ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #156 : ข่าวในตอนเช้ากับความผิดปกติ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 710
      48
      2 ส.ค. 65

                      

    โนอาห์หัวเราะออกมาเบาๆ เงยหน้าขึ้นไปบนต้นไม้ “ท่านเองก็ลงมาได้แล้วมั้ง เดี๋ยวใครบางคนแถวนี้จะสะบัดก้นเดินหนีไปซะก่อน”

    สิ้นคำของโนอาห์ บนต้นไม้เริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่างจริงๆ ใครบางคนโดดลงมาเท้าแตะพื้นแทบจะไร้เสียง เสื้อผ้าที่ดูไม่เหมือนใครในอวาลอนมีแค่คนเดียวที่กล้าใส่ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักกำลังระบายยิ้มเต็มใบหน้า

    อาเบลเบิกตากว้างเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าแถวนี้จะมีคนอื่นอยู่อีก แต่เมื่อเห็นหน้าผู้มาใหม่ชัดๆก็พอจะเข้าใจได้ เป็นหลี่เจิ้งหมินอาจารย์มาใหม่ในสายตาคนภายนอก แต่สำหรับเขานั้นรู้แจ้งแถลงไขถึงฐานะของเจ้าตัวเป็นอย่างดี การมาของจอมปราชญ์อย่างไร้สุ้มไร้เสียงจึงทำให้อาเบลหมดซึ่งถ้อยคำใดๆไปโดยปริยาย

    หลี่เจิ้งหมินเดาะลิ้นเล็กน้อย “ข้าก็นึกว่าพวกเจ้าจะต่อความสาวความยืดกันอีกหน่อย แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้กลับไปหานางๆไว”

    นางที่ว่าคงหนีไม่พ้นบาฮามุทที่คงเอาไปฝากไว้กับพวกซายากะเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้ถ้าพูดกันจริงๆก็นับว่าแปลก ในบางเวลาหลี่เจิ้งหมินจะเกาะติดหนึบแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของอากาศรอบๆตัวมังกรบรรพกาล แต่ในขณะเดียวกันก็มักจะไหว้วานพวกเขาให้ช่วยดูแลบาฮามุทอยู่เป็นครั้งคราว ถึงปากจะพูดกับคนนอกที่ไม่รู้อะไรว่าบาฮามุทขาดเขาไม่ได้ แต่การกระทำช่างสวนทางอย่างแท้จริง

    หลี่เจิ้งหมินมากกว่าที่อยู่ห่างจากบาฮามุทไม่ได้...

    ส่วนเหตุผล? พวกเขาคร้านจะไปตีความกันนานแล้ว

    “แต่นายคงไม่ได้กำลังจะบอกว่าคนมากถึงขนาดนี้แล้วจะมายุ่งเรื่องของฉันได้หรอกนะ” อาเบลหรี่ตามอง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว อีกอย่างการดึงเจ้าพวกนี้เข้ามายุ่งวุ่นวาย...เกรงว่าเรื่องราวจะได้ยุ่งเหยิงไปกันใหญ่

    โนอาห์พูดทิ้งท้ายเพียงประโยคเดียวก่อนที่อาเบลจะสาวเท้าเดินจากไป “เหตุผลจริงๆน่ะเหรอ?...เพราะพวกเรารู้จักยัยนั่นดียังไงล่ะ”

    อาเบลชะงักอยู่กับที่...เป็นเวลาเดียวกันกับที่รอยยิ้มของโนอาห์ยิ่งฉายแววเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ

    ขณะที่ชุมนุมคนโฉดกำลังประชุมอะไรบางอย่างกันอยู่นั้น อีกฟากนึงของอวาลอนบรรยากาศกลับน่าชมเชยกว่ากันมากโข ความต่างอย่างเห็นได้ชัดก็คือพวกโนอาห์นั้นเป็นผู้ชายกันหมดทั้งคณะ ต่อให้อารันจะมีใบหน้างดงามเพียงใดก็ยังมีเพศเป็นบุรุษหาใช่สตรี

                ดังนั้นเมื่อนำมาเทียบกับกลุ่มสาวงามที่กำลังนั่งเล่นในสวนดอกไม้แล้ว...

