คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 พลังที่ซ่อนอยู่ภายใน 100%
บทที่2
พลังที่ซ่อนอยู่ภายใน
“ยิงๆ เลยลูกพ่อ!” เสียงตะโกนของใครคนหนึ่งที่กำลังกดปุ่มบังคับอย่างรัวๆ
“ไม่มีทาง” ร่างสูงอีกคนที่นั่งข้างๆเอ่ยขัดขึ้นมาทันที
เสียงตะโกนดังมาจากหน้าโทรทัศน์จอใหญ่ขณะนี้ที่ถูกเสียบด้วยเครื่องเล่นเกมโดยมีร่างของชายสองคนกำลังเอามือกุมปุ่มบังคับอย่างตั้งอกตั้งใจ
“โธ่เว้ย! นี่มันครั้งที่ 5 แล้วนะเว้ย ที่แกสกัดลูกยิงข้าได้ แกโกงรึเปล่าเนี่ย”
เสียงโวยวายตะโกนดังลั่นทันทีหลังจากผู้เล่นในเกมฟุตบอลที่เขาเล่นอยู่ได้สกัดลูกยิงเขาได้อย่างแม่นยำ
“ฮ..เฮ้ยๆใจเย็นๆ”
ตั้งตะโกนออกมาทันทีหลังจากเห็นว่าในเกมอีกฝ่ายกำลังคุมบอลวิ่งรุกเข้ามาใกล้ประตูของเขาขึ้นเรื่อยๆ
“อย่านะเว้ยไอ้วิทย์!!!”
ลูกฟุตบอลที่ซัดเข้าประตูไปเต็มๆทำเอาตั้งตะโกนออกมาด้วยความเซ็ง
“เลิก!!”
“พี่ตั้งแพ้อีกแล้วหรอคะ? เฮ้อแพ้พี่วิทย์ทุกเกมเลยนะคะเนี่ย” ตุ๊กตาที่นั่งคุยกับแอ้มอยู่บนโซฟาหันมาพูดกับพี่ชาย
“เงียบไปเลยยัยตา! แล้วยังไม่ไปโรงเรียนอีกหรอ” ตั้งพูดพร้อมมองด้วยตาเขียวปัดใส่
“ก็วันนี้มีเรียนช่วงบ่ายนี่คะ” ตุ๊กตาตอบหน้าตายทำเอาตั้งจะเถียงต่อ วิทย์เห็นว่าเรื่องกำลังจะไปกันใหญ่จึงพูดยุติสงครามก่อน
“เอาน่าๆ ไอ้ตั้งจะแก้มืออีกสักเกมไหม?”
“ไม่ล่ะ เบื่อโว้ย!!!”
ขืนเล่นอีกก็แพ้อีก เล่นกับไอ้วิทย์ ไอ้คนอย่างเราก็คงไม่มีทางชนะมันหรอก
‘ไอ้วิทย์’ เพื่อนซี้ผมตั้งแต่สมัยประถมมันชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ พูดง่ายๆมันบ้าวิทยาศาสตร์น่ะ แต่ไม่รู้ยังไงกลับมาเรียนอยู่ที่เดียวกับผม มันเป็นคนฉลาด แต่ก็ซื่อซะจนดูโง่ในบางเรื่อง แต่เรื่องเกมไม่รู้ทำไมเล่นกับไอ้นี่ทีไร ไม่เคยชนะเลยสักครั้ง
“รู้ตัวด้วยหรอน่ะนาย” แอ้มหันมาพูดกับตั้งทันที
“รู้ตัวอะไรล่ะ?” ตั้งหันมาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ยัยนี่มาแปลกๆ อีกล่ะ
“ก็รู้ว่า ขืนเล่นอีกก็แพ้อีกไง คนอย่างนายน่ะก็คงไม่มีทางชนะคุณวิทย์หรอก รู้ตัวเองก็ดีแล้วล่ะ”
คำตอบสั้นๆ กวนประสาทสั้นๆ ทำเอาเส้นเลือดบนขมับของตั้งเต้นตุบๆ ทันที ตั้งจึงตอกคำพูดกลับไปทันที
“นี่เธอ นั่งเงียบๆ ไปก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ!”
