คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #157 : ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ชัดยิ่งกว่าสิ่งใด ความวุ่นวายได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ สนามประลองที่ควรจะเต็มไปด้วยเสียงตะโกนเชียร์โห่ร้อง เวลานี้กลับอลหม่านไปด้วยความสับสน ไม่ใช่เพราะบทสรุปที่ยากจะทานทนรับไหว หากแต่เนื้อหาหลักมันอยู่ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
อาเบล...ยังมาไม่ถึงสนามประลอง!!
สนามประลองของโรงเรียนอวาลอนไม่เคยว่างเว้นผู้คน เดิมทีทางโรงเรียนก็เปิดกว้างสำหรับคนอยากจะมาใช้งานอยู่แล้ว ในส่วนนี้ต่อให้เป็นสภานักเรียนก็ไม่ได้มีอำนาจเต็มที่นัก ทำให้บ่อยครั้งสนามประลองมักจะเกิดการต่อสู้ลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง และน่าแปลกที่ในช่วงสามปีมานี้ การประชันฝีมือเกินครึ่งล้วนมีสภานักเรียนเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
หรือพูดให้ถูกต้องบอกว่าทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของฮาร์ท ไรเซ็นเพียงผู้เดียว แต่ครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เอาเป็นว่าเขาก็ยังมานั่งอยู่ในอัฒจันทร์ร่วมกับประธานนักเรียนอีกสามคนได้หน้าตาเฉย อีกทั้งสีหน้าของเขายังดูตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งผิดกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆลิบลับ ถึงอย่างนั้นก็บอกยากว่าชายผู้นี้จะไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้เลย
แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น...ใจความสำคัญของปัญหาในตอนนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การประลองถูกกำหนดเวลาไว้ที่ช่วงสี่โมงเย็น เรียกได้ว่ามีเวลาให้ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัวเป็นอย่างดี แสดงให้ว่าคนจัดวางเวลาเอาไว้ได้ดูตารางการสอนเป็นอย่างดี เพราะในเวลานี้นักเรียนส่วนมากเป็นต้องเลือกเรียนกันหมดแล้ว
ทว่าผู้มาถึงสนามประลองก่อนกลับไม่ใช่คู่กรณีทั้งสอง หากแต่เป็นบรรดาขามุงทั้งหมายที่ต้องการมาจับจองพื้นที่ดีๆก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น พวกเซเรน่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน พร้อมกันกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆที่อยู่กันพร้อมหน้า บางคนเผลอๆมีท่าทีกระตือรือร้นยิ่งกว่าคนในสนามประลองเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่บางคนดูเผินๆเหมือนรู้สึกเฉยๆกับเรื่องพวกนี้ แต่ไม่อาจปกปิดประกายความอยากรู้ที่ซ่อนอยู่ในแววตาได้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดรอมาร่วมหลายสิบนาทีแล้ว
ความสามารถของอัลฟอร์ดจัดอยู่ในลำดับขั้นธรรมดาไม่หวือหวา แต่การที่มาวันนี้เขาได้เดินมาพร้อมกันซิกย่อมแสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของเจ้าตัวแล้ว และนั่นทำให้นักเรียนคนอื่นๆขบคิดไปถึงฝีมือที่แท้จริงของเจ้าตัวไปต่างๆนาๆ
ราฟ เฟอร์รานี ผมแดงเพลิงของเจ้าตัวเพียงแค่ผ่านตาก็รู้สึกแสบตา ผิดที่เจ้าตัวกลับมีนิสัยคนละขั้วตรงข้ามกับสีผม หากอัลฟอร์ดความมีร่าเริงเป็นทุน ราฟก็เป็นที่ถึงพูดในเรื่องของความอ่อนโยนเช่นเดียวกัน เพื่อนร่วมหอเซย์ริวต่างรู้กันดีว่าราฟเป็นคนดีชนิดที่ว่าได้ยากยิ่ง แต่นิสัยเท่าที่เห็นภายนอกของซิกเป็นอย่างไรทุกคนล้วนรู้แจ้ง การปรากฏตัวของเขาในครั้งนี้จึงสร้างความประหลาดใจให้ใครต่อใครได้ไม่น้อย
แต่ในอีกทางหนึ่งก็มีคนบางส่วนเริ่มมองซิกแตกต่างไปจากเดิม เพราะแต่ไหนแต่ไรราฟไม่เคยข้องเกี่ยวกับคนไม่ดีมาก่อน ดังนั้นถ้าเขายอมติดตามซิกจริงๆ...มันจะหมายความว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าชายจากต่างแดนผู้นี้มีดีกว่าที่คนภายนอกมองเห็นใช่หรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องปล่อยให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์กันอีกที
สามคนแรกไม่ว่าใครในอวาลอนก็ต้องรู้จัก แต่คนที่สี่นั้นกลับสร้างความมืดบอดอย่างแท้จริง
เขาเป็นชายอายุราวๆเกือบสามสิบปี ใบหน้าเกลี้ยงเกลาจนเกือบจะฉายแสงออกมาได้ นัยต์ตาสีทองคมกริบทอประกายอำนาจราวกับว่าไม่ใช่มนุษย์ เรือนผมสีขาวยาวถึงกลางหลัง ทั่วร่างแผ่บรรยากาศที่ดูบริสุทธ์และทรงอำนาจในเวลาเดียวกัน ลักษณะเช่นนี้หากไม่ใช่ยอดคนที่เร้นกายมานานนับสิบปี
ก็ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สามารถจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้!!
