คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 ผู้มาเยือน 100%
บทที่3
ผู้มาเยือน
ในโซฟาสีแดงยังมีร่างหญิงสาวที่นั่งอยู่อย่างสบาย มือไม้ของเธอกำลังลุ้นไปกับหน้าจอทีวีอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
แต่ในขณะที่ร่างของชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากการนอนหลับอันยาวนาน พร้อมกับร่างที่ค่อยๆ ขยับตัว
“ตื่นแล้วหรอ นายตั้ง” หญิงสาวหันมาเห็นพอดีหลัง จึงเดินเข้ามาหา
“อือ แล้วนี่.....” เขาพยายามลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะมองไปรอบๆ และพยายามนึกว่าเขามาอยู่ที่ตรงนี้ได้ยังไง
“เอ่อ มาอยู่ได้...”
แอ้มชะงักเล็กน้อยแล้วไปพยุงตั้งให้ลุกขึ้นนั่ง เธอประคองตั้งได้เรียบร้อยแล้วค่อยๆ เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปในช่วงที่ตั้งสลบรวมถึงเรื่องที่เธอจัดการกับพวกนั้นแต่ไม่ถึงกับหมดเสียเท่าไหร่ อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ได้เล่าว่าเธอจัดการพวกนั้นไปยังไง เพราะพูดไปเดี๋ยวตั้งก็ต้องคิดว่าเธอสติไม่ดีแหงๆ
หลังจากที่ตั้งได้พักฟื้นอย่างเต็มที่โดยมีแอ้มและพิณเป็นคนดูแล ทำให้ต้องเลื่อนวันกลับไปอีกเล็กน้อยเพื่อได้มีเวลาทำงานให้เสร็จ และยังมีเวลาเที่ยวต่ออีกเล็กน้อยเป็นการพักผ่อนส่วนตัวแบบสบายๆ แต่กลับกลายเป็นว่าแอ้มเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องดูโทรทัศน์ตลอดเวลา และนี่ทำให้ตั้งได้ทราบว่าแอ้มชอบการดูโทรทัศน์เอาเสียมากๆ แม้ว่ารายการที่เธอดูนั้น เธอจะไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยก็ตาม
จนในที่สุดทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยมีรถนิสสัน มาร์ช คันสีดำเป็นพาหนะรับส่ง
“พวกเราไปแล้วนะตั้ง แอ้ม สนุกมากเลยล่ะ ไว้เจอกันที่มหาลัย บ้ายบายจะแอ้ม” พิณและวิทย์กล่าวลาทั้งคู่แล้วขับรถออกไปโดยทันที ทิ้งให้ตั้งและแอ้มเดินกลับเข้าบ้านอย่างเงียบๆ
ยังไม่ทันจะได้ผ่านห้องนั่งเล่น ตุ๊กตาก็โผล่ออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่ เธอมองไปที่แอ้มพร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะหันไปมองพี่ชายด้วยสายตาเชือดเฉือน ดูเหมือนจะมีงานเข้า ที่พอจะทำให้เขาได้ปวดหัวอีกแล้ว
“ถ้าพี่จะกลับช้าทำไมไม่บอกน้องก่อน รู้ไหมว่าน้องเป็นห่วง แล้วโทรศัพท์ก็มี ทำไมไม่โทรมาบอก” ตุ๊กตาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ตั้งจึงอ้าปากจะพูดตอบ แต่ก็ถูกผู้เป็นน้องพูดตัดหน้าไป “ เฮอะ! ทีหลังก็อย่าทำอย่างนี้อีกนะคะ วันนี้ตามีนัดกับเพื่อนข้างนอก ถ้างั้นตาขอไปเตรียมตัวก่อน”ตุ๊กตาพูดจบก็เดินออกไปทิ้งให้ตั้งยืนงงเป็นไก่ตาแตก ในขณะที่แอ้มกลับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ตั้งเดินเข้าไปในห้องนอนโดยทิ้งให้แอ้มนั่งในห้องนั่งเล่นคนเดียว เขาจัดการวาดรายละเอียดภาพทั้งหมด ทั้งวิวทะเล โขดหิน ท้องฟ้า รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ เขาค่อยๆ พลิกหน้ากระดาษไปหน้าสุดท้าย ภาพของหญิงสาวที่กำลังนั่งมองออกไปโดยไม่มีจุดหมาย ราวกับว่ากำลังสงสัยอะไรบางอย่างดู
