ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #154 : กติกาใหม่ของงานประลองเวท

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 657
      52
      27 ก.พ. 64

    กัน

    หญิงสาวเดินอ้อยอิ่งเรื่อยเปื่อยไปตามทางเดิน แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเรียกของใครบางคนที่ดังมาจากข้างหลัง

    “นี่เธอเหม่อถึงขนาดไม่สังเกตเห็นฉันเลยงั้นสิ? อ้อ...ลืมไป ฉันมันเก่งเกินคน ข้อนี้โทษเธอไม่ได้จริงๆ” โนอาห์หัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่ายืนพิงกำแพงอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่

    เซเรน่านิ่งงันไปซักพัก หันหลังกลับมาขยับปากเหมือนจะพูดอะไร โนอาห์เห็นแบบนั้นจึงเอ่ยต่อ “มีแค่อารันกับนิกซ์สองคนก็เกินพอแล้วล่ะ อีกอย่างว่ากันตามเนื้อผ้าถ้าซายะกับยูกิไม่อยากจะคุยกับพวกชอบเซ้าซี้จริงๆ รับรองว่ามีวิธีอีกร้อยแปด...เธอเองก็น่าจะรู้ดีนี่” ยิ่งพูดเจ้าตัวก็ยิ่งสนุก วาจาเจื้อยแจ้วทำเอาเสียงร้องจากนักแสดงละครเป็นของธรรมดาไปเลย ถึงกระนั้นสีหน้าของหญิงสาวก็ใช่ว่าจะเคลิบเคลิ้ม

    ในทางกลับกันแววตาที่เธอมองโนอาห์เหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง

    เซเรน่าถามเสียงสูง “ถ้าแบบนั้นนายมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ไม่ทราบ? หลงทางหรือไงกัน”

    “จะบอกว่าบังเอิญเดินผ่านก็ได้” โนอาห์พยักหน้าได้ๆ สีหน้าปรากฏร่องรอยความยินดีอยู่ลางๆ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ไหนๆฉันก็บังเอิญผ่านมาตรงนี้ทั้งที คนบังเอิญผ่านทางมาอย่างฉันขอถามอะไรเธอหน่อยแล้วกัน...”

    “เธอคิดยังไงกับการประลองที่จะเกิดขึ้นในตอนเย็นนี้” แววตาของชายหนุ่มทอประกายระยิบระยับราวกับหมู่ดาว ริมฝีปากยกรอยยิ้มที่ส่งลึกไปถึงดวงตา น้ำเสียงเหมือนคุยเรื่องสัพเหระทั่วไป

    หากแต่...คำถามนี้กลับทำให้เซเรน่านิ่งเงียบไร้ซึ่งคำตอบอยู่เป็นนาน

              

     

    ความอึกอักอย่างมีที่มาโนอาห์ย่อมสังเกตเห็น หรือก็คือเขารู้สึกผิดปกติตั้งแต่ตอนที่ร่วมโต๊ะทานข้าวเช้า ถึงเซเรน่าจะแสร้งทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีหรือคนข้างตัวเธอจะไม่มีทางสังเกตเห็น หรือหล่อนไม่ได้สังเกตเลยว่าการกระทำในวันนี้มันไม่เป็นธรรมชาติเลยซักนิด

    เซเรน่านิ่งงันไม่พูดจา นั่นเพราะว่าโนอาห์จี้ใจดำเธออยู่พอดี...

    ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก ชีวิตของลูกสาวขุนนางคนสำคัญแน่นอนว่าไม่มีทางได้รับความลำบาก ถึงผู้เป็นแม่จะเสียไปตอนเซเรน่าอายุยังน้อย ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตวัยเด็กมีความสุขน้อยลง ในทางกลับกันพ่อของเธอกลับให้ความรักกับลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างเต็มเปี่ยม เพราะเซเรน่าก็เปรียบเสมือนสิ่งสุดท้ายซึ่งภรรยาผู้ล่วงลับเหลือไว้ให้เขา ชีวิตช่วงนั้นของเด็กหญิงจึงมีแต่ความสุขสันต์ แม้ในใจจะรู้สึกเศร้าโศกที่ต้องสูญเสียแม่ไปก็ตาม

    ทว่าด้วยการเลี้ยงดูของเวลเบอร์ สวานีเซียร์ พ่อแท้ๆของเซเรน่า ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มบ่มเพาะความเอาแต่ใจมาตั้งแต่นั้น ผลที่ตามมาคือไม่มีลูกสาวขุนนางตระกูลไหนพูดคุยกับเธอ นอกจากนิสัยเอาแต่ใจก็ยังมีเซเรน่าในตอนนั้นช่างไม่มีความสำรวมเอาเสียเลย ผิดลักษณะคุณหนูผู้ดีทั่วไปอยู่มากโข

