ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic one piece] รักแบดๆของ my bad boy (All x Robin)

    ลำดับตอนที่ #37 : My bad boy -...★☆ Chapter 29 ☆★ คนสำคัญ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 324
      52
      7 ก.ค. 63

    My bad boy -...★☆ Chapter 29 ☆★

    บทที่ 29

    คนสำคัญ

    ฉันเดินอยู่ข้าง ๆ ซาโบที่กำลังมุ่งหน้าไปถ่ายรายการที่สตูดิโอหนึ่ง เมื่อเข้าไปเจอกับพวกทีมงานเขาก็เอ่ยทักทายทุกคนตามมารยาท ก่อนจะเข้าไปที่ห้องแต่งตัว ซึ่งไม่ใช่ห้องแยกแบบทุกที เพราะโดยปกติพวกแบดบอยมักจะขอห้องแต่งตัวแยกเป็นกรณีพิเศษเสมอ

    “สวัส...ดีครับ...” ซาโบเอ่ยขึ้นเต็มคำในจังหวะแรก ก่อนเสียงจะค่อย ๆ แผ่วลงเมื่อเห็นคนที่อยู่ภายในห้องเต็มตา ราวกับเจอคนที่คาดไม่ถึง

    “...?” ฉันมองซาโบแล้วสลับไปมองผู้หญิงคนนั้นที่ลุกขึ้นและหันมาทางพวกเราด้วยความสงสัย

    “ไง ซาโบคุง ไม่เจอกันนานเลยนะ” เธอยิ้มบาง ๆ และเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร

    “โคอาล่า?...เธอหายไปไหนมา?” ซาโบเดินเข้าไปหาเธอและเอ่ยถามออกไป น้ำเสียงเหมือนเริ่มปลดปล่อยความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมา ฉันที่ยืนมองอยู่ข้างหลังยังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงสั่น ๆ และความหวงหาที่ส่งผ่านมาจากคำถามนั้น

    “ฉันขอโทษนะที่หายไปโดยไม่ได้บอกอะไรเลย” เธอเอ่ยขอโทษด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ ก่อนจะหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างร่าเริงขึ้น “เอ่อ...แล้วผู้หญิงคนนี้แฟนนายเหรอ?”

    “ไม่ใช่หรอก เพื่อนน่ะ เธอชื่อโรบิน” ซาโบตอบแล้วแนะนำฉัน ฉันจึงก้มเล็กน้อยเป็นการทักทายอีกฝ่ายที่เป็นคนในวงการเดียวกันกับซาโบ

    “สวัสดีค่ะ คุณโรบิน” เธอก้มหัวตอบฉันและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “เป็นเพื่อนแบบพี่น่ะ ฉันคงไม่อยากยุ่งกับความรักแล้วล่ะ” ซาโบพูดต่ออีกครั้งด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนกำลังประชดประชัน ฉันได้แต่มองเขาจากข้างหลัง ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบใจเลย รู้สึกเหมือนกำลังโดนกระแทกเข้ามาในใจ

    “เหมือนมีพี่สาวสินะ นั่นสินะ นายก็มีพี่น้องผู้ชายด้วยนี่ ถ้ามีพี่สาวด้วยก็คงดีเนอะ” โคอาล่าพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มในขณะที่กำลังนึกถึงความสัมพันธ์พี่น้องของคนตรงหน้า

    พี่น้อง...คำนั้นมันปรากฏอยู่ในหัวฉัน ทำให้ความคิดบางอย่างเริ่มดำเนินไป

    “มันก็คงดีกว่าบางความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคง” ซาโบพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ พลางมองไปที่คนตรงหน้า ฉันไม่เคยเห็นซาโบเป็นแบบนี้มาก่อน เหมือนเขากำลังคุมความรู้สึกตัวเองไม่อยู่ จะว่าโมโหก็ไม่ใช่ เศร้าก็ไม่เชิง ความรู้สึกของแต่ละช่วงที่ผ่านมาและความรู้สึกหลาย ๆ อย่างกำลังมารวมกันอยู่ในตัวเขา

    “ฉันรอเธอมา 3 ปี...แล้ว...อยู่ ๆ เธอก็...” ซาโบพูดออกไปอย่างลำบากราวกับพยายามข่มเสียงและอารมณ์ไม่ให้มันสั่นไหว ในสมองคงพยายามเรียบเรียงสิ่งที่อยากพูดทุกอย่างตามลำดับ เพราะดูเหมือนเขามีหลายเรื่องที่ยังติดอยู่ในใจ

    “ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันรู้ว่ามันไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ผ่านมาได้...” เธอมองตาของคนตรงหน้าพลางน้ำตาเริ่มคลออยู่ที่ขอบตา ดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้าคงสะท้อนอะไรบางอย่างออกมาทำให้เธอตอบสนองต่อมันหรือเป็นความรู้สึกที่เธอรู้สึกมาตลอด...

