Voice of the heart เสียงของหัวใจที่ส่งไปไม่ถึง
เมื่อเขาคนนี้ต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดเพื่อนของเขาที่ทำกับเพื่อนของเธอคนนี้ เรื่องราววุ่นๆจึงเกิดขึ้น หัวใจของเขาและเธอกำลังพองโต เขาจะทำอย่างไร เมื่อการผิดแทนเพื่อนของเขากลายเป็นความรักและเธอจะทำอย่างไรเมื่อหัวใจเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่เอ่อ
ผู้เข้าชมรวม
70
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Voice of the heart เสียงของหัวใจที่ส่งไปไม่ถึง
เย็นวันหนึ่งหลังจากที่วาโยไปที่ญี่ปุ่นได้ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อนรักของเธอทั้งสามคนก็มีแต่ความเศร้าเพราะว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันตั้ง 8 ปีและเสียใจมากที่นัทหนุ่มนักบาสคนนั้นมาหักอกเพื่อนของพวกเธอ เขมหนึ่งในสามคนนั้นเธอเป็นคนเดียวที่จะไม่ยอมให้อภัยคนที่ทำให้เพื่อนของเธอต้องเสียใจเด็ดขาด รวมทั้งคนรอบข้างของเขาคนนั้นด้วยที่เธอจะไม่ยอมให้อภัย หลังเลิกเรียนวันหนึ่งขณะที่เขมกำลังเดินกลับ เธอก็เดินไปชนกับเจมส์คู่อริหนุ่มจอมกวนของเธอจนล้มลงไป เขมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเจมส์ยืนอยู่หน้า แต่เธอกลับลุกขึ้นยืนและเดินไปต่อโดยไม่ต่อว่าเจมส์ซักนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก
“นี้ยัยบ๋อง นี้เธอกินยาผิดรึเปล่าเนี่ย” เจมส์พูดกวนเขม แต่เขมกลับเงียบแล้วเดินทำหน้าเศร้าต่อเจมส์เมื่อเห็นความผิดปกติของเขมเลยตามไป เพราะว่าถ้าเป็นเหมือนทุกๆทีเขมทุกทีเขมคงจะสวนกลับมาหรือไม่ก็เจมส์คงจะเจ็บตัวไปแล้ว
“นี้ยัยบ๋องเป็นอะไรไปดูแปลกนะวันนี้ถ้าเป็นทุกทีฉันคงเจ็บตัวไปแล้ว” เจมส์ถ้าเขมแล้วทำหน้ากวน แต่ลึกๆในใจก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“โยคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าไม่ไปรักพี่นัท” แล้วเขมก็ถอนหายใจพร้อมกับทำหน้าเศร้า เจมส์รู้สึกเป็นห่วงเขมที่ต้องมาเป็นทุกข์แทนเพื่อน
“มันก็เรื่องของเค้าสองคนเธอจะไปเดือดร้อนแทนทำไม อีกอย่างน้องโยไปเรียนต่อต่างประเทศมันก็เป้นเรื่องน่าดีใจไม่ใช่หรอ แค่น้องโยไม่อยู่ด้วยก็ท้อแล้วหรอ ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ” เจมส์บอกกับเขม
“ที่โยต้องไปจากพวกเรานั้นมันเป็นเพราะใครกันเล่า!!” เขมตะโกนใส่หน้าเจมส์ด้วยความโกรธ แล้วก็เหยียบเท้าของเจมส์และเขมก็เดินจากไปด้วยความโกรธ
“โอ้ย! เจ็บนะยัยนั้นเวลาโกรธน่ากลัวชะมัด” เจมส์เอามือทั้งข้างกุมเท้าไว้ แล้วเค้าก็คิดในใจว่า ‘ดูท่าทางจะโกรธมากเลย ครั้งแรกเลยที่เห็นยัยนั้นทำหน้าเศร้า จะเป้นอะไรไม่นะยัยนั้นหนะ’
