ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #151 : ผลลัพธ์ของการประลอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 729
      68
      27 มี.ค. 64

      

                บรรยากาศเริ่มเครียดขึ้นทุกที เสียงเท้าของคนสามคนดูหนักอึ้งกว่าครั้งไหนๆ แม้กระทั่งรอยยิ้มบนใบหน้าของชายช่างเจรจายังเลือนหาย นั่นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าคำพูดของโนอาห์ใช่ว่าจะไม่มีมูลอะไรเลย

        “เอาเถอะ! ตอนนี้คิดไปก็เสียเวลาเปล่า ที่สำคัญคือพวกนายฝากเลคเชอร์ของวันนี้ให้ด้วยก็แล้วกัน ขอบคุณมาก!” โนอาห์กล่าวตัดบทดังฉับ รอยยิ้มจริงจังอย่างที่สุดฉายชัดบนใบหน้าไล่มองเพื่อนของเขาทีละคน ทำเอาอารันหัวเราะออกมาเบาๆในขณะที่นิกซ์เกือบตั้งตัวไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงนี้

                จากความเคร่งเครียดแปรเปลี่ยนมาเป็นความครื้นเครง ในระเบียงทางเดินนักเรียนสามคนพูดคุยชวนหัวให้ความรู้สึกเหมือนคนโดดเรียนอย่างไรอย่างนั้น หลังอารันอธิบายให้อาจารย์ห้องพยาบาลฟังแล้วก็ขอตัวกลับไปเรียนต่อพร้อมกับนิกซ์ เรื่องในวันนี้ดูเหมือนจะสงบสุขเหมือนวันวานทั่วไปแบบที่เคยเป็นมา

                ถ้าในตอนเย็นของวันเดียวกันนั้นจะไม่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นซะก่อน

               

     

          

              

    ใบประกาศแจ้งรายละเอียดงานประลองเวทแปะเด่นหราอยู่ที่บอร์ดประกาศกลางโรงเรียน สร้างความแตกตื่นให้กับนักเรียนทุกชั้นปีได้มากโขทีเดียว โดยเฉพาะพวกเด็กใหม่ที่พึ่งเข้ามาเป็นปีแรก แต่เมื่อทุกคนได้เห็นเนื้อหาในหน้ากระดาษ ร้อยละเก้าสิบเป็นต้องอ้าปากเหวอเพราะอาการตกใจ

                ปกติการประลองจะมีแค่แบบเดี่ยวเท่านั้น ทุกคนรับผิดชอบแค่ตัวเองเป็นพอ ที่ตกรอบก็ตกรอบ ที่ผ่านเข้ารอบก็ผ่านไป แต่ปีนี้กลับเปลี่ยนมาเป็นแบบทีมครั้งแรก เรียกง่ายๆนักเรียนทุกคนต้องมีทีมเป็นของตัวเองไม่ว่าจะอยู่ชั้นปีไหน จำเป็นต้องมีทีมของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

                จำนวนก็ไม่มากไม่น้อย แค่หกถึงเจ็ดคนเอง

                โดยไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่ในระดับชั้นเดียวกันหรือหอเดียวกันทั้งนั้น ขอแค่อีกฝ่ายยังมี’สถานะเป็นนักเรียน’ถือว่าใช้ได้ แบ่งเป็นสมาชิกหลักหกคนและอีกหนึ่งตัวสำรอง ยังมีวงเล็บไว้ว่าตำแหน่งตัวสำรองจะมีหรือไม่มีก็ได้

                หมดเรื่องของจากแข่งเดี่ยวเป็นทีมก็ยังมีกฎกติกาที่น่าสนใจไม่แพ้กัน การประลองจำแนกออกได้สองรอบ มีแข่งเดี่ยวสามรอบโดยให้แต่ละฝ่ายส่งสมาชิกในทีมตัวเองเข้าประลอง ในส่วนนี้ใช้กติกาแพ้คัดออก ทีมที่ชนะได้หนึ่งแต้ม ถัดมาเป็นการแข่งแบบทีมพร้อมกันห้าคน ถ้าสามารถทำให้สมาชิกในทีมอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพ’ไม่สามารถประลองต่อได้’นับว่าได้หนึ่งแต้ม รวมทั้งหมดจากการแข่งสองแบบได้แปดคะแนน ใครมากกว่าถือว่าเป็นผู้ชนะไป

