คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : MSGS [2]
วิชามักเกิ้ลศึกษาเป็นวิชาที่ง่ายที่สุดและมาร์คชอบที่สุดเพราะเขาได้เรียนกับคนที่เขาหมายปองมากที่สุดเหมือนกัน ร่างจากคนบ้านเรเวนคลอชั่งสง่างามสมที่ได้รับคัดสรร สมองที่เก่งกาจ ร่างนั้นนั่งอยู่ข้างหน้าเขาที่ห่างเพียงโต๊ะบ้านเดียวกัน
มิสเตอร์จินยองที่นั่งกับเพื่อนสนิทที่ชอบเดินไปไหนมาไหนด้วยมิสเตอร์ยองแจ
มิสเตอร์จินยองคือบุคคลที่มาร์คหมายปองเอาไว้นั้นเอง
“นายมองนานไปแล้วนะ”
เสียงเจบีที่นั่งข้างเขาพูดจาเสียดสี ทำเอามาร์ครีบมองมายังเจบีกำลังเขียนตามศาตราจาร์ยอยู่
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
“ไม่ใช่อะไรฉันถามอะไรนาย นายก็ไม่ตอบฉันซะอย่างอย่ามาเถียง เมื่อกี้ฉันถามนาย นายก็เอาแต่จ้องไปยังร่างข้างหน้าอยู่ได้”
น้ำเสียงของเจบีดูน้อยใจอย่างเห็นได้ชัดแล้วอีกอย่างเจบีก็รู้ดีว่าเขาหมายปองใครไว้
“โทษที”
มาร์คเอยขอโทษแต่ตาก็ยังจ้องไปยังร่างข้างหน้าอย่างเดิม
“เอาละ เอาสมุดที่เขียนตามอาจาร์ยเมื่อกี้มาส่ง”
มาร์คถึงกับตาโตเมื่อได้ยินอาจาร์ยเบอร์เบจกล่าว มาร์คมองไปที่เจบี ที่เตรียมจะลุกเพื่อไปส่งสมุดนั้น
“ฉันบอกนายหลายรอบแล้วเพื่อน แต่นายไม่ในสนใจเอง โชคดีหน้าแตกนะ”
มาร์คอยากจะเสกคาถาใส่เจบีเสียตรงนี้ ที่ดันมาทรยศเขาได้ วันนี้มันวันอะไรของมาร์คกันแน่
เพราะด้วยความที่ไม่ได้ส่งสมุดมาร์คจึงถูกลงโทษให้คัดตามสมุดของคนอื่นจำนวน 100 หน้าส่ง ซึ้งเวลานี้มันสมควรที่จะเป็นเวลาอาหารเย็นที่เขาจะต้องได้นั่งในห้องโถงใหญ่แล้ว แต่เขาต้องมานั่งเขียนเพราะเจบีเพื่อนทรยศของเขาคนเดียว
“มิสเตอร์มาร์ค”
อาจาร์ยเบอร์เบจเดินมาหาเขาตั้งแต่เมื่อไรมาร์คก็ยังไม่ทราบแต่ตอนนี้มาอยู่ข้าง ๆเขาแล้ว
“ฉันให้อนุญาตให้เธอไปคัดต่อที่หอก็แล้วกัน พรุ่งนี้เอามาส่งด้วยนะ”
“ครับ”
โชคดีจริงๆ มาร์ครีบเก็บข้าวของเพื่อกลับหอพักเขาจะกลับไปอัดหน้าเพื่อนที่ทรยศเขา ตอนนี้นักเรียนคนอื่นก็คงกลับหอกันหมดแล้ว ตามทางเดินถึงได้เงียบเว้นเพียงแต่พรีเพ็ตที่เดินตรวจตรายามค่ำคืน แต่ตอนนี้บุคคลข้างหน้าของเขากับมีร่างใครบ้างคนที่มาร์คไม่ชอบขี้หน้าเอาเสียเลยนั้นก็คือ