    จากที่ฉันมองอยู่ตอนนี้ก็คงได้แต่เดาไปต่าง ๆ นานา เพราะฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกตัวได้ในตอนนี้คือ ฉันไม่ควรอยู่ตรงนี้รึเปล่า? ฉันจึงเลือกเดินออกไปรอข้างนอกแบบเงียบ ๆ

    “แล้วระหว่างเรา...ตอนนี้มันคืออะไร?” เสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินในตอนออกมาเป็นเสียงที่เขาเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดไป

    “...” ฉันปิดประตูลงและหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเดินออกห่างห้องนั้น ตอนนี้สมองฉันคิดคาดเดาเรื่องราวไปไกลและเริ่มจะเชื่อในส่งที่ตัวเองคิดแล้ว มันอาจเป็นแบบที่ฉันเข้าใจจริง ๆ ก็ได้

    สองคนนั้น... ฉันหยุดคิดและละไว้ในฐานที่เข้าใจพลางยกมือขึ้นนวดขมับที่เริ่มปวดหัวขึ้นมา

    ซาโบบอกว่าเขาโสด งั้นก็แสดงว่าเป็นแฟนเก่า? แต่ดูซาโบจะยังมีเธออยู่ในใจอยู่เลยนะจากคำพูดเขาแล้วก็เหมือนฉันโดนปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ได้สารภาพรักอะไรเลยน่ะสิ แต่รู้ก่อนก็ดีจะได้ตัดใจตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ฉันรู้สึกกับเขาไปแล้วด้วยสิเผลอคาดหวังไปซะแล้ว

    กึก

    ฉันหันไปมองประตูห้องแต่งตัวที่เพิ่งปิดไปอยู่ห่าง ๆ ซาโบที่เดินออกมาด้วยใบหน้าที่ดูเศร้า ๆ เดินต่อไปเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ เขาไม่ได้หันมามองฉันด้วยซ้ำ

    เจ็บเหมือนกันนะ ฉันเองก็เสียใจ แต่จะให้เขารู้ความรู้สึกจริง ๆ ของฉันไม่ได้

    นายโอเคไหม?” ฉันเดินเข้าไปหาเขาและพูดอย่างเป็นห่วง ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคือไม่อยากให้เขาเสียใจ เมื่อเทียบกันแล้วความรู้สึกของฉันมันคงไม่เจ็บเท่าเขาหรอก

    ฉันไม่โอเคเลย…” เขาพูดออกมาพลางกอดฉันไว้และซบหน้าลงที่ไหล่ฉัน ฉันมองเขาอย่างอึ้ง ๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรง ๆ และมาพึ่งพาฉันแบบนี้

    ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ข้างนายเสมอฉันพูดพลางลูบหลังเขาเบา ๆ

    ฉันควรทำยังไงดี?” เขาถามขึ้นด้วยความสับสน

    “…” ฉันเงียบอย่างลำบากใจเพราะไม่รู้ว่าควรตอบอะไรถึงจะดี ฉันพยายามคิดแล้วกลั่นกรองคำพูดออกไป ทำตามที่ใจนายต้องการเถอะ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นนายต้องเสียใจนะ ถ้าถอยได้ก็ควรถอย ยังไงก็คิดถึงความเป็นไปได้ด้วย จะได้ไม่พลาดแล้วต้องมาเสียใจกว่าเดิม ฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรของพวกนายหรอกนะ แต่ถ้าให้พูดในภาพรวมฉันก็มีสองทาง

