ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #75 : ตอนที่ 73 เคว้งคว้าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.51K
      63
      20 เม.ย. 64

         

     

     

     

     

     

                “ท่านไม่ได้บอกข้าว่ามันจะเป็นแบบนี้!!” โรสแมรี่สบถขึ้นอย่างหัวเสียใส่ผู้เป็นนายของตน ผู้ซึ่งยังคงนั่งยิ้มอย่างสบายใจอยู่บนเก้าอี้นวมตัวโปรด

     

                ไม่เคยเลยที่เธอจะรู้สึกหัวเสียกับหัวหน้าเท่าเรื่องในวันนี้

     

                และเธอรู้ดีว่าไรเซลเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเธอ

     

                เพียงแต่คนผู้นั้นฉลาดเกินกว่าที่จะพูดออกมา

     

                “เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือไงว่าภายในวันนี้พวกเราประสบความเร็จถึงขั้นไหน อีกอย่างเจ้าต้องขอบคุณข้าถึงจะถูก ที่ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้” ชาร์ลพูดกลั้วยิ้ม ไม่ใส่ทีท่าโกรธเคืองของลูกน้องตนซักเท่าไหร่

     

                “ข้าเอาตัวรอดเองได้” โรสแมรี่ตอบกลับทันควัน

     

                “จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ” ชาร์ลสวนกลับด้วยรอยยิ้มที่คาดเดาอารมณ์ได้ยาก

     

                โรสแมรี่พลันชะงักไปชั่วครู่

     

                เป็นความจริงที่ยอมรับได้ยากว่าฝีมือของเธอกับนักเรียนหญิงคนนั้นสูสีกันวัดผลได้ยาก ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่สามารถทำให้เธอล้มลงได้ ทว่าเธอเองก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนได้เช่นกัน จะตัดสินกันให้รู้ผลมีเพียงทางเดียวก็คือเข้าแลกกันถึงชีวิต

     

                แน่นอนว่าเธอขอไม่เลือกทางนั้น

     

                แต่เจ้าเด็กประหลาดที่สู้กับไรเซลนั้นแทบจะเป็นคนละเรื่อง

     

                ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกันมา โรสแมรี่ยังไม่เคยเห็นไรเซลอยู่ในสภาพสิ้นท่าขนาดนั้นมาก่อน เธอรู้ดีว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่เกินกว่าจะมียอดฝีมือเพียงหลักสิบ แต่เธอเองก็คาดไม่ถึงอย่างเด็ดขาดว่าจะมีคนอายุรุ่นนั้นที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถถึงขนาดกดดันไรเซลจนแทบเอาชีวิตไม่รอด

     

                “จะยังไงก็ตามแต่ ข้าต้องขอแนะนำสมาชิกใหม่ในหน่วยของเราให้รู้จัก จริงอยู่ที่นับตามศักดิ์พวกเจ้าถือว่าเป็นผู้อาวุโส แต่เชื่อข้าเถอะ...ว่าพวกเจ้าไม่อยากแหยมกับคนๆนั้น” ชาร์ลพูดขึ้น ถึงเวลาเสียทีที่เขาต้องแนะนำตัวหมากสำคัญในวันนี้ให้ลูกน้องทั้งสองรู้จักมักคุ้น

     

                เจ้าของผลงานอันยอดเยี่ยมที่ยากจะหาใครในแผ่นดินเทียมทัน

     

                เพราะว่านานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าลงมือกับคนในเขตปราสาทหลังนั้น

     

                “แล้วไหนล่ะคนที่ท่านว่า” โรสแมรี่เลิกคิ้วออกมาด้วยความสนอกสนใจ อยากรู้นักว่าสมาชิกใหม่ของหน่วยจะเป็นคนแบบไหน

     

                “เขาอยู่ในห้องนี้ตลอดเวลา...ใช่ไหมหรือนายท่าน” ไรเซลตอบแทนชาร์ลที่ผงกหัวขอบคุณเล็กน้อย ก่อนจะผายมือไปทางมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งปรากฏชายร่างสูงผู้หนึ่งยืนพิงกำแพงด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม เรือนผมสีดำจัดไม่เป็นทรง ที่ใบหน้ามีแผลเป็นพาดผ่านดวงตาสีทับทิม รูปร่างกำยำสมส่วน เขาผู้นั้นแสดงท่าทีออกมาว่าไม่ต้องการพูดจากับใคร

