คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : MSGS [3]
แจ็คสันมองร่างที่เดินอยู่ข้างหน้าเขา ร่างที่สูงสมส่วนที่ทำร้ายเขาเมื่อบ่ายของวันนี้ แจ็คสันยิ่งมองก็ยิ่งนึกถึงมันไม่ได้อะไรเลยนอกจากความโกรธแค้น เพราะหลังจากนั้นแจ็คสันต้องทำอะไรบ้างกับตัวเองแค่คิดก็ทุเรศตัวเองแล้ว ทั้งสองเดินไปยังกระท่อมของแฮกริด พระอาทิตย์ในยามนี้ก็ใกล้ลับฟ้าแล้ว แจ็คสันรับรู้เลยว่าไปกระท่อมแฮกริดครั้งนี้ต้องเข้าป่าต้องห้ามแน่นอน และนั้นก็เป็นไปตามที่เขาคิด
“มาแล้วรึทั้งสองคน”
ร่างยักษ์ของแฮกริดยื่นตะเกียงให้กับเขาทั้งคู่โดยตะเกียงนั้นมาร์คเป็นคนถือ
“แล้วคุณจะให้พวกเราทำอะไรครับ”
เมื่อมาร์คได้รับตะเกียงก็เอยถามแฮกริดทันที
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่ให้เข้าไปตามเด็กปี1 ที่หายเข้าไปในป่านะซิ”
“เด็กปี1 เขาหายไปตั้งแต่เมื่อไร”
มาร์คถึงกับคิ้วขมวดเด็กปี1 ที่เข้ามาใหม่มักจะกลัวป่าต้องห้ามกันทั้งนั้นอย่างเขาที่เข้ามาตั้งแต่แรกก็โดนขู่เวลาทำอะไรผิดจะโดนจับมาไว้ในป่าอะไรทำนองนี้ตลอด
“เมื่อ 2 วันก่อน ไม่รู้ปานนี้จะเป็นยังไงบ้าง รับพลุนี่ไปถ้าเกิดอะไรขึ้นให้ยิงขึ้นฟ้าทันทีนะ”
มาร์ครับแล้วก็พยักหน้าเชิงเข้าใจ ทั้งสองเดินเข้าไปในป่าทันที แสงจากตะเกียงแม้มันจะช่วยให้สว่างอยู่และมันก็ใช่ว่าจะถูกส่องไปทั่วเสียซะที่ไหน มาร์คตัดสินใจดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุมของเขาเพื่อใช้คาถาลูมอส แต่กับมีมือของใครบ้างคนมาหยุดเขาเสียก่อน
“นายจะทำอะไรของนาย”
“ฉันแค่จะใช้คาถาลูมอสก็เท่านั้นเอง”
“นายบ้าไปแล้วรึไง นายสามารถใช้มันได้คงที่แล้วหรอ”
มาร์คร้องหึในลำคอ แล้วเปล่งเสียงลูมอสออกมาแสงจากปลายไม้ส่องแสงสว่างเหมื่อนไฟฉายและง่ายต่อการมองเห็น แจ็คสันมองมาร์คที่ทำหน้าเหมือนคนชนะใส่เขา จนแจ็คสันอยากจะหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองขึ้นมาแล้วเสกคาถาแรงๆใส่สักคาถา แต่แจ็คสันยอมรับว่าเขายังควบคุมคาถานี่ไม่ได้ แรงไปก็สว่างทั้งป่า แจ็คสันเลยเป็นถือตะเกียงแทน ท้องฟ้าที่เดินเข้ามาตอนแรกมันก็ไม่ได้มืดอะไรนักหนาแต่เวลาเข้ามาในป่าต้องห้ามมันมืดเหมือนเวลาเที่ยงคืน อากาศในป่านั้นเย็นเสียดสีผิวเลยทีเดียวไหนจะเสียงสัตว์ที่อยู่ในป่าอีก แจ็คสันเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุดเลย
“ดูนั้น”
อยู่ๆ เสียงของคนบ้านกริฟฟินดอร์ก็เอยออกมาเสียดังแจ็คสันก็แอบเผลอสะดุ้งบ้างเล็กน้อย แล้วเดินตามมาร์คไปยังจุดที่เขาพบเห็นอะไรบ้างอย่าง เมื่อแสงกระทบกับสิ่งนั้นมัเนป็นเสื้อของเด็กดูแล้วมันมาจากบ้านเรเวนคลอนั้นเอง มาร์คก้มลงไปหยิบมันขึ้นมามองดูสภาพมันโดนน้ำค้างและเปื้อนดินก็ 2 วันแล้วนี่
“จะเอาไงต่อ ฉันหนาวแล้ว”
มาร์คถอนหายใจ แต่ใช่จะสนเพราะตอนนี้เขาสนแต่เสื้อที่อยู่ในมือของเขามากกว่าเพราะลักษณะของเสื้อมันไม่ได้บ่งบอกว่าถูกถอดออกเพราะเนคไทไม่ได้ถูกแก้ เวลาถอดจะต้องดึงเนคไทออกอยู่แล้ว คิ้วของมาร์คกับขมวดเข้าหากันทันที
“เดินตามหาต่อไป”
“นายจะบ้ารึไง ดูจากเสื้อมันไม่ได้ถอดเองเลยนะ”
มาร์คตกใจที่แจ็คสันมองเหมือนกับเขา
“นายมองออกแล้วหรอ”
“ฉันไม่ได้โง่”
กะว่าจะถามอะไรซะหน่อยเล่นเอามาร์คไม่อยากจะถามพอได้ยินคำตอบแบบนั้นจากแจ็คสัน เพราะไม่งั้นจะได้ยินคำว่า
‘นายโง่ชะมัด’
มาร์คก็เลยเก็บคำถามเอาไว้ แล้วเดินนำหน้าแจ็คสันไปเพราะมาร์คคิดว่าอาจจะเจอเด็กคนนั้นอีกก็ได้ เขาได้ยินเสียงแจ็คสันบ่นใส่เขาเบาๆ ว่าเขาจะเดินตามหาอีกทำไมและมาร์คก็พยายามทำเป็นไม่สนใจคำบ่นนั้น แต่เมื่อเดินเข้าไปลึกมากเท่าไรเสียงบ่นของแจ็ตสันก็เริ่มเงียบลงเท่านั้น แต่มาร์คก็รับรู้ว่าแจ็คสันเดินมาอยู่ข้างๆ เขามากขึ้น
“กลัวรึไง”
มาร์คอดจิกกัดคนข้างๆไม่ได้ที่ตอนนี้เบียดเขาซะจนจะร่วมร่างกันอยู่แล้ว
“ทำยังกับนายไม่กลัว นายเดินมาลึกเกินไปรึเปล่า”
“ไม่รู้ซิ ฉันแค่อยากเจอเด็กคนนั้นไวๆก็เท่านั้นเขาอาจกำลังเดือดร้อนอยู่ก็ได้”
“หึ พ่อนักบุญใจดีระวังตัวเองจะเดือนร้อน”
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวแบบนาย”
“ปากดี หุบปากนายไปซะ”
“ใครกันแน่ที่ปากดี นายต่างหากที่สมควรจะเงียบแจ็คสัน”
แจ็คสันจะเอยต่อว่าอะไรบ้างอย่าง แต่ต้องหยุดไปทันที เพราะมีบางอย่างร่วงตกอยู่ที่ด้านหลังของเขา แจ็คสันรับหันกับไปดู มาร์คยื่นไม้เพื่อส่องไฟ
ตะเกียงหล่นจากมือของแจ็คสัน เดินก้าวถอยหลังไปติดกับอกอีกคนที่ตกตะลึงไม่แพ้กัน
ร่างเด็กที่แห้งเหมือนเปลือกไม้ อ้าปากค้าง มือหงิกงอ มาร์คอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายของตัวเอง
“จุดพลุซิ”
