
ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆย่านชานเมืองได้สักพักนึงแล้ว วันนี้เป็นวันคริสมาสต์ ช่วงนี้ที่นี่จึงมีการตกแต่งประดับประดาด้วยต้นสนต่างๆอย่างสวยงาม ถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากเหมือนในตัวเมืองแต่ที่นี่ก็สวยงามในสายตาของฉัน มือของฉันถือตะกร้าใบเล็กของที่นี่และเดินเลือกวัตถุดิบที่จะทำอาหารกินวันนี้ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำมันออกมาได้ดีรึเปล่า่..
"ค..คุณ คุณอึนจี.." เสียงเล็กที่คุ้นหูมาระยะนึงแล้วดังขึ้นจากหลังชั้นวางสินค้าต่างๆ และตอนนี้ฉันกำลังเลือกผงโกโก้เพื่อที่จะเอาไปทำขนมในวันคริสมาสต์นี้
ผู้หญิงตัวเล็กผมสีออกม่วง เธอปิดตาข้างหนึ่งไว้และเดินมาหาด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ ในมือของเธอถือกล่องบรรจุผงโกโก้ยี่ห้อดังไว้ ฉันส่งยิ้มให้กำลังใจไปให้เธอ และพยายามพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองกับผู้หญิงขี้อายเบื้องหน้าให้มากที่สุด "มีอะไรเหรอโคลม ?"
"เอ่อ.. โกโก้ใช้แบบนี้ได้มั้ยคะ?" โคลมก้มหน้างุดและจ้องมองไปยังด้านข้างกล่อง พลางยื่นมันมาให้ฉันอย่างลำบากใจ
"อ่าาา ...." ฉันรับกล่องบรรจุผงโกโก้นั่นมาพิจารณาดูรายละเอียด และยิ้มบางให้โคลม
"ไม่ได้" ฉันยังคงยิ้มอยู่ พร้อมถือกล่องบรรจุผงโกโก้ไว้ในมือ
"ห..เห? " โคลมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ดูเสียใจกับการช่วยอะไรไม่ได้ในการเลือกซื้อของนอกบ้านนี่เลย
"ฉันล้อเล่นน่ะ" ฉันกลั้นขำจนตัวสั่นและจัดการเอากล่องเล็กๆใส่ตะกร้าที่ฉันถืออยู่ โคลมเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออกและพูดน้อยมากกว่าฉันเสียอีก พอโคลมได้ยินคำว่าล้อเล่นแผ่วๆจากปากของฉันใบหน้าของเธอก็ดูมีสีสันขึ้นมาทันที
ในวันคริสมาสต์.. ฉันอยากให้ทุกคนมีความสุขนี่หน่า..
หลังจากการซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆแล้ว ฉันกับโคลมก็มุ่งหน้าไปยังตึกร้างแห่งหนึ่ง ในตอนแรกฉันรู้สึกกลัวมันมากพอๆกับตอนเข้าไปที่โรงเรียนนามิโมริ แต่ว่าที่นี่.. ไม่มีอะไรอย่างที่ฉันคิดไว้ ซึ่งมันก็ดีแล้ว
ฉันมาที่'โกคุโยแลนด์'ได้ยังไงน่ะเหรอ ?
