ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #198 : มีเรื่องต้องคุยกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 458
      39
      15 ก.พ. 64

        

              

                ผลปรากฏว่าปฏิกิริยาตอบรับค่อนข้างน่าผิดหวัง สำหรับอารันนั้นต้องยอมรับว่าตกใจโดยแท้จริง ตอนแรกเขาคิดเพียงว่านิกซ์โดนปิศาจสิงสู่ แต่สำหรับตัวตนที่แท้จริงของปิศาจตนนั้น อารันไม่ได้คาดคิดไว้เลยซักนิดว่าปิศาจตนนั้นจะเป็นอเมมอน ปิศาจในหมู่ปิศาจ หรือกระทั่งในหมู่จอมปิศาจด้วยกันเองก็ยังถือว่าโดดเด่นกว่าผู้ใด

                ในทางกลับกัน โนอาห์หรือชื่อจริงก็คือชิวหลง เจ้าของฉายาเมฆาพิสดารที่เคยสร้างความงุนงงมาแล้วทั้งใต้หล้า กับหลี่เจิ้งหมินยอดฝีมือที่ยุทธภพเรียกขานว่าจอมปราชญ์ นอกจากสติปัญญาจะสูงส่งประดุจเทพยดาแล้ว ในเรื่องของวรยุทธ์ยิ่งร้ายกาจเหนือสามัญ สองคนนี้ไม่ได้จะบอกว่าตกใจก็ตกใจ หรือจะบอกว่าเฉยๆก็ใช่อีก

                เหตุผลนั้นก็ง่ายๆไม่มีอะไรมากมายนัก...

                “อเมมอน...ฉันนึกว่าเจ้าหมอนี่จะไม่มีชื่อซะอีก!!” โนอาห์หันไปถามอารัน สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยถึงขีดสุด อีกทั้งยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงความตอแหลไม่ว่าจะจากสีหน้าหรือแววตา หรือก็คือเขานั้นได้เผยความจริงในใจออกมาแล้ว

                หลี่เจิ้งหมินเองก็ไม่น้อยหน้า ประสานมือยกคารวะประหลกๆ “นับถือๆ...”

                แน่นอนว่าปฏิกิริยาตอบกลับเช่นนี้ ฝ่ายที่งุนงงย่อมต้องเป็นอเมมอน ในช่วงเวลานั้นแทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่อเมมอนไม่รู้สึกถึงสติของตัวเอง ไม่มีชื่อ...เจ้าคนไม่รู้จักรักตัวกลัวตายผู้นี้มันเอาอะไรมาคิดว่ามันเป็นเพียงปิศาจโนเนม แล้วน่านับถือนี่คืออะไร กำลังล้อเลียนตนอยู่ใช่หรือไม่!!

                แน่นอนว่าการที่อเมมอนก้าวล่วงมาถึงจุดนี้ การควบคุมสติย่อมเก่งกาจไม่ธรรมดา อีกทั้งเหมือนจอมปิศาจจะพึ่งตระหนักได้ถึงฐานะของบุรุษหน้ามึนสองคนนี้ พวกเขาจะไม่รู้จักอเมมอนก็ไม่น่าแปลก ในเมื่อทั้งโนอาห์และหลี่เจิ้งหมินเองต่างไม่ได้มีพื้นเพอยู่ที่โลกใบนี้ตั้งแต่แรก

     “ต่อไปคงจะเป็นเรื่องสุดท้าย....นักโทษคนสำคัญของพวกเราหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ในตอนนี้พวกขุนนางของที่นี่ก็กำลังวิ่งเต้นกันอยู่ พอข้าไปตรวจสอบดูในคุกที่กุมขังพวกนั้นไว้ สรุปได้แค่ว่าเป็นเรื่องจริง” หลี่เจิ้งหมินพูดยิ้มๆ แต่สำหรับนิกซ์แล้วไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย

                นักโทษคนสำคัญที่หลี่เจิ้งหมินหมายถึงย่อมไม่มีทางใช่ใครอื่น นอกจากชาร์ลและโรสแมรี่ที่เป็นบุคคลระดับหัวหน้าของขุมพลังลึกลับอะไรซักอย่างที่คงกะยึดครองโลกในอีกปีสองปี ส่วนไรเซลที่เป็นบุคลากรตัวเอ้เหมือนกันนั้นหายสาบสูญหาศพไม่เจอเพราะคนบางคนไปก่อนหน้านี้แล้ว

                ดังนั้นจึงเหลือแค่สองคนให้ตามจับ ก็คือชาร์ลที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากยอดฝีมือระดับลู่ชิงด้วยตนเอง ส่วนโรสแมรี่แม้จะลำบากไปหน่อยเพราะกลายเป็นปติมากรรมน้ำแข็งด้วยฝีมือนิกซ์ แต่การทำให้คืนกลับมาสู่สภาพเดิมก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจอมเวทระดับสูงในอัลเทร่า