เสียงแจ็คสันแตกต่างออกไปกว่าทุกทีมันสั่นและเบามากทำไมมาร์คได้ยินก็ร่างของแจ็คสันติดกับตัวของเขามาก เจ้าตัวคจะไม่รู้สึก มาร์คดึงพลุออกแล้วจุดมันขึ้นฟ้าเพื่อให้สัญญาณนั้นเอง
มาร์คอาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอน เรื่องวันนี้ดับเบิลดอร์ให้เก็บไว้เป็นความลับ ห้ามไปบอกใครทั้งสิ้น ทางฮอกวอตส์จะจัดการทุกอย่างเอง แต่นั้นก็ทำให้มาร์คอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมร่างของเด็กคนนั้นถึงเป็นแบบนั้นได้ มาร์คนอนคิดอยู่แบบนั้นจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้
เช้าวันนี้มาร์คคิดว่าตื่นมาจะต้องมีเสียงพูดถึงศพเด็กคนนั้นแน่ๆ แต่เปล่าเลย ดับเบิลดอร์ปิดข่าวเงียบจริงๆ วันนี้เขามีเรียนแค่ตอนเช้าเท่านั้นทำให้ช่วงบ่ายของเขาว่าง ว่างมากพอที่จะชวนใครบ้างคนออกฝึกซ้อมกับเขา
“ไหนบอกว่าอีก 3 วันไง”
มาร์คยิ้มแก้เขินมันก็จริงที่เขาเอยชวนไปตอนนั้นว่าอีก 3 วันจะให้มาฝึกซ้อมกันแต่มาร์คอดไม่ไหวอยากจะบินฝึกกับจินยองไวๆ
“เสียใจด้วยนะ เรามีเรียนตอนบ่าย ขอโทษทีนะมาร์ค”
มาร์คถึงกับห่อเหี่ยวเมื่อโดนปฎิเสธเขาได้แค่พยักหน้าเท่านั้นในใจเขาเสียดายขนาดไหนใครจะรู้ เขาอยากจะพูดโน้นน้าวจิตใจจินยองมากๆ แต่อย่างที่รู้เรเวนคลอรักเรียนกันมากแค่ไหน มาร์คมองร่างจินยองเดินไปกับเพื่อนสนิทอย่างยองแจ เหลืออีก 2 วันที่เชียวนะที่เขาจะอยู่กับ...
“โอโห้ ถึงกับจ๋อยไปเลยหรอ มาร์ค ต้วน”
หมอนี่ไง มาร์คหันหลังกลับไปยังเจ้าของเสียงที่ยืนมองมาทางเขากับเพื่อนอีกคนถ้ามาร์คจำไม่ผิดน่าจะชื่อเฮนรี่ มาร์คทำเป็นไม่สนใจหันหลังเดินหนีไปเสียดีกว่า โทษยังก็มีติดตัวอยู่
“อะไรถึงกับไม่สู้หน้ากันเลยหรอ ไอ้อ่อน”
มาร์คหายใจลึกเมื่อนึกอะไรบ้างอย่างได้ เขารีบตวัดตัวแล้วเดินเข้าไปหาแจ็คสันอย่างรวดเร็ว แจ็คสันที่หัวเราะอยู่ถึงกับหยุดหัวเราะกระทันหันเมื่อข้อมือของเขาถูกมาร์คกระชาก
“ส่วนนายเฮนรี่ถ้าไม่อยากเจ็บตัวห้ามตามมา”
เฮนรี่ที่ตอนแรกจะช่วยแจ็คสันถึงกับชะงักเมื่อโดนสั่งแบบนั้นก็นิ่งไปเสียดื้อๆ แจ็คสันพยายามสะบัดข้อมือตัวเองออกที่โดนมาร์คลากมาด้วยไม่รู้ว่าจะโดนลากไปไหน จนมาถึง
ห้องสมุดนั้นเอง
มาร์คลากแจ็คสันมานั่งตรงหมวดหนังสือมักเกิ้ล แจ็คสันขมวคคิ้วงงกับสภาพตอนนี้เล็กน้อยก่อนที่จะเข้าใจว่าเขาโดนลากมาทำไม
“ฉันไม่จำเป็นจะต้องให้นายมาสอน”
“แต่ฉันดันใจดีอยากสอน”
