ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 0 อารัมภบท(Rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.15K
      731
      26 ธ.ค. 63

     

                กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  เหล่าเทพผู้สร้างได้ดลบันดาลผืนดินและท้องนภา สิ่งมีชีวิตมากหน้าหลายตาถือกำเนิดขึ้นมาพื้นพิภพ ทั้งสัตว์ป่าธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ง่ายๆ ไปจนถึงสัตว์ในเทพนิยายหรือตำนานที่มิอาจจินตนาการได้ถ้าไม่เคยเจอตัวเป็นๆมาก่อน

                องค์ประกอบเหล่านี้นำไปสู่ตำนานลือลั่นสะท้านโลกหรือเรื่องราวราบเรียบไม่มีอะไรโดดเด่นเด่น ผู้กล้าและจอมมาร เจ้าหญิงและอัศวิน จอมเวทและนักรบ ราชาและชาวบ้าน ทุกสรรพสิ่งช่วยแต่งเติมสีสันให้กับโลกใบนี้จนมองไม่เห็นเค้าเดิมอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผู้คนเรียกขานโลกใบนี้ว่า’อิซซูมีล’

                จวบจนเวลาล่วงเลยผ่านไป แต่ละกลุ่มอำนาจรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน จากหนึ่งเมืองกลายเป็นหนึ่งแคว้น และหลายๆแคว้นรวมกันก่อให้เกิดดินแดนอันกว้างใหญ่ หรือก็คืออาณาจักรทั้งห้าในห้วงเวลาปัจจุบันเรียกในอีกชื่อว่าห้าทวีป ซึ่งคานอำนาจกันมาเป็นเวลาหลายพันปี ไม่มีอาณาจักรไหนล่มสลายและไม่มีทวีปไหนรุ่งโรจน์ไปกว่ากัน ทุกๆฝ่ายเป็นขื่อคานซึ่งกันและกันอยู่เรื่อยมา

                จนกระทั่งเก้าอี้ขาที่ห้าเริ่มใหญ่โตไปไกลเกินกว่าผู้ใด

                ทริสแทนเริ่มขยายอำนาจขึ้นเรื่อยๆ กลืนกินเมืองชายแดนราวกับมังกรกลืนตะวัน ปัญหากระทบกระทั่งเช่นนี้ในกาลก่อนใช่ว่าจะไม่เคยปรากฏ แต่ความอหังการของทริสแทนพึ่งจะเผยให้เห็นเขี้ยวเล็บในวันนี้ แดนดินแห่งความมืดที่ถูกปกครองด้วยจอมมารประกาศศักดาไปทั่วทั้งแผ่นดิน กองทัพปิศาจเดินหน้าไปที่ใดล้วนถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง ภัยสงครามลุกลามไปทุกหย่อมหญ้า ความสงบสุขเป็นเพียงฝันที่ผู้คนเฝ้าถวิลหา

    อีกสี่ทวีปรู้ตัวดีว่าทริสแทนต้องถูกจัดการก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้ อาณาจักรทั้งสี่ยามอยู่โดดเดี่ยวแม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทริสแทน แต่เมื่อจับมือกันเป็นพันธมิตรก็เริ่มจะสร้างความลำบากให้กับทริสแทนได้ไม่มากก็น้อย

    ไอช่านำกองทัพจอมเวทอันเกรียงไกรที่สุดในอิซซูมีลเข้าประหัตประหารกับพลังอำนาจของจอมมาร พวกเขาเปรียบได้กับองค์ความรู้ที่ไร้ก้นบึ้งของกองทัพพันธมิตร เวทมนตร์ของปิศาจที่สร้างปัญหาให้กับใต้หล้าเริ่มหยุดชะงักเมื่อต้องเผชิญหน้ากับดินแดนแห่งมนตรา

    ซูหมิงที่มีทรัพยากรด้านกำลังคนและสรรพวุธมากที่สุดเองก็ใช่ว่าจะด้อยไปกว่ากัน หากพูดถึงวีรชนผู้มากความสามารถดินแดนนี้เป็นหนึ่งไม่มีสอง อาศัยความรู้ในการทำสงครามแปรเปลี่ยนกระบวนทัพเข้าต่อกรกับกองทัพปิศาจอย่างพิศดาร กำชัยมาได้หลายต่อหลายครั้งจนเป็นที่ครั่นคร้ามเลื่องลือมาอีกหลายพันปีให้หลัง