พวกเซเรน่าเองก็คิดเช่นนั้น ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่ซึ่งก็คือบาฮามุทที่นั่งอยู่ข้างๆพวกเธอ ในตอนแรกที่เขาคนนี้ปรากฏตัว บาฮามุทเองก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อยชำเลืองตามองชั่วครู่ หลังจากนั้นก็เบือนหน้าหนีก้มหน้าก้มตากินขนมต่อไป สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเซเรน่าไม่น้อย
ในตอนนั้นเซเรน่าเอ่ยถามถึงสาเหตุ ‘เขาคนนั้นมีอะไรพิเศษเหรอ?’
เซเรน่าคุ้นชินกับการพูดคุยแบบนี้มากกว่า มังกรบรรพกาลเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเธอจึงได้พูดคุยกับบาฮามุทด้วยคำพูดลักษณะนี้เสมอมา ถ้าจำไม่ผิดคำตอบที่เซเรน่าได้รับจะเป็นคำสั้นๆห้วนๆแค่ประโยคเดียว แต่คนที่รู้จักบาฮามุทในร่างนี้มาซักพักย่อมมองออกว่าน้ำเสียงนั้นไม่ได้ตั้งใจกระแทกแดกดันเซเรน่า แต่เป็นชายผมขาวคนนั้นต่างหาก
‘ก็แค่มังกรชั้นต่ำที่พอจะใช้การได้เท่านั้น ไม่ควรค่าให้ข้าไปเสียเวลาด้วย’
แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้พวกซายากะตกใจ มังกรชั้นต่ำสำหรับบาฮามุทแน่นอนว่าไม่มีทางเป็นมังกรชั้นต่ำสำหรับพวกเธอ เอาง่ายๆสัตว์เวทที่จะจำแลงร่างเป็นคนได้จำเป็นต้องมีพลังเวทในตัวในปริมาณที่ไม่น้อย และส่วนมากมักอยู่อาศัยมาหลักร้อยปี แต่ถ้าจะเอาไปเทียบกับมังกรบรรพกาลอย่างบาฮามุท ก็ไม่แปลกที่นางจะมีท่าทีแบบนั้น
สำหรับผู้ชมในเวลานี้กลับไม่มีใครแสดงสีหน้าไม่พอใจ เพราะในเมื่อเป็นแบบนี้เองก็ไม่เลวนัก เดิมทีพวกเขาก็มาเพื่อรับชมการประลองอยู่แล้ว การมาของโนอาห์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขวาง และตราบใดที่ผู้ประลองทั้งสองยินยอม คนนอกอย่างพวกเขาจะไปทำอะไรได้
ระหว่างที่เซเรน่ากับซายากะกำลังสนใจกลุ่มผู้ติดตามของซิกอยู่ ยูกิเองก็เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง เป็นเวลาเดียวกับที่นักเรียนในสนามประลองเริ่มส่งเสียงอื้ออึงกันอีกครั้ง
“เขามาแล้ว...” สีหน้าของยูกิมองยังไงก็ไม่ใช่หน้าตาของคนที่กำลังยินดี เซเรน่าและซายากะที่หันไปมองตามก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้แสดงสีหน้าแบบนั้น
อาเบลมาแล้วก็จริง แต่ประเด็นคือเขาไม่ได้มาคนเดียว
พวกโนอาห์ที่หายตัวไปตั้งนานสองนาน รวมถึงหลี่เจิ้งหมินเองก็ปรากฏตัวเดินขนาบข้างอาเบลให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด จนมีใครบางคนโพล่งขึ้นจนเพื่อนข้างๆเอามืออุดปากเขาแทบไม่ทัน
“เหมือนพวกเจ้าชายซิกเลยนี่นา!!”
ความคิดเห็น