แจ็คสัน หวัง นั้นเอง
มาร์คพยายามเดินเลี่ยงและเดินผ่านให้เร็วที่สุดโดยแจ็คสันเองก็เอาแต่ก้มมองหนังสือที่อยู่ในมือของตัวเองและดูเหมือนขาจะหายดีแล้วถึงเดินเหมือนคนปกติทั่วไป มาร์ครีบเดินเร็วไปจนไหล่ของเขากระทบกับไหล่อีกคนจนร่างแจ็คสันถึงกับเซ หนังสือที่อยู่ในมือของทั้งคู่ล้มลงกับพื้น
“นายเดินประสาอะไรของนายมาร์ค ต้วน”
เรียกเต็มยศเลย มาร์คไม่ตอบรีบก้มเก็บหนังสือและสมุดของตัวเองโดยแจ็คสันก็ก้มเก็บหนังสือของตัวเองเหมือนกัน
“ถ้าเดินแบบนี้ไปหาตัดแว่นใส่ซะ ไอ้ขี้ขลาดกรินฟินดอร์”
“ขอโทษนะที่ฉันเดินไม่ดูเพราะฉันมองไม่เห็น อาจจะเป็นเพราะฉันมองอะไรสูงๆ ไม่ใช่ต่ำๆ”
มาร์คกดเสียงเน้นคำท้ายแล้วมองไปยังบุคคลที่กำลังครึงตาใส่เขา
“ห่างกับฉันเพียงไม่เท่าไรอย่าคิดว่าตัวเองสูงมากนัก ไอ้กระเทย”
มาร์คสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อกดอารมณ์อยากจะอัดหน้าคนตรงหน้าเอาไว้ ตอนนี้มาร์คขอกลับหอดีกว่าเพราะวันนี้เขาก็โดนอะไรมามากพอแล้ว เขายิ่งไม่อยากหาเรื่องด้วย มาร์คหันหลังเพื่อเดินกลับหอและก็ไม่วายที่จะ
“เดินดีๆ ละ ระวังผู้ชายมันฉุดไปข่มขืนไอ้หน้ากระเทย”
เท่านั้นแหละ มาร์คหันตัวยกหมัดพุ่งไปยังปากนั้นเต็มแรงจนร่างของแจ็คสันล้มลงกับพื้นจนก้นกระแทกเต็มๆ ความเจ็บมักสร้างความโกรธได้อย่างดีแจ็คสันลุกขึ้นกระชากคอเสื้อมาร์คแล้วส่งหมัดกลับไปบ้าง มาร์คเซเพราะเขาทรงตัวอยู่จึงไม่ล้มลงไป จนร่างของทั้งสองเพิ่มมะรุมมะตุมกัน แลกหมัดคนละสองหมัดสามหมัด
แต่อาจจะเป็นแบบนี้อีกนานถ้าไม่มีเสียงใครบ้างคนดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
หมัดค้างกลางอากาศทั้งสองมองไปยังเจ้าของเสียงทั้งสองถึงกับตกตะลึงเพราะนั้นคือ
“ศาตราจาร์ยมัลกอนากัล!!”
เป็นครั้งแรกที่แจ็คสันกับมาร์คเอยคำที่ตรงกันออกมา
มาร์ครับรู้ถึงความซวยของตนวันนี้ได้อย่างดี แล้วยิ่งตอนนี้ก็ไม่มีอะไรซวยมากกว่านี้ไปอีกแล้ว มาร์คมองบุคคลข้างๆ ที่ทำหน้าไม่ต่างกับเขาโดยมองไปยังด้านหน้าที่มีร่างทรงอิทธิพลอยู่
“ฉันไม่คิดว่าพวกเธอจะไปกอดนัวเนียกันตรงนั้นเลยนะ”
“แต่เขาเริ่มก่อน!”
