มนุษย์กับภูต

ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

 มนุษย์กับภูติ

       ณ ดินแดน ฮาเบอร์กัส ที่นั่นเป็นดินแดนที่มีสิ่งมีชีต 2 ประเภทหลักอยู่ในดินแดนเดียวกัน หนึ่งคือ มนุษย์ และ สองคือภูติ สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ประเภทนี้ มีความคล้ายกันทางกายภาพระดับหนึ่ง มีภูติหลายประเภทที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์ แต่บางชนิดก็จะมีรูปร่างที่พิลึกพิลั่นไปเลย แต่สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดนั้นคือ พฤติกรรม มนุษย์มักจะรักสงบ มีความเมตตากรุณา ปราณี ในขณะที่ภูติส่วนใหญ่มักจะเข่นฆ่าสัตว์อื่นเพื่อเอาเป็นอาหาร และอาหารโปรดของภูติก็คือมนุษย์ มนุษย์ในดินแดนนี้นั้นแบ่งเป็น 4 ระดับโดยแยกตามความแข็งแกร่งของร่างกายและสมรรถภาพทางร่างกาย หนึ่งคือระดับทาส มนุษย์ระดับทาสนั้นเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุด และการใช้ชิวิตในดินแดนฮาเบอร์กัสนั้น ทาสจะเป็นคนคอยรับใช้มนุษย์ระดับสูงขึ้นไป ระดับสองคือ พลเรือน มนุษย์ระดับนี้จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าระดับทาสและเป็นระดับที่มีมากที่สุดในดินแดนฮาเบอร์กัส มนุษย์ระดับพลเรือนยังคงเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอด้านสมรรถภาพทางการต่อสู่แต่มนุษย์ระดับนี้จะมีมันสมองในการคิดมากที่สุดใน 4 ระดับ สาม ระดับนักรบ มนุษย์ในระดับนี้นั้นจะมีสมรรถภาพทางร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าพลเรือนและทาสมาก สามารถใช้วิชาการต่อสู้ได้มากมายหลายชนิด มีความสามารถในการต่อสู้สูง และระดับสี่ ก็คือระดับองค์รักษ์ มนุษย์ในระดับนี้คือเป็นมนุษย์ที่เคยเป็นนักรบมาก่อนแต่พัฒนาความสามารถได้จนเก่งกว่านักรบทั่วไปจนกลายเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดามนุษย์ทุกคนและมีเพียงแค่ 12 คนเท่านั้น ในดินแดนฮาเบอร์กัส ในดินแดนฮาเบอร์กัสจะปกครองกันแบบเป็นสังคมโดยระดับชั้นผู้นำจะเป็นมนุษย์ระดับพลเรือน เนื่องจากมีมันสมองที่สูงที่สุดใน 4 ระดับ ส่วนภูตินั้นแบ่งออกเป็นสี่ระดับเช่นกันคือ หนึ่ง นาโมดิค สอง สตาร์โตดิค สาม เฮ็กทาทิค และสี่ อินฟินิช่า การแบ่งระดับของภูตินั้นแบ่งตามสมรรถภาพทางร่างกายคือ ภูติระดับสอง สามารถฆ่ามนุษย์ชั้นทาสและพลเรือนได้อย่างง่ายดาย และมนุษย์ระดับนักรบนั้นก็จะมีความสามารถทัดเทียมกับภูติระดับสอง และหากมีการต่อสู้กับภูติระดับสามเพียงแค่ตัวเดียวก็จะต้องใช้ ระดับองค์รักษ์อย่างน้อย1คนและระดับ นักรบอีก 3 คนถึงจะรอดชีวิตได้ และยิ่งเป็นภูติระดับสี่นั้น มนุษย์ไม่สามารถชนะได้เลย ตลอด 3000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์จะต้องอยู่อย่างลำบากเพราะจะต้องคอยหลบซ่อนเอาชีวิตรอดจากภูติ และมักจะสู้ไม่ได้ และมีบ่อยคร้งมากที่มนุษย์จะต้องสูญเสียคนที่รักไปเป็นอาหารของภูติ มนุษย์ทุกคนกลัวภูติ แต่เหตุที่มนุษย์ไม่สูญพันธ์นั้น เป็นเพราะว่าภูติไม่ได้อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเดียวกันเหมือนมนุษย์ แต่จะแยกกันอยู่ ไม่มีความประสงค์ที่จะครอบครองดินแดนของมนุษย์ ไม่ต้องการให้มนุษย์สูญพันธ์ แต่อย่างไรก็ตามเรียกได้ว่าเพราะภูติ ทำให้มนุษย์อยู่อย่างลำบากมาตลอด