มันวาดยาก...เขาพยายามสื่อความหมายออกมาให้ได้ตามอารมณ์ของเธอ แต่มันก็ยาก สีหน้าของเธอ แววตาของเธอมันทำให้เขาต้องแก้อยู่หลายครั้งจนในที่สุดก็ออกมาเป็นภาพนี้ แม้มันจะไม่สวย แม้มันจะไม่เทียบเท่าตัวจริง แต่เพียงแค่เขามองภาพนี้มันก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศในตอนนั้น ทะเลที่เงียบไร้ซึ่งผู้คน ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นสวยมากเมื่อมีดาวทอประกายอยู่บนท้องฟ้า แต่ความงามนั้นก็มิอาจจะเทียบกับหญิงสาวข้างกายที่นั่งอยู่บนโขดหิน
แอ้ม เธอโผล่มาพร้อมกับความงามที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นมนุษย์ เป็นผู้หญิงที่ดูน่าหลงใหล ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ตั้งก็ไม่สามารถจะอยู่นิ่งเฉยได้ เขาอยากจะแกล้ง อยากจะแหย่เธอ เพราะสีหน้าของเธอมันดูน่ามองเมื่อแสดงเป็นอารมณ์ต่างๆ ออกมา
“ยัยนี่มีมนต์อะไรกันนะ”
“ครืน....ครืน”
เสียงฟ้าร้องดังระงมไปทั่วเมือง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจะมีพายุฝนกระหน่ำลงมา ร่างหญิงสาวในสภาพชุดเสื้อยืดลายขาวดำ และสวมกางเกงยีนส์ขาวยาว กำลังชะเง้อยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่
“เฮ้อ ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว”
พูดจบเจ้าตัวก็คว้ากระเป๋าที่วางไว้มาสะพาย พร้อมกับหยิบร่มเดินออกไปจากห้องนอน
ในขณะที่ฝนกำลังเริ่มโปรยปรายลงมานั้น เกิดแสงสว่างแวบวาบขึ้นทั่วท้องฟ้า ก่อนจะหายไป
ร่างของชายหนุ่มสองคนในชุดดำกำลังยืนอยู่บนถนนที่ไม่มีคนเดิน ท่ามกลางลมที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบ้านเมืองและสถานที่ต่างๆ ดูแปลกประหลาดจนทั้งสองคนมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ
“นี่ แกคิดว่ายังไง เราจะเริ่มตามหานางจากที่ใดก่อน” ชายชุดดำผมสีแดงพูดขึ้น
ยังไม่ทันที่อีกคนจะตอบสายฝนก็พัดกระหน่ำลงมาอย่างกับราวมีคนกำลังโยนน้ำลงมาจากเบื้องบน ชายชุดดำผมสีดำจึงรีบตะโกนออกมาทันที
“ข้าคิดว่าเราน่าจะหาที่หลบภัยจากฝนพวกนี้ก่อน มันดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ”
ทั้งคู่ต่างออกความเห็นแล้วเริ่มหาที่ที่เหมาะกับการหลบฝน ก่อนหันมองไปรอบๆจึงเห็นบ้านหลังหนึ่งใกล้ๆประตูรั้วเปิดอยู่ จึงวิ่งเข้าไปข้างในทันที
พวกเขาเห็นโกดังเก็บของเล็กๆจึงวิ่งเข้าไปด้านใน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง ร่างผมสีแดงหันไปพูดกับเพื่อน
“เปียกไปหมดทั้งตัวเลย ฟรานซ์ เราคงต้องรอจนกว่าฝนหยุดตกสินะเนี่ย”
“ทำไงได้ละ อิริค ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ” ฟรานซ์ตอบอย่างไม่คิดมาก
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่นั้น ก็เหมือนมีเสียงลมหายใจแรงๆ พร้อมกับเสียงแปลกๆดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขาทั้งสองคน
“แฮ่ๆ! แฮ่ๆ!”
