ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #88 : ตอนที่ 86 ก้าวแรก แล่นเรือตามน้ำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      49
      14 มี.ค. 64

                  “ถ้างั้นแบบนี้เรื่องของพวกเราคงวางใจได้เปลาะหนึ่งแล้วสิ ก็นึกว่าจะมีแต่ลูกบ้าซะอีก...” หญิงสาวผมทองกล่าวขึ้น เธอเดินห่างจากกลุ่มของโนอาห์พอสมควร เพราะไม่อยากจะไปสุงสิงกับการสนทนาที่ดูเอิกเกริกนั้นซักเท่าไหร่ ที่จะทำก็มีแต่การกล่าวตักเตือนในฐานะของหัวหน้าชั้นปีก็เท่านั้น

     

                “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีน่ะสิ” อารันที่เดินอยู่ข้างๆพึมพำ สร้างความสนใจให้กับเซเรน่ายิ่งนักว่าเหตุใดเพื่อนสนิทที่สุดของโนอาห์คนหนึ่งถึงกล่าวออกมาแบบนั้น

     

                “น่าแปลก...ปกติต้องเป็นนายแท้ๆที่เข้าข้างหมอนั่นได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” เซเรน่าทวนเสียงสูงขึ้นมาพลางเลิกคิ้ว

     

                “ฉันเองกลัวแค่ว่าเพือนของฉันจะเผลอตกหลุมที่ตัวเองวางเอาไว้ก็เท่านั้น” อารันตอบทีเล่นทีจริง

     

                “จะกลัวไปทำไม ในเมื่อเรามียอดนักวางแผนอย่างนายอยู่ทั้งคนไม่ใช่เหรอ คิดมากน่า” เซเรน่าพูดเสียงใส ก่อนจะเร่งสาวเท้าไปหากลุ่มพวกโนอาห์ด้วยความเร็วไว เนื่องจากคณะตลกกลุ่มนั้นเริ่มสร้างความรำคาญให้กับนักเรียนที่อยู่แถวนั้นบ้างแล้ว

     

                “ถ้าฉันตามก้าวเดินของหมอนั่นทันล่ะก็นะ...” อารันพูดขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะถอนหายใจตาม

     

                เขาคำนวณก้าวเดินได้เกือบทุกก้าวก็จริง

     

                แต่ชายผู้นั้นก็สามารถขยับก้าวเดินได้มากกว่าคนทั่วไปเช่นกัน

     

     

                    เมื่อพระอาทิตย์ลาลับของฟ้า ดวงจันทร์ก็ต้องเข้ามาแทนที่ ตอนนั้นสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดย่อมต้องเข้าสู่การนิทราเพื่อต้อนรับขับสู้เรื่องราวในวันใหม่ แต่กลับไม่ใช่กับโนอาห์ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ดาดฟ้าของหอซูซาคุ ซึ่งอาณาบริเวณค่อนข้างกว้างขวางเพราะแต่เดิมหอทั้งสี่ลักษณะของมันก็ไม่ได้แตกต่างจากป้อมปราการ ทำให้พื้นที่บริเวณหลังคามีมากตามไปด้วย

     

                แต่ยังน้อยกว่าเรื่องที่โนอาห์ต้องเผชิญในตอนนี้

     

                ถึงโนอาห์จะเก่งกล้าแค่ไหน ตัวเขาก็ยังอ่อนประสบการณ์เกินไป หรือจะพูดให้ถูกคือนิสัยรักสนุกได้แว้งกัดเจ้าตัวเข้าเสียแล้ว โนอาห์หลงนึกไปว่าชีวิตใหม่ในโลกใบนี้จะไม่วุ่นวายและง่ายดายเฉกเช่นยุทธภพที่เขาจากมา แต่ดูเหมือนว่าระยะเวลาที่เขาต้องใช้ในอิซซูมีลยังน้อยเกินไป กลับกันเรื่องลี้ลับตลอดจนเรื่องน่าปวดรายล้อมเข้ามาหาเจ้าตัวไม่เว้นแต่ละวัน

     