             อินเซ นักรบเทวดาแห่งดินแดนฮาเบอร์กัส เขาคือคนในตำนานของดินแดนฮาเบอร์กัส

ตำนานเล่าว่าในหมู่บ้านนี้ทุก 1000 ปีจะมีสุดยอดมนุษย์เทพขึ้นมากำเนิดและเป็นผู้คอยปกป้องโอบอุ้ม

ดูแลมนุษย์ไม่ให้ภูติมาทำร้าย เข่นฆ่ามนุษย์อีก มนุษย์คนนี้จะต้องมีเงื่อนไขตามที่กำหนดคือ ฝ่ายผู้ชายจะต้องเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งมากและมีจิตใจเมตตา และฝ่ายผู้หญิงจะต้องงดงามทั้งทางร่างกายและจิตใจ ณ ปัจจุบัน อินเซมีอายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ อินเซคือมนุษย์ที่เกิดจากมนุษย์ผู้ชายและมนุษย์ผู้หญิงตามเงื่อนไข พระนางเรนาจ คือลูกสาวคนสุดท้องของของพระราชาโซมารอสที่ได้กล่าวกันว่าเป็นผู้ที่งดงามที่สุดในบรรดาธิดา 5 คนของพระราชา และเป็นผู้ที่มีความงดงามทางด้านจิตใจมาก มีความอ่อนโยนมาก มีความสามารถทั้งเป็นสตรีที่รำได้งดงามที่สุด งานหัตถกรรมงดงามที่สุด มีความสามารถในการทำอาหารมากที่สุดในบรรดามนุษย์ทุกคน พระนางเรนาจคือผู้ที่ทำให้เหล่าทหารมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อสู้กับภูติ พระราชาโซมารอสนั้น ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องหาบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนและมีจิตใจดีมาเป็นสามีของพระนางเรนาจให้ได้ จึงได้จัดการประลองเหล่ามนุษย์ขึ้น และผลลัพธ์ก็คือ อินคารัก นายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้ลงแข่งขันด้วย และเขาคือผู้ที่มีความแข็งแกร่งสามารถ มีพลกำลังร่างกายมหาศาล ใช้อาวุธได้ทุกชนิดอย่างคล่องแคล่วและมีวิชาต่อสู้ติดตัวถึง 48 วิชา เมื่ออินคารักสามารถครองตำแหน่งผู้ชนะเลิศได้ พระราชาจึงแต่งตั้งให้เขาเป็น 1 ใน 12 องค์รักษ์ และเป็นหัวหน้าองครักษ์ด้วย

ความสามารถของของอินคารักนั้นไม่ธรรมดาเลย เขาเป็นคนที่ช่วยให้มนุษย์ล้มหายตายจากจากการถูกพวกภูติฆ่าได้น้อยที่สุดในบรรดาหัวหน้าองครักษ์ทั้งหมด จากนั้นจึงได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระนางเรนาจ จนเกิดเป็นอินเซขึ้น วันที่อินเซเกิดคือวันครบรอบ 3000 ปีของการกำเนิดเผ่าพันธ์มนุษย์ พิธีทำคลองเกิดขึ้นที่หออันศักดิ์สิทธิ์ในเวลา 0.00 น. ซึ่งเป็นคืนที่พระจันทร์กลมโตที่สุด แต่พระนางเรนาจ เสียชีวิตวันที่อินเซเกิดและอินคารักก็พลาดท่าเสียทีจนถึงแก่ชีวิตในการสู้กับภูติในขณะที่อินเซอายุ12ปี