     

            

     

                       “เขาอยู่ในห้องนี้ตลอดเวลา...ใช่ไหมหรือนายท่าน” ไรเซลตอบแทนชาร์ลที่ผงกหัวขอบคุณเล็กน้อย ก่อนจะผายมือไปทางมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งปรากฏชายร่างสูงผู้หนึ่งยืนพิงกำแพงด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม เรือนผมสีดำจัดไม่เป็นทรง ที่ใบหน้ามีแผลเป็นพาดผ่านดวงตาสีทับทิม รูปร่างกำยำสมส่วน เขาผู้นั้นแสดงท่าทีออกมาว่าไม่ต้องการพูดจากับใคร

     

                “ซิกม่า ควอเตอร์” ชาร์ลกล่าวแนะนำตัวแทนชายผู้นั้นด้วยรอยยิ้ม

     

                ถ้าอีกฝ่ายมีแผนการสำรองมาเกื้อหนุนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้

     

                ฝ่ายเขาก็ยังมีตัวหมากตัวใหม่ที่พร้อมจะกระโจนเข้ามาสู่สนามรบแห่งนี้ได้ทุกเมื่อ

     

            สถานการณ์ทางตอนเหนือของทวีปไอช่าดำเนินด้วยความราบเรียบ หลังจากมีการปะทะโดยบังเอิญระหว่างฝ่ายทหารจากอัลเทร่าและกองกำลังปริศนา หลายวันที่ผ่านมาความคืบหน้าเรียกได้ว่าผายลม ภายในเขตอาคมทุกสิ่งอย่างยังคงถูกจัดแจงเหมือนเดิมอย่างที่มันควรจะเป็น

     

                แต่นั้นก็แค่ในสายตาคนภายนอก

     

                หรือพูดให้ถูกก็คือข้อมูลสำหรับข่าวสารที่คนอื่นๆได้รับ

     

                ในยามนี้ทุกหน่วยทัพที่ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายล้วนเร่งรีบกันเสียยกใหญ่ แม่ทัพนายกองคอยควบคุมสั่งการทหารชั้นผู้น้อย ทหารชั้นผู้คนทุกผู้นามเร่งจัดการภารกิจที่ตนได้รับคำสั่ง แม้จะดูวุ่นวายในตัวบริบท แต่ก็ยังนับว่าน่าทึ่งที่พวกเขาเหล่านั้นยังคงความเป็นระเบียบเรียบร้อยเอาไว้ได้ทุกระเบียดนิ้ว

     

                “ว่าไงพวกท่านทั้งหลาย รู้สึกช่วงที่ฉันไม่อยู่เนี้ย อะไรๆมันดูวุ่นวายขึ้นเยอะเลยนะ” ชายวัยกลางคนนายหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆจุดที่แม่ทัพระดับสูงหลายคนกำลังประชุมแผนหารือกัน น่าแปลกที่ไม่เพียงถูกขับไล่จากทหารอารักขาที่รายล้อมอยู่รอบๆ แม่ทัพทั้งหมดที่ประชุมกันถึงกับหันหน้ามองที่เขาเป็นทางเดียว

     

                มองบุคคลผู้ที่ช่วยเหลือวิกฤตทางตอนเหนือได้อย่างมหาศาล

     

                “วันนี้มันวันอะไรท่านก็น่าจะรู้ดีที่สุด ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆที่ทำให้พวกเราก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ท่านเซโน่” โจเซฟที่รวมอยู่ในกลุ่มแม่ทัพระดับสูงโค้งคำนับเขานิดๆ เป็นความจริงที่น่าเหลือเชื่อว่าการปรากฏตัวของคนสามคนจะทำให้ทุกสิ่งรุดหน้ามาได้ถึงเพียงนี้

     

                “ไม่ต้องมากพิธีนักหรอก ถึงพวกฉันไม่บังเอิญโผล่เข้ามาในข่ายมนตร์ พวกท่านย่อมหาทางออกเองได้อยู่แล้ว สิ่งที่ฉันทำกับเจ้าลูกศิษย์ไม่ได้ความสองคนนั้นทำก็แค่ช่วยส่งเรือให้ไปถึงฝั่ง มันก็เท่านั้น” เซโน่ยักไหล่วืด ไม่เพียงรับหน้ามาไว้ที่ตนเพียงผู้เดียว ยังผลักดันความดีความชอบไปให้คนอื่นๆได้อีก