                ไหนจะหนทางการใช้ชีวิตที่ดูเหมือนง่ายแต่เอาเข้าจริงค่อนข้างปรับตัวลำบาก ถ้าไม่ใช่โนอาห์มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้แต่เดิมจากกการตระเวนไปมาทั่วทั้งยุทธจักร ย่อมปวดหัวมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า รวมถึงสารพัดปัญหาที่เหมือนกับนัดแนะกันมา มีตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจเนื้อหาในบทเรียน หรือเรื่องใหญ่โตอย่างที่เขาโดนปรักปรำว่าเป็นคนในคำทำนาย

     

                คำทำนายที่สะท้านขวัญผู้คนทั้งใต้หล้า

     

                เอาเข้าจริงตัวเขาเองยังรู้สึกสะท้านใจยิ่งกว่า

     

                เพราะทุกอย่างล้วนลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เนื้อหาในคำทำนายเกี่ยวดองกับเขาทุกประการ จนโนอาห์เองยังหลงคิดไปในบางจังหวะว่าเขานั้นอาจจะกลายเป็นผู้ที่ทำลายทุกสิ่งในอิซซูมีลให้มลายหายสาบสูญก็เป็นได้ แต่เมื่อเขาได้พบกับภาพวาดในห้องลับแห่งนั้น ห้วงความคิดของโนอาห์กลับต้องหมุนวนเปลี่ยนใหม่อีกสามตลบ

     

                และตลบที่สี่ได้ตามมาหาเขาถึงที่แล้ว

     

                “ดึกๆดื่นๆไม่รู้จักหลับนอน” เสียงหวานใสดังแว่วมาตามลม เจ้าของเสียงที่ว่าจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกซะจากหญิงสาวที่โนอาห์รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี ผู้หญิงที่บางทีก็เปรียบเสมือนยาพิษ บางเวลาก็ประดุจดั่งโอสถทิพย์ชั้นเลิศ

     

                ไม่ยักรู้ว่าหัวหน้าชั้นปีหนึ่งหอของเขามีงานอดิเรกแบบนี้ด้วย

     

                “กำลังพูดถึงตัวเองอยู่ใช่ไหม” โนอาห์หันหลังไปตอบกลับในทันที ก่อนจะเลิกคิ้วแปลกใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากตอนนี้เซเรน่าที่เขารู้จักดูเปลี่ยนแปลงจนแทบเหมือนคนละคน ผมสีทองที่ปกติมัดเป็นหางม้ายามนี้ถูกปล่อยยาวสยายถึงกลางหลัง ใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางน้อยกว่าทุกครั้ง เสื้อผ้าเป็นชุดนอนคลุมยาวถึงต้นขา

     

                แน่นอนว่าสิ่งที่เขาจะพูดย่อมมีเพียงอย่างเดียว

     

                “ถ้ามีหมอนมาด้วยก็เข้าคู่กันเลยนะเนี้ย ไม่เลวๆ...” ชายหนุ่มพยักหน้าไปมา ก่อนจะโดนทำตาขวางจนเจ้าตัวต้องหัวเราะฮึๆ

     

                “ที่มาอยู่ตรงนี้...เพราะนอนไม่หลับใช่ไหม” เซเรน่าเบี่ยงประเด็นไปในทันที พร้อมๆกับโนอาห์ที่แทบคงรอยยิ้มประดับใบหน้าแทบไม่ทัน ก่อนที่เขาเองจะเป็นฝ่ายยอมรับแต่โดยดี

     

                โยกโย้ไปก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา

     

                รังแต่จะง่วงกันซะเปล่าๆอีกต่างหาก

     

                “เธอก็รู้ ช่วงนี้ฉันมันป๊อปปูล่าขนาดไหน เรื่องก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา” บุรุษผมดำยักไหล่วืด เขาต้องการให้ดูขบขันมากกว่าจะมานั่งเครียด แต่ดูเหมือนว่าคู่สนทนาจะพยายามทำให้เครียดให้ได้

     

                “คนอื่นๆเป็นห่วงนายกันทั้งนั้น” หญิงสาวตอบแบบขอไปที แม้ว่าเนื้อความที่เธอพูดออกมาจะสวนทางกับท่าทีก็ตาม

     