                นอกจากนี้นี่เป็นเพียงเนื้อหาของการประลองช่วงแรกเท่านั้น ยังมีช่วงหลังที่ทางเบื้องบนจงใจปิดอย่างมีนัยสำคัญ หากใครจัดทีมของตัวเองได้เรียบร้อยให้ส่งรายชื่อมาที่ส่วนกลางซึ่งก็คือสภานักเรียนเพื่อนำไปสู่การจับฉลากต่อไป ทีมที่แพ้ในครั้งแรกก็ยังสามารถแข่งต่อได้เรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนดซึ่งก็คือห้าเดือน เรียกได้ว่ากินระยะเวลาถึงครึ่งเทอมเลยทีเดียว

                แน่นอนว่าการประลองเวทที่มีการเปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้ สร้างความกังวลให้กับนักเรียนหลายคนอยู่ไม่น้อย การมีทีมเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน อย่างน้อยๆคนที่ไม่มีฝีมือมากนักยังสามารถพึ่งพาอาศัยเพื่อนฝูงได้ 

                เช่นเดียวกันคนที่ด้อยที่สุดในทีมอาจจะฉุดรั้งคนอื่นๆให้ร่วงลงเหวได้เช่นกัน

                ยังมีเรื่องของการแข่งขันที่คาบเกี่ยวกับการเรียน แม้จะได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่ไปชนกับตารางเรียนแน่นอนเพราะการแข่งขันส่วนมากจะถูกจัดในวันหยุด แต่ใช่ว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการเรียนการสอนเลย โดยเฉพาะสำหรับคนที่หัวช้ากว่าคนอื่น การที่ต้องแบ่งความคิดออกเป็นสองทางแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

           ทว่าคำพูดของหลี่เจิ้งหมินออกจะมีข้อผิดพลาดอยู่บางจุด...

    ลำพังแค่ตัวเขาลงสมัครด้วยตัวเองก็ถือว่าลักไก่มากพอแล้ว!!

       “ถ้างั้นทำไม...” นิกซ์กำลังจะเอ่ยถามต่อ แต่หลี่เจิ้งหมินกลับตอบในทันทีราวกับล่วงรู้อนาคต

            เขาพูดยิ้มๆ “แน่นอนว่าด้วยฐานะทำให้ข้าเคลื่อนไหวสะดวกกว่า อีกอย่าง...ที่นี่มันก็มีอะไรน่าสงสัยหลายอย่างเหมือนที่เจ้าชิว...เอาเถอะ! ข้าถนัดเรียกเจ้าว่าชิวหลงมากกว่า!! เหมือนที่ชิวหลงว่าไว้ สถานที่แห่งนี้น่าสนใจจริงๆ”       

    “ท่านถ่อมาที่นี่เพื่อเรื่องแค่นี้?” โนอาห์เลิกคิ้วสนเท่ห์

    อันที่จริงการเวียนไปเวียนมาในอวาลอนโดยไร้ผู้ใดสังเกตเห็นจะไม่เกินมือหลี่เจิ้งหมินก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกจ้าวมนตราจะไม่รับรู้ด้วยเลย อันที่จริงโนอาห์คิดว่าพวกเมอร์ลินล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของหลี่เจิ้งหมินไปแล้วเรียบร้อย กระทั่งบาฮามุทเองก็ด้วยเช่นกัน แต่การที่หลี่เจิ้งหมินกับบาฮามุทสามารถเดินลอยหน้าลอยตาไปมาในอวาลอนได้แบบนี้ ที่สำคัญยังอยู่ในฐานะอาจารย์ คงต้องกล่าวได้ว่าฝีมือของจอมปราชญ์ไม่ได้ตกไปเลยจริงๆ

    ไม่รู้ว่าเบื้องหลังชายคนนี้จะไปลอบกระทำการอะไรไว้บ้าง...

    คิดไปแล้วก็ดีเสียเหลือเกินที่เขาอยู่ฝ่ายเดียวกัน

    หลี่เจิ้งหมินส่ายหน้าไปมา “แน่นอนว่าไม่ใช่” ตามด้วยประโยคที่ถึงกับเรียกความสนใจของคนทั้งห้องนอนเล็กๆนี้ได้ “แต่เป็นเรื่องที่ข้าบังเอิญไปได้ยินเรื่องดีๆมาต่างหากเล่า”

    แน่นอนว่าเรื่องบังเอิญของหลี่เจิ้งหมินย่อมต้องมีที่มาไม่ธรรมดา แต่ไม่ว่าเจ้าตัวจะล่วงรู้เรื่องอะไรมา ไม่มีทางที่จะเป็นคำเท็จอย่างแน่นอน ข้อนี้โนอาห์มั่นใจ และอารันกับนิกซ์ที่พึ่งจะรู้จักยอดฝีมือต่างโลกผู้นี้มาก็เชื่อมั่นแบบนั้น