เรื่องมันเริ่มต้นมาจาก ฉัน ซากิ และลีนออกไปล่าท้าผีกันที่นามิโมริ สุดท้ายแล้วทุกคนก็วิ่งหนีกันป่าราบ จนกระทั่งเจอกับชายทั้งสามที่ท่าทางเหมือนผู้ดีมีชาติตระกูล(?) แล้วก็ทั้งสามก็หน้าตาดีในระดับหนึ่ง.. เอ่อ.. ฉันหมายความว่า.. ช..ช่างมันเถอะ โรคุโด มุคุโร่บอกกับฉันว่าจะพาไปส่งที่บ้าน ไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อนอีกสองคนของฉัน เพื่อนๆของฉันจะปลอดภัยแน่นอน ท่าทางของมุคุโร่สุภาพมากๆ และเขาก็ใช้สายหมอกของเขาพาฉันกลับบ้าน.. แต่ว่าเขาบอกว่าผิดพลาดอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ เลยทำให้ฉันและเขามาอยู่ที่นี่ ซึ่งมุคุโร่บอกว่านี่เป็นที่อยู่อาศัยของเขา ในตอนแรกฉันก็งงกับคำพูดของเขา แต่ที่นี่มันสกปรกเกินกว่าที่จะอยู่นะ!! แต่มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อยนี่... ฉันเจอกับคนที่เรียกกันว่าจิคุสะ กับ ผู้ชายหน้า(และท่าทางเหมือน)หมา อ่าา.. แล้วก็ยังมีแฟนของมุคุโร่ด้วย (เขาไม่ได้บอกหรอก แต่ฉันพอจะเข้าใจอยู่กับท่าทางหวงมุคุโร่ของผู้หญิงคนนั้น) แล้วก็มีเด็กผู้ชายผมสีเขียวน่าเอ็นดู ชื่อฟรานอยู่ด้วย เขาเก่งเรื่องภาพลวงตามากๆ ฉันเห็นแล้วยังทึ่งเลย.. แต่ฉันน่ะไม่ใช่ธาตุหมอก.. ฉันธาตุพิรุณ อ่าา.. จนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่เลย ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ.. ฉันจะเล่าเรื่องที่ฉันมาอยู่โกคุโยแลนด์ให้คนพวกนี้ฟัง ฉันจะไม่นอกเรื่องเด็ดขาด! โอเค..
ถึงไหนแล้วนะ?
มุคุโร่บอกว่าจะพาไปส่งที่บ้าน ถ้าหากฉันมาอยู่ที่โกคุโยแลนด์จนถึงวันคริสมาสต์ ซึ่งก็คือวันนี้นั่นแหละ.. แต่ว่า.. ฉันก็อยากทำอาหารให้คนพวกนี้เป็นครั้งสุดท้าย(เว่อร์)ก่อนที่จะกลับบ้าน ฉันไม่รู้จักและไม่เคยได้ยืนชื่อโกคุโยแลนด์มาก่อน ถ้ารู้ว่ากลับบ้านไปทางไหน ฉันก็กลับไปนานแล้ว!
แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะหนีอะไรแค่นี้หรอก.. การที่เห็นคนพวกนี้อยู่อย่างมีความสุข(มั้ง)ก็เป็นอะไรที่ดีมากสำหรับผู้อาศัยชั่วคราวแบบฉัน
ว่าแต่.. ฉัน......
ฉัน....
..
.
.
.
.
......
.
.
.
.
.
.
.
.
....
..... ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนะ !!!
สวัสดี ฉันชื่อ อึนจี.. ปาร์ค อึนจี ค่ะ! เป็นชาวเกาหลีแท้ๆไม่ได้มีเลือดญี่ปุ่นแม้แต่เสี้ยวนึง ถามว่าทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ในนามิโมริแห่งนี้น่ะเหรอ..? เป็นเพราะเพื่อนตัวดีทั้งสองที่อยากมมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นเนี่ยแหละ จนถึงตอนนี้ฉันก็ได้แต่สงสัยว่ามาเที่ยวหรือย้ายบ้านมาญี่ปุ่นกันแน่ก็ไม่รู้ ตอนนี้ฉันอายุ.. หนึ่ง สอง... สาม... สี่.. เ่อ่อ.. จบมัธยมปลายแล้วนะ! แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่ได้เรียนต่อมหาลัยฯอย่างที่ต้องการสักที สาเหตุก็มาจากเพื่อนสองคนนั้นอีกเช่นเคย ฉันขอโทษนะ.. แต่ฉันจะโทษว่าเป็นเพราะพวกเธอสองคน อย่าบอกสองคนนั้นเด็ดขาดนะ!
