ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic one piece] รักแบดๆของ my bad boy (All x Robin)

    ลำดับตอนที่ #36 : My bad boy -...★☆ Chapter 28 ☆★ คนที่ไม่น่าไว้ใจคนนี้

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 345
      43
      1 ก.ค. 63

    My bad boy -...★☆ Chapter 28 ☆★

    บทที่ 28

    คนที่ไม่น่าไว้ใจคนนี้

    ฉันเดินไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงออดและรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนมากด เมื่อฉันเปิดประตูออก เขาก็เดินเข้ามาทันทีโดยไม่ต้องมีการกล่าวทักทายหรือเชื้อเชิญ ฉันจึงปิดประตูลงแล้วเดินตามอีกฝ่ายที่เดินไปนั่งที่โซฟา

    “ดอกไม้ช่อนั้นใครให้?” เขาถามขึ้นหลังจากหันไปมองสำรวจห้องฉันแล้วเจอกับช่อดอกไม้ที่ฉันวางไว้

    “โซโลน่ะ เขาฝากไว้ แต่บอกว่าไม่เอาแล้วเลยกลายเป็นของฉันไป” ฉันตอบไปตามเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะเข้าไปเอาน้ำในครัว

    “หืม?..” คิดขมวดคิ้วและทำหน้าสงสัย เมื่อฉันเดินกลับมาเขาก็พูดต่อทันที “แล้วตอนแรกมันซื้อมาทำไม?”

    “ไม่รู้สิ ฉันถามแล้วเขาไม่บอก” ฉันวางแก้วลงตรงหน้าเขาแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน แต่เว้นระยะออกมา

    “...” คิดเงียบอย่างใช้ความคิด ฉันเองก็มองหน้าเขาอย่างสงสัยว่าเขาคิดอะไรอยู่ “หรือว่าจะ...หึ ๆ” เขาพึมพำก่อนจะหัวเราะออกมาไม่ต่างกับตัวร้ายในละคร

    “มีอะไรเหรอ?” ฉันถามอย่างสงสัย

    “อยากรู้งั้นเหรอ?” เขายืนหน้ามาใกล้ฉันพลางยิ้มร้าย

    “ไม่อยากรู้แล้วล่ะ...” ฉันขยับหน้าออกห่างเขาอย่างไม่ไว้ใจ

    “ไม่อยากรู้จริงเหรอ?” เขายกมือขึ้นกอดคอฉันให้ขยับเข้าไปใกล้

    “ถ้าฉันสงสัยมากนัก ฉันก็หาคำตอบเองได้ ไม่อยากให้นายบอกหรอก เดี๋ยวนายก็เอาเปรียบฉันอีก” ฉันพูดพลางดันตัวเขาให้ออกห่าง

    “รู้เยอะจริงนะ” เขาพูดก่อนจะหัวเราะในลำคอ

    “นายมันน่าหมั่นไส้จริง ๆ” ฉันเอาแขนเขาออกจากคอ

    ในบรรดาพวกแบดบอยทั้ง 7 คน คิดเป็นคนที่ฉันคิดว่ารับมือยากสุด ยิ่งเขาทำแบบนี้แล้วฉันไม่มีทางตอบโต้เขาได้ยิ่งทำให้น่าหมั่นไส้ เหมือนเป็นฝ่ายแพ้ตลอดเลย ฉันอยากทำให้เขายอมสยบและพูดไม่ออกสักครั้ง

    “แล้วเธอกินข้าวรึยัง” เขายอมเอาแขนออกแล้วถามเปลี่ยนเรื่อง

    “ถามแบบนี้จะชวนกินข้าวสินะ?” ฉันมองเขาที่ยิ้มมาอย่างน่าหมั่นไส้

    “งั้นไม่ถามดีกว่า เดี๋ยวฉันจะสั่งให้มาส่งที่คอนโดเธอนี่แหละ” เขาพูดพลางเอาโทรศัพท์ออกมากด ฉันไม่แปลกใจในการมัดมือชกของเขาเพราะมันเป็นเรื่องที่ฉันเจอบ่อย ๆ และฉันก็ยังไม่ได้กินอะไรพอดี

    “เช้าแบบนี้เนี่ยนะ?...แล้วใครจะมาส่งล่ะ?” ฉันพูดขึ้นเพื่อหยุดเขาไว้ก่อน ร้านที่เปิดเช้าก็ไม่ค่อยจะมีซะด้วยสิ