ทั้งสองจึงหันหลังไปมองตามเสียง เพียงแค่เห็นร่างสุนัขสีดำเท่านั้น ฟรานซ์และอิริคต่างตกใจกับเสียงนั้นและรีบวิ่งออกมาในทันที พวกมันส่งเสียงเห่าดังลั่นพร้อมกับวิ่งไล่ตามทั้งสองคนไป
“ทำไมมันถึงซวยยังงี้ฟร่ะ!!!” อิริคตะโกนออกมา แต่ฟรานซ์กลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเอาแต่วิ่งอย่างเดียวพลางคิดไปว่ายิ่งพูดก็ยิ่งเหนื่อย ทั้งสองต่างวิ่งข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
ในขณะที่นั้นเองตุ๊กตาเดินออกมาด้านนอกในชุดกันฝนพร้อมกับร่ม ก่อนออกมาพี่ชายเธอบังคับให้เธอใส่ร่มกันฝนไว้ เพราะกลัวว่าร่มจะเอาไม่อยู่ ตอนแรกเธอก็รู้สึกไม่พอใจที่พี่ชายมาจู้จี้กับเรื่องนี้ แต่พอตอนนี้เธอก็ต้องนึกขอบคุณในใจเสียไม่ได้ เพราะร่มที่เธอถือในตอนนี้นั้นไม่สามารถป้องกันฝนได้อยู่อย่างที่พี่ชายเธอว่า
ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปบ้านเพื่อนใกล้ๆอยู่นั้นเอง เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มสองคนกำลังวิ่งตากฝนมาทางเธอ โดยมีเสียงดังตามหลังมาด้วย
“โฮ่ง!!!”
ชายหนุ่มทั้งสองคนวิ่งผ่านเธอ พร้อมกับสุนัขที่ยังคงวิ่งตามพวกเขาไป ทำเอาเธอได้แต่มองตามอย่างเหวอๆ
“อะไรของเขาเนี่ย” เธอบ่นออกมาเบาๆ เธอชะเง้อมองตามพลางคิดถึงใบหน้าร่างที่พี่งวิ่งผ่านเธอไป “แต่ผู้ชายผมสีดำคนนั้นหล่อจังเลย......”
คิดได้ไม่ทันไรเธอก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดทันที ก่อนจะพึมพำเบาๆออกมา
“เพ้อเจ้ออีกแล้วนะเราเนี่ย”
“ผมรักคุณ....” เสียงจากร่างของชายหนุ่มพูดจบก็ดึงร่างบอบบางของหญิงสาวมาแนบอกของตนเอาไว้
“ฉันก็รักคุณค่ะ” หญิงสาวตอบ พร้อมกับเงยหน้าจ้องมองดวงตาของชายหนุ่มคนรักด้วย ราวกับกำลังมีอะไรดึงดูด ทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่ค่อยๆขยับเข้าหาจะประกบกัน อีกไม่เพียงถึงเสี้ยววินาเท่านั้น
พึ่บ!
หน้าจอโทรทัศน์กลายเป็นสีดำ พร้อมกับท่าท่างของแอ้มที่กำลังเอามือกุมปากตัวเองค้างไว้ ในขณะที่เธอกำลังลุ้นอยู่กับพระเอกนางเอกในละคร เธอรีบวิ่งไปดูโทรทัศน์ทันที
ตุ๊บ! ตุ๊บ!