    สองทางเหรอ?” เขาผละออกมาและมองหน้าฉัน

    อื้อหนึ่งคือถอยออกมา อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันจบไป ในเมื่อเดินทางผ่านมาแล้วก็อย่าย้อนกลับทางเดิม ผลมันก็จะซ้ำเดิม ไปต่อเพื่อรักษาตัวเองไม่ให้เจ็บซ้ำไปมากกว่านี้ หรือสองคือยอมเจ็บเพื่อให้ลองทำหรือพยายามจนถึงที่สุดแล้ว ถ้ามันไม่สำเร็จจริง ๆ นายก็จะเจ็บ แต่อย่างน้อยก็ได้พยายามแล้ว จะได้ไม่ต้องมาคิดทีหลังว่า ถ้าตอนนั้นทำแบบนี้ก็ดี ถ้าตอนนั้นก็ดี เผื่อว่าบางทีครั้งนี้จะจบไม่เหมือนเดิม ก็ไม่ต่างกับการเดิมพัน อาจแพ้หรือชนะก็ได้ ไม่มีทางจะรู้ได้ หากไม่ลองเสียงดูฉันพูดไปตามเหตุผลที่คิด ตามความเป็นจริงโดยตัดความรู้สึกส่วนตัวออกไป ถึงจะแอบคิดว่าบอกให้เขาจบมันซะ อาจจะเป็นผลดีกับฉันมากกว่า แต่เรื่องนี้มันสำคัญตรงที่ใจเขา ต่อให้ฉันดึงเขาออกมา แต่ใจเขาไม่ได้มาด้วย มันก็ไม่มีประโยชน์ ให้เขาตัดสินใจเองดีกว่า

    “…ขอบคุณนะ ฉันจะเอาไปคิดดูเขามองฉันในขณะที่คิดตามก่อนจะเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ไม่ได้สดใสเหมือนทุกที

    ตอนนี้ก็ทำตัวให้ร่าเริงขึ้นได้แล้วนะ เดี๋ยวต้องถ่ายรายการแล้วนะ อย่าให้แฟนคลับที่ดูต้องเป็นห่วงสิฉันพูดพลางยิ้มให้เขา

    นั่นสินะ ขอโทษที นี่ฉันทำให้เธอเป็นห่วงใช่ไหม?” เขายิ้มก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ

    ก็ต้องเป็นห่วงสิ ก็นายเป็นเหมือนน้องชายของฉันนี่นาฉันตอบและยิ้มให้เขาเหมือนปกติ

    คุณซาโบครับ ใกล้ถึงเวลาเข้ารายการแล้วครับทีมงานที่มาตามพูดขึ้น

    งั้นฉันไปก่อนนะเขาพูดขึ้นหลังจากทีมงานคนนั้นเดินไป

    สู้ ๆ นะฉันยิ้มให้ซาโบก่อนเขาจะเดินไป น้องชาย…” ฉันพูดคำนี้เบา ๆ ตอนที่เขาเดินห่างไปแล้ว

    ฉันควรไปดูเขาถ่ายรายการหรือจะแอบไปนอนพักให้หายปวดหัวดีนะ?’ ฉันได้แต่ยืนลังเล ไม่รู้ว่าทำไมถึงปวดหัวขึ้นมา เป็นเพราะใช้ความคิดเยอะ หรือเพราะฉันดูแลร่างกายไม่ดี?

    เฮ้อ~ ทนเอาหน่อยละกันฉันพึมพำแล้วเดินตามพวกเขาไป

     

     

     

     

     

     

     

    ฉันมานั่งกับพวกคนดูในห้องส่ง การอัดรายการก็เริ่มดำเนินขึ้น พิธีกรรายการกล่าวเปิดรายการและพูดเกริ่นเกี่ยวกับรายการวันนี้ เมื่อถึงเวลาที่จะเปิดตัวผู้ร่วมรายการนี้ พิธีกรก็พูดแนะนำพวกเขาสั้น ๆ แล้วเดินหลบออกมา บนเวทีเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงดนตรี ก่อนผู้ร่วมรายการแต่ละคนจะออกมาบนเวทีพร้อมกับร้องเพลงของตัวเองต่อ ๆ กันไปจนถึงคนสุดท้าย ซึ่งก็คือซาโบ เขาเดินขึ้นไปบนเวทีหลังจากอีกคนเดินหลบออกไป เสียงกรี๊ดจากเหล่าผู้ชมในห้องส่งดังขึ้นมากเป็นพิเศษและค่อย ๆ เบาลงเมื่อเขาเริ่มร้องเพลง