                “รวมถึงเธอด้วยงั้นสิ” โนอาห์ฉีกยิ้มกว้าง นึกสนุกอยู่ครามครัน เสียแต่ว่าสาวเจ้าตอนนี้หันหน้าหนีชี้เดือนชี้ดาวไปเรื่อย ซึ่งมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านั้นเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะตอแยต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ดูกาลเทศะ

     

                “พรุ่งนี้แล้วไม่ใช่หรือไง...ที่มันจะครบกำหนดหกวันน่ะ” เซเรน่าที่เหมือนจะตั้งสติได้อีกครั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     

                กำหนดหกวันที่มีความสำคัญต่อตัวโนอาห์มากซะยิ่งกว่ามาก แต่เซเรน่าเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่ยืนอยู่กับเธอตอนนี้มีวิธีเอาตัวรอดอย่างไร เพราะตลอดห้าวันที่ผ่านมา นอกจากคุยกับเรื่องภาพรวมกับพวกเธอเป็นครั้งคราวตอนไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว ส่วนมากก็เห็นจะเป็นเรื่องไร้สาระหรือเรื่องธรรมดาสามัญที่ชายผู้นี้นานๆครั้งจะแสดงออกมาให้เห็น

     

                    “ฉันบอกแล้วเห็นไหม ว่าพวกนั้นต้องอยู่บนนี้แน่ๆ” อารันที่เดินขึ้นมาบนดาดฟ้าเพิ่มคนในการแย่งอากาศหายใจกล่าวขึ้นพร้อมขยับรอยยิ้ม ตามมาด้วยนิกซ์และยูกิที่เดินตามมาอยู่ห่างๆ ทำให้หนึ่งชายและหนึ่งหญิงต้องหยุดกิจวัตรของตนไปในทันที

     

                “เมื่อกี้เหมือนผมเห็นอะไรแวบๆนะครับ...” นิกซ์พึมพำกับตัวเองเบาๆ เพราะตอนที่เขาคิดมาก็เห็นโนอาห์กับเซเรน่ายืนนิ่งไม่ไหวติงโบกมือทักทายพวกเขาอย่างเก้ๆกังๆ ท่าทางแบบนั้นมันต้องมีอะไรซ่อนเร้นเอาไว้อย่างแน่นอน

     

                “ข้าก็เห็น...” ยูกิเสริมคำพูดของนิกซ์เข้าไปอีกชั้น และก่อนที่อะไรๆมันจะอยู่เหนือการควบคุม โนอาห์ก็เร่งรีบออกปากโดยเร็วไว

     

                “อะฮ้า! ขึ้นมาบนนี้คงนึกอยากมาดูดาวกันสินะ ฉันเข้าใจๆ...” เจ้าตัวแก้ต่างไปเรื่อยชนิดที่ว่าขอไปที จริงอยู่ว่ามีกฎห้ามนักเรียนอยู่นอกหอเกินเวลาที่กำหนด แต่ถ้าเป็นดาดฟ้าของหอพักนับว่าอยู่นอกกฏเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ ทำให้มีนักเรียนหลายคนมักใช้ช่องโหว่นี้ขึ้นมาสูดอากาศหายใจอยู่บ่อยๆ

     

                         และนั้นยิ่งทำให้ทุกคนไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม

     

     แต่ใช่ว่าทุกคนจะต้องทำเรื่องเดียวกันเสมอไป

     

                แต่พวกอารันเองก็ตามน้ำไปอย่างขัดขืนไม่ได้ เพราะทั้งโนอาห์และเซเรน่าต่างตรงดิ่งเข้ามาผลักพวกเขาสามคนให้ไปนั่งอยู่ตรงกลางบริเวณดาดฟ้า และถึงแม้อารันจะมีคำพูดอะไรอยู่ในใจ ก็ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้ไม่พูดออกมา เพราะว่าบางทีมันอาจจะส่งผลดีกว่าการที่เขาต้องพูดออกไปก็เป็นได้

     