         ความสามารถของอินเซนั้นนับได้ว่าเป็นสุดยอดยิ่งกว่ามนุษย์คนใดจะจินตนาการถึง นั่นเนื่องจากพรสวรรค์ตั้งแต่เกิดรวมถึงการฝึกที่หฤโหดมาก พระราชาแต่งตั้งให้ทั้ง 12 องครักษ์ร่วมกันเป็นครูฝึกสอนอินเซให้เก่ง ตั้งแต่อายุได้ 4 ขวบเต็ม อินเซจะต้องฝึกอย่างหนักทุกวันและบำรุงด้วยอาหารและยาชั้นเลิศที่สุดในดินแดน ปรุงด้วยหัวหน้าแม่ครัวในวัง และหมอเทพประจำวัง ค่าก่อสร้างอุปกรณ์รวมไปจนถึงสถานที่ที่อินเซใช้ฝึกซ้อมนั้น มีมากกว่า 200,000,000 โบตอน  นอกจากฝีมือในการต่อสู้แล้ว อินเซสามารถเร่งพลังปราณได้ถึง 10 ระดับ และมีวิชาถึง 384 วิชา อินเซยังได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าให้รักมนุษย์ด้วยกันมาก มีความเมตตาปราณีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นอยู่เสมอ

        อินเซเริ่มเข้าร่วมกับหน่วยทหารตั้งแต่อายุ 14 ปี เพียงแค่เริ่มต้นเขาก็มีความสามาถสู้กับภูติระดับสามได้อย่างสูสี และเมื่ออายุ 15 ปี  จากประสบการณ์เขาก็มีความสามารถมากขึ้นขนาดที่สามารถกำจัดภูติระดับ 4 ได้อย่างง่ายดาย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฮาเบอร์กัสที่มีมนุษย์สามารถกำจัดภูติระดับอินฟินิช่าได้ หลังจากนั้น เขาได้รับการยกย่องมากมายต่างๆนาๆในดินแดนฮาเบอร์กัส ตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ก็ยังไม่พอเพียงกับความสามารถของเขา พระราชาโซมารอสจึงได้แต่งตั้งให้เขามีตำแหน่ง “นักรบเทวดา” ซึ่งเป็นตำแหน่งพิเศษ เหนือกว่าองครักษ์ทั้ง 12 คน แต่ยังต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของพระราชาโซโมรอสและรัฐมนตรีทั้ง 10 คน ซึ่งอินเซก็รับรู้ถึงข้อนี้ เขารู้ว่าฝีมือของเขาสามารถกำจัดระดับรัฐมนตรีทั้ง 10 และโค่นพระราชาเพื่อเป็นกษัตริย์เองได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยความมีจิตใจดีงามของเขาทำให้เขาไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐมนตรีทั้ง10หรือพระราชาได้แม้แต่ครั้งเดียว และไม่กล้าที่จะทำงานไม่สำเร็จ เขาต้องทำมันให้ได้ทุกครั้งเพื่อที่จะไม่ทรยศต่อบรรดาเหล่าผู้ปกครอง

         เหตุการณ์ต่อสู้ที่เป็นตำนานของดินแดนฮาเบอร์กัสนั้น เกิดขึ้น เมื่ออินเซอายุได้ 17 ปี ในครั้งนั้น ภูติมายาโยซึ่งเป็นภูติระดับอินฟินิช่าระดับ 4 ซี่งมีรูปร่างคล้ายแมลงได้จับตัว เหล่ารัฐมนตรีทั้ง 10 ไปสู่ในรังซึ่งมีภูติมายาโยฮยู่อีกกว่าร้อยตัว ครั้งนั้น ถือว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญ มีผลต่อความเป็นความตายของดินแดนเลย เมื่ออินเซได้รับคำสั่ง เขาเริ่มจากใช้ปราณระดับสอง แผ่คลื่นความรู้สึกออกไปรอบตัวเป็นรัศมีกว่า 50 กิโลเมตร จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงลมหายใจของมายาโย จากนั้นเขาใช้วิชาตาทิพย์เพ่งสมาธิไปที่ดินแดนแห่งนั้น จนเห็นภาพทั้งหมด ต่อด้วยวิชาเหินฟ้าด้วยความเร็วสูง เพียงแค่พริบตาเดียว อินเซก็มาถึงหน้ารังแล้ว เมื่อมาถึงภูติมายาโยที่ทำหน้าที่เฝ้ายามทั้ง 6 ประตู สังเกตุเห็นเขาจึงกรูกันเข้ามาจัดการ อินเซเพียงแค่เป่าลมออกให้เกิดแรงอัดอากาศเข้าที่คอหอยของทั้ง 6 ตนทำให้ภูติทั้ง 6 ตนสลบไปทันที  อินเซใช้เวลาแค่ 2 นาทีก็สำรวจภายในได้หมด เขาจึงเริ่มด้วยการเสกก้อนไฟ 62 ก้อนไว้รอบรัง สร้างก้อนสายฟ้าขึ้นข้างบนรัง จากนั้นเขาสั่งให้สายฟ้าผ่าลงมาเพียงแค่นั้น ก็ทำให้ภูติมายาโยเสียชีวิตในทันที 10 ตน และก้อนไฟทั้ง 62 ก้อนก็ลุกเข้าล้อมรัง เขาไม่รอช้า ใช้พลังลม ในการพัดเพิ่มความรุนแรงของ ไฟ เกิดความโกลาหลขึ้น ภูติมายาโยระดับหัวหน้าไม่สามารถออกคำสั่งได้เพราะเหตุการณ์โกลาหล จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับอินเซที่จะเข้าจัดการทีละตัวและตรงเข้าช่วยเหล่ารัฐมนตรี และผลสุดท้ายคือ มายาโยทั้งหมดตายยกเผ่า วินาทีที่เขาเข้าไปช่วยเหล่ารัฐมนตรนั้น เขาคุกเข่าลงและรายงานว่า “ที่นี่!ไม่เหลือภูติแม้แต่ตนเดียว”

