ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic one piece] รักแบดๆของ my bad boy (All x Robin)

    ลำดับตอนที่ #32 : My bad boy -...★☆ Chapter 25 ☆★ สิทธิพิเศษของลูฟี่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 372
      53
      8 มิ.ย. 63

    My bad boy -...★☆ Chapter 25 ☆★

    บทที่ 25

    สิทธิพิเศษของลูฟี่

              ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูฟี่บนโซฟาในห้องซ้อมของวงแบดบอย ซึ่งทุกคนในวงก็อยู่กันครบและนั่งอยู่ด้วยกัน ในมือมีเนื้อเพลงใหม่ของโปรเจคท์พิเศษกันคนละแผ่น

              “ทวนกันอีกรอบนะ ท่อนแรกเอสร้อง” ลอว์ทวนคิวให้คนในวงฟัง “ต่อมาซาโบร้อง ต่อด้วยโซโล ต่อด้วยซันจิ แล้วฉันแร๊พ ลูฟี่กับคิดสลับร้องคอรัสตรงนี้ โดยลูฟี่จะขึ้นก่อน ฮุคเราร้องกันทุกคน แต่จะผลัด ๆ กันเหมือนที่ฉันขีดไว้ให้ ส่วนแร๊พรอบหลังคิดเป็นคนร้อง”

              “ลองกันเลย ฉันเริ่มจำเนื้อได้แล้ว” คิดพูดขึ้น

    ~

              ซาโบที่อยู่ใกล้เครื่องเสียงที่สุดกดเปิดเพลง ดนตรีค่อย ๆ ดังขึ้น ก่อนคนแรกจะเริ่มร้อง

              “何も言わなくていい    解ってる 大丈夫 เอสเริ่มร้องเป็นคนแรก

              (Nani mo iwanakute ii wakatteru daijoubu)

    そんな風に待っててくれる   誰かがいるからきっと” ซาโบร้องต่อหลังจากเอสร้องจบ

    (sonna fuu ni mattete kureru dareka ga iru kara kitto...)

    いつかたどり着いたと思ってた この場所に” โซโลร้องต่อจากซาโบทันทีอย่างดูไหลลื่นเหมือนคนคนเดียวร้อง

    (itsuka tadoritsuita to omotteta kono basho ni)

    それでも何かまだ足りなくて   だから僕らはきっと ซันจิร้องต่อ

    (soredemo nanika mada tarinakute dakara bokura wa kitto...)

    to the next  痛みも苦悩も過去全てをダウンロード” ลูฟี่ร้องคอรัสเบา ๆ ในท่อนภาษาอังกฤษ ในขณะที่ลอว์ก็แร๊พไปด้วย

    (to the next itami mo kunou mo kako subete wo DAOUNROODO)

    “go to the next  全て予想不能な明日へとアップロード” คิดร้องคอรัสในท่อนภาษาอังกฤษ โดยที่ลอว์ก็ยังคงแร๊พต่อกัน จนฉันแทบตามไม่ทัน ถึงอย่างนั้นก็ยังฟังเข้าใจอยู่ แต่ถ้าให้แยกว่าแร๊พอะไรบ้างฉันก็ลืมไปหมดแล้ว

    (go to the next subete yosou funouna ashita e to APPUROODO)

    ฉันนั่งฟังพวกเขาร้องเพลงใหม่กันพลางขยับเท้าและโยกหัวไปตามเพลงอย่างเพลิน ๆ นี่ขนาดซ้อมครั้งแรกยังร้องดีกันขนาดนี้เลย อยากเห็นผลงานที่สำเร็จแล้วจังเลย ต้องฟังเพลินมากแน่ ๆ

    “ฉันว่ามันยังขาดอะไรไปนะ” ซันจิพูดขึ้นหลังร้องกันจนจบ

    “นั่นสินะ...ถ้าเพลงนี้มีเสียงผู้หญิงมาคอรัสด้วยก็น่าจะน่าฟังขึ้น” ซาโบแสดงความคิดเห็น

    “ฉันว่าลองดูก็ไม่เสียหายนะ” เอสพูดขึ้นแล้วมองมาทางฉัน แล้วนายจะมองมาทำไมเนี่ย?!

