ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic one piece] รักแบดๆของ my bad boy (All x Robin)

    ลำดับตอนที่ #40 : My bad boy -...★☆ Chapter 32 ☆★ งานเลี้ยงอำลา [บทส่งท้ายพิเศษ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 485
      53
      27 ก.ค. 63

    My bad boy -...★☆ Chapter 32 ☆★

    บทที่ 32

    งานเลี้ยงอำลา

    ฉันลงจากรถของเอสมาอยู่หน้าบ้านขนาดกลางหลังหนึ่ง บริเวณบ้านมีสนามหญ้าที่ตกแต่งอย่างดูร่มรื่น ตัวบ้านเองก็ดูสวยและน่าอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืนแล้วแต่ก็ยังมองเห็นทางได้ชัดเพราะแสงไฟที่ประดับและให้แสงสว่างตามทางและจุดต่าง ๆ

    “นี่บ้านใครเหรอ?” ฉันหันถามเอสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

              “บ้านซันจิน่ะ” เอสตอบพลางมองเข้าไปข้างในบ้านเหมือนกำลังมองหาอะไรอยู่

              “อ๋อ...” ฉันนึกขึ้นมาได้ในทันทีเมื่อเขาตอบแบบนั้น ปกติซันจิจะออกมาอยู่คนเดียว ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ไปบ้านของครอบครัวเขาเด็ดขาด

              “เข้าไปกันเถอะ” เขายิ้มบาง ๆ ให้ฉันพลางยกแขนขึ้นมาให้ฉันควง

              “...” ฉันมองแขนเขาอย่างลังเลว่าควรจะทำยังไงดี แต่ฉันก็ตัดความคิดมากออกไป “อื้ม ^^” ฉันยิ้มให้พลางคล้องแขนตัวเองไว้กับแขนของเขา

              เอสพาฉันเดินเข้าไปในบ้านของซันจิและเข้าไปในห้องกว้าง ๆ ห้องหนึ่งที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามด้วยของต่าง ๆ และเฟอร์นิเจอร์ ไฟแสงสีเปิดอยู่ภายในห้องทำให้ดูมีสีสันเพิ่มขึ้น เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานก็เปิดขับกล่อมอยู่ เบื้องหน้าของฉันมีพวกแบดบอยที่เหลืออีก 6 คนมายืนรวมกันอยู่

    “ยินดีต้อนรับสู่งานปาร์ตี้นะครับ โรบินจัง” ซันจิเป็นคนพูดขึ้นมาแล้วคนที่เหลือก็ดึงพลุกระดาษมาทางฉันพร้อมกัน

    “ขอบใจนะทุกคน” ฉันยิ้มและมองพวกเขาอย่างรู้สึกดีใจ พวกเขานี่ก็น่ารักเป็นเหมือนกันนะ

    “มานั่งทางนี้เลย” ลูฟี่ดึงแขนฉันให้เดินตามเขาไป ทำให้ฉันต้องปล่อยแขนอีกข้างที่คล้องแขนเอสไว้ออก

    ฉันนั่งลงตรงกลางของโซฟาซึ่งเป็นโซฟาที่โค้งเป็นครึ่งวงกลม ข้างหน้าเป็นโต๊ะทรงกลมและมีโซฟาเดี่ยวอีกสามตัวที่วางตรงข้ามกับโซฟาที่ฉันนั่งอยู่ ลูฟี่ที่เป็นคนลากฉันมานั่งลงที่ด้านขวาของฉันและลอว์ก็มานั่งต่อจากลูฟี่ ทางซ้ายมือฉันก็เป็นเอสตามด้วยซาโบ อีกฝั่งที่นั่งตรงข้ามฉันก็เป็นโซโลที่นั่งตรงกับฉันพอดี คิดนั่งด้านที่ใกล้กับซาโบ ส่วนอีกที่ที่ว่างอยู่เป็นที่ของซันจิ แต่ตอนนี้เขาไปยกพวกอาหารที่ทำไว้มาวางบนโต๊ะ

    “บอกแล้วแท้ ๆ ว่าวางอาหารไว้ก่อนก็ได้ เลยต้องมานั่งรอเนี่ย” ลูฟี่บ่นพลางยู่หน้า

    “ที่ต้องเอาอาหารมาวางที่หลังก็เพราะใครล่ะ ถ้าวางไว้ก่อนป่านนี้คงหมดไปแล้ว” คิดนั่งเอนหลังพิงโซฟาพลางมองลูฟี่ด้วยสายตานิ่ง ๆ

    “เดี๋ยวฉันไปช่วยยกดีกว่านะ จะได้เสร็จเร็ว ๆ” ซาโบพูดพลางทำท่าจะลุกขึ้น

    “ไม่ต้องหรอก มันมานู้นแล้ว...” โซโลว่าพลางพยักเพยิดไปทางซันจิที่เดินถือจานอาหารมาเต็มไม้เต็มมือ แม้แต่ตามแขนก็วางจานอาหารเอาไว้

    สุดยอดเห็นแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้เลย ปกติแค่วางเฉย ๆ ไม่ให้ตกก็ยากแล้ว แต่นี่เขาต้องเดินไปด้วย

    “อาหารพิเศษที่ปรุงด้วยหัวใจของผมเพื่อโรบินจังโดยเฉพาะเลยครับ” ซันจิพูดพลางวางจานอาหารลงบนโต๊ะ

    “ว้าว น่าทานทั้งนั้นเลย ขอบใจนะ ^^” ฉันยิ้มหวานให้ซันจิเป็นการขอบคุณ

    “คร้าบบบบ _” ซันจิทำหน้าเคลิบเคลิ้มก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา

    “อ้าว แล้วแบบนี้พวกฉันจะกินด้วยได้ไหมเนี่ย?” คิดถามพลางเหลือบมองซันจิ

    “พวกนายก็กินไปสิ แต่คนพิเศษคือโรบินจังเท่านั้น” ซันจิยิ้มและมองฉันด้วยใบหน้าแปลก ๆ ของเขาที่มักจะทำโดยไม่รู้ตัว