ไม่ใช่ว่าสมองฉันมันแย่ถึงขนาดสอบไม่ติด ฉันเป็นคนที่เกรดพอใช้ได้มาตลอด ไม่เคยตกไม่เคยซ้ำชั้นด้วยนะ.. เกรดพอใช้ของฉันก็เอทุกวิชานั่นแหละ.. เอ่อ.. ฉันไม่ใช่คนฉลาดแบบซากินะ! แต่.. ก็แค่ขยันเท่านั้นแหละ (กำลังถ่อมตัวในขณะนี้..) ซากิเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง แต่กลับขี้เกียจสุดๆ เกรดก็ดันออกมาดีอีกต่างหาก ชักเริ่มสงสัยแล้วว่าซากิไปข่มขู่อาจารย์คนไหนบ้างรึเปล่า.... ส่วนลีนนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง.. เป็นคนที่ทำอะไรได้ดีพอใช้ (ล่ะมั้ง) แต่กลับตกแล้วตกอีก ตกซ้ำซาก เป็นเพราะไม่ได้ส่งงานตามกำหนด ขี้เกียจพอๆกันกับซากินั่นแหละ..
แต่ฉันว่าซากิขี้เกียจกว่าลีนเยอะหลายขุมเลยนะ . . .
"พี่สาว กลิ่นอะไรไหม้ๆ" เสียงฟรานตะโกนเข้ามาในห้องครัว (ใช้ภาพลวงตาที่กลายเป็นของจริงโดยเครื่องแปลกประหลาดมุมห้อง) เสียงเด็กคนนั้นทำให้ฉันสะดุ้งหลุดออกจากห้วงภวังค์ที่กำลังนินทาเพื่อนสนิททั้งสอง ฉันทำตาโตและชะโงกหน้ามองหม้อที่มีแต่เนื้อกลมๆดำๆกับน้ำที่แห้งเหือดไปหมดจนดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
"ข.. ขอโทษนะคะ" โคลมที่กำลังทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกันกล่าวขอโทษและก้มหัวให้ซ้ำๆ
".."
"ฉันเห็นว่า.. ค..คุณอึนจี กำลังนั่งเหม่ออยู่ เลยไม่อยากเรียก.."
แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะหนีอะไรแค่นี้หรอก.. การที่เห็นคนพวกนี้อยู่อย่างมีความสุข(มั้ง)ก็เป็นอะไรที่ดีมากสำหรับผู้อาศัยชั่วคราวแบบฉัน
ว่าแต่.. ฉัน......
ฉัน....
..
.
.
.
.
......
.
.
.
.
.
.
.
.
....
..... ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนะ !!!
สวัสดี ฉันชื่อ อึนจี.. ปาร์ค อึนจี ค่ะ! เป็นชาวเกาหลีแท้ๆไม่ได้มีเลือดญี่ปุ่นแม้แต่เสี้ยวนึง ถามว่าทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ในนามิโมริแห่งนี้น่ะเหรอ..? เป็นเพราะเพื่อนตัวดีทั้งสองที่อยากมมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นเนี่ยแหละ จนถึงตอนนี้ฉันก็ได้แต่สงสัยว่ามาเที่ยวหรือย้ายบ้านมาญี่ปุ่นกันแน่ก็ไม่รู้ ตอนนี้ฉันอายุ.. หนึ่ง สอง... สาม... สี่.. เ่อ่อ.. จบมัธยมปลายแล้วนะ! แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่ได้เรียนต่อมหาลัยฯอย่างที่ต้องการสักที สาเหตุก็มาจากเพื่อนสองคนนั้นอีกเช่นเคย ฉันขอโทษนะ.. แต่ฉันจะโทษว่าเป็นเพราะพวกเธอสองคน อย่าบอกสองคนนั้นเด็ดขาดนะ!