        “ที่นี่!ไม่เหลือภูติแม้แต่ตนเดียว”กลายเป็นประโยคยอดฮิตสำหรับทุกคนในดินแดน เป็นคำพูดประวัติศาสตร์ที่นำไปถูกสร้างเป็นนิยายและละคร เป็นประโยคที่พวกเด็กมักจะใช้กันในการแสดงถึงความเท่ อินเซได้รับการยกย่องมากขึ้นอีก จนถึงวันนี้อินเซอายุ 20 ปี และกำลังได้รับตำแหน่งและารกิจอันสำคัญ

             “อินเซ!”พระราชาตรัส “งานครั้งนี้จะเป็นภารกิจสำคัญที่สุดตั้งแต่เจ้าทำงานมา งานนั้นคือจับตัวภูติประเภทเลมาน่า ภูติลักษณะนี้จะมีความพิเศษคือมีแต่เพศหญิงเท่านั้นและเป็นภูติที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ผู้หญิงมากและมีรูปร่างงดงามทุกตัว จนคุณอาจจะสับสนเห็นรูปลักษณ์ภายนอกหลอกเอาถ้าหากเจ้าหลงเชื่อในคำพูดของมัน เจ้าจะหลงกลและทำงานไม่สำเร็จ” อินเซตกใจคำว่าทำงานไม่สำเร็จมาก สื่งนี้เป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดในชีวิตเขาจึงตั้งใจมั่นว่าจะทำให้ได้ และงานนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การรับใช้ราชาของเขา นั่นคือ ให้จับเป็นทุกตัว หากจับตายมาหรือมีบาดแผลเหวอะ ก็เรียกว่าทำงานไม่สำเร็จเช่นกัน หลังจากได้รับคำสั่งมาอินเซจึงรีบค้นหาภูติลาเมน่าทันที ผ่านไป 2สัปดาห์เขาก็จับตัวภูติระดับลาเมน่าได้ 80 ตน แต่สิ่งที่เขาสังเกตุเมื่อทำงานทุกครั้งนั่นคือภูติลาเมน่านี้ไม่ใช่แค่ “เหมือนมนุษย์มาก”แต่ “มีความงดงามมาก ทุกตนรูปร่างสมบูรณ์แบบ และหน้าตางดงาม ยิ่งกว่าเหล่าสาวงามของมนุษย์”

        ในวันนี้คือภารกิจที่พระราชากำชับมา ว่า ให้จับตัวภูติลาเมน่าระดับนางพญาทั้ง 5 ตัวมาให้ได้

      เมื่อเขาไปถึง เขาพบว่าการที่จะเป็นระดับนางพญาของลาเมน่าได้ นั่นคือ “มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามกว่าลาเมน่าตนอื่น” ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วครู่ก็สามารถทำให้ภูติลาเมน่าสลบไป อย่างง่ายดายและเขาก็เริ่มเหินฟ้ากลับโดยอุ้มนางพญาทั้ง5ไว้ในก้อนบาเรียร์ที่เขาสร้างขึ้น เมื่อเดินทางกลับได้เพียง ¼ ของระยะทาง