    “ไม่มีใครเขาอยากเป็นคนพิเศษของแกหรอก” โซโลพูดขึ้นนิ่ง ๆ

    “หา? พูดแบบนี้อยากกินรองเท้าแทนข้าวใช่ไหมวะไอ้หัวมอส” ซันจิหันไปเขม่นกับโซโล

    ฉันแอบถอนหายใจอยู่ในใจเมื่อมองภาพตรงหน้า ก่อนจะกระพริบตาครั้งนึงเพราะเหมือนจะเห็นอะไรแว่บ ๆ ผ่านหน้าไป ฉันหันมองด้านข้างก็เห็นว่าลูฟี่กำลังกัดน่องไก่เข้าปากอยู่ พลางอีกมือก็เอื้อมไปหยิบอาหารอย่างอื่นบนโต๊ะ ฉันมองไปรอบ ๆ โต๊ะก็เห็นคนอื่น ๆ เริ่มทานกันแล้ว

    “เฮ้ยพวกแก! แทนที่จะให้โรบินจังกินก่อน...” ซันจิที่เถียงกับโซโลจนถึงเมื่อกี้ก็หันมาเห็นคนอื่น ๆ ที่เริ่มกินกันแล้ว

    “ก็ยัยนี่มัวแต่ช้าอยู่นี่ ใครจะไปรอ” คิดพูดก่อนจะกินต่อ

    “พวกแกก็อย่ากินเยอะกันนักสิฟะ” ซันจิบ่นพวกนั้นก่อนจะหันกลับมาหาฉันพร้อมรอยยิ้มราวกับคนละคน “เดี๋ยวผมจะเอาน้ำส้มมาให้นะครับ...ส่วนพวกแกก็ไปหากินเอาเองก็แล้วกัน” หลังจากบอกกับฉันเสร็จ ซันจิก็พูดเสียงแข็งกับพวกนั้นต่อ

    “เฮ้! ไอ้คิ้วม้วน มีเหล้ารึเปล่า?” โซโลมองตามซันจิที่เดินไปจากโต๊ะ

    “มี มาเอาเอง!” ซันจิตะโกนกลับมา ก่อนโซโลจะลุกออกไปจากโต๊ะ

    “โรบิน...” เสียงเรียกทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ซาโบที่เรียกชื่อฉันก็เอื้อมมือตักอาหารมาวางไว้บนจานฉัน “รีบกินสิ เดี๋ยวเจ้าพวกนี้ก็กินหมดหรอก” ซาโบพูดข้ามเอสที่ตอนนี้เผลอหลับไปทั้งที่กำลังกินอยู่

    “ขอบใจนะ...” ฉันยิ้มให้เขาเล็ก ๆ ถึงจะรู้สึกดีที่เขาใส่ใจแต่ก็...ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี มันสับสนเพราะไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง

     

     

     

     

     

     

     

     หลักจากเราทานอาหารกันเสร็จ แต่ละคนก็เริ่มแยกย้ายไปตามมุมต่าง ๆ ของห้องเพื่อให้อาหารในกระเพาะได้พักย่อย บางคนก็ยังคงเสาะหาเครื่องดื่มมาดื่มต่อ บางคนก็เต้นกันอยู่ตรงที่ว่าง ส่วนฉันกับซาโบยังคงนั่งฟังเรื่องเล่าของซันจิอยู่ที่โต๊ะเดิมซึ่งเคลียร์จานออกไปหมดแล้ว

    “นี่ ฉันมีเกมมาเสนอ มาเล่นกันไหม?” คิดพูดขึ้นมาเสียงดังทำให้ทุกคนหันไปมองเขา

    “หือ? เกมอะไร?” เอสเลิกคิ้วและถามเขาอย่างสงสัย

    “อื้ม~” คิดลากเสียงพลางยิ้มมุมปากเหมือนกำลังคิดชื่อเกมหรือนึกชื่อเกมอยู่ “เกมขวดเหล้าเสี่ยงดวง”

    “เล่นยังไงเหรอ?” ลูฟี่ถามขึ้นต่อด้วยท่าทางสนอกสนใจ

    “ไว้จะอธิบาย แล้วจะเล่นไหมล่ะ? ใครกลัวแพ้หรือขี้ขลาดจะไม่เล่นก็ได้นะ” คิดพูดพลางวางขวดเหล้าเปล่าลงบนโต๊ะ เขานั่งลงประจำที่ก่อนจะยกยิ้มเชิงท้าทาย

    “ฉันไม่ได้ขี้ขลาดสักหน่อย” ลูฟี่ทำท่าเหมือนเอะอะโวยวายพลางเดินมานั่งที่โซฟาข้าง ๆ ฉัน

    “หึ ต่อให้ไม่พูดแบบนั้น ฉันก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” เอสยิ้มมุมปากก่อนจะเดินมานั่งลงที่เดิม

    “น่าสนุกดีนี่” โซโลแสยะยิ้มแล้วเดินมานั่งที่พร้อม ๆ กับลอว์ที่เดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วยหน้าเซ็ง ๆ

    “ฉันจะถือว่าทุกคนที่นั่งอยู่เข้าร่วมเกมนะ” คิดพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ โต๊ะ

    “...” ฉันเหลือบตามองทุกคนแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเพราะไม่อยากร่วมเกมที่คิดเป็นคนคิด

    “เดี๋ยว! เธอต้องเล่น นั่งลง” คิดชี้มาทางฉันแล้วพูดขึ้น

    “แต่ฉันไม่อยากเล่น” ฉันพูดพลางลุกขึ้นยืน

    “โรบินกลัวแพ้เหรอ?” ลูฟี่ถามฉันด้วยหน้าตาซื่อ ๆ

    “เปล่านะลูฟี่ แต่ฉันไม่ไว้ใจคนคิดเกม” ฉันพูดกับลูฟี่ก่อนจะหันไปมองคิด

    “ฉันจะให้เธอเป็นคนตั้งกฎ มีอะไรต้องกลัวอีกไหม? เล่นกับพวกฉันหน่อยไม่ได้รึไง?” คิดยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ พอมองไปที่คนอื่น ๆ ก็ทำเอาฉันยากที่จะปฏิเสธ

    “ก็ได้...” ฉันตอบตกลงไปพลางนั่งลงเหมือนเดิม ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก อีกอย่างฉันจะได้เป็นคนตั้งกฎด้วยนี่

    “ฉันจะอธิบายการเล่นแล้วนะ อย่างแรกที่ต้องบอกก่อนคือ ห้ามเลิกเล่นกลางคันจนกว่าจะถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือจนกว่าจะไม่มีสติที่จะเล่น” ฉันฟังคิดพูดจนประโยคสุดท้ายก็นึกตกใจขึ้นมา ทำไมถึงมีการไม่มีสติด้วยล่ะ?