                ระหว่างกลุ่มบุรุษที่สุมหัวทำหน้าตาเหมือนมีแผนร้ายอยู่เต็มอก กับผู้หญิงสี่ห้าคนนั่งหัวเราะคิกคักท่ามกลางธรรมชาติ ต่อให้ตัดเรื่องความชอบส่วนบุคคลออกไป อย่างหลังย่อมน่ามองมากกว่า

                แน่นอนว่าต้องเป็นกลุ่มของซายากะที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ แต่คราวนี้มีหญิงสาวดูแปลกหน้ามาผสมโรงด้วยอีกคน การรวมตัวระดับนี้ หากเป็นยามปกติสมควรที่จะมีผู้ชายบางกลุ่มเดินเข้ามาขอคุยด้วย หรือถ้าเป็นในช่วงนี้ก็ยังมีเรื่องของการประลองเวทมาข้องเกี่ยว เทียบกันแล้วความเป็นไปได้ที่ซายากะและคนอื่นๆจะนั่งชมนกชมไม้อย่างสงบเสงี่ยมแทบจะไม่มีทางไปได้

                แต่เมื่อพวกเธอต้องการให้เป็นเช่นนั้น...ต่อให้ไม่ได้ก็ต้องได้

                ไม่รู้ว่าทายาทตระกูลองเมียวจิชื่อดังกับหนึ่งในมังกรบรรพกาลเล่นลูกไม้อะไร พื้นที่บริเวณนี้แม้จะไม่ถูกกางด้วยข่ายมนต์หรืออะไรก็ตามแต่ที่ปกปิดสายตาคนภายนอก แม้จะมองเห็นแต่ก็เหมือนมองไม่เห็น พลังเวทอันเบาบางที่ผ่านการใช้งานอย่างแยบยล ทำให้พวกเธอยังนั่งพูดคุยกันได้อย่างสงบสุข

    หรือต่อให้จะมีคนมองออก คนจำพวกนั้นก็คงไม่มาปรากฏในสถานที่ลับตาแบบนี้เป็นแน่ สังเกตจากผู้คนที่เดินไปมาซึ่งแทบจะบางตาลงทุกที ในเวลานี้นักเรียนส่วนมากล้วนทุ่มสมาธิไปลงกับงานประลองเวทไม่ก็การต่อสู้ระหว่างอาเบลกับซิกกันหมด น้อยคนที่จะมาเดินเตร็ดเตร่หรือมาทำอะไรที่สวนดอกไม้แห่งนี้

    เซเรน่าพูดพลางขมวดคิ้ว “รู้สึกกันไหมว่าเจ้าพวกนั้นดูแปลกๆไป”

    เจ้าพวกนั้นในความหมายของเธอก็คือโนอาห์และผองเพื่อน หรือตอนนี้อาจจะรวมหลี่เจิ้งหมินไปแล้วด้วยก็เป็นได้ หญิงสาวพูดแบบนั้นพลางเหลือบมองบาฮามุทที่กำลังนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ดูจากสีหน้าคงจะไม่สนใจสิ่งใดนอกจากขนมตรงหน้าเป็นแน่แล้ว

    ไปๆมาๆความทรงจำในวันวานของเซเรน่าที่มีต่อบาฮามุทเริ่มเลือนหายไปทุกที...

     

                หนึ่งในคนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเซเรน่า ดวงหน้าหวานกำลังตึงเครียดยากที่จะได้พบเห็น คิ้วเรียวขมวดเข้าหัวกันจนแทบจะเป็นปม สองมือกอดอกสอดส่ายสายตาไปมาอย่างลุกลี้ลุกลน สำหรับเธอไม่ใช่แค่อาเบลยังไม่มาเท่านั้น

                ในเวลาแบบนี้พวกโนอาห์ดันหายไปได้รู้จังหวะดีเหลือเกิน!!...