                แน่นอนว่าการคงอยู่ของนักโทษสองคนนี้ล้วนปิดเป็นความลับแก่คนภายนอก กระทั่งขุนนางบางคนยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานที่กุมขังเพราะดูเหมือนว่าทางเบื้องบนจะจัดการด้วยตัวเอง เรื่องหลังจากนี้ต่อให้พวกโนอาห์จะมีสติปัญญาก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเบื้องบนจะรีดเค้นความลับออกมาได้มากแค่ไหน แต่ดูเหมือนตอนนี้เรื่องที่ว่าคงจะไม่สำคัญอีกต่อไป

                ก็ในเมื่อตัวคนไม่อยู่แล้วนี่นะ...

                “ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะมีค่าถึงขนาดให้ศัตรูลงทุนเล่นใหญ่เพื่อมาช่วยหรอกนะ” โนอาห์แค่นยิ้ม สิ่งนี้คนอื่นๆเองก็มีความคิดเห็นตรงกัน

                ต่อให้พวกชาร์ลจะเก่งกาจกว่านี้ไปอีกสามขั้น ก็ไม่มีทางที่จะมีความสำคัญกับฝ่ายศัตรูมากถึงเพียงนี้ ยิ่งพอมองระยะเวลานานนับหลายเดือนก็เลิกพูดกันได้เลย ถ้าศัตรูมีใจคิดจะช่วยเชลยจริงๆไม่สู้มาชิงตัวไปตั้งแต่วันแรกๆ จะรอเวลามาถึงตอนนี้ทำไม

                หรือถ้าอยากเอาหนทางที่สะดวกที่สุด ฆ่าสองคนนั้นยังดีซะกว่าปล่อยเอาไว้ ไม่มีทางที่การบุกโจมตีเมื่อตอนเย็นจะนำมาเชื่อมโยงกับการแหกคุกของพวกชาร์ลได้

                “พวกเขาคงฉวยจังหวะที่ทุกอย่างวุ่นวายแหกคุกออกไป...แถมดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในเมืองนี้แล้วด้วยซ้ำ” อารันยกยิ้มที่มุมปาก ซึ่งคำพูดของเขาก็ฟังดูเข้าทีที่สุด เพราะสถานการณ์ในตอนนั้นวุ่นวายสุดประมาณจริงๆ ขนาดในอวาลอนยังว้าวุ่นถึงขนาดนั้น พื้นที่อื่นๆในเมืองคงไม่ลำบากน้อยไปกว่ากันซักเท่าไหร่

                ส่วนที่อารันบอกว่าสองคนนั้นถ้าหลบหนีไปได้จริง มีความเป็นไปได้แค่สองอย่างที่จะเกิดขึ้น นั่นก็คือเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางตายไปก่อน หรือไม่ก็หาทางหลบหนีออกจากเมืองไปได้เรียบร้อย ไม่งั้นจ้าวมนตราถึงสามคนคงไม่ปล่อยให้เชลยหนีไปได้ง่ายๆ

                ยกเว้นแต่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะเป็นแค่การเล่นละครของใครบางคน....

                “เฮ้ออออ วุ่นวายได้ไม่เว้นแต่ละวัน ใครก็ได้ช่วยบอกฉันอีกรอบทีว่าเมืองนี้มันไม่เคยถูกตีแตก” โนอาห์ถอนหายใจยาวเหยียด น้ำเสียงยานคางแถมจะทิ้งตัวลงนอนไปกับเตียงแล้วด้วยซ้ำ ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมาก็เด้งตัวขึ้นมานั่งดุจเดิม จากนั้นหันขวับไปทางนิกซ์ด้วยความรวดเร็ว

                “อันที่จริงฉันว่าพวกเราลืมเรื่องสำคัญไปอย่างหนึ่ง” โนอาห์ยิ้มดูมีเลศนัยเป็นที่สุด

                นิกซ์มองหวาดๆ “แล้วทำไมต้องมองมาทางผมด้วยล่ะครับ!”