    “เสียงกรี๊ดดังจนสตูดิโอจะแตกเลยนะครับแต่ละท่าน” หลังจากเพลงจบลงพิธีกรก็พูดขึ้นอย่างแซว ๆ “เอาละครับ ขอเชิญทุกท่านประจำตำแหน่งที่แท่นของตัวเองเลยครับ” สิ้นเสียงพิธีกรทุกคนก็เดินไปประจำที่ของตัวเอง

    “ด่านแรกจะเป็นการตอบคำถามนะครับ ทุกคนต้องเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้อุปกรณ์ตัวช่วยที่จะเป็นประโยชน์ในด่านที่สองนะครับ ด่านที่สองจะเป็นด่านที่ต้องรักษากระดาษไว้ไม่ให้เปียก ใครที่กระดาษเปียกน้อยที่สุดก็จะชนะไปแล้วเข้าสู่ด่านที่สามซึ่งเป็นความลับนะครับ ถ้าชนะในด่านที่สามก็จะได้เข้าไปลุ้นเงินรางวัลเพื่อเป็นทุนให้กับโรงเรียนวันพีซวิทยาคมและยังได้เงินรางวัลให้กับตัวเองด้วยนะครับ” พิธีกรอธิบายกับผู้เข้าแข่งคร่าว ๆ ก่อนจะอธิบายแต่ละด่านซ้ำอีกทีเมื่อถึงเวลา

    การตอบคำถามในด่านแรกเริ่มขึ้น ผู้แข่งทุกคนต่างพยายามข่มความตื่นเต้นและอาการลนของตัวเองไว้ แต่สำหรับซาโบแล้วการตอบคำถามคงเป็นอะไรที่เขาชินแล้วจึงยืนชิล ๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ก็กดตอบได้เร็วที่สุดตลอด จนคนอื่นเริ่มลำบากใจกันแล้ว

    “โอ้โห้ ซาโบคุงตอบเร็วตลอดเลยนะครับ รีบเหรอครับเนี่ย” พิธีกรพูดอย่างแซว ๆ คนอื่น ๆ พากันขำเล็ก ๆ

    “ผมอยากรู้ว่าที่แท่นเขาปุ่มยังดีอยู่ไหมครับ ตบรัวขนาดนี้ปุ่มน่าจะแบนไปแล้ว ฮ่า ๆ” เพื่อนร่วมวงการอีกคนพูดขึ้นแล้วหัวเราะขำ ๆ ส่วนซาโบก็ได้แต่ยิ้มอย่างเขิน ๆ

    “สงสัยช่วงนี้ผมมือไวครับ เพราะถ้ามือไม่ไวก็โดนลูฟี่แย่งกินหมดสิครับ” ซาโบตอบแล้วหัวเราะ

    “นั่นสิคะ ฮ่า ๆ” โคอาล่าพูดขึ้นแล้วหัวเราะขำ ๆ ทุกคนต่างรู้จักลูฟี่ดีว่าเรื่องกินนี่เป็นอันดับหนึ่ง

    “บางทีน่าเชิญเขามาแข่งกินดูนะครับ” ผู้ชายอีกคนพูดเสนอขึ้นมา

    “แบบนั้นผมเชื่อว่าวงผมน่าจะขึ้นอันดับแรก ๆ หลายคนเลยล่ะครับ” ซาโบหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้นแล้วหัวเราะร่า

    “ถ้าเจ้าของรายการแข่งกินได้ยินแล้วต้องรับไปพิจารณานะครับ” พิธีกรหันไปพูดทีเล่นทีจริงกับกล้อง ก่อนจะหันไปหาผู้เข้าแข่ง ”งั้นเรามาต่อกันที่คำถามพิเศษดีกว่านะ คำถามนี้ตอบถูกจะได้คะแนน 10 คะแนน ตอบเร็วก็จะบวกคะแนนไปอีกตามลำดับว่าใครตอบเร็วตอบช้า เพื่อจัดอันดับในการแจกอุปกรณ์เสริมที่จะใช้ในด่านที่สอง ทำคะแนนกันให้ดีนะครับ เพื่อจะได้ตัวช่วยดี ๆ กัน”

    หลังจบคำถามพิเศษคะแนนก็ออกมาเป็นไปตามที่คาด ซาโบได้ที่ 1 และคนอื่น ๆ ก็ได้คะแนนไล่เลี่ยกันเพราะคำถามข้อสุดท้าย