    “หืม? จะทำอะไรน่ะ” ลอว์พึมพำขึ้นมา

    “ฟังไปเถอะน่า มีแต่คนกากเท่านั้นแหละที่จะเล่นไม่ไหว” คิดมองลอว์แล้วยิ้มมุมปาก เขาหันกลับมาแล้วพูดต่ออีกครั้ง “วิธีเล่นคือ จะให้หมุนขวดเหล้า โดยก่อนหมุนให้พูดคำสั่ง พอหมุนแล้วปากขวดชี้ไปทางใคร คนนั้นต้องทำตามที่โดนสั่ง ถ้าทำไม่ได้ ต้องกินเหล้าหนึ่งแก้ว เมื่อทำคำสั่งเสร็จก็จะได้หมุนและสั่งต่อจากคนก่อนหน้านี้ เป็นแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ จะสั่งหรือถามก็ได้ แต่ต้องตอบตามความจริง” คิดอธิบายพลางจับขวดเหล้านอนลงบนโต๊ะ

    “ก็ไม่ยากนี่” เอสหัวเราะอย่างนึกสนุก

    “ซันจิช่วยเอาเหล้ากับแก้วมาหน่อย” คิดหันไปมองซันจิ ซึ่งอีกฝ่ายก็ลุกไปโดยไม่บ่นอะไร “ฉันจะให้เธอตั้งกฎได้แค่สามข้อ ว่ามาเลย” คิดพูดและมองมาทางฉัน

    3 ข้องั้นเหรอ...ต้องตั้งให้ครอบคลุมที่สุด เพื่อให้เลี่ยงอะไรที่ฉันไม่โอเค

    “ข้อแรกห้ามสั่งหรือทำอะไรก็ตามที่เป็นการใช้ความรุนแรง ข้อสองห้ามโกง ข้อสาม...ห้ามทำหรือสั่งอะไรก็ตามที่เป็นเรื่อง 18+ จูบก็ไม่ได้!” ฉันพูดอย่างชัดเจนเพื่อให้รับรู้กันทุกคน

    “โห้...” หลงฉันพูดจบพวกเขาก็ส่งเสียงกันเบา ๆ อย่างเซ็ง ๆ และทำหน้าผิดหวัง

    “เอาล่ะ ฉันจะเป็นคนหมุนคนแรก เพราะฉันเป็นคนริเริ่ม” คิดพูดขึ้นเมื่อซันจิวางแก้วเหล้าไว้ให้ทุกคนแล้ว

    ฉันเหลือบไปเห็นตัวเลขที่ขวดเหล้าซึ่งบอกว่ามีแอลกอฮอล์ 40% ฉันคิดแค่อย่างเดียวเลยว่าต้องไม่ดื่ม ฉันต้องทำทุกคำสั่งให้ได้ ถ้าดื่มไปสักแก้วแล้ว ก็มีโอกาสที่จะดื่มจนเมาก็ได้ ขอไม่เสี่ยงดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าตอนนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อีกอย่างคำสั่งก็คงไม่ยากเกิน เพราะพวกนั้นเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ต้องทำคำสั่งจะเป็นใคร อาจเป็นเขาเองก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ อย่าโดนฉันเลยเถอะ

    “เต้นท่าที่น่าเกลียดที่สุดเท่าที่เคยทำมา” คิดพูดเสียงดังฟังชัดก่อนจะหมุนขวด

    เดี๋ยวนะ...นี่มันอะไรกันนนน นี่มันน่าอายที่สุด เขาไม่กลัวว่าจะโดนตัวเองเหรอ ฉันได้แต่บ่นในใจพลางมองขวดที่เริ่มหมุนช้าลง

    O_O!…” ทุกคนมองไปตามปากขวดพร้อมกัน ซึ่งก็ชี้ไปที่ลอว์

    “...” ลอว์หน้าถอดสีท่ามกลางเสียงเฮฮาของคนอื่น ๆ ฉันรู้สึกสงสารเขาอยู่หรอก แต่แอบโล่งใจมากกว่า

    “ถ้าไม่มีปัญญาเต้นจะดื่มก็ได้นะ ไออ่อน” คิดพูดยั่วโมโหลอว์แล้วหัวเราะในลำคอ ฉันว่าเขาก็คงรู้ดีว่าพวกนี้ทุกคนไม่เคยยอมถอยอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เลยยิ่งท้าทายเข้าไปอีก การดื่มก็เหมือนคำยอมแพ้นั่นแหละ

    “เหอะ...” ลอว์สบถอย่างหงุดหงิดแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง

    ฉันมองเขาที่เต้นประหลาด ๆ ขัดกับบุคลิกของเขาก็หลุดขำออกมา คนอื่น ๆ เองต่างก็ขำกันยกใหญ่โดยไม่กลัวว่าคนที่โดนขำจะอายหรือไม่ ก็มันตลกจริง ๆ นี่นา ทำไปได้...

    หลังเต้นเสร็จลอว์ก็มานั่งที่เดิมพลางเหลือบมองคิดด้วยความเครียดแค้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกลับยิ้มเยาะอย่างสะใจ ลอว์จับขวดเหล้าที่วางอยู่กลางโต๊ะเพื่อจะเริ่มเกมต่อไป

    “ให้บอกกับทุกคนในนี้ว่าฉันหล่อที่สุด แล้วมาก้มหัวคารวะให้ฉัน” ลอว์พูดก่อนจะหมุนขวด แต่คำสั่งแบบนี้นี่มันเอาเข้าตัวเองชัด ๆ

    “...เอ๋~” ลูฟี่ส่งเสียงเมื่อมันชี้มาที่เขา แต่ก็ดูเจ้าตัวจะไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคงมองว่าเป็นอะไรง่าย ๆ ที่แค่พูดออกไป “ฉันหล่อที่สุดดดด” ลูฟี่พูดขึ้นเสียงดัง

    “เฮ้ย! หมายถึงให้พูดชื่อฉัน ไม่ใช่...” ลอวืพูดขึ้นมาพลางทำสีหน้าเอือม ๆ ฉันก็ว่ามันแปลก ๆ ตอนที่ลูฟี่พูด เพราะฉันก็เข้าใจว่าให้ชมลอว์เหมือนกัน

    “งั้นเอาใหม่ก็ได้ ลอว์หล่อที่สุด!” ลูฟี่พูดขึ้นเสียงดังก่อนจะทำท่าคารวะให้ลอว์

    ฉันมองภาพที่เห็นอย่างขำ ๆ ถึงลอว์อาจจะดูพึงพอใจอยู่นิด ๆ แต่มันก็ไม่น่าภูมิใจท่าไหร่ที่คนที่พูดเป็นลูฟี่ เพราะลูฟี่เป็นคนพูดอะไรก็ดูไม่น่าเชื่อถือล่ะมั้ง ฮ่า ๆ

    “ต่อไปตาฉันล่ะนะ...” ลูฟี่พูดขึ้นเสียงดังก่อนจะค่อย ๆ แผ่วเสียงลง “สั่งอะไรดีนะ?...งั้นให้หมุนตัว 50 สิบรอบอยู่หน้าประตูแล้วเดินมาหาฉัน” เขาพูดก่อนจะหมุนขวดเหล้า

    “...” ฉันมองปลายขวดเหล้าที่หมุนจนปากขวดหันมาทางฉัน...หา?!