โดยความสามารถและประสบการณ์ของเขาทำให้เขารู้สึกเอะใจอะไรบางอย่างจึงบินกลับไปที่ที่เดิมและเขาก็ค้นพม ลาเมน่าเด็กซึ่งคือลูกของนางพญาตนหนึ่งซึ่งเพิ่งคลอดและเขาไม่ได้รับข้อมูลนี้ “ภูติตนนั้นเมื่อเห็นเขา ก็ตรงเข้ามากราบเท้าขอชีวิตในทันทีและร้องห่มร้องไห้อย่างหนักให้ปล่อยตนไป” ด้วยรูปร่างภายนอกและน้ำเสียงกริยาอาการที่เหมือนมนุษย์ผู้หญิงบริสุทธิ์นี้ ทำให้อินเซใจอ่อน ภูติลาเมน่าเด็กเห็นดังนั้นจึงรับพูด “ท่านรู้มั๊ยงานที่ท่านทำอยู่นั้นท่านกำลังโดนหลอกจากเหล่าผู้นำของท่าน”อินเซเมื่อได้ยินคนมาสบประมาทนายตนเช่นนั้นจึงโมโหทันที “ครั้งนี้ข้าจะละเว้นเจ้าโดยแค่จับตัว แต่เพราะคำสั่งที่ห้ามจับตายห้ามมีแผลจึงไม่อยากทำร้าย แต่ถ้าเจ้าดูหมิ่นนายของข้าอีก ข้าไม่ละเว้นแน่” จากนั้นภูติลาเมน่าเด็กคนนั้นจึงขอโทษและพูดชักแม่น้ำทั้ง 5 เพื่ออ้อนวอนอินเซ แต่อินเซให้ความสำคัญกับงานที่ได้รับมอบหมายมาก ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จ ภูติตนนั้นจึงขอแค่ให้เขาพายังสถานที่แห่งหนึ่งหลังจากนั้นจะทำอะไรกับตนก็ได้ และในระหว่างการพูดภูตินั้นพูดกับเขาว่าทุกครั้งให้จับตายแต่ครั้งนี้ให้จับเป็นเขาไม่รู้สึกสงสัยเหรอ แล้วภูติที่จับมาเอาไปไว้ไหนอินเซก็ไม่รู้ คำพูดนี้แหละที่ทำให้อินเซยอมเพราะตั้งแต่ต้นเขาก็สงสัยอยู่แล้วแต่เพราะเป็นคำสั่งผู้ใหญ่จึงไม่กล้าถาม แต่ครั้งนี้ ภูติตนนี้ขอร้องขนาดนี้ นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่เขาจะฝ่าฝืนคำสั่ง โดยไป ณ ที่แห่งหนึ่ง

              เมื่อไปถึง ณ ที่แห่งนั้นเป้นสิ่งปลูกสร้างที่ลักษณะเหมือนสิ่งปลูกสร้างในดินแดนเขาที่เรียกว่าโดมใหญ่ทุกประการและนอกจากนั้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่นั่นก็เหมือนมนุษย์มาก จริงๆไม่ใช่แค่เหมือน แต่ใช่เลย อย่างเช่นที่ หน้าประตูนั้น ทินรอสและทารอส มนุษย์ระดับนักรบที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี อินเซจึงปรากฎตัวขึ้นอย่างตรงไปตรงมาต่อหน้ามนุษย์ทั้ง 2 ตนนั้น ทังทินรอสและทารอสตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นเขา “ท่านอินเซ!!!ออออออเอ่ออออออ!!เข้าไปไม่ได้ครับ” เพราะความเมตตาจึงทำให้อินเซไม่อยากลงมือหนักแค่ดีดนิ้วอย่างเบาสองทีที่หน้าผากก็ทำให้ทั้ง 2 คนสลบไปทันที มาถึงประตู ประตูนั้นลงสลักด้วยเวทมนตร์ระดับสูงทำให้อินเซเกรงใจไม่กล้าทำลายประตู จึงใช้วิชาคลายเวทมนคร์เอง และเปิดเข้าไป “แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด……”

                                          ....................................................................................