ไม่ใช่ว่าสมองฉันมันแย่ถึงขนาดสอบไม่ติด ฉันเป็นคนที่เกรดพอใช้ได้มาตลอด ไม่เคยตกไม่เคยซ้ำชั้นด้วยนะ.. เกรดพอใช้ของฉันก็เอทุกวิชานั่นแหละ.. เอ่อ.. ฉันไม่ใช่คนฉลาดแบบซากินะ! แต่.. ก็แค่ขยันเท่านั้นแหละ (กำลังถ่อมตัวในขณะนี้..) ซากิเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง แต่กลับขี้เกียจสุดๆ เกรดก็ดันออกมาดีอีกต่างหาก ชักเริ่มสงสัยแล้วว่าซากิไปข่มขู่อาจารย์คนไหนบ้างรึเปล่า.... ส่วนลีนนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง.. เป็นคนที่ทำอะไรได้ดีพอใช้ (ล่ะมั้ง) แต่กลับตกแล้วตกอีก ตกซ้ำซาก เป็นเพราะไม่ได้ส่งงานตามกำหนด ขี้เกียจพอๆกันกับซากินั่นแหละ..
แต่ฉันว่าซากิขี้เกียจกว่าลีนเยอะหลายขุมเลยนะ . . .
"พี่สาว กลิ่นอะไรไหม้ๆ" เสียงฟรานตะโกนเข้ามาในห้องครัว (ใช้ภาพลวงตาที่กลายเป็นของจริงโดยเครื่องแปลกประหลาดมุมห้อง) เสียงเด็กคนนั้นทำให้ฉันสะดุ้งหลุดออกจากห้วงภวังค์ที่กำลังนินทาเพื่อนสนิททั้งสอง ฉันทำตาโตและชะโงกหน้ามองหม้อที่มีแต่เนื้อกลมๆดำๆกับน้ำที่แห้งเหือดไปหมดจนดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
"ข.. ขอโทษนะคะ" โคลมที่กำลังทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกันกล่าวขอโทษและก้มหัวให้ซ้ำๆ
".."
"ฉันเห็นว่า.. ค..คุณอึนจี กำลังนั่งเหม่ออยู่ เลยไม่อยากเรียก.."
"เอ๋..? ไม่ต้องขอโทษหรอก เ่อ่อ.. ฉันเหม่อไปเองแหละ ขอโทษด้วยนะที่ปล่อยให้โคลมทำอยู่คนเดียว ขอโทษจริงๆ" ฉันรีบลุกขึ้นยืนและโค้งหัวให้หลายรอบอย่างสำนึกผิด ฉันนี่แย่จริงๆเลยทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้กันนะ..
[Eunji End talk]
[Eunji End talk]
50 %
-----------
[Saki Talk]
[Saki Talk]
ท่ามกลางหิมะโปรยปราย ผู้คนต่างเดินขวักไขว่ในยามค่ำคืน อาจเป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาล จึงทำให้ผู้คนเยอะมากมายเช่นนี้ ชายร่างสูงผมสีดำสนิทขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งเมื่อฉันเริ่มพึมพำอย่างชวนประสาทเสียกับผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ฮิบาริ เคียวยะยังคงกุมมือบางไว้ในมือตัวเองและรีบเดินต่อไปโดยไม่สนใจคำพูดของฉันเลยแม้แต่น้อย
"นี่! เดินช้าๆหน่อยก็ได้ แขนฉันจะหลุดแล้ว" น้ำเสียงเนือยๆที่ดูเบื่อหน่ายดังขึ้นข้างตัวอีกครั้ง แขนที่ไม่ได้ถูกจูงอยู่ถูกหุ้มด้วยเฝือก
เพราะอะไร ฉันถึงสภาพแบบนี้น่ะเหรอ ?
แนะนำให้ย้อนอ่านขึ้นไปด้านบนเลยนะ จะเจอฉันที่ถูกทอนฟาฟาดจนกระดูกแตก -_-;
ฉันผ่อนลมหายใจออกอย่างไม่ชอบใจ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม ทั้งๆที่อากาศหนาวเย็นจับขั้วหัวใจขนาดนี้ ฉันยังต้องถูกแวมไพร์บ้าเลือดจูงกลับบ้านสภาพเหมือนหมาหลงทางที่ถูกจูงกลับบ้านไม่มีผิด
จู่ๆนายเคะหน้าซึนนี่ก็ทำตัวมีพิรุธแล้วรีบกลับบ้านซะอย่างนั้น กลับเองได้ว้อย! จะลากไปส่งถึงที่ทำไมฟะ=_=!!