    “สู้ ๆ นะโรบิน” ลูฟี่ยิ้มให้ฉันอย่างส่งกำลังใจให้ อย่างน้อยมันก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่

    ฉันลุกแล้วไปยืนอยู่หน้าประตูซึ่งห่างจากโต๊ะมาประมาณ 2 เมตรก่อนจะเริ่มหมุนตัว พวกลูฟี่ช่วยกันนับในขณะที่ฉันหมุน พอเริ่มหมุนไปเรื่อย ๆ ของรอบตัวก็เริ่มจะหมุนตามไปจนฉันตาลาย แทนที่จะเมาเหล้าฉันคงเมาหมุนก่อน

    “50...” เสียงพวกเขาประสานกัน ฉันจึงหยุดหมุนแต่กลับเซจนจะทรงตัวไม่อยู่เลยต้องค้ำประตูข้าง ๆ ไว้

    “โรบิน ทางนี้ ๆ” ฉันเห็นลูฟี่ยืนขึ้นและกางแขนเหมือนรอให้ฉันเข้าไปกอด แต่สภาพฉันตอนนี้แค่เดินไปให้ถึงยังยากเลย

    ฉันพยายามเดินไปหาลูฟี่ถึงแม้จะเซหรือเกือบจะล้มไปบ้างก็ยังพอทรงตัวได้อยู่ พวกลอว์และซันจิที่นั่งก่อนจะถึงลูฟี่ก็ทำท่าจะช่วยรับถ้าเกิดฉันล้มขึ้นมา ฉันก้าวมาอยู่ตรงหน้าลูฟี่แล้วเอื้อมมือไปจับไหล่เขา แต่พลาดไปหน่อยทำให้ตัวฉันเอนไปทางลูฟี่และคางลงไปเกยบนไหล่เขาแทน

    “ไหวไหมโรบิน?” เขาถามพลางโอบหลังฉันไว้ แต่ดันหัวเราะอย่างสนุกมากกว่าเป็นห่วงนะเนี่ย

    “ไม่เป็นไร...” ฉันตอบพลางขยับออกจากไหล่ของลูฟี่หลังจากเริ่มกลับมาทรงตัวได้เป็นปกติ

    “ได้กำไรเลยนะ ลูฟี่” ซันจิพูดขึ้นพลางมองลูฟี่ด้วยสายตาที่ดูอิจฉาริษยา(?) แต่ลูฟี่ก็แค่หัวเราะอย่างสบายใจก่อนเราจะนั่งลงที่เดิม

    “ต่อไปจะสั่งอะไรคงต้องคิดดี ๆ แล้วล่ะ” เอสพูดขึ้นพลางทำสายตาคาดหวังและมองไปที่ขวดแก้วกลางโต๊ะ

    “ถ้าฉันจะสั่งแบบให้ใครสองคนทำอะไรสักอย่างแล้วหมุนขวดสองรอบ แบบนี้ได้ไหม?” ฉันถามพลางหันไปมองคิด

    “เอาสิ น่าสนุกดี แต่คนที่จะได้หมุนต่อไปต้องเป็นคนที่ปากขวดชี้ไปคนแรกเท่านั้น” คิดยิ้มอย่างเห็นด้วยกับความคิดฉัน

    “ให้ทั้งสองคนร้องเพลงด้วยกัน” ฉันพูดก่อนจะหมุนขวด ขอฉันนั่งฟังเพลงสบาย ๆ หน่อยเถอะ จะให้สั่งอะไรที่มันเปลืองแรงเยอะ ๆ คงไม่ดี

    “ซาโบล่ะ” ลูฟี่พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อขวดหันปทางซาโบ ฉันเริ่มหมุนอีกรอบและคราวนี้... “โห้ว...โรบิน” ลูฟี่หันมามองฉันที่โดนปปากขวดชี้มาอีกรอบ

    “ร้องเพลงอะไรดีล่ะ?” ซาโบยิ้มแล้วเดินไปหยิบไมค์มาสองตัว

    “เอ่อ...เพลงของพวกนายก็ได้” ฉันตอบพลางลุกขึ้นแล้วเดินไปรับไมค์ที่เขาส่งมาให้

    “นี่เธอฟังเพลงวงฉันด้วยเหรอ” เอสยิ้มอย่างดีใจพลางมองฉันอย่างใจจดใจจ่อ

    “ก็อยู่กับพวกนายทุกวัน พวกนายซ้อมกันจนฉันจำขึ้นใจแล้วล่ะ” ฉันตอบไปเหมือนกลัวเสียฟอร์ม(?) เพราะที่จริงแล้วฉันฟังตอนอยู่คอนโดบ่อย ๆ เลย เพลงของพวกเขามันเพราะจริง ๆ และก็สนุกดีด้วย

    ซาโบเปิดเพลงก่อนเขาจะมากระซิบแบ่งท่อนร้องกับฉัน เขาเริ่มร้องก่อนพลางมองมาที่ฉัน สีหน้าและท่าทางของเขาดูอินกับเพลงซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก เนื้อหาเพลงเป็นการชื่นชมและจีบอีกฝ่ายหนึ่ง นั่นทำให้ฉันรู้สึกเขินขึ้นมากับท่าทางประกอบเพลงของเขา ฉันพยายามข่มความรู้สึกสั่น ๆ ไว้ในใจแล้วร้องเพลงตอบเขา

    “ให้โอกาสฉันสักครั้งได้รึเปล่า เพราะที่จริงแล้วฉันรักเธอ~” ซาโบร้องเสียงหวานพลางมองตาฉันด้วยสายสายตาหวาน ๆ ยิ้มหวาน ๆ