    “จะให้ยัยนี่ลองร้องเพลงพวกเราดูเหรอ?” โซโลเอ่ยถามขึ้น

    “ฉันว่าโรบินต้องร้องได้แน่!” ลูฟี่พูดพลางยิ้มกว้าง

    “ก็ต้องลองดูละนะ” เอสพูดแล้วยิ้มมุมปาก

    “หา?” ฉันมองอย่างงง ๆ

    “งั้นเธอก็ลองร้องแบบลูฟี่กับคิดตรงท่อนนี้ แล้วก็คอรัสตรงท่อนฮุค” ลอว์ชี้ตำแหน่งบนกระดาษให้ดู ก่อนจะหันไปเปลี่ยนท่อนให้คิดกับลูฟี่

    “งั้นมาลองใหม่อีกรอบนะ” ซาโบพูดึ้นก่อนจะกดเปิดเพลง

    นี่ฉันต้องทำจริงเหรอเนี่ย? ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรเลยนะ...

    ฉันไล่สายตาไปตามเนื้อเพลงบนกระดาษของลูฟี่ เอสเริ่มร้องขึ้นตามด้วยซาโบ โซโลและซันจิ ก่อนฉันจะร้องขึ้นมาและตามด้วยลอว์ที่แร๊พไปในท่อนที่ฉันเอ่ยขึ้นในเวลาเดียวกัน เมื่อถึงท่อนฮุคทุกคนก็ร้องปกติเหมือนในตอนแรกโดยมีฉันคอรัสไปด้วย แร๊พรอบหลังฉันก็ต้องร้องกับคิด และจบเพลงด้วยลูฟี่ร้องประโยคปิดท้าย

    “ฉันชอบแบบนี้นะ ฉันว่าเพิ่มเสน่ห์ให้กับเพลงดี” คิดเอ่ยแล้วยกยิ้มอย่างพอใจ

    “งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับทางนั้นอีกที” ลอว์พูดขึ้นหลังจากเขียนบางอย่างลงบนกระดาษ

    “แล้วเสียงผู้หญิงที่จะใช้...จะให้ใครมาร้องล่ะ?” ซาโบถามขึ้นพลางมองทุกคน ถึงในใจจะพอเดาออก แต่คำตอบก็จำเป็นอยู่ดี

    “ไม่ได้จะใช้เสียงโรบินหรอกเหรอ?” ลูฟี่มองทุกคนอย่างงง ๆ

    “ใช้สิ ยังไงก็ต้องเป็นเสียงยัยนี่เท่านั้น” คิดพูดขึ้นอย่างหนักแน่น

    “ฉันก็ต้องการโรบิน...” เอสพูดขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองเขา “ฉันหมายถึงเสียงคอรัส” เขารีบพูดแก้

    “เห็นด้วยที่สุดดดด” ซันจิพูดเสียงดังพลางทำตาเป็นรูปหัวใจ

    “...” โซโลทำหน้าเซ็ง ๆ พลางถอนหายใจเบา ๆ

    “งั้นเรามาซ้อมกันต่อ เธอเองก็ต้องมาซ้อมกับพวกเราด้วย” ลอว์พูดก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ซาโบเปิดเพลง การซ้อมจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

    ฉันกับลูฟี่ออกไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน แล้วออกเดินทางต่อไปยังสถานที่ถ่ายทำรายการพิเศษ ลูฟี่ขับรถขึ้นไปยังที่ราบสูงที่ล้อมไปด้วยหุบเขาซึ่งเป็นพื้นที่ทำไร่ชาและขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสตรอเบอร์รี่ที่ดีที่สุด สตรอเบอร์รี่ที่นี่ล้วนคุณภาพดีมีทั้งขายเป็นผลและทำแปรรูปต่าง ๆ มีร้านค้าและจุดถ่ายรูปชมวิวมากมาย แต่เพิ่งเปิดเป็นที่ท่องเที่ยวได้ไม่นาน จึงให้ลูฟี่มาทำรายการพิเศษพาเที่ยวชมและโฆษณาไปด้วยในตัว