    “อาเบลกับซิกจะประลองกันในสนามใหญ่พรุ่งนี้ตอนเย็น! เป็นอย่างไร!! น่าสนใจมากเลยใช่หรือไม่” หลี่เจิ้งหมินพูดอย่างได้ใจ แต่ดูเหมือนปฏิกิริยาของผู้ฟังจะดูจืดชืดกว่าที่เขาคิด

    มีแค่นิกซ์ที่เบิกตากว้างแสดงอาการตกใจอย่างออกนอกหน้า อารันหลุบตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนอาห์นั้นเริ่มมองหาอะไรมาแคะหูตัวเองแล้ว

    “นึกไม่ถึงว่าเดี๋ยวนี้เรื่องเล็กน้อยยังต้องอาศัยจอมปราชญ์คอยเป็นนกส่งข่าวให้” โนอาห์มีสีหน้าเศร้าสลด “น่าเสียดายๆ...ไม่เลยว่าท่านจะมีวันนี้กับเขาด้วย”  

    สีหน้าเศร้าโศกของโนอาห์ยิ่งดูยิ่งเหมือนจริง

     เสแสร้งอย่างเหมือนจริงล่ะสิไม่ว่า!!

    หลี่เจิ้งหมินรีบพูดต่อ “ประเดี๋ยวก่อน! สองคนนั้นเคยมีเรื่องบาดหมางกับเจ้ามาก่อนไม่ใช่หรือไร ถึงอาเบลดูจะญาติดีกับเจ้าแล้วไม่น้อยก็ช่างมันเถอะ แต่เชื้อพระวงศ์ที่ชื่อซิกนั่นแน่นอนว่าไม่ใช่ สรุปแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ต่อให้คนอื่นไม่สนใจ แต่เจ้าจะทำเฉยเมยแบบนี้ก็คงไม่ได้แล้ว!”

    จอมปราชญ์กล่าวอย่างมั่นใจ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หอบหิ้วตัวเองมาหาพวกโนอาห์ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาจะสูญเปล่าเขาเสียแล้ว

    “สองคนนั้นจะมีเหตุให้ต้องประลองกันก็ไม่แปลก เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันได้ที่ไหน” อารันยักไหล่ เขาเองก็คิดมาแล้วตั้งแต่ต้นว่ายังไงเรื่องนี้ก็ต้องเกิด ที่น่าตกใจคือมันมาเร็วกว่าที่คิดต่างหาก

    นิกซ์ที่ตกใจพูดแย้ง “ใครว่าจะอยู่ไม่ได้ล่ะครับ ทีคุณอารันกับคุณโนอาห์ยังอยู่ด้วยกันได้เลย ยังมีคนอื่นๆอีก!!”

    สองคนที่ถูกกล่าวถึงมองนิกซ์ด้วยแววตาแปลกประหลาด เป็นโนอาห์ที่พูดขึ้นก่อนว่า “พวกเขาจะประลองกันหลังเลิกเรียนสินะ?”

    หลี่เจิ้งหมินตอบ “ใช่ตามนั้น คาดว่าพรุ่งนี้คงรู้กันหมดทั้งโรงเรียนเป็นแน่แท้”

    จอมปราชญ์ย่อมรู้สึกดีที่โนอาห์เริ่มสนใจต่อการต่อสู้ครั้งนี้เสียที ในขณะที่โนอาห์กลับนั่งนิ่งยกมือกุมคาง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นัยต์ตาหลุบลงต่ำ รวมทุกอิริยาบถแล้วเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

    “ถ้าเช่นนั้น...วันพรุ่งนี้พวกเราคงต้องไปดูกันเสียหน่อย” โนอาห์เอ่ยปากพูดพลางยกยิ้มประดับที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ทุกคนในห้องนี้รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี หลี่เจิ้งหมินตบเข่าดังฉาดหัวเราะชอบใจ อารันส่ายหัวไปมาเบาๆ จะมีก็แต่นิกซ์ที่รู้สึกว่าอากาศคืนนี้เริ่มร้อนเกินไปจนเขาเหงื่อตกมากอย่างผิดสังเกต

    ในบรรดาทั้งสี่คน มีเพียงหนึ่งที่อยากให้การประลองอะไรนั่นยกเลิกไปให้รู้แล้วรู้รอด

    แต่อีกสามกลับอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ใจจะขาดแล้ว!!