“ไอ้ตั้ง เอ็งเป็นอะไรของเอ็งวะ ไปพูดกับผู้หญิงอย่างนี้ได้ยังไง” วิทย์หันมาพูดกับตั้งก่อนจะยิ้มให้แอ้ม เธอจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบ “เอ้อ! เกือบลืมไปเลย ไอ้ตั้งเดี๋ยวพิณจะมารับเราตามที่นัดกันไว้ว่าจะทำงานส่งอาจารย์ ตอนบ่ายสามโมงเจอกันนะ เดี๋ยวข้าขอตัวกลับบ้านไปเตรียมของก่อนนะเว้ย”
“อ้าวเฮ้ย! ไปเลยหรอ เออๆ”
แอ้มมองตั้งและวิทย์สลับกันไปอย่างงงๆ แต่เธอก็ไม่ยอมเอ่ยปากถามอะไรเลยแม้สักนิดแต่พอจะหันไปคุยกับตุ๊กตาต่อ ก็พบว่าตุ๊กตาไม่ได้อยู่ที่โซฟากับเธอแล้ว สงสัยจะไปตอนช่วงที่เธอกับตั้งทะเลาะกันสินะ
ตั้งลุกขึ้นแล้วเก็บเกมส์ที่เอาออกมาเล่นกับวิทย์เข้าที่ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อจะจัดของที่ต้องเตรียมไปในการเดินทางครั้งนี้
จริงๆ ตั้งลืมไปสนิทเลยว่าวันนี้พิณ เขา และวิทย์นัดกันไปหาสถานที่วาดรูปเพื่อส่งงานอาจารย์ไปแล้วด้วยซ้ำ เหตุผลคงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามกันหรอกเนื่องจากว่าในคาบที่เรียนนั้นเขาหลับตั้งแต่ต้นคาบจนท้ายคาบ จึงทำให้ไม่รู้เลยว่าอาจารย์สั่งอะไรไว้บ้าง โชคดีที่มีพิณ เพื่อนสาวสวยที่แสนจะเรียบร้อยเป็นคนบอกและนัดว่าจะรับไปวาดรูไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีงานส่งอาจารย์หรอก
ตั้งเริ่มจัดของลงกระเป๋าเดินทางโดยมีเสื้อผ้าไปนิดหน่อยพอเป็นพิธีตามประสาผู้ชายพร้อมกับจัดเป้สำหรับใส่ของกินและอุปกรณ์วาดภาพที่มีตั้งแต่ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด และที่ขาดไม่ได้เลยคือสีน้ำมัน สิ่งที่จะต้องนำไปใช้เมื่อวาดภาพเสร็จ
เมื่อเตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้วสายตาก็หันไปมองแอ้มเธอกำลังนั่งดูทีวีอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับไม่เคยดูมาก่อน “สงสัยคงไม่มีทางเลือกแหะ” ตั้งถอนหายใจเบาๆออกมาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเบอร์พร้อมกับโทรออก
“ฮัลโหล พิณเดี๋ยวช่วยมาหาที่บ้านหน่อยได้ป่ะ เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง โอเคครับ... ครับ แล้วเจอกันครับ”
หลังจากวางโทรศัพท์เสร็จ เขาก็เดินไปนั่งโซฟาข้างๆสาวน้อยผมสีบลอนซ์ ขนาดนั่งลงข้างๆแล้วดูเธอจะไม่สนใจเขาสักนิดเนื่องจากกำลังนั่งดูทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจ
“นี่เธอไม่เคยเห็นทีวีหรือไงเนี่ย เห็นนั่งจ้องอย่างกับปลากัด ระวังท้องนะ”
ตั้งแซวแอ้มพลางหัวเราะเบาๆ ซึ่งมันทำให้แอ้มเหลือบมองตั้งแว้บหนึ่งแต่เพราะเธอไม่เข้าใจความหมายของตั้งจึงหันกลับไปสนใจทีวีที่ตนดูอยู่ต่อ ซึ่งมันทำให้ตั้งหมั่นไส้ที่เธอไม่สนใจเขาเลย สุดท้ายตั้งเลยตัดสินใจหยิบรีโมทบนโต๊ะแล้วเปลี่ยนช่องรายการเป็นช่องเพลงเสียเลย
“นี่นาย ฉันดูอยู่นะทำกลับให้เป็นเหมือนเดิมเลย”
แอ้มหันไปว่าตั้งทันทีที่โดนแกล้งแต่ตั้งกลับทำเป็นไม่ได้ยินแล้วร้องเพลงตามดังๆ เพื่อกลบเสียงแอ้มอย่างจงใจแถมยังลุกขึ้นหนีไปเสียดื้อๆ
“นี่!! นายจะไปไหนกลับมาเปลี่ยนให้เป็นเหมือนเดิมเลยนะ นายบ้า”
“แต่นี่บ้านฉันนะ ฉันอยากฟังเพลงอ่ะ”
ตั้งลอยหน้าลอยตาตอบทำให้แอ้มเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเธอเลยวิ่งไปแย่งรีโมทจากตั้ง ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตั้งถือคืออะไรก็ตาม แต่ถ้าเธอแย่งเขามาได้ กดมั่วๆ เดี๋ยวก็ต้องเจอสิ่งที่เธอดูเมื่อกี้อย่างแน่นอน
ตั้งชูรีโมทขึ้นเหนือหัวตัวเองทำให้แอ้มที่ตัวเล็กกว่าเอื้อมมือไม่ถึงพอที่จะคว้ามันมาได้เธอจึงเปลี่ยนจากที่พยายามเอื้อมมือแย่งเป็นทุบตีตั้งแทน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลเพราะตั้งไม่สะทกสะท้านอะไรเสียเลยซึ่งนั่นทำให้แอ้มเริ่มรู้สึกโกรธมากขึ้น
“อยากได้ก็พูดดีๆ สิ”
ตั้งพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วฉวยโอกาสจังหวะที่แอ้มพยายามแย่งรีโมทจากตนเองไปหอมแก้มเบาๆ ก่อนจะส่งรีโมทให้อย่างง่ายดายแต่เพราะแอ้มตกใจเลยไม่ได้ยื่นมือมารับรีโมทเขาเลยยัดใส่มือเธอเสียดื้อๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องเพื่อหลบอาการหงุดหงิดของแอ้ม
“นายตั้ง!!!! นายมันแย่ที่สุด!!!!!”