    “สำหรับที่หนึ่งนะครับ จะได้รับตัวช่วยเป็นร่มครับ เราไม่มีเสื้อกันฝนให้นะครับ เพราะเสื้อกำลังกันคุณฝนอยู่หน้าประตูเลยไม่ว่าง ฮ่า ๆ ห้าบาทสิบบาทก็เอาครับ” พิธีกรส่งร่มให้กับซาโบ ท่ามกลางมุขแป็กก็ยังมีเสียงหัวเราะดังให้ได้ยิน แม้แต่โคอาล่าที่ร่วมแข่งเองก็หัวเราะอยู่เหมือนกัน

    เมื่อแจกอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จแล้วทุกคนก็มายืนประจำที่ในสระยางขนาดใหญ่ ผู้เข้าแข่งต่างพากันหาทางเก็บกระดาษไว้ให้ดีที่สุด เพราะถ้ากระดาษเปียกหมดก็จะแพ้

    “ผมจะนับถอยหลังแล้วนะครับ 3...2...1” พอพิธีกรนับ 1 น้ำก็เทลงมาจากเพดาน

    ซ่า~

    “...?!” ทั้งฉันและคนดู รวมถึงโคอาล่าเองก็พากันตกใจ เมื่อซาโบเลื่อนร่มที่ถืออยู่ไปบังไว้เหนือหัวโคอาล่าแทน

    “กรี๊ดดดดดด” แฟนคลับต่างพากันกรี๊ดด้วยความชอบใจและชื่นชม หรือเพราะตัวอีกฝ่ายเปียกจนเสื้อสีขาวแนบเนื้อก็ไม่รู้

    มันก็สมเหตุสมผลดีที่ซาโบจะเสียสละเพื่อผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวของรายการ แต่ในใจมันก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ ฉันกลบความรู้สึกแปลก ๆ พวกนั้นด้วยการสนใจเหตุการณ์ในรายการต่อ

    “สมกับที่ใคร ๆ เขาเรียกว่าพี่ชายผู้แสนดีจริง ๆ เลยนะครับ” พิธีกรพูดขึ้นพลางเดินไปที่ซาโบโดยมีเสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนคลับตอบรับ

    “ซาโบคุง...ขอบใจนะ” โคอาล่าโค้งขอบคุณซาโบ เธอเองก็ดูงง ๆ และทำตัวไม่ถูก

    “ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้” ซาโบพูดพลางลูบหน้าที่เปียกน้ำแล้วเสยผมขึ้นไป ทำให้เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้อีกรอบ

    “จากพี่ชายที่แสนดีสู่แฟนที่แสนดีรึเปล่าคลับเนี่ย?” พิธีกรแซวโดยไม่รู้เรื่องระหว่างสองคนนั้นมาก่อน แฟนคลับก็พากันส่งเสียงกรี๊ด แต่ทั้งสองกลับหันมองกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะหันหน้ากลับไปเหมือนเดิม

    “แย่จังกระดาษผมเปียกซะแล้วครับ แบบนี้คือแพ้ใช่ไหมครับ?” ซาโบหยิบกระดาษที่ใส่ไว้ใต้เสื้อออกมา

    “น่าเสียดายนะครับเนี่ย อุตส่าห์เริ่มเกมมาได้ดีแท้ ๆ  แต่กลับต้องแพ้ไปก่อน สำหรับซาโบคุง” เสียงปรบมือดังขึ้นในขณะที่ซาโบก้มหัวให้กับผู้ชมแล้วเดินออกไป

    ในขณะที่พิธีกรไล่ตรวจกระดาษของแต่ละคนเพื่อหาคนเข้ารอบไปสู่ด่านที่สาม ฉันก็แอบลุกออกจากที่นั่งไปเงียบ ๆ เพื่อไปดูซาโบที่ออกจากรายการไปก่อน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    4 โมงเย็นก็เสร็จงานทุกอย่างทำให้มีเวลาว่างมานั่งที่ร้านกาแฟด้วยกันและดูเหมือนว่าซาโบจะเป็นลูกค้าประจำร้านนี้ซะด้วย แถมในร้านยังเปิดรายการที่ซาโบเคยไปออกมาอีก