                กลายเป็นว่าแทนที่จะมีโนอาห์ยืนละเมออยู่คนเดียวอย่างเปล่าเปลี่ยว จำนวนคนที่มาอาศัยบนดาดฟ้าของหอพักกลับเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ สุดท้ายเลยกลายเป็นแต่คุยเรื่องสัพเพเหระทั่วๆไป ไม่ได้เข้าสู่เนื้อหาหลักเสียเท่าไหร่ เพราะพวกเขาต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ควรเก็บแรงเอาไว้เผชิญหน้ากับอุบัติการณ์ในยามรุ่งเป็นดีที่สุด

     

                เซเรน่าเองก็ได้วางใจเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้ทุกสิ่งอย่างจะปกติราบรื่น

     

                แต่หารู้ไม่ว่าหนทางที่โนอาห์เลือกเดินกลับสร้างความประหลาดใจให้เธอขนาดไหน

     

                ความประหลาดใจที่ตัวเธอนั้นไม่ปรารถนาเลยแม้แต่น้อย

     

                   นกกาโบยบิน ดวงตะวันขึ้นฟ้า จันทราลอยลับดับสูญ เหล่าผู้คนทุกผองพากันออกมาปฏิบัติหน้าที่ของตนในยามเช้าอย่างแข็งขัน พ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายของ ทหารเวรยามออกลาดตระเวนตรวจตราความสงบเรียบร้อย และเหล่านักเรียนก็ต้องตื่นมาเพื่อรับประทานอาหารเช้าจากนั้นจึงค่อยไปเข้าเรียน

     

                มันควรจะเป็นเช่นนั้น

     

                “สวัสดีครับ” โนอาห์ที่เปิดประตูหอถึงกับต้องหยุดชะชัก ทักทายออกไปด้วยสีหน้างุนงนที่พยายามฝืนยิ้มเต็มที่ เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือกองทหารอัลเทร่าจำนวนไม่ต่ำกว่าห้าสิบ พร้อมกับคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ายืนอยู่ตรงกลางหน่วยทหารเหล่านั้น

     

                ไม่นึกว่าจะมากันได้เช้าขนาดนี้

     

                “คุณโนอาห์จะหยุด...เอ๊ะ!!” นิกซ์ที่เดินตามหลังโนอาห์ถึงกับบ่นอุบอิบ ก่อนจะแทรกตัวผ่านเพื่อนต่างโลกของตนไป จนพบเข้ากับสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

     

                นิกซ์เองถึงจะรู้ว่าโนอาห์จะต้องถูกจับกุมในวันนี้ แต่เขาเองก็ไม่นึกว่าเรื่องมันจะดำเนินไปได้เร็วถึงเพียงนี้ ในเวลาตอนเช้าช่วงที่คนยังไม่ตื่นกันดี คงเป็นเพราะป้องกันเหตุวุ่นวาย ถึงกระนั้นก็ยังมีนักเรียนหลายคนมามุงดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างสนอกสนใจ

     

                “ถ้าข้าไม่แนะนำตัวคงเป็นการเสียมารยาท ข้า...เซอร์โทมัส หลุยส์ ได้รับมอบหมายมาจับกุมตัว โนอาห์ อิคารอส ในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง” เสียงประกาศดังลั่นสนั่นไปทั่วบริเวณ เรียกเสียงฮือฮาจากนักเรียนที่มุงดูได้ไม่น้อย และแน่นอนว่าเสียงนั้นย่อมดังมาถึงข้างในหอ จนเป็นเหตุให้เพื่อนร่วมชั้นของโนอาห์หลายคนถึงกับหูผึ่งบึ่งออกมาข้างนอกด้วยความเร็วไวเป็นอย่างยิ่ง

     

                ข้อหาที่ดูยังไงก็เป็นเพียงข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยเหลือคณา

     

                แต่กระนั้นพวกเขาเองก็ใช่ว่าจะหาหลักฐานอื่นไปโต้แย้งได้

     

                “ต้องไปตอนนี้เลยหรือเปล่า...” โนอาห์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะถามเซอร์โทมัสไปตรงๆ

     