    บาเยนไฮด์ไม่มีจอมเวทที่มากความสามารถเหมือนไอช่า หรือยอดนักรบเทพยดาเช่นเดียวกับซูหมิง แต่สิ่งที่พวกเขาถือครองคือเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าทวีปไหนๆ คอยคิดค้นวิทยาการใหม่ๆนำมาใช้รับมือพลพรรคปิศาจได้อย่างเรื่อยๆชนิดที่ไม่รู้จักหยุดพัก สร้างความได้เปรียบให้กับกองทัพพันธมิตรได้อย่างต่อเนื่อง

    สุดท้ายเป็นเรียกได้ว่าเป็นผู้นำของกองทัพพันธมิตร หากทริสแทนเปรียบได้กับความมืดมิด ทวีปแห่งนี้ก็คือแสงสว่างที่แห่งสุดท้ายของทุกสิ่งมีชีวิตบนอิซซูมีล

    อีเดนดินแดนที่ว่ากันว่าเหล่าเทพผู้สร้างได้รังสรรค์ขึ้นเป็นที่แรก พื้นที่กว่าครึ่งถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้ยากที่หาจะตึกรามบ้านช่องเหมือนสี่ทวีปที่เหลือ แต่ทดแทนกันด้วยความบริสุทธ์ของมานาซึ่งมีมากกว่า ประชากรทั้งหมดล้วนเป็นอมมนุษย์ไม่ก็สัตว์ในเทพนิยาย พลังอำนาจในการสู้รบโดดเด่นที่สุดในบรรดากองทัพพันธมิตร คำว่าแสงสว่างของโลกไม่ใช่ได้มาเพราะจับฉลาก กองทัพแห่งแสงไล่กดดันจนกองทัพปิศาจเริ่มถอยร่นไปเรื่อยๆ

    จนในที่สุดศึกสุดท้ายก็มาถึง

    จอมมารนำสี่เทวาซาตานลงสู่สนามรบด้วยตัวเอง พลังทำลายล้างสูงส่งยากจะประมาณ จอมมารสะบัดมือไปคราใดกองทัพพันธมิตรตรงนั้นล้วนตรงแตกกระเซ็นซ่าน แต่ใช่ว่าจะมีแค่ทริสแทนที่ถือครองพลังอำนาจระดับสะเทือนฟ้าพินาศดินไว้เพียงผู้เดียว

    เวทมนตร์ศาสตร์มืดของขุนพลปิศาจยามเผชิญหน้ากับเจ็ดจ้าวมนตราของไอช่าหาปรากฏความได้เปรียบแม้เพียงนิด อานุภาพของกำลังที่เคยข่มขวัญทุกสรรพสิ่งไร้ซึ่งหนทางเมื่อต่อกรกับหกเทพสงครามของซูหมิง ขุมปัญญาล้ำลึกของปิศาจสูสีคู่คี่กับพลังความคิดของแปดนักปราชญ์จากบาเยนไฮด์ และความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดของมวลปิศาจเริ่มจะไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าหกเทพพิทักษ์ของอีเดน

    สมรภูมิรบครั้งนั้นกินเวลาไปกว่าเจ็ดวันเจ็ดคืน เสียงปะทะจากทั้งเวทมนตร์และอาวุธวิเศษดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งสามโลก ไม่มีคนรุ่นหลังคนไหนรู้ถึงบทสรุปของสงคราม บ้างก็ว่ากองทัพพันธมิตรเป็นฝ่ายเอาชัยได้ในท้ายที่สุด บ้างก็ว่าจอมมารแค่ถอยทัพไปฟื้นตัวรอวันผยองใหม่ แต่ถึงอย่างไรล้วนหลีกหนีความจริงไม่ได้ว่าในเช้าวันที่แปด กองทัพจากทริสแทนถอยร่นลึกเข้าไปในดินแดนปล่อยให้พื้นที่ซึ่งชิงมาได้ถูกปลดยึดคืนโดนกองทัพพันธมิตร

    หลังจากสงครามสิ้นสุดลงอย่างแท้จริง กองทัพพันธมิตรได้สร้าง’มหากำแพง’ล้อมกรอบทริสแทนเอาไว้ข้างใน ชายแดนของแต่ละทวีปมีกำแพงสูงใหญ่ขวางกั้นเป็นดั่งตัวป้องกันภัยไม่ให้กองทัพปิศาจมาเหิมเกริมอีกในวันหน้า และให้ระลึกถึงว่าความสัมพันธ์ของสี่ทวีปในตอนนี้ดีต่อกันมากแค่ไหน