    “นายนี่ไปรายการพวกนี้บ่อยนะ” ฉันพูดหลังจากวางแก้วกาแฟลง

    “ก็ช่วยไม่ได้นี่ เวลามีงานแบบนี้พวกนั้นก็โยนให้ฉันตลอด ถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครทำ” เขาพูดก่อนจะกัดโดนัทเข้าปาก

    “ทำเป็นเท่ได้ตลอดเลยไอ้บ้านั่น...” เสียงของคนคุยกันที่โต๊ะข้าง ๆ ทำให้ฉันตั้งใจฟัง “ที่จริงก็เป็นแค่โจร ต่อให้ชุบตัวยังไงก็เป็นแค่สวะอยู่ดี”

    “...” ฉันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ฉันมองซาโบที่ทำหน้าเฉย ๆ ก่อนจะพูดพึมพำ “ว่าคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง...”

    “ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจคำพูดของคนพวกนั้นหรอก” ซาโบยังคงกินต่ออย่างไม่ใส่ใจนัก

    “แต่ฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดแบบนี้อยู่ดี” ฉันฟังด้วยความหงุดหงิดเพราะเสียงยังคงดังมาให้ได้ยิน

    “ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะว่าฉันยังไง ตราบใดที่มันไม่ได้มายุ่งกับคนสำคัญของฉัน ฉันก็จะไม่ทำอะไร” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะฟังที่พวกนั้นพูดอยู่เหมือนกัน

    “ดูเหมือนมันจะเป็นเด็กมีปัญหา ทางบ้านก็มีฐานะมีหน้ามีตาแท้ ๆ แต่ดันไปทำเลวซะได้ ถ้าไม่โชคดีมีแมวมอง คงจะตายในคุกไปแล้ว” ผู้ชายคนหนึ่งที่โต๊ะนั้นพูดขึ้น

    “ไม่น่าเอาพวกนั้นออกมาเลย รำคาญลูกตา” เสียงชายอีกคนพูดขึ้นบ้าง

    “คนพวกนี้มัน…” ฉันขมวดคิ้วอย่างโมโห

    “ช่างมันเถอะ เรื่องแค่นี้ไม่สำคัญอะไรหรอก” ซาโบพูดอย่างใจเย็น

    “ก็มันน่าโมโหนี่ สำหรับฉันนายก็เป็นคนสำคัญนะ แล้วจะให้ฉันทนฟังพวกนั้นมันว่านายได้ยังไง” ฉันกำมือไว้แน่นด้วยความโมโหและหงุดหงิด ฉันอยากปิดปากเน่า ๆ พวกนั้น

    “น่ารักจังเลยนะ” เขาพูดพลางอมยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “แต่มันเป็นปกติที่เขาจะคิดแบบนั้น จะมีสักกี่คนที่คิดว่าพวกฉันเป็นคนดีล่ะ”

    “...” ฉันเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี ก็ฉันเป็นห่วงเขานี่นา ถึงจะมีเหตุผลยังไง ฉันก็ไม่อยากให้เขาโดนทำร้าย ไม่ว่าจะทางกายหรือใจก็ตาม “งั้นฉันไม่พูดดีกว่า...” ฉันตัดใจไม่จะพูดอะไรแล้วถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะพูดความเป็นห่วงที่มีออกไปยังไง

    “...!” ซาโบหันไปมองทางกระจกร้านก่อนจะขมวดคิ้วแล้วรีบวิ่งออกไป

    ฉันมองเขาอย่างงง ๆ ก่อนจะรีบลุกไปดูที่หน้าร้าน แต่ก็มองหาเขาไม่เจอแล้ว ฉันกลับเข้าไปนั่งในร้านเพื่อรอเขา เพราะให้วิ่งตามไปก็คงหาไม่เจอ เผลอ ๆ จะสวนทางกันอีก รอเขากลับมาคงดีกว่า

     

     

     

     

     

     

    ฉันรอเขาอยู่เป็นชั่วโมงจนต้องออกจากร้านมาก่อนแล้วรออยู่นอกร้านแทน แต่เวลาก็ผ่านไปจนฟ้าเริ่มมืดแล้วเขาก็ยังไม่กลับมาสักที ฉันเริ่มใจไม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะโทรก็ไม่ติด ฉันไม่ได้คิดว่าซาโบจะเป็นอะไรหรอกนะ แต่กลัวว่าเขาจะโกรธฉันมากกว่า

    ทำไมเขาถึงหายไปแบบนี้ล่ะ โกรธหรือไม่พอใจที่ฉันถอนหายใจแล้วพูดแบบนั้นรึเปล่า เขาจะเข้าใจเจตนาฉันผิดไหม? ฉันคิดมากไปต่าง ๆ นานา แต่อีกใจก็พยายามคิดอย่างมีเหตุผล เขาอาจจะติดธุระรึเปล่านะ อาจเป็นเรื่องสำคัญ...