    ตายแล้ว...ทำแบบนี้ฉันก็ตายน่ะสิ .///. ฉันหันหน้าหนีเขาไปอีกทางเพราะรู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้นมาเหมือนกำลังหน้าแดง

    “พอ ๆ มาเล่นต่อได้แล้ว ถือว่าทำไปแล้วล่ะกัน!” คิดพูดขัดขึ้นเสียงดังหลังจากเราร้องกันได้แค่ครึ่งเพลง

    “งั้นเล่นต่อละกันนะ” ฉันรีบวางไมค์แล้วเดินกลับไปนั่งที่แบบเนียน ๆ

    “เอาเป็นคำสั่งแบบกระชับมิตรหน่อยล่ะกันนะ...ให้ทั้งสองคนกอดกัน” เมื่อกลับมานั่งที่ซาโบก็เอ่ยคำสั่งขึ้นก่อนจะหมุนขวดแก้ว

    ขวดแก้วที่กำลังหมุนอยู่ค่อย ๆ หยุดลงแล้วชี้ไปที่ลอว์ ซาโบหมุนต่ออีกครั้งและคราวนี้มันก็ชี้มาที่ฉัน อีกแล้ว?

    “...” ฉันหันมองลอว์ซึ่งก็กำลังมองมาทางนี้ด้วยหน้าเดิม ๆ ของเขา เขาใช้การพยักหน้าเป็นการเรียกให้ฉันเข้าไปหา

    แค่กอดเอง...ก็ดีกว่าต้องดื่มล่ะนะ

    ฉันลุกไปหาเขาที่ยืนขึ้นมารอ เราเข้ากอดกันแล้วฉันก็ขยับออกเกือบจะทันที แต่เขากอดรั้งฉันไว้แน่นทำให้ฉันเหลือบมองเขาอย่างงง ๆ ลอว์วางคางลงเกยไหล่ฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ฉันเลยลูบหลังเขาเบา ๆ คล้ายกำลังปลอบ

    “ต่อ ๆ เบื่อจริงไอพวกโชคดีเนี่ย” คราวนี้ซันจิพูดขัดขึ้นบ้าง ทำให้ฉันกับลอว์ผละออกจากกันก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม

    “คนมันจะมีดวงก็คงมีดวงอยู่ดีนั่นแหละ” ลอว์ยกยิ้มในขณะมองไปรอบวงที่มีคนจ้องเขม่นอย่างหมั่นไส้อยู่ “หอมแก้มฉัน...ไม่สิ หอมแก้มกัน” ลอว์พูดคำสั่งแล้วเปลี่ยนใจเหมือนนึกขึ้นได้ว่ามีความเสี่ยงที่จะได้ไม่ตรงใจเขา

    ทุกคนมองขวดแก้วที่กำลังหมุนอย่างลุ้นใจจดใจจ่อ ทุกคนเริ่มโน้มตัวไปข้างหน้าพลางจ้องขวดที่หมุนช้าลงจนหยุดที่คิด

    “เฮ~” คิดส่งเสียงเฮอย่างออกหน้าออกตา

    “ยังไม่จบหรอก” ลอว์เริ่มหมุนอีกครั้ง

    ทุกคนมองอย่างลุ้นอีกครั้ง สายตาจดจ่อไปที่ขวดแก้วพลางโน้มตัวไปข้างหน้าและเริ่มส่งเสียงแข่งกันราวกับมันจะหมุนไปตามเสียงเชียร์ของเขา

    “โรบิน ๆ” คิดท่องชื่อฉันวนไปวนมา เจตนาเขาชัดเจนมาก = =

    “ไม่ใช่ ๆ” คนที่เหลือช่วยกันร้องเชียร์จนเริ่มกลบเสียงคิดไปและขวดแก้วก็ชี้ไปที่...

    “เฮ้ยยยยยยยยย” โซโลส่งเสียงดังหลังจากที่เงียบมานานจนปากขวดมันชี้ไปที่เขา

    “อะไรวะเนี่ยยยยย” คิดโวยวาย

    “ถ้าไม่ทำก็ดื่มเหล้าได้นะ” ลอว์หัวเราะในลำคอแล้วยกยิ้มมุมปาก “แต่ก็เท่ากับว่าแกยอมแพ้ เพราะยังไม่มีใครเขาดื่มเลยนะ ขนาดนิโคยะที่เป็นผู้หญิงยังทำทุกอย่างเลย แพ้ผู้หญิงก็ช่วยไม่ได้นะ”

    “พูดมากเลยนะแก!” คิดจ้องลอว์เขม็ง

    “แล้วทำไมฉันต้องซวยด้วยวะเนี่ย?!” โซโลขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด แต่คนอื่น ๆ กำลังมองอย่างชอบใจ

    “อย่าบ่นนักเลย ฉันก็เซ็งเหมือนกันนั่นแหละ” คิดพูดพลางเดินไปหาโซโลแล้วหอมแก้มอีกฝ่าย “พอใจนะ”

    “เฮ้ยยย” โซโลเอามือเช็ดแก้มพลางทำท่าทางขนลุกขนพอง

    “ฮ่า ๆ” ฉันหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่กลับโดนคิดกับโซโลเพ่งเล็งมาที่ฉันคนเดียว

    “ตาฉันแล้ว คอยดูเถอะ” คิดหัวเราะในลำคอก่อนจะจับขวดเหล้าไว้ “ให้ทำตัวเป็นหมาแล้วคลานมาหาฉันพร้อมทำตัวเป็นหมาที่เชื่อฟัง” พูดจบแล้วเขาก็หมุนขวดแก้ว ว่าแต่คำสั่งอะไรเนี่ย?