    ลูฟี่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่ทางทีมงานจัดเตรียมไว้ให้ซึ่งเป็นห้องส่วนตัว ฉันเข้ามานั่งข้างในห้องในขณะที่อีกฝ่ายเอาชุดไปเปลี่ยน ลูฟี่เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกั๊กสไตล์นักเรียนดูใส ๆ น่ารัก

    “โรบิน ฉันดูเป็นไงบ้าง” ลูฟี่ถามพลางยิ้มกว้าง

    “น่ารักมากเลย” ฉันยิ้มตอบ

    ก๊อก ๆ

    “คุณลูฟี่คะ ฉันมาทำผมแต่งหน้าให้ค่ะ” เสียงผู้หญิงพูดขึ้นหลังจากเคาะประตู

    “เข้ามา” ลูฟี่พูดก่อนจะนั่งลงหน้ากระจก

    ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาก่อนจะหันมามองฉันที่นั่งอยู่ที่โซฟา ฉันยิ้มบาง ๆ ให้เธอที่มองมาอย่างงง ๆ ก่อนเธอจะเดินไปแต่งหน้าทำผมให้ลูฟี่โดยไม่ใส่ใจอะไรฉันอีก

     

     

    การถ่ายทำเริ่มขึ้น ลูฟี่ยืนพูดเปิดรายการอยู่หน้าป้ายขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ รายการนี่เป็นรายการที่จะเชิญคนดังมาพาเที่ยว ซึ่งทางสถานที่เขารีเควสมาให้ลูฟี่เป็นคนทำรายการ

    “งั้นเราก็ไปเที่ยวไร่กันเลย!” ลูฟี่พูดพลางชูมือขึ้น ก่อนจะวิ่งไปที่ไร่ชา ทั้งกล้องและทีมงานก็รีบขยับไปตามเขา

    “เขียวไปหมดเลยนะ แล้วนี่มันกินได้รึเปล่า?” ลูฟี่ก้มมองต้นชาตรงหน้า

    “นายจะเก็บใบชามากินแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ” ชายร่างสูงเจ้าของผมม้วนเกลียวสีบลอนด์ยาวเดินเข้ามาหาลูฟี่แล้วเอ่ยขึ้น

    “โอ๊ะ! เจ้าหัวกะหล่ำปลี นายมาทำอะไรที่นี่?” ลูฟี่มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

    “ผมก็มาเที่ยวน่ะสิ นี่นายถ่ายรายการกันอยู่งั้นเหรอ” เขาถามก่อนจะหันมายิ้มให้กล้อง นี่นายจงใจรึเปล่าเนี่ย? แต่พวกทีมงานก็ไม่มีใครพูดอะไร ยังคงถ่ายต่อไปเรื่อย ๆ

    “งั้นเราก็ไปเที่ยวพร้อมกันเลยสิ ฉันจะได้ทำรายการไปด้วย” ลูฟี่เอ่ยชวนขึ้น แต่แบบนั้นจะได้เหรอ

    “แหม่ ถ้านายว่าอย่างงั้น ผมจะยอมให้ถ่ายผมไปด้วยก็ได้นะ ผมไม่คิดค่าตัวสักบาท” คาเวนดิชยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะอย่างพอใจ อะไรของเขาล่ะเนี่ย? แต่ทีมงานก็ปล่อยผ่านโดยไม่ว่าอะไรอีกเหมือนเดิม

    ทั้งสองคนพากันมาถึงที่ไร่สตรอเบอร์รี่ ลูฟี่ดูตื่นตาตื่นใจกับสตรอเบอร์รี่ที่ผลดกออกมาล่อตาล่อใจให้เก็บ