    เขาอาจจะไม่มาแล้วก็ได้ฉันตัดใจและเลิกรอเขาพลางเดินไปตามข้างทางช้า ๆ เผื่อจะมีรถแท็กซี่ผ่านมา

    “นั่นโรบินเหรอ?” รถคันหนึ่งมาจอดลงใกล้ ๆ ฉันทำให้ฉันหันไปมองรถที่จอดอยู่ข้างหลัง

    “เอส?...” ฉันมองคนที่โผล่หน้าออกมาจากรถคันใหม่ที่เขาเพิ่งได้มาไม่นาน

    “ทำไมมาเดินอยู่แบบนี้ล่ะ แล้วซาโบไปไหนล่ะ?” เขาถามขึ้นหลังจากไม่เห็นซาโบอยู่แถวนั้น

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...” ฉันพยายามจะยิ้มให้เขาแต่ก็ทำไมไม่ได้ ฉันเลิกทำหน้าเศร้าไม่ได้เลย มันเหมือนจะร้องไห้ เมื่อคิดหลาย ๆ อย่าง ฉันกลัวเขาจะทิ้งฉันแล้วหายไปเลย...

    “หมายความว่ายังไง? แล้วโทรหาหมอนั่นรึยัง?” เอสขมวดคิ้วอย่างงง ๆ

    “โทรแล้วแต่ไม่ติดน่ะ” ฉันตอบพลางก้มหน้าลงมองโทรศัพท์ที่ยังไม่มีการโทรกลับ

    “...ก็ปกติล่ะนะ หมอนี่ติดต่อไม่ได้อยู่บ่อย ๆ บางทีก็ไม่รับ แล้วยังชอบตัดสายอีก” เอสถอนหายใจก่อนจะบ่นเรื่องเก่า ๆ เหมือนอัดอั้นมานาน “เอ่อ...แล้วนี่เธอจะไปไหน?”

    “ฉันกำลังจะกลับคอนโด” ฉันตอบด้วยเสียงเอื่อย ๆ

    “กลับยังไง? จะเดินกลับเหรอ?” เอสยังคงทำหน้างงเหมือนกำลังสงสัยหลาย ๆ อย่าง

    “ถ้ามีแท็กซี่ผ่านมาฉันก็ไม่เดินหรอก...” ฉันถอนหายใจพลางมองไปที่ถนน

    “ขึ้นมาสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง” เขาพยักพเยิดให้เข้าไปในรถ

    “ฉันไม่รบกวนนายหรอก” ฉันหันหน้ากลับแล้วกำลังจะเดินต่อ

    “ขึ้นมาเถอะน่า ฉันจะรับผิดชอบแทนพี่น้องฉันเอง แล้วฉันก็มีเรื่องอยากถามด้วย” เขาลงมาดึงข้อมือฉันให้ขึ้นไปบนรถ ก่อนจะบ่นพึมพำ “ทำไมหมอนั่นถึงทิ้งเธอไว้แบบนี้เนี่ย”

    “ขอบใจนะ...” ฉันพูดขึ้นเบา ๆ

     


    ☆★☆★

    ขอโทษด้วยนะคะ ทุกคนอย่าเพิ่งด่าไรท์นะ ไรท์คิดเอาไว้แต่แรกแล้ว 555+

    แต่ไม่ต้องห่วง ไรท์จะแต่งให้ครบทุกคู่เลย ไม่ว่ารีดเดอร์จะเชียร์ใคร ไรท์จะแต่งให้หมด(แต่จะแต่งหมดเมื่อไหร่ 555+)

    ตอนนี้เอาดราม่าไปเบา ๆ 

    จะกลับมาแก้คำผิดที่หลังนะ ไรท์รีบแต่งสุดแล้ววววว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×