จะไม่ปริปากบ่นสักคำถ้ามือนายไม่เย็นขนาดนี้...
หนาวจะตายแล้ว T^T..
ถ้าแบกฉันไปส่งที่บ้านได้คงทำไปแล้วสินะ =_=***
"นี่! เดินช้าๆหน่อยก็ได้ แขนฉันจะหลุดแล้ว" น้ำเสียงเนือยๆที่ดูเบื่อหน่ายดังขึ้นข้างตัวอีกครั้ง แขนที่ไม่ได้ถูกจูงอยู่ถูกหุ้มด้วยเฝือก
เพราะอะไร ฉันถึงสภาพแบบนี้น่ะเหรอ ?
แนะนำให้ย้อนอ่านขึ้นไปด้านบนเลยนะ จะเจอฉันที่ถูกทอนฟาฟาดจนกระดูกแตก -_-;
ฉันผ่อนลมหายใจออกอย่างไม่ชอบใจ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม ทั้งๆที่อากาศหนาวเย็นจับขั้วหัวใจขนาดนี้ ฉันยังต้องถูกแวมไพร์บ้าเลือดจูงกลับบ้านสภาพเหมือนหมาหลงทางที่ถูกจูงกลับบ้านไม่มีผิด
จู่ๆนายเคะหน้าซึนนี่ก็ทำตัวมีพิรุธแล้วรีบกลับบ้านซะอย่างนั้น กลับเองได้ว้อย! จะลากไปส่งถึงที่ทำไมฟะ=_=!!
จะไม่ปริปากบ่นสักคำถ้ามือนายไม่เย็นขนาดนี้...
หนาวจะตายแล้ว T^T..
ถ้าแบกฉันไปส่งที่บ้านได้คงทำไปแล้วสินะ =_=***
[Saki end talk]
------------------------
------------------------
ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวขจี ซึ่งมีหิมะเกาะเป็นบางจุดอยู่บนยอดของต้นไม้ ยังมีปราสาทหินสูงตะหง่านตั้งอยู่กลางป่าลึกลับแห่งนี้ ท้องฟ้ายามราตรีประดับไปด้วยหมู่ดาวทำให้ปราสาทแห่งนี้ดูมืดมนกว่าเดิมเสียอีก เหล่าชายชุดดำยืนเฝ้าเวรยามอย่างดีไม่ได้ขยับไปไหนยืนล้อมรอบปราสาทหิน
ภายในปราสาทไม่ได้ตกแต่งหรูหราเพียงแต่สะอาดหมดจดแตกต่างจากด้านนอกตัวปราสาทแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยต่างๆที่บ่งบอกว่าปราสาทหินนี้เก่าแก่มากเพียงใด หญิงสาวที่จัดว่าหุ่นดีคนหนึ่งเดินผ่านชายชุดดำที่ยืนนิ่งราวกับทำความเคารพอย่างไรอย่างนั้น เธอคนนี้มีผมยาวสลวย ดวงตารีเรียวน่าหลงใหล จมูกเชิดรั้นราวกับพระเจ้าสรรค์สร้างเธอคนนี้ลงมา แต่ทว่าใบหน้าสวยงามราวกับรูปปั้นไม่ได้มีรอยยิ้มปรากฎ ทางเดินแห่งนี้ีมีเพียงเสียงรองเท้าของหญิงนิรนามกระทบกับพื้นพรมสีแดงฉานราวกับเลือด
ภายในปราสาทไม่ได้ตกแต่งหรูหราเพียงแต่สะอาดหมดจดแตกต่างจากด้านนอกตัวปราสาทแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยต่างๆที่บ่งบอกว่าปราสาทหินนี้เก่าแก่มากเพียงใด หญิงสาวที่จัดว่าหุ่นดีคนหนึ่งเดินผ่านชายชุดดำที่ยืนนิ่งราวกับทำความเคารพอย่างไรอย่างนั้น เธอคนนี้มีผมยาวสลวย ดวงตารีเรียวน่าหลงใหล จมูกเชิดรั้นราวกับพระเจ้าสรรค์สร้างเธอคนนี้ลงมา แต่ทว่าใบหน้าสวยงามราวกับรูปปั้นไม่ได้มีรอยยิ้มปรากฎ ทางเดินแห่งนี้ีมีเพียงเสียงรองเท้าของหญิงนิรนามกระทบกับพื้นพรมสีแดงฉานราวกับเลือด