    เป็นไปตามที่หลี่เจิ้งหมินพูดไว้ ข่าวการประลองของสองบุคคลสำคัญในอวาลอนลือกระฉ่อนภายในเวลาไม่นานหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างยิ่งผ่านปากก็ยิ่งใหญ่โตมากขึ้นทุกที แต่ก็หลีกหนีความจริงไม่พ้นว่าการประลองครั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองจริงๆ

     อาจจะมากกว่าเมื่อครั้งที่อาเบลกับโนอาห์ต่อสู้กันในตอนปีหนึ่งเสียด้วยซ้ำ

                ยังไม่ต้องไปพูดถึงความสามารถของทั้งคู่ที่เหนือนำคนวัยเดียวกันไปไกล ประเด็นสำคัญซึ่งเริ่มเป็นที่พูดถึงบ้างแล้วก็คืออำนาจเบื้องหลังของอารันและซิก ฝ่ายหนึ่งเป็นบุตรชายคนสำคัญของตระกูลอัลซาเรซ หนึ่งในสี่เสาหลักของไอช่า ซีซาร์ อัลซาเรซบิดาของอาเบลก็ถือว่าเป็นขุนนางที่เก่งกาจ ว่ากันว่าสมัยที่เขายังหนุ่มความสามารถนั้นมากพอที่จะช่วงชิงตำแหน่งแม่ทัพมนตรามาแล้วด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้เจ้าตัวเลิกเดินในเส้นทางสายบริหารจนลบคำครหาในวันวานได้หมดสิ้น

                หากเป็นคนทั่วไป แค่ได้ยินคำว่าอัลซาเรธเป็นต้องเกรงกลัวในบารมี

                แต่ซิกไม่ใช่คนธรรมดาสามัญชนเหมือนพวกข้างต้น ลำพังแค่สายเลือดของเขาก็สูงส่งกว่ามนุษย์ทั่วไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ความรู้ความสามารถทางด้านเวทมนตร์ก็ได้รับการสั่งสอนมาจากทวีปอีเดนโดยตรง ต่อให้ชื่อเสียงของซิกในสายตาขุนนางสายอนุรักษ์จะเลวร้ายแค่ไหน ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพลังเวทของซิกนั้นเป็นของจริง

                กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เรื่องที่นักเรียนทุกคนให้ความสนใจล้อมวงคุยกันที่สุดมีอยู่สามเรื่องด้วยกัน นอกจากการประลองที่จะเกิดขึ้นในตอนเย็นระหว่างอาเบลกับซิกแล้ว แน่นอนว่าเรื่องแรกต้องเป็นการประลองเวทรูปแบบใหม่ที่พวกเขาพึ่งจะได้สัมผัสในปีนี้เป็นครั้งแรก เรื่องถัดมาเองก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน

    ซึ่งก็คือเรื่องของอาจารย์คนใหม่หลี่เจิ้งหมินกับนักเรียนมหัศจรรย์โนอาห์ การประลองที่เกิดขึ้นในคาบเรียนไม่รู้ว่าแพร่กระจายไปสู่คนภายนอกได้ด้วยกลวิธีใด บ้างก็ยกยอหลี่เจิ้งหมินไว้สูงส่งทัดเทียมฟากฟ้า อีกทั้งยังมีข่าวลือหนาหูว่าหลี่เจิ้งหมินแท้จริงแล้วเป็นยอดคนที่เก็บตัวมานานนับร้อยปีจากซูหมิง เพราะใช่ว่ายอดฝีมือจากซูหมิงมาด้วยตัวเองก็ใช่ว่าจะทำได้เหมือนกับสิ่งที่หลี่เจิ้งหมินทำลงไปเมื่อวาน

    นอกจากพวกโนอาห์แล้วก็ยังมีนักเรียนหออื่นๆมาเรียนวิชาศาสตร์การต่อสู้ขั้นพื้นฐานด้วยเช่นกัน ต่อให้วิชานี้จำกัดแค่นักเรียนปีสอง เมื่อมีคนรู้มากเข้า ตัวตนของหลี่เจิ้งหมินก็ยิ่งเป็นที่รู้จักต่อคนในโรงเรียนมากขึ้น ทว่าในทางกลับกันยังส่งผลทางอ้อมด้วยเช่นกัน

    ยิ่งหลี่เจิ้งหมินร้ายกาจมากขึ้นเท่าใด...ชื่อเสียงของโนอาห์ก็จะสะเทือนสามโลกมากเท่านั้น!!