    “หึ ๆ” ท่ามกลางความอึ้งของทุกคนคิดก็หัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจที่ปากขวดมันชี้มาที่ฉัน

    “โรบิน เธอยอมดื่มดีกว่าไหม?” เอสกระซิบกับฉันเบา ๆ

    “...” ฉันมองคิดที่ยิ้มร้ายอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะก้มมองแก้วเหล้าตรงหน้า “ไม่เป็นไร...” ฉันพูดกับเอสเบา ๆ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ

    ฉันนั่งลงคุกเข่าก่อนจะคลานไปหาคิด ฉันเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ก้มลงมามองฉันพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ถ้าไม่ติดว่าต้องเป็นหมาแสนรู้ ฉันคงถือโอกาสกัดเขาไปแล้ว

    “เก่งมาก แม่หมาน้อยของฉัน” เขาลูบหัวฉันเบา ๆ เมื่อฉันคลานไปตรงหน้าเขา

    “...” ฉันหรี่ตามองเขาอย่างคาดโทษ

    “ขอมือหน่อยสิ” คิดยื่นมือมาตรงหน้าฉันเหมือนขอมือกับสุนัขจริง ๆ

    “- -...” ฉันตีมือวางลงบนฝ่ามือเขาแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้

    “เก่งมาก ไหนวางคางลงบนมือสิ” เขาจับมือฉันไว้ก่อนจะปล่อยออกแล้วแบมืออีกที

    ฉันวางคางลงบนมือเขาเหมือนกับเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนรู้ แต่ที่ฉันทำเพราะไม่อยากบ่นและอยากให้มันจบเร็ว ๆ

    “มาต่อกันได้แล้ว โรบินกลับมานั่งนี่” เอสพูดพลางตบโซฟาตรงที่ฉันนั่ง

    ฉันลุกขึ้นและรีบกลับไปนั่งที่ เอสมองฉันที่กลับมานั่งข้าง ๆ เหมือนกับจะสำรวจตัวฉันว่าบุบสลายไปรึเปล่า  ฉันจับขวดแก้วเพื่อจะสั่งอีกครั้งพลางคิดว่าควรจะสั่งอะไรดี

    “ให้จ้องตากัน 1 นาที” ฉันสั่งอะไรเบา ๆ อีกตามเคยแล้วหมุนขวดแก้วด้วยแรงที่พอเหมาะให้มันหมุนไม่นานเกิน

    “...” ซันจิที่โดนปากขวดชี้ไปก็ทำหน้าซีดขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าจะซวยได้คู่กับใคร แต่เมื่อฉันหมุนอีกรอบเขาก็เฮขึ้นมาทันที “เย้~ โรบินจังครับบบบ”

    ทำไมฉันโดนบ่อยจังเลยเนี่ย ฉันนั่งทิศอัปมงคลลเหรอ?

    “ฉันว่ามันธรรมดาไปนะ เอาเป็นว่าถ้าใครหลบตาก่อนจะต้องดื่มเหล้า” คิดพูดขึ้นมา

    “ทำไมต้องมาเปลี่ยนเอารอบฉันล่ะ” ซันจิโวยวายขึ้น

    ฉันมองพวกเขาเถียงกันอยู่ครู่หนึ่งก็กลายเป็นว่าคิดชนะไปตามคาด ซันจิยอมทำตามอย่างถอยไม่ได้ ฉันกับซันจิขยับไปอยู่ข้าง ๆ กันก่อนเราจะเริ่มจ้องตากัน สำหรับฉันเรื่องการจ้องตาไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย

    (:..” ฉันยิ้มบาง ๆ พลางจ้องตาเขา ตอนนี้ซันจิหน้าแดงจนห้ามไม่อยู่

    _” ซันจิตาเป็นรูปหัวใจแล้วหันไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัวเพราะเขาดันทำตัวโยกไปมา

    “ในที่สุดก็มีคนเปิดสักที” คิดหัวเราะในลำคอ

    “...!” ซันจิหันขวับมาเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองพลาดท่าซะแล้ว ฉันยิ้มขำ ๆ ก่อนจะกลับนั่งที่ อย่างซันจิน่ะจัดการไม่ยากหรอก

    ซันจิยกแก้วขึ้นดื่มอย่างช่วยไม่ได้ เขาดื่มจนหมดแก้วก่อนจะเติมเหล้าลงแก้วอีกครั้งเพื่อรอเกมต่อไป ถึงแม้หน้าเขาจะเริ่มแดงขึ้นและดูท่าทางว่าจะเมานิด ๆ แล้ว แต่ก็ยังมีสติอยู่ ดูท่าเขาจะคออ่อนอยู่เหมือนกันนะ

    “ให้ทั้งสองคนนั่งซ้อนกันจนกว่าจะเริ่มคำสั่งถัดไป” ซันจิพูดแล้วหมุนขวดแก้วกลางโต๊ะ

    “มาสักที!” เอสยกยิ้มอย่างท้าทายเมื่อจะได้เล่นเกมกับเขาบ้าง

    ซันจิเริ่มหมุนอีกรอบ ทุกคนมองจ้องไปที่ขวดเป็นตาเดียวกัน แต่คนที่ลุ้นที่สุดก็คงจะเป็นเอส ขวดที่หมุนอยู่ค่อย ๆ หมุนช้าลงเรื่อย ๆ จนแทบจะหยุด ปากเคลื่อนมาทางเอสอีกครั้งก่อนจะขยับต่อไปอีกนิดนึง

    “...” ฉันหันไปมองหน้าเอสที่หันมามองฉันพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนหมุนกาชาแล้วได้ของที่หวังไว้

    “มานี่สิ” เอสตีขาตัวเองเบา ๆ เป็นสัญญาณบอกให้ฉันขึ้นไปนั่ง

    “เอ่อ...” ฉันมองรอยยิ้มของเอสแล้วก็ไม่กล้าจะไปนั่งตักเขา เอาจริง ๆ แล้วถ้าแค่นั่งตักก็คงไม่ยากอะไร แต่รอยยิ้มเขามันทำให้ฉันต้องฉุกคิดอีกที

    “ฉันว่าเธอยอมดื่มดีกว่านะ” คิดพูดขึ้นมา สีหน้าเขาดูไม่สนับสนุนเต็มที่

    “อย่ามาขัดกันสิ” เอสขมวดคิ้วมองคิด

    “ทีรอบฉันแกยังยุยัยนี่ได้เลย” ทั้งสองคนจ้องกันไม่วางตา ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปแล้ว

    “เฮ้อ~” ฉันถอนหายใจก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งตักเขาพร้อมใช้มือโอบคอเขาไว้เพื่อให้เขาหันมาและเลิกตีกับคิดสักที

    “เฮ้ยยยย” เสียงคนอื่น ๆ ส่งเสียโวยวายพร้อมกันจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง แววตานี่ดูก็รู้ว่าอิจฉา แอบสะใจนิด ๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนได้แกล้งพวกเขาคืน

    “ไว้อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยหมุนละกัน” เอสพูดแล้วมองฉันอย่างอารมณ์ดีจนหน้าบาน จะดีใจอะไรขนาดนั้น