แจ็คสันเริ่มใส่ร้ายมาร์คโดยชี้ไปยังมาร์ค มาร์คถึงสูดลมเข้าจมูกอย่างแรงเพื่อสะกดอารมร์ร้อนในตัวไม่ให้พุ่งหมัดใส่คนข้างๆ ไม่งั้นเขาจะกลายเป็นผู้ผิดไปโดยปริยาย
“ฉันยังไม่ถามเธอมิสเตอร์แจ็คสัน และฉันไม่ต้องการรับรู้ว่าใครเริ่มก่อนแค่พวกเธอมาเดินยามวิกาลแบบนี้ก็มีความผิดพอควรอยู่แล้ว ฉันขอตัดคะแนนบ้าน บ้านละ 10 คะแนนและขอสั่งกักบริเวณเธอทั้ง 2 คนเป็นเวลา 3 วัน”
“อะไรน่ะ!!!”
และนี่ก็เป็นครั้งที่สองของวันที่ทั้งสองใจตรงกันมากๆ
“ศาตราจาร์ยครับ แจ็คสันเขามาหาเรื่องผมก่อน”
มาร์คเริ่มโวยวายที่ตัวเองต้องมาโดนกักบริเวณกับแจ็คสัน
“หรือจะให้ฉันตัดคะแนนเพิ่มมิสเตอร์มาร์ค”
มาร์คพ่นลมหายใจออกมาแต่ไม่กล้าเอยปากเถียงออกไปแจ็คสันรู้สึกขุ่นเคืองใจที่โดนตัดคะแนนซ้ำร้ายต้องมาถูกบริเวณถึงสามวันกับคนที่เขามองเหมือนหนอนในโถส้วม
“หลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้าย ให้ไปกระท่อมแฮกริดพวกเธอเข้าใจใช่ไหม”
“ครับ”
สองทั้งขานรับอย่างไม่เต็มใจ
“โอย โอย มาร์คฉันขอโทษ”
เมื่อมาร์คมาถึงเขาเข้าไปหาเพื่อนของตัวเองทันทีเอาหนังสือหนาๆที่อยู่ในมือจัดการฟาดเข้าที่หัวและตามด้วยหมัดที่จะหมายหน้าหล่อๆ ของเพื่อนตัวเอง เจบีเห็นท่าไม่ดีก็เอาแต่เตรียมหลบและหนีเท่านั้น
“มันเพราะนายเจบี ไอ้เพื่อนทรยศ”
มาร์ตจะวิ่งเข้าไปเจบี แต่มีหรือเจบีจะอยู่เฉยๆ ก็วิ่งหลบมาร์คด้วยเช่นกัน
“ฉันขอโทษแล้วไง ก็แค่เรื่องโดนให้คัดลายมือ”
“ถ้ามันแค่นั้นฉันไม่เอาแค่หนังสือฟาดหัวนายหรอกเจบี”
มาร์คแผดเสียงใส่เจบีแต่ก็หยุดลงเพราะวิ่งใส่ก็เหนื่อยเปล่าอีกอย่างตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเขายังไม่ได้อาบน้ำด้วย
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละ หรือระหว่างขากลับนายไปมีเรื่องกับคนอื่นมาอีก”
มาร์ควางนั่งหนังสือไว้ที่หัวเตียงเพื่อเตรียมอุปกรณ์จะไปอาบน้ำ
“เดาได้ถูกมากเพื่อน ฉันเจอกับแจ็คสันแล้วทะเลาะกัน แลกหมัดกันเล็กหน่อย”
เจบีได้ยินแบบนั้นก็ลองมองหน้ามาร์คในแบบเต็มตาเพราะตอนที่มาร์คเข้ามาเขาก็โดนหนังสือฟาดใส่หัวแล้ว พอมองดีๆ มีรอยเขียวตรงโหนกแก้มตอนนี้มันอาจจะออกแดงๆ แต่พรุ่งนี้เช้าเชื่อเถอะว่ามันเขียวม่วงๆแน่
“แล้วศาตราจาร์ยมัลกอนากัลมาเห็นก็เลยโดนกักบริเวณ 3 วัน”
“นายนี่โคตรซวยเลยว่ะเพื่อน”
“ก็เป็นเพราะนาย ถ้านายเตือนฉันตอนฉันเหม่อมองจินยองฉันก็ไม่โดนแบบนี้หรอก”
“ฉันผิดรึไง นายไม่สนใจเรียนเอง ไปอาบน้ำซะดึกมากแล้ว”
มาร์คอยากจะกระทืบคนที่เอียงตัวลงนอนบนเตียงเสียเหลือเกินแต่เวลานี่เป็นเวลาที่เขาควรจะอาบน้ำแล้วมานอน
ไม่ซิ!!