          ดังนั้นการประลองเวทปีนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้บังคับให้นักเรียนลงแข่งกันทุกรอบ แต่ขอให้ลงประลองกันทุกคนในรอบแรก ในกรณีนั้นถือว่าได้คะแนนในการสอบภาคปฏิบัติถึงเกณฑ์แล้วเรียบร้อย อย่างไรก็ดีต่อให้จะมีคนไม่พอใจกับกฏกติกามากแค่ไหน พวกเขาเหล่านี้ก็ต้องฝืนจำยอมรับการประลองเวทรูปแบบนี้ไป

                เพราะข้างใต้ใบประกาศมีเขียนไว้ชัดเจนว่าความคิดทั้งหมดมาจากอาจารย์ใหญ่และเหล่าสหาย...

                คงไม่ต้องให้พูดกันอีกรอบว่าอาจารย์คือใคร และสหายที่ว่าคือคนพวกไหน เอาเป็นว่าแค่ประโยคบรรทัดสุดท้ายหยุดปากผู้คนได้ชะงัด จากนั้นแต่ละคนจะดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ไป พวกที่หาทีมกันโต้งๆตรงนั้นก็มี หรือคนที่ค่อยกลับไปปรึกษาหารือกับกลุ่มเพื่อนสนิทของตัวเองก็มี

                รวมไปถึงเพื่อนๆในชั้นปีสองของโนอาห์ ที่พากันเฮโลกลับมาพูดคุยเรื่องนี้ในห้องรับแขกของชั้นปีสองอย่างสนุกปากนั่นก็ใช่เหมือนกัน

                “พวกเรามีกันสิบห้าคน แบ่งได้สองทีมพอดี! มาจัดคนกันตอนนี้เลยดีกว่า!!” เดรคโพล่งขึ้น ก่อนที่จะถูกเอ็ดใส่โดยไรอันที่นั่งอยู่ข้างๆ

                “สองทีมบ้านแกสิ! เจ็ดบวกเจ็ดได้สิบสี่ ยังเหลือเศษตั้งคนนึง อีกอย่างแกถามความสมัครใจของคนอื่นๆกันหรือยังฮื้อ!?” คำพูดของไรอันใช่ว่าจะไม่มีมูล ต่อให้อยู่หอเดียวกันก็ใช่ว่าจะสนิทกันเท่าไหร่นัก บางคนไปสนิทกับคนหออื่นมากกว่าด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ดีในใจเขาก็อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยๆถ้าชนะชื่อเสียงจะได้เข้ามาที่หอซูซาคุทั้งหมดไม่ต้องไปแบ่งใคร

      เดรคเหมือนจะเอะใจได้ ถอนหายใจเล็กน้อย         

    ปีหนึ่งว่าเว่อร์วังอลังการแล้ว พอเจ้าตัวขึ้นปีสองกลับยิ่งแสดงอภินิหารหนักข้อขึ้นทุกที เปิดมาเรียนมาวันแรกก็ประเดิมด้วยมีเรื่องกับเจ้าชายคนสำคัญของทั้งสองดินแดนอย่างไม่กลัวเกรง พอมาวันนี้ความสามารถของเจ้าตัวยิ่งทำให้ผู้ตื่นตะลึงยังไม่หาย ทำให้ไรอันและคนอื่นๆอยากรู้ความคิดของโนอาห์เหลือเกิน ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

    โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเจ้าตัวเขาอยากจะพูดหรือไม่...

    โนอาห์ยื้มเจื่อน ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาเอ่ยปากอย่างแช่มช้า โดยที่เว้นจังหวะหายใจสังเกตสีหน้าทุกคนในห้องนี้อีกครั้ง “ฉันว่า...”

    “พวกนายจะมาถามฉันทำไมกัน เจ้าอารันที่เป็นหัวหน้าห้องสิน่าถามกว่ากันตั้งเยอะ” โนอาห์บุ้ยใบ้ไปทางอารันที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่อีกมุม คนถูกโยนประเด็นใส่เงยหน้ามาเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวรู้สึกขำขันกับวิธีเอาตัวรอดแบบฉุกละหุกของเพื่อนคนนี้

    อารันเองก็ไม่อยากจะตีรวนแผนนี้ซักเท่าไหร่ จึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ในความคิดของฉัน...ถ้าอยากจะจัดทีมเฉพาะพวกเรากันจริงๆ ก่อนอื่นต้องรู้เสียก่อนว่าเฉลี่ยฝีมือของแต่ละคนอยู่ในระดับไหน ทั้งสองทีมจะได้มีพลังรบเท่าๆกัน ไม่งั้นขืนให้คนเก่งๆกระจุกรวมกันอยู่ทีมเดียว คนที่เหลือก็น่าสงสารเกินไปแล้ว”