แอ้มตะโกนลั่นบ้านพลางยกมือลูบแก้มตัวเองเบาๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากที่ตั้งเดินเข้าไปในห้องอีกคราแอ้มก็จัดแจงลองกดสิ่งที่เรียกว่า รีโมท ดูเผื่อว่าจะเจอสิ่งที่เธอดูอยู่ก่อนที่ตั้งจะแกล้งเธอ แต่แอ้มก็หาได้ไม่นานเท่าไหร่นักเสียงเอะอะจากหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาก่อนทำให้ดึงความสนใจของเธอได้ทันที
“เฮ้ยตั้ง! เสร็จรึยังวะ ไปกันได้แล้ว”
“เออ เสร็จแล้วๆ แอ้มไปกันได้แล้ว”
ประโยคแรกนั้นตั้งตะโกนบอกวิทย์ก่อนที่จะหันไปพูดกับแอ้มที่ยังนั่งทำหน้างงๆ อยู่บนโซฟายาวจนตั้งทนไม่ได้เดินไปคว้าข้อมือบางๆ นั้นให้ฉุดบุกไปกับเขาแล้วลากออกไปยังนอกบ้านที่มีรถจอดรออยู่แล้ว
รถนิสสัน มาร์ช คันสีดำสนิทจอดอยู่หน้าบ้านของตั้งอย่างพอดิบพอดี ภายในรถคันนั้นมีวิทย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ คนขับและมีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ทางฝ่ายคนขับ ลักษณะการแต่งตัวของทั้งคู่ดูเป็นชุดสบายๆ แบบไปเที่ยว ดูเหมือนผู้หญิงในรถจะงงไม่ใช่น้อยที่ข้างกายของตั้งดันมีผู้หญิงอีกคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนยืนอยู่ด้วยพร้อมกับทำหน้างงเล็กน้อยเหมือนไม่เคยเห็นรถยังไงยังงั้น
“อ่อแอ้ม นี่พิณเพื่อนของฉันเอง ส่วนพิณนี่แอ้มเพื่อนตั้งเอง พอดีเห็นเธอเอ่อ...เป็นลมอยู่หน้าบ้านเลยพาไปหาหมอแล้วทำไปทำมาเธอความจำเสื่อมน่ะ”
ตั้งเลือกที่จะโกหกพิณไปเรื่องแอ้มก่อนจะส่งยิ้มให้แหย่ๆ พิณพยักหน้าแบบรับรู้ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานๆ ทักทายไป
“สวัสดีจ้ะแอ้ม เราพิณนะ”
“อะ...อืม เราแอ้มจ้ะ”
แอ้มตอบกลับด้วยท่าทีเขินเล็กน้อยก่อนที่จะหันขวับไปหาตั้งเมื่อได้ยินเสียงความคิดของตั้งดังขึ้นมา นี่เขาแอบแขวะเธอในใจอีกแล้วสิเนี่ย
ทำเป็นเรียบร้อย ยัยปิศาจสองหน้าเอ้ย
“นี่นายตั้ง! อย่ามายุ่งกับฉันให้มากได้ไหม นายเองก็เหมือนกันแหละว่าคนอื่นไม่ดูตัวเอง”
“อะไรของเธอ ขึ้นรถไปเลยไป ไม่อยากชวนทะเลาะกับคนที่พูดไม่รู้เรื่อง”
ตั้งทำหน้าหงุดหงิดใส่แอ้มแล้วเปิดประตูรถเพื่อจะดันแอ้มขึ้นไปแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแกล้งเธอ ตั้งจึงเอาของทั้งหมดโยนๆ ไปให้แอ้มเพื่อเป็นการหยอกเล่นให้แอ้มโกรธแต่ดูเหมือนจะได้ผลเกินคาดไปสักหน่อยเมื่อสมุดวาดภาพที่เขาโยนไปนั้นโดนหน้าเธอไปจังๆ
“นายตั้ง!”