                “เจ้าพวกบ้านั่นคงไม่ได้รวมหัวอะไรกันหรอกนะ...” เซเรน่าพึมพำเสียงแผ่ว แต่ไหนแต่ไรอาเบลในวันนี้แม้จะดูแตกต่างจากอาเบลที่เธอรู้จักในสมัยเด็ก ทว่าสิ่งที่แน่ชัดก็คือเจ้าตัวไม่ใช่คนขี้ขลาด และหาใช่คนที่จะมาคิดอะไรซับซ้อน

                ในสายตาคนนอกอาจจะคิดได้แค่ไม่กี่หนทาง แต่หญิงสาวกลับรู้สึกตะหงิดๆอยู่ไม่น้อยเมื่อพวกโนอาห์เองก็หายตัวไปได้ หากจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็อัศจรรย์เกินไปหน่อย มีแค่เด็กแรกเกิดเท่านั้นแหละที่จะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่มีลับลมคมในอะไรถ้าได้รู้จักโนอาห์มาได้ซักระยะ

                ยูกิหันไปมองบาฮามุทที่ยังนั่งกินขนมอยู่ข้างๆ หลี่เจิ้งหมินวิ่งแจ้นมาฝากให้พวกเธอช่วยดูแลก่อนจะจากไปไหนก็ไม่ทราบ คิดได้แค่นั้นริมฝีปากบางดังกลีบเหมยก็เริ่มฉีกยิ้มน้อยๆ “ฉันว่าก็น่าสนุกดีออกนี่คะ สิ่งที่คุณโนอาห์เคยทำแต่ละอย่างธรรมดาซะที่ไหนกัน”

     

                เซเรน่าเหลือบมองเพื่อนสาวก่อนจะกลอกตาไปมา เธอลืมไปได้ยังไงว่าซายากะเองชื่นชอบเรื่องพรรค์นี้ขนาดไหน การที่เซเรน่ามานั่งตรงนี้ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะการคะคั้นคะเยอจากซายากะ เช่นเดียวกันกับยูกิที่ซายากะหันไปทางไหน หญิงสาวก็พร้อมจะหันไปทางนั้นในทันที

                ระหว่างที่เซเรน่ากลับสอดส่องสายตาหวังว่าจะพวกโนอาห์กับอาเบลบ้างนั้น ดวงตาไปหยุดอยู่ตรงสนามประลองที่ตอนนี้มีซิกยืนอยู่เพียงคนเดียวพอดี หญิงสาวมีสีหน้าหนักอึ้งไม่น้อย

    ซายากะที่นั่งข้างๆคล้ายรับรู้ความรู้สึกนั้น จึงเอ่ยถาม “เป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ?”

    เธอหันไปมองตามก็พบกับซิกที่ยืนนิ่งๆไม่ไหวติงอะไร แต่ทายาทตระกูลดังรู้ดีว่าสิ่งที่เซเรน่ากังวลไม่ใช่ตัวซิกเอง แต่เป็นกลุ่มคนที่เดินเข้าสนามประลองพร้อมกับเขาต่างหาก ซึ่งตอนนี้ได้ไปนั่งเกาะกลุ่มในแถวล่างๆของที่นั่งคนดู แต่แค่มองก็แยกแยะได้ไม่ยากว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงไหน

    เพราะออร่าของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ

    “ก็สมกับเป็นเขาดี แต่ไหนแต่ไรก็ควรจะถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนอยู่แล้ว” เซเรน่าเอ่ยขึ้นมา เธอเองก็เลื่อนสายตาไปมองที่คนพวกนั้นแล้วเหมือนกัน แต่นัยต์ตากลับมองหาความยินดีไม่พบ