ณ บ้านของเจมส์ที่บริเวณระเบียงริมน้ำนั้น ก็มีเจมส์นั่งอยู่ในเงามืดคนเดียว เค้านั่งมองพระจันทร์เต็มดวงที่กำลังทอแสงอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางหมู่ดาวมากมายเป็นล้านดวงนั้นก็มีหน้าของเขมลอยขึ้นมาบนดวงจันทร์
“ยัยนั้นกำลังทำอะไรอยู่นะ เกิดเรื่องน่าเศร้ากับเพื่อนตัวเองแบบนั้น” สีหน้าของเจมส์บอกได้ถึงความห่วงใยที่มีต่อเขม และความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยที่เค้าเองก็ไม่เคยรู้ตัว
ฝ่ายเขมก็ได้แต่นั่งทำหน้าเศร้าเลยทำให้คนในบ้านเกิดความสงสัยกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขม และรู้สึกเป็นห่วงเขมมากและคิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องที่วาโยเพื่อนของเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ
“พี่เขมเป็นอะไรไปดูไม่สดชื่นเลยนะวันนี้ เรื่องพี่โยรึเปล่า” ขิมน้องสาวของเขมถามพี่สาวของตนด้วยความเป็นห่วง แล้วเอามาจับบ่าของเขม
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ขิมไปนอนเถอะ” เขมปฏิเสธน้องสาวและยิ้มให้เพราะไม่อยากให้เป็นห่วงจนเกินเหตุ และไม่อยากให้คนในบ้านต้องเป็นทุกข์ไปกับเธอด้วย แล้วขิมก็เดินจากไป เธอหันไปทางหน้าต่างแล้วนึกถึงเจมส์และเรื่องเมื่อตอนเย็นและคิดในใจว่า ‘นายจะเข้าใจความรู้สึกของฉันในตอนนั้นบ้างมั้ยนะ’
เช้าวันต่อมาขณะที่เขมกำลังจะเดินขึ้นอาคารเธอก็พบเจมส์ ทั้งสองมองตากันไปซักพักหนึ่งเจมส์พยามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขมก็เดินหนีไปก่อน ในใจของเจมส์รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขมเปลี่ยนไปมากแล้วเค้าก็เดินขึ้นห้องไป ทั้งสองเดินจากกันไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย
เมื่อถึงคาบพักเที่ยงเจมส์ลุกมานั่งข้างนอกเพื่อนของเจมส์ ก็มาชวนเจมส์ไปกินข้าว เจมส์ที่กำลังนั่งเหม่อก็สะดุ้งและหันไปถามเพื่อนของเค้าเอง
“เออ มีไร” ถามเพื่อนของเค้า ทั้งนนท์ รัช ต้น และนัท รู้สึกสงสัยว่าเพื่อนของเค้าเป็นอะไรไปเพราะว่าตั้งแต่ที่รู้จักกันเจมส์ปไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“ไอเจมส์เป็นอะไรไป แกไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เป็นห่วงน้องคนนั้นหรอ” นนท์ถามเจมส์แล้วมองออกไปทางระเบียงและมองไปทางเขมกับเพื่อนของเธอ ที่สีหน้าของเธอดูไม่มีความสุขเลย