    อารันพูดได้มีประเด็นตรงจุดไม่พลาดเป้า

    ขาดก็แต่...ใช่ว่าทุกคนในที่นี้จะเปิดเผยกำลังความสามารถของตัวเองออกมาเต็มร้อยเสียเมื่อไหร่

    ต่อให้ในช่วงปีหนึ่งจะผ่านมรสุมมามากขนาดไหนก็ตาม คนที่รู้แจ้งแถลงไขในฝีมือของเพื่อนสนิทตัวเองยังมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ยังไม่นับระยะเวลาช่วงปิดเทอมที่อาจจะทำให้การพัฒนาก้าวกระโดดไปไกลนั่นอีก การเรียนวันแรกก็ไม่ได้ทำให้รู้อะไรมากนัก นั่นเป็นเพราะวิชาต่อสู้มีแค่คาบเรียนที่ได้เจอกับหลี่เจิ้งหมิน แล้วคนที่พอจะเรียกได้ว่ามีผลงานก็เหลือแค่โนอาห์เท่านั้น

    ทีนี้ความอลหม่านบังเกิดขึ้นอีกรอบ คนที่สนิทกันหน่อยก็แทบจะกอดคอกันไปประลองหน้าหอพักให้รู้แล้วรู้รอด คุยไปคุยมารู้สึกตัวอีกทีพบว่าเวลาล่วงเลยจนเกือบจะห้าทุ่มอยู่รอมร่อ ที่ยังเหลือก็มีแต่ก๊วนโต้รุ่งมีแกนนำคือไรอันเท่านั้น แน่นอนว่าพวกผู้หญิงแยกย้ายกลับห้องตัวเองเร็วกว่านั้นมาก ส่วนโนอาห์ก็ใช้ข้ออ้างว่าต้องนอนพักรักษาตัวปลีกตัวไปหลังจากนั้นเช่นกัน นิกซ์กับอารันก็อาศัยจังหวะนี้ขอกลับขึ้นห้องไปด้วยเลยในตอนนั้น

    “เฮ้อ...นับวันยิ่งมีแต่เรื่องสนุกๆมากขึ้นทุกที แต่ขืนเป็นแบบนี้ไปนานๆคงได้มีคนหัวระเบิดเข้าซักวัน” โนอาห์สลัดคราบคนป่วยทิ้งทันทีที่พุ่งตัวเข้ามาในห้อง ก่อนเขาจะชะงักเล็กน้อยเพราะข้างในมีแขกคนหนึ่งนั่งรอท่าอยู่นานแล้ว

    เป็นหลี่เจิ้งหมินที่นั่งอ้อยอิ่งอยู่บนพื้น เจ้าตัวมาได้แบบนี้คงฝากฝังบาฮามุทไว้กับพวกเซเรน่าเรียบร้อยแล้ว เขาพยักหน้าทักทายพวกโนอาห์ที่กำลังเข้ามาราวกับว่าเป็นเจ้าของห้องก็ไม่ปาน ทำเอานิกซ์คิ้วกระตุกเล็กน้อย อารันคล้ายกับว่าจะชินชาในตัวยอดฝีมือท่านนี้แล้วจึงทำเพียงยิ้มทักทายกลับ พวกเขาทั้งสามแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ดูจากสีหน้าทำเหมือนกับว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ใช่หนึ่งในอาจารย์ของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

    จะให้เปลี่ยนภาพลักษณ์ในใจของใครคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

    ยิ่งๆคนนั้นชอบทำตัวไม่สมกับฐานะอาจารย์ที่ห้อยคอไว้อยู่ยิ่งแล้วใหญ่

              “ฝีมือเจ้าพัฒนาขึ้นมากทีเดียว” หลี่เจิ้งหมินเปิดมาก็กล่าวชมใครบางคนก่อนเป็นอันดับแรก รอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่ใช่การเสแสร้งทำให้ผู้มองรู้สึกดีไปด้วย แต่นั่นไม่ใช่กับโนอาห์ในเวลานี้เท่าไหร่นัก

    เขาหัวเราะในลำคอ ประสานมือคารวะน้อยๆ “ไม่กล้าๆ ถ้าท่านไม่ออมมือให้...มีหรือที่ข้าจะมีชีวิตรอดมานั่งคุยกับท่านตรงนี้ได้”

    หลี่เจิ้งหมินโบกไม้โบกมือไปมา “เอาเป็นว่าช่างเรื่องนั้นไปก่อน ที่ข้ามาวันนี้ไม่ใช่เพื่อถกเถียงกับเจ้าทั้งคืนหรอกนะ”

    ทุกคนในห้องเหลือบตามองพร้อมกัน...