“ทำไมอยู่ดีๆมันดับอ่า” เธอทุบโทรทัศน์ไปพร้อมกับมองหาสาเหตุจนได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะหลุดออกมาจากด้านหลังจึงหันไปมองตาม จึงเห็นตั้งกำลังยกมือหนึ่งขึ้นมากุมปากกลั้นหัวเราะอยู่ ในขณะที่อีกมือกุมรีโมตโทรทัศน์
“นายตั้ง!!!!” เสียงตะโกนลั่นบ้านพร้อมกับร่างหญิงสาวที่หันไปมองที่ชายหนุ่มและพูดกับเขาอย่างอารมณ์เสีย “เอารีโมตมานะ”
“อยากได้ก็มาแย่งสิ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับวิ่งหนี
เฮ้อ ไม่มีอะไรทำ แกล้งยัยนี่ก็สนุกเหมือนกันแหะ
“ชิ ใจร้ายที่สุด ไม่มีอะไรทำแล้วมาแกล้งฉันเนี่ยนะ” แอ้มที่ได้ยินพูดด้วยน้ำเสียงปนโมโห
“ทำไมเธอถึงรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่เนี่ย” ตั้งพึมพำเบาๆ ไปพร้อมกับวิ่งหนีวนรอบโซฟา
“เอามานี่นะ” แอ้มวิ่งไปจับชายเสื้อของตั้งได้ก่อนจะรีบ ดึงคว้าแขนของชายหนุ่มแต่เธอกับเสียหลักล้มลงบนโซฟา พร้อมกับมือที่คว้าร่างชายหนุ่มตามลงมาด้วย
ร่างของแอ้มนอนหงายอยู่บนโซฟา โดยมีตั้งกำลังนอนค่อมอยู่บนตัวเธอ สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ทำเอาต่างฝ่ายต่างหยุดชะงักทันทีประมาณนาทีเศษๆ ใบหน้าของทั้งคู่เริ่มมีสีแดงระเรื่อๆ
แต่ทันใดนั้นเอง.......
โครม!!!
“โอ๊ย!”
ร่างของตั้งกระเด็นตกไปบนพื้นด้วยแรงผลักจากเท้าของแอ้มที่ยังยกชูขึ้นมาค้างไว้อยู่
“สมน้ำหน้า!” แอ้มเดินมาใกล้ๆพร้อมหยิบรีโมตโทรทัศน์ที่วางอยู่ข้างๆร่างของตั้ง ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาดูทีวีต่ออย่างสบายใจ ทิ้งให้ร่างชายหนุ่มได้แต่นอนจุกอยู่กับพื้นอย่างไม่สนใจ
ฝนยังคงตกโปรยปรายลงมาเรื่อยๆอย่างไม่ยอมหยุด ร่างของชายสองคนนั่งทิ้งตัวลงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงที่ใต้ตึกไม้ร้างเก่าๆ ในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว
“มันยังตามมาอีกไหมเนี่ย” อิริคพูดพร้อมกับชะเง้อมองออกไปด้านนอก เมื่อไม่เห็นว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างนอกจึงถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ซวยเป็นบ้าเลย”
“ข้าว่าเก็บแรงไว้ก่อนดีกว่า รอให้ฝนหยุดแล้วค่อยว่ากันอีกที” ฟรานซ์พูดจบก็หงายหลังทิ้งตัวลงนอนทันที เมื่ออิริคเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามเพื่อน
ซ่าส์.....ซ่าส์
เสียงสายฝนก็ตกไปเรื่อยๆราวชั่วโมงเศษ ก่อนที่ก้อนเมฆจะค่อยๆเคลื่อนที่ออกไป ทำให้แสงพระอาทิตย์ค่อยๆสาดส่องลงมาบนทั่วทุกพื้นที่แทน
แสงแดดยามเย็นพระอาทิตย์ค่อยจะตกดิน ชายหนุ่มฟรานซ์ลุกขึ้นมานั่งพร้อมหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากด้านในเสื้อชุดสีดำนั้น ในขณะที่อิริคก็ค่อยๆลุกขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงฟรานซ์หยิบของ
มือหนึ่งกำลังถือสิ่งๆหนึ่งซึ่งนั่นก็คือ หน้ากากแฟนธ่อม
“ได้เวลาตามหานางแล้ว”
100%
ช่วยติชม วิจารณ์ หรือ แสดงความคิดเห็น หน่อยนะครับ ^^"
อยากรู้ว่าที่แต่งมาเป็นอย่างไรบ้างครับ
ความคิดเห็น