ประตูไม้เนื้อดีสลักเป็นลวดลายสวยงามถูกผลักออกโดยชายหนุ่มชุดดำที่ยืนรักษาการอยู่หน้าห้องแห่งนี้ หญิงสาวเพียงส่งยิ้มหวานราวน้ำผึ้งไปให้บางๆและเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีเพียงตะเกียงกลางห้องเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว หญิงสาวร่างเพรียวไล้ฝ่ามือขาวเนียนไปตามแฟ้มเอกสารต่างๆไปอย่างทนุถนอม ใบหน้าสวยยังคงปรากฎรอยยิ้มจางๆ
"หยุดทำหน้าตาเหมือนโรคจิตสักทีเถอะ" เสียงทุ้มดังขึ้นขัดจังหวะสาวร่างเพรียว ถ้าหากเดินเข้าห้องมาจะไม่มีใครสังเหตุเห็นชายในมุมมืดคนนี้เลย มีเพียงเงาสีทะมึนเท่านั้นที่บ่งบอกว่านั่นคือมนุษย์
"ชอบขัดตลอดเลยแฮะ ~" ร่างเพรียวพูดขึ้น แม้กระทั่งน้ำเสียงของสาวสวยคนนี้ยังหวานนุ่ม แต่ชายในมุมมืดตรงนั้นไม่ได้หลงสเน่ห์ของเธอคนนี้เลยแม้แต่น้อย
เจ้าของเสียงทุ้มแฝงความกวนประสาทเดินก้าวออกมาจากมุมมืดๆของเขา ร่างสูงโปร่งในชุดกราวน์สีขาวสะอาดอ้าปากหาวด้วยความเหนื่อยล้าเล็กน้อย ผมของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาคมภายใต้เลนส์แว่นแบรนด์หรูเป็นประกายวิบวับ จมูกโด่งคมเ็ป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูปหยักยิ้มกวนๆส่งให้สาวสวยตรงหน้า
"มาทำไมล่ะ ควีน?"
บุคคลที่ถูกเรียกว่าควีนไม่ตอบคำถาม เธอปรายตามองไปยังหลอดแก้วทดลองบรรจุสารทดลองหลากสีต่างๆด้วยสายตาสนอกสนใจ ควันพวยพุ่งเล็กน้อยจากหลอดแก้ว กระดาษมากมายสำหรับจดทดลองกระจัดกระจายไปหลายทิศทาง
แต่ทว่ามีหลอดแก้วทดลองหลอดหนึ่งที่แปลกกว่าหลอดอื่นเป็นพิเศษ มันอยู่ในตู้กระจกพิเศษซึ่งตั้งอยู่มุมห้อง สิ่งที่ถูกบรรจุอยู่เป็นของเหลวสีแดงจัดราวกับเลือดสดๆ ของเหลวสีแดงฉานนั่นเดือดปุดๆอยู่ ตามตู้กระจกนี้มีโน้ตต่างๆแปะอยู่ พร้อมทั้งมีแฟ้มเอกสารการทดลองที่หนาเป็นพิเศษวางอยู่บนตู้กระจกนี้ด้วย ที่เปิดตู้กระจกนี้มีป้ายเล็กๆแขวนอยู่เป็นตัวอักษรที่เขียนหวัดๆ อ่านออกบางส่วนว่า 'แวมไพร์ชั้นสูง'
"ว้าว.. ด็อกเตอร์สติเฟื่องแบบนายก็เก่งใช่ย่อยแฮะ" หญิงสาวเผยอริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูธรรมชาติขึ้น ดวงตารีเรียวโตขึ้นมาเล็กน้อย ชายหนุ่มด้านหลังส่ายหัวอย่างเอือมๆและทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวประจำที่ตั้งอยู่ในมุมมืดของเขา