เขายังคัดไม่เสร็จเลยนี่ ให้ตายเถอะเคราเมอร์ลินคืนนี้เขาจะได้นอนมั้ย!
………………………………………………
กว่าจะคัดเสร็จก็ปาเข้าเกือบบ่าย โชคดีของมาร์คที่เช้าวันนี้ไม่มีเรียนเขาเลยได้นั่งคัดจนเสร็จเพราะเมื่อคืนเขาคัดไปไม่ถึงไหนก็หลบคาโต๊ะในห้องนังเล่นนั้นแหละ เจบีเป็นคนมาปลุกเขา มาร์คเดินไปยังห้องของอาจารย์เบอร์เบจเพื่อส่งงาน และระหว่างทางที่เขากำลังจะเดินไปห้องอาจาร์ยเบอร์เบจ มาร์คก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อเขาเจอกับใครบ้างคนที่เขาแอบชอบเอาไว้
ปาร์ค จินยอง นั้นเอง
แล้วกำลังจะเดินผ่านมาทางเขาด้วย
มาร์คนายจะทำไงดี จะทำไงดี นายหมายเขาไว้ตั้งแต่ปี3 แล้วนะ ยิ่งจินยองเดินเข้ามาใกล้ทุกทีทุกที ลมหายใจมาร์คก็มักจะสั้นลงทุกทีด้วยเช่นกันยิ่งเข้ามาใกล้เขาก็ยิ่งเห็นชัดมากขึ้น จินยองนั้น
สวย
สง่างามจริงๆ
ร่างจินยองเดินผ่านเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ พัดโชยเข้าจมูกจนอดไม่ได้ที่สูดเข้าปอด เขากำลังจะเดินห่างเขาแล้ว
“จินยอง”
โอ๊ะ มาร์คอยากจะตบปากตัวเองที่เผลออุทานเรียกร่างที่เดินผ่านเขาได้ไม่เท่าไร เจ้าของชื่อได้ยินเสียงขานชื่อตนก็หันหลังกลับมามอง
“อะไรหรอ”
น้ำเสียงชั่งนุ่นนวลจริงๆ มาร์คมองบุคคลข้างหน้า เขาเรียกไปยังงั้นแหละ แต่เขาจะเรียกทำไมละ ไม่รู้ไง มาร์คจะทำไงดี
“นายมาร์คใช่ไหม มีอะไรรึเปล่าเรียกเราทำไม”
“เออ คือว่า คือ....”
จินยองทำหน้าลุ้นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมากันแน่ จินยองงงกับคนตรงหน้าที่ทำท่าทางเหมือนคิดอะไรไม่ออก
“คือว่า ไปฝึกบินกันไหม”
จินยองถึงกับเหลือกตาโต มาร์คมองแบบนั้นก็รีบอธิบายต่อทันที
“หมายถึงนายก็เป็นซีกเกอร์เหมือนกับฉัน คือ ยังไงดี ไปฝึกให้เก่งขึ้นไง”
จินยองพยักหน้า ก่อนที่ทำหน้าเศร้าเล็กน้อย
“ขอบใจ ฉันรู้ว่าฉันเป็นซีกเกอร์ที่ห่วยที่สุด”
โอ้ให้ตายซิ! มาร์คไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นเลย จินยองกำลังเข้าใจผิดแล้ว
“เออ ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น คือฉันหมายถึงว่า......”