แอ้มตะโกนออกมาอย่างเหลืออดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อมีทั้งกระเป๋าและสัมภาระต่างๆ มากั้นเอาไว้ระหว่างเธอสองคน
“เรียกฉันมีอะไรรึเปล่า หืมม์”
ตั้งแกล้งยียวนถามกลับไปเรียกเสียงหัวเราะจากวิทย์ได้และเสียงดุเบาๆ จากพิณที่เห็นแอ้มโดนแกล้ง
“ตั้งอย่าไปแกล้งแอ้มแบบนั้นสิ เดี๋ยวเถอะนะ”
“ครับพิณ คร้าบ”
ตั้งตอบพลางหัวเราะเบาๆ ซึ่งมันทำให้พิณอดขำไม่ได้ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเคลื่อนรถออกไป ไม่อย่างงั้นกว่าจะไปถึงที่หมายคงมืดก่อนพอดี
และก็เป็นอย่างที่พิณคาด เพราะกว่าพวกเธอจะเดินทางมาถึงจุดหมายก็ปาเข้าไปหกโมงครึ่งเสียแล้ว โชคดีนะที่เธอจัดการจองโรงแรมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้เมื่อไปถึงก็จัดการขนของเข้ากันไปเก็บ จะมีก็เพียงเสื้อผ้าของแอ้มที่มีเพียงไม่กี่ชุดเพราะตั้งไปหยิบของตุ๊กตาให้ได้เพียงเล็กน้อย ส่วนที่เหลือก็จำเป็นต้องหาซื้อใหม่เอาทั้งหมด
โรงแรมที่พิณจองเอาไว้เป็นบังกะโลเล็กๆ ติดชายหาด ภายในห้องถูกจัดเป็นสไตล์ฮาวาย และกลิ่นอายของทะเลที่พัดผ่านเข้ามาทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วกัน ค่อยไปหาที่วาดรูปแล้วพรุ่งนี้จะได้มาวาดกัน”
พิณเอ่ยปากบอกกับทุกคนซึ่งพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะวิทย์ที่บ่นว่าหิวตั้งแต่รถเคลื่อนออกจากกรุงเทพฯ ได้ไม่นานนัก แต่พิณก็กลับโหดร้ายไม่ยอมจอดแวะพักที่ไหนให้วิทย์หาอะไรลงท้องเลยแม้สักนิดโดยอ้างเหตุผลแค่ว่ามันจะเสียเวลาเอาเปล่าๆ
ทั้งหมดเดินไปเลือกร้านอาหารที่ติดอยู่กับทะเลแถวๆ นั้นเอาอย่างง่ายๆ เพราะในร้านมีลูกค้ามากทำให้ต้องนั่งรอกันเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าอาหารจะมาครบตามที่สั่งเอาไว้
เพราะตั้งและวิทย์ตัดสินใจที่จะนั่งแยกกันทำให้อาหารที่มาเสิร์ฟมักจะหายวับไปในพริบตาเพราะที่สั่งมาอย่างละสองชุดจะต้องแบ่งเป็น2ฝั่งอยู่แล้วผลที่ได้คือเมื่ออาหารมาเสิร์ฟปุ๊บสองหนุ่มก็จัดการเอาลงท้องจนไม่มีเหลือสักนิด แถมยังปิดท้ายด้วยของหวานอีกทำให้ค่าอาหารที่ออกมาเล่นเอาตกใจกันถ้วนหน้า
“งั้นเดี๋ยวฉันกับแอ้มขอไปหาที่วาดภาพแถวนี้ก่อนนะ”
ตั้งบอกกับวิทย์และพิณก่อนจะจับมือลากแอ้มออกไปหลังจากที่ออกค่าอาหารกันเสร็จเรียบร้อยซึ่งงานนี้เขาและวิทย์ต้องออกเงินกันคนล่ะครึ่งถือเป็นการลงโทษที่กินโดยไม่ยอมคิด
“ดาวสวยจังเลยเนอะ”
หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินตามแนวชายหาดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามราตรีที่มีแสงดาวระยิบระยับส่องเป็นประกายราวกับมีศิลปินเอกวาดขึ้นมา มือทั้งสองข้างค่อยๆกางออกก่อนจะยันตัวไปกับพื้นข้างหลังไว้