     

                เพราะแบบนี้เซโน่ถึงเอาชีวิตรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน

     

                สิ่งที่เซโน่คอยผลักดันจะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเป็นเรื่องยิบย่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย ในขั้นต้นเซโน่ได้ลงความเห็นกับโจเซฟซึ่งเป็นแม่ทัพที่มีอำนาจสูงสุดในค่ายแถบนี้ว่าควรประชุมหารือกับแม่ทัพนายกองทุกคนที่อยู่บริเวณชายแดนข่ายมนตร์ แน่นอนว่าผลที่ได้ออกมาดีจนแทบคาดไม่ถึง นอกจากจะเป็นการยึดหลักที่ว่าช่วยกันคิดหลายหัวย่อมดีกว่าคนไม่กี่คนแล้ว ยังทำให้พวกเขาทั้งหมดรับรู้ความจริงที่น่าทึ่งเพิ่มไปอีกหนึ่งอย่าง

     

                     “ไปรอบนี้ท่านได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้างล่ะ” แม่ทัพคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น หลังจากพอทราบมาว่าที่อาจารย์วัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้มาร่วมประชุมกับพวกตนก็เพราะออกไปตรวจตราบริเวณรอบนอก ยิ่งในการประชุมที่มีความสำคัญถึงขนาดนี้

     

                ต้องเป็นเหตุผลอะไรซักอย่างที่เซโน่ให้ความสำคัญมากพอดู

     

                และดูเหมือนจะมากผิดปกติเสียจนพวกเขาเริ่มกังวลอยู่ในใจ

     

                “เลวร้ายกว่าที่คิดเอาไว้ในตอนแรก ขอบเขตข่ายเวทมนตร์มันขยายออกไปถี่ยิบขึ้นมาก คาดว่าคงจะทวีขึ้นอีกในกาลถัดไป” เซโน่เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะก้าวเข้ามาชี้จุดในแผนที่อย่างถือสิทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครทัดทานแต่อย่างใด

     

                มีความก้าวหน้าก็ย่อมพ่วงมากับปัญหาตลอดจนอุปสรรค

     

                และปัญหาที่ว่านั้นก็ว่าด้วยคำสั้นๆไม่ถึงประโยค

     

                ข่ายมนตร์มันขยายตัวเองได้

     

                ผลพวงจากการประชุมของแม่ทัพในวันแรกที่พวกเซโน่ย่างเท้าเข้ามาในข่ายมนตร์ คือข้อมูลที่รู้แจ้งเป็นที่ตรงกันว่าข่ายมนตร์เริ่มทำการขยายตัวอย่างช้าๆตั้งแต่วันแรกที่มันปรากฏขึ้นมา ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม หน่วยม้าเร็วก็รีบแจ้งไปให้ทางศูนย์กลางเมือนตอนเหนือของไอช่า โยฮันให้รับทราบทันที และหลังจากนั้นเองทุกอย่างก็เหมือนกับว่าทวีความเคร่งเครียดขึ้นไปอีกระดับ จอมเวทมากหน้าหลายตารวมถึงกองกำลังอีกหลายหน่วยทัพเคลื่อนที่เข้ามาสบทบแทบจะในทันที

     

                “แต่ข้าว่ามันอาจลามไปไกลกว่านี้ถ้าไม่ได้ยอดคนทั้งสองกับกำลังคนจากอวาลอนคอยยันไว้ที่ด้านนอกในอีกทางหนึ่ง” จอมเวทชั้นสูงคนหนึ่งซึ่งทางโยฮันส่งตัวมาแย้มรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก พลางลูบเคราของตนช้าๆ

     

                นี่นับว่าเป็นผลพวงอย่างที่สองที่ได้หลังจากการประชุมแม่ทัพในครั้งนั้น

     

                พวกเขาทั้งหมดลงความเป็นเสียงเดียวกันว่าควรจะให้ทหารทั้งหมดยืนเรียงกันให้แน่นขนัดไปทั่วชายแดน ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ดูไร้สาระ แต่ว่ามันกลับได้ผลจริง ทันทีที่ข่ายมนตร์ด้านหนึ่งถูกเปิดออกอีกครั้ง ซึ่งขนาดดูจะมากกว่าของเซโน่เกือบห้าเท่า ทหารนายหนึ่งพุ่งเข้ามาตรวจตรา จนได้พบกับกองทหารที่ยืนเรียงรายพร้อมกับชูป้ายที่เขียนข้อความอธิบายเสร็จสรรพ แต่ไม่ครั้นจะรอให้ทหารนายนั้นอ่านจบ กลับขว้างออกไปด้านนอกข่ายมนตร์ที่ยังเปิดอยู่จนหลุดไปอีกด้านหนึ่งอย่างง่ายดาย