“ก็นายมันห่วยจริงๆ”
มาร์คถึงกับชะงักมองไปยังบุคคลที่กำลังเดินมาจากด้านหลังของจินยอง ร่างที่เดินเชิดๆหยิ่งๆ ทำหน้าดูถูกคนอื่นไปทั่ว
“ฝึกให้ตายก็ไม่เก่งขึ้นหรอก ไอ้ห่วยเรเวนครอ มีดีแต่สมองอย่างเดียว เลิกเป็นซีกเกอร์ซะ ถ้าไม่อยากโดนฉันอัดร่วงตกจากไม้อีก หึ”
แจ็คสันพูดจาดูถูกใส่หน้าจินยองแล้วเดินผ่านไป มาร์คจะเดินเข้าไปเอาเรื่องที่กล้าว่าจินยองแบบนี้ แต่มือของจินยองคว้าเข้าที่ต้นแขนของมาร์คก่อน
“อย่าเลย ปล่อยเขาไปเถอะ ฉันโดนเขาดูถูกประจำแหละ ฉันเองก็อยากจะฝึกกับนายเหมือนกัน แล้วจะไปฝึกกันเมื่อไรละ”
มาร์คมองใบหน้าจินยองที่คลี่ยิ้มให้กับเขาทั้งๆ ที่ดวงตามีน้ำตาคลออยู่เล็กน้อย แต่ก็มีเรื่องดีที่จินยองตอบรับเขา
“ฉันโดนกักบริเวณอยู่ หลังจากนี้สามวันได้ไหม”
“ได้ซิ ฉันขอตัวก่อนนะเพราะว่าฉันมีเรียน”
มาร์คพยักหน้า เมื่อร่างจินยองเดินจากไปหัวใจของมาร์คเต้นอย่างเป็นสุขแต่เมื่อนึกถึงใครบ้างที่พูดจากวนประสาทคนนั้นก็อดอารมณ์เสียไม่ได้ ว่าแต่แจ็คสันมาทำอะไรแถวนี้ละ พอมาร์คไปถึงห้องอาจารย์ก็พอรู้แล้วว่าเพราะอะไร แจ็คสันมาส่งงานนั้นเอง สงสัยจะจริงอย่างที่ใครเขาบอก แจ็คสันไม่เก่งวิชามักเกิ้ลศึกษา
“อาจารย์เบอร์เบจผมมาส่งงานครับ”
ร่างของมาร์คมาหยุดเดินอยู่ข้างๆ แจ็คสันที่กำลังโดนอาจารย์ต่อว่าเรื่องรายงานเล่มนั้นที่เพิ่งจะยื่นส่งไปเมื่อครู่ มาร์คยิ้มเยาะในใจรู้สึกได้ถึงความสะใจเล็กน้อย อาจารย์เบอร์เบจมองมาร์คแล้วรับงานของมาร์คไว้
“มิสเตอร์มาร์ค เธอมาพอดีเลย”
มาร์คงงเล็กน้อยอะไรงั้นหรือ
“ในปี4 เธอคือนักเรียนที่ได้คะแนนวิชาของฉันมากที่สุด ฉันให้เธอช่วยเหลือแจ็คสันทีนะ เขาอ่อนวิชาของฉันมาก”
“ว่าไงนะ!”