                สามในสี่เป็นนักเรียนหรือคนที่อย่างน้อยคนในอัลเทร่าก็รู้จักดี แต่อีกหนึ่งนั้นกลับให้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง แม้จะมีรูปกายเป็นมนุษย์แต่แววตาดูยังไงก็ไม่ใกล้เคียง ในตอนแรกที่ซิกเดินเข้าสนามประลองมา นอกจากสายตาที่พุ่งไปหาเขาแล้ว ส่วนหนึ่งยังให้ความสนใจกับคนกลุ่มนี้ชนิดที่ไม่มีปิดบัง

     เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องด้วยสมาชิกถึงสามเป็นคนที่พวกเขารู้จักคุ้นหน้าคุ้นตา

                ชวาทซ์ เกรนาดีน ชายรูปร่างผอมสูง ผมสีดำเซ็ทเป็นทรงแสดงให้เห็นได้ไม่น้อยว่าเจ้าตัวเป็นคนเจ้าระเบียบมากแค่ไหน สีหน้าเรียบนิ่งติดจะเย็นชา นัยต์ตาสีเงินภายใต้กรอบแว่นสีดำยิ่งทำให้เจ้าตัวดูน่าค้นหามากขึ้น คนประเภทนี้ต่อให้จับไปวางท่ามกลางคนนับร้อยก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน

                ที่สำคัญไปกว่านั้นคือตระกูลของเจ้าตัว เกรนาดีนแม้จะถึงเป็นหนึ่งในสี่เสาหลัก แต่อำนาจบารมีในเมืองหลวงนับว่ายังห่างชั้นกับสวานีเซียร์หรืออัลซาเรธอยู่หนึ่งขั้น แต่สิ่งที่ตระกูลนี้มีมากกว่าใครก็คือจอมเวทเปี่ยมพรสวรรค์ ในบรรดาตระกูลมีชื่อของไอช่า จอมเวทที่เก่งกาจในช่วงหลายร้อยปีมานี้เกินครึ่งล้วนมาจากตระกูลเกรนาดีนกันทั้งสิ้น

    ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือชวาทซ์เป็นถึงลูกหลานสายตรงของตระกูลสายหลัก สายเลือดของเขาย่อมบริสุทธ์และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทชนิดที่คนตระกูลสายรองเทียบไม่ติด แต่ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นคนเงียบๆ ในชั้นปีหนึ่งจึงไม่ได้มีเหตุการณ์ให้น่าจดจำอะไรนัก การที่เขาอยู่ในหอเก็นบุอาจจะเหมาะสมที่สุดแล้วก็ได้

    อัลฟอร์ด วาเรน บุรุษที่ดูๆไปแล้วหาความเด่นแทบไม่เจอ นอกจากความร่าเริงของเจ้าตัวที่ดูจะล้นทะลักกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา ดวงตาสีส้มตวัดซ้ายขวาฉายแววตื่นเต้นอย่างปิดไว้ไม่มิด เขาคนนี้อยู่ที่หอเบียคะโกะ ปกติก็เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาในความกระตือรือร้นเหมือนเด็กอยู่แล้ว แต่ว่าการแสดงออกเหล่านี้กลับทำให้ใครบางคนรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

    ซายากะเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...

      ยูกิเลิกคิ้วเล็กน้อย คิดในใจว่าวันนี้เธอเองก็พิลึกคนไม่น้อยเลยไม่ใช่หรือไง ถึงหลังจากช่วงเช้าจะดีเหมือนคนละคนก็เถอะ แต่ด้วยความเป็นเพื่อนจึงไม่ได้เอ่ยออกไปตรงๆ ยูกิเลือกที่จะตอบคำถามนั้นแทน “ไม่รู้สิ ปกติพวกนั้นก็ชอบทำตัวพิลึกๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงกัน”