    “ไม่ได้ ทำแล้วก็ต้องรีบหมุนต่อสิ” ลูฟี่พูดขึ้นพลางตีหน้างอน

    “เร็วสิ” ฉันช่วยลูฟี่เร่งอีกแรง

    “ก็ได้ ๆ รีบกันจังเลยนะ...” เอสทำหน้าบูดก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ “เต้นเพลงของวงเราแบบเร็วคูณสอง” เอสพูดก่อนจะเอื้อมมือผ่านตัวฉันไปหมุนขวดแก้ว

    ขวดแก้วหมุนจนหยุดและชี้ไปทางโซโล เขายกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะคว้าแก้วตรงหน้าแล้วยกขึ้นเพื่อจะดื่ม

    “หยุดดดด” เอสร้องห้ามพลางยื่นมือเพื่อเบรกอีกฝ่ายไว้

    “สำหรับหมอนี่คงต้องเปลี่ยนจากให้ดื่มเป็นห้ามดื่มแทน ถ้าทำไม่ได้” คิดพูดขึ้นพลางดึงแก้วออกจากมือของโซโล

    “เอ้า - -*...” โซโลขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด

    “ถ้านายอยากดื่มก็ต้องทำนะ” ซาโบพูดแล้วยิ้มขำ ๆ

    “ก็ได้...งั้นฉันขอยื่นขอเสนอเพิ่มได้ไหม?” โซโลยกยิ้มอย่างดูมีแผน

    “อะไรของแกวะไอ้หัวมอส?” ซันจิแหงนหน้ามองโซโลที่ลุกขึ้น

    “เธอ ต้องมาเต้นกับฉัน ถ้าเธอยอม ฉันจะดื่มแทนเธอทุกรอบ” โซโลเหยียดยิ้มและมองมาที่ฉันซึ่งนั่งอยู่บนตักเอส

    “ฉันไม่อยากอนุมัติ บอกตามตรงว่าฉันอยากเห็นยัยนี่ดื่ม” คิดพูดขึ้นมาแลดูจริงจังกว่าทุกที แต่เรื่องอะไรที่ฉันจะยอมให้เขาได้หวังร้ายกับฉันล่ะ

    “ตกลง” ฉันตอบพลางลุกขึ้นแล้วเดินไปหาโซโล

    “เยี่ยม ถือว่าเราตกลงกันแล้ว คนอื่นไม่เกี่ยว” เขายิ้มอย่างพอใจก่อนจะเดินออกไปตรงที่ว่างแล้วเลือกเพลงที่จะเปิด “เธอเต้นเพลงไหนเป็นบ้าง?”

    “ก็ได้อยู่หลายเพลง เอาเพลงที่มันเต้นช้าหน่อยดีกว่า พอเร่งจังหวะจะได้ไม่เร็วมาก” ฉันคุยกับโซโลอยู่ที่เครื่องเล่นเพลง

    โซโลเปิดเพลงหนึ่งขึ้นมาและเร่งจังหวะให้มันเร็วขึ้นเป็นสองเท่า เขาหันมองฉันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เริ่มเต้นพร้อมกัน

    เพลงของพวกเขาแทบไม่มีเพลงไหนที่เต้นช้าเลย ขนาดเพลงที่เต้นช้าที่สุดพอเป็นแบบความเร็วคูณสองก็เร็วขึ้นมาก เราเร่งจังหวะและรีบเต้นให้ทันจังหวะ ถึงจะเหนื่อยแต่มันก็ทำให้จบเพลงได้เร็วขึ้น จังหวะที่หมุนตอนจบขาฉันก็ดันพันกันจนเซแล้วล้มทับโซโลที่อยู่ข้าง ๆ

    “เฮ้ยยยยย” เป็นอีกครั้งที่พวกเขาส่งเสียงพร้อมกัน

    “อ๊ะ...ขอโทษนะ” ฉันค้ำพื้นข้าง ๆ แล้วขยับตัวขึ้นจากอกเขา

    “ลุก ๆ” เสียงพวกเขาบางคนพูดพร้อมกันและลุกฮือกันขึ้นมา

    “เธอเป็นอะไรไหม?” ลูฟี่กับเอสช่วยกันดึงตัวฉันขึ้นมาแล้วมองสำรวจตัวฉัน

    “ฉันไม่เป็นไร” ฉันตอบไม่ทันจบก็โดนพวกเขาดึงแขนให้กลับไปนั่งที่โซฟา

    “เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน” โซโลบ่นอุบพลางยันตัวลุกขึ้น

    “ใครเพื่อนใคร” ทั้ง 6 คนพร้อมใจกันพูดเป็นเสียงเดียว

    หลังจากกลับมานั่งที่การเล่นเกมก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างเพลินกับเกมจนไม่รู้ตัวเลยว่าผ่านไปหลายรอบจนครบเวลาที่คิดตั้งไว้แล้ว หลัง ๆ เริ่มเป็นการถามความจริงซะหลายข้อ ทำให้หลาย ๆ คนต้องเลี่ยงด้วยการยอมดื่มแทน ซึ่งฉันก็แทบจะไม่ทำหรือตอบอะไรที่ตัวเองลำบากใจเลย เพราะมีโซโลดื่มแทนตลอด งานนี้ฉันไม่เมาแน่นอน

    “แอบ...ชอบ...ใคร...อยู่” ซันจิที่เมาจนเริ่มจะนอนฟุบพูดแล้วหมุนขวดแก้วเบา ๆ แล้วขวดก็หยุดลงในไม่ช้าซึ่งมันก็ชี้มาที่ฉัน

    “...” ฉันคิดอย่างชั่งใจก่อนจะเห็นพวกเขาที่มองฉันกันอย่างตั้งใจฟัง ฉันดันแก้วเหล้าไปทางโซโลเพื่อบอกให้เขาดื่มแทน เพราะฉันจะไม่ตอบ

    “ข้อนี้ฉันขอไม่ช่วยนะ...” โซโลผลักแก้วกลับมาแล้วพูดนิ่ง ๆ

    “ตกลงกันแล้วไม่ใช่รึไง?” ฉันมองโซโลนิ่ง ๆ และแอบใช้สายตากดดันนิด ๆ

    “ยกเว้นข้อนี้” เขาพูดอย่างยืนยันและมั่นคงว่าจะไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด

    “...” ฉันถอนหายใจเล็ก ๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นแล้วกลั้นใจดื่ม