    “ฉันมีร้านที่รู้จักอยู่น่า” เขาพูดพลางกดโทรศัพท์ต่อ

    ฉันนั่งมองเขานิ่ง ๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไร ก่อนจะหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์หาช่องที่น่าสนใจดูในระหว่างที่รออาหารที่เขาสั่ง

    “เรื่องที่ซันจิบอกว่าเธอรู้เรื่องแชทกลุ่มแล้ว เธอรู้ได้ยังไง?” อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมาหลังจากกดโทรศัพท์อยู่สักพัก

    “ฉันเห็นที่พวกนายคุยกันน่ะ” ฉันตอบพลางมองโทรทัศน์

    “เห็นจากโทรศัพท์ไอ้หมวกฟางใช่ไหม?” ฉันเห็นเขาจ้องฉันจากหางตา

    “ไม่ใช่...” ฉันตอบไปทันที ถึงมันจะเป็นการโกหกก็ตาม

    “เธอกำลังปกป้องมันใช่ไหม?...” เขายังคงจ้องฉันไม่เลิก ถึงแม้ฉันจะไม่ได้หันไปมองเขาตรง ๆ “ทำไมไม่สบตาฉัน กลัวโกหกไม่เนียนเหรอ?” เขาจับหน้าฉันให้หันไปมองเขา

    “นายจะหาเรื่องฉันทำไมเนี่ย?!” ฉันตีมือเขา แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย ขนาดฉันดึงมือเขาออกก็ไม่ขยับเลย

    “เป็นหมอนั่นจริง ๆ ใช่ไหม?” เขาจ้องเข้ามาในตาฉัน ทำไมอยากรู้ขนาดนั้นล่ะ จะทำอะไรลูฟี่รึเปล่าเนี่ย?

    “ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่” ฉันมองตาเขากลับตรง ๆ ฉันออกจะโกหกหน้าตาย ทำไมไม่เชื่อ

    “ดูยังไงความเป็นไปได้ก็มีแต่ไอ้บ้านั่นเท่านั้น ในบรรดาพวกฉันไม่มีใครเสร่อ ซุ่มซ่ามเท่ามันอีกแล้ว ถึงไอ้นักดาบนั่นจะดูไม่ค่อยฉลาดด้วยก็เถอะ แต่เรื่องมันเกิดก่อนวันอังคาร ก็คิดได้อย่างเดียวคือ...” ฉันฟังเขาพูดอย่างจริงจังและคิดขึ้นได้ว่าเขาก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย แถมฉันก็พลาดเองด้วยที่รีบเอาเรื่องนี้มาพูด

    “ทำไมนายต้องตั้งใจหาตัวคนผิดด้วย?...จะทำอะไรงั้นเหรอ?” ฉันมองเขาด้วยความกังวลและเป็นห่วงลูฟี่

    “ก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของคนอื่น ๆ ในวงด้วยน่ะนะ” เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูดต่อ “ทำไม? เป็นห่วงมันเหรอ?”

     “...” ฉันมองตาอีกฝ่ายที่ยิ้มร้ายเหมือนกับกำลังแกล้ง แต่แววตาของเขามันให้ความรู้สึกอีกแบบ...เหมือนเขากำลังหงุดหงิด จากที่กำลังจะเอ่ยพูดออกไปก็ไม่กล้าที่จะตอบอะไร

    “เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก หมอนั่นมันไวอย่างกับลิงและตายยาก มันไม่เป็นไรหรอก” เขาปล่อยมือออกจากหน้าฉันและพูดขึ้น

    “แล้วทำไมจะต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วย เรื่องที่นายทำไว้ในแชทกลุ่มฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้ลูฟี่ต้องมาลำบากด้วย

    “ที่ฉันไม่ชอบใจที่สุดก็ตรงที่เธอปกป้องมันนั่นแหละ มันมีสิทธิพิเศษจากไหนนักหนา ฉันน่ารักสู้มันไม่ได้รึไง?” เขาขมวดคิ้วพลางพูดอย่างจริงจังและดูจะค่อนข้างโมโหนิด ๆ

    “ก็ใช่น่ะสิ” ฉันตอบกลับไปทันที ความน่ารักของเขามันมีด้วยเหรอ?