    “ที่ผ่านมามีแค่โนอาห์ที่ชอบทำตัวแปลกๆไม่เหมือนชาวบ้านเท่านั้นแหละ ส่วนนิกซ์กับอารัน...สองคนนั้นก็ไม่น่าจะทำตัวแบบนี้ ต้องเป็นเจ้าหมอนั่นคอยเสี้ยมสอนอยู่แน่ๆ!!” เซเรน่าพาดโทษโนอาห์แค่คนเดียวหน้าตาเฉย โดยลืมไปเลยว่าแท้จริงแล้วอารันเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน

    แต่ที่เธอพูดออกมาแบบนี้ก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน ช่วงพักเที่ยงหลังรับประทานอาหารเสร็จ โนอาห์กับอารันที่เชี่ยวชาญเรื่องโป๊กเกอร์เฟคอันดับต้นๆของโรงเรียนก็แล้วกันไปเถอะ จับผิดสองคนนี้เซเรน่ารู้ดีว่ายากเหมือนขึ้นสวรรค์ ที่เธอสังเกตเห็นก็คือนิกซ์ที่มีสีหน้าลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด พอถามก็ได้คำตอบยึกๆยักๆที่แค่ดูก็รู้ว่ามีความลับอะไรบางอย่างปิดบังเธอไว้

        

                

                ตอนแรกคนยังมีทางคิดในแง่ดีได้ว่าอาจจะติดพันธุระบางอย่าง แต่ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาได้ซักพักแล้ว ข้ออ้างเมื่อครู่จึงเป็นอะไรที่ฟังไม่ขึ้น อีกอย่างการประลองครั้งนี้มีความสำคัญแค่ไหนทุกคนย่อมรู้ดี และอาเบลไม่เคยเป็นคนเหลวไหลมาก่อน เขากล่าวคำไหนก็คือคำนั้น ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเริ่มทำให้ใครต่อใครคิดแล้วว่าอาเบลจะหนีการประลองไปทั้งแบบนี้เลยหรือไม่

       ในความคิดของเซเรน่ามองว่านิกซ์เป็นคนที่พูดจาด้วยภาษามนุษย์รู้เรื่องมากที่สุดในกลุ่มของโนอาห์ ด้านชายผู้นั้นไม่ต้องไปพูดถึง ส่วนอารันเองแม้จะดีกว่าโนอาห์อยู่หลายช่วงตัว แต่เซเรน่าพอจะมองออกว่าอารันคนนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากซายากะเลยซักนิด ดังนั้นเธอจึงชอบที่จะพูดคุยกันนิกซ์มากกว่าสองคนที่เหลือ

                ซายากะที่นั่งฟังเพื่อนๆคุยกันได้ซักพัก เอ่ยยิ้มๆไปทางบาฮามุท “คุณบาฮามุทพอรู้เรื่องอะไรบ้างหรือเปล่าค่ะ?”

                “ข้าไม่รู้” บาฮามุทตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาเลยซักนิด ดูแล้วเหมือนมังกรสาวจะพูดแค่นั้น แต่เสี้ยวพริบตาต่อมานางก็เอ่ยขึ้นอีก “แต่ช่วงนี้หลี่เจิ้งหมินก็ทำตัวผิดจากปกติอยู่เหมือนกัน ข้าว่าเจ้าพวกนี้ต้องสุมหัวรวมตัวกันทำอะไรอยู่เป็นแน่”

                พูดเสร็จนางก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป ปล่อยให้คนที่เหลือหันหน้ามามองกันเอง

                ซายากะเป็นคนทำลายความเงียบนี้ก่อน “แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่ไม่ดีเลยนี่คะ หรือว่า...” เธอเว้นช่วงไว้แล้วจึงพูดขึ้นต่อ “คุณเซเรน่ากังวลอะไรหรือเปล่าคะ?”