    “ถ้าไม่อยากตอบขนาดนั้น...ก็เอามานี่” โซโลดึงแก้วไปจากมือฉันก่อนจะดื่มเองจนหมด

    “แค่บอกว่าชอบพวกฉันมันยากนักเหรอ?” คิดมองฉันแล้วยิ้มมุมปาก

    “พูดอะไรของนาย ฉันไม่มีทางชอบเด็กอย่างพวกนายหรอก” ฉันมองเขากลับด้วยสายตานิ่ง ๆ

    “...” พวกเขาต่างหันหน้ามองกันก่อนจะหันมามองฉันพร้อมกัน “เด็กแล้วยังไง จะชอบจะรักกันไม่ได้เลยเหรอ?” พวกเขาพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียว ทำเอาฉันมองอย่างอึ้ง ๆ

    “...ครบเวลาแล้วนี่ งั้นฉันเลิกเล่นนะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อหันไปเห็นนาฬิกาที่ผนัง

    “หนีเหรอ?” โซโลหัวเราะในลำคอ

    “ก็...ฉันอยากกลับแล้วนี่...ยังไงก็ขอบคุณมากนะ วันนี้ก็สนุกดีนะ” ฉันพยายามกลบเกลือนก่อนจะพูดอย่างเป็นธรรมชาติและยิ้มให้พวกเขา

    “ถ้าอย่างนั้น...ก่อนจะไปพวกเรามีอะไรอยากจะให้เธอน่ะ” ซาโบพูดขึ้นมาพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน

    “ลุกขึ้นก่อนสิ” เอสพูดพลางลุกขึ้นยืน คนอื่น ๆ ต่างพากันลุกตาม

    “...?” ฉันมองอย่างงง ๆ แล้วลุกขึ้นยืนตามเขา

    โซโลยกโต๊ะที่อยู่ตรงกลางออกไปวางข้างผนังแล้วกลับมายืนรวมกับคนอื่นเหมือนเดิม เราต่างยืนมองหน้ากันโดยที่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไร

    “อึก...ขอบคุณนะครับโรบินจังที่อยู่ด้วยกันในทุกวันอังคาร ผมมีความสุขมาก ๆ เลยครับถ้าผมทำตัวแปลก ๆ ใส่ก็ขอโทษด้วยนะครับ เพราะโรบินจังน่ารักมากเลยนี่ครับ” ซันจิพูดขึ้นอย่างเป็นปกติหลังจากที่โดนลอว์เอายากรอกปากจนเขาหายจากอาการมึน ๆ

    “อ่า...ฉัน...ขอโทษนะที่ปากร้ายใส่เธอบ่อย ๆ นะ ถึงยังไงฉันก็ยังไม่ไว้ใจเธออยู่ดี แต่ก็ต้องขอบคุณที่เธอคอยช่วยดูแลหลาย ๆ อย่างและช่วยงานฉันบ่อย ๆ อย่างน้อยเธอก็คงไม่ได้โรคจิตอย่างที่คิด” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา ฉันคิดว่าต้องรับความรู้สึกดี ๆ ไว้ แต่ก็เหมือนโดนว่าด้วยนะ

    “ฉันรู้สึกว่ายังอยู่กับเธอไม่คุมเลยนะ ถ้าเธอคิดว่าฉันไม่น่าไว้ใจ...เธอคิดถูกแล้วล่ะ” คิดหัวเราะในลำคอ ฉันก็นึกว่าจะพูดอะไรที่ดี ๆ ซะอีก “ฉันใช้เบอร์เดิมตลอด ถ้าเหงาก็ชวนฉันไปห้องได้นะ”

    ‘= =…เสมอต้นเสมอปลาย

    “ฉันขอบคุณเธอนะที่เข้ามาเป็นความทรงจำดี ๆ ให้ฉัน และขอโทษที่ทำให้เธอต้องลำบากด้วยจริง ๆ ฉันขอโทษนะ” ซาโบก้มหัวให้ฉันแล้วยิ้มบาง ๆ ทำไมอยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกถึงความดราม่าในตัวเองเนี่ย ขอบตามันร้อนผ่าวขึ้นมา แต่ฉันก็เก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้

    “ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ฉันก็ยังคิดกับเธอแบบเดิมนะ  ฉันสนใจเธอและถูกใจเธอจริง ๆ จากนี้ถ้ามีอะไรก็บอกฉันได้เสมอเลยนะ ไม่ว่าเธอจะรู้สึกยังไง ฉันก็จะยังคงอยู่ข้างเธอเสมอ แบบไหนฉันก็โอเคทั้งนั้น” เอสพูดแล้วยิ้มบาง ๆ ให้ฉันอย่างจริงใจ แบบนี้ก็เหมือนสารภาพรักน่ะสิ

    “โรบิน ฉันชอบเธอมากเลยล่ะ อยู่กับเธอก็สนุกมาก ๆ เธอใจดีกับฉันเสมอเลย ต่อจากนี้เธอก็เป็นพรรคพวกคนสำคัญของฉันแล้วนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง” ลูฟี่พูดแล้วยิ้มกว้างให้ฉันและฉันก็ยิ้มตอบเขาอย่างเอ็นดู

    “ดูแลสุขภาพตัวเองดี ๆ ล่ะ ถ้าไม่อยากเสียเงินไปหาหมอก็มาหาฉันได้นะ” ลอว์พูดจบแค่นั้น ทำเอาฉันงงนิด ๆ ก่อนจะหลุดขำออกมา

    “ฉันเองก็ขอบคุณ...” ฉันพูดไม่ทันจบพวกเขาทั้งหมดก็เข้ามากอดฉันไว้รวมกันเป็นกลุ่ม ฉันมองอย่างงง ๆ ถึงอยากจะกอดตอบก็ทำไม่ได้เพราะขยับตัวไม่ถนัด ฉันได้แต่ยื่นนิ่งและหลับตาลงจดจำความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ไว้

    ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้รู้ว่า พวกแบดบอยก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนะ...

     


    ☆★☆★

    จะจริงเหรอออออ รอดูเลยโรบินนนน

    ตอนนี้เป็นตอนชิล ๆ ส่งท้าย แต่งให้ยาวเป็นพิเศษเลย ขอคอมเมนท์ให้ชื่นใจหน่อยนะคะ

    ถ้าเมนท์น้อยไรท์คงเสียกำลังใจแย่

    ถ้าตอนหน้าอัพช้า เมนท์เป็นเหตุ สังเกตได้


    Tiny Hand
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×