    “...เออ ใครมันจะไปอยากน่ารัก ความหล่อความเท่ฉันก็มี แต่ทำไมเธอถึงยังไปชอบมัน” เขาพูดอย่างหัวเสีย

    “เดี๋ยวสิ ไปกันใหญ่แล้วนะ ฉันไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นสักหน่อย นี่นายเป็นอะไรเนี่ย?” ฉันมองเขาอย่างงง ๆ ทำไมยิ่งพูดยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

    “สงสัยจะโมโหหิวล่ะมั้ง...” เขาพูดแบบนั้นแล้วนั่งกอดอกนิ่ง ๆ เหมือนกำลังตั้งสติ

    “...” ฉันมองอีกฝ่ายอยู่สักพักก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างขำ ๆ นึกแล้วก็ตลกดีนะ ทำเหมือนกับว่าหึงฉันนั่นแหละ หรือจะหึงจริง?

    “ยิ้มอะไร?” เขาถามเสียงแข็ง

    “หึงฉันเหรอ?” ฉันถามพลางอมยิ้ม

    “ฉันไม่ชอบที่เธอปกป้องผู้ชายคนอื่นก็แค่นั้น...เออ ใช่ หึง” ฉันไม่ทันจะพูดอะไรเขาก็พูดเองหมดทุกอย่าง ราวกับตอนแรกเขาไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาเป็นมันคืออะไร

    “อ...เอ่อ” ฉันมองเขาอย่างงง ๆ พลางยิ้มแห้ง ๆ จะขำแต่ก็งงกับท่าทีงง ๆ ของเขา

    “ถ้าพูดตรง ๆ ก็...ฉันอิจฉาหมอนั่น ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเคยปฏิเสธฉันแท้ ๆ แต่เธอกลับ...” ฉันนั่งฟังเขาพูดอยู่เงียบ ๆ เหมือนเรานั่งเปิดใจคุยกันยังไงอย่างนั้น

    “ส่วนหนึ่งนายก็คงอยากเอาชนะด้วยสินะ” ฉันพูดพลางมองเขาอย่างพิจารณา

    ถึงจะบอกว่าหึงหรืออิจฉาก็ตาม แต่คิดก็คือคิด ฉันต้องไม่ลืมว่าเขาเป็นใคร หึงหรืออิจฉาไม่ได้แสดงถึงความจริงใจหรือจริงจังแต่อย่างใด เขาคงเห็นฉันเป็นแบบผู้หญิงที่ผ่านมาของเขา ยังไงก็อันตรายอยู่ดี ถ้าไม่ตื่นสติตัวเอง ฉันคงเผลอมองเขาในอีกแบบแล้วแน่ ๆ

    “ก็ใช่...แล้วที่เธอเคยท้าฉันไว้ ฉันไม่ลืมหรอกนะ และฉันจะต้องชนะด้วย” เขาตอบแล้วยกยิ้มมุมปาก

    “ยาก” ฉันยิ้มอย่างท้าทาย

    แหม่...เกือบจะลืมไปแล้วนะ

     

     

     

     

     

     

     


    ฉันเดินตามพวกแบดบอยเข้าไปในห้องอัดเสียง แต่ละคนยืนประจำตำแหน่งของตัวเอง คิดดึงแขนฉันให้ไปยืนข้าง ๆ เขา

    “อ๊ะ...” ฉันสะดุดพื้นต่างระดับเพราะเดินตามแรงอีกฝ่ายโดยไม่ทันได้ดู ก่อนจะล้มลงไปก็มีมือของใครบางคนมาจับเอวฉันไว้จากด้านหลัง อกของคิดก็รับหน้าผากฉันไว้พอดี

    “เดินไม่ระวังแบบนี้ให้อุ้มดีไหมล่ะ?” คิดยิ้มมุมปากพลางจับต้นแขนฉันให้ขยับตัวขึ้นมา

    “เพราะนายนั่นแหละคิด ดึงแขนเธอแรงเกินไป” เสียงซาโบดังขึ้นใกล้ ๆ ฉันจึงหันไปมองเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง

    “ยัยนี่ก็ไม่เห็นจะบ่นอะไรเลยนี่” คิดยิ้มร้ายพลางดึงมือซาโบออกจากเอวฉัน

    “พวกนายเตรียมพร้อมกันได้แล้วนะ” เอสพูดขึ้นมา ตอนนี้อีก 5 คนเตรียมพร้อมที่จะอัดเสียงกันแล้ว