มาร์คพูดจบก็ยื่นมือมายังตัวแจ็คสันเปิดเสื้อคลุมของเขาออกแจ็คสันพยายามพลักมือออกเพราะมาร์คจะเอาไม้กายสิทธิ์ของเขาไปแต่มันก็ไม่ไวเท่ามือของมาร์คกายสิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของมาร์คแล้วด้วย มาร์คยกไม้กายสิทธิ์ของแจ็คสันแกว่งไปมา
“ถ้านายไม่ตั้งใจฉันจะยึดไม้นายป็นการถาวร”
“นายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
“ฉันมีสิทธิ์มากพอที่จะทำ”
มาร์คพูดจบก็ยื่นสมุดเล่มหนึ่งมาให้กับเขาพร้อมกับหนังสือบางอย่างมาให้
“คัดจากหน้าแรกไปจนหน้าที่ 100”
แจ็คสันตาโตมองมาร์คอย่างไม่พอใจ
“นายจะบ้าหรอให้คัด 100 หน้าเนี่ยนะ”
มาร์คทำท่าเบ้ปากพยักหน้าเบาที่เขาโดนคัดค้าน ยกไม้กายสิทธิ์ของแจ็คสันมาทำเป็นลูบเล่นๆ แจ็คสันกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเจ็บแค้น แจ็คสันสามารถเข้าๆไปแย่งไม้นั้นได้หรือไม่ ตอบเลยว่าได้แต่ถ้าเขาเข้าไปแย่งมันตอนนี้ มันได้หักเป็นแน่ แจ็คสันได้แต่แค้นในใจเท่านั้น หันมาเปิดหน้าหนังสือก่อนที่คัดตามหนังสือนั้น มาร์คมองการกระทำของแจ็คสันเขาสะใจมากเลยทีเดียว
“คัดให้เสร็จก่อนถึงเวลาโดนกักบริเวญนะแจ็คสัน”
แจ็คสันตวัดตามองร่างสูงที่ทำท่าเยาะเย้ยเขาอย่างผุ้กุมชัยชนะ ที่กำลังเดินออกไป ให้ตายเถอะ! แจ็คสันอยากฆ่าคน
แจ็คสันคัดเสร็จตามกำหนด เล่นตัวมือของเขาเลอะไปด้วยหมึกเมื่อเสร็จ เขาก็ต้องโดนกักบริเวณโดยวันนี้ให้ไปทำความสะอาดห้องโถงใหญ่แทน แจ็คสันไม่เคยทำงานอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างมากเขาก็ใช้พวกเอลล์ทำงานทั้งนั้น ไม้ถูพื้นถูกจุ่มลงถังน้ำที่จากใสใสกลายเป็นสีดำไปแล้ว แจ็คสันมองการทำความสะอาดมันเพิ่งจะทำได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นเอง ระหว่างนั้นก็มีร่างที่โดนทำโทษด้วยกำลังถูมันอย่างขยัน แจ็คสันมองร่างนั้นเกิดขัดหูขัดตา ไม้กายสิทธิ์ของเขาก็ยังไม่ได้ แจ็คสันมองน้ำในถังมันดำเกินที่จะถูพื้นเขายกถังน้ำไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนน้ำใหม่ เวลานี้นักเรียนคงอยู่ในหอบางอาจจะเล่นกันอยู่ หรือไม่ก็หลับนอนกันไปบ้างแล้ว แจ็คสันเดินเข้ามาในห้องน้ำชายเสียงหยดน้ำไหลออกมาจาก็อกที่ปิดไม่สนิทดี แจ็คสันเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนน้ำนั้น แจ็คสันเพิ่งสังเกตว่ามีประตูห้องน้ำห้องหนึ่งถูกปิดเอาไว้อยู่ ตอนแรกแจ็คสันไม่คิดจะสนใจคงคิดว่ามันแค่ปิดเอาไว้เฉยๆ แต่ถ้าให้สังเกตดีๆ เขามองเห็นชายเสื้อคลุมนั้น