    น่าเสียดายที่กาลเวลาเปลี่ยนแปลงผู้คนก็แปรเปลี่ยนไปตาม

                ไอช่ากับอีเดนยังพอมีผู้คนในยุคนั้นหลงเหลืออยู่เพราะเป็นดินแดนที่มีความลี้ลับอยู่มาก ไม่อายุยืนยาวด้วยเวทมนตร์ก็มีอายุเยอะอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน ต่างไปจากซูหมิงที่ตอนนี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆไม่เป็นหนึ่งเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป บาเยนไฮด์เองก็เริ่มกระหายในทรัพยากรมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มมีข้อพิพาทกับทวีปอื่นๆ

    ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่เป็นเพียงลมสงบก่อนพายุใหญ่ แต่ไม่มีใครนึกถึงว่าเรื่องราวหลังจากนั้นจะเป็นหนึ่งในตำนานที่ถูกหยิบยกมาเล่าขานอยู่หลายครั้ง เรื่องราวที่ถูกจารึกไว้ถึงอนุชนคนรุ่นหลัง นิทานยอดนิยมของเหล่ากวีในอนาคตข้างหน้าอันไกลแสนไกล

    มหากาพย์ที่พิสดารพันลึกและตระการตายิ่งกว่าตำนานบทไหน

    นั่นเป็นเพราะตัวละครเอกของเรื่องราวนี้หาใช่บุคคลธรรมดา เช่นเดียวกับบุคคลอื่นๆที่โลดแล่นในเวลาเดียวกันล้วนแยกไปเป็นตัวเอกในตำนานของตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ

    ทั้งหมดมันเริ่มขึ้นจากคืนวันหนึ่งในไอช่า บริเวณชายป่าใกล้ๆกับกับเมืองอัลเทร่าซึ่งเป็นเมืองหลวงของทวีป จากป่าเขาลำเนาไพรที่ควรจะสงบสุขเหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง หรือมากหน่อยก็มีหมาป่าออกมาเดินเพ่นพ่าน แต่วันนี้กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษกว่าหมาป่าหนึ่งฝูงออกล่าเหยื่อมากนัก

    การพบเจอกันของคนสองคนที่ไม่มีทางเป็นไปได้ รวมทั้งไม่มีผู้ใดคิดไปถึงว่าการพบเจอกันเพียงครั้งนี้จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนทั้สองไปตลอดกาล ทั้งยังทำให้อนาคตของอิซซูมีลต้องเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    “เจ้าเป็นใครกัน...” ชายหนุ่มผมสีดำยาวมัดเอาไว้ลวกๆ ดวงตาสีดำสนิทไม่แพ้ท้องฟ้าเบื้องบน รูปร่างสูงสันทัด แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ไม่น่าจะมีอยู่ในไอช่า ออกจะคล้ายชาวซูหมิงมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ดูไปดูมากลับมีอะไรๆหลายอย่างที่ไม่เหมือนชาวซูหมิงซะทีเดียว ตอนนี้เขากำลังยืนนิ่งชี้ไม้ชี้มือมายังชายอีกคนที่นั่งอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้า มือถือไม้เสียบเนื้อหมูป่ากำลังจ่อเข้าปากชะงักกึกไปทั้งอย่างนั้น

    “นายนั่นแหละเป็นใครกัน...” ชายที่นั่งอยู่มีลักษณะแต่งต่างไปจากชายหนุ่มคนแรกโดยสิ้นเชิง ผมสีเขียวยาวประบ่า ดวงตาสีฟ้าราวกับผืนนภายามกลางวันจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ รูปร่างผอมบาง เสื้อผ้ามองเผินๆเหมือนธรรมดาแต่ถ้าดูๆดีๆแล้วจะพบว่าเนื้อผ้าเรียบเนียนเกินกว่าชาวบ้านธรรมดาจะสวมใส่กัน

    ทั้งสองฝ่ายนิ่งเงียบงันไปซักพักใหญ่ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงตะโกนพร้อมกันเหมือนอ่านใจอีกฝ่ายได้ เสียงประสานที่ว่าดังมากพอจะทำให้นกกาที่หลับนอนอยู่แถวบั้นแตกฮือราวกับฝูงนกแตกรัง สัตว์เล็กๆอย่างกระต่ายวิ่งจ้ำอ้าวเพราะตกใจ

    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ย!!!”

     

    เรื่องราวบ้าๆที่จะผันเปลี่ยนเป็นมหากาพย์ในอีกหลายร้อยปีให้หลังได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×