ทั้งสองเสียงแผดใส่อาจารย์พร้อมกัน
“อย่างที่ฉันขอร้องละมิสเตอร์มาร์คช่วยเหลือมิสเตอร์แจ็คสันทีไม่งั้นเขาแย่แน่”
น้อยนักที่อาจารย์จะขอให้นักเรียนช่วยเหลือมาร์คก็อดที่จะไม่ตอบรับไม่ได้ ยิ่งมองหน้าอาจารย์ก็ต้องขานรับเป็นธรรมดา
“ครับ”
มาร์คมองร่างข้างหน้าที่เดินก้าวฉึบๆ และเร็วมากเสียงก็บ่นอะไรบ้างอย่างไปด้วย เอาความจริงมาร์คจะไม่ช่วยเหลือก็ได้แต่ถ้าแจ็คสันไม่ดีขึ้นเขาก็โดนอาจารย์มองเช่นไรกันละ
“นี่แจ็คสัน นายหยุดเดินก่อนได้มั้ย”
มาร์คตะโกนออกไปไม่คิดว่าแจ็คสันจะหยุดเดินจริงๆ ทำเอามาร์ครู้สึกอึ้งเล็กน้อยที่แจ็คสันหยุดตามที่ร้องขอไป มาร์คมาหยุดตรงร่างแจ็คสันที่กำลังมองเขาด้วยสายตา
ที่เกลียดกันอย่างเห็นได้ชัด
“อะไรของนาย มีอะไร ให้ไวเลยด้วยฉันมีเรียน”
จะว่าไปเด็กบ้านสลิธีรีนก็หัวดีขยันเรียนนี่นะ
“นายจะให้ติวนายเมื่อไร”
“ไม่จำเป็น!”
“แต่อาจารย์เบอร์เบจเขา”
“ฉันไม่จำเป็นต้องเรียนรู้! พวกเลือดสีโคลนนั้นหรอก!”
แจ็คสันตะโกนใส่มาร์ค แล้วสะบัดตัวกลับเพื่อไปให้ทันเรียนวิชาบ่ายนี่ แต่ข้อมือของเขาถูกกระชากเอาไว้เสียก่อน ร่างของแจ็คสันเซไปกระแทกกับอกของมาร์คอย่างเต็มที่ แจ็คสันพยายามดึงข้อมือของตัวเองให้ออกจากกอบกุม
“นายไม่มีสิทธิ์เรียกพวกเขาแบบนั้น”
“แต่ฉันว่ามีสิทธิ์มากพอ”
แจ็คสันพยายามสะบัดข้อมือตัวเองอย่างสุดแรงแต่มันกับทำให้อีกคนกำข้อมือของเขาแน่นขึ้นจนมือของแจ็คสันรู้สึกชาที่ปลายนิ้วและเจ็บตรงที่โดนกำ
“สิทธิ์ที่นายเป็นเลือดบริสุทธิ์ยังงั้นรึไง”
แจ็คสันเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใบหน้ามาร์คที่ทำหน้าโมโหร้ายใส่เขาซะนิด คนอย่างแจ็คสันหรือจะกลัวคนอย่างมาร์ค ต้วน
“ฉันบอกว่าใช่แล้วจะทำไม แกเองก็มีเลือดสีโคลนอยู่ครึ่งนึงนี่นา อ่อหรือว่าไอ้ซีกเกอร์ห่วยจากบ้านเรเวนคลอ ฉันลืมไปว่าหมอนั้นก็เป็นพวกเลือดสีโคลน”
“แจ็คสัน!”
มาร์คบิดข้อมือของแจ็คสันดัดแขนพาดหลังแล้วดันร่างแจ็คสันจนอกติดกำแพง
“โอย!! มันเจ็บนะ”
ใบหน้าของมาร์คเลื่อนไปอยู่ที่ข้างหูของแจ็คสันที่กำลังพยายามดิ้นหนีเขาอยู่
“แกมันเลือดบริสุทธิ์มากใช่ไหม งั้นอยากจะลองโดนทำให้แปดเปื้อนรึเปล่าละ”
แจ็คสันเบิกตากว้าง เมื่อมือของมาร์คเลื่อนลงต่ำเลยเอวของเขาลงไป
“จะทำบ้าอะไร นี่มันทางเดินนะ!”