    “ที่นี่เขาจะมีตะกร้าให้เก็บสตรอเบอร์รี่ด้วยนะ จะเก็บเท่าไหร่ก็ได้ แค่ใส่ตระกร้าให้พอก็จะคิดราคาเดียวกันหมด”คาเวนดิชพูดขึ้นยิ้ม ๆ “เรามาแข่งกันหน่อยดีไหมล่ะว่าใครเก็บได้เยอะกว่ากัน”

    “แข่งงั้นเหรอ? น่าสนุกดีนะ! เอาสิ” ลูฟี่ตอบรับอย่างร่าเริง

    ทั้งสองคนรับตะกร้าจากคนงานในไร่ ซึ่งเขาก็ให้สิทธิ์พิเศษกับคนของกองถ่ายคือ ฟรีทุกอย่าง สตรอเบอร์รี่ที่แข่งกันเก็บจึงไม่คิดเงิน

    คาเวนดิชตั้งหน้าตั้งตาเก็บสตรอเบอร์รี่และจัดลงตะกร้าให้ได้มากที่สุด ในขณะที่ลูฟี่เก็บไปกินไปอย่างห้ามใจตัวเองไม่ได้ ทำให้ในตะกร้ามีสตรอเบอร์รี่อยู่ไม่ถึงครึ่ง

    กริ๊ง~

    เสียงสัญญาณหมดเวลาหลังจากผ่านไป 10 นาที ทั้งสองคนนำตะกร้ามาให้พนักงานที่ดูแลเรื่องการบริการเก็บสตรอเบอร์รี่นับและผลก็ออกมาว่าคาเวนดิชชนะขาดรอย

    “ผมต้องชนะแน่อยู่แล้วล่ะ คนอย่างผมไม่มีวันแพ้ให้รุ่นน้องในวงการหรอก” คาเวนดิชพูดแล้วหัวเราะในลำคอ “ความนิยมจะต้องกลับมาเป็นของผม” เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง

    “แพ้ซะแล้ว ฮ่า ๆ” ลูฟี่หัวเราะอย่างไม่คิดอะไร

    หลังจากแนะนำจุดชมวิวและร้านค้าจนเกือบหมด ทั้งสองคนก็มาปิดท้ายกันที่คาเฟ่ ซึ่งมีเครื่องดื่มและขนมที่เป็นผลิตภัณฑ์จากไร่มาขายและมีบรรยากาศสวย ๆ ให้ชมไปพร้อมกันได้

    “นี่! เรามาแข่งกินขนมกันดีไหม?” ลูฟี่เสนอขึ้นพลางมองขนมในตู้ด้วยตาที่เป็นประกาย

    “ได้สิ ผมไม่กลัวนายหรอกนะ” คาเวนดิชจ้องลูฟี่อย่างเอาจริงเอาจัง

    “ใครกินได้มากกว่าชนะ” ลูฟี่กำมืออย่างแน่วแน่

    ขนมจำนวน 10 ชิ้นวางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าของทั้งสองคน ก่อนจะมีสัญญาณเริ่มแข่งดังขึ้น ในขณะที่คาเวนดิชรีบกินขนมเข้าไปจนเกือบเต็มปาก ลูฟี่ก็กวาดขนมบนโต๊ะเข้าปากในรวดเดียว เขาแทบไม่ต้องเคี้ยวก็กลืนลงคอเลย

    “ขออีก!” ลูฟี่พูดขึ้นเสียงดังก่อนขนมอีก 10 ชิ้นจะมาวางตรงหน้าและไม่ทันที่พนักงานจะกลับไปประจำที่ลูฟี่ก็กินหมดอีกแล้ว “เอาอีก!