    “ว่าแต่...คุณเจิ้งหมินทำยังไงถึงมาเป็นอาจารย์ของที่นี่ได้ล่ะครับ” นิกซ์ถามอย่างข้องใจ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่มีข้อสงสัย ชายร่างเล็กเชื่อว่าคนอื่นๆก็มีความคิดดุจเดียวกัน

    เพียงแต่ทั้งโนอาห์และอารันต่างมีข้อสันนิษฐานของตัวเองในใจอยู่แล้ว

    หลี่เจิ้งหมินตอบโดยไม่ต้องคิด “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว กฎระเบียบมันเป็นอย่างไร ข้าก็แค่ทำตามนั้น แน่นอนว่าไม่ได้เล่นลักไก่อย่างแน่นอน”

    หลี่เจิ้งหมินไม่ได้พูดโกหก ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในอัลเทร่าหรือตอนที่ตระเวนไปรอบไอช่านั้น จอมปราชญ์ไม่เคยอยู่นิ่งๆหรือเดินไปเดินมาอย่างเดียว เขาเจอใครเป็นต้องตั้งคำถาม เจออะไรที่น่าสนใจก็สืบค้นต่อ อีกทั้งข้างกายยังมีมังกรอายุนับพันปีอย่างบาฮามุทอยู่อีกหนึ่ง ทำให้หลายๆเรื่องในอิซซูมีลเข้าหัวหลี่เจิ้งหมินแล้วเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อผสมผสานกับปัญญาของเจ้าตัว เรื่องจะกลมกลืนกับผู้คนในโลกนี้เห็นทีจะง่ายเป็นเปลือกกล้วยเข้าปาก

    ทว่าคำพูดของหลี่เจิ้งหมินออกจะมีข้อผิดพลาดอยู่บางจุด...

    ลำพังแค่ตัวเขาลงสมัครด้วยตัวเองก็ถือว่าลักไก่มากพอแล้ว!!

       “ถ้างั้นทำไม...” นิกซ์กำลังจะเอ่ยถามต่อ แต่หลี่เจิ้งหมินกลับตอบในทันทีราวกับล่วงรู้อนาคต

            เขาพูดยิ้มๆ “แน่นอนว่าด้วยฐานะทำให้ข้าเคลื่อนไหวสะดวกกว่า อีกอย่าง...ที่นี่มันก็มีอะไรน่าสงสัยหลายอย่างเหมือนที่เจ้าชิว...เอาเถอะ! ข้าถนัดเรียกเจ้าว่าชิวหลงมากกว่า!! เหมือนที่ชิวหลงว่าไว้ สถานที่แห่งนี้น่าสนใจจริงๆ”       

    “ท่านถ่อมาที่นี่เพื่อเรื่องแค่นี้?” โนอาห์เลิกคิ้วสนเท่ห์

    อันที่จริงการเวียนไปเวียนมาในอวาลอนโดยไร้ผู้ใดสังเกตเห็นจะไม่เกินมือหลี่เจิ้งหมินก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกจ้าวมนตราจะไม่รับรู้ด้วยเลย อันที่จริงโนอาห์คิดว่าพวกเมอร์ลินล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของหลี่เจิ้งหมินไปแล้วเรียบร้อย กระทั่งบาฮามุทเองก็ด้วยเช่นกัน แต่การที่หลี่เจิ้งหมินกับบาฮามุทสามารถเดินลอยหน้าลอยตาไปมาในอวาลอนได้แบบนี้ ที่สำคัญยังอยู่ในฐานะอาจารย์ คงต้องกล่าวได้ว่าฝีมือของจอมปราชญ์ไม่ได้ตกไปเลยจริงๆ

    ไม่รู้ว่าเบื้องหลังชายคนนี้จะไปลอบกระทำการอะไรไว้บ้าง...