    ถึงอย่างนั้น...ก็ใช่ว่าเซเรน่าจะไม่มีเพื่อนกับเขาเลย          

    และแม้จะมีเพียงสองคน ก็เป็นสองคนที่ทรงอำนาจกว่าเด็กคนไหนในวัยเดียวกัน คนแรกก็คือซิก เจ้าชายสายเลือดผสม เจ้าชายเพียงหนึ่งของไอช่า และอีกหลายฉายาที่ผู้คนในเวลานั้นนำมาเรียกขานราชนิกูลคนนี้ คนที่สองแน่นอนว่าต้องเป็นอาเบล บุตรชายคนสำคัญของซีซาร์ที่ตอนนั้นกำลังมีชื่อเสียงสะท้านภพ ตระกูลอัลซาเรซโจนทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด

    การเข้ามาของพวกเขา เซเรน่าในตอนนั้นคิดว่าเพียงแค่นี้ก็พอแล้วจริงๆ

    ตอนนั้นซิกยังไม่ได้ย้ายไปอีเดน สัญญาที่อัลเครอซตกลงกันไว้กับทวีปแห่งแสงก็คือรอให้เจ้าชายอายุครบสิบปีก่อน หรือไม่งั้นก็ต้องให้ซิกตกลงปลงใจด้วยตัวเอง ซิกในวัยเก้าปีพอดีได้รู้จักกับเซเรน่าและอาเบลโดยบังเอิญ พวกเขาสามคนจึงตกลงปลงใจเป็นเพื่อนกันนับแต่นั้น

    ข่าวคราวนี้สร้างความตกตะลึงให้กับลูกหลานตระกูลสำคัญอื่นๆเป็นอย่างมาก รวมถึงบรรดาพวกผู้ใหญ่เองก็ประหลาดใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรสามคนนี้ไม่ว่าจะคนใดคนหนึ่งแทบจะไม่เคยมีเพื่อนกับเขาเลย เซเรน่ายังดีที่ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยจะมีใครอยากมานับญาติด้วยอยู่แล้ว แต่อาเบลกับซิกในตอนนั้นถือเป็นคนสำคัญ มีลูกหลานตระกูลดังอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่พยายามไปเล่นด้วยแต่ผลที่ได้รับก็คือคำปฏิเสธ

    นึกไม่ถึงว่าเด็กสามคนมีเพื่อนครั้งแรกจะสร้างคลื่นใต้น้ำให้กับอัลเทร่าได้มากถึงเพียงนี้!!

    วันวานของเซเรน่าจึงมีความสุขไม่น้อยยามที่ได้ออกจากบ้าน อาเบลสรรหาของเล่นมาให้เธออยู่เสมอ ในขณะที่ซิกชอบพาพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองสร้างความวุ่นวายไปทั้งราชสำนัก และเรื่องราวอีกหลายเรื่องที่เซเรน่ายังจำได้มาจนถึงทุกวันนี้

    แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมีหรือจะอยู่ได้นาน หลังจากนั้นซิกต้องเดินทางไปอีเดนตามกำหนดการ การติดต่อจากฝั่งนั้นเหมือนถูกตัดขาด เซเรน่ากับอาเบลเองพอยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆด้วยสถานะชายหญิงและช่วงวัยที่มากขึ้นทำให้ความห่างเหินเริ่มปรากฏขึ้นให้เห็นลางๆ

    จนในที่สุดกลับกลายเป็นว่าสามสหายในวันนั้น มาวันนี้กลับกลายเป็นสภาพเป็นเพียงคนรู้จัก ยังดีที่ระหว่างเธอกับอาเบลเริ่มปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าช่วงเวลาที่แยกกันนั้นอาเบลไปเจอกับเรื่องอะไรมาบ้างถึงทำให้นิสัยเปลี่ยนไปได้มากขนาดนั้น ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าช่วงนี้จะได้คุยกันบ่อยนัก

    เทียบกับโนอาห์แล้วยังน้อยกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า

    แต่เดี๋ยวนะ...โนอาห์...

    เซเรน่าสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกไป ท่าทีที่ออกมาจึงดูทั้งตลกและน่ารักในสายตาของคนอื่น แต่สำหรับโนอาห์เหมือนจะมองเห็นแค่ความขบขัน เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่นึกว่าเธอจะมีวันนี้กับเขาได้เหมือนกัน เอาจริงๆนะ...เพื่อนในสมัยเด็กของเธอแต่ละคนยุ่งยากดีแท้ แต่ละคนดีๆกันทั้งนั้นเลย”

    หญิงสาวหันมาค้อนขวับในทันที ก่อนจะพูดเสียงสูง “อ้อ! ทำยังกับว่านายดีนักสิ!”

    ใครจะไปรู้ว่าท่าทีของโนอาห์อ่อนลงมากเมื่อเห็นแววตาดุจเดิมของหญิงสาว เซเรน่าที่เขาคุ้นเคยมันต้องแบบนี้สิ!!

    “เอาเป็นว่ายกภาระยุ่งยากนี้ให้จัดการดีกว่า คนอย่างเธอจัดการปัญหาแบบนี้ไหวซะที่ไหน ไปๆมาๆยิ่งกลายเป็นว่าตีหน้าบึ้งเป็นปลาบูดไปทั้งวัน ไม่บอกฉันนึกว่าคนอดหลับอดนอนที่ไหน” โนอาห์พูดเสียงเย้า แต่ก่อนที่โต้ตอบกลับ ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเธอแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×