ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1
-1-
หญิงสาวร่างเล็กนอนขดตัวอยู่บนโซฟาสีดำสนิทภายในห้องรับแขก ความจริงแล้วก็เรียกมันว่าห้องรับแขกก็ไม่ถูกสักเท่าไหร่ ถ้าบอกว่ามันเป็นห้องรวมเพื่อนของหญิงสาวทั้งสามเสียมากกว่า ร่างเล็กขดตัวมากกว่าเดิมเมื่อมีคนเปิดประตูจากด้านนอกของตัวบ้านเข้ามาเพราะมีสายลมเย็นจัดพัดผ่านเข้ามาในห้องที่เย็นจัดไม่ต่างกับสภาพอากาศด้านนอก หญิงสาวที่ตัวสูงกว่าคนที่นอนขดอยู่บนโซฟาจัดแจงถอดรองเท้าออกอย่างไม่ใส่ใจและมองร่างเล็กที่หลับอยู่ด้วยสายตาเนือยๆพลางเดินไปในครัวเพื่อไปทำอาหารให้เพื่อนทั้งสองกิน บานประตูถูกเปิดขึ้นอีกครั้งเสียงดังสนั่นแตกต่างจากคราวแรกทำให้คนที่ตกอยู่ในห้วงนิทราตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแทบร่วงจากโซฟาแคบๆ
"อะไรเนี่ยยัยซากิ นอนขดตัวหนาวอยู่แล้วทำไมไม่เปิดฮีตเตอร์!?"หญิงสาวเรือนผมสีดำสนิท ดวงตาเป็นสีม่วงตวัดมองซากิที่นั่งมองหญิงสาวเรือนผมสีดำนามว่า 'ไวโอลีน' โวยวายเสียงดังแต่ทว่าดูเหมือนคำต่อว่าเสียงดังของไวโอลินจะไม่เข้าไปกระทบโสตประสาทของเพื่อนแม้แต่น้อย 'ซากิ'ตีหน้ามึนใส่และทำเป็นไม่รับรู้คำต่อว่านั่น ดวงตาสีแดงจัดปรือเพราะต้องการจะหลับต่อเต็มทน จนกระทั่ง'อึนจี'หญิงสาวชาวเกาหลีเดินมาห้ามทัพและบอกว่าอาหารเย็นเสร็จแล้ว ไวโอลีนจึงได้หยุดโวยวายและเดินจากไปห้องครัวกับอึนจี
เจ้าของเรือนผมสีสว่างเบ้ปากเล็กน้อย มือเล็กดึงหูฟังออกและกรอกตาไปมา ซากิอ้าปากหาวและเดินไปรับประทานอาหารเย็นด้วยท่าทางเมื่อยล้า
ไวโอลีน อึนจีและซากิต่างกินอาหารในจานตัวเองอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงช้อนและส้อมกระทบกันเท่านั้นที่ดังขึ้นมาเป็นบางช่วง ไวโอลีนหยิบแก้วน้ำมาดื่มและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ
"ก่อนหน้านี้ที่ฉันไปเดินเล่นข้างนอกน่ะ ฉันไปเจอยายแก่ๆคนนึง เอ้อ..ยายคนนั้นบอกว่าให้ระวังโรงเรียนนามิโมริใกล้ๆบ้านเราไว้"
"แถวนี้มีโจรรึไง?"ซากิที่กินข้าวเสร็จแล้วหันไปมองหน้าไวโอลีนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"เปล่าหรอก แต่ยายคนนั้นบอกว่ามีผีว่ะเพื่อนรัก"
"ใครไปพิสูจน์ล่ะ?"ซากิยังคงถามและทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เราไง"
"ห๊ะ!? / ว่าไงนะ?"ซากิและอึนจีที่นั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนทั้งสองอยู่เงียบๆก็โพล่งขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
"มันน่าสนุกดีไม่ใช่รึไง? ไปพิสูจน์ผีที่โรงเรียนนั่นกันเถอะ"
"มันจะดีเหรอลีน.. ผู้ใหญ่เขาเตือนก็น่าจะเชื่อไม่ใช่รึไง"อึนจีค้านทันที
ทั้งสามเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นามิโมริได้เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น เพราะที่บ้านไวโอลีนร่ำรวยมากพอสมควรจึงได้ซื้อบ้านสำหรับอยู่ในเมืองนี้ อึนจีคงไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้ิงไว้ที่นี่เพราะเล่นพิสูจน์ผีอะไรของเพื่อนที่สนิทกันมาหลายปีนักหรอก
"ตามใจเหอะ ถึงลีนอยากทำฉันก็ห้ามอะไรแกไม่ได้"อึนจีพูดขึ้นและหันไปมองหน้าขอความเห็นซากิที่ทำหน้านิ่งเหมือนเดิมไม่มีผิด
"ไปก็ไป แต่ถ้าฉันตายก็อย่าลืมเผาเตียงนอนมาให้ก็แล้วกัน"ซากิพูดติดตลก ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทั้งสองที่ทำหน้าเคร่งเครียดพอกันได้เป็นอย่างดี
------------------------------------------------
ทั้งสามยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนนามิโมริอยู่ครู่หนึ่ง ไวโอลีนลองเอานิ้วจิ้มโครงประตูเก่าๆขึ้นสนิมดูอย่างนึกรังเกียจ อึนจียืนเกาะไหล่ไวโอลีนแน่นราวกับกลัวจะหายไปไหน ซากิมองบริเวณรอบๆด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
"รังเกียจสนิมขนาดนั้นเลยเหรอ?"ซากิจิ๊ปากและใช้เท้าเตะโครงเหล็กเก่าๆจนเปิดออกเสียงเอี๊ยดอ๊าด ไวโอลีนพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองเป็นสัญญาณและก้าวเดินเ้ข้าไปในโรงเรียนอย่างไม่เกรงกลัว
"น่ากลัวออก รีบกลับกันเถอะนะลีน ซากิ"อึนจีพูดเสียงสั่นแต่กลับไม่มีใครใส่ใจคำพูดนั้น
ไวโอลีนพิจารณาลูกบิดประตูเก่าๆใกล้พังของอาคารที่ใกล้ที่สุด เธอสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับเปิดมันไป แต่ก็ไม่พบอะไรที่ทำให้ดูสยองขวัญแม้แต่นิดเดียวนอกจากความมืดของโรงเรียนเก่าๆที่ปิดตัวไปนาน และซากสัตว์ที่แห้งกรังตายอยู่กับพื้นในแต่ละจุด ทั้งสามเดินเกาะกลุ่มกันไปตามขั้นบันไดต่างๆที่มีฝุ่นเขรอะ ไวโอลีนจามเสียงดังเพราะเจ้าตัวเองแพ้ฝุ่น ในขณะที่อึนจีหลบอยู่หลังไวโอลีน โดยมีซากิเดินรั้งท้าย
แต่อยู่ๆเมื่อถึงทางแยก ไวโอลีนและอึนจีกลับยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่ยอมเดินหน้าต่อ ซากิจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสียแต่เมื่อเห็นสิ่งที่ทำใหเพื่อนทั้งสองหยุดชะงักไปก็เข้าใจทันที
ผีนี่เอง ซากิคิดในใจและพยักหน้ากับตัวเอง
"กริ๊ดดดดดดดดด!!~"อึนจีและไวโอลีนกรีดร้องเป็นเสียงเดียวกันและออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปคนละทิศคนละทาง
"เวรล่ะ...."ซากิสบถกับตัวเองเสียงเบา ดวงตากลมสีแดงดูสั่นไหวเพราะความกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ผีสาวผิวขาวจัด ผมยาวปรกใบหน้าและลากยาวไปตามพื้นคลานมาหาซากิที่ยืนมองตัวแข็งทื่อเสียงกระดูกดังกร๊อบชวนสยองขวัญดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างเล็กได้แต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน รู้ตัวอีกทีก็ปล่อยนกฟีนิกซ์ธาตุพิรุณออกมาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว
มันจะช่วยอะไรได้วะเนี่ย.... ซากินึกด่าตัวเองในใจและกำผ้าพันคอสีดำสนิทตัดกับสีผิวของตัวเองไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย และหลับตาแน่นรอรับชะตากรรมของตัวเอง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียงสยองๆนั่นก็หายไปแล้ว พื้นตรงหน้าว่างเปล่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นกฟีนิกซ์ธาตุพิรุณส่งเสียงร้องอย่างดีอกดีใจและเกาะบ่าผู้เป็นนายพร้อมกางปีกกว้าง
แปะๆๆ~
เสียงปรบมือจากที่ไหนสักแห่งดังขึ้น ซากิมองรอบๆอย่างหวาดระแวงว่าจะมีอะไรโผล่มาอีกครา ชายร่างสูงโปร่งเดินยิ้มอย่างสุภาพมาหาแต่ยังไงแล้วร่างเล็กก็มองว่ามันคือรอยยิ้มอาบยาพิษดีๆนี่แหละ ชายหนุ่มท่าทางดูสุภาพยังคงยิ้มอยู่ ผมสีน้ำทะเลตัดกับสีผิวขาวจัดนั่นอย่างเห็นได้ชัดเจน ดวงตารีเรียวมีสองสีอย่างน่าประหลาดใจ
"คุณดูออกด้วยเหรอครับว่ามันคือภาพลวงตาน่ะ คุฟุฟุ"
ฟุบ้านแกสิ กลับบ้านไปทำผมใหม่ไป ไอ้ผู้ชายหัวสัปปะรด ซากิกลืนคำพูดที่จะต่อว่าชายคนตัวสุงๆเบื้องหน้าลงคอไปพร้อมกับน้ำลาย ถ้าหากพูดอะไรไปตอนนี้อาจจะโดนฆ่าหมกโรงเรียนตายสมใจแถมยังไม่ได้นอนอย่างสบายๆอีกแน่นอน
"กลัวผมหรือไงครับ?"ชายคนนั้นยิ้มและจับคางซากิเงยขึ้นให้มองร่างเล็กได้ถนัดชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ซากิกลับสะดุ้ง ดวงตาสีแดงจัดเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจและถอยห่างออกจากผู้ชายแปลกหน้าแถมยังทำตัวแปลกๆอีกต่างหาก
"ตัวลุงเย็นอ่ะ"
คำพูดสั้นๆของร่างเล็กตรงหน้าแทบทำให้'โรคุโด มุคุโร่'คนนี้อยากจะไปกระโดดตึกให้ตายเสียตอนนี้ เรียกว่าพี่ยังพอทนแต่นี่เรียกลุง ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยโดนใครเรียกว่าลุงต่อหน้าต่อตาขนาดนี้
"ลุงตายแล้วเหรอ....."
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะตอบคำถาม คนถามก็ล้มไปนอนกับพื้นแถมหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจ นั่นสลบ เป็นลม หรือว่าง่วงจนนอนหลับไปเหรอครับ....
"รังเกียจสนิมขนาดนั้นเลยเหรอ?"ซากิจิ๊ปากและใช้เท้าเตะโครงเหล็กเก่าๆจนเปิดออกเสียงเอี๊ยดอ๊าด ไวโอลีนพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองเป็นสัญญาณและก้าวเดินเ้ข้าไปในโรงเรียนอย่างไม่เกรงกลัว
"น่ากลัวออก รีบกลับกันเถอะนะลีน ซากิ"อึนจีพูดเสียงสั่นแต่กลับไม่มีใครใส่ใจคำพูดนั้น
ไวโอลีนพิจารณาลูกบิดประตูเก่าๆใกล้พังของอาคารที่ใกล้ที่สุด เธอสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับเปิดมันไป แต่ก็ไม่พบอะไรที่ทำให้ดูสยองขวัญแม้แต่นิดเดียวนอกจากความมืดของโรงเรียนเก่าๆที่ปิดตัวไปนาน และซากสัตว์ที่แห้งกรังตายอยู่กับพื้นในแต่ละจุด ทั้งสามเดินเกาะกลุ่มกันไปตามขั้นบันไดต่างๆที่มีฝุ่นเขรอะ ไวโอลีนจามเสียงดังเพราะเจ้าตัวเองแพ้ฝุ่น ในขณะที่อึนจีหลบอยู่หลังไวโอลีน โดยมีซากิเดินรั้งท้าย
แต่อยู่ๆเมื่อถึงทางแยก ไวโอลีนและอึนจีกลับยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่ยอมเดินหน้าต่อ ซากิจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสียแต่เมื่อเห็นสิ่งที่ทำใหเพื่อนทั้งสองหยุดชะงักไปก็เข้าใจทันที
ผีนี่เอง ซากิคิดในใจและพยักหน้ากับตัวเอง
"กริ๊ดดดดดดดดด!!~"อึนจีและไวโอลีนกรีดร้องเป็นเสียงเดียวกันและออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปคนละทิศคนละทาง
"เวรล่ะ...."ซากิสบถกับตัวเองเสียงเบา ดวงตากลมสีแดงดูสั่นไหวเพราะความกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ผีสาวผิวขาวจัด ผมยาวปรกใบหน้าและลากยาวไปตามพื้นคลานมาหาซากิที่ยืนมองตัวแข็งทื่อเสียงกระดูกดังกร๊อบชวนสยองขวัญดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างเล็กได้แต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน รู้ตัวอีกทีก็ปล่อยนกฟีนิกซ์ธาตุพิรุณออกมาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว
มันจะช่วยอะไรได้วะเนี่ย.... ซากินึกด่าตัวเองในใจและกำผ้าพันคอสีดำสนิทตัดกับสีผิวของตัวเองไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย และหลับตาแน่นรอรับชะตากรรมของตัวเอง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียงสยองๆนั่นก็หายไปแล้ว พื้นตรงหน้าว่างเปล่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นกฟีนิกซ์ธาตุพิรุณส่งเสียงร้องอย่างดีอกดีใจและเกาะบ่าผู้เป็นนายพร้อมกางปีกกว้าง
แปะๆๆ~
เสียงปรบมือจากที่ไหนสักแห่งดังขึ้น ซากิมองรอบๆอย่างหวาดระแวงว่าจะมีอะไรโผล่มาอีกครา ชายร่างสูงโปร่งเดินยิ้มอย่างสุภาพมาหาแต่ยังไงแล้วร่างเล็กก็มองว่ามันคือรอยยิ้มอาบยาพิษดีๆนี่แหละ ชายหนุ่มท่าทางดูสุภาพยังคงยิ้มอยู่ ผมสีน้ำทะเลตัดกับสีผิวขาวจัดนั่นอย่างเห็นได้ชัดเจน ดวงตารีเรียวมีสองสีอย่างน่าประหลาดใจ
"คุณดูออกด้วยเหรอครับว่ามันคือภาพลวงตาน่ะ คุฟุฟุ"
ฟุบ้านแกสิ กลับบ้านไปทำผมใหม่ไป ไอ้ผู้ชายหัวสัปปะรด ซากิกลืนคำพูดที่จะต่อว่าชายคนตัวสุงๆเบื้องหน้าลงคอไปพร้อมกับน้ำลาย ถ้าหากพูดอะไรไปตอนนี้อาจจะโดนฆ่าหมกโรงเรียนตายสมใจแถมยังไม่ได้นอนอย่างสบายๆอีกแน่นอน
"กลัวผมหรือไงครับ?"ชายคนนั้นยิ้มและจับคางซากิเงยขึ้นให้มองร่างเล็กได้ถนัดชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ซากิกลับสะดุ้ง ดวงตาสีแดงจัดเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจและถอยห่างออกจากผู้ชายแปลกหน้าแถมยังทำตัวแปลกๆอีกต่างหาก
"ตัวลุงเย็นอ่ะ"
คำพูดสั้นๆของร่างเล็กตรงหน้าแทบทำให้'โรคุโด มุคุโร่'คนนี้อยากจะไปกระโดดตึกให้ตายเสียตอนนี้ เรียกว่าพี่ยังพอทนแต่นี่เรียกลุง ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยโดนใครเรียกว่าลุงต่อหน้าต่อตาขนาดนี้
"ลุงตายแล้วเหรอ....."
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะตอบคำถาม คนถามก็ล้มไปนอนกับพื้นแถมหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจ นั่นสลบ เป็นลม หรือว่าง่วงจนนอนหลับไปเหรอครับ....
--------------------------------------------
หลังจากที่อึนจีวิ่งอย่างลืมโลกมาแล้ว ก็ถึงกับงงว่าตอนนี้วิ่งมาหยุดอยู่ส่วนไหนของอาคารหลอนๆแห่งนี้ ร่างบางเกาหัวแกรกๆและมองซ้ายมองขวาอย่างุนงงเพราะไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนต่อดี อึนจีมองดูนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ เธอไม่อยากจะคิดว่าตอนนี้เพื่อนอีกสองคนจะเป็นยังไงกันบ้างหลังจากที่ต่างคนต่างวิ่งกันอย่างกับจะไปวิ่งชิงแชมป์โลกที่ไหน
เท่าที่เห็นซากิไม่ได้ออกวิ่งไปไหนเลยนี่..
อึนจีเดินก้มหน้าหงุดอย่างใช้ความคิดจนหัวสมองแทบจะระเบิดเหมือนระเบิดตรงหน้าที่วางอยู่..
เดี๋ยวนะ.. ระเบิดงั้นเหรอ??
หญิงสาวเชื้อชาติเกาหลีนั่งยองขากับพื้นและหยิบไดนาไมต์ขึ้นมาหมุนเล่นในมืออย่างพิจารณา มันยังดูใหม่อยู่เลย แต่โณงเรียนนี้ถูกปิดมาหลายปีแล้วนะ จะเป็นไปได้ยังไงที่ไดนาไมต์จะมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเขรอะๆนี่แถมไม่มีฝุ่นเกาะหรือร่องรอยของความเก่าของมัน
"เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ!?"
"ขะ..ขอโทษค่ะ!!"อึนจีรีบลุกขึ้นปัดฝุ่นที่กระโปรงออกและโค้งให้คนตรงหน้าตามนิสัยนางฟ้าที่เพื่อนๆชอบเรียกกัน
"ของคุณใช่มั้ยคะ? ขอโทษนะคะที่หยิบมาโดยไม่ขออนุญาต ก็ฉันเห็นมันตกอยู่บนพื้น สงสัยว่าเห็นมันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ก็เลยลองหยิบขึ้นมาดูน่ะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะ-------"อึนจีรีบร่ายยาวและส่งไดนาไมต์คืนให้ชายผมสีเงินตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
"หยุดขอโทษได้แล้ว ฉันรำคาญ"โกคุเดระ ฮายาโตะพูดตัดบทและรับไดนาไมต์มาจากอึนจี
"ขะ--ขอโทษ เอ่อ.. เมื่อกี้ไม่ได้ขอโทษนะ"อึนจีส่ายหัวไปมาด้วยท่าทางสำนึกผิด
"เออ รีบๆกลับไปได้แล้ว รู้มั้ยว่าที่นี่มีอะไรบ้าง?"
"มีคุณผู้ชายหัวปลาหมีกสีเงิน แล้วก็ผีจูออนไงคะ"
"เธอว่าใคร!?"
"ไม่ได้ว่าแต่พูดความจริงค่ะ"อึนจียิ้มและชี้มือไปยังหัวสีเงินๆของโกคุเดระ
"เออๆ กลับไปซะ"โกคุเดระไม่อยากเถียงกับผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่ เขาทำหน้าเหนื่อยใจใส่ผู้หญิงตรงหน้าและบอกปัดๆให้ไปด้านซ้าย ซึ่งคือทางลงบันไดเป็นทางออกไปจากอาคารแห่งนี้ โกคุเดระหันหลังกลับอย่างหงุดหงิดรำคาญใจแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเดินตามต้อยๆราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดยังไงยังงั้น
"กลับไปสิ"เขาตวาดใส่อย่างรำคาญใจ
"ก็ข้างล่างมัน.."
"จะไปทางนั้นหรืออยากโดนฉันเป่ากระจุย ว่ามา"โกคุเดระโชว์ไดนาไมต์ในมือทั้งสองข้าง แต่ร่างบางกลับดูไม่กลัวแถมยังยิ้มใสซื่อเหมือนเดิมไม่มีผิด "ไปกับคุณ" อึนจีตอบเสียงใสเพราะกลัวว่าลงไปด้านล่างจะไปเจออะไรเหมือนเมื่อกี้ซ้ำสอง
เท่าที่เห็นซากิไม่ได้ออกวิ่งไปไหนเลยนี่..
อึนจีเดินก้มหน้าหงุดอย่างใช้ความคิดจนหัวสมองแทบจะระเบิดเหมือนระเบิดตรงหน้าที่วางอยู่..
เดี๋ยวนะ.. ระเบิดงั้นเหรอ??
หญิงสาวเชื้อชาติเกาหลีนั่งยองขากับพื้นและหยิบไดนาไมต์ขึ้นมาหมุนเล่นในมืออย่างพิจารณา มันยังดูใหม่อยู่เลย แต่โณงเรียนนี้ถูกปิดมาหลายปีแล้วนะ จะเป็นไปได้ยังไงที่ไดนาไมต์จะมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเขรอะๆนี่แถมไม่มีฝุ่นเกาะหรือร่องรอยของความเก่าของมัน
"เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ!?"
"ขะ..ขอโทษค่ะ!!"อึนจีรีบลุกขึ้นปัดฝุ่นที่กระโปรงออกและโค้งให้คนตรงหน้าตามนิสัยนางฟ้าที่เพื่อนๆชอบเรียกกัน
"ของคุณใช่มั้ยคะ? ขอโทษนะคะที่หยิบมาโดยไม่ขออนุญาต ก็ฉันเห็นมันตกอยู่บนพื้น สงสัยว่าเห็นมันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ก็เลยลองหยิบขึ้นมาดูน่ะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะ-------"อึนจีรีบร่ายยาวและส่งไดนาไมต์คืนให้ชายผมสีเงินตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
"หยุดขอโทษได้แล้ว ฉันรำคาญ"โกคุเดระ ฮายาโตะพูดตัดบทและรับไดนาไมต์มาจากอึนจี
"ขะ--ขอโทษ เอ่อ.. เมื่อกี้ไม่ได้ขอโทษนะ"อึนจีส่ายหัวไปมาด้วยท่าทางสำนึกผิด
"เออ รีบๆกลับไปได้แล้ว รู้มั้ยว่าที่นี่มีอะไรบ้าง?"
"มีคุณผู้ชายหัวปลาหมีกสีเงิน แล้วก็ผีจูออนไงคะ"
"เธอว่าใคร!?"
"ไม่ได้ว่าแต่พูดความจริงค่ะ"อึนจียิ้มและชี้มือไปยังหัวสีเงินๆของโกคุเดระ
"เออๆ กลับไปซะ"โกคุเดระไม่อยากเถียงกับผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่ เขาทำหน้าเหนื่อยใจใส่ผู้หญิงตรงหน้าและบอกปัดๆให้ไปด้านซ้าย ซึ่งคือทางลงบันไดเป็นทางออกไปจากอาคารแห่งนี้ โกคุเดระหันหลังกลับอย่างหงุดหงิดรำคาญใจแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเดินตามต้อยๆราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดยังไงยังงั้น
"กลับไปสิ"เขาตวาดใส่อย่างรำคาญใจ
"ก็ข้างล่างมัน.."
"จะไปทางนั้นหรืออยากโดนฉันเป่ากระจุย ว่ามา"โกคุเดระโชว์ไดนาไมต์ในมือทั้งสองข้าง แต่ร่างบางกลับดูไม่กลัวแถมยังยิ้มใสซื่อเหมือนเดิมไม่มีผิด "ไปกับคุณ" อึนจีตอบเสียงใสเพราะกลัวว่าลงไปด้านล่างจะไปเจออะไรเหมือนเมื่อกี้ซ้ำสอง
---------------------------
ชายร่างสูงนอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องสี่เหลี่ยมจตุรัส ปอยผมสีดำสนิทปรกใบหน้าหล่อเหลาไปเกือบครึ่ง เขายังคงนอนหลับอยู่แบบนั้นในขณะที่มีผู้หญิงเรือนผมสีดำสนิทดิ้นไปมาอยู่บนเก้าอี้เพราะถูกจับมัดปากและตัวจึงขยับกายไปไหนไม่ได้ บานประตูสีซีดถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับชายร่างสูงโปร่งที่นำเอาร่างเล็กพาดบ่าเข้าห้องแห่งนี้มา มุคุโร่ยิ้มอย่างสบายอารมณ์เมื่อปล่อยให้ร่างเล็กที่ไม่แน่ชัดว่านอนหลับหรือเป็นลมลงใส่ฮิบาริ เคียวยะที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา ซึ่งมันทำให้ฮิบาริรู้สึกตัวทันทีและตวัดสายตาคมกริบราวกับใบมีดไปยังมุคุโร่ที่เห็นได้ชัดว่าจงใจกลั่นแกล้งเขา
"คุฟุฟุ ไม่รู้เลยนะครับว่าคุณนอนอยู่ตรงนี้"
"ไอ้ห้ัวพืชไร่ มาเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้"ฮิบาริสั่งเสียงเข้ม แต่มุคุโร่กลับนั่งลงบนโซฟาอีกตัวหนึ่งและส่งยิ้มกวนประสาทให้ฮิบาริ
"สุภาพสตรีกำลังหลับอยู่นะครับ คุณฮิบาริ"
ฮิบาริละสายตาจากมุคุโร่ เขาพยามยามข่มอารมณ์ที่อยากจะขย้ำชายตรงหน้าเป็นอย่างมาก ฮิบาิริผลักร่างเล็กออกจากตัวไปแทนแต่กลับทำได้ยากเสียเหลือเกินเมื่อได้กลิ่นเลือดหอมหวานที่ไหลเวียนอยู่ในตัวผู้หญิงตรงหน้า
"เอาสัตว์กินพืชมาทำไม ไหนแกบอกว่าจะไปทำเหมือนทุกที-----"
"ก็คราวนี้ไม่เหมือนทุกทีไงครับ ผู้หญิงคนนี้ไม่หนีภาพลวงตาของผมแล้วก็ยังทำให้มันหายไปอีก"
"ไม่ใช่ว่าแกไร้ความสามารถเองไม่ใช่รึไง?"ฮิบาริพูดอย่างดูถูก
"แล้วคุณล่ะครับ ทำไมไม่ขย้ำผู้หญิงคนนั้นเหมือนที่ทำกับคนอื่นบ้างล่ัะครับ"มุคุโร่ยิ้มจนตาแทบปิดแล้วพยักเพยิดไปยังที่ไวโอลีนยังคงดิ้นรนอยู่บนเก้าอี้
".."
"ไม่ใช่ว่าคุณก็ไร้ความสามารถไม่ใช่หรือไงครับ"
ฮิบาริไม่ตอบคำถามของมุคุโร่ ซึ่งมันน่าจะเรียกว่าย้อนประโยคของฮิบาริเมื่อครู่เสียมากกว่า เขาทำหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อต้องพยามที่จะไม่ฆ่าคนในโรงเรียนนามิโมริที่เขาแสนจะรักแบบนี้ เกือบลืมร่างเล็กที่นอนทับตัวเองอยู่เสียสนิท เมื่อนึกขึ้นได้ก็ออกแรงผลักซากิอีกรอบ แต่ร่างเล็กกลับส่งเสียงในลำคออย่างเกียจคร้าน
ไวโอลีนมองเพื่อนสนิทของตนด้วยสายตาเอือมๆกับเพื่อนตัวเองที่ผล็อยหลับได้ไม่เลือกเวลา อีกใจหนึ่งก็นึกอิจฉาเพื่อนที่ได้นอนซบ(หรือทับก็ไ่ม่แน่ใจ)ผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น แถมยังโดนผู้ชายท่าทางสุภาพอุ้ม(แบบไร้ซึ่งการถนอม)มาในห้องแห่งนี้ด้วย ไวโอลีนกรอกตาไปมาและจามเพราะฝุ่นหนาๆในห้องสี่เหลี่ยมนี้ ชายคนที่สามเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอึนจีที่ทำตาแป๋วราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็นแต่ก็มีความหวาดกลัวอยู่ด้วย
เห็นแ้ล้วนึกปวดกบาลขึ้นมาทันทีกับเพื่อนรักทั้งสอง
"หนาวจะตายแล้ว เมื่อไหร่จะเล่นกันเสร็จสักที"ซากิพึมพำกับพื้นเพราะถูกฮิบาริผลักตกจากตัวของฮิบาริ
"มาสุมหัวอะไรกันที่นี่"
"พูดหยั่งกับฉันอยากมาสุมหัวกับแกนักล่ะ ฮิบาริ"โกคุเดระจ้องหน้าอดีตกรรมการคุมกฎเขม็ง
"อย่างน้อยยัยพวกนี้ก็เป็นอาหารได้นะ"เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรต่อ โกคุเดระก็พูดต่อเองซะแล้วก็มองมนุษย์ทั้งสามในห้องเรียงคน
"ไม่เอา"ฮิบาริพูดขึ้น มนุษย์ทั้งสองหันมามองด้วยความไ่ม่เข้าใจ ส่วนอีกหนึ่งคนยังคงหลับอยู่โดยไม่มีท่าทีว่าจะตื่นสักนิด
"หรือว่าคุณอยากกลายเป็นเถ้าธุลีไปเหรอครับ?"มุคุโร่ลุกขึ้นยืนและเดินไปคว้าตัวอึนจีที่สมองกำลังประมวลผลอย่างเชื่องช้าอยู่
"อ๊วกอั้ันเอ็น!!(พวกนั้นเป็น!!)"ไวโอลีนพยายามส่งเสียงบอกอึนจีที่ทำตาใสมองมุคุโร่ที่บอกว่าจะไปส่งที่บ้าน เพื่อนสนิทหันมามองไวโอลีนที่พยายามส่งเสียงไปบอกเพื่อนที่แสนจะใสซื่อจนน่าหมั่นไส้ของตน "แอมไอม์!(แวมไพร์)"ไวโอลีนยังคงร้องโวยวายต่อไม่ได้หยุด แต่อึนจีก็ถูกมุคุโร่พาตัวไปแล้วอย่างง่ายดาย
"อาอิ อากิ อื่นอิ อื่นนนน! (ซากิ ซากิ ตื่นสิ ตื่นนนน!)"เมื่อเห็นว่าอึนจีได้เดินไปตายกับผู้ชายหัวสัปปะรดแล้ว ไวโอลีนก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นปลุกซากิที่หลับเป็นตายอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นให้ลุกขึ้นมาหนีไปแทน
"หนวกหู สัตว์กินพืชเอาผู้หญิงคนนั้นออกไป"ฮิบาริหันไปสั่งกับโกคุเดระ "ไม่ใช่รุ่นที่สิบก็อย่ามาออกคำสั่งนะว้อยยย ถ้าฉันหาคนอื่นเจอคงไม่มาง้อแกหรอก!"โกคุเดระโวยวายเสียงดังและแก้มัดออกให้ไวโอลีนยกเว้นบริเวณปากและลากตัวออกไปนอกห้อง
"คุฟุฟุ ไม่รู้เลยนะครับว่าคุณนอนอยู่ตรงนี้"
"ไอ้ห้ัวพืชไร่ มาเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้"ฮิบาริสั่งเสียงเข้ม แต่มุคุโร่กลับนั่งลงบนโซฟาอีกตัวหนึ่งและส่งยิ้มกวนประสาทให้ฮิบาริ
"สุภาพสตรีกำลังหลับอยู่นะครับ คุณฮิบาริ"
ฮิบาริละสายตาจากมุคุโร่ เขาพยามยามข่มอารมณ์ที่อยากจะขย้ำชายตรงหน้าเป็นอย่างมาก ฮิบาิริผลักร่างเล็กออกจากตัวไปแทนแต่กลับทำได้ยากเสียเหลือเกินเมื่อได้กลิ่นเลือดหอมหวานที่ไหลเวียนอยู่ในตัวผู้หญิงตรงหน้า
"เอาสัตว์กินพืชมาทำไม ไหนแกบอกว่าจะไปทำเหมือนทุกที-----"
"ก็คราวนี้ไม่เหมือนทุกทีไงครับ ผู้หญิงคนนี้ไม่หนีภาพลวงตาของผมแล้วก็ยังทำให้มันหายไปอีก"
"ไม่ใช่ว่าแกไร้ความสามารถเองไม่ใช่รึไง?"ฮิบาริพูดอย่างดูถูก
"แล้วคุณล่ะครับ ทำไมไม่ขย้ำผู้หญิงคนนั้นเหมือนที่ทำกับคนอื่นบ้างล่ัะครับ"มุคุโร่ยิ้มจนตาแทบปิดแล้วพยักเพยิดไปยังที่ไวโอลีนยังคงดิ้นรนอยู่บนเก้าอี้
".."
"ไม่ใช่ว่าคุณก็ไร้ความสามารถไม่ใช่หรือไงครับ"
ฮิบาริไม่ตอบคำถามของมุคุโร่ ซึ่งมันน่าจะเรียกว่าย้อนประโยคของฮิบาริเมื่อครู่เสียมากกว่า เขาทำหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อต้องพยามที่จะไม่ฆ่าคนในโรงเรียนนามิโมริที่เขาแสนจะรักแบบนี้ เกือบลืมร่างเล็กที่นอนทับตัวเองอยู่เสียสนิท เมื่อนึกขึ้นได้ก็ออกแรงผลักซากิอีกรอบ แต่ร่างเล็กกลับส่งเสียงในลำคออย่างเกียจคร้าน
ไวโอลีนมองเพื่อนสนิทของตนด้วยสายตาเอือมๆกับเพื่อนตัวเองที่ผล็อยหลับได้ไม่เลือกเวลา อีกใจหนึ่งก็นึกอิจฉาเพื่อนที่ได้นอนซบ(หรือทับก็ไ่ม่แน่ใจ)ผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น แถมยังโดนผู้ชายท่าทางสุภาพอุ้ม(แบบไร้ซึ่งการถนอม)มาในห้องแห่งนี้ด้วย ไวโอลีนกรอกตาไปมาและจามเพราะฝุ่นหนาๆในห้องสี่เหลี่ยมนี้ ชายคนที่สามเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอึนจีที่ทำตาแป๋วราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็นแต่ก็มีความหวาดกลัวอยู่ด้วย
เห็นแ้ล้วนึกปวดกบาลขึ้นมาทันทีกับเพื่อนรักทั้งสอง
"หนาวจะตายแล้ว เมื่อไหร่จะเล่นกันเสร็จสักที"ซากิพึมพำกับพื้นเพราะถูกฮิบาริผลักตกจากตัวของฮิบาริ
"มาสุมหัวอะไรกันที่นี่"
"พูดหยั่งกับฉันอยากมาสุมหัวกับแกนักล่ะ ฮิบาริ"โกคุเดระจ้องหน้าอดีตกรรมการคุมกฎเขม็ง
"อย่างน้อยยัยพวกนี้ก็เป็นอาหารได้นะ"เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรต่อ โกคุเดระก็พูดต่อเองซะแล้วก็มองมนุษย์ทั้งสามในห้องเรียงคน
"ไม่เอา"ฮิบาริพูดขึ้น มนุษย์ทั้งสองหันมามองด้วยความไ่ม่เข้าใจ ส่วนอีกหนึ่งคนยังคงหลับอยู่โดยไม่มีท่าทีว่าจะตื่นสักนิด
"หรือว่าคุณอยากกลายเป็นเถ้าธุลีไปเหรอครับ?"มุคุโร่ลุกขึ้นยืนและเดินไปคว้าตัวอึนจีที่สมองกำลังประมวลผลอย่างเชื่องช้าอยู่
"อ๊วกอั้ันเอ็น!!(พวกนั้นเป็น!!)"ไวโอลีนพยายามส่งเสียงบอกอึนจีที่ทำตาใสมองมุคุโร่ที่บอกว่าจะไปส่งที่บ้าน เพื่อนสนิทหันมามองไวโอลีนที่พยายามส่งเสียงไปบอกเพื่อนที่แสนจะใสซื่อจนน่าหมั่นไส้ของตน "แอมไอม์!(แวมไพร์)"ไวโอลีนยังคงร้องโวยวายต่อไม่ได้หยุด แต่อึนจีก็ถูกมุคุโร่พาตัวไปแล้วอย่างง่ายดาย
"อาอิ อากิ อื่นอิ อื่นนนน! (ซากิ ซากิ ตื่นสิ ตื่นนนน!)"เมื่อเห็นว่าอึนจีได้เดินไปตายกับผู้ชายหัวสัปปะรดแล้ว ไวโอลีนก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นปลุกซากิที่หลับเป็นตายอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นให้ลุกขึ้นมาหนีไปแทน
"หนวกหู สัตว์กินพืชเอาผู้หญิงคนนั้นออกไป"ฮิบาริหันไปสั่งกับโกคุเดระ "ไม่ใช่รุ่นที่สิบก็อย่ามาออกคำสั่งนะว้อยยย ถ้าฉันหาคนอื่นเจอคงไม่มาง้อแกหรอก!"โกคุเดระโวยวายเสียงดังและแก้มัดออกให้ไวโอลีนยกเว้นบริเวณปากและลากตัวออกไปนอกห้อง
------------------------TBC-----------------------
talk with writer:
โปรดติดตามตอนต่อไป ไป ไป ไป ไป #เอคโค่ สามนางโดนลากไปคนละทิศแล้วจ้าา ตายแน่อึนจีเอ๋ยย เจ้าจงไม่รอด(?) หนึ่งคอมเม้นต์คือหนึ่งกำลังใจของไรท์นะแจ๊ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น