                นิกซ์ไม่รู้ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆในที่นี้จะตีมึนไปกับเขาด้วย ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนฉลาด หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่พวกโง่งมสักแต่ว่าใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกับปัญหาแน่ๆ คำพูดของโนอาห์แน่นอนว่าอารันและหลี่เจิ้งหมินเองก็รู้ถึงความนัยเช่นกัน

                             “จริงๆต่อให้พวกเราจะมานั่งสุมหัวกันทั้งคืน สุดท้ายข้อมูลที่สรุปออกมาก็คงไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรมาก ยกเว้นก็แต่....” อารันพยักหน้ายิ้มๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ดูละม้ายคล้ายโนอาห์อยู่หลายส่วน

                หลี่เจิ้งต่อประโยคเหมือนนัดแนะกันมาแล้ว “ยกเว้นก็แต่ว่าจะมีใครซักคนที่สามารถทำให้การหารือกันครั้งนี้มีค่ามากยิ่งขึ้น”

                “หรือถ้าพูดให้ถูก” โนอาห์กล่าวต่อ “ถึงเวลาที่นายต้องบอกฉันได้แล้วมั้งว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่พวกฉันยังไม่รู้!”

                นิกซ์ยิ้มเจื่อนๆในบันดล ถ้ามาถึงจุดนี้เขายังไม่รู้อีกว่าพวกโนอาห์หมายถึงก็คงจะเกินเยียวยา แต่ก็เพราะรู้อีกนั่นแหละถึงได้ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ก็ในเมื่อความเป็นมามันออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย กระทั่งตัวนิกซ์เองยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำ

                เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าที่พวกโนอาห์กำลังหมายถึงและกล่าววาจาวกวนอ้อมโลกไปอ้อมโลกมา ล้วนมาจากอะไรบางอย่างที่กำลังสิงสู่ร่างเขาอยู่อย่างแน่นอน แต่ถ้าเรียกด้วยคำนั้นออกจะไม่ถูกอยู่บ้าง สำหรับนิกซ์คงจะนิยามมันว่าแบ่งร่างกันใช้มากกว่าถ้าดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา

                อะไรบางอย่างที่มีชื่อว่าอเมมอน!!

                 ทันใดนั้นเองสีหน้าของนิกซ์ได้เปลี่ยนไปราวกับว่าเป็นคนละคน จากนัยต์ตาสีฟ้าสว่างไสวแปรเปลี่ยนมาเป็นสีม่วงที่ดูลึกลับยิ่งกว่าความมืดมิดขุมใดๆ รวมถึงรอยยิ้มนั่นดูยังไงก็ไม่มีทางใช่คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสที่สำคัญมักตามคนรอบข้างไม่ค่อยทันเท่าไหร่

                แน่นอนว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าโนอาห์ในตอนนี้ไม่ใช่นิกซ์แน่นอน แต่เป็นอเมมอนที่ยืมร่างของชายร่างเล็กมาใช้อีกครั้ง หนึ่งในจอมปิศาจแห่งยุคโบราณเอ่ยด้วยทักทาย “ดูเหมือนว่าพวกเจ้ามีเรื่องจะคุยกั....”

                ก่อนที่จะถูกขัดลงอย่างรวดเร็วโดยเจ้าของร่างเดิมที่กำลังพยายามทวงสิทธ์ของตัวเองคืนมาเต็มที่

                “เดี๋ยวสิครับ! อย่ามาใช้ร่างผมดื้อๆแบบนี้สิ!!” นิกซ์โวยวาย

                อเมมอนชิงร่างกลับคืนมาอีกครั้ง “เจ้านี่มันดื้อด้านเสียจริงๆ คงรู้ตัวอยู่ใช่ไหมว่าถ้าไม่ได้ข้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ลำพังเจ้าจะเอาชนะมังกรนั่นยังไง!”

                “แต่นั่นก็ถือว่าผมสู้ด้วยตัวเองนะครับ ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจำเป็นจริงๆอย่ามาใช้ร่างผมโดยพลการน่ะ!” นิกซ์ยังไม่ยอมแพ้ ความพยายามระดับนี้สำหรับคนป่วยถือว่ากล้าหาญเทียมเมฆทีเดียว

                อเมมอนที่ได้สิทธ์ใช้ร่างของนิกซ์กลับมาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงออกมา “ถ้าข้าไม่ออกหน้าให้ตอนนั้น ข้าล่ะอยากรู้นักว่าเจ้าจะสรรหาวิธีอะไรมาชนะคู่ต่อสู้ระดับนั้นได้ไอ้เด็กโง่!!”

                จากนั้นหนึ่งมนุษย์หนึ่งปิศาจก็โต้เถียงกันไปมาอย่างโต้เนื่อง แต่ดูๆแล้วเหมือนนิกซ์กำลังพูดคนเดียวอยู่มากกว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เองกระทั่งพวกโนอาห์ยังได้แต่ลอบสบตากันเงียบๆ ดูทีท่าว่าถ้าข้างห้องจะลุกมาด่าก็คงเพราะสาเหตุนี้นี่แหละ

                ประเด็นคือมันเกิดขึ้นจริงๆ พวกเขาสมควรอธิบายยังไงดี?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×