"ยาตัวใหม่ทำเสร็จรึยัง ?" ร่างเพรียวเอ่ยขึ้นอีกคราเมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบไป ควีนเลิกคิ้วมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างคาดคั้นคำตอบ "ก็เท่าที่เห็นนั่นแหละ" เขาตอบและหันไปจดจ่อกับหลอดทดลองอีกครั้ง มือหนาดึงแว่นตาหนาเตอะออกจากใบหน้าหล่อคม แล้วขยี้ตาเหมือนเด็กอยู่ครู่หนึ่ง
จู่ๆจอภาพขนาดใหญ่เบื้องหน้าก็ฉายใบหน้าเรียบนิ่งองชายชุดดำคนหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย ร่างเพรียวคาดว่าน่าจะเป็นภาพจากหน้าประตูห้องนี้อย่างแน่นอน
"ขออภัยครับ คุณควีน คุณดีอาร์" ชายชุดดำในจอภาพคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ นายสร้างระบบแบบนี้ขึ้นด้วยเหรอเนี่ย ~?" ร่างเพรียวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไร
แต่ทว่าคนที่ถูกชมกลับไม่ได้ใส่ใจ เขาใส่แว่นตามเดิมราวกับไม่ได้ยินเสียงของควีน "มีอะไร?"
"คนที่ส่งไปดูผู้พิทักษ์ฝ่ายนั้นเจอผู้พิทักษ์เมฆาในคืนคริสมาสต์ครับ" ชายชุดดำทำหน้าเคร่งเครียด
"เคียวคุงนี่ไม่ปรากฎตัวนานเลยน้าา ~" ดวงหน้าสวยของควีนยิ้มตาหยีและฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ต่างจากชายด้านข้างที่กลับไปสนใจงานทดลองของเขาตามเดิม
"จะให้ทำอะไรมั้ยครับ?"
"ทำอะไรดีล่ะ ด็อกเตอร์ ?" หญิงสาวพูดอย่างสบายๆและหันไปถามคนด้านข้างที่ลุกขึ้นไปดูหลอดทดลองและจดบันทึกอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ
"ไปทักทายเมฆก้อนนั้นสักหน่อยดีไหม?" ดีอาร์ขยับกรอบแว่นหนาของเขา กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์และภาพบนจอก็ขาดหายไปเมื่อได้รับคำสั่งทันที
--------------TBC--------------
สวัสดีปีใหม่น๊ารีดเดอร์ทุกคน *ก้มกราบงามๆ แฮ่ๆ ดองไว้ตั้งแต่วันคริสมาสต์จนเลยปีใหม่มาแล้วนะเนี่ย 55555555
พอดีเพิ่งสอบ+ปั่นงานส่งจารย์ขาโหดเสร็จแล้ววว ~ ปีใหม่นี้จะมาอัพบ่อยขึ้นนะ ปวิ๊งๆ *_* อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนก่อนนะ ตอนนี้มีคู่รัก(?)โผล่มาอีกคู่แล้วว //โดนตบ ฝากติดตามด้วยนะฮ๊าบ ;A;
พอดีเพิ่งสอบ+ปั่นงานส่งจารย์ขาโหดเสร็จแล้ววว ~ ปีใหม่นี้จะมาอัพบ่อยขึ้นนะ ปวิ๊งๆ *_* อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนก่อนนะ ตอนนี้มีคู่รัก(?)โผล่มาอีกคู่แล้วว //โดนตบ ฝากติดตามด้วยนะฮ๊าบ ;A;

เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น