           ปกติคนทั่วไปมาเห็นก็จะเข้าใจเหตุการณ์ได้ทันทีว่าพวกรัฐมนตรีที่มาสอนให้คนทำความดีกลับกลายเป็นคนชั่วซะเอง แต่อินเซต้องเวลาทำความเข้าใจอยู่ถึง1นาทีกว่าหรือ 67  วินาทีกว่าที่อินเซจะตั้งสติคิดอะไรได้ทัน มันยิ่งกว่าผู้หญิงบริสุทธ์ถูกบังคับให้ดูกามวิตถาร ตกใจยิ่งกว่าการเห็นดวงอาทิตย์ดับหรือขึ้นทางทิศตะวันตก แปลกยิ่งกว่าคนมี 3 หัว อัปลักษณ์น่าขยะแขยงยิ่งกว่าการเห็นซากศพเน่า หรือยิ่งกว่าเห็นหัวคนขาดต่อหน้าต่อตา

                ภาพที่เห็นนั้นคือภูติมายาโยทั้ง 80 ตนที่ตัวเองจับมาได้นี่ อยู่รวมที่นี่ทั้งหมด บางตนกำลังถูกขังอยู่ในกรงขังโดยมีบาดแผลเหวอะหวะทั้งตัว และมีรอยแผลอย่างหนักที่บริเวณอวัยวะเพศ ทุกตัวถูกโซ่ปราณซึ่งเป็นโซ่ที่อินเซบรรจุพลังให้เองผูกไว้ทำให้ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ตอบโต้ไม่ได้ และหลายตนกำลังถูกกระทำบางอย่าง สิ่งที่เขาเห็นมันแปลก ทุกตัวโดนการกระทำที่เขาอธิบายด้วยคำพูดไม่ถูก มันคล้ายสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า “การร่วมรัก” แต่มันเป็นการร่วมรักที่แปลก เพราะไม่ได้รู้สึกถึงความรักความเมตตา กรุณาปราณี เลย มันเหมือนกับความโหดเหี้ยม อำมหิต และมันคล้ายกับสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า “การทรมาน”ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้เพื่อลงโทษไม่ให้มนุษย์คนอื่นกระทำผิด แต่สิ่งที่เห็นนั้นมันเหมือนกับเพื่อความสนุก นั่นคือมนุษย์ทั้งหลายในที่นั้นทรมานภูติลาเมน่าและทำท่าทีร่วมรักกับภูติและเป็นการกระทำที่วิตถารมาก มีเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์มากมายใช้กับภูติเหล่านั้น สิ่งหนึ่งที่รัฐมนตรีไม่ได้บอกนั้นคือนอกจากภูติลาเมน่าจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์แล้ว อวัยวะเพศของภูตินั้นเหมือนกับของมนุษย์ทุกประการและมีลักษณะพิเศษที่มนุษย์เรียกกันว่า “บีบ” อวัยวะเพศของมนุษย์ผู้ชายให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และมนุษย์เหล่านั้นกำลังทรมานภูติด้วยตัณหากิเลศความต้องการทางเพศและเพื่อสนุก และในมุมห้องมีภูติที่เสียชีวิตไปแล้วพร้อมร่องรอยการถูกทรมานอย่างหนัก และที่สำคัญคนที่กำลังสนุกและทรมานภูติอยู่ ก็คือรัฐมนตรีทั้ง 10 และพระราชาโซมารอสของเขา และรวมทั้งมนุษย์ระดับพลเรือนและทาสจำนวนมากก็กำลังเล่นสนุกกับภูตินี้อยู่เช่นกัน นอกจากนั้น 12 องครักษ์ก็อยู่ครบทุกคน ทำหน้าที่ป้องกันภัยและมีระดับนักรบอีก 50 คน ภูติลาเมน่าเด็กที่มาพร้อมอินเซจึงพูดว่า “นี่แหละค่ะท่าน!นี่คือความจริง ภูติลาเมน่าอย่างพวกเรานั้นไม้ได้ทำความผิดใดๆเลย มนุษย์ต่างหากที่เป็นฝ่ายรังแกเรา อย่างที่ท่านเห็น ท่านคิดว่านี่คือการลงโทษเหรอ ท่านก็เห็นว่าพวกเขากำลังสนุกอยู่เพราะพวกเราลาเมน่ามีลักษณะที่สนองความใคร่ของมนุษย์ผู้ชายได้เป็นอย่างดี” ซึ่งถ้าพูดแค่นี่อินเซไม่มีวันเชื่อแน่ แต่นี่เขาเห็นกับตาเลย