                “ถูกต้อง ช้ากว่านี้เบื้องบนจะเล่นงานข้าได้” เซอร์โทมัสตอบกลับ เขาเองก็ไม่อยากจะรับหน้าที่นี้เท่าไหร่นัก แต่ว่าตอนนี้นายทหารชั้นสูงในอัลเทร่าเหลือน้อยซะยิ่งกว่าน้อย เขาเองก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวเลือกที่เหลืออยู่ อีกทั้งแต่เดิมแล้วเซอร์โทมัสก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเรื่องคนในคำทำนายนั้นเสียเท่าไหร่เป็นทุนเดิม

     

                แต่หน้าที่ย่อมต้องอยู่เหนือความรู้สึกส่วนตัว

     

                หลักปฏิบัติที่ทหารทุกคนต่างท่องจำเอาไว้เป็นอย่างดี

     

                “เดี๋ยวสิ!! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เสียงแหลมเล็กดังมาจากภายในหอ ก่อนที่จะปรากฏตัวคนพูดซึ่งก็คือเซเรน่าที่กำลังฝ่าฝูงเพื่อนในชั้นปีที่กำลังมีสีหน้างุนงงอย่างบอกไม่ถูก พร้อมกับอารันและยูกิที่เดินตามหลังมาด้วยสีหน้าเนือยๆ

     

                เหมือนพยายามจะบอกพวกเขานั้นได้รั้งเธอไว้อย่างสุดความสามารถแล้ว

     

                แต่ผลมันก็ออกมาอย่างที่เห็น

     

                “ท่านเซเรน่านี่เอง รู้สึกว่าเด็กสาวเอาแต่ใจคนนั้น...บัดนี้ได้เติบใหญ่ขึ้นซะที ท่านเวลเบอร์คงจะภูมิใจ” เซอร์โทมัสเอ่ยทักทายด้วยความนอบน้อม ประหนึ่งว่ารู้จักกับเซเรน่ามาก่อน ด้านหญิงสาวเองก็พยักหน้ารับหนึ่งครั้งอย่างเร่งรีบ เพราะพันธกิจของเธอในตอนนี้สำคัญกว่ามาก

     

                “เซเรน่า หวังว่าที่เธอบึ่งออกมานี่คงไม่ได้จะทำเรื่องบ้าๆสินะ” โนอาห์ยิ้มเจื่อนหันไปหาหญิงสาวที่บัดนี้จริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เธอไม่ได้คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเส้นสายจะช่วยโนอาห์ได้ในตอนนี้ แต่เซเรน่าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรีบเร่งออกมาถึงขนาดนั้น

     

                ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ

     

                เหมือนกับคนอื่นที่ไม่เข้าใจการกระทำของเซเรน่าเลยแม้แต่น้อย

     

                บางทีเธอเองอาจจะติดเชื้อประหลาดมาจากโนอาห์บ้างแล้ว

     

                “นายนั้นแหละที่ต้องทำอะไรซักอย่าง” เซเรน่าหันไปพูดกับโนอาห์ น้ำเสียงส่อถึงความไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย คนฟังได้แต่เลิกคิ้วชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

     

                “ไม่ต้องให้เธอมาบอกหรอก มันเป็นเรื่องที่ฉันต้องทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง” โนอาห์ยิ้มร่าให้กับหญิงสาว รวมถึงเพื่อนคนอื่นๆด้วยเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่ต่อให้คนที่โง่ที่สุดในโลกยังรู้ว่าภายในใจของพวกเขากำลังรู้สึกถึงสิ่งใดอยู่

     

                โนอาห์เองก็กำลังผจญกับความขัดแย้งภายในจิดใจอยู่เช่นกัน

     

                ตอนนั้นเองทั้งเซเรน่าและคนอื่นๆต่างพากันยิ้มออกอย่างมีความหวัง จะมีแต่คนบางคนเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าเรียบเฉยประหนึ่งไม่ได้เป็นเรื่องสลักสำคัญอะไร แต่นั้นก็เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีใบหน้าแบบนั้นอยู่แล้วตั้งแต่แรก จะมีเพียงคนหนึ่งเท่านั้นที่แสดงสีหน้าแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด

     

                      คนที่เป็นเพื่อนสนิทกับโนอาห์มากที่สุด

     

                อารัน อลันเทียร์

              