    “...!” คาเวนดิชหันมองลูฟี่อย่างตกใจ อีกฝ่ายกินเร็วมากจนน่าเหลือเชื่อ “ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ” เขาพยายามกินต่อ

    หลังจากลูฟี่กินได้ 100 ชิ้นตัวเขาก็พองขึ้นจนเหมือนลูกบอลขนาดใหญ่ เขาดูจะมีความสุขและพร้อมที่จะกินต่อได้เรื่อย ๆ แต่คาเวนดิชสลบคากองขนมไปซะแล้วหลังจากพยายามกินไปหลายสิบชิ้น

    “ได้ผู้ชนะแล้วนะคะ” พนักงานพูดขึ้นและผายมือมาทางลูฟี่หลังจากพวกทีมงานส่งสัญญาณให้ เพราะถ้าไม่รีบสรุปลูฟี่คงกินต่ออีกแน่

    “เอ๋? ชนะแล้วเหรอ? แต่ฉันอยากกินต่ออีกนะ” ลูฟี่หันมองทางกล้องและพวกทีมงานที่พยายามส่งสัญญาณห้าม

              ลูฟี่เดินออกไปนอกคาเฟ่และถ่ายปิดรายการหน้าร้าน เมื่อยืนประจำตำแหน่งและเริ่มถ่ายต่อตัวลูฟี่ก็หดกลับมาหุ่นดีเหมือนเดิมอีกครั้งพร้อมยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี

              “ของกินที่นี่อร่อยมากเลยนะ ฉันชอบทุกอย่างเลย สตรอเบอร์รี่ก็อร่อย ชาก็อร่อย ขนมก็อร่อย อยากกินอีกเยอะ ๆ จัง ^^ ทุกคนก็แวะมาเที่ยวกันได้นะ” ลูฟี่พูดอย่างยิ้มแย้มและเป็นกันเอง

    ถึงจะดูเป็นธรรมชาติจนเกินกว่าคำว่ารายการ แต่ด้วยความน่ารักของลูฟี่ คนดูและแฟนคลับก็ต้องชอบกันแน่ ๆ เพราะฉันกับพวกทีมงานก็ยิ้มตามกันตลอด จนบางทีก็เกือบหลุดขำด้วยซ้ำ

    “เรียบร้อยแล้วครับ” ผู้กำกับพุดขึ้นหลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทีมงานจึงเริ่มเก็บของกัน

     

     

    หลังจากถ่ายรายการเสร็จลูฟี่ก็กลับไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัว ฉันช่วยลูฟี่เช็ดเครื่องสำอางบนหน้าออก ก่อนเขาจะเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำอีกรอบ

    “ออกหมดรึยังโรบิน?” ลูฟี่เดินออกมาหาฉันด้วยหน้าเปียก ๆ

    “หมดแล้วนะ” ฉันว่าพลางเช็ดหน้าให้ลูฟี่

    “งั้นเราไปเก็บสตรอเบอร์รี่กันเถอะ ทางไร่เขาให้ฉันเอากลับบ้านได้ฟรีตะกร้านึงน่ะ แต่เป็นตะกร้าเล็กนะ” ลูฟี่ยิ้มอย่างร่าเริง เขาดูไม่เหนื่อยเลยสักนิด ถึงวันนี้จะนำเที่ยวมาทั้งวันแล้ว

    “นายยังกินไม่อิ่มอีกเหรอ?” ฉันมองเขาแล้วยิ้มตาม

    “จริง ๆ ก็ยังไม่อิ่มละนะ แต่ฉันอยากให้เธอได้กินบ้าง เธอต้องชอบแน่ ๆ ^[+++]^” ลูฟี่พูดก่อนจะยิ้มกว้าง

    “งั้นเหรอ? นายพูดขนาดนี้ ฉันก็อยากลองชิมแล้วสิ” ฉันยิ้มบาง ๆ ไม่ใช่เพราะอยากชิม แต่เพราะความน่ารักของเขา

    “งั้นไปกันเถอะ ก่อนจะค่ำซะก่อน” ลูฟี่จับข้อมือฉันแล้วจูงออกไปจากห้อง

     

     

    เรากลับมาที่ไร่สตรอเบอร์รี่อีกครั้ง ฉันถือตะกร้าเดินตามลูฟี่ที่เดินเก็บสตรอเบอร์รี่ไปตามทาง สตรอเบอร์รี่แต่ละลูกล้วนลูกใหญ่และสีสดน่ากิน ลูฟี่เองก็เก็บไปกินไม่หยุดมือ