“ใช่มีไหนเล่า แต่พอคิดไปคนที่น่าสงสารและน่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ก็คือยัยนั้นถ้าฉันเค้าใจความรู้สึกของยัยนั้นได้ซักครึ่งหนึ่งก็คงจะดีสินะ” ทุกคนอึ่งกับคำพูดแปลกของเจมส์
“ไปเหอะ เดี๋ยวคนจะเยอะ” เจมส์ลุกไปหยิบรองเท้าแล้วเดินไปที่บันได
“อะ..อืม” ทุกคนรีบไปหยิบรองเท้าแล้วเดินตามเจมส์ลงไปโรงอาหาร
ณ ประเทศญี่ปุ่นมีเด็กสาววัย 15 ปีที่กำลังจะเดินกลับบ้านระหว่างทางนั้นเองเธอก็ได้เจอกับเด็กชายคนหนึ่งที่เรียกเธอมาแต่ไกล เมื่อเธอได้ยินก็รีบหันไปทันที
“อ่าว! มาโคโตะทำไมถึงได้วิ่งมาถึงที่นี้ บ้านนายกลับอีกทางนึงไม่ใช่หรอ” โยทำหน้างง เมิอเพื่อนชายของเธอวิ่งมาทางนี้ โดยที่โยเองก็มองไม่เห็นเหตุที่มาโคโตะจะวิ่งมาทางตรงข้ามกับบ้านของเขาเอง
“ฉันอยากจะมาขอโทษโยจังที่ทำแบบนั้นออกไปต่อหน้าคนอื่น” แล้วหันหน้าไปทางอื่น
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะมันคงเป็นการทักทายของมาโคโตะคุงใช่มั้ยหละ” โยพูดแล้วยิ้มให้มาโคโตะ
“อะ…อืม งั้นมั้ง” มาโคโตะทำหน้าเศร้า คอตกแล้วคิดในใจว่า ‘นี่โยจังเห็นเราเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย’
มาโคโตะเพื่อนร่วมชั้นของวาโย เป็นหนุ่มหน้าตาดีและดูท่าทางจะเป็นคนหลงตัวเอง เลยทำให้วาโยคิดว่า ที่เขาหอมมือเธอนั้นเป็นการทักทายตามธรรมดาซึ่งมาโคโตะไม่คิดอย่างนั้นและเพื่อนร่วมชั้นก็รู้อยู่แล้วว่าที่มาโคโตะทำไปไม่ใช่อย่างที่วาโยคิด
ณ ประเทศไทยในวันหยุดระหว่างที่เขมกำลังยืนอ่านหนังสือ อยู่ในร้านขายหนังสืออยู่นั้นเจมส์ก็เดินเข้ามาในร้าน แล้วเห็นเขมยืนอ่านหนังสืออยู่ เค้าพยามเรียกเขมแต่เขมไม่ตอบเพราะเขมใส่หูฟัง ฟังเพลงอยู่เขมเลยไม่ได้ยินเสียงของเจมส์
“เขม!!” เจมส์ตะโกนออกมาดังลั่น จนคนทั้งร้านหันมามอง เขมถอดหูฟัง
“เอ้า!!นายมาทำอะไรที่นี่อะ แล้วโมโหอะไรเนี่ยดูทำหน้าเข้าสิ” แล้วเขมก็หยิบหูฟังมาใส่อีกและก็อ่านนิยายในมือต่อโดยทำท่างเหมือนเจมส์ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
“นี่ ช่วยกรุณาสนใจคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอหน่อยได้มั้ย ฉันอุตส่าห์มาทักเธอนะ” เจมส์พูดพร้อมถอดหูฟังของเขม
“ก็ใครใช้ให้นายมาทักฉันละ ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ใช้ให้นายมาทักฉันนี่” เขมทำหน้ากวนประสาทเจมส์ แล้วเธอก็วางหนังสือและเดินออกไปจากร้าน แต่เจมส์ก็ยังตามไม่เลิก
“นี่ นายจะตามมาทำไมเนี่ย” เขมโมโห เจมส์ที่เดินตามมาติดๆ
“ฉันก็แค่.....เป็นห่วง” พูดออกมาเบาๆ เขมถึงกับหน้าแดงกับคำพูดที่เจมส์พูดออกมา ถึงมันจะเบาจนแทบไม่ได้ยินเลยก็ตาม “ฉันรู้นะว่าเธอกับเพื่อนของเธอโกรธมากที่ไอนัททำแบบนั้นกับน้องโย ฉัน....”