เด็กบ้านกรินฟินดอร์
ดีเลยแจ็คสันจะได้หาเรื่องให้บ้านนี่ถูกตัดคะแนน เพราะเวลาแบบนี้เด็กสมควรที่จะเข้าหอกันได้แล้ว แจ็คสันเดินเข้าไปเพื่อจะไปดึงเด็กนั้น แต่พอแจ็คสันเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำเอาแจ็คสันถึงกับก้าวเท้าถอยหลังเลยทันที
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
มาร์คที่ถูพื้นอยู่เมื่อได้ยินเสียงร้องนั้นถึงกับชะงักฟังแล้วมันดังมาจากห้องน้ำซึ้งนั้นไม่ใช่เสียงใครนอกจากแจ็คสัน มาร์ครีบวิ่งไปยังห้องน้ำนั้น ร่างของแจ็คสันยืนกุมปากตัวเองแน่นกำลังหันหลังจากอะไรซะอย่าง มาร์คเดินไปหยุดตรงแจ็คสันตัวแจ็คสันสั่นเมื่อมาร์คมองข้ามไหล่แจ็คสันไปยังสิ่งที่อยู่ด้านหลังนั้น มาร์คเองก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้เหมือนกันเมื่อเขาพบกับ
บางสิ่งที่ไม่ต่างจากที่เจอในป่าต้องห้ามนั้น
………………………………………………………………………………
มาร์คกับแจ็คสันเดินตามร่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฮอกวอตส์แห่งนี้
ศาตราจารย์อัลบัส ดับเบิลดอร์นั้นเอง
ทั้งสองถูกพาไปยังห้องของศาตราจารย์เอง ทั้งคู่รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่ต้องมาอยู่ในห้องนี้เวลาแบบนี้และผ่านเหตุการณ์เมื่อกี้นี่ ทั้งสองหยุดยืนหน้าโต๊ะของดับเบิลดอร์ทั้งคู่ก้มหน้าไม่กล้าพอที่จะสบสายตาด้วย ดับเบิลดอร์มองทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะหวาดกลัวว่าตัวเองจะโดนลงโทษอะไรรึเปล่าจะโดนกล่าวหาหรือไม่
“พวกเธอสองคนเป็นคนทำใช่มั้ย?”
“เปล่าครับ”
ใบหน้าทั้งสองหันมาทางเขาส่ายหน้าเสียยกใหญ่ เขาเดาไม่ผิดจริงๆ
“หึหึหึ ฉันแค่ถามทำไมต้องทำท่าทางเหมือนคนทำอะไรผิด”
“พวกผมไม่ได้ทำอะไรนะครับ จริงๆนะครับศาตราจารย์ พวกผมก็แค่รู้สึกไม่ดีก็เท่านั้น”
มาร์คพูดเสร็จก็ก้มหน้าลง อย่างที่เขาบอกกับดับเบิลดอร์ว่ารู้สึกไม่ดีนี่เรื่องจริงเพราะเขาเจอมันถึงสองครั้งในสองวันนี้
“ฉันไม่กล่าวหาพวกเธอเป็นคนผิดหรอกนะ แต่คนอื่นอาจจะมองว่าพวกนายสองคนทำ”
แจ็คสันกับมาร์คมองหน้ากัน ทำไมต้องเป็นเขาทั้งสองคนอีกแค่นี้ก็ซวยมากพอแล้ว