           “ไปกันเถอะ” โนอาห์เอ่ยเสียงใจ ในขณะที่คนอื่นๆได้แต่ทวนหูเตรียมรับฟังใหม่ เนื่องจากไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อซักครู่นั้นพวกตนได้ยินอะไรกันแน่

     

                “เอ้า! ยังยืนนิ่งอยู่ เดี๋ยวท่านก็โดนพวกเบื้องบนเล่นเอาไม่ใช่เหรอไง ไปเร็วๆเข้าสิ นักเรียนคนอื่นๆจะได้ไปกินข้าวเช้ากันได้ซักที มายืนดูแบบนี้เสียเวลาตายชัก" โนอาห์ยักคิ้วหลิ่วตาก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างเซอร์โทมัสอย่างรู้งาน ท่ามกลางใบหน้างงงวยของคนทุกผู้ไม่เว้นแม้กระทั่งฝ่ายจับกุม ที่ไม่ได้คาดการณ์มาก่อนเลยว่าเรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนี้

     

                “ทหาร ใส่กุญแจมือเขาไว้” เซอร์โทมัสที่เหมือนตั้งสติได้ก่อนใครออกคำสั่งกับลูกน้องคนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด ทหารสองคนเดินออกมาพร้อมกับกุญแจมือสลักตราเวทอย่างดี เพื่อเป็นหลักประกันว่าโนอาห์จะไม่สามารถใช้เวทมนตร์เพื่อหลบหนีไปไหนได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี

     

                และนั้นยิ่งทำให้ทุกคนไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม

     

     

                “นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่น่ะหา!!” เซเรน่าร้องเสียงหลงขึ้นมาเป็นคนแรก สมองหมุนติ้วเหมือนกำลังตกจากที่สูง ในหัวเธอไม่มีสิ่งใดพอจะประคับประคองสติได้อีกต่อไป ใบหน้าร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

     

                “ก็มอบตัวไงถามแปลกๆ ใครจะบ้าไปเป็นศัตรูกับคนทั้งแผ่นดินล่ะจริงไหม อีกอย่าง...” โนอาห์พูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า ก่อนจะเว้นวรรคไปชั่วครู่ และเอ่ยประโยคถัดไปราวกับเสียงกระซิบ

     

                เสียงกระซิบที่หวังว่าใครซักคนจะได้ยินและเข้าใจ

     

                เช่นเดียวกับใครบางคนที่หวังว่าจะเข้าใจในความนัยที่โนอาห์สื่อออกมา

     

                “ยังไงก็เถอะ พวกนั้นคงยังไม่กล้าโยนฉันขึ้นเขียงในเร็ววันนี้หรอก จะมาเยี่ยมก็เร็วๆนักล่ะ อ้อ! มีของมาฝากด้วยก็ดีนะ จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งเลย” เจ้าตัวดียังคงขยับปากเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเซอร์โทมัสก็ได้ออกคำสั่งให้กองทหารของตนรีบเคลื่อนย้ายนักโทษออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้โดยทันที

     

                โดยที่ใครหลายๆคนได้แต่มองอยู่เฉยๆ

     

                ทำได้แค่ยืนมองเพียงเท่านั้น

     

                “หมอนั่นเป็นบ้าไปแล้วหรือไง...” เซเรน่าพึมพำเบาๆ ไม่เข้าใจแม้แต่นิดว่าชายที่ชื่อโนอาห์กำลังคิดอะไรอยู่ และต้องการสิ่งใดกันแน่

     

                “ถ้างั้นสิ่งที่เราต้องทำก็แค่คิดให้บ้าไปกว่ามันก็เท่านั้น” อารันที่บัดนี้เดินมาขนาบข้างเซเรน่าแย้มรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มที่สื่อให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างที่สุด

     

                เพราะช่วงเวลาที่พวกเขาสองคนได้รอคอยมานานเนิ่นได้ดำเนินมาถึงจุดเริ่มต้นแล้ว

     

                จุดเริ่มต้นที่จะพลิกกระดานอีกครั้ง

     

     

     

     