ตั้งได้แต่มองตามก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
จะว่าไปดาวมันก็สวยอย่างที่เธอว่าจริงๆนั่นแหละ ในเมืองไม่ค่อยจะมีดาวให้เห็นสักเท่าไหร่
บรรยากาศทะเลริมชายหาดภายใต้แสงพระจันทร์แบบนี้ แถมแสงเสาไฟตะเกียงที่ส่องสลัวๆสีเหลืองที่ทำให้เพิ่มบรรยากาศเข้าไปอีก ใครพาคู่รักมาที่นี่คงโรแมนติคน่าดู ภาพแบบนี้แหละที่ต้องการ
จะว่าไปยัยนี่ก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย
ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...ปากร้ายไปนิด
“เอ่อ...แอ้มรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอาอุปกรณ์มาก่อน คือฉันอยากจะวาดรูปสักหน่อย”
“อืม”
เธอตอบรับอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนะ ไม่สิเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดสักนิด สงสัยคงจะติดลมเพลินมั้ง
“นี่ฉันรู้นะเธอคิดอะไรอยู่น่ะ ยังไม่ไปอีก! จะไปเอาของไม่ใช่หรอ”
“ธ..เธอ...”
“เอ้า ยังยืนเซ่อร์อยู่อีกหรอ”
ตั้งอ้าปากจะเถียงแต่กลับเถียงไม่ออกก่อนจะเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
ยัยนี่ไปกินรังแตนจากที่ไหนมาวะ ปากถึงได้เป็นอย่างนี้
“นี่ อย่ามานินทาลับหลังนะ ฉันได้ยินนะ”
แอ้มตะโกนดังจากด้านหลังทันทีหลังจากที่เขาบ่นในใจ
เฮ้ย ตูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ยัยนี่มันมีหูทิพย์หรือยังไงฟร่ะ?
หลังจากที่เห็นชายหนุ่มเดินไปไกลแล้ว แอ้มจึงผละสายตาก่อนจะหันไปมองทะเลอันไกลโพ้น พร้อมกับแสงดาวที่ส่องประกายบนท้องฟ้าต่อคนเดียว
จริงๆแล้วฉันเป็นใครกันแน่....
ทำไมฉันถึงได้ยินเสียงอะไรเต็มไปหมดเมื่ออยู่ใกล้คนอื่น
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นภาพความทรงจำบางส่วนก็ผุดขึ้นมา คล้ายจะเป็นภาพก่อนที่เหตุการณ์ที่เธอฝัน
“วิ่ง!!”
ตูม!
เสียงระเบิดกัมปนาทดังขึ้นตามหลังมาเป็นระยะๆ ทำเอาร่างหญิงสาวร่างเล็กผมสีบลอนซ์ยกมือปิดหูวิ่งเป็นพัลวันพร้อมกับร่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังวิ่งถือปืนระวังหลังเธอไปติดๆ
“ไอ้พวกนี้มันตามมาไม่เลิกจริงๆ”
หลังจากชายหนุ่มสังเกตเห็นร่างที่ใส่หน้ากากแฟนธ่อมจำนวนนับสิบกำลังวิ่งตามเขามาอย่างติด พร้อมกับเสียงปืนที่ดังมาอย่างไม่ขาดสาย
ปัง!
ชายหนุ่มพาหญิงสาวหลบอยู่หลังต้นไม้ข้างหน้าพร้อมกับยิงสกัดไว้ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับเธอ
“เดี๋ยวฉันจะยิงสกัดไว้ให้ เธอรีบวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดนะ”
หญิงสาวยังทำท่าทางอ้ำอึ้งไม่กล้าที่จะวิ่งไป เขาจึงแสดงสีหน้าให้เธอรู้ว่าเขาพูดจริงไม่ได้พูดเล่น
“จะลังเลอะไรอยู่ล่ะ รีบวิ่งไปสิ!”