                โนอาห์เองก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร การกระทำเคยง่ายๆให้ใครต่อใครคาดเดาได้เสียที่ไหน ต่อให้เพื่อนของเขาจะดูแปลกไปบ้างก็พอเข้าใจได้ แต่มาวันนี้เซเรน่ากลับเอ่ยถึงเป็นครั้งแรก ใครก็ต้องมองออกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล

                ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ...ต่อให้โนอาห์จะทำเรื่องบ้าบิ่นเพียงแค่ไหน

                ก็ไม่เคยทำให้คนที่อยู่ข้างๆเขาต้องได้รับผลกระทบไปด้วยเลย

                “ใคร!? ใครจะไปกังวลเรื่องหมอนั่นกัน! ซายะคิดมากไปแล้ว!” ท่าทีลนลานแสดงออกอย่างชัดเจน ต่อให้จะบอกปัดยังไงก็คงไม่มีคนเชื่อแล้ว

                “ฉันคิดมากไปคนเดียวเองทั้งนั้นแหละค่ะ” ซายากะยิ้มน้อยๆ คิดในใจอย่างขบขันว่าเธอยังไม่ได้กล่าวถึงใครเลยซักนิด แต่เซเรน่ากลับโบ้ยไปถึงเขาคนนั้นก่อนแล้ว ท่าทีเช่นนี้ทำให้เซเรน่าต้องรีบแก้ตัวเป็นการใหญ่

                ยูกิมองทั้งสองคนสลับไปมาก่อนจะถอนหายใจน้อยๆ เป็นบาฮามุทที่ลอบหลุบตาลงต่ำเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ถ้าเชื่อมโยงกับความผิดปกติของพวกโนอาห์กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในช่วงนี้ก็มีแค่การต่อสู้ของอาเบลกับซิกที่ช่วงนี้นางได้ยินมาหนาหูพอดู

                ก็หวังว่าจะไม่ลากนางเข้าไปข้องแวะด้วยก็แล้วกัน

                บาฮามุทคิดเช่นนั้นก็นั่งกินขนมต่อไปอย่างอารมณ์ดี

                      “นายแน่ใจเหรอว่ามันจะได้ผล...” อาเบลมีสีหน้าสงสัยถึงขีดสุด คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นเกลียวอยู่แล้ว และนี่คือสีหน้าของเขาหลังจากได้ฟังแผนการที่โนอาห์เล่ามาเมื่อครู่

                ไม่ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้...แต่ออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยก็เท่านั้น

                โนอาห์พยักหน้ายิ้มๆ “ยิ่งกว่าแน่ใจอีกจะบอกให้ หรือว่านายไม่เชื่อใจพวกฉัน”

    รอบนี้โนอาห์ไม่ได้พูดถึงตัวเขาแค่คนเดียว แต่ได้เหมารวมทุกคนในที่นี้ไปหมดแล้ว นิกซ์ที่เหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรมากที่สุดในกลุ่มจึงได้แต่น้ำตาไหลในใจ เพราะคนอื่นนอกจากอาเบลเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ ลงท้ายกลายเป็นว่าคนที่ตกกระไดพลอยโจนก็คงเป็นนิกซ์อย่างเลี่ยงไม่ได้

                ไม่สิ...ต้องบอกว่าไม่รู้จะเลี่ยงยังไงมากกว่า

         อาเบลหรี่ตามองเพ่งพินิจคนตรงหน้าให้ชัดเจนอีกครั้ง หลังจากดูจนถ้วนถี่แล้วว่าคนตรงหน้ายังมีสติดีอยู่ทุกประการ เพียงแค่สติดีที่ว่าของโนอาห์ออกจะผิดแผกแตกต่างจากชาวบ้านอยู่บ้างก็เท่านั้น

                “เหตุผลที่พวกนายยกโขยงมากันในวันนี้ ก็เพราะเหตุผลเดิมๆใช่ไหม” อาเบลถอนหายใจ เหมือนกับคร้านจะพูดจาด้วยภาษามนุษย์กับคนกลุ่มนี้แล้ว โนอาห์เห็นดังนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ บอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจพลางตบบ่าอาเบลแปะๆ