    “เต็มตะกร้าแล้วนะลูฟี่” ฉันบอกกับลูฟี่ที่ยังคงมองหาสตรอเบอร์รี่ที่จะเก็บอยู่

    “งั้นเหรอ? งั้นเรากินกันเถอะ ทางนู้นวิวดีเลยนะ” ลูฟี่พูดก่อนจะลากแขนฉันไปทางพื้นหญ้าโล่ง ๆ

    ฉันนั่งพับเพียบลงบนพื้นหญ้าและหันหน้ามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน ท้องฟ้าตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีส้ม นกเริ่มทยอยบินกลับรัง ลมพัดผ่านผิวฉันเบา ๆ ให้รู้สึกหนาวนิด ๆ

    “โรบินถ่ายรูปด้วยกันหน่อยได้ไหม?” ลูฟี่ว่าพลางกอดคอฉันจากด้านหลังและยื่นหน้าอ้อมมาใกล้ ๆ

    “หืม? ได้สิ” ฉันยิ้มตอบ

    “ยิ้มนะ ^^” ลูฟี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องหน้า ฉันมองไปที่โทรศัพท์และยิ้มตามเขา ก่อนลูฟี่จะกดถ่ายภาพ

    “ทำไมถึงขอถ่ายรูปล่ะ?” ฉันถามด้วยความสงสัย จะว่าไปเมื่อวานเอสก็ถ่ายรูปฉันด้วย

    “ไม่มีอะไรหรอก ๆ เธอลองกินดูสิ อร่อยนะ” ลูฟี่ยิ้มแหยะ ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องมาชี้ที่สตรอเบอร์รี่แทน

    “อื้ม...” ฉันยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลองชิมดู ซึ่งมันก็หวานปนเปรี้ยวนิด ๆ รสชาติกำลังดี

    “เป็นยังไงบ้าง?” ลูฟี่เลื่อนมือข้างหนึ่งต่ำลงมาและขยับตัวมาใกล้ฉันมากขึ้น

    “อร่อยเหมือนที่นายบอกเลย อ้าปากสิ” ฉันพูดพลางเอาสตรอเบอร์รี่ไปจ่อปากเขา

    “อ้าม...” ลูฟี่งับสตรอเบอร์รี่เข้าปาก ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวไปร้านอาหารตรงทางขึ้นกันนะ ฉันหิวแล้ว”

    “งั้นไปกันเลยเถอะ กว่าจะขับถึงอีก นายคงหิวจนทนไม่ไหวพอดี” ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนหลังจากเขาขยับออกจากหลังฉันแล้ว

    “กินข้าว ๆ” ลูฟี่ท่องเป็นจังหวะพลางขยับมือตาม ฉันก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย

    “เจ้าหมวกฟาง!!!” เสียงตะโกนที่คุ้นหูทำให้ฉันและลูฟี่หันตามไปมอง

    “เจ้ากะหล่ำปลีอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวกันพอดี ไปกันเถอะโรบิน” ลูฟี่จับข้อมือฉันแล้วพาวิ่งหนีไป

    “ผมจะเอาคืนแน่!” คาเวนดิชตะโกนไล่หลังพวกเรามา

    “ได้เลยยยย” ลูฟี่ตะโกนกลับ

     

     

     

    ลูฟี่เดินนำเข้ามาในร้านอาหารที่มีสไตล์ที่แตกต่างจากร้านที่ฉันเคยไปมา โดยแต่ละโต๊ะจะจัดเก้าอี้ให้นั่งฝั่งเดียวกันหมดโดยหันหน้าเข้าหาจอโทรทัศน์ ซึ่งจะแบ่งเป็นห้อง ๆ เพื่อความเป็นส่วนตัว ลูฟี่เดินเข้าไปนั่งในห้องที่ว่างอยู่และฉันก็ตามไปนั่งข้าง ๆ ก่อนพนักงานจะเดินตามเข้ามา