                  เหล่ารัฐมนตรีเมื่อแรกก็ตกใจเมื่อเห็นอินเซ แต่เมื่อตั้งสติได้ทันก็กรูกันเข้ามาทั้งร่างเปลือยเปล่าพร้อมบอกให้อินเซทำเป็นลืมเรื่องนี้และกลับไปทำงานซะ “นี่คือคำสั่ง! กลับไปที่หมู่บ้านเดี๋ยวนี้”  อินเซไม่ตอบกลับทำท่าเหมือนไตร่ตรองอยู่นาน กว่าจะตัดสินใจที่จะกำจัดพวกรัฐมนตรีและจึงเริ่มเคลื่อนไหวได้

                  “อ้-า-ก-ก-ก-ก-ก-ก-ก-ก-ก-ก-ก-----------ซ์ซ์ซ์ซ์ซ์ซ์.............ซซซ.............!!!!!!!!!!!!!!”

 คลั่ง เขาคลั่งแล้ว อินเซคลั่ง แค่ตะโกนครั้งเดียวก็ทำให้ภูติระดับทาสทุกตัวสลายและระดับพลเรือนถึงกับช็อคแน่นิ่ง เหล่าองครักษ์ส่งบาเรียร์ป้องกันเหล่าพระราชาและรัฐมนตรี อินเซกระทืบเท้าอีกครั้ง นั่นก็ทำให้เหล่าพลเรือนทุกตนนอกจากเหล่าผู้นำสลายตาม เขา จะฆ่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ อินเซก่อกบฎคำสั่งเร่งด่วนให้กำจัดคนทรยศอินเซ “กำจัดมัน!กำจัดคนทรยศอินเซ”  เหล่านักรบพุ่งเข้ามาแต่ถึงจะ50 คนก็ไม่สามารถสู้อินเซนักรบเทวดาได้ ปล่อยวงแหวนพลังเพียงแค่ครั้งเดียว ก็ขาดสองท่อนไป 15 คน กระสุนพลังลูกเล็กถูกปล่อยเข้าตัดขั้วหัวใขของอีก 25 คน และใช้สันมือดาบตัดคอของที่เหลือ แต่เขายังลืมไปว่ามี 12 องครักษ์ที่มีฝีมือและเขาจะต้องสู้ในแบบ 12 ต่อ 1 เหล่า 12 องครักษ์นั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลยและยิ่งรุมกันมาทั้ง 12 คนก็ยิ่งทำให้ต่อสู้ลำบากขึ้น อินเซต้องใช้เวลาถึง 20 นาทีกว่าจะกำจัดได้หมดทั้ง 12 คนและต้องใช้ปราณมากถึงระดับ 3” มนุษย์ที่อยู่ที่นั่นตายจนเกือบหมดมีเพียงเหล่าลาเมน่าที่รอดชีวิตและมีทหารระดับนักรบคนหนึ่งโชคดีหนีรอดไปได้ เขาไปยังหมู่บ้านหลักเพื่อแจ้งข่าวกับหมู่บ้านว่ามีคนทรยศ”

          เมื่อพวกนักรบมาถึงเขาต่างกังวลว่าจะจับตัวอินเซหรือกำจัดได้ยังไงหรือพวกเขาจะต้องตายเอง “แต่เมื่อไปถึงกลับพบอินเซยืนอยู่คนเดียว ที่มือถูกล่ามไว้ด้วยกุญแจมือยันต์ที่เขาเสกไว้เอง” พลังการต่อสู้ของอินเซตอนนี้ลดเหลือ 0 พวกนักรบจึงเข้าจับกุม

                ว่ากันว่าเมื่อไปถึงเหล่านักรบต่างบอกให้อินเซอธิบายให้ฟังโดยละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นแต่คำตอบที่ได้รับมีแค่ “ที่นี่! ไม่มีมนุษย์ อยู่แม้แต่คนเดียว”