    “นั่นสิ...จะได้รีบอัดเสียง” ฉันดันคิดกับซาโบให้ไปยืนที่ตัวเองเพื่อจะได้ทำงานต่อเร็ว ๆ ฉันไม่อยากให้พวกทีมงานเห็นฉันเป็นตัวปัญหาไปอีกคน อีกอย่างฉันก็อยากให้อัดเสียงเสร็จเร็ว ๆ เพราะฉันไม่อยากเป็นเป้าสายตา

    เมื่อทุกคนพร้อมการอัดเสียงก็เริ่มขึ้น การอัดเสียงครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ใช้เวลาอัดเสียงนานกว่าทุกทีเพราะต้องแก้กันหลายครั้ง ในตอนแรกฉันก็กังวลว่าจะทำให้พวกเขาลำบากรึเปล่า แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร ทางทีมงานก็คอยให้คำแนะนำจนออกมาดีตามที่เขาต้องการ

    “ทำได้ดีเหมือนกันนี่ ถือว่าไม่เลวสำหรับครั้งแรก” คิดพูดพลางยกมือขึ้นกอดคอฉันในขณะที่เดินออกมาจากห้องอัดเสียง

    “เห็นแล้วรำคาญตาว่ะ” ลอว์ที่เดินตามหลังพูดขึ้นมา

    “รำคาญก็หลับตาสิ” คิดพูดก่อนจะหัวเราะเยาะ

    “พวกนายนี่!” ฉันดึงแขนคิดออกไปจากคอฉัน ฉันละเบื่อจริง ๆ เลย ทำไมต้องมาทะเลาะกันให้เป็นจุดเด่นด้วยเนี่ย

    “...” ลอว์ยกยิ้มมุมปากในขณะที่จ้องกับคิดแล้วตามด้วยยกนิ้วกลางขึ้นมา

    “มารยาทยังดีไม่เปลี่ยนเลยนะ” คิดพึมพำอย่างไม่ค่อยชอบใจพลางปัดมืออีกฝ่ายออกไปจากระยะสายตา

    “นายมีงานต่อนะคิด!” ฉันพูดดักก่อนที่เรื่องจะยาวไปกว่านี้แล้วรีบเดินหนีออกมา

    ฉันเพิ่งเคยเห็นลอว์ทำตัวกวนคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนที่ดูนิ่ง ๆ เงียบ ๆ จะชวนทะเลาะวิวาทเป็นด้วย แต่จากคำพูดของคิดแล้วเขาคงไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรกแน่ ๆ แสดงว่ามีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นสินะ

    “โรบินรอด้วย ทีแบบนี้ก็เดินเร็วเชียวนะ” คิดพูดไล่หลังพลางวิ่งตามฉันที่เดินไปถึงหน้าลิฟต์มา

    “ฉันไม่ชอบเป็นจุดเด่นในดงคนหรอกนะ อย่างน้อยก็หัดเกรงใจพวกทีมงานกันบ้างสิ” ฉันมองเขานิ่ง ๆ อย่างตำหนิ

    “บ่นเป็นแม่เลยนะ” เขายังคงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน

    “...” ฉันกอดอกแล้วหันมองเลขที่บอกชั้นของลิฟต์

    น่าหมั่นไส้จริงเลย ไม่อยากพูดแล้ว!’

     




     

     

     

     

     

     

    หลังจากเสร็จงานทุกอย่างเวลาก็ล่วงเลยไปจนอาทิตย์ตกดินแล้ว คิดขับรถมาจอดที่คอนโดฉันแล้วเดินตามฉันเข้าไปในห้องด้วย พอไล่กลับก็ไม่ยอมกลับ แถมยังสั่งอาหารให้มาส่งที่ห้องฉันอีก

    “นายไม่มีอะไรทำสินะ? หรือเหงาล่ะ? ถึงได้เอาแต่หมกตัวอยู่ห้องฉัน” ฉันถามพลางหยิบหนังสือมานั่งอ่านที่โซฟา

    “ฉันอยากหาเพื่อนดูหนังต่างหากล่ะ” เขาพูดพลางชูแผ่นดีวีดีให้ฉันดู “ขอเปิดหน่อยนะ” เขาพูดแล้วเดินไปเปิดเครื่องเล่นแผ่น ส่วนฉันก็ได้แต่มองตามนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร

    หลังจากเขาใส่แผ่นเสร็จก็กลับมานั่งข้าง ๆ ฉันบนโซฟา ส่วนฉันก็เริ่มอ่านหนังสือต่อโดยไม่สนใจ