                “คราวนี้นายผิดถนัด จริงๆแล้วฉันมีจุดประสงค์แอบแฝงซ่อนอยู่จริงๆ” โนอาห์พูดยิ้มๆ ไม่สนใจสีหน้าผงะเล็กน้อยของอาเบลหรือนิกซ์ที่หน้าเหวอไปแล้วเรียบร้อย “แต่ฉันคงบอกนายได้แค่คำเดียวว่า...การลงทุนครั้งนี้พวกเรามีแต่ได้ประโยชน์ไม่มีผลเสียอย่างแน่นอน”

                ทีแรกโนอาห์ก็ไม่คิดว่าแผนที่ตนวางไว้เมื่อคืนจะออกมาในรูปแบบนี้ อันที่จริงยังต้องผ่านการเตรียมการอีกซักระยะ แต่ในเมื่อมีใครบางคนมากระตุ้นเขาถึงขนาดนั้น ถ้าเมฆาพิศดารจะไม่สำแดงอิทธิฤทธ์หน่อยก็คงเสียชื่อกันเกินไปแล้ว

                เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ยามเย็นในวันเดียวกันนั้นเอง โนอาห์ได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดของตนยังถูกต้องไม่แปรเปลี่ยน แทบไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวสะท้านภพในวันนี้จะถูกเล่าขานไปอีกพักใหญ่ๆ แต่ที่ผู้คนจะจดจำได้ดียิ่งกว่าเรื่องเล่าเหล่านั้น กลับเป็นชื่อของคลื่นลูกใหม่ที่นับวันยิ่งพิศดารมากขึ้นทุกที

                 หรือบางที...นี่จะถึงช่วงเวลาแห่งการผ่องถ่ายแล้ว?

                คงมีแต่ฟากฟ้าล่ะมั้งที่จะตอบได้....

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มุมพูดคุย

    จากที่หลายๆวันมานี้มีคอมเม้นท์เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่ดูพิกลๆในช่วงแรก...ผมก็ต้องขอยอมรับว่านั่นเป็นความสามารถในการสื่อสารของผมเอง อีกทั้งเวอร์ขั่นรีไรท์เองก็ผ่านมานานมากแล้ว ที่สำคัญยังรีไรท์ไปได้กระจึ๊งเดียวเอง

    ดังนั้น!! ผมก็เลยอยากจะเรียนให้ทราบว่าจะมีการรีไรท์กันอีกครั้ง(อีกแล้วเหรอ ฟฟฟ)

    แต่คราวนี้ผมจะไม่ทยอยลงทีละตอนเหมือนรีไรท์ครั้งแรก แต่จะเขียนเนื้อเรื่องใหม่แล้วจับเปลี่ยนทีเดียวยกแผง การดำเนินเรื่องยังคงเดิมครับ จะมีปรับเปลี่ยนบางจุดให้เมคเซนท์และเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งคำผิดคำตกก็จะดำเนินการแก้ไขให้อ่านสบายตามากกว่าเดิม

    พูดถึงเรื่องคำผิด...ถ้าใครเจอแจ้งผมมาได้ทุกเมื่อเลยนะครับ อย่างเรื่องอสูรคิเมร่าที่เดี๋ยวอยู่ๆมีสี่หาง ตัดมาอีกย่อหน้าเหลือสามหางผมก็ทำการแก้ไขแล้วเรียบร้อย ต้องขอกราบประทานอภัยในความอ่อนด้อยของผมช่วงนั้นจริงๆครับ(ตอนนี้ว่ากันตามเนื้อผ้าก็ยังอ่อนด้อยอยู่)

     

    ขอบคุณทุกความคิดเห็นและทุกกำลังใจ และทุกๆคนที่ยังวางใจอ่านนิยายเรื่องนี้มาจนถึงตอนนี้นะครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×