                “เขาโดนเอาตัวไปแล้ว” ชายสวมฮู้ดผู้หนึ่งพูดขึ้น เขาได้ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมหนึ่งในปราสาทอวาลอน พร้อมกับชายอีกคนที่แต่งกายในลักษณะใกล้เคียงกัน ต่างกันแค่สีผ้าคลุมที่เป็นสีขาว ในขณะที่สีผ้าคลุมของเขาเป็นสีดำ

     

                “ต้องบอกว่าเขายอมไปเองไม่ใช่หรือไง” ชายในชุดคลุมสีขาวหัวเราะออกมาเบาๆ

     

                “ถ้างั้นเรื่องทั้งหมดก็ยังอยู่ในการคาดการณ์ของคนผู้นั้นงั้นสิ” บุรุษในชุดคลุมสีดำหัวเราะในลำคอ

     

                “ทุกสิ่งยังคงเวียนว่ายอยู่ในบ่อน้ำของชายตกปลา” คนสวมชุดคลุมสีขาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ปกปิดความดีใจเอาไว้ไม่มิด

     

                ความดีใจที่ทุกสิ่งอย่างกำลังไปเป็นตามที่พวกเขาคิดเอาไว้

     

                “แต่หลังจากนี้ยังคงต้องพึ่งสติปัญญาของท่าน” ชายในชุดคลุมสีขาวหันไปบอกสหายของตนที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

                “ภูมิปัญญาของข้ายังจำเป็นอีกหรือไงเมื่อเรามีนักตกปลาอยู่แล้วทั้งคน” เขาสวนกลับทันควัน แต่แท้จริงแล้วเขาก็แค่หยอกไปเล่นๆ จุดประสงค์ที่เพื่อนของเขาพูดออกมานั้น เขาเองย่อมกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ

     

                “ในหมู่พวกเราทั้งหมด ไม่มีใครชักเรือให้แล่นตามน้ำเก่งไปมากกว่าท่าน” ชายในชุดคลุมสีขาวพูดขึ้น ถึงแม้จะมีฮู้ดปิดบังใบหน้าอยู่แต่ลำพังฟังจากน้ำเสียงก็รับรู้ได้แล้วว่าสีหน้าของเขานั้นกำลังเบิกบานอยู่ในระดับใด

     

                ระดับที่เรียกว่าโบยบิน

     

                เพราะราชาเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาพวกเขาทั้งเจ็ด

     

                กำลังจะได้ออกโรงแล้ว

     

     

    น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ยลโฉมศูนย์กลางการปกครองของทวีปไอช่า ถ้านับในด้านนี้เพียงด้านเดียว โนอาห์เองถือว่าโชคดีอย่างมหาศาล แต่ถ้ามองในภาพรวมก็นับได้ว่าชีวิตบัดซบอย่างอเนจอนาถ ที่ต้องตกระกำลำบากข้ามภพภูมิมายังอีกโลกหนึ่ง ซ้ำร้ายยังต้องข้อหาที่เรียกได้ว่าหนักหนามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของอิซซูมีล

     

                ถ้าเป็นคนอื่นคงอกสั่นขวัญผวาตายกันไปข้าง

     

                “นี่ๆ แล้วผมต้องทำอะไรบ้างเหรอ” โนอาห์เอ่ยถามเซอร์โทมัสพร้อมทหารคุ้มกันนักโทษยาวเป็นขบบวน ยังดีที่โรงเรียนอวาลอนกับปราสาทคัลเดียนั้นอยู่ใกล้กัน หาไม่แล้วคงได้เป็นเป้าสายตาจากประชาชนทั่วทั้งมุมเมืองเป็นแน่แท้

     

                โนอาห์คิดว่ามาตรการที่เอาไว้ใช้กับนักโทษของที่นี้ดูแปลกๆค่อนไปทางพิลึก นอกจากจะไม่ปิดปากจนตัวเขาเองได้โอกาสพูดแบบเมื่อซักครู่นี้แล้ว ก็ไม่มีทหารคนใดปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงนักโทษแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าเส้นสายครั้งสุดท้ายของเซเรน่าจะสัมแดงฤทธิ์ผล หรือเพราะธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี้มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วก็ตาม สุดท้ายผลประโยชน์แทบทั้งหมดล้วนตกมาอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว

     