“อะไร” เขมพูดพร้อมก้มหน้า
“ฉันก็แค่อยากจะชดใช้ในสิ่งที่เพื่อนฉันทำกับน้องโยและพวกเธอหนะ” เจมส์พร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่น เจมส์เหลือบมองเขมที่กำลังเงยหน้ามามองเขา หน้าของเขาเริ่มแดงเป็นลูกตำลึง ทั้งสองยืนสบตากันพักนึง เมื่อได้สติทั้งสองก็รีบหันไปทางอื่นทันที
“เอ่อ...จะไปกันได้รึยังอะ” เจมส์พูดพร้อมกับหันหลังให้กับเขม
“อะ...อืม” เขมแล้วทั้งสองคนก็เดินไปในร้านขนมหวานซึ่งเป็นร้านขนมหวานนำในประเทศอีกร้านหนึ่งซึ่งหลายๆคนรู้จักดื โดยเฉพาะเขมและเพื่อนคนอื่นๆของวาโยทุกคน เพราะมันเป็นที่บ้านของวาโยเป็นเจ้าของ ที่รู้กันดีว่าบ้านนี้ชื่นชอบทำขนมหวานมาก โดยเฉพาะขนมหวานจำพวกเค้ก ใครได้ลองชิมขนมหวานร้านนี้แล้วก็ต้องกลับมาซื้อกันใหม่เกือบทุกราย เพราะติดใจความอร่อยของขนมหวานที่มีกลิ่นหอมหวาน และรสชาติกลมกล่อมและนุ่มนวลหน้าลิ่มลอง
“ยินดีต้อนรับสู่ลา เจนัวส์คะ” พนักงานร้านเข้ามาตอนรับลูกค้าที่เข้ามารับประทานขนมหวานพร้อมเปิดประตูให้ มันเป็นการต้อนรับที่สุภาพมาบวกกับการตกแต่งร้านที่สวยสง่างามมากบางครั้งความสง่างามนั้นทำให้เราความรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปรับประทานขนมหวานในปราสาทที่แสนสวยที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพรรณชวนให้หลงใหลอยู่ตลอดเวลาที่เดินเข้าไป และดอกกุหลาบที่ทำจากน้ำตาลเป็นเป็นประกายระยิบระยับในแจกันบนโต๊ะนั้นก็ดูงดงามจนไม่อยากจะละสายตาจากมันเลย
“ขอบคุณคะ” เขมยิ้มให้พนักงานต้อนรับหน้าร้านอย่างเป็นมิตร
“ไม่มาซะนานเลยนะคะ” พนักงานต้อนรับยืนคุยกับเขมดูท่าทางสนิทสนม
“นี่ มาบ่อยหรอ ดูเธอคุ้นเคยกับพนักงานในร้านจัง” เจมส์สะกิดแขนเขมและถามด้วยความสงสัย ขณะที่กำลังเดินไปที่โต๊ะ
“ก็บ่อยนะสิ ฉันมาเกือบทุกอาทิตย์” เขมหันหน้าไปบอกเจมส์ที่เดินอยู่ด้านหลัง
“นี่ บ้านเธอรวยขนาดนั้นเลยหรอ ที่มากินของแพงๆแบบนี้ได้” เมื่อมาถึงโต๊ะเจมส์ก็ถามอีกเพราะสงสัยว่าทำไมถึงมาร้านแพงๆแบบนี้บ่อยๆ
“จะบ้าหรอฐานะทางบ้านของฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายหรอกนะ” เขมทำหน้าหงุดหงิดกับคำถามไม่เข้าท่าของเจมส์
“แล้วเธอโกรธอะไรของเธอเนี่ย ฉันแค่สงสัยเพราะมันดูท่าทางแพงมากเลยนะ” เจมส์มองไปรอบๆแล้วยิ้มทักทายพนักงานที่หันมา
“มันเป็นร้านของพี่ชายโยเค้าหนะ” เขมพร้อมกับก้มหน้าขณะนั้นเองก็มีมือของใครบางคนเอาจานใส่ทาร์ตสตรอเบอร์รี่วางสองจานพร้อมกับมูสช็อกโกแลต
“ทาร์ตสตรอเบอร์รี่ 2 ที่ และ มูสช็อกโกแลต 2 ที่ได้แล้วคะ” แล้วเธอก็เอามือออกไป
“เอ่อ...คือว่าฉันไม่ได้...” เขมและเจมส์อึ้งเมื่อเงยหน้าไปมอง
“โย!!/น้องโย!!”
ผลงานอื่นๆ ของ yosora magoto ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ yosora magoto
ความคิดเห็น