    “เธอก็ต้องดูด้วยสิ” เขาดึงหนังสือออกจากมือฉันแล้ววางไว้อีกข้างของเขา

    “นี่!...ฉันไม่ได้อยากดูสักหน่อย” ฉันขมวดคิ้วมองคนที่แย่งหนังสือไปจากมือฉัน

    “ถ้าเธอไม่ยอมดูกับฉันจนจบเรื่อง ฉันจะนอนห้องเธอ...และนอนเตียงเดียวกับเธอด้วย เธอคิดว่าจะขัดขืนได้ไหมล่ะ?” เขาพูดพลางยื่นหน้ามาใกล้ฉันก่อนจะยิ้มมุมปาก

    มัดมือชกแบบนี้อีกแล้ว แล้วฉันก็ต้องยอมอีกแล้วสินะ ใครจะไปห้ามคนดื้อแบบเขาได้ เอาเถอะ ยังไงก็วันสุดท้ายแล้วนี่ หลังจากนี้คงมาบังคับฉันอีกไม่ได้แล้ว

    “ขยับไปนั่งดูดี ๆ สิ” ฉันดันหน้าเขาออกไป แล้วหันไปมองทางโทรทัศน์ที่ตอนนี้ก็ยังเป็นเทรลเลอร์หนังเรื่องอื่น ๆ อยู่

    “หึ ” เขายิ้มอย่างพอใจแล้วหันไปดูโทรทัศน์พลางหยิบของกินที่สั่งมาเข้าปาก

    หนังเริ่มเรื่องโดยการเล่นเรื่องชีวิตที่ผ่านมาอันแสนวุ่นวายและชั่วช้าของตัวละครหลัก เรื่องเล่าไปได้แค่ไม่กี่นาทีก็เปิดฉากเรทขึ้นมา ถึงจะไม่ได้เห็นฉากที่ตัวละครกำลังมีอะไรกันโดยตรง แค่เป็นภาพเหงาที่เห็นผ่านแผ่นกั้นพร้อมกับเสียง แต่มันก็ทำให้ฉันนึกตกใจขึ้นมาที่ไม่รู้มาก่อนว่ามันจะมีฉากแบบนี้!!!

    “คิด! นี่นายดูบ้าอะไรเนี่ย?!” ฉันคว้ารีโมทขึ้นมาเพื่อจะปิดโทรทัศน์ แต่เขาก็มายื้อแย่งไว้

    “หยุดเลย อย่าปิดนะ” เขาดึงรีโมทไปยึดไว้ได้ก่อนจะพูดต่อ ”ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะดูให้จบ”

    “แล้วทำไมถึงดูอะไรแบบนี้ล่ะ?! นายคิดจะทำอะไร?!” ฉันถามอย่างไม่ไว้ใจ

    “ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า ถึงจะอยากทำก็เถอะ” เขาพูดประโยคหลังเบาซะจนฉันฟังไม่ได้ศัพท์

    “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไร? ถ้านายทำอะไรฉันล่ะก็ ฉันจะฟ้องอีก 6 คน พวกเขาไม่ยอมให้นายทำอะไรฉันแน่นอน” ฉันจ้องเขาพลางใช้นิ้วชี้ขู่

    “โอ้~ เข้าใจพูดนี่ เดี๋ยวนี้รู้ดีซะด้วยนะ” เขาเค้นหัวเราะออกมา ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ามาพูดอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้ชวนดูหนังโป๊หรอกน่า ดูไปเถอะ มันก็มีฉากแบบนี้มาบ้าง เป็นเรื่องที่สะท้อนความเป็นจริงในมุมหนึ่งที่ไม่เคยเห็นน่ะ”

    “ก็ได้! แต่ฉันเตือนแล้วนะ ถ้านายทำอะไรฉันล่ะก็...” ฉันยังคงมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ

    “รู้แล้วน่า ฉันไม่ทำอะไรเธอแค่เพราะดูหนังหรอกน่า” พูดจบเขาก็หันไปดูหนังต่อ ซึ่งฉากเมื่อกี้ก็ผ่านไปแล้ว

    ฉันกลับมาดูหนังต่อพลางขยับออกห่างเขามาด้วยความระแวง เขาเหลือบมองฉันโดยไม่พูดอะไรแล้วกลับไปดูหนังต่อ