                “ข้ามาส่งเจ้าได้เท่านี้” เซอร์โทมัสหยุดชะงักหันมาบอกโนอาห์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง นักโทษหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตนยืนอยู่ ณ ที่แห่งไหน

     

                คงมัวแต่คิดมากเกินไป

     

                ประตูขนาดใหญ่พอๆกับคนห้าคนเรียงตัวต่อกันตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าโนอาห์ ลวดลายถูกสลักอย่างวิจิตรด้วยเพรชนิลจินดา โนอาห์จะรู้สึกแปลกใจมากกว่านี้หากไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าประตูบานนี้ตั้งอยู่ในพระราชวังที่ใหญ่โตที่สุดในไอช่ายุคสมัยปัจจุบัน ศูนย์รวมอำนาจการปกครองของดินแดนแห่งมนตรา ที่หลับอาศัยของเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ตลอดจนสถานที่สำหรับเอาไว้ปรึกษาหารือระดับภูมิภาค

     

                พระราชวังคัลเดีย ชื่อนั้นหยิบยืมมาจากชื่อราชวงศ์อีกต่อหนึ่ง

     

                “ถ้างั้นก็ขอให้ท่านโชคดี” โนอาห์ก้มหัวส่งท้ายให้กับคนที่คุมตัวเขามาตั้งแต่แรก พร้อมๆกับเซอร์โทมัสที่เดินมาปลดกุญแจมือสลักเวทในมือของเขาออก สร้างความประหลาดให้กับโนอาห์อยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะยังไงซะสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นสำคัญกว่าหลายเท่านัก

     

                “เข้าไปในนั้นมีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน” เซอร์โทมัสชี้แจงโดยไม่ต้องรอคำถาม โนอาห์พยักหน้าเข้าใจสองสามครั้งก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด และเดินเข้าไปหมายจะเปิดประตูบานยักษ์ตรงหน้า แต่ก็พบว่ามันเป็นประตูลงอาคม เนื่องจากมันขยับเองได้โดยที่เขาไม่ต้องลงมือเปิดเสียด้วยซ้ำ

     

                ก็ถือว่าประหยัดแรงไปได้เยอะ

     

                ชายหนุ่มยิ้มละไมก่อนจะเดินเข้าไปตรงๆอย่างไม่กลัวเกรง ภาพแรกที่เขาเห็นคือท้องพระโรงอันงดงามตระการตากว่าประตูบานนั้นหลายเท่านัก ขุนนางทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายการทหารส่วนหนึ่งยืนขนาบอยู่สองข้างทาง ในขณะที่ตรงกลางห้องสี่เหลี่ยมกว้างมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บัลลังค์

     

                บัลลังค์ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับปุถุชนคนทั่วไป

     

                แต่มีไว้เพื่อคนที่สูงศักดิ์ยิ่งกว่านั้น

     

                “อยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ ยังไม่ทำความเคารพอีก!” ขุนนางผู้หนึ่งตะโกนดังลั่น โนอาห์ตวัดสายตามองไปทางต้นเสียง พลางลองส่งสายตาเย็นยะเยือกเข้าหาแทนคำพูด และนั้นเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ขุนนางผู้นั้นไม่เพียงแต่จะทำตัวไม่ถูก พูดไม่ออก ทั่วทั้งท้องพระโรงแห่งนี้ยังถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบที่ใครบางคนสร้างขึ้นมาภายในเวลาชั่วอึดใจ

      และมันก็ถูกทำลายลงได้ชั่วอึดใจเช่นเดียวกัน

     

    ประกาศ

     

    รีไรท์ตอนที่สองเรียบร้อยแล้วครับ เชิญไปอ่านกันได้ตามสะดวก~

    สำหรับการรีไรท์นั้น ถ้าเป็นไปได้ผมจะลงให้ได้วันละหนึ่งตอนเช่นเดียวกับตอนใหม่นะครับ

    แต่ถ้าไม่ได้ ก็คงต้องเลือกแล้วล่ะสำหรับผม ฮ่ะๆ

    ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ครับ ขอรับรองว่าจะทำให้นิยายเรื่องนี้ดีงามยิ่งๆขึ้นไปอีก

     

     

                 

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×