“ไม่!”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
เธอทำไม่ได้หรอกนะถ้าจะรอดเพียงแค่คนเดียว
“ทำไมล่ะ...?” ชายหนุ่มถาม
“เราจะต้องไปด้วยกัน”
“ฟังนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ยอมตาย เชื่อฉันเถอะ เราต้องได้เจออีกครั้ง แต่ตอนนี้ฉันขอให้เธอฟังฉันก่อน ถ้าฉันนับหนึ่งถึงสามแล้วละก็ให้เธอวิ่งไปก่อนเลยนะ และฉันจะยิงสกัดพวกมันไว้ให้ ฉันสัญญาว่าเราต้องได้เจอกันอีกครั้งหนึ่งแน่นอน” ชายหนุ่มหันหน้ามาพูดกับหญิงสาวอย่างจริงจัง
เธอพยายามเพ่งมองไปบนใบหน้าของชายหนุ่ม คล้ายกับพยายามจะอ่านความคิดของเขา แต่คำตอบที่ได้ก็คือความจริงกับสิ่งที่เขาพูดออกมา
“เอาล่ะนะ พร้อมนะ 1
..2”
ก่อนจะนับสามทั้งคู่มองตากันแวบหนึ่งก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้นมา
“3!!”
หญิงสาววิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ในขณะที่ชายหนุ่มหันหลังไปยิงปืนสกัดไว้
อยู่ดีๆภาพนั้นก็เริ่มบิดเบี้ยวก่อนที่ความเจ็บปวดจะแทรกเข้ามาในหัวของเธอ
โอ๊ย! ปวดหัวจังเลย
เธอค่อยๆเอามือกุมขมับสักพักก่อนที่อาการเจ็บเหล่านั้นค่อยๆทุเลาลงและหายไป แต่เสียงที่เข้ามาแทนคือความเหนื่อยหอบ
“นายตั้งนี่หายไปนานจังเลย”
ระหว่างที่เธอกำลังนั่งรอตั้งอยู่บนโขดหินแถวริมชายหาดอยู่นั้นก็มีชายหนุ่มวัยรุ่นประมาณ 6 คนเห็นจะได้ กำลังเดินมาทางแอ้มบางคนก็ถือขวดเหล้าเดินเซไปเซมาอยู่ ประกอบกับใบหน้าทุกคนแดงกล่ำเนื่องจากดีกรีแอลกอฮอลผ่านเข้าทางการมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“เฮ้ สาวที่ไหนวะมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ผิวก็ขาว น่ารักโคตรเลยว่ะ~ ”
ชายหนุ่มผมทรงโทโมฮ๊อคดูท่าคล้ายจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์เดินถือขวดเหล้าพูดขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆแอ้มโดยมีพวกลูกน้องเดินตามหลัง
“น้องสาวมานั่งทำอะไรแถวนี้คนเดียวจ้ะ”
แอ้มได้ยินก็ค่อยๆหันมาก่อนจะเจอผู้ชายประมาณ6คนกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ทำเอาเธอตกใจไม่ใช่น้อย
คนพวกนี้เป็นใครน่ะ โดยเฉพาะไอ้ผมแปลกประหลาดนี่
“ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใครคะ”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องรู้หรอกจ้ะน้องสาว!~”
ไอ้เจ้าทรงผมประหลาดในสายตาของเธอพูดจบ ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังทั้งหมดก็พากันหัวเราะชอบใจเป็นแถว พร้อมกับเสียงที่เธอคล้ายกับได้ยินมาจากไอ้เจ้าคนผมประหลาดนั่นอีกว่า ‘ท่าทางซื่อๆอย่างนี้ น่ารักแบบนี้ จะไปให้รอดหลุดมือไปได้ยังไง!’ ทำเอาเธอรีบลุกจากโขดหินและคิดว่าต้องเดินจากไปตรงนี้เสียจะดีกว่า
“จะไปไหนล่ะจ้ะน้องสาว เรายังไม่ได้คุยกันเลย” มือกร้านของชายหนุ่มจับมือแอ้มเอาไว้ทำเอาเธอหันหน้ามามองไอ้เจ้าทรงผมประหลาดและพยายามสลัดมือออกทันที
“ปล่อยมือฉันนะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย เจ้าตัวจึงยกเท้าขึ้นเหยียบลงไปที่เท้าอีกฝ่ายเต็มแรง พร้อมกับฟันศอกซ้ำไปเต็มหน้าอก ทำให้มือกร้านที่จับมือเธออยู่จึงปล่อยและถอยหลังไปสองสามก้าวตามแรงกระแทก