    “เอานี่ นี่ด้วย อันนี้ด้วย” ลูฟี่ชี้ไปตามภาพในเมนูอาหาร

    “รอสักครู่นะครับ” พนักงานเสิร์ฟออกไปหลังจากรับออเดอร์เสร็จ

    ระหว่างนั่งรออาหารที่สั่งไป ฉันก็กดเปิดทีวีเลื่อนหาช่องที่น่าสนใจ นอกจากช่องที่มีอยู่แล้ว ทางร้านก็ยังมีแผ่นหนังให้เลือกอีกด้วย

    “ฮ่า ๆ” ฉันเหลือบมาลูฟี่ที่นั่งก้มหน้ามองโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะมองบนหน้าจอของเขาโดยไม่ได้ปิดบัง

    ลูฟี่

    ลูฟี่ส่งรูปที่ถ่ายกับฉันวันนี้เข้าไปในกลุ่มแชทที่ชื่อว่า คนหล่อแห่งท้องทะเลฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าใครเป็นคนตั้งชื่อกลุ่ม

    เอส เฮ้ย!

    คิด เจ้าหมวกฟาง!

    ซันจิ ลูฟี่!

    โซโล เหมือนยัยนั่นจะเต็มใจถ่ายนะ

    เอส นายทำยังไง โรบินถึงยอมถ่ายด้วย?!

    ฉันก็แค่ขอถ่าย แล้วเขาก็บอกว่าได้ ลูฟี่

    ลอว์ นายมีสิทธิพิเศษอะไรเนี่ย ทำอะไรได้ง่าย ๆ ตลอดเลยนะ

    ซาโบ น่าอิจฉาจังเลยนะลูฟี่

    ซันจิ ที่ฉันสงสัยที่สุดคือ ทำไมโรบินจังถึงยอมให้แกกอดแบบนั้นได้?!

    ก็ปกตินี่นา ลูฟี่

    คิด ไม่ปกติเฟ้ย!

    เอส ไม่เลย

    ซันจิ ปกติที่ไหนละฟะ?

    ซาโบ นั่นสิ

    ลอว์

    โซโล -_-

    ” ลูฟี่ที่ก้มหน้าอยู่ค่อย ๆ หันหน้ามาทางฉันเมื่อเริ่มรู้สึกตัว

    “ขอฉันอ่านแชทนั้นหน่อยได้ไหม?” ฉันยื่นมือไปขอโทรศัพท์เขาพลางยิ้มบาง ๆ

    “รโรบิน?!” เขาทำหน้าตาตื่นและเลิกลักใหญ่เมื่อเห็นฉันอ่านอยู่ด้วย

    “ขอฉันอ่านหน่อย” ฉันมองเขายิ้ม ๆ อย่างกดดัน

    “เอ่อคือ” ลูฟี่เหงื่อตกพยายามหาทางปฏิเสธ

    “เรื่องนี้ฉันควรรู้นะลูฟี่ สัญญาว่าจะไม่โกรธ(นาย)” ฉันคิดคำสุดท้ายไว้ในใจและขยับมือเร่งให้เขาส่งโทรศัพท์มา

    “อืม” ลูฟี่ทำหน้าคิดหนัก เขาเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจส่งโทรศัพท์มาให้ฉัน “ก็ได้ ถ้าเธอว่าอย่างนั้น”

    ” ฉันรับโทรศัพท์มาย้อนแชทดู

    .

    .

    .

    .

    .

    ผู้ชายพวกนี้นี่!



    ☆★☆★

    ลูฟี่ทำความแตกซะแล้ว~

    ไรท์ใช้คำแทนตัวเองของคาเวนดิชเป็นผมเพราะไปดูพากย์ญี่ปุ่นมาของคาเวนดิชมาใหม่ เพราะสงสัยว่านางแทนตัวเองยังไง

    ซึ่งใช้คำว่า Boku เป็นคำว่าผม จะดีกว่าฉัน อย่างพวกลอว์ที่แทนตัวเองว่าฉัน เขาจะใช้คำว่า Ore


    Tiny Hand
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×