     

                แน่นอนว่าถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถเล็ดรอดข่ายมนตร์เป็นครั้งที่สองได้

     

                แต่ถ้าเป็นสิ่งไม่มีชิวิตอย่างกระดาษหรือกระดานไม้ก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง

     

                นับแต่นั้นกองทัพทั้งสองฟากก็ใช้วิธีนี้สื่อสารติดต่อกันมาโดยตลอด แม้ว่าจะดูสิ้นเปลืองมานาในการแหวกข่ายมนตร์ไปบ้าง แต่เพราะคนทำหน้าที่เป็นถึงแม่ทัพมนตราลำดับที่สี่ เรื่องยุ่งยากก็เลยดูเป็นเรื่องง่ายๆในบันดล

     

                “แล้วลูกศิษย์ของท่านสองคนนั้นล่ะ ไปไหนเสียแล้ว” แม่ทัพผู้หนึ่งเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะปกติพวกเขาสามคนมักจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาตลอดเวลา

     

                “พอดีไปทำธุระอะไรบางอย่างนิดหน่อย อีกไม่นานก็คงกลับ” เซโน่หันไปตอบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามความคืบหน้าบ้าง

     

                “ทางโยฮันได้ส่งข่าวอะไรมาบ้างหรือเปล่า: เซโน่หันไปพูดกับโจเซฟที่อยู่ใกล้ที่สุด ทว่าสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แผนที่ตรงกลางวงเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง

     

                “ถึงท่านวิลเลี่ยมจะไม่สามารถมาที่นี่ได้ด้วยตัวเอง แต่ก็เป็นเพราะท่านออกคำสั่งเองเรื่องของเราเลยง่ายดายขึ้นเป็นกอง” โจเซฟยิ้มบางที่มุมปาก น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความชื่นชมกษัตริย์แดนเหนือด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง เซโน่ที่ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับช้าๆ

     

                ดูเหมือนอะไรๆจะดูง่ายดายไปซะทั้งหมด

     

                แต่มันยังมีอะไรบางอย่างที่คอยขัดเขาอยู่ในใจตลอดเวลา

     

                อะไรบางอย่างที่เซโน่เองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าคือสิ่งใดกันแน่

     

                “แต่ท่านมั่นใจแล้วหรือว่าจะไม่ส่งข้อมูลจริงของที่นี่ไปให้กับทางเมืองหลวง”  แม่ทัพนายหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงส่อถึงความกังวลที่เกาะกุมภายในจิตใจของเขา

     

                “แน่ซะยิ่งกว่าแน่ พวกท่านเองก็น่าจะรู้ดีว่าข่าวที่เราส่งไปอาจจะผ่านมือใครบางคนก่อนถึงอัลเทร่าก็เป็นได้ ป้องกันเอาไว้ไม่เสียหาย” เซโน่ยักไหล่คล้ายจะย้ำเตือนใครบางคนให้เข้าใจ

     

                ในความเป็นจริงแล้วถ้าจะส่งข้อมูลจากข้างในข่ายมนตร์ไปข้างนอกนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี เหมือนอย่างที่พวกเซโน่เลือกใช้การโยนแผ่นป้าย ทว่าทางด้านใดเขตมนตร์เองก็มีความคิดบางอย่างในหัวข้อที่ว่าไม่ควรจะแพร่ข่าวจริงออกไป เช่นเดียวกับกองทัพที่นำโดยแม่ทัพมนตราทั้งสองคนก็คิดอ่านในแนวทางนั้น ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ข่าวสารที่หลุดรอยไปมีเพียงแต่ข้อมูลจิปาถะค่อนไปทางไร้สาระ

     

                และดูเหมือนการควบคุมข่าวสารนั้นจะมีคนผู้หนึ่งทำหน้าที่ได้ดีเสียเหลือเกิน

     

                ดีถึงขนาดที่ว่าแม้แต่อารันยังไม่อาจรับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทางตอนเหนือได้ทั้งหมด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×