แอ้มจึงอาศัยโอกาสนี้วิ่งหนีพวกวัยรุ่นเหล่านี้โดยวิ่งไปข้างหน้า ในขณะนั้นเองตั้งกำลังถืออุปกรณ์ที่เขาต้องใช้ทำงานผ่านมาพอดี แอ้มจึงวิ่งไปหลบด้านหลังของตั้ง
“เกิดอะไรขึ้น?” ตั้งหันหน้าไปถามแอ้ม พร้อมกับมองไปที่กลุ่มวัยรุ่นก่อนจะพอสรุปเหตุการณ์ได้คร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไอ้น้องชาย เป็นแฟนของน้องสาวคนนี้หรอ?” ชายหนุ่มผมทรงโทโมฮ๊อคเอ่ยปากถามขึ้น
จะทำยังไงดีฟร่ะ
“ใช่! เขาเป็นแฟนของฉันเอง จัดการพวกนี้เลยค่ะ ที่ร๊ากก~” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับเรียวแขนเล็กๆที่โอบผ่านหลังของตั้ง
งานเข้า! โยนขึ้มาให้ชัดๆ
“ทำอะไรของเธอเนี้ย” ตั้งหันหน้าไปพูดกับหญิงสาวที่กำลังแสดงละครโอบกอดเขาอยู่ด้านหลัง แต่ดูท่าเธอทำราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่ามีคนกำลังงานเข้าอยู่ตอนนี้
ถ้าคนข้างหน้ามีแค่คนสองคนเขาน่าจะยังพอรับมือไหว แต่นี่...1 2 3.....6 คน ใครจะบ้าอยู่ให้เขากระทืบล่ะ
แอ้มรู้ว่าตั้งคิดจะหนี แต่ก็รู้ว่าเขาคงสู้กลุ่มผู้ชายข้างหน้าไม่ได้ จึงไม่ได้พูดขัดอะไร แค่อยากจะรู้ว่าเขาจะตัดสินใจแก้ปัญหานี้อย่างไรเท่านั้นเอง ที่ทำอย่างนี้เพื่อเป็นการรู้จักนิสัยอีกฝ่ายมากขึ้นอีกด้วย
ดูท่าคงจะป๊อดสินะ
“น้องชายเป็นแฟนของน้องสาวคนนี้จริงๆหรอ?” ชายหนุ่มผมทรงโทโมฮ๊อคเอ่ยถามขึ้นอีกรอบ ทำเอาตั้งเหงื่อแตกออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะเขาร้อน แต่เขากำลังคิดหาทางออกในการแก้ปัญหาอยู่ เมื่อเห็นตั้งเงียบ
ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เดินเซออกมาข้างลูกพี่ของตนก่อนจะเอ่ยแหกปากตะโกนว่า “เฮ้ย ลูกพี่ข้าถามทำไมเอ็งไม่ตอบวะ?”
ถ้าเราบอกว่าไม่ใช่แฟนของเธอ มีหวังเธอคงโดนพวกนี้ลากไปแน่เลย อีกอย่างเรายิ่งไม่ชอบเห็นคนที่ชอบข่มรังแกผู้อื่นด้วย แต่ถ้าตอบว่าเป็นคงจะเลี่ยงไม่ได้อยู่ดีที่จะต้องสู้กับคนพวกนี้ แต่...เอาวะเป็นไงเป็นกัน
“ผมเป็นแฟนของเธอ”
“!!!”คำตอบทำเอาแอ้มที่หลบอยู่ข้างหลังเบิกตากว้างหันมามองตั้งอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะตอบตกลง ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าเขาสู้ไม่ได้ ด้วยความสงสัยแอ้มถามออกมา
“นาย ทำไมไม่หนีล่ะ”
“แล้วจะให้ฉันทิ้งเธออยู่คนเดียวได้ยังไง” ตั้งหันหน้ามาตอบก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย ซึ่งบัดนี้กำลังยิ้มก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทั้งกลุ่ม
จะหัวเราะอะไรอะไรกันนักหนาฟร่ะ
ใจก็คิดไปอย่างนั้น แต่อีกใจหนึ่งก็...พี่ครับปล่อยผมไปเถอะ ครับพี่
“เฮ้ย! จับมันเอาไว้”
สิ้นเสียงคำสั่งจากหัวหน้าพวกที่อยู่ด้านหลังก็ต่างกระจายเป็นวงกลมล้อมตัวตั้งกับแอ้มไว้ ตั้งสัมผัสรับรู้ได้ว่าแอ้มกำลังกลัวเนื่องจากมือที่จับแขนเขาอยู่นั้นค่อยๆบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“กลัวหรอ?” ผมหันหลังไปถามเธอ
“บ้าน่า! ฉันไม่ได้กลัวซะหน่อย” แอ้มพูดแย้งก่อนจะทำตาค้อนใส่ทีนึง ทำเอาผมได้หัวเราะยิ้มเบาๆในใจ ก่อนจะหุบยิ้มเนื่องจาก ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
จะฝ่าออกไปยังไงดีเนี่ย?