ไม่มีทท่าจะหยุด แจ็คสันสะดุ้งเอื้อกเมื่อมือของมาร์คเข้าไปใต้กางเกงของเขา สัมผัสได้ถึงความอุ่นของฝ่ามือที่กำลังแตะต้องส่วนที่อ่อนไหวของเขา แจ็คสันพยายามดิ้นให้แรงขึ้นแต่ร่างของมาร์คก็จึงทาบตัวลงเทน้ำหนักใส่เขาเพื่อให้หยุดดิ้นแล้วไหนจะเจ็บที่ข้อมือของเขาอีก แจ็คสันใช้มืออีกข้างที่เหลือพยายามหยุดมือของมาร์คแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ส่วนอ่อนไหวที่สุดถูกกอบกุมจากฝ่ามืออุ่นสร้างความวาบหวิวให้กับแจ็คสัน ยิ่งฝ่ามืออุ่นนั้นขยับเคลื่อนไหวสติแจ็คสันก็แทบจะเตลิด ยิ่งพยายามควบคุมมากเท่าไรมันก็ยิ่งยากมากเท่านั้น
“อื้อ..”
อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา มาร์คที่ตอนแรกแค่จะแกล้งๆ พอได้ยินเสียงของแจ็คสัน ก็อดไม่ได้ที่กลืนน้ำลายของตัวเอง มาร์ครับรู้ว่าแจ็คสันในตอนนี้ไม่สามารถขัดขืนเขาได้แล้ว จึงปล่อยข้อมือของแจ็คสันออกจัดการพลิกร่างของอีกคนหันมา
โอ้พระเจ้า
มาร์คกลืนน้ำลายรอบที่สอง ใบหน้าแจ็คสันแดงก่ำ กัดริมฝีปากตัวเองแน่น ใหนจะดวงตาที่กำลังฉ่ำน้ำตานั้นมันเป็นใบหน้าที่กำลังเชิญชวนเขาแปลกๆ
ร้อน
มาร์คร้อน มันร้อนเสียจนจะละลาย มาร์ครู้สึกวู่วามในท้องของตัวเอง มือของมาร์คก็ยังทำงานให้กับส่วนนั้นของแจ็คสัน มาร์คที่ตอนแรกจะแกล้งให้ทรมานแต่ตอนนี้มาร์คกำลังจะทรมานแทน จึงหยุดการกระทำนั้นกลางคัน แล้วดันร่างตัวเองออกมา จนร่างแจ็คสันถึงกับทรุดลงกับพื้น
“ที่เหลือจัดการต่อเองก็แล้วกัน”
มาร์คพูดจบแล้วเดินออกไปพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นเครือของแจ็คสันที่ตะโกนด่าไล่หลังเขามา
“ไอ้สารเลว”
ให้ตายซิมาร์คนายรู้สึกแย่กับคำด่าของแจ็คสันตั้งแต่เมื่อไร แล้วร่างกายของเขาเป็นอะไรทำไมเขาถึงได้
.........เกิดอารมณ์กับแจ็คสันแบบนั้น มาร์คเองตอนนี้ก็ทรมานเช่นกันยิ่งรีบเดินไปห้องน้ำเพื่อปลดปล่อยความทรมานนั้นเหมือนกัน
#FicMSGS
อัพตอนที่สองให้อย่างไวเพราะจะต้องไปปั่นเรื่องอื่นๆอีก *ร้องไห้
เพราะความรีบอยากเอาเรื่องนี้ลงไง
ไงเธอปั่นหัวหมุมเลยเป็นไง
ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยคะ ไม่คิดว่าจะได้เสียงตอบรับดีขนาดนี้
ดีใจ ;/////;
ความคิดเห็น