    คิดไปแล้วก็ดีเสียเหลือเกินที่เขาอยู่ฝ่ายเดียวกัน

    หลี่เจิ้งหมินส่ายหน้าไปมา “แน่นอนว่าไม่ใช่” ตามด้วยประโยคที่ถึงกับเรียกความสนใจของคนทั้งห้องนอนเล็กๆนี้ได้ “แต่เป็นเรื่องที่ข้าบังเอิญไปได้ยินเรื่องดีๆมาต่างหากเล่า”

    แน่นอนว่าเรื่องบังเอิญของหลี่เจิ้งหมินย่อมต้องมีที่มาไม่ธรรมดา แต่ไม่ว่าเจ้าตัวจะล่วงรู้เรื่องอะไรมา ไม่มีทางที่จะเป็นคำเท็จอย่างแน่นอน ข้อนี้โนอาห์มั่นใจ และอารันกับนิกซ์ที่พึ่งจะรู้จักยอดฝีมือต่างโลกผู้นี้มาก็เชื่อมั่นแบบนั้น

    “อาเบลกับซิกจะประลองกันในสนามใหญ่พรุ่งนี้ตอนเย็น! เป็นอย่างไร!! น่าสนใจมากเลยใช่หรือไม่” หลี่เจิ้งหมินพูดอย่างได้ใจ แต่ดูเหมือนปฏิกิริยาของผู้ฟังจะดูจืดชืดกว่าที่เขาคิด

    มีแค่นิกซ์ที่เบิกตากว้างแสดงอาการตกใจอย่างออกนอกหน้า อารันหลุบตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนอาห์นั้นเริ่มมองหาอะไรมาแคะหูตัวเองแล้ว

    “นึกไม่ถึงว่าเดี๋ยวนี้เรื่องเล็กน้อยยังต้องอาศัยจอมปราชญ์คอยเป็นนกส่งข่าวให้” โนอาห์มีสีหน้าเศร้าสลด “น่าเสียดายๆ...ไม่เลยว่าท่านจะมีวันนี้กับเขาด้วย”  

    สีหน้าเศร้าโศกของโนอาห์ยิ่งดูยิ่งเหมือนจริง

     เสแสร้งอย่างเหมือนจริงล่ะสิไม่ว่า!!

    หลี่เจิ้งหมินรีบพูดต่อ “ประเดี๋ยวก่อน! สองคนนั้นเคยมีเรื่องบาดหมางกับเจ้ามาก่อนไม่ใช่หรือไร ถึงอาเบลดูจะญาติดีกับเจ้าแล้วไม่น้อยก็ช่างมันเถอะ แต่เชื้อพระวงศ์ที่ชื่อซิกนั่นแน่นอนว่าไม่ใช่ สรุปแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ต่อให้คนอื่นไม่สนใจ แต่เจ้าจะทำเฉยเมยแบบนี้ก็คงไม่ได้แล้ว!”

    จอมปราชญ์กล่าวอย่างมั่นใจ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หอบหิ้วตัวเองมาหาพวกโนอาห์ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาจะสูญเปล่าเขาเสียแล้ว

    “สองคนนั้นจะมีเหตุให้ต้องประลองกันก็ไม่แปลก เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันได้ที่ไหน” อารันยักไหล่ เขาเองก็คิดมาแล้วตั้งแต่ต้นว่ายังไงเรื่องนี้ก็ต้องเกิด ที่น่าตกใจคือมันมาเร็วกว่าที่คิดต่างหาก

    นิกซ์ที่ตกใจพูดแย้ง “ใครว่าจะอยู่ไม่ได้ล่ะครับ ทีคุณอารันกับคุณโนอาห์ยังอยู่ด้วยกันได้เลย ยังมีคนอื่นๆอีก!!”

    สองคนที่ถูกกล่าวถึงมองนิกซ์ด้วยแววตาแปลกประหลาด เป็นโนอาห์ที่พูดขึ้นก่อนว่า “พวกเขาจะประลองกันหลังเลิกเรียนสินะ?”

    หลี่เจิ้งหมินตอบ “ใช่ตามนั้น คาดว่าพรุ่งนี้คงรู้กันหมดทั้งโรงเรียนเป็นแน่แท้”

    จอมปราชญ์ย่อมรู้สึกดีที่โนอาห์เริ่มสนใจต่อการต่อสู้ครั้งนี้เสียที ในขณะที่โนอาห์กลับนั่งนิ่งยกมือกุมคาง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นัยต์ตาหลุบลงต่ำ รวมทุกอิริยาบถแล้วเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

    “ถ้าเช่นนั้น...วันพรุ่งนี้พวกเราคงต้องไปดูกันเสียหน่อย” โนอาห์เอ่ยปากพูดพลางยกยิ้มประดับที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ทุกคนในห้องนี้รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี หลี่เจิ้งหมินตบเข่าดังฉาดหัวเราะชอบใจ อารันส่ายหัวไปมาเบาๆ จะมีก็แต่นิกซ์ที่รู้สึกว่าอากาศคืนนี้เริ่มร้อนเกินไปจนเขาเหงื่อตกมากอย่างผิดสังเกต

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×