ยังไม่ทันที่จะหาทางออกได้ก็มีชายคนหนึ่งมาฉุดร่างของแอ้มไปจากเขาทางด้านหลัง ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามขัดขืนเต็มที่แต่ก็สู้แรงของชายที่จับเธอไม่ได้
“อยู่นิ่งๆสิจ้ะน้องสาว” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอามือจับปลายของเธอไว้
“เฮ้ย พวกนายจะทำไรแอ้มน่ะ”
ตั้งตะโกนแล้ววิ่งเข้าไปช่วยแอ้ม เขาต่อยหน้าผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจับข้อมือแอ้มเอาไว้ก่อนที่จะหันไปเตะอีกคนทิ่ยืนอยู่ใกล้ๆ ทำให้แอ้มหลุดกระเด็นไปอีกทาง แต่เพราะจำนวนคนของกลุ่มวัยรุ่นนั้นมากถึง6คนทำให้ตั้งซึ่งมีแค่ตัวคนเดียวนั้นสู้ไม่ได้เพราะเจอหมาหมู่ โดนรุมจนเขาเองสู้ไม่ทัน
“นึกว่าเป็นพระเอกหรือไงวะ” เจ้าผมทรงโทโมฮ๊อคพูดขึ้นหลังจากลูกน้องล๊อคแขนของตั้งได้
พูดจบหมัดหนึ่งลอยเข้าไปโดนหน้าตั้งอย่างจังก่อนที่จะมีอีกหมัดอัดเข้าไปที่ท้องของตั้ง พวกวัยรุ่นเริ่มที่จะรุมกระทืบตั้งจนเขาเองสู้ไม่ไหว ร่างกายที่บอบช้ำไปหมดทำให้สติเริ่มเลือนรางลงจนในที่สุดสติทั้งหมดก็ดับลงไป
“ตั้ง”
แอ้มที่เห็นตั้งสลบไปจึงถลาเข้าไปเขย่าร่างของตั้ง เมื่อเรียกยังไงก็ไม่ได้สติ เธอจึงช้อนนัยน์ตาคู่สวยนั้นมองไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังย่างก้าวเข้ามาเธอด้วยสายตาที่ไม่เหมือนกับตัวเธอ
“ฮ่าๆ นึกว่าแน่” เจ้าผมทรงโทโมฮ๊อคหัวเราะเยาะ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แอ้มเรื่อยๆ “มากับพี่ซะดีๆดีกว่าน่าน้องสาว”
ร่างของแอ้มค่อยๆ ยืนขึ้นด้วยอาการสั่นเทา ดวงตาของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ทำเอาพวกวัยรุ่นที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ถึงกับชะงัก
ระหว่างนั้นเธอวาดมือไปยังอากาศที่ว่างเปล่าข้างหน้า คล้ายกับมีพลังอะไรบางอย่างกำลังพุ่งออกมาจากมือของเธอ ตรงไปยังวัยรุ่นพวกนั้น
“เหวอ!” พวกเขาร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ดีๆมือของเขาก็ค่อยๆกำมือขึ้นมาโดยตัวเองไม่ได้บังคับแม้แต่น้อย
พลั๊ก! พลั๊ก! พลั๊ก!
กำปั้นแต่ละคนค่อยๆเหวี่ยงไปซัดใบหน้าคนข้างๆ
“บะ..บังคับตัวเองไม่ได้เลย” เจ้าผมทรงโทโมฮ๊อคมองมือตัวเองด้วยอาการหวาดกลัวก่อนจะหันมามองที่แอ้มด้วยอาการอย่างเดียวกัน ในขณะที่คนอื่นๆแลกหมัดกันจนลงไปนอนกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“ก..แกเป็นใครกันแน่”
ดวงตาสีฟ้ามองมายังร่างที่กำลังสั่นด้วยอาการหวาดกลัวอยู่ตรงหน้า ก่อนเดินเข้ามาใกล้เจ้าผมทรงโทโมฮ๊อคเรื่อยๆ
“อ...อย่าเข้ามานะ ฉ..ฉันกลัวแล้ว ฉันบอกว่าอย่าเข้ามา”
เธอค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าชายหนุ่มซึ่งบัดนี้ขยับตัวไม่ได้เลยสักนิดเดียว ไม่ใช่เพราะเขากลัวแล้วทำให้เขาขยับไม่ได้ แต่ด้วยพลังอะไรบางอย่างที่ออกมาจากตัวเธอ ความกลัวแล่นเข้ามาในใจเจ้าผมทรงโทโมฮ๊อคสุดขีดก่อนจะตะโกนลั่นเป็นเสียงสุดท้าย
“อย่าเข้ามา!!!”
ติดตามตอนต่อไป.....
ข อ บ คุ ณ ล่ ว ง ห น้ า ค รั บ ผ ม
ความคิดเห็น