    OxO…” ฉันยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหลับตาลงชั่วครู่เมื่อเจอฉากที่ตัวละครฆ่าสัตว์ด้วยความโมโห ฉันไม่ชอบฉากแบบนี้เลย ฉันสงสารสิ่งมีชีวิตที่น่ารักพวกนั้นมากกว่ามนุษย์ซะอีก

    “กลัวเหรอ?” คิดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกวน ๆ

    “เปล่า...สงสารเฉย ๆ” ฉันตอบนิ่ง ๆ พลางดูต่อด้วยท่าทางปกติ

    ฉันเริ่มดูหนังด้วยความโมโหตัวละคร เป็นตัวละครที่แย่มาก ๆ ทำลายชีวิตสัตว์และชีวิตคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย ถึงจะเป็นโรคประสาทหรือกลายเป็นโรคจิตไปแล้วก็เถอะ แต่ฉันก็ให้อภัยตัวละครนี้ไม่ได้อยู่ดี ดูไปก็แอบแช่งไปด้วย

    “ดูเธอจะอินกว่าฉันอีกนะ” คิดพูดขึ้นทำให้ฉันหันไปมองเขา เลยรู้ตัวว่าตัวเองกำลังขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจอยู่

    “ก็ฉันโมโหเขานี่” ฉันถอนหายใจแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

    ฉันทนดูจนหนังจบซึ่งใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงที่ต้องอนทนดูภาพที่เกินจะรับได้ ดูไปแล้วก็หดหู่และสงสารคนที่โชคร้ายที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ คิดยังบอกอีกว่าเรื่องนี้สร้างจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ฉันไม่อยากจะนึกเลยว่าเรื่องโหดร้ายแบบนี้มนุษย์ทำลงไปได้ยังไง

    “...” ฉันเอนหลังพิงโซฟาแล้วหลับตาลง พอดูจบก็รู้สึกปวดหัวกับเรื่องที่ดูยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกแย่จริง ๆ

    “เธอเป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงคิดถามขึ้นมา

    “เหมือนจะปวดหัวนิด ๆ น่ะ” ฉันตอบเบา ๆ

    “งั้นก็พักสายตาสักแป๊บก็ได้ คราวหน้าจะไม่ชวนเธอดูหนังแบบนี้แล้ว ทำเอารู้สึกผิดเลยนะเนี่ย” เขาพูดแล้วหัวเราะในลำคอ นี่เขารู้สึกผิดจริงรึเปล่าเนี่ย?

    “นายเคยพูดจริงบ้างไหมเนี่ย?” ฉันเหลือบมองเขาพลางพึมพำถาม

    “ฉันพูดความจริงอยู่ตลอดนะ” ฉันเห็นเขายิ้มมุมปากก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

    ในขณะที่ฉันหลับตาอยู่ก็โดนเขาจับให้ขยับศีรษะไปพิงไหล่เขา ฉันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยปล่อยไว้แบบนี้ เพราะฉันก็ไม่อยากจะโวยวายอะไรตอนนี้ด้วย

    “ขอบใจนะ...” ฉันพึมพำเบา ๆ

    “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม?” ฉันได้ยินเสียงเจ้าเล่ห์ ๆ นั่นก็เดาสีหน้าเขาได้เลยว่าต้องทำหน้าตาไม่น่าไว้ใจอยู่แน่

    “บ้า...” ฉันว่าเขาไปสั้น ๆ อย่างอดไม่ได้

    “ไม่ต้องชมบ่อย ๆ ก็ได้” เขาขยับมือเหมือนตบอยู่บนหัวฉันเบา ๆ เบาจนไม่รู้สึกเจ็บเลย เหมือนโดนกล่อมมากกว่า

    จริง ๆ เลย...

     


    ☆★☆★

    ไรท์จะอัพทุกสัปดาห์ ช่วงวันจันทร์/วันอังคาร ถ้าเลทก็จะไม่เกินวันพุธนะคะ 

    ใครที่เปิดเทอมแล้ว ไว้ค่อยอ่านก่อนนอนนะคะ จะได้หลับฝันดี 

    เทอมนี้ก็ขอให้ได้เกรดที่น่าพึงพอใจกันทุกคนเลยนะ

    ไรท์จะกลับมาแก้คำผิดเรื่อย ๆ นะ ตอนนี้มาช้าหน่อยเพราะหมดไฟ กว่าจะงัดตัวเองมาแต่งต่อได้ 555+

     

     

     

     

     

     

     

    Tiny Hand
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×