“เรื่องนี่เราต้องประกาศมันเกิดขึ้นฮอกวอตส์แล้วแน่นอนว่าพวกเธอทั้งสองคนจะต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ทำตัวให้เงียบ ตกลงมั้ย”
ทั้งสองมองดับเบิลดอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจาห้องนั้น มาร์คมองแจ็คสันที่ดูเหมือนจะคิดอะไรซะอย่างเพราะคิ้วขมวคกันมากทีเดียวตอนที่อยู่ในห้องดับเบิลดอร์เขาอยากจะถามนะ แต่ไม่เอาดีกว่ามันจะกลายเป็นว่าเขาพยายามทำตัวสนิทด้วยทั้งๆ ที่เขาไม่อยากจะสนิทด้วยนั้นเอง ขณะที่มาร์คกำลังจะเดินแยกเพื่อกลับหอ
“มาร์ค”
มาร์คกระพริบตาปริบๆ เมื่อกี้เขาได้ยินใครซะคนเรียกเสียงนี้มัน
“ฉันเรียกไม่ได้ยินรึไง”
อ่า โอเค มาร์คหันหลังไปมองแจ็คสันที่เดินกอดอกอยู่
“นายมีอะไร”
แจ็คสันขมวดคิ้วมองมาร์คแล้วเดินเข้ามาหาเขามาร์คตกใจก้าวเท้าหลังไประยะนึง
“นี่นายไม่เอะใจหรือสงสัยเลยรึไง”
“สงสัย? สงสัยอะไร”
แจ็คสันถึงกับอ้าปากเหวอ
“ก็เรื่องนี้ไง นายไม่คิดหรอว่ามันแปลกๆ นายมานี่เลย คุยตรงนี้ไม่เหมาะ”
มาร์คโดนแจ็คสันลากไปยังห้องน้ำเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วย
“ไปคุยที่อื่นไม่ได้รึไง”
“ที่นี่ปลอดภัยสุดแล้ว ไม่มีใครกล้าผ่าน”
“นายมีอะไรก็ว่ามา”
“นายไม่สงสัยเลยรึไงว่า ทำไมดัลเบิลดอร์ยังใจเย็นอยู่อีก นี่ตายในโรงเรียนเลยนะ”
มาร์คไม่คิดว่าแจ็คสันจะรู้สึกแบบนี้นึกว่าจะทำเป็นไม่สนใจ ก็คนบ้านสลิธิรีนมักเอาตัวเองรอดไว้ก่อนเสมอนี่นา
“ฉันแค่คิดเท่านั้น แล้วก็รู้สึกไม่ดี”
“ฉันว่าดับเบิลดอร์ต้องปิดบังอะไรสักอย่าง”
“นายคิดว่าดับเบิลดอร์เป็นคนทำหรอ”
แจ็คสันยกมือฟาดเข้าไปที่ที่ต้นแขนของมาร์คเต็มแรง มาร์คสะดุ้งเพราะความเจ็บที่โดนฟาดลูบต้นแขนตัวเองปอยๆ
“ฉันบอกว่าดับเบิลดอร์ปิดบังอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้บอกว่าทำอะไรสักอย่าง”
มาร์คเคืองลึกๆ ที่โดนฟาดต้นแขนแต่ก็ไม่คิดจะเอาคืนเพราะเขาเองก็เริ่มคิดเหมือนอย่างแจ็คสันว่า มันเป็นเรื่องร้ายแรงมากที่มีนักเรียนตายแล้วตายในโรงเรียนอีกด้วย
“ฉันไม่คิดว่านายจะสงสัยมันนะแจ็คสัน”
“ถ้ามันไม่เกิดขึ้นต่อหน้าฉัน ฉันก็คงไม่สงสัยมันหรอก หวังว่าพรุ่งนี้คงไม่เจอมันอีกก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบแจ็คสันก็เดินออกไป ส่วนมาร์คหรอ เขาก็ต้องเดินออกไปนะซิ ใครจะอยู่ฟังเสียงเมอร์เทิลกันเล่า